แชร์

บทที่ 622

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
“เจ้าคิดว่าให้พวกเขาใช้ไปเสียเลยก็มิใช่เรื่องใหญ่ใช่หรือไม่?" ใบหน้ากู้ชิงซิวเรียบเฉย “เจ้าช่างใจกว้างในทรัพย์สินของผู้อื่นเสียเหลือเกิน!"

กู้ชิงเจ๋อเปิดปาก ทว่ากลับไม่รู้จะพูดสิ่งใด

หลิ่วหรูเยียนขยิบตาให้ซ่งรั่วเจินและคนอื่นๆ แม้จะกล่าวได้ว่าบัดนี้ได้นับญาติกันแล้ว แต่บุญคุณความแค้นของสกุลกู้นั้น พวกเขาไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว อย่างไรก็รีบกลับไปก่อนเป็นการดี

เห็นมารดาขึ้นรถม้าไปแล้ว ซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นว่าไม่ไกลออกไปมีเงาคุ้นตาร่างหนึ่งอยู่ ก็เข้าใจทันทีว่าก่อนหน้านี้ตนไม่ได้ตาฝาดไป ฉู่จวินถิงยังไม่ได้กลับไปจริงๆ

“พี่รอง พวกท่านกลับไปกับท่านแม่ก่อนเถิด ไว้ข้าค่อยตามไป” ซ่งรั่วเจินกล่าว

ซ่งอี้อันมองตามสายตาของซ่งรั่วเจินไป เห็นฉู่อ๋องอยู่ไม่ไกลก็เข้าใจในทันที

“ได้”

ซ่งรั่วเจินวิ่งเหยาะๆ ไปอยู่ตรงหน้าของฉู่จวินถิง ใบหน้าเล็กหมดจดงดงามของนางแฝงความประหลาดใจ

“ท่านอ๋องมาที่นี่ได้อย่างไรเพคะ?”

“เป็นห่วงเจ้า” ฉู่จวินถิงตอบ

ดวงตาของชายหนุ่มคมลึก ใบหน้าน่ามองภายใต้แสงอาทิตย์อบอุ่นมากเป็นพิเศษ ถ้อยคำนี้ยิ่งแสดงออกถึงความห่วงใยอย่างไม่ปิดบัง

ซ่งรั่วเจินชะงักไปเล็กน้อย นางรู้ว่าที่คราว
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
หยง หยง
เห็นด้วยเลยคับ
goodnovel comment avatar
Ma-ei Kwanwatcharapun
ชอบ พอ. ในสายตามีแต่ นอ. คนเดียว...... ส่วน นอ. ทั้งฉลาด ทั้งเก่งจ้า ชอบๆ...... รบกวนไรท์อัพจนจบจริงๆน้า อย่าเทกันเหมือนเรื่องอื่นนะค้า......
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 623

    รุ่งเช้าวันถัดมาลั่วชิงอินยกน้ำชาคำนับแม่สามี ใบหน้างามประดับด้วยความเขินอาย กล่าวด้วยเสียงอ่อนน้อม “ขอท่านแม่โปรดรับชาเจ้าค่ะ”หลิ่วหรูเยียนมองดูซ่งเยี่ยนโจวคู่สามีภรรยาที่กลมเกลียวกัน บนใบหน้าก็ผุดรอยยิ้มอย่างยากจะปิดบัง นางยกชาขึ้นดื่มด้วยรอยยิ้มระรื่น“ดี ดียิ่ง ต่อไปพวกเจ้าต้องอยู่กันให้ปรองดอง สามีภรรยาจับมือร่วมทาง ข้าก็วางใจแล้ว”“สะใภ้ขอบคุณท่านแม่สามีที่ชี้แนะเจ้าค่ะ” ลั่วชิงอินตอบรับอย่างเชื่อฟังซ่งรั่วเจินและพี่น้องทั้งหลายที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อเห็นภาพพี่ใหญ่และพี่สะใภ้หวานชื่นรื่นรมย์ ก็อดลอบขำไม่ได้ ท่าทีหวานซึ้งเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวของฝานซืออิ๋งไม่ได้มีผลกระทบใดๆ “ท่านแม่ ลูกได้ยินมาว่าหลังจากส่งแขกเมื่อคืน พวกท่านก็ออกไปข้างนอกด้วย มีเรื่องใดเกิดขึ้นงั้นหรือ?”ซ่งเยี่ยนโจวเพิ่งทราบข่าวเมื่อเช้าวันนี้เอง รู้เพียงว่าคนในครอบครัวไปสกุลกู้กันมา แต่กลับไม่รู้รายละเอียดใดใบหน้าของหลิ่วหรูเยียนฉายความกังวลอยู่บ้าง คราวนี้นางก็ไม่ได้ปิดบังอะไร และเล่าความเป็นมาทุกอย่างออกไป“น้องรองของเจ้าไปเข้าเฝ้าแล้ว มีแต่ต้องรอให้เขากลับมาก่อนจึงจะรู้ผล”วันวิวาห์ขอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 624

    จ้าวจือเต๋อก็เห็นพ้องกัน “ฝ่าบาท เรื่องนี้ล้วนเป็นกลอุบายที่สกุลหลิ่วเป็นผู้วาง ราชครูกู้เป็นผู้บริสุทธิ์จริง อีกทั้งบุตรสาวราชครูกู้ก็ยังเป็นฮูหยินของแม่ทัพซ่ง หลายปีมานี้ทนทุกข์ในสกุลหลิ่วมาก็ไม่น้อย ไม่ง่ายเลยจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”เดิมทีกู้หวยซวี่ก็เป็นขุนนางผู้เป็นเสาหลัก ฮ่องเต้เดิมก็ไม่ได้ต้องการให้เขาลาออก ถ้อยคำของฉู่จวินถิงก็ตรงพระทัยเข้าพอดี จึงกล่าว“ราชครูกู้ เราว่าข้อเสนอของฉู่อ๋องนั้นดีทีเดียว บัดนี้อุทกภัยในเจียงหนานรุนแรง ประชาชนพลัดถิ่นไร้ที่อาศัย”“เงินบรรเทาภัยพิบัติได้ส่งไปแล้ว ทว่าปัญหาของผู้ประสบภัยยังไม่บรรเทา กลับกันผู้ลี้ภัยยิ่งเพิ่มมากขึ้น ครานี้ให้เจ้าและฉู่อ๋องเร่งรุดไปจัดการอุทกภัยที่เจียงหนานด้วยกันก็แล้วกัน” กู้หวยซวี่รู้ดีว่าฉู่จวินถิงกำลังช่วยเขา จึงรีบกล่าว “ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยท่านอ๋องที่เมตตาพ่ะย่ะค่ะ”จ้าวจือเต๋อที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พลอยโล่งใจไปด้วยเปลาะหนึ่ง ก่อนเอ่ยถาม “ฝ่าบาท เช่นนั้นตระกูลใต้เท้าหลิ่วจะจัดการเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?” “ปลดตำแหน่งขุนนางเขาเสีย!” ฮ่องเต้กล่าวเสียงแข็ง “ส่วนกู้อวิ๋นเวย ประหารชีวิต!”“กระหม่อมรับบัญชา”ได้รับผลลัพธ์เช

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 625

    เมื่อฉู่จวินถิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในท้องพระโรงและห้องทรงพระอักษรในวันนี้ออกมาแล้ว คนสกุลซ่งก็ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก“สร้างคุณูปการชดเชยความผิด ถือว่าไร้ปัญหา สกุลหลิ่วและกู้อวิ๋นเวยล้วนได้รับบทลงโทษ นับว่าเยี่ยมทีเดียว” ซ่งเยี่ยนโจวยิ้มพลางกล่าวทุกคนพยักหน้าตามๆ กัน นึกถึงท่าทางยามปกติของคนสกุลหลิ่ว โดยเฉพาะนายท่านหลิ่วที่หมกมุ่นอยู่กับตำแหน่งขุนนาง ทว่าน่าเสียดายที่ตนเองความสามารถไม่พอ หลายปีมานี้จึงไม่เคยได้เลื่อนตำแหน่งเมื่อครั้งซ่งหลินยังอยู่ นายท่านหลิ่วก็มักจะขอให้เขาช่วยเหลือ ซ่งหลินก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ ทว่าช่วยไม่ได้ที่นายท่านหลิ่วเดิมก็ขุนไม่ขึ้นอยู่แล้ว ลำพังรักษาตำแหน่งเดิมเอาไว้ก็ไม่ง่ายแล้วบัดนี้ถูกปลดจากตำแหน่งขุนนาง ทั้งยังไม่มีความช่วยเหลือจากสกุลซ่งอีกแล้ว อนาคตของสกุลหลิ่วก็เดาได้ไม่ยากแล้วนึกถึงสิ่งที่สกุลหลิ่วกระทำตลอดหลายปีมานี้ มีจุดจบระดับนี้เดิมทีก็เพราะหาเรื่องใส่ตัว ส่วนกู้อวิ๋นเวยที่กล้าขโมยป้ายทองละเว้นโทษตาย แต่เดิมก็เป็นหนทางตายอยู่แล้ว“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่แจ้งข่าวนี้แก่พวกเราเพคะ”สีหน้าหลิ่วหรูเยียนประดับยิ้ม แม้ฉู่จวินถิงจะไม่ไ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 626

    นางรออยู่ทั้งวัน ก็ไม่เห็นสามีของนางมาช่วยนางเดิมสามีก็เบื่อหน่ายนางเต็มทีอยู่แล้ว แต่เพราะเห็นว่านางมีสกุลหลิ่วกับสกุลซ่งหนุนหลัง จึงครองตำแหน่งซุนฮูหยินอย่างมั่นคงแต่บัดนี้สกุลซ่งสิ้นหวังแล้ว หากสกุลหลิ่วยังจบสิ้นไปอีก แล้วต่อไปนางอยู่บ้านสกุลซุนจะมีความหวังใดหลงเหลือ?นายท่านหลิ่วหน้าตาขมึงทึง ใบหน้าเหี่ยวย่นนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจและโกรธแค้น ยิ่งได้ฟังคำพูดจากหลิ่วเฟยเยี่ยน พลันยิ่งบันดาลโทสะมากขึ้นอีก“เพียะ!”นายท่านหลิ่วฟาดฝ่ามือออกไป“ล้วนเป็นเพราะความคิดโง่ๆ ของเจ้า! ถ้าเมื่อวานไม่ไปอาละวาดที่บ้านสกุลซ่ง วันนี้คงไม่เกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ เจ้าพอใจแล้วสินะ?”หลิ่วเฟยเยี่ยนถูกตบจนเกือบหน้ามืด กล่าวด้วยความน้อยใจ “จะมาโทษข้าได้อย่างไรเจ้าคะ เป็นเพราะพี่หญิงมาหาข้า สั่งให้ข้าทำเช่นนี้ต่างหาก”นายหญิงหลิ่วนึกถึงกู้อวิ๋นเวยขึ้นมา จึงรีบกล่าว “ใช่แล้ว ยังมีอวิ๋นเวยอีกคน!แม้ว่าสกุลกู้กับอวิ๋นเวยจะตัดความสัมพันธ์มานานปี แต่หลายปีนี้หากอวิ๋นเวยเกิดเรื่องใด สกุลกู้ก็ไม่เคยนิ่งดูดายแม้ตอนนี้พวกเขาต่างก็รู้ว่าอวิ๋นเฟยไม่ใช่สายเลือดที่แท้จริง แต่ความผูกพันมานานปีใช่ว่าจะขาดกั

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 627

    “บ้าจริง เมื่อไหร่จะยอมปล่อยข้าออกไปเสียที!”หลิ่วอวิ๋นเวยเอาเท้าเตะซี่กรงห้องขัง รู้สึกเพียงปลายเท้าตนเองเจ็บจี๊ดขึ้นมาจึงรีบกุมไว้ รู้สึกเจ็บจนพูดไม่ออกครั้นเมื่อนายท่านหลิ่วกับพวกมาถึงและเห็นเหตุการณ์นี้เข้า เดิมทีที่ยังคาดหวังให้หลิ่วอวิ๋นเวยจะช่วยเหลือให้พวกเขาพ้นภัย ที่ไหนได้สภาพของนางย่ำแย่กว่าพวกเขาเสียอีก“อวิ๋นเวย อยู่ดีๆ เจ้าไปขโมยป้ายทองละเว้นโทษตายทำไมกัน เพื่อจะช่วยพวกเราอย่างนั้นรึ?”นายท่านหลิ่วสีหน้ามึนงง คิดไปคิดมาเหตุผลนี้น่าจะพอฟังขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวต่อ “ทำไมเจ้าจึงโง่เช่นนี้ ที่เราได้รับเพียงแค่โทษเล็กน้อย ไม่ต้องใช้ถึงป้ายทองหรอกตอนนี้เจ้ากลับเอาตัวเข้าแลกเพียงเพราะเรื่องนี้ ช่างโง่เขลายิ่งนัก!”หลิ่วอวิ๋นเวยเห็นคนสกุลหลิ่วต่างมากันพร้อมหน้า พลันนึกถึงคำพูดราชครูกู้เมื่อวานนี้ จึงกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “พวกท่านเปิดโปงชาติกำเนิดของข้าใช่หรือไม่?เดิมทีข้าขโมยป้ายทองก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เพราะพวกท่าน เอาชาติกำเนิดของข้าไปเที่ยวโพนทะนา พ่อข้าจึงได้ใจร้ายเช่นนี้”คนสกุลหลิ่วฟังแล้วก็รู้สึกเสียใจ ซ้ำยังรู้สึกผิดต่อนาง“อวิ๋นเวย ฟังเจ้าแม่พูดนะ ข้อ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 628

    ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้น “ได้ ข้าจะไปกับเจ้า”เมื่อมองชายหนุ่มข้างกาย ซ่งรั่วเจินก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองเดินไปตามถนนเมืองหลวงด้วยกัน“หญิงสาวยังชอบเครื่องประดับที่สุดอยู่ดี พวกเราไปดูร้านเครื่องประดับกันดีหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินคิ้วตาอมยิ้ม โดยรวมสิ่งของพื้นฐานที่หญิงสาวชอบก็ไม่ต่างกันมาก ของประเภทเครื่องประดับมีเยอะเท่าไรก็ไม่พอฉู่จวินถิงเห็นว่ายามที่ตนเองเอื้อนเอ่ย นัยน์ตาใสฉ่ำก็โค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว คล้ายกับพูดคุยได้ เขาจ้องนางด้วยท่าทางสนอกสนใจ รู้สึกเพียงว่าคล้ายกับถูกมอมเมาไม่ว่านางจะพูดอะไร เขาก็อยากบอกว่าดีอวิ๋นหยางมองท่านอ๋องของตัวเองที่ปกติมีนิสัยเยือกเย็นอยู่เสมอ บัดนี้ประเดี๋ยวก็เอาแต่ยิ้ม ในใจก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ“หลังจากที่ท่านอ๋องได้พบคุณหนูซ่ง ก็ไม่เหมือนเดิมโดยสิ้นเชิง”เฉินเซียงยิ้มด้วยใบหน้ายินดี แล้วอดไม่ได้ที่จะพูด “เจ้าก็คิดว่าท่านอ๋องกับคุณหนูของพวกข้าเหมาะสมกันใช่หรือไม่?”อวิ๋นหยางปรายตามองเฉินเซียง พร้อมพยักหน้า “เหมาะสมจริงๆ!”ทั้งสองเดินอยู่ด้านหลังอย่างรู้ใจกัน เว้นระยะห่างจากเจ้านายตัวเองเล็กน้อย มองดูคู่กิ่งทองใบหยกตรงหน้า ในใจรู้สึก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 629

    เมื่อได้ปิ่นมุกมา ซ่งรั่วเจินก็เหลือบมองฉู่จวินถิง “พวกเราไปที่ร้านลั่วเสินอีกดีหรือไม่เพคะ? หม่อมฉันอยากสั่งทำชุดกระโปรงชุดหนึ่งให้องค์หญิงหก เข้าคู่กับปิ่นมุกพอดี”“เจ้าอยากไปไหนล้วนได้ทั้งหมด” ฉู่จวินถิงอมยิ้ม “หากมู่เหยารู้ว่าเจ้าใส่ใจกับวันเกิดของนางเช่นนี้ จะต้องดีใจมากเป็นแน่”ซ่งรั่วเจินเดินออกไปด้านนอก สายตาก็มองไปที่ชั้นวางที่วางผ้าคาดผมสีแดงก่อนหน้านี้โดยไม่รู้ตัว แต่กลับพบว่าผ้าคาดผมที่เคยวางอยู่ตรงนั้นได้หายไปแล้วนัยน์ตาใสฉายแววผิดหวัง เมื่อครู่นางยังคิดอยู่ว่าผ้าคาดผมนี่สวยมากอยู่เลย มิฉะนั้นคงจะซื้อไปด้วยกันแล้วนึกไม่ถึงว่าเวลาเพียงชั่วครู่ ผ้าคาดผมจะถูกคนซื้อไปแล้วร้านลั่วเสินนี่เป็นร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ซ่งรั่วเจินเปิดก่อนหน้านี้ไม่นานไม่เหมือนกับร้านเสื้อผ้าร้านอื่น ร้านลั่วเสินจะขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปทั้งหมดเป็นหลักนางคิดว่าอาภรณ์ของยุคโบราณนั้นงดงาม แม้รูปแบบจะซับซ้อน แต่กลับงดงามอย่างประณีต ทว่าด้านจับคู่สีดูขาดหายไปเล็กน้อย จิตวิญญาณก็ขาดไปสักหน่อยเช่นกันด้วยเหตุนี้ นางจึงออกแบบรูปแบบบางอย่าง จ้างช่างปักฝีมือดีกลับมาส่วนหนึ่ง เพิ่งจะเริ่มทำเสื้อผ้า

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 630

    งานเลี้ยงวันเกิดของฉู่มู่เหยาใกล้จะถึงแล้ว จะต้องรีบจัดเตรียมงานโดยเร็วฉู่จวินถิงเห็นซ่งรั่วเจินภาพวาดเป็นครั้งแรก พบว่าวิธีการวาดภาพของนางไม่เหมือนกับที่เห็นตามปกติทั่วไปแค่นางตวัดปลายพู่กันอย่างสบายเพียงไม่กี่ครั้งก็ปรากฏเรือนร่างอรชรของหญิงสาวได้ กระนั้นยังวาดรายละเอียดอันวิจิตของกระโปรงออกมาได้อีกทุกจุดออกแบบอย่างพิถีพิถัน ทั้งความยาว ความกว้าง แม้กระทั่งวัสดุที่เลือกใช้ก็เขียนไว้ด้านข้างอย่างชัดเจน ทำให้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเสื้อผ้าของลั่วเซินฟางจึงมีเอกลักษณ์มากเมื่อก่อนรู้แค่ว่านางเก่งเรื่องศาสตร์ลี้ลับ และยังรู้จักทำการค้า ร้านที่นางเปิดกิจการก็เป็นไปได้ดี แต่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วนางยังมีพรสวรรค์เพียงนี้หญิงสาวเช่นนี้...เมื่อก่อนในเมืองหลวงต้องได้รับฉายาว่าเป็นกุลสตรีตระกูลใหญ่เท่านั้น ช่างเป็นสตรีที่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากเสียจริงหวนนึกถึงชาติที่แล้วเห็นเพียงแค่ซ่งรั่วเจินผู้เศร้าโศก ต่างจากคนตรงหน้านี้...อุปนิสัยช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงซ่งรั่วเจินเลือกผ้าด้วยตนเอง และหารือกับช่างเย็บปักเกี่ยวกับแบบลวดลายปัก แล้วจึงเดินไปด้านหน้าฉู่จวินถิงชายหนุ่มยืนรอนางอยู่ต

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 666

    ผู้ดูแลเผยสีหน้าเอือมระอา ทุกวันเพียงแค่เงินแจกจ่ายโจ๊กก็ใช้จ่ายไปไม่น้อย ครั้นเปลี่ยนเป็นแจกจ่ายซาลาเปาเนื้อราคาก็ชวนให้คนตกตะลึง อีกเดี๋ยวจะต้องไปคลังขอเบิกเงินอีกแล้ว...ซ่งจิ่งเซินและซ่งจืออวี้มองบรรยากาศครึกครื้นที่ประตูเมืองทิศทักษิณแห่งนั้น เอ่ยออกมาอย่างสลดใจ “ความยิ่งใหญ่เช่นนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นมาก่อน สกุลถังเงินหนาไม่ผิดไปดังคาด!”“น้องสี่ อัครมหาเสนาบดียอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ เหตุใดกับเรื่องนี้ถึงได้โง่งมนัก ปล่อยให้ถังเสวี่ยหนิงทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้?”ซ่งจืออวี้เผยสีหน้าสงสัย คนไม่เคยสัมผัสมาก่อนอาจไม่เข้าใจ แต่อัครมหาเสนาบดีไม่มีทางไม่รู้ผลลัพธ์ที่ตามมาของการกระทำนี้ซ่งจิ่งเซินหัวเราะเบาๆ “ได้ยินมาว่าเมื่อคืนดื่มสุราจนเมามาย น่ากลัวว่าจะยังไม่รู้เรื่องนี้”“หากรู้เข้า จะต้องไม่ปล่อยให้นางทำเรื่องเหลวไหลแน่ แต่เรื่องนี้ชุลมุนวุ่นวายใหญ่โตถึงเพียงนี้ ต่อให้หลังผ่านวันนี้ไปจะห้ามเอาไว้ น่ากลัวว่าไม่ทันการณ์แล้ว”“ฉวยโอกาสในครั้งนี้ พวกเราเองก็หาเงินได้มาก อย่างไรเสียจวนถังก็ไม่ขาดเงินอยู่แล้ว”“สกุลถังแจกจ่ายโจ๊ก พวกเราหาเงินได้อย่างไร?” ซ่งจืออวี้ตกตะลึงซ่งจิ่งเซิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 665

    ฉู่จวินถิงมองเสื้อผ้าในมือตน นัยน์ตาดำขลับเผยแววตกตะลึงดีใจ ดุจพลุสว่างไสวบนท้องฟ้ายามราตรี แม้แต่เส้นเสียงก็สูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว“นี่มอบให้ข้าหรือ?”ซ่งรั่วเจินสบมองสายตาเร่าร้อนของฝ่ายชาย พยักหน้าลงอย่างประหม่าสวรรค์โปรด!สายตาเช่นนั้นใครจะทนไหวบ้างเล่า?“หม่อมฉันเตรียมไว้ให้องค์หญิงอีกหนึ่งชุดด้วย ย่อมมิอาจลำเอียงเลือกที่รักมักที่ชังได้หรอกกระมัง!”ฉู่จวินถิงได้ยินถ้อยคำของฝ่ายหญิง เขาหัวเราะเบาๆ ลูกกระเดือกกลิ้งขึ้นลง มุมปากยกน้อยๆ ดวงตาทั้งดำทั้งลุ่มลึกคล้ายประดับดวงดาวนับไม่ถ้วนเขาเข้าใจ เสื้อผ้าชุดนี้ไม่เหมือนคนอื่นนี่เป็นนางเย็บด้วยมือตนเอง“ฝีมือเย็บปักของหม่อมฉันมิอาจเทียบช่างเย็บปักได้ ทำรูปแบบซับซ้อนมากเกินไปไม่เป็น ดังนั้นจึงค่อนข้างเรียบง่าย...”ซ่งรั่วเจินพูดอธิบายหนึ่งประโยค อันที่จริงทางด้านนี้นางก็นับว่ามีพรสวรรค์ เย็บปักธรรมดาไม่มีปัญหาอะไร แต่พูดถึงระดับการเย็บปักของช่างเย็บปักของเมืองหลวงไปจนถึงช่างเย็บปักของวังหลวง นั่นยังห่างชั้นกันมากจากนั้น นางยังพูดไม่จบก็ถูกฉู่จวินถิงเอ่ยขัดแล้ว“ไม่หรอก”“ข้าชอบมาก”ฉู่จวินถิงมองเสื้อผ้าในมือ คล้ายกำลังมองสม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 664

    “เมื่อวานคุณหนูตกอยู่ในอันตราย ข้าไม่สามารถช่วยได้ก็ช่างเถอะ ยังต้องให้คุณหนูปกป้องข้าอีกด้วย หากข้าเองก็เป็นวิชายุทธ ภายภาคหน้าก็สามารถปกป้องคุณหนูดีๆ ได้แล้ว”“ท่านอ๋องมิใช่เลือกสาวใช้เป็นวิชายุทธสองคนมอบให้คุณหนูซ่งแล้วหรือ?”“ไป๋จื่อและชิงเถิงวิชายุทธแข็งแกร่งอย่างมาก เป็นท่านอ๋องคัดเลือกด้วยตนเองอย่างใส่ใจ เหตุใดเจ้าต้องเรียนวิชายุทธด้วยเล่า?”อวิ๋นหยางมองเฉินเซียงแวบหนึ่ง พูดว่า “เรียนวิชายุทธต้องเริ่มตั้งแต่เล็ก ตอนนี้เจ้าเพิ่งเริ่ม น่ากลัวว่าช้าไปบ้าง ไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”เฉินเซียงที่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความเสียใจได้ยินถ้อยคำนี้ก็ชะงักไป จากนั้นเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงระคนดีใจ “เจ้าพูดว่าสาวใช้สองคนนั้นเป็นท่านอ๋องส่งมาหรือ?”“ใช่แล้ว” อวิ๋นหยางพยักหน้า“ข้าไม่เป็นไรแล้ว” เฉินเซียงหัวเราะตบหน้าอก ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ใบหน้าเรียวเล็กเบิกบานขึ้นมา “ท่านอ๋องดีต่อคุณหนูเหลือเกิน!”อวิ๋นหยาง “???”ซ่งรั่วเจินมองมื้อเช้าตรงหน้า ทั้งหมดล้วนเป็นรสชาติที่นางชอบ ลอบตกตะลึงภายในใจ ฉู่จวินถิงรู้ความชอบของนางถึงเพียงนี้เชียว!“เป็นอันใด? ไม่ถูกปากหรือ?” ฉู่จวินถิงเห็นซ่งรั่วเจิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 663

    เมื่อมองใบหน้าเรียวเล็กงดงามมีเสน่ห์ของสตรีตรงหน้า ฉู่จวินถิงยกมุมปากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เอ่ยถาม “ข้างกายเจ้ามีสาวใช้คอยปรนนิบัติเพียงคนเดียวหรือ?”“เดิมทีมีสองคน แต่หนึ่งในนั้น ตอนนั้นท่านเองก็เห็นแล้วมิใช่หรือ?”คิ้วเรียวยาวดุจกิ่งหลิวของซ่งรั่วเจินยกขึ้นน้อยๆ นึกถึงเมื่อแรกที่ได้รู้จักกับฉู่จวินถิงเป็นครั้งแรก ก็คือตอนไปคิดบัญชีสกุลหลิ่วฉู่จวินถิงจึงนึกขึ้นได้ “ที่ถูกฉินซวงซวงซื้อตัวไปคนนั้นน่ะหรือ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า รู้สึกแปลกอยู่บ้าง “เหตุใดวันนี้ท่านสนใจสาวใช้ของหม่อมฉันนัก?”“เมื่อวานพวกเขาทำไม่สำเร็จ เชื่อว่าไม่มีวันยอมเลิกรา ข้าเองก็ไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนเจ้าทุกเวลาได้”“หลายวันนี้ยังต้องไปจัดการอุทกภัย ไม่วางใจเจ้า ดังนั้นจึงเลือกสาวใช้ฝีมือไม่เลวสองคนมามอบให้เจ้า เจ้าดูว่าเป็นเช่นไร?” ฉู่จวินถิงพูดเห็นฝ่ายชายพูดว่าไม่วางใจนางอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ดวงตาซ่งรั่วเจินกลิ้งกลอก กลับดีใจอยู่บ้างภายในใจ“จวนฉู่อ๋องยังมีสาวใช้เชี่ยวชาญวิชายุทธด้วยหรือ?”“ส่วนมากเป็นชาย แต่ก็มีองครักษ์หญิงบางส่วน อิงตามฐานะของเจ้า พวกนางย่อมเหมาะสมมาก”“ปกติปลอมตัวเป็นสาวใช้ ยามตกอยู่ในอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 662

    “เฉินเซียง เมื่อคืนมิใช่บอกให้เจ้าพักผ่อนดีๆ หรือ เหตุใดมาเช้าถึงเพียงนี้เล่า?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างกังวลนางไม่ใช่คนไม่เคยเห็นเลือดมาก่อน สถานการณ์เมื่อวานกลับไม่ส่งผลกระทบต่อนาง แต่สำหรับเฉินเซียงแล้ว ได้รับความตกใจไม่น้อย“คุณหนู บ่าวไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เมื่อวานท่านยอดเยี่ยมยิ่งนัก หากไม่ใช่คุณหนู บ่าวก็คงไม่มีชีวิตรอดแล้ว” ดวงตาเฉินเซียงทอประกายระยับ ใบหน้าเปี่ยมความเลื่อมใสซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ “เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”“คุณหนู วันนี้เช้าท่านอ๋องก็มาแล้ว ยังตั้งใจนำมื้อเช้าที่ท่านชอบมาอีกด้วยเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินเพิ่งดื่มน้ำก็ได้ยิน เกือบพ่นน้ำชาในปากออกมา “เขามาตั้งแต่เช้าทำอันใด?”“ท่านอ๋องอาจไม่วางใจอาการบาดเจ็บของคุณหนู ตั้งใจนำยาทารักษาอาการข้อเท้าแพลงมาเป็นพิเศษ บ่าววางไว้ที่ข้างเตียงเจ้าค่ะ” เฉินเซียงพูดซ่งรั่วเจินหันมองทางที่เฉินเซียงชี้ ได้เห็นขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวงดงามประณีตขวดหนึ่งไม่ผิดไปดังคาด ดวงตาทอประกายหลายส่วน เอ่ยถาม “เช่นนั้นตอนนี้เขากำลังทำอันใด?”“ตอนนี้คุณชายใหญ่และคุณชายรองกำลังดื่มชากับท่านอ๋องเจ้าค่ะ ในเมื่อคุณหนูตื่นแล้ว บ่าวปรนนิบัติคุณหนูอาบน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 661

    เมื่อได้ยินว่าข้อเท้าแพลง หลิ่วหรูเยียนถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง มองทางฉู่จวินถิงด้วยแววตาอ่อนโยนเป็นพิเศษ“ท่านอ๋อง ก็แค่ข้อเท้าแพลงเพราะไม่ทันระวัง นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เจินเอ๋อร์พักผ่อนสองวันก็ดีขึ้นแล้ว ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”สี่พี่น้องสกุลซ่งล้วนพยักหน้า เห็นฉู่จวินถิงเอ่ยขอโทษอย่างจริงใจถึงเพียงนี้ พวกเขายังคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่อันใดเสียอีก บัดนี้ได้รู้ว่าบาดเจ็บข้อเท้าแพลง นี่จึงวางใจลงแล้วทว่าท่านอ๋องให้ความสำคัญต่อรั่วเจินไม่ธรรมดา หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ยังไม่ต้องพูดว่าข้อเท้าแพลงเลย ต่อให้ตายตรงหน้าท่านอ๋องก็ไม่ชายตาแลเลยสักครั้ง“ท่านอ๋อง หม่อมฉันกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว ท่านเองก็รีบกลับไปพักผ่อนเถิดเพคะ” ซ่งรั่วเจินพูดยิ้มๆฉู่จวินถิงพยักหน้า “เช่นนั้นข้ากลับก่อน ขอลา”“ท่านอ๋องกลับดีๆ นะเพคะ”คนสกุลซ่งยืนอยู่ที่เดิมส่งรถม้าจากไป จากนั้นจึงได้เห็นเฉินเซียงที่ยืนอยู่ข้างหลังรถม้าตอนพวกเขาได้เห็นเลือดบนตัวเฉินเซียง แต่ละคนล้วนเบิกตากว้าง “นี่...นี่คือเลือดหรือ?”เฉินเซียงเดินเข้ามาท่ามกลางสายตาของทุกคน มองคุณหนูบ้านตนอย่างเอือมระอา หากนางพูดว่าไม่ใช่ น่าจะไม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 660

    อิงตามการหยั่งเดา ก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรสายตาฉู่จวินถิงเคร่งขรึม “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง”......สกุลซ่ง“ป่านนี้แล้วเจินเอ๋อร์ก็ยังไม่กลับมาอีกหรือ?”หลิ่วหรูเยียนเห็นซ่งรั่วเจินยังไม่กลับมา กังวลใจอย่างอดไม่ได้“ท่านแม่ วันนี้ฉู่อ๋องรับน้องหญิงห้าไป ข้าเองก็ไม่ได้ยินข่าวว่านางเข้าวัง น่าจะไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรอกกระมัง?” ซ่งจืออวี้เอ่ยขึ้นซ่งจิ่งเซินขมวดคิ้ว “แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องรู้ขอบเขตยิ่งนัก อิงตามหลักการแล้ว ไม่น่าพาน้องหญิงห้ากลับมาส่งดึกดื่นถึงเพียงนี้”“ข้าได้ยินผู้ดูแลแจกจ่ายโจ๊กกลับมาก็รายงานว่าวันนี้น้องหญิงห้าออกจากเมือง ตอนอยู่นอกเมืองยังได้พบกับถังเสวี่ยหนิงอีกด้วย จึงให้คนแจกจ่ายโจ๊กทางเมืองเฉิงหนานเก็บแผง”“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” หลิ่วหรูเยียนแปลกใจ“เรื่องเก็บแผงนี้น้องหญิงทำถูกแล้ว แม่นางสกุลถังคนนั้นน่ากลัวว่าสมองมีปัญหา ปกติได้พบผู้ลี้ภัย แต่ไหนแต่ไรมาพวกเราล้วนแจกจ่ายโจ๊ก”“ประการแรกป้องกันมิให้ราษฎร์แอบอ้างรับของ ประการที่สองแม้ว่าไม่ดีมากมายอันใด แต่ก็ไม่ทำให้ราษฎร์อดตาย ทว่าถังเสวี่ยหนิงคนนั้นถึงขั้นซื้อซาลาเปาเนื้อจำนวนห

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 659

    บนรถม้าซ่งรั่วเจินมองข้อเท้าที่แพลงไปของตน ถอนหายใจอย่างสุดระงับ เป็นคุณหนูสูงศักดิ์นานมากแล้ว ใช้ยันต์เร่งความเร็วถึงขั้นยังสามารถข้อเท้าแพลงได้ไม่ใช่น่าขายหน้าธรรมดา!เดิมทีอยากใช้เข็มเงินรักษาตนเองดูสักรอบ จู่ๆ ก็คิดได้ว่าเข็มเงินล้วนถูกโยนทิ้งไปแล้วดูท่าแล้ว ภายภาคหน้าต้องพกเข็มเงินสองสามชุดติดตัวไว้ เตรียมไว้ใช้ยามจำเป็น“เจ็บมากหรือไม่?”ฉู่จวินถิงเห็นซ่งรั่วเจินก้มหน้ามองขาของตน คิ้วดุจกิ่งหลิวขมวดน้อยๆ มองสีหน้านางได้ไม่ชัดนัก กลับได้ยินเสียงถอนหายใจนั้นลูกกระเดือกเขากลิ้งขึ้น อ้าปากแต่ก็หุบลง ครู่ต่อมาขยับเข้าใกล้เล็กน้อย ภายในสายตาดำลุ่มลึกเปี่ยมความห่วงใยภายในสมองปรากฏภาพนางถูกมือสังหารล้อมไว้ไม่หยุด โลหิตสีแดงบนใบหน้าขาวนวล ชุดกระโปรงสีพื้นของนางทำให้มองดูแล้วอ่อนแออย่างมาก หัวใจของเขาคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นข้างหนึ่งบีบไว้โชคดีเหลือเกินที่นางยังปลอดภัยนางยังนั่งอยู่ข้างกายเขาครู่ต่อมาซ่งรั่วเจินเงยหน้าขึ้น ไม่ทันสังเกตว่าฝ่ายชายเข้าใกล้ตนเองถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด เพียงเงยหน้าขึ้น ระยะห่างของทั้งคู่ก็ใกล้แค่เอื้อมแล้วดวงตาชุ่มชื้นคล้ายกวางน้อยสบเข้ากับ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 658

    “ท่านอ๋อง เกรงว่าคนเหล่านี้ของวัดอวิ๋นฉานไม่รู้เรื่องจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าอวิ๋นหยางไม่สบอารมณ์ พวกเขาจับมือสังหารไว้สองสามคน ไต้ซือเทียนจีหนีรอดไปได้แล้วสายตาฉู่จวินถิงหม่นลง พูดว่า “ค้นหาเส้นทางลับของที่นี่ ตามสืบต่อไป”“พ่ะย่ะค่ะ!”......ยามถึงเวลาลงเขา ซ่งรั่วเจินมองขาของตนอย่างเอือมระอา นางไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรจริงๆ ก็แค่หนีโดยไม่ทันระวังจึงข้อเท้าพลิกหลังตนทะลุมิติเข้ามาในนิยายแล้ว บ่าของคุณหนูสูงศักดิ์นางนี้ไม่อาจแหกหาม แขนยกไม่ขึ้น บัดนี้นับว่าพัฒนาขึ้นไม่น้อยแล้ว หากเปลี่ยนเป็นที่ผ่านมา นั่นคืออ่อนแอมิอาจต้องลม“ข้อเท้าพลิกหรือ?”ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นท่าทางการเดินของซ่งรั่วเจินผิดปกติไป เสียงทุ้มต่ำสะท้อนความห่วงใย“หม่อมฉันเดินแล้วรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง แต่ลงเขาต้องเดินไกลถึงเพียงนั้น มิสู้...หาเสลี่ยงไม้ไผ่สองคนหามแบกหม่อมฉันลงเขาดีหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า ใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามือบิดเบี้ยว เจือความจนใจหากระยะทางไม่ไกล นางทนสักครู่ก็ช่างเถอะ ทว่าวัดอวิ๋นฉานอยู่บนเขา หากเดินลงเขาเช่นนี้ต่อไป น่ากลัวว่ากลับไปแล้ว ขาจะต้องพิการแน่สายตาของนางกวาดมองพวกอวิ๋นหยาง ค

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status