เมื่อก่อนในสายตากู้หวยซวี่ ฉินเซี่ยงเหิงเป็นหลานชายที่มีความสามารถ แต่ถูกฉินเจิงกับกู้อวิ๋นเวยเลี้ยงดูจนเสียคนทั้งๆ ที่ควรประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แต่กลับต้องเสียเวลาไปเพราะเรื่องชู้สาว ทั้งยังทำเรื่องน่าอับอายพรรค์นั้น ช่างน่าเสียดายและน่าแค้นใจนักบัดนี้ หลังจากได้รู้ว่าฉินเซี่ยงเหิงไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับตระกูลกู้ของพวกเขาแม้แต่น้อย กระทั่งยังรังแกหลานชายและหลานสาวของเขาอีกก็ไม่มีความเสียดายอีกแล้ว เหลือเพียงความคับแค้นใจเท่านั้นอยากหาตากับลุงก็ควรไปหาคนตระกูลหลิ่วต่างหากเล่า!“เจ้ามาทำไม?” กู้ชิงเหยี่ยนถามด้วยสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่แยแสหลังได้รู้ความจริง เขายิ่งรังเกียจกู้อวิ๋นเวยจนถึงที่สุด จนทำให้แค่เห็นฉินเซี่ยงเหิงก็แค้นใจจนอยากอัดสักยกเป็นการระบายโทสะแทนน้องสาวของตนเองฉินเซี่ยงเหิงสัมผัสได้ถึงความเย็นชาของกู้ชิงเหยี่ยน แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามีอันใดไม่ถูกต้องอย่างไรเสียหลายปีมานี้กู้อวิ๋นเวยก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับตระกูลกู้ ทำให้เขากับซวงซวงรู้เพียงว่ามีญาติตระกูลกู้อยู่ แต่ไปมาหาสู่กันน้อยครั้งยิ่งแต่เขารู้สึกว่าถึงที่สุดแล้วตระกูลกู้เพียงแต่มีปัญหากับมาร
ป้ายทองละเว้นโทษตายนี้เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในจวน ทั้งยังเป็นเกียรติยศของทั้งตระกูลกู้ที่ผ่านมา บิดาดูแลอย่างเข้มงวดกวดขัน ตอนนี้กลับถูกขโมยไปเนี่ยนะ?“ท่านพ่อ นี่ไม่ถูกต้องนะขอรับ หากเป็นเมื่อก่อนที่หลิ่วอวิ๋นเวยยังอยู่ที่บ้านก็แล้วไปเถอะ ตอนนี้นางออกเรือนไปหลายปีแล้ว ในจวนยังเคยมีการปรับปรุงมาก่อน”“พวกเราไม่เคยเปิดโอกาสให้นางได้ไปเรือนพักของพวกท่าน แล้วจะแอบขโมยป้ายทองละเว้นโทษตายไปได้อย่างไร?”กู้ชิงเหยี่ยนสงบสติเยือกเย็นลง เรื่องนี้เพียงใคร่ครวญโดยละเอียดก็สามารถค้นพบว่าปัญหาอยู่ตรงไหน“เรื่องนี้เกรงว่าคงมีคนลอบช่วยเหลือ มิฉะนั้นลำพังนางคนเดียว จะเข้ามาในจวนก็ยังยาก”กู้ชิงซิวมีสีหน้าดำคล้ำ ชั่วขณะนี้ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววรังเกียจเดียดฉันท์ แม้จะไม่ได้กลับไป แต่แค่ฟังก็เดาได้ไม่ยากว่าเป็นใครทั่วทั้งตระกูลกู้ มีเพียงกู้ชิงเจ๋อเท่านั้นครั้นวาจานั้นดังขึ้น คนทั้งหลายบนรถม้าต่างก็เงียบไปพร้อมกับโทสะจากความผิดหวังในตัวกู้ชิงเจ๋อหลายวันนี้ขับไล่กู้ชิงเจ๋อออกไป เดิมคิดว่าเขาจะสามารถทบทวนตัวเอง ใครเลยจะคาดคิดว่าเขาจะทำเรื่องโง่บัดซบเช่นนี้ลงไปได้?ฉินเซี่ยงเหิงได้ยินบทสนทนาของคน
กู้ชิงเจ๋อรู้ว่าวันนี้ทุกคนในจวนไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนตระกูลซ่ง เขาไม่สนใจจึงไม่ได้ไปด้วยแต่ตอนนี้งานเลี้ยงเลิกราแล้ว เรื่องภายในตระกูลกู้ของพวกเขา ตระกูลซ่งมายุ่งอะไรด้วย?ซ่งรั่วเจินมองกู้ชิงเจ๋อที่เดินออกมา ถึงก่อนนี้จะไม่เคยพบกันมาก่อน แต่นางรู้ว่าตระกูลกู้มีพี่น้องผู้ชายสามคน กู้อวิ๋นเวยอยู่อันดับที่สี่คนตรงหน้าค่อนข้างคล้ายคลึงกับพวกกู้ชิงเหยี่ยน คิดว่าคงเป็นลูกคนที่สามของตระกูลกู้...กู้ชิงเจ๋อแต่นางรู้ว่ากู้ชิงเจ๋อค่อนข้างสนิทสนมกับกู้อวิ๋นเวย พูดให้ถูกต้องก็คงเป็นเพราะว่าเขาค่อนข้างโง่จึงกลายเป็นหมากให้กู้อวิ๋นเวยหลอกใช้“เจ้าสาม ข้าถามหน่อยเถอะ เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่ากู้อวิ๋นเวยทำอะไรลงไป?”สายตากู้หวยซวี่จับจ้องกู้ชิงเจ๋อ น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความกดดันแม้ไม่แสดงความเดือดดาล บรรยากาศรอบกายลดต่ำลงจนถึงจุดเยือกแข็งทุกคนกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว พี่น้องตระกูลซ่งเพิ่งจะเคยเห็นท่าทางพิโรธเดือดดาลของราชครูกู้เป็นครั้งแรก อย่างไรเสียตอนอยู่ในจวนตระกูลซ่งก่อนหน้านี้ เขามีสีหน้าอบอุ่นเป็นกันเองตลอดเวลากู้ชิงเจ๋อหัวใจกระตุกวูบ หดคอลงโดยไม่รู้ตัว ไม่มีแก่ใจไปสนว่าคนตระกูลซ่งมาเพราะเหต
ขอแค่เป็นคนล้วนรู้ว่าการกระทำครั้งนี้ของกู้อวิ๋นเวยนั้นผิดมหันต์ กู้ชิงเจ๋อยังลอบให้ความช่วยเหลือ กระทั่งเรื่องแดงออกมาแล้วก็ยังคิดว่าราชครูกู้ทำผิดต่อลูกชายหญิงอย่างพวกตนลุงสามผู้นี้...ยังคงแล้วไปเถอะกู้ชิงซิวทนดูกู้ชิงเจ๋อโง่เขลาเช่นนี้ต่อไปไม่ไหวจริงๆ คนที่ทำผิดคือเขาชัดๆ แต่เขากลับคิดว่าตัวเองเป็นคนโชคร้ายที่สุดในปฐพี“เจ้าถามว่าทำไม? นั่นเพราะเจ้าไม่เคยรู้ว่าตอนนั้นหลิ่วอวิ๋นเวยทำเรื่องเลวร้ายแค่ไหนลงไปน่ะสิ!”“เพราะนางไม่ใช่คนตระกูลกู้ของพวกเราด้วยซ้ำ!”เมื่อวาจานั้นดังขึ้น กู้ชิงเจ๋อก็นิ่งอึ้งอยู่กับที่ “หมายความว่าอย่างไร?”“หรูเยียนต่างหากที่เป็นสายเลือดตระกูลกู้ของพวกเรา กู้อวิ๋นเวยเป็นคนตระกูลหลิ่ว ตอนนั้นฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วจงใจสลับตัวเด็กเพราะลอบคิดร้ายต่อพวกเรา”“หลายปีมานี้ พวกเราเลี้ยงดูทะนุถนอมกู้อวิ๋นเวยอย่างดี เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลายปีนี้ตระกูลหลิ่วรังแกทารุณน้องสาวแท้ๆ ของพวกเราอย่างไรบ้าง!”“นางไม่เคยปฏิบัติกับพวกเราอย่างจริงใจ แต่หลอกใช้พวกเรามาโดยตลอด กระทั่งยังไปนับญาติกับตระกูลหลิ่วนานแล้ว หลังจากนั้นยังหันมาเรียกร้องจากพวกเรา เรียกร้องจากน้องสาวอย่างกำเร
ซ่งอี้อันจ้องมองฉินเซี่ยงเหิงอย่างเย็นชา หลังจากวันประกาศผลการสอบ พวกเขาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยบัดนี้ได้เจอหน้ากันอีกครั้ง มิตรภาพในฐานะสหายร่วมสำนักสูญสลายไปหมดแล้ว กลายเป็นคู่แค้นโดยสมบูรณ์“เดิมนั้นฉินซวงซวงถูกคุมขังที่ศาลาว่าการซุ่นเทียน แต่สองวันก่อนเริ่มการเนรเทศไปแล้ว”“นางกำลังตั้งครรภ์ ตามธรรมเนียมปฏิบัติจะยังไม่ตรงไปยังถิ่นทุรกันดารในทันที แต่รอจนคลอดเด็กก่อนค่อยไป”หลังรู้ว่าฉินซวงซวงตั้งครรภ์ ซ่งอี้อันก็เจาะจงสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตัวหายนะเช่นนี้เก็บไว้ก็มีแต่ปัญหา ทว่าธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับสตรีมีครรภ์ล้วนทำเช่นนี้ คงได้แต่พูดว่าฉินซวงซวงโชคดี“ค่ายเหนือใต้ออกตกสี่แห่งของเมืองหลวงล้วนเป็นไปได้ทั้งหมด ในเมื่อวันนี้กู้อวิ๋นเวยขโมยป้ายทองละเว้นโทษตายไปได้แล้วคิดว่าฉินซวงซวงจะต้องยังไม่จากไปแน่ พวกเราไปยังสถานที่สี่แห่งนี้จะต้องหาเจอแน่นอน!”กู้ชิงเหยี่ยนได้ยินคำพูดของซ่งอี้อันแล้วก็ผงกศีรษะน้อยๆ ดวงตาทอแววชื่นชม“สี่ทิศทางแบบนี้ พวกเราได้แต่แยกย้ายกันไปแล้ว” กู้ชิงเหยี่ยนย่นคิ้ว อันที่จริงเรื่องนี้มีคนรู้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี แต่ยามนี้ไม่อาจสนใจยิบย่อยขนาดนั้นแล้วซ่งรั่
เจ้าหน้าที่ไม่เคยเห็นป้ายทองละเว้นโทษตายมาก่อน แต่เขารู้ว่าตระกูลกู้มีป้ายทองละเว้นโทษตาย กู้อวิ๋นเวยยังเป็นคนตระกูลกู้ ดังนั้นป้ายทองนี้เป็นไปได้มากว่าคงเป็นของจริง แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ย่อมต้องรอจนใต้เท้ามาเสียก่อนเมื่อจ้าวจือเต๋อจ้าวเมืองซุ่นเทียนมาถึง พวกกู้หวยซวี่ก็มาถึงพร้อมกันพอดี“ใต้เท้ากู้ ท่านจะใช้ป้ายทองละเว้นโทษตายไยไม่บอกกันก่อนเล่า ดูซิเรื่องนี้วุ่นวายไปหมด...”จ้าวเมืองซุ่นเทียนมีสีหน้าอ่อนใจ น้ำเสียงยังแฝงความไม่พอใจที่ยากจะปิดบังวันนี้ตระกูลซ่งจัดงานมงคล เขาซึ่งเป็นเจ้าเมืองซุ่นเทียนกลับยุ่งจนหัวหมุน เริ่มจากครอบครัวใต้เท้าหลิ่วถูกส่งมายังศาลาว่าการซุ่นเทียน เปิดโปงคดีสลับตัวคุณหนูตัวจริงตัวปลอมที่ฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วแอบสลับตัวเด็กในตอนนั้นเมื่อครู่ยังเป็นฝานซืออิ๋งที่ลักลอบเข้าไปในจวนตระกูลซ่งกลางดึกหมายวางยา แต่กลับถูกคนจับได้คาหนังคาเขาเขายังไม่ทันได้พิจารณาคดี ตระกูลกู้พลันนำป้ายทองละเว้นโทษตายออกมาช่วยคนเสียนี่ฉินซวงซวงผู้นี้เข้าคุกมาไม่ใช่แค่วันสองวันแล้ว ถ้ามีความตั้งใจเช่นนี้จริง หลายวันก่อนก็สามารถมาได้ ไยต้องรอจนถึงยามนี้ด้วยชั่วพริบตาที่กู้หวยซวี
ทว่า เมื่อกู้อวิ๋นเวยกล่าววาจานั้นจบก็มีเสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังมาจากข้างนอก“ใครก็ได้ จับตัวเจ้าโจรขวัญกล้าเทียมฟ้าผู้นี้ ถึงกับกล้าขโมยป้ายทองละเว้นโทษตายเชียวรึ!” จ้าวจือเต๋อตวาดเสียงเข้มความได้ใจบนใบหน้ากู้อวิ๋นเวยพลันหยุดชะงัก นางเห็นเจ้าหน้าที่รุดเข้ามาจับกุมนางไว้อย่างรวดเร็วโดยไม่เปิดโอกาสให้พูด สีหน้าพลันฉายแววตกตะลึง “พวกเจ้ามาจับข้าทำไม?”“จับเจ้าก็เพราะเจ้าเป็นโจรอย่างไรเล่า!”สีหน้าจ้าวจือเต๋อเข้มงวดอย่างถึงที่สุด วันนี้คนตระกูลหลิ่วถูกจับส่งมาที่ศาลาว่าการซุ่นเทียนก่อน เขาจึงรู้เรื่องสลับตัวเด็กในตอนนั้นแล้วยามนี้ยังได้รู้ว่ากู้อวิ๋นเวยขโมยป้ายทองละเว้นโทษตายมาอย่างขวัญกล้าเทียมฟ้า ราชครูกู้มาแจ้งความด้วยตนเอง เรื่องนี้จำเป็นต้องจัดการให้ดี“ข้า ข้าไม่ใช่โจร พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว!”กู้อวิ๋นเวยรีบร้อนอธิบาย สีหน้าไม่ได้ลนลานจนเกินไป “ข้าเป็นลูกสาวของราชครูกู้ ตระกูลกู้มีป้ายทองละเว้นโทษตายที่อดีตฮ่องเต้พระราชทานให้ ข้าจึงนำป้ายทองละเว้นโทษตายของที่บ้านมา”“ผู้ใดบอกว่านี่เป็นป้ายทองละเว้นโทษตายของบ้านเจ้า?”กู้หวยซวี่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ กู้ชิงเหยี่ยนกับกู้ชิงซิวตา
กู้หวยซวี่เห็นความเปลี่ยนแปลงของสีหน้ากู้อวิ๋นเวยชัดเต็มสองตา ฉับพลันนั้นก็เข้าใจแล้ว“เจ้ารู้แต่แรกแล้วว่าเจ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพวกข้า ใช่หรือไม่?”“ไม่ ข้าเปล่านะ” กู้อวิ๋นเวยส่ายหน้า ทั้งยังเสแสร้งทำเป็นจริงใจไร้เดียงสา “ท่านพ่อ ข้าเป็นลูกสาวของพวกท่านชัดๆ ไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับตระกูลหลิ่ว!”“หลิ่วอวิ๋นเวย ถึงตอนนี้เจ้ายังจะเสแสร้ง แต่ละครปาหี่แบบนี้พวกข้าดูออกตั้งนานแล้ว”กู้ชิงซิวแสยะยิ้มเย็นชา ครั้นใคร่ครวญโดยละเอียด ละครปาหี่ไม่ได้เรื่องพรรค์นี้พวกเขาควรดูออกตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายไม่ใช่สายเลือดตระกูลกู้ดังนั้นต่อให้พวกเขารู้ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการเสแสร้งแสดงของนาง แต่จนใจที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดจึงได้แต่อดทนอดกลั้นเอาไว้แต่ยามนี้ ในที่สุดก็ไม่ต้องทนแล้ว“เสแสร้งเป็นไร้เดียงสาโดยไม่ละอายใจมาได้หลายปี ทั้งยังมาเรียกร้องทุกอย่างที่เจ้าต้องการอย่างไม่สะทกสะท้าน”“หลิ่วอวิ๋นเวย เจ้ากับพ่อแม่เจ้าเป็นพวกตะเภาเดียวกันเสียจริงๆ”ในสายตากู้ชิงเหยี่ยนมีเพียงความรังเกียจเดียดฉันท์ ก่อนหน้านี้ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกู้อวิ๋นเวยจึงมีนิสัยไม่เหมือ
ลู่หมิ่นฮุ่ยเห็นคนทั้งสองจากไปแล้วก็ไม่มีแก่ใจมาสนทนากับพระชายาเซียงอ๋องต่ออีก หากแต่รีบสั่งความลงไปผ่านไปไม่นาน ข้ารับใช้ก็กลับมาแล้ว“พระชายา หลังตรวจสอบโดยละเอียดแล้วพบว่ามุมหนึ่งฝั่งตะวันตกมีน้ำรั่วซึมจริงๆ เป็นเส้นเล็กๆ ซ่อนอยู่ลับตายิ่งนัก”“หากไม่ใช่เพราะทุกคนตรวจหาโดยละเอียดแล้วละก็ คิดว่าคงหาไม่พบเลย”“มีจริงๆ อย่างนั้นรึ?”ลู่หมิ่นฮุ่ยเบิกตากว้าง รู้สึกเพียงว่าซ่งรั่วเจินร้ายกาจเกินไปแล้ว!นางหยิบยันตร์คุ้มภัยออกมาจากในอกเสื้อโดยไม่รู้ตัว ครั้นคิดถึงว่าก่อนหน้านี้ซ่งรั่วเจินบอกว่าลูกน้อยในครรภ์จะถือกำเนิดอย่างปลอดภัยแน่นอน รอยยิ้มบนใบหน้านางก็ยิ่งสดใสกว่าเดิม“ก่อนนี้ข้าไม่ควรฟังเสียงลือเสียงเล่าอ้างจนเข้าใจแม่นางซ่งผิดไปเลย ยามนี้ดูแล้วแม่นางผู้นี้ดีไม่ใช่ธรรมดาเลยนะ”“ไป ไปนำเครื่องประดับที่ข้าเก็บรักษาไว้อย่างดีออกมา ข้าจะต้องเลือกเครื่องประดับสักสองสามชุดส่งไปขอบคุณสักหน่อยแล้ว!”……เมื่อซ่งรั่วเจินกับฉู่จวินถิงมาถึงเรือนหลังเล็กของสกุลจาง อวิ๋นเนี่ยนชูกำลังมีสีหน้าหนักอึ้งนางเห็นซ่งรั่วเจินมาแล้ว ดวงตาก็พลันเป็นประกาย รีบรุดออกมา “รั่วเจิน ท่านอ๋อง พวกท่านมา
ได้ยินคำพูดของลู่หมิ่นฮุ่ยแล้ว ทุกคนพลันเปลี่ยนสีหน้าไปโดยไม่รู้ตัว หรือว่าไม่ได้มีแค่คนที่ต้องการทำร้ายพระชายาเซียงอ๋องเท่านั้น แต่ยังคิดจะลงมือกับพระชายาอันหลานอีกด้วย?“น้องหญิงหมิ่นฮุ่ย ยามนี้เจ้าตั้งครรภ์อยู่ มีคนคิดร้ายต่อเจ้าด้วยงั้นรึ?”พระชายาเซียงอ๋องมีสีหน้ากังวลใจ หลายวันนี้นางผ่านมาอย่างลำบากยากเย็นเพียงไรมีเพียงตัวนางเองที่รู้ ถ้าเป็นคนที่ตั้งครรภ์อยู่จะต้องแบกรับไม่ไหวแน่นอนสีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นครั้งเดียวก็น่ากลัวมากพอแล้ว อย่าว่าแต่เกิดขึ้นหลายครั้งติดต่อกัน คนที่อยู่เบื้องหลังคงไม่ได้ร่วมมือกันหรอกนะ?“พระชายาอันหลาน สถานการณ์ของท่านไม่เหมือนว่าจะเป็นฝีมือของผีน้อยนะเพคะ หากเป็นผีน้อย สิ่งที่ฝันเห็นไม่มีทางเรียบง่ายเช่นนี้” ซ่งรั่วเจินกล่าวลู่หมิ่นฮุ่ยอึ้งไปเล็กน้อยแล้วมองไปทางพระชายาเซียงอ๋องโดยไม่รู้ตัว สีหน้าของพระชายาเซียงอ๋องก็เปลี่ยนไปดังคาด หลายวันนี้ในฝันร้ายของนางเต็มไปด้วยผีสางต้องการมาเอาชีวิตนาง แต่หลบอย่างไรก็หลบไม่พ้น น่ากลัวยิ่งนัก“แล้วข้าเป็นอะไรไปงั้นหรือ?” ลู่หมิ่นฮุ่ยอดถามไม่ได้“พระชายา ท่านลองเล่าความฝันของท่
มีคนเลี้ยงผีน้อย ตั้งใจทำร้ายพระชายาเซียงอ๋อง วิธีการนี้อำมหิตยิ่งนักฝันร้ายเป็นเวลานาน ยังไม่ต้องพูดว่าพักผ่อนไม่ดีคนโทรมขึ้น ที่ตามมาคือฝันร้ายรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จิตใจคนเปลี่ยนไปกลายเป็นเสียสติเช่นนี้แล้ว ทุกคนก็รอเพียงพระชายาเซียงอ๋องเสียสติ เดิมทีก็ไม่มีคนสังเกตเห็นว่ามีคนมีเจตนาชั่วต้องการทำร้ายถ้อยคำนี้พูดออกมา สีหน้าพระชายาเซียงอ๋องเปลี่ยนไป สมองคิดทบทวนเป็นพันเป็นหมื่นรอบ ใคร่ครวญว่าใครต้องการทำร้ายนางกันแน่“ท่านแม่ เมื่อวานข้าได้ยินอวิ๋นฮูหยินพูดว่าระยะนี้ก็ฝันร้ายเฉกเดียวกัน สถานการณ์ไม่ต่างจากท่านนัก ข้าคิดว่าอาจเกี่ยวข้องกับวัดอวิ๋นฉานที่ท่านไปบ่อยๆ ในระยะนี้”“ท่านคิดดูอย่างละเอียดเถอะ มีปัญหาที่ใดหรือไม่?”ฉู่จิ่นหวยนึกถึงผลลัพธ์หลังได้สนทนากับอวิ๋นเนี่ยนชูเมื่อวาน ความเป็นไปได้มากที่สุดคือเกี่ยวข้องกับวัดอวิ๋นฉานมีคนลอบทำร้ายท่านแม่อยู่เบื้องหลัง หากไม่จับคนผู้นี้ออกมา ก็ยากจะกินอิ่มนอนหลับอย่างไร้กังวลได้!“วัดอวิ๋นฉาน?”รูม่านตาพระชายาเซียงอ๋องหดลง คล้ายนึกถึงบางอย่างขึ้นได้ แต่สีหน้ากลับมาสงบลงอย่างรวดเร็ว มิได้พูดมากความอีกซ่งรั่วเจินเห็นภาพนี้อยู่ใ
บัดนี้ลู่หมิ่นฮุ่ยเชื่อคำพูดของซ่งรั่วเจินมากเรื่องสกุลหลิ่วและสกุลกู้สลับตัวเด็กกัน ผ่านมานานหลายปีแล้วกลับไม่มีคนพบ ซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นความผิดปกติก็ทำนายออกมาได้แล้ว มองออกว่านางยอดเยี่ยมมากเพียงใดคาดว่าฝันร้ายของพระชายาเซียงอ๋องจะต้องเกิดจากสิ่งชั่วร้ายมารบกวน นางจะต้องสืบออกมาได้แน่นับตั้งแต่ซ่งรั่วเจินเข้ามาก็สำรวจสถานการณ์ภายในเรือนแล้ว ชั่วขณะได้พบพระชายาเซียงอ๋อง ก็พบพลังงานมืดอ่อนๆ บนตัว เห็นได้ว่าการหยั่งเดาของนางเมื่อวานนี้ถูกต้องแล้ว“พระชายาเซียงอ๋องถูกสิ่งสกปรกแปดเปื้อนอยู่จริงๆ”ถ้อยคำนี้พูดออกมา สีหน้าคนภายในห้องล้วนเปลี่ยนไป ถึงขั้นเป็นเรื่องจริง!“แม่นางซ่ง เช่นนั้นยังมีวิธีแก้ไขหรือไม่?” ฉู่จิ่นหวยรีบเอ่ยถามจากนั้น ฉู่จวินถิงกลับดึงนางไปที่ฝั่งหนึ่ง สายตาล้ำลึกดุจมหาสมุทรสะท้อนแววกังวล “จะได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินนึกถึงการแสดงสมจริงของตนก่อนหน้านี้ขึ้นมา ยามกระอักโลหิตออกมาครั้งนั้น ส่ายหน้าพูดว่า “วางใจเถอะ ก็แค่ผีน้อยสองสามตนเท่านั้น ทำอันใดหม่อมฉันไม่ได้”ฉู่จวินถิงเห็นท่าทางผ่อนคลายของฝ่ายหญิง นี่ถึงวางใจลงพระชายาเซียงอ๋องและลู่หมิ่นฮุ่ย
ผ่านไปเพียงไม่นาน ลู่หมิ่นฮุ่ยก็มาถึงแล้วนับตั้งแต่เข้ามา สายตาของนางก็ตกลงบนตัวซ่งรั่วเจิน ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายซ่งรั่วเจินถูกสายตานี้มองเสียจนประหม่า เกิดความสงสัยภายในใจ ระยะนี้นางมิได้ล่วงเกินพระชายาอันหลาน คงมิใช่มาคิดบัญชีกับนางเพราะฮองเฮาหรอกกระมัง?ดวงตาดำดุจหมึกของฉู่จวินถิงสะท้อนความสงสัยสายหนึ่ง ขยับขึ้นมากำบังซ่งรั่วเจินไว้ข้างหลัง เอ่ยว่า “ท่านน้า วันนี้ท่านมาพบท่านป้าด้วยเหตุใด?”“ไม่ใช่” ลู่หมิ่นฮุ่ยโบกมือ “ข้าได้ยินว่าวันนี้เจ้าและแม่นางซ่งมา นี่จึงตั้งใจมาพบ”พูดไป มองเห็นลู่หมิ่นฮุ่ยสืบเท้าขึ้นมาหนึ่งก้าว ยิ้มกว้างจับมือซ่งรั่วเจิน ตบๆ อย่างสนิทสนม“แม่นางซ่ง ครั้งก่อนขอบคุณเจ้ามาก หากไม่ใช่เจ้าช่วยข้า ข้ายังไม่รู้จะสามารถตั้งครรภ์ได้ยามใด”“พระชายาไม่จำเป็นต้องเกรงใจถึงเพียงนี้ ต่อให้หม่อมฉันไม่พูด พระชายาก็จะมีข่าวดีอยู่แล้ว” ซ่งรั่วเจินเอ่ยฉู่จวินถิงเห็นท้องนูนขึ้นมาเล็กน้อยของลู่หมิ่นฮุ่ย นึกได้ว่าชาติก่อนท่านน้ามิได้ตั้งครรภ์ว่องไวถึงเพียงนี้หากไม่ใช่รั่วเจินกล่าวเตือน ยังต้องรออีกหนึ่งปี ครรภ์นี้ต้องขอบคุณรั่วเจินจริงๆ“ไม่ๆ ต้องขอบคุณเจ้า!”รอย
เช้าวันต่อมา ฉู่จวินถิงมารับซ่งรั่วเจินแล้วซ่งจืออวี้เห็นว่าเพิ่งได้สนทนากับน้องสาวบ้านตนสองประโยค คนก็จากไปแล้ว สลดใจอย่างอดไม่ได้“เมื่อวานน้องหญิงห้าก็ออกไปกับฉู่อ๋องทั้งวันแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดวันนี้ยังไปอีกเล่า? ฉู่อ๋องมาเยี่ยมเยียนบ่อยเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่มีอะไรน่าแปลกกัน? ได้พบกับแม่นางที่ชมชอบย่อมต้องเร็วสักหน่อย หาไม่แล้วจะได้อุ้มหญิงงามกลับไปยามใดกันเล่า?”ซ่งจิ่งเซินเผยสีหน้าเข้าใจ ผินมองซ่งจืออวี้สายตารังเกียจแวบหนึ่ง “มิน่าเล่าท่านถึงยังไม่เปิดใจ!”“เจ้ากลับเปิดใจแล้ว ยังมิสู้ไม่เปิดใจ!” ซ่งจืออวี้เย้ยหยันกลับไป เย้ยหยันเขาด้านอื่นก็ช่างเถอะ บัดนี้ซ่งจิ่งเซินยังเย้ยหยันเขาด้านนี้ นั่นไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย!“ได้ยินมาว่าสองวันนี้เคอหยวนจื่อปรากฎตัวภายในร้าน น่าจะตั้งใจมาหาเจ้ากระมัง? เมื่อวานยามข้าไปหยิบของที่ร้าน นางเกือบจำข้าเป็นเจ้าไปแล้ว”ซ่งจิ่งเซินหน้าดำทึบทึม “ข้ายอมรับ ก่อนนี้ข้าตาบอด พอใจแล้วกระมัง!”ซ่งจืออวี้หัวเราะอย่างอดไม่ได้ “ข้าเห็นว่าหลายวันนี้เจ้าพักผ่อนอยู่ที่บ้านเถอะ ปล่อยให้ผู้ดูแลมารายงานสถานการณ์กับเจ้าในจวนก็พอ หาไม่แล้วเคอหยวนจื่อและสหายน
ดวงตาฉู่จิ่นหวยทอประกาย “ใช่แล้ว ก็เป็นเช่นนี้! ข้าถามท่านแม่ว่าตกลงฝันถึงอะไร นางกลับไม่ยอมพูด พูดเพียงหลับไม่สนิท บอกให้ข้าไม่ต้องกังวล”“พูดเช่นนี้แล้ว สถานการณ์ของพวกเขาล้วนเหมือนกัน?” คนเงียบขรึมอย่างฉู่จวินถิงขมวดคิ้ว สังเกตเห็นปัญหาอย่างว่องไว “เกิดขึ้นตั้งแต่ยามใด?”“ท่านแม่ข้าบอกว่าเมื่อเจ็ดวันก่อน” ฉู่จิ่นหวยเอ่ยตอบอวิ๋นเนี่ยนชูกลับพูด “แม่ข้าเมื่อห้าวันก่อน”“ที่แท้ก็ฝันต่อเนื่องกันหลายวันนี่เอง พวกเราเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่หลายวันนี้ไม่เพียงจิตใจว้าวุ่น แม้แต่คนก็เริ่มบ่นงึมงำ ข้ารู้สึกผิดปกติยิ่งนัก”ได้ยินดังนั้น ซ่งรั่วเจินคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพียงแต่ท่านป้าและพระชายาเซียงอ๋องคล้ายไม่มีอะไร เหตุใดถึงฝันร้ายเช่นนี้เล่า?“ระยะอันใกล้นี้มีสิ่งของพิเศษอันใดเพิ่มขึ้นมา หรือมีที่ใดพิเศษบ้างหรือไม่?”ฉู่จิ่นหวยครุ่นคิด พูดว่า “วันปกติท่านแม่ซื้อของไม่น้อย ส่วนมีสิ่งใดเพิ่มขึ้นมานั้น ข้าเองก็ไม่แน่ใจ”“ระยะนี้ท่านน้ามิได้เพิ่มสิ่งใด เพียงแต่เมื่อห้าวันก่อนอนุอวิ๋นมาเที่ยวหนึ่ง อ้างว่าหวังดีต่อนางจึงนำของบางส่วนส่งมาให้ แต่ท่านน้าให้คนโยนทิ้งไปทั้งหมด”“ต่อม
ในห้องรับรองส่วนตัว อวิ๋นเนี่ยนชูนั่งลงด้านข้างซ่งรั่วเจิน สายตามองไปมาระหว่างซื่อจื่อน้อยผู้มีใบหน้าเปื้อนยิ้มและฉู่อ๋องใบหน้าเย็นชาไม่หยุดนางอดไม่ได้ที่จะดึงมือของซ่งรั่วเจินและกระซิบว่า “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่ค่อนข้างแปลกกัน?”ซ่งรั่วเจินลดเสียงลง “บางทีพวกเขาอาจจะเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ไม่ค่อยสนิทกันนัก?”อวิ๋นเนี่ยนชูรู้สึกอึดอัด “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”ซ่งรั่วเจินเฝ้ามองอาหารเลิศรสที่ถูกนำมาทีละจาน จึงพูดสร้างบรรยากาศขึ้นมาว่า “ได้ยินมาว่าอาหารในหอสุราเลิศรสอย่างมาก ปกติแล้วจะต้องจองที่นั่งล่วงหน้า ทุกท่านมาลองชิมดูกันดูเถอะ?”ขณะพูด นางก็คีบกุ้งใส่ลงในชามของฉู่จวินถิง ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยรอยยิ้มนับตั้งแต่เข้ามา ฉู่จวินถิงก็มีสีหน้าเย็นชา ต้องพูดเลยว่ายามเขาไม่ยิ้ม จะมีบรรยากาศกดดันอย่างยิ่งจนผู้อื่นไม่กล้าหายใจฉู่จวินถิงเหลือบมองกุ้งในชาม คิ้วคลายออกเล็กน้อย และยื่นมือไปคีบอาหารให้ซ่งรั่วเจิน “วันนี้เดินเล่นมานานมากแล้ว เจ้าก็คงหิวมากแล้ว กินเยอะๆ เล่า”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า นางก็ไม่เกรงใจและเริ่มกินทันที ทั้งยังพูดกับอวิ๋นเนี่ยนชูและคนอื่นๆ ว่า “พวกท่านก็รีบก
เมื่ออวิ๋นเฉิงเจ๋อเห็นซ่งรั่วเจินอยู่ที่นั่นก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที ทว่าก็เข้าใจในไม่ช้า “เนี่ยนชู เจ้าจะไปหาคุณหนูซ่งเพื่อพูดคุยเรื่องฝันร้ายของท่านน้าใช่หรือไม่?”ซ่งรั่วเจินชะงักไปชั่วครู่ ก่อนมองไปที่อวิ๋นเนี่ยนชูโดยไม่รู้ตัว “ท่านป้าก็ฝันร้ายเช่นกันหรือเจ้าคะ?”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้า “ช่วงนี้ท่านพ่อของข้ามักจะไปหาท่านแม่ตลอด ท่านตากับท่านน้าเองก็คอยไปกดดันท่านแม่ โดยหวังว่าท่านแม่จะเปลี่ยนใจทว่าท่านแม่ไม่ยอมเปลี่ยนใจ สถานการณ์จึงตึงเครียดไปหมด อนุอวิ๋นคนนั้นชอบสร้างเรื่อง ชอบพูดจาเสียดสีอยู่เรื่อย เพียงหวังว่าท่านแม่ของข้าจะไม่กลับไป นางจะได้มีโอกาสขึ้นเป็นอวิ๋นฮูหยินตอนแรกท่านแม่เพียงจิตใจเหนื่อยล้า ทว่าต่อมาจู่ๆ ก็เริ่มฝันร้ายจึงไปหาท่านหมอ ท่านหมอเพียงบอกว่านางวิตกกังวลมากเกินไปและความทุกข์รุมเร้า จึงจ่ายยาสงบใจให้จำนวนหนึ่งวันนี้ข้านัดพบกับท่านพี่ที่นี่ก็เพื่อคิดหาวิธีแก้ไขปัญหานี้”อย่างไรก็ตาม อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลับพูดว่า “คุณหนูซ่ง ข้าคิดว่าสถานการณ์ของท่านน้าไม่ง่ายขนาดนั้น กลัวว่าจะเป็นการกระทำของวิญญาณร้าย”“เหตุใดคุณชายอวิ๋นจึงพูดเช่นนี้?”“แม้ว่าหลายปีมานี้ใน