ภายในเรือนจ้าวซูหว่านเห็นว่าซ่งรั่วเจินกับหลินจืออวี้จากไปแล้วจึงได้ถอนหายใจโล่งอก แต่ไหนแต่ไรมาซ่งอี้อันมีอุปนิสัยอบอุ่นอ่อนโยน หากไม่ใช่เพราะพวกซ่งรั่วเจินสองคนนั้นยุแยง เมื่อครู่ก็ไม่มีทางปฏิบัติต่อนางเช่นนั้นบัดนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน ขอเพียงนางใช้ลูกไม้เล็กน้อย ซ่งอี้อันจะต้องให้อภัยนางแน่นอน ชนิดที่ว่าคิดแทนนางและฝากฝังนางไว้กับพี่เซี่ยงเหิง เมื่อถึงเวลานั้นนางก็สามารถแต่งเข้าจวนสกุลฉินได้อย่างไรเสียพี่เซี่ยงเหิงก็น่าสนใจกว่าเจ้าหนอนหนังสือผู้นี้มากนัก!“พี่อี้อัน ข้ารู้ว่าท่านยังมีโทสะภายในใจ รั่วเจินเองก็แค้นข้า แต่ข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง ไม่มีทางเลือกจริงๆ...”ขอบตาจ้าวซูหว่านเปียกรื้น ท่าทางน้อยใจเหลือหลาย “หากข้าสามารถเลือกได้ ข้าจะไม่ถอนหมั้นกับท่านแน่นอน ข้ารู้สึกอย่างไรกับท่าน ท่านก็รู้”ซ่งอี้อันฟังเสียงร้องไห้ตัดพ้อของฝ่ายหญิงเงียบ ๆ สมองย้อนคิดถึงวันวาน หากไม่ได้ยินบทสนทนานั้นของจ้าวซูหว่านกับฉินเซี่ยงเหิง เขาก็ไม่กล้าเชื่อว่าความรู้สึกของจ้าวซูหว่านก่อนหน้านี้เป็นความเท็จพวกเขาถอนหมั้นกันเพียงสองสามวัน นางก็ตั้งครรภ์แล้ว ดูก็รู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาท
ไม่ไกลกันนั้น ซ่งรั่วเจินกับซ่งจืออวี้นั่งอยู่บนหลังคารับชมการแสดงแสนสนุกทางด้านล่าง น่าเสียดายที่ขาดเมล็ดแตงไป จึงหมดสนุกไปบ้าง“คิดไม่ถึงว่าแต่ไหนแต่ไรมาพี่รองเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยน ปฏิบัติต่อคุณหนูจ้าวก็นุ่มนวลมาก วันนี้สามารถเย็นชาเพียงนี้ได้ ข้ายังกังวลว่าพี่รองจะคิดไม่ตก บัดนี้นับว่าวางใจแล้ว” ซ่งจืออวี้ถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่งซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “พี่รองอุปนิสัยซื่อสัตย์อ่อนโยนจริงนั่นล่ะ ทว่าเขากลับฉลาดมาก ในเมื่อไม่ใช่คนดี ก็ต้องยับยั้งตนเองให้ทันท่วงที เพียงแต่...เกรงว่าจ้าวซูหว่านจะไม่ยอมจากไปง่ายดายเพียงนั้น”“พี่รองพูดถึงขั้นนี้แล้ว หรือสตรีผู้นี้จะยังหน้าหนาไร้ยางอายอยู่ที่นี่ต่ออีกรึ?” ซ่งจืออวี้ประหลาดใจ“ท่านดูไปเถิด” ซ่งรั่วเจินหรี่ตา นางเองก็อยากพิสูจน์ว่าตนเองคิดผิดไปหรือไม่จ้าวซูหว่านเห็นซ่งอี้อันไม่มอบโอกาสให้เลยสักเศษเสี้ยว จึงทำเพียงเอ่ยปาก “ก่อนหน้านี้ข้าทิ้งของสิ่งหนึ่งไว้ในห้องท่าน ข้าสามารถไปหยิบมาได้หรือไม่?”พี่เซี่ยงเหิงสำทับนักสำทับหนา นางมาจวนสกุลซ่งในครั้งนี้จะต้องนำเรียงความที่ซ่งอี้อันเขียนไว้เมื่อก่อนกลับไปให้ได้ อย่างไรเสียตอนนี้ซ่งอี้อันก็
จ้าวซูหว่านเพิ่งออกจากสกุลซ่งได้ไม่ไกล ก็ถูกฉินเซี่ยงเหิงเร่งรุดมาลากเข้าไปในตรอกเล็กแห่งหนึ่ง“เป็นอย่างไรบ้าง? ของที่ข้าให้เจ้าไปเอาได้มาแล้วหรือไม่?”จ้าวซูหว่านลอบยื่นเรียงความให้ฉินเซี่ยงเหิง สีหน้าภาคภูมิใจ “วางใจเถอะ ท่านให้ข้านำมาข้าก็นำมาแล้ว แต่ท่านไม่ใช่พูดว่าเรียงความของท่านยอดเยี่ยมกว่าซ่งอี้อันหรือ เหตุใดต้องขโมยของเขาด้วยเล่า?”“หากว่ากันตามพรสวรรค์ เดิมทีซ่งอี้อันเทียบข้าไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะเขามีความสัมพันธ์อันดีกับอาจารย์ เรียงความที่เขียนล้วนได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์ ไฉนเลยจะได้รับคำชมบ่อยครั้ง?”“ข้าไม่อาจยอมทนได้ พูดไปแล้วก็เป็นเพราะอาจารย์กับแม่ทัพซ่งมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากอยู่สักหน่อย ซ่งอี้อันถึงได้พึ่งบารมี รอข้าโดดเด่นในการสอบฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้ จะทำให้คนทั้งเมืองหลวงล้วนรู้ถึงความสามารถของข้า!”ในดวงตาจ้าวซูหว่านสะท้อนแววเลื่อมใส “พี่เซี่ยงเหิง ข้ารู้ว่าท่านยอดเยี่ยมที่สุด! ของก็นำมาแล้ว เช่นนั้นท่านจะมาสู่ขอข้ายามใด?”“เจ้าพูดกับซ่งอี้อันแล้วหรือ? เขารับปากฝากฝังเจ้าไว้กับข้าหรือไม่?” ฉินเซี่ยงเหิงถามกลับจ้าวซูหว่านลังเลครู่หนึ่ง นางกลับอยากพูด แ
ดวงตากลมของซ่งจืออวี้เบิกกว้าง ตกตะลึงไม่กล้าแม้แต่หายใจแรง เพราะพี่รองมองไม่เห็นจึงไม่ว้าวุ่น เขาที่กำลังมองดูเช่นนี้กลับรู้สึกตกใจยิ่งนักน้องหญิงห้ากับพี่รองช่างเป็นหนึ่งคนกล้ารักษา หนึ่งคนกล้าเชื่ออย่างแท้จริง!ซ่งรั่วเจินจับเข็มเงินแทงลงบนจุดฝังเข็มอย่างแผ่วเบา พลังวิญญาณไหลเข้าสมองของซ่งอี้อันไปตามเข็ม ค่อย ๆ สลายลิ่มเลือดในสมองส่วนนั้นซ่งอี้อันเพียงรู้สึกปวดหัวระลอกหนึ่ง กำมือทั้งสองข้างแน่นไม่ส่งเสียง สีหน้ากลับซีดเผือด เม็ดเหงื่อผุดพรายบนหน้าผาก“พี่รอง ท่านอดทนไว้ก่อน กระบวนการรักษาค่อนข้างเจ็บ”ครู่ต่อมา ตอนซ่งรั่วเจินดึงเข็มเงินออก สีหน้านางซีดเซียวสะท้อนความอ่อนล้า“น้องหญิงห้า เจ้าไม่เป็นไรนะ?” ซ่งจืออวี้มองน้องหญิงห้าที่กำลังโงนเงนอย่างกังวล ตกตะลึงอย่างสุดระงับ พี่รองดูแล้วคล้ายใกล้อดทนต่อไปไม่ไหว แต่เหตุใดน้องหญิงห้าดูแล้วคล้ายอาการหนักยิ่งกว่าพี่รองเสียอีก?“ข้าไม่เป็นไร” ซ่งรั่วเจินโบกมือ หยิบหมึกพู่กันทางด้านข้างเขียนเทียบยาแผ่นหนึ่ง“มั่วอวี่ เจ้าบดส่วนผสมของยาตามวิธีที่เขียนไว้ในตำรับยานี้ ทาบนผ้าโปร่ง ตอนกลางคืนพี่รองพักผ่อนก็ประคบไว้บนดวงตาของเขา”“ขอร
“เจ้าโทษข้างั้นหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าหลินชี้ตนเอง เอ่ยปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ตอนแรกเป็นเจ้าที่หมดอาลัยตายอยาก ข้ากลัวเจ้าล้มแล้วก็มิอาจลุกขึ้นได้อีกจึงขอการหมั้นหมายอันดีนี้ให้เจ้า หากไม่ใช่แม่ทัพซ่งเลื่อนตำแหน่งให้เจ้า เจ้าอยู่ในกองทัพจะก้าวหน้าโดดเด่นรวดเร็วเพียงนี้ได้อย่างไร?”“ข้าคิดเพื่อเจ้าไปเสียทุกอย่าง จัดแจงทั้งหมดไว้ให้อย่างดี ยามนี้เจ้ากลับโทษข้า?”เมื่อสบมองดวงตาแดงก่ำของฮูหยินผู้เฒ่า หลินจือเยว่เองก็รู้สึกผิด “ท่านแม่ ข้าถูกกระตุ้นจึงพูดจาเลอะเลือน ท่านอย่าเก็บไปใส่ใจ แต่แปดล้านตำลึงนี้ท่านจะต้องช่วยข้า หาไม่แล้ว...หาไม่แล้วแม้แต่ตำแหน่งป๋อนี้ข้าก็รักษาไว้ไม่ได้”“แปดล้านตำลึง ต่อให้ขายจวนโหวก็ยังไม่พอ ข้าจะไปหามาจากที่ใด? แต่ตอนนี้เจ้าเป็นเขยของแม่ทัพฉิน ฉินฮูหยินเองก็เป็นบุตรีของราชครูกู้ ย่อมไม่อาจทนมองเจ้าไม่คืนเงินจนถูกยึดตำแหน่งไปหรอกกระมัง!”ภายในสายตาฮูหยินผู้เฒ่าหลินเปี่ยมเล่ห์อุบาย “มิหนำซ้ำ สาเหตุที่เจ้าเสียตำแหน่งโหวไปล้วนต้องโทษฉินซวงซวง หากไม่ใช่เพราะนางสร้างความวุ่นวายมากเพียงนี้ เลวร้ายที่สุดเจ้าก็ถูกลงโทษแค่ปรับเบี้ยหวัด เงินนี้ต้องเป็นพวกเขาออก!”ดวงต
กู้อวิ๋นเวยยิ่งคิดยิ่งไม่พอใจ ก่อนหน้านี้ที่ซวงซวงหลงใหลฉู่อ๋อง นางกลับคิดหาหนทางวางแผนช่วยเหลือ หวังเพียงให้ลูกสาวสามารถเกาะกิ่งไม้สูงได้ ใครจะคาดคิดว่าสุดท้ายแล้วจะตกลงปลงใจไปกับหลินจือเยว่ นี่เพิ่งแต่งงานก็ถูกขังคุกแล้ว หลินจือเยว่เองก็เสียตำแหน่งถูกคนเย้ยหยัน แม้แต่นางวันนี้ก็ไม่มีหน้าให้ออกจากจวนแล้วนายท่านคิดว่าอยู่ในราชสำนักไปก็ขายหน้า จึงปฏิบัติต่อนางไม่ดี นางเองก็ทำได้เพียงอดทนไว้เดิมทีหลินจือเยว่ก็ถูกฉินซวงซวงพาลทำให้เดือดร้อน แต่คิดถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงยอมอดทน ใครจะคาดคิดว่ากลับถูกแม่ยายหาเรื่องกลับ บริภาษเขาว่าไม่มีความสามารถเช่นนี้?“ท่านแม่ เรื่องนี้หากซวงซวงไม่เชื่อนักต้มตุ๋นผู้นั้น หลอกลวงราชครูสวี อีกทั้งยังทำร้ายสกุลซ่ง เรื่องก็คงไม่เป็นเช่นนี้ ไฉนเลยจะโทษข้าไปเสียทุกเรื่องได้?” หลินจือเยว่อธิบายอย่างมิอาจหักใจ“ซวงซวงทำเช่นนี้ยังไม่ใช่เพื่อเจ้าอีกหรือ? หวังผูกไมตรีกับฮูหยินสวีผ่านผู้มีวิชา นางวางแผนคิดแทนเจ้า หากเจ้ามีความสามารถจริง นางก็ไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก หรือก่อนหน้านี้เจ้าจะทำเป็นว่าไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อยจริงๆ?” สุ้มเสียงของกู้อวิ๋นเวยคมกริบ พู
หลินจือเยว่ได้ยินเสียงตวาดของแม่ทัพฉิน ทุกประโยคล้วนทำให้เขาอับอายก่อนนี้ยามแต่งงาน แม้แม่ทัพฉินจะบ่นตำหนิ ไม่พอใจที่ทำให้ซวงซวงเป็นได้เพียงภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกัน แต่อย่างน้อยก็นับว่าเกรงใจ ทว่าบัดนี้เขาถูกซวงซวงพาลทำให้เดือดร้อนจนเสียตำแหน่ง แม่ทัพฉินไม่เพียงไม่รู้สึกผิด ตรงกันข้ามยังโยนความผิดทั้งหมดมาที่เขา!“ซวงซวงต้องติดคุกก็เพราะเจ้า หากเจ้าเป็นบุรุษคนหนึ่งก็ต้องหาทางช่วยนางออกมา ส่วนแปดล้านตำลึงนี้ เจ้าไปหาทางชดใช้ด้วยตนเองเถิด”แม่ทัพฉินทิ้งไว้เพียงสองประโยคก็หมุนตัวจากไปอย่างรังเกียจ กู้อวิ๋นเวยรีบไล่ตามไปด้วยสายตาไม่พอใจหลินจือเยว่ยืนอึ้งงันอยู่กับที่ ใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่นเจือไออำมหิตแรงกล้า สายลมพัดพาเสียงเย้ยหยันของทั้งสองคนเข้ามา“ช่างน่าอับอายขายหน้าโดยแท้ ยืมเงินยังต้องมายืมพ่อตา!”“เขากับแม่ของเขามีความสามารถใช้จ่ายเงินแปดล้านตำลึงภายในสองปี หรือไม่เคยคิดจะคืนเลย? เจ้าเองก็สายตาไม่ดี ยกลูกสาวให้คนเช่นนี้ บัดนี้เดือดร้อนมาถึงข้าจนไม่มีหน้าออกจากจวนแล้ว!”“นายท่าน นี่...ข้าเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ ครั้งนี้หลินจือเยว่กลับมามีสง่าราศีเพียงนั้น ใครจะคาดคิดว่าทั้งหม
“หลินจือเยว่ หากไม่ใช่เพราะแม่ทัพซ่งเห็นเจ้าเป็นเขยจึงเลื่อนขั้นให้ เจ้าตัวไร้ประโยชน์พรรค์นี้ยังสามารถสร้างความดีความชอบในสนามรบได้อีกหรือ? ความดีความชอบทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของแม่ทัพซ่ง! เดรัจฉานเจ้าคนนี้ยังเทียบสัตว์ร้ายไม่ได้! ยังมีหน้าโอหังต่อหน้าพวกเราอยู่อีกหรือ!”“เจ้ายึดเอาความดีความชอบของแม่ทัพซ่งไป ให้แม่นางซ่งดูแลงานในเรือนเพื่อเจ้า กลับสานสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฉินซวงซวงนางหญิงใจดำอำมหิตดุจอสรพิษพรรค์นี้อยู่ที่ชายแดน หันหลังให้คุณธรรม ไร้ยางอายเหลือหลาย ถึงขั้นยังมีหน้าว่าพวกเราอีกกระนั้นรึ?”“แม่นางซ่งโชคดีได้ถอนหมั้นกับเจ้า เจ้าคนอ้างคุณธรรมมโนธรรมเต็มปาก แท้จริงแล้วเป็นคนเลวทรามต่ำช้ามิคู่ควรครองคู่กับนาง!”หลินจือเยว่โมโหจวนเจียนจะระเบิดเต็มที อกกระเพื่อมขึ้นลง กลับดึงสติกลับมาได้ในทันใด “มิใช่ว่าเจ้าชอบรั่วเจิน ถึงเห็นข้าเสียอำนาจก็รีบเข้ามาเหยียบย่ำอย่างมิอาจอดรนทนไหวหรอกหรือ น่าเสียดายภายในหัวใจนางมีเพียงข้า เดิมทีก็ไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตา!”ขณะซ่งรั่วเจินเดินออกจากร้านขายเครื่องประดับฝั่งตรงข้ามก็เห็นภาพนี้“คุณหนู ท่านหลินป๋อทำเลยเถิดเกินไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าท่านถอนหมั