แชร์

บทที่ 610

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
“คุณชาย บ่าวสำนึกผิดแล้ว ภายภาคหน้าไม่กล้าแล้ว” บ่าวร้องไห้อย่างน่าสงสาร

ซ่งเยี่ยนโจวมองเขาแวบหนึ่ง พูดว่า “เขาปรนนิบัติข้ามาหลายปี ตกอยู่ในมือสกุลฝานย่อมไม่มีจุดจบที่ดี มิสู้ไถ่ตัวพ่อแม่เขามาจากสกุลฝาน ไล่ไปอยู่ที่ไร่นาทำงานเถอะ”

“พี่ใหญ่ ยกเรื่องนี้ให้ข้า สกุลฝานไร้ยางอายพรรค์นั้น ให้ข้าจัดการเอง” ซ่งจิ่งเซินพูดยิ้มๆ

ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า “ลำบากเจ้าแล้ว”

จนกระทั่งทุกคนแยกย้ายจากไป ภายในห้องก็กลับมาเงียบสงบดังเดิม

ลั่วชิงอินนั่งบนตั่งเตียง ก่อนหน้านี้ผ้าคลุมหน้าสีแดงก็ถูกเปิดออกแล้ว สุรามงคลยังไม่ได้ดื่ม บัดนี้หลังได้รู้ข่าวว่าไม่สามารถคลอดลูกได้ อารมณ์นางก็ซับซ้อนมาก

“พี่ใหญ่ซ่ง ท่านไม่สมควรปิดบังข้า”

ลั่วชิงอินเห็นว่าส่งคนอื่นจากไปแล้ว ซ่งเยี่ยนโจวปิดประตูห้องเดินเข้ามา เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้

ซ่งเยี่ยนโจวเดินเข้ามาหยุดข้างกายนางแล้วนั่งลง สายตาลุ่มลึกทอดมองนาง ใบหน้าหล่อเหลาดุจหยกไม่มีความเสียใจเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความสุข

“ชิงอิน เจ้าไม่รู้ข้าสามารถแต่งงานกับเจ้าได้ ข้าดีใจมากเพียงใด”

เขาจับมือลั่วชิงอิน “เมื่อแรกเจ้าเกือบแต่งงานกับสกุลเหยา ข้ากังวลยิ่งนัก กลัวชาตินี้จะไม่มี
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (4)
goodnovel comment avatar
Pho Phana
รอค่ะ วันนี้ยังม่ะอัพเดต
goodnovel comment avatar
Pimwipa
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
goodnovel comment avatar
หยง หยง
วันนี้ยังไม่อัพเตอนใหม่เลยคับ ออยู่คับ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1

    ราชวงศ์ฉู่โยว เมืองหลวงเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังหยุดเรียงกันหน้าประตูจวนหลินโหว ตามมาด้วยเสียงประทัดฆ้องกลอง ครึกครื้นมากเป็นพิเศษแขกเหรื่อมาร่วมงานเห็นภาพนี้แล้วก็ตกตะลึง “เหตุใดมีเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังกันเล่า?”“แม่นางห้าสกุลซ่ง—ซ่งรั่วเจิน รอหลินโหวมานานสองปี ดูแลงานทั้งจวนโหวแทนเขา บัดนี้หลินโหวคว้าชัยชนะกลับมา ตบแต่งแม่นางซ่งก็คือเรื่องดีของเมืองหลวง แต่เกี้ยวเจ้าสาวเข้าประตูพร้อมกัน มิใช่ว่ายังแต่งกับคนอื่นด้วยหรือ?”“คุณหนู ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินรู้สึกเพียงเสียงดังเอะอะอยู่ข้างหูพักหนึ่ง ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ลืมตาทั้งสองข้างก็มองเห็นชุดแต่งงานสีแดงเข้ม?เกิดเหตุอันใดขึ้น?ชุดแต่งงานซิ่วเหอและเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงเข้ม นี่มิใช่ขบวนแต่งงานหรอกหรือ?“ท่านโหวทำเกินไปแล้ว ก่อนนี้เขาออกรบอยู่ภายนอก หากมิได้ท่านดูแลฮูหยินผู้เฒ่า ไฉนเลยเขาจะสามารถออกรบอย่างสบายใจได้? บัดนี้กลับมาอย่างยากลำบาก เขาถึงขั้นตบแต่งฉินซวงซวงเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกันในวันแต่งงาน ไม่บอกกล่าวแม้คำเดียว เห็นได้ชัดว่ากำลังรังแกคุณหนู!”เฉินเซียงยิ่งพูดยิ่งโมโห บัดนี้เกี้ยวเจ้าสาวทั้งสองหลังหยุดอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 2

    ซ่งรัวเจินถามไล่เรียงกระแทกลงไป กระแทกเสียจนสีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หวุดหวิดจะเป็นลมหมดสติไปแล้วเหตุใดนางกล้าพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้!“เรื่องนี้ก็ไม่ซื่อสัตย์จริงใจจริงนั่นล่ะ ได้ยินมาว่าหลินโหวและฉินซวงซวงมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันมาตั้งแต่แรกแล้ว สองปีก่อนฉินซวงซวงไม่ยอมแต่งกับเขา นี่เขาถึงตกลงหมั้นหมายกับสกุลซ่ง ใครเคยคิดเล่าว่าทำความดีความชอบกลับมา ฉินซวงซวงกลับยอมแต่งกับเขาแล้ว ดังนั้นจึงคิดทำเช่นนี้ จุ๊ ๆ ...”“แม่นางสกุลซ่งไม่กลายเป็นตัวโง่งมไปแล้วหรือ?”ความทุ่มเทตลอดสองปีสูญเปล่าไปแล้ว เย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่นสวม ได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัสแต่ยังต้องกลั้นก้อนสะอื้น นี่ใครยังสามารถทนได้กันเล่า?“พี่หญิง อย่าโมโหไปเลย”ฉินซวงซวงก้าวเท้าฉับไวขึ้นมา มิอาจข่มความแปลกใจภายในใจเอาไว้ได้เห็นได้ชัดว่าซ่งรั่วเจินเป็นพลับอ่อนให้คนบดขยี้ แต่งเข้าบ้านพร้อมกันก็เป็นนางและจือเยว่ร่วมกันวางแผน แม้นางไม่ยอมแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนรับปาก ไม่โวยวายใหญ่โตอันใดใครคาดคิดนางถึงขั้นเปิดผ้าคลุมหน้าลงจากเกี้ยวเจ้าสาว โวยวายอยู่ที่หน้าประตูเช่นนี้?“ล้วนเป็นความผิดของซวงซวง ท่าน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 3

    “แม่นางฉิน ได้โปรดถอดออก เพียงมองดูก็จะทราบได้” เฉินเซียงเอ่ยเพียงฉินซวงซวงถอดออก เฉินเซียงก็หยิบกำไลหยกไปให้ทุกคนดูหนึ่งรอบ “ทุกท่านล้วนเห็นอย่างชัดเจนแล้ว ด้านบนแกะสลักชื่อเล่นของคุณหนูข้าเจินเอ๋อร์เอาไว้!”“ยังไม่ต้องพูดว่าท่านโหวและคุณหนูข้ายังไม่แต่งงานกัน ต่อให้แต่งงานแล้วจริง คนมีหน้ามีตาที่ใดยักยอกสินเดิมของฮูหยินตนเองด้วยหรือ?”นับแต่โบราณจนถึงตอนนี้ สินเดิมล้วนเป็นสิ่งของติดตัวฝ่ายหญิง แม้แต่บ้านสามีก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง เว้นเสียแต่ตนเองยินยอม ทว่าหลินจือเยว่หยิบไปโดยตรงไม่บอกกล่าวเช่นนี้ เรียกว่าขโมยก็ไม่เกินจริงครั้นซ่งจืออวี้พี่ชายสามของซ่งรั่วเจินเร่งเดินทางมาถึงก็ได้ยินว่าหลินจือเยว่ยกกำไลหยกที่ท่านแม่มอบให้เจินเอ๋อร์เป็นสินเดิมให้กับฉินซวงซวง กำปั้นเจือความเกรี้ยวกราดกระแทกเข้าไปโดยตรงหนึ่งหมัด!“ไอ้สารเลว!”หลินจือเยว่ถูกกำปั้นกระแทกหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงหน้าหันไปอีกฝั่งหนึ่ง เลือดไหลออกจากมุมปากซ่งจืออวี้ไม่คิดยั้งมือเลยแม้แต่น้อย วันนี้เป็นวันมงคลยิ่งใหญ่ของน้องหญิง พวกเขาทั้งครอบครัวส่งนางออกจากจวนอย่างดีใจมีความสุข ใครคาดคิดมาถึงจวนหลินโหวจะถูกหมิ่นแคล

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 4

    “เรื่องนี้โทษท่านแม่ไม่ได้ พูดได้เพียงว่าหลินจือเยว่แสดงละครได้อย่างยอดเยี่ยม หน้าหนาไร้ยางอาย!”ซ่งรั่วเจินยิ่งพูดยิ่งรังเกียจ โชคดีช่วงเวลาที่นางทะลุมิติเข้ามาในหนังสือยังมิได้แต่งเข้าจวนสกุลหลิน หากแต่งเข้าไปแล้ว นั่นต่างหากถึงจบสิ้น!หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกสาวผู้เพียบพร้อมของตนพูดถ้อยคำหล่านี้ออกมา ยิ่งมั่นใจว่านางกำลังเสียใจ น้ำตาคลอหน่วย “ลูกสาวชะตาอาภัพของข้า...”แต่น้ำตาที่หางตายังไม่ทันตกก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอก ของทั้งใหญ่ทั้งเล็กถูกยกเข้ามา หยาดน้ำตาหยุดชะงักในทันใด“เจินเอ๋อร์ นี่ นี่คืออะไรกัน?”“อย่างไรเสียก็ไม่แต่งแล้ว สิ่งของย่อมต้องนำกลับมา ฉินซวงซวงคนนั้นพูดทุกคำว่ารักชอบท่านโหว ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่านางจะยอมหักใจชดเชยจวนโหวโล่งโจ้งนั่นหรือไม่!”ซ่งรั่วเจินเคยอ่านต้นฉบับหนังสือมาก่อน ย่อมรู้ว่าฉินซวงซวงก็คือคนมีอุปนิสัยชมชอบความร่ำรวยคนหนึ่ง หาไม่แล้วเพียงนางเอ่ยปาก หลินจือเยว่ก็ต้องถอนหมั้นนางเป็นแน่!แต่นางกลับไม่ทำ ก็เพื่อเงินของจวนสกุลซ่งบัดนี้เงินตกอยู่ในมือนางแล้ว ฉินซวงซวงทางหนึ่งคิดจะหลับนอนกับบุรุษของเจ้าของร่างเดิม ทางหนึ่งใช้จ่ายเงินของเจ้า

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 5

    ซ่งรั่วเจินพูดอย่างจริงจัง อาการป่วยนี้สำหรับนางกลับรักษาไม่ยาก แต่ต้องใส่ใจมากก็เท่านั้นเดิมทีซ่งอี้อันคิดว่าน้องหญิงปลอบโยนตนเอง มิได้เก็บมาใส่ใจ ทว่าเห็นนางพูดอย่างตั้งใจมากเป็นพิเศษ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเชื่อขึ้นมาหลายส่วน“น้องหญิงคนดี พี่รองเชื่อเจ้า”ซ่งจืออวี้เห็นซ่งอี้อันคล้ายถูกเกลี้ยกล่อมสำเร็จแล้ว เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “พี่รอง ท่านเชื่อจริงหรือ? น้องหญิงห้าไม่เคยเรียนวิชาแพทย์มาก่อนนะ”“น้องหญิงห้าดีใจก็พอ ตอนนี้ข้าก็กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว หมอทั้งเมืองหลวงล้วนมาดูแล้ว ยังมีอันใดให้กลัวอีกเล่า?”ซ่งอี้อันยกมุมปากยิ้มขมปร่า นับตั้งแต่วันที่ตาบอดอนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขาก็สูญสลายกลายเป็นหมอกผ่านตา ถอนหมั้นก็คือเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว น้องหญิงไม่ยอมให้เขายอมแพ้ ก็เพราะหวังดีต่อเขาส่วนเป็นเรื่องจริงหรือไม่...สำคัญด้วยหรือ?ซ่งรั่วเจินมิได้ใส่ใจบทสนทนาของทั้งสองคน สายตานางเบือนไปทางด้านหลัง นับตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าจวนสกุลซ่ง นางก็สังเกตุเห็นว่าเรือนด้านหลังถูกพลังชั่วร้ายปกคลุมอยู่เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นวันแสงแดดจ้า ทว่าด้านหลังกลับอึมครึม ต้องมีบางสิ่งกำลังสร้างปัญหาอย่างแน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 6

    “เจ้าหมายถึงสร้อยข้อมือเส้นนี้หรือ?”ซ่งอี้อันถอดสร้อยข้อมือออกแล้วส่งมาให้ ก่อนหน้านี้ตัวสร้อยถูกแขนเสื้อปกคลุมเอาไว้ ซ่งรั่วเจินจึงมองไม่เห็น ครั้นเมื่อเห็นสร้อยข้อมือที่สะท้อนใต้แสงแดด ก็พบว่าของสิ่งนี้มีกระแสไอของความอัปมงคลที่หมุนวนขึ้นมา“เจ้าไม่พูดข้าก็เกือบลืมไปเสียสนิท สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินโหวส่งมาให้ ตอนนี้งานวิวาห์ยกเลิกไปแล้ว สร้อยข้อมือเส้นนี้ก็ไม่ควรเก็บไว้”ผู้เป็นพี่คิดเพียงว่าน้องสาวของเขาแค่ตั้งใจเตือนตนเอง เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้สองตระกูลไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว เก็บไว้ก็ไม่เหมาะสมจริง ๆ“ท่านบอกว่าสร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของที่หลินจือเยว่ส่งมาหรือ?”ของสิ่งนี้อาบชโลมด้วยโลหิตมนุษย์ ไออัปมงคลหลอมรวม เป็นของสกปรกขุ่นมัว หลินจือเยว่จงใจหาของแบบนี้มามอบให้ ช่างมีน้ำใจนัก!ซ่งอี้อันพยักหน้า “ครั้งก่อนที่หลินโหวมาเยี่ยมเจ้าที่จวน เขาก็ให้ข้ามา บอกว่ารู้ว่าข้าชื่นชอบ ใช้เงินไปไม่น้อยเพื่อซื้อมาให้โดยเฉพาะ”“หากพี่ชายรองชอบสร้อยข้อมือก็เอาเส้นที่เป็นของข้าไปก่อน ส่วน ‘ของล้ำค่า’ ชิ้นนี้ส่งคืนให้หลินจือเยว่เถิด”ซ่งรั่วเจินหยิบสร้อยข้อมืออีกเส้นส่งไปให้ หล

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 7

    จวนตระกูลซ่งหลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นซ่งรั่วเจินอยู่ตรงหน้าก็รีบเอ่ยถามว่า “เจินเอ๋อร์ จวนตระกูลจ้าวขอถอนหมั้นแล้วจริงหรือ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า มองดูใบหน้าซีดเผือดของผู้เป็นมารดาด้วยแววตาที่ไม่อาจหักหาญใจ “ท่านแม่ ในเมื่อจวนตระกูลจ้าวเลือกที่จะเลิกหมั้นในช่วงเวลานี้ ก็เห็นได้ชัดว่านางมิใช่คู่ที่ดีของพี่ชาย เราไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องการหมั้นนี้”“เดิมทีจ้าวซูหว่านก็ไม่เหมาะสมกับพี่ชายรองอยู่แล้ว ข้าคิดว่าการถอนหมั้นเป็นเรื่องดี มิฉะนั้น การแต่งงานกับหญิงสาวเช่นนี้ เกรงว่าในอนาคตคงไร้ซึ้งความสุขสงบ”“แม่รู้ดีว่าจ้าวซูหว่านไม่เหมาะกับพี่ชายของเจ้า แม่เองก็ไม่เห็นด้วยกับการหมั้นหมายนี้ตั้งแต่แรก เพียงแต่พี่ชายของเจ้าไม่มีหญิงสาวที่หมายปองเสียที ในเมื่อทั้งสองคนรักกัน แม่ก็ไม่อยากจะขัดขวาง”“ตอนนี้พี่ชายของเจ้าตาบอด หมอจากทั่วเมืองมาตรวจดูแล้วล้วนบอกว่ารักษาไม่ได้ แม่ไม่อยากให้พี่ของเจ้าต้องเจ็บปวดซ้ำ ๆ …”“พ่อของเจ้าจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ถ้าเขารู้ว่าในเวลาที่ตนไม่อยู่ ข้าไม่สามารถดูแลพวกเจ้าให้ดีได้…”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางน้ำตาก็คลอเบ้า หมู่นี้ในจวนมีแต่

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 8

    สองปีก่อนเขาไม่อาจแต่งงานกับนางในดวงใจได้จึงรู้สึกหมดหวัง ตอนรู้ว่าผู้เป็นแม่ได้จัดการหมั้นหมายให้แล้ว เขาก็ตอบรับทั้ง ๆ ที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลยสักนิด คิดเพียงว่าคุณหนูตระกูลใหญ่ส่วนมากจะหัวโบราณและขี้ขลาด ไม่เหมือนกับซวงซวงผู้น่ารักและมีเสน่ห์ดึงดูดใจทว่าในขณะนี้เมื่อเขาเห็นซ่งรั่วเจิน ถึงได้รู้ว่านางนั้นงดงามน่ามองเพียงใดซ่งรั่วเจินเห็นหลินจือเยว่จ้องนางตาไม่กะพริบ ใจของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ มีเพียงความคิดเดียวในหัวคืออยากจะควักลูกตาของคนผู้นี้ออกมาเสียมองอะไร! อัปมงคลเสียจริง!“แม่นางซ่ง เรื่องวันนี้เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรก ข้าขอโทษ” หลินจือเยว่กล่าวซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “หลินโหว ตอนขบวนเจ้าสาวของข้ากำลังจะเข้าเรือน ก็พึ่งได้รู้ว่ามีสตรีอีกนางจะแต่งเข้าพร้อมกับข้า วันนี้ท่านยังพูดต่อหน้าแขกมากมายอีกว่าในใจท่านมีเพียงแม่นางฉินเท่านั้น”“ในเมื่อพวกท่านรักกัน ข้าก็ยินดีทำให้สมหวัง ไยต้องมาที่นี่อีก?”เมื่อเห็นหญิงสาวพูดจาไม่น่าฟัง หลินจือเยว่ก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ เขายอมมาขอโทษด้วยตัวเองก็ถือว่าให้เกียรติตระกูลซ่งมากแล้ว

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 610

    “คุณชาย บ่าวสำนึกผิดแล้ว ภายภาคหน้าไม่กล้าแล้ว” บ่าวร้องไห้อย่างน่าสงสารซ่งเยี่ยนโจวมองเขาแวบหนึ่ง พูดว่า “เขาปรนนิบัติข้ามาหลายปี ตกอยู่ในมือสกุลฝานย่อมไม่มีจุดจบที่ดี มิสู้ไถ่ตัวพ่อแม่เขามาจากสกุลฝาน ไล่ไปอยู่ที่ไร่นาทำงานเถอะ”“พี่ใหญ่ ยกเรื่องนี้ให้ข้า สกุลฝานไร้ยางอายพรรค์นั้น ให้ข้าจัดการเอง” ซ่งจิ่งเซินพูดยิ้มๆซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า “ลำบากเจ้าแล้ว”จนกระทั่งทุกคนแยกย้ายจากไป ภายในห้องก็กลับมาเงียบสงบดังเดิมลั่วชิงอินนั่งบนตั่งเตียง ก่อนหน้านี้ผ้าคลุมหน้าสีแดงก็ถูกเปิดออกแล้ว สุรามงคลยังไม่ได้ดื่ม บัดนี้หลังได้รู้ข่าวว่าไม่สามารถคลอดลูกได้ อารมณ์นางก็ซับซ้อนมาก“พี่ใหญ่ซ่ง ท่านไม่สมควรปิดบังข้า”ลั่วชิงอินเห็นว่าส่งคนอื่นจากไปแล้ว ซ่งเยี่ยนโจวปิดประตูห้องเดินเข้ามา เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ซ่งเยี่ยนโจวเดินเข้ามาหยุดข้างกายนางแล้วนั่งลง สายตาลุ่มลึกทอดมองนาง ใบหน้าหล่อเหลาดุจหยกไม่มีความเสียใจเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความสุข“ชิงอิน เจ้าไม่รู้ข้าสามารถแต่งงานกับเจ้าได้ ข้าดีใจมากเพียงใด”เขาจับมือลั่วชิงอิน “เมื่อแรกเจ้าเกือบแต่งงานกับสกุลเหยา ข้ากังวลยิ่งนัก กลัวชาตินี้จะไม่มี

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 609

    “เด็กๆ นำตัวหญิงคนนี้ออกไป จิตใจล้ำลึก ห้ามมิให้หนีไปได้อย่างง่ายดาย!”สีหน้ากู้ชิงเหยี่ยนเย็นชา เขาคิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้มาเข้าร่วมงานเลี้ยงแต่งงานของสกุลซ่งจะเกิดเรื่องมากถึงเพียงนี้ นึกถึงหลิ่วหรูเยียนเพียงคนเดียวต้องจัดการทั้งสกุลซ่ง สงสารอย่างอดไม่ได้หลายปีนี้น้องสาวของเขาผ่านไปได้อย่างยากลำบากมากเหลือเกิน!สกุลหลิ่วและสกุลฝานไม่มีคนดี มาหาเรื่องไม่หยุด ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน!ฝานซืออิ๋งเห็นบ่าวต้องการลากตนเองไป ออกแรงดิ้นพูดว่า “อย่าข้ายังมีเรื่องอยากพูด!”ครู่ต่อมา ฝานซืออิ๋งคุกเข่าให้หลิ่วหรูเยียน “ท่านแม่ ข้าสำนึกผิดแล้ว ที่ผ่านมาล้วนเป็นข้าทำไม่ถูก ขอร้องท่านได้โปรดมอบโอกาสให้ข้าสักครั้งเถอะ!ข้ายินดีเป็นอนุของเยี่ยนโจว ลั่วชิงอินไม่สามารถคลอดลูกได้ ข้าสามารถทำได้!ขอเพียงให้ข้าอยู่ที่สกุลซ่ง อยู่ข้างกายเยี่ยนโจว ไม่ว่าให้ข้าทำอันใดก็ได้ ขอร้องท่าน”“แทนที่ถึงตอนนั้นจะให้เยี่ยนโจวหาคนอื่นเป็นอนุ ยังมิสู้ให้ข้าเป็น!ข้าอยู่ที่สกุลซ่งนานถึงเพียงนี้ คุ้นชินทั้งหมดแล้ว ภายภาคหน้าข้ารับรองจะไม่มีวันรังแกลั่วชิงอิน ข้าจะปรนนิบัติพวกเขาดีๆ ได้หรือไม่?”ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำใ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 608

    เพียงนึกได้ว่าบิดามารดาพูดว่าเยี่ยนโจวเอ่ยคำสัญญาต่อหน้าทุกคนว่าจะแต่งนางเพียงคนเดียวเท่านั้น นี่จะได้อย่างไร?“ชิงอิน ไม่เป็นเช่นนี้” ซ่งเยี่ยนโจวรีบอธิบาย “หมอเพียงพูดว่าต้องการให้เจ้ารักษาสุขภาพให้ดีก่อน มีลูกช้าหน่อยก็ช่างเถอะ ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับข้าไม่มีลูกก็ไม่สำคัญ!”ฝานซืออิ๋งมองท่าทางตกตะลึงพรึงเพริดของลั่วชิงอิน จากนั้นหันมองสายตาเปี่ยมความเจ็บปวดของซ่งเยี่ยนโจว นางว้าวุ่นใจแล้วเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?ทั้งหมดล้วนไม่เหมือนอย่างที่นางคิดไว้!ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นลั่วชิงอินปกปิดข่าวเพื่อให้ได้แต่งงานกับซ่งเยี่ยนโจว ซ่งเยี่ยนโจวกลับถูกหลอกโดยไม่รู้ตัว แต่ตอนนี้ลั่วชิงอินต่างหากที่เป็นคนถูกหลอกคนนั้น?ซ่งเยี่ยนโจวเสียสติไปแล้วหรือ?เพื่อแต่งงานกับลั่วชิงอิน ต่อให้ไม่สามารถคลอดลูกได้ก็ไม่เป็นไร?ซ่งรั่วเจินมองสายตาตกตะลึงของฝานซืออิ๋ง เอ่ยปากเสียงเย็น “เห็นชัดแล้วหรือไม่? นี่ก็คือความแตกต่างของเจ้าและพี่หญิงลั่ว”จากนั้น ฝานซืออิ๋งกลับคล้ายถูกกระตุ้นก็มิปาน แผดเสียงร้องออกมา “เป็นไปไม่ได้! ต่อให้ซ่งเยี่ยนโจวไม่ใส่ใจ หรือว่าแม่สามีเองก็ไม่ใส่ใจกระนั้น?ซ่งเยี่ยนโจวเป็นลูกชายคน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 607

    คุณหนูสกุลลั่วร่างกายไม่แข็งแรง หลายปีมานี้นอนซมอยู่บนเตียงมาโดยตลอด ออกจากบ้านน้อยมากนี่คือสิ่งที่ทุกคนล้วนรู้เพียงแต่ กลับไม่เคยได้ยินว่าไม่สามารถคลอดลูกได้มาก่อน ทว่าคำพูดมั่นใจของฝานซืออิ๋งกลับไม่คล้ายหลอกลวง หากไม่สามารถคลอดได้จริง...เช่นนั้นก็เรื่องใหญ่แล้วสีหน้าลั่วชิงอินเปลี่ยนไป รีบพูดว่า “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?”“ข้าพูดเหลวไหล?” ฝานซืออิ๋งยิ้มเย็น “เจ้าอย่าเสแสร้งเลย ก็แค่กังวลว่าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยแล้วจะไม่สามารถแต่งเข้าสกุลซ่งได้ไม่ใช่หรือ?ข้าไม่ชอบท่าทางเสแสร้งสูงส่งของเจ้านั้นตั้งนานแล้ว พูดว่าข้าต่ำต้อยไร้ยางอายไปทุกคำ ใช้วิธีชั้นต่ำเพื่อให้ได้แต่งกับซ่งเยี่ยนโจว แต่ตัวเจ้าเองดีมากเพียงใดเล่า? ก็ซ่อนความลับไว้เฉกเดียวกันมิใช่หรือ?”“ข้าเปล่า!”ใบหน้าเล็กขาวนวลของลั่วชิงอินเปี่ยมความตกตะลึง นางไม่เคยได้ยินข่าวนี้มาก่อน“เป็นเจ้าใส่ร้ายข้า!”“ข้าใส่ร้ายเจ้า? หมอหลวงก็อยู่ที่นี่มิใช่หรือ? มีความสามารถตอนนี้เจ้าก็ให้หมอหลวงตรวจอาการของเจ้าดูสักรอบ จะได้ให้ทุกคนได้เห็นว่าข้าใส่ร้ายเจ้าหรือไม่!”รอยยิ้มฝานซืออิ๋งบิดเบี้ยวและลำพองใจ พูดเสียงดัง “เจ้ากล้าหรือไม่?”ได้ย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 606

    เห็นฝานซืออิ๋งไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ฉู่จวินถิงพูดนิ่งๆ “อวิ๋นหยาง พาคนเข้ามา”บ่าวคนหนึ่งถูกพาเข้ามาอย่างว่องไว เพียงแต่บัดนี้ดื่มจนเวียนหัวมึนงง สมองไม่แจ่มชัด“ซ่าซ่า”น้ำเย็นหนึ่งถังถูกสาดเข้าไป ทันใดนั้นคนได้สติขึ้นมาแล้วหลังได้เห็นทุกคนอยู่ตรงหน้าไปจนถึงฝานซืออิ๋งที่กำลังถูกจับตัวไว้ ทันใดนั้นสีหน้าของบ่าวเปลี่ยนเป็นเผือดซีด“ยังไม่รีบสารภาพออกมาอีก!” ซ่งเยี่ยนโจวตวาดเสียงเฉียบบ่าวตกใจว้าวุ่นหนัก “เป็นแม่นางฝานบังคับให้ข้าทำเช่นนี้ หากข้าไม่รับปาก นางจะไม่ปล่อยพ่อแม่ข้าคุณชาย ข้าไม่มีทางเลือกขอรับ ขอร้องท่านให้อภัยบ่าวครั้งนี้ด้วยเถอะ!”สีหน้าฝานซืออิ๋งเปลี่ยนไป “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร! ข้าเปล่า!”บ่าวคุกเข่าโขกศีรษะไม่หยุด “ก่อนหน้านี้ยามนางอยู่ในจวนก็ถือสัญญาขายตัวเป็นทาสของบ่าวไว้ มิหนำซ้ำยังขายพ่อแม่ของบ่าวไปที่สกุลฝานช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ พ่อแม่ข้าอยู่ที่สกุลฝานได้รับความทุกข์เกินบรรยาย นางยังข่มขู่ข้า หากไม่รับปาก จะตีพ่อแม่ข้าให้ตายทั้งเป็นคุณชาย ชีวิตของคนในครอบครัวบ่าวล้วนอยู่ในมือของนาง ข้ายอมตาย แต่ไม่อาจทนเห็นพ่อแม่ข้าตายได้ขอรับ...”บ่าวร้องไห้เจ็บปวดใ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 605

    “แอด...”เสียงประตูห้องถูกผลักเปิดออก ฝานซืออิ๋งย่องเบาเตรียมเข้าไปภายใน ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง“แม่นางฝาน วันนี้พี่ใหญ่ข้าแต่งงาน ที่จวนไม่ได้เชิญเจ้า กลางดึกค่ำมืดเช่นนี้...มาเป็นขโมยหรือ?”ซ่งรั่วเจินกอดอก ดวงหน้างดงามเผยสีหน้าเยาะหยัน มองท่าทางเหมือนขโมยก็มิปานของฝานซืออิ๋งที่อยู่ตรงหน้าชั่วขณะได้ยินเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทั้งตัวฝานซืออิ๋งคล้ายถูกฟ้าผ่า ตกตะลึงอึ้งงันอยู่กับที่นางหันหน้าไปอย่างเหลือจะเชื่อ ชั่วขณะได้เห็นซ่งรั่วเจินกลับไม่ต่างจากเห็นมารชั่วร้าย ยิ่งไปกว่านั้นยามได้เห็นฉู่อ๋องข้างกายนางแล้ว ตกตะลึงพรึงเพริดทำอันใดไม่ถูก ร่างกายอ่อนยวบเกือบล้มหน้าคะมำบนพื้น“เจ้า เหตุใดพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่?”“คำนี้สมควรเป็นพวกเราถามเจ้ากระมัง?” ซ่งรั่วเจินเยาะหยันขณะเดียวกัน เปลวเทียนภายในห้องถูกจุดขึ้นอีกครั้ง ซ่งเยี่ยนโจวและลั่วชิงอินเดินออกมาพร้อมกันใบหน้าซ่งเยี่ยนโจวเย็นชา สีหน้าเคร่งขรึม เขาเกลียดฝานซืออิ๋งมาก เดิมทีคิดว่าชาตินี้ไม่ขอพบหน้าอีก คิดไม่ถึงหญิงคนนี้จิตใจบ้าคลั่ง คิดวิธีการเช่นนี้ออกมาได้!ก่อนหน้านี้ยามน้องหญิงห้าเอ่ยเตือนเขา เขาก็ตกใจ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 604

    ภายในอากาศเจือกลิ่นอายสดชื่นบริสุทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์บนตัวของฝ่ายชาย นางถึงขั้นสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของเขาได้ ระยะห่างใกล้กันมากยิ่งขึ้น เลื่อนผ่านใบหูของนาง เจือความรู้สึกจักจี้เล็กน้อยมือใหญ่ของฝ่ายชายวางไว้บนเอวของนาง อุณหภูมิร้อนฉ่านั้นคล้ายเปลวไฟก็มิปาน ลุกโชนเข้าไปในหัวใจ อุณหภูมิบนใบหน้านางเองก็เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว...ฉู่จวินถิงมองคนในวงแขน เขาได้เห็นนางใกล้ถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรกระยะห่างใกล้มาก ชนิดที่ว่าสามารถมองเห็นใบหน้าเล็กเนียนละเอียดของนางได้ ผิวพรรณขาวนวลคล้ายเพียงดีดก็แตก ดวงตาคล้ายกวางน้อยคู่นั้นเจือความว้าวุ่นยากเกินควบคุม อีกทั้งพวงแก้มแดงเรื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้หัวใจของเขาว้าวุ่นสัมผัสที่มืออ่อนนุ่มเหลือหลาย คล้ายออกแรงเบาๆ ก็สามารถบีบขาดได้ก็คล้ายเมื่อแรกที่นางแสร้งหมดสติในอ้อมกอดเขา สัมผัสเนียนนุ่มนั้น ทำให้เขามิอาจหักใจปล่อยมือ“มือของท่าน...”“ชู่ว์” ฉู่จวินถิงเข้าใกล้ใบหูของฝ่ายหญิง กระซิบเสียงค่อย “เจ้ารู้ว่าใครมาหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ “เป็นฝานซืออิ๋ง นางน่าจะต้องการใช้วิธีเดิมอีกครั้ง”ฉู่จวินถิงเข้าใจในทันใด นึกได้ว่าก่อนหน้า

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 603

    “ข้าเข้าใจแล้ว” ซ่งรั่วเจินรับคำเสียงหนึ่ง พูดกับอวิ๋นเนี่ยนชู“เนี่ยนชู เจ้าช่วยข้าต้อนรับพวกองค์หญิงหกดีๆ มีเรื่องใดก็บอกเฉินเซียงได้ ข้าไปทำธุระส่วนตัวสักหน่อยเดี๋ยวมา”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้า “วางใจเถอะ ยกให้ข้า”ซ่งรั่วเจินเห็นว่าซ่งเยี่ยนโจวกลับไปที่ห้องหอแล้ว ตนเองก็ลอบไล่ตามไป จากนั้นหลบที่ภายนอกห่างจากห้องหอไม่ไกลนางเลื่อมใสความกล้าของฝานซืออิ๋งอย่างแท้จริง ต้องการใช้อุบายเดิมน่าขายหน้าพรรค์นี้อีกครั้งก็ช่างเถอะ ถึงขั้นยังเลือกวันแต่งงานของพี่ใหญ่ช่างเป็นพวก...หน้าตาอัปลักษณ์ฝันหวานโดยแท้!ชั่วขณะนางกำลังรอปลาติดเบ็ดอยู่นั้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าทางด้านหลัง รีบหันหลังกลับ“ชู่ว์”ฉู่จวินถิงใช้มือข้างหนึ่งปิดปากนาง ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามเผยสีหน้าแปลกใจอยู่รางๆ เอ่ยเย้า “คืนวันแต่งงานใหม่ของพี่ใหญ่เจ้า น้องสาวมาแอบฟังที่มุมกำแพงเช่นนี้ ไม่ดีกระมัง?”เมื่อครู่เขาเห็นแม่นางคนนี้ลอบออกจากงานเลี้ยง รออยู่นานก็ยังไม่เห็นกลับมา นี่ถึงออกมาตามหาใครคิดเล่าว่านางที่เป็นคุณหนูในห้องหอคนหนึ่ง...จะมาแอบฟังที่มุมกำแพง?ซ่งรั่วเจินเผชิญหน้ากับท่าทางแปลกประหลาด ตกตะลึงและพยาย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 602

    “สกุลหลิ่วจะถูกปลดตำแหน่งขุนนางหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินมองเขาอย่างสงสัย สายตาแยกดำขาวอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์ทอประกายระยับ สุกสกาวเป็นพิเศษสุ้มเสียงนางนุ่มนวล เพียงแค่เอ่ยถามเรียบๆ หนึ่งประโยค ทว่าตกอยู่ในหูของฉู่จวินถิง กลับอยากจะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นจริง“แน่นอน”เส้นเสียงของเขาต่ำหนัก สุ้มเสียงมั่นใจอย่างมากซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น “หลายปีมานี้ภายใต้การช่วยเหลือของสกุลฉินใต้เท้าหลิ่วก็สร้างผลงานไว้บ้าง แม้ว่าบัดนี้มีความผิดสลับตัวเด็ก แต่ทำให้เขาถูกลดตำแหน่งนั้นง่าย ปลดตำแหน่งขุนนางกลับไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”เรื่องพรรค์นี้ในแวดวงขุนนาง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวของสองตระกูล คนอื่นมากที่สุดก็ล้วนรับชมความครึกครื้นยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นายท่านหลิ่วโยนความผิดทั้งหมดไว้บนตัวญาติฝ่ายหญิง หากเป็นเรื่องภายในเรือน ย่อมเกี่ยวข้องกับเขาไม่มากเพียงแต่ นางรู้ดีมากว่านายท่านหลิ่วจะต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ นายหญิงหลิ่วเองก็วางอุบายเพื่อให้เขาโชคดีในเส้นทางของขุนนาง คนที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้...ไม่มีผู้บริสุทธิ์แม้คนเดียว“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าด้านข

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status