ไม่ไกลกันนั้น ซ่งรั่วเจินกับซ่งจืออวี้นั่งอยู่บนหลังคารับชมการแสดงแสนสนุกทางด้านล่าง น่าเสียดายที่ขาดเมล็ดแตงไป จึงหมดสนุกไปบ้าง“คิดไม่ถึงว่าแต่ไหนแต่ไรมาพี่รองเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยน ปฏิบัติต่อคุณหนูจ้าวก็นุ่มนวลมาก วันนี้สามารถเย็นชาเพียงนี้ได้ ข้ายังกังวลว่าพี่รองจะคิดไม่ตก บัดนี้นับว่าวางใจแล้ว” ซ่งจืออวี้ถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่งซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “พี่รองอุปนิสัยซื่อสัตย์อ่อนโยนจริงนั่นล่ะ ทว่าเขากลับฉลาดมาก ในเมื่อไม่ใช่คนดี ก็ต้องยับยั้งตนเองให้ทันท่วงที เพียงแต่...เกรงว่าจ้าวซูหว่านจะไม่ยอมจากไปง่ายดายเพียงนั้น”“พี่รองพูดถึงขั้นนี้แล้ว หรือสตรีผู้นี้จะยังหน้าหนาไร้ยางอายอยู่ที่นี่ต่ออีกรึ?” ซ่งจืออวี้ประหลาดใจ“ท่านดูไปเถิด” ซ่งรั่วเจินหรี่ตา นางเองก็อยากพิสูจน์ว่าตนเองคิดผิดไปหรือไม่จ้าวซูหว่านเห็นซ่งอี้อันไม่มอบโอกาสให้เลยสักเศษเสี้ยว จึงทำเพียงเอ่ยปาก “ก่อนหน้านี้ข้าทิ้งของสิ่งหนึ่งไว้ในห้องท่าน ข้าสามารถไปหยิบมาได้หรือไม่?”พี่เซี่ยงเหิงสำทับนักสำทับหนา นางมาจวนสกุลซ่งในครั้งนี้จะต้องนำเรียงความที่ซ่งอี้อันเขียนไว้เมื่อก่อนกลับไปให้ได้ อย่างไรเสียตอนนี้ซ่งอี้อันก็
จ้าวซูหว่านเพิ่งออกจากสกุลซ่งได้ไม่ไกล ก็ถูกฉินเซี่ยงเหิงเร่งรุดมาลากเข้าไปในตรอกเล็กแห่งหนึ่ง“เป็นอย่างไรบ้าง? ของที่ข้าให้เจ้าไปเอาได้มาแล้วหรือไม่?”จ้าวซูหว่านลอบยื่นเรียงความให้ฉินเซี่ยงเหิง สีหน้าภาคภูมิใจ “วางใจเถอะ ท่านให้ข้านำมาข้าก็นำมาแล้ว แต่ท่านไม่ใช่พูดว่าเรียงความของท่านยอดเยี่ยมกว่าซ่งอี้อันหรือ เหตุใดต้องขโมยของเขาด้วยเล่า?”“หากว่ากันตามพรสวรรค์ เดิมทีซ่งอี้อันเทียบข้าไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะเขามีความสัมพันธ์อันดีกับอาจารย์ เรียงความที่เขียนล้วนได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์ ไฉนเลยจะได้รับคำชมบ่อยครั้ง?”“ข้าไม่อาจยอมทนได้ พูดไปแล้วก็เป็นเพราะอาจารย์กับแม่ทัพซ่งมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากอยู่สักหน่อย ซ่งอี้อันถึงได้พึ่งบารมี รอข้าโดดเด่นในการสอบฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้ จะทำให้คนทั้งเมืองหลวงล้วนรู้ถึงความสามารถของข้า!”ในดวงตาจ้าวซูหว่านสะท้อนแววเลื่อมใส “พี่เซี่ยงเหิง ข้ารู้ว่าท่านยอดเยี่ยมที่สุด! ของก็นำมาแล้ว เช่นนั้นท่านจะมาสู่ขอข้ายามใด?”“เจ้าพูดกับซ่งอี้อันแล้วหรือ? เขารับปากฝากฝังเจ้าไว้กับข้าหรือไม่?” ฉินเซี่ยงเหิงถามกลับจ้าวซูหว่านลังเลครู่หนึ่ง นางกลับอยากพูด แ
ดวงตากลมของซ่งจืออวี้เบิกกว้าง ตกตะลึงไม่กล้าแม้แต่หายใจแรง เพราะพี่รองมองไม่เห็นจึงไม่ว้าวุ่น เขาที่กำลังมองดูเช่นนี้กลับรู้สึกตกใจยิ่งนักน้องหญิงห้ากับพี่รองช่างเป็นหนึ่งคนกล้ารักษา หนึ่งคนกล้าเชื่ออย่างแท้จริง!ซ่งรั่วเจินจับเข็มเงินแทงลงบนจุดฝังเข็มอย่างแผ่วเบา พลังวิญญาณไหลเข้าสมองของซ่งอี้อันไปตามเข็ม ค่อย ๆ สลายลิ่มเลือดในสมองส่วนนั้นซ่งอี้อันเพียงรู้สึกปวดหัวระลอกหนึ่ง กำมือทั้งสองข้างแน่นไม่ส่งเสียง สีหน้ากลับซีดเผือด เม็ดเหงื่อผุดพรายบนหน้าผาก“พี่รอง ท่านอดทนไว้ก่อน กระบวนการรักษาค่อนข้างเจ็บ”ครู่ต่อมา ตอนซ่งรั่วเจินดึงเข็มเงินออก สีหน้านางซีดเซียวสะท้อนความอ่อนล้า“น้องหญิงห้า เจ้าไม่เป็นไรนะ?” ซ่งจืออวี้มองน้องหญิงห้าที่กำลังโงนเงนอย่างกังวล ตกตะลึงอย่างสุดระงับ พี่รองดูแล้วคล้ายใกล้อดทนต่อไปไม่ไหว แต่เหตุใดน้องหญิงห้าดูแล้วคล้ายอาการหนักยิ่งกว่าพี่รองเสียอีก?“ข้าไม่เป็นไร” ซ่งรั่วเจินโบกมือ หยิบหมึกพู่กันทางด้านข้างเขียนเทียบยาแผ่นหนึ่ง“มั่วอวี่ เจ้าบดส่วนผสมของยาตามวิธีที่เขียนไว้ในตำรับยานี้ ทาบนผ้าโปร่ง ตอนกลางคืนพี่รองพักผ่อนก็ประคบไว้บนดวงตาของเขา”“ขอร
“เจ้าโทษข้างั้นหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าหลินชี้ตนเอง เอ่ยปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ตอนแรกเป็นเจ้าที่หมดอาลัยตายอยาก ข้ากลัวเจ้าล้มแล้วก็มิอาจลุกขึ้นได้อีกจึงขอการหมั้นหมายอันดีนี้ให้เจ้า หากไม่ใช่แม่ทัพซ่งเลื่อนตำแหน่งให้เจ้า เจ้าอยู่ในกองทัพจะก้าวหน้าโดดเด่นรวดเร็วเพียงนี้ได้อย่างไร?”“ข้าคิดเพื่อเจ้าไปเสียทุกอย่าง จัดแจงทั้งหมดไว้ให้อย่างดี ยามนี้เจ้ากลับโทษข้า?”เมื่อสบมองดวงตาแดงก่ำของฮูหยินผู้เฒ่า หลินจือเยว่เองก็รู้สึกผิด “ท่านแม่ ข้าถูกกระตุ้นจึงพูดจาเลอะเลือน ท่านอย่าเก็บไปใส่ใจ แต่แปดล้านตำลึงนี้ท่านจะต้องช่วยข้า หาไม่แล้ว...หาไม่แล้วแม้แต่ตำแหน่งป๋อนี้ข้าก็รักษาไว้ไม่ได้”“แปดล้านตำลึง ต่อให้ขายจวนโหวก็ยังไม่พอ ข้าจะไปหามาจากที่ใด? แต่ตอนนี้เจ้าเป็นเขยของแม่ทัพฉิน ฉินฮูหยินเองก็เป็นบุตรีของราชครูกู้ ย่อมไม่อาจทนมองเจ้าไม่คืนเงินจนถูกยึดตำแหน่งไปหรอกกระมัง!”ภายในสายตาฮูหยินผู้เฒ่าหลินเปี่ยมเล่ห์อุบาย “มิหนำซ้ำ สาเหตุที่เจ้าเสียตำแหน่งโหวไปล้วนต้องโทษฉินซวงซวง หากไม่ใช่เพราะนางสร้างความวุ่นวายมากเพียงนี้ เลวร้ายที่สุดเจ้าก็ถูกลงโทษแค่ปรับเบี้ยหวัด เงินนี้ต้องเป็นพวกเขาออก!”ดวงต
กู้อวิ๋นเวยยิ่งคิดยิ่งไม่พอใจ ก่อนหน้านี้ที่ซวงซวงหลงใหลฉู่อ๋อง นางกลับคิดหาหนทางวางแผนช่วยเหลือ หวังเพียงให้ลูกสาวสามารถเกาะกิ่งไม้สูงได้ ใครจะคาดคิดว่าสุดท้ายแล้วจะตกลงปลงใจไปกับหลินจือเยว่ นี่เพิ่งแต่งงานก็ถูกขังคุกแล้ว หลินจือเยว่เองก็เสียตำแหน่งถูกคนเย้ยหยัน แม้แต่นางวันนี้ก็ไม่มีหน้าให้ออกจากจวนแล้วนายท่านคิดว่าอยู่ในราชสำนักไปก็ขายหน้า จึงปฏิบัติต่อนางไม่ดี นางเองก็ทำได้เพียงอดทนไว้เดิมทีหลินจือเยว่ก็ถูกฉินซวงซวงพาลทำให้เดือดร้อน แต่คิดถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงยอมอดทน ใครจะคาดคิดว่ากลับถูกแม่ยายหาเรื่องกลับ บริภาษเขาว่าไม่มีความสามารถเช่นนี้?“ท่านแม่ เรื่องนี้หากซวงซวงไม่เชื่อนักต้มตุ๋นผู้นั้น หลอกลวงราชครูสวี อีกทั้งยังทำร้ายสกุลซ่ง เรื่องก็คงไม่เป็นเช่นนี้ ไฉนเลยจะโทษข้าไปเสียทุกเรื่องได้?” หลินจือเยว่อธิบายอย่างมิอาจหักใจ“ซวงซวงทำเช่นนี้ยังไม่ใช่เพื่อเจ้าอีกหรือ? หวังผูกไมตรีกับฮูหยินสวีผ่านผู้มีวิชา นางวางแผนคิดแทนเจ้า หากเจ้ามีความสามารถจริง นางก็ไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก หรือก่อนหน้านี้เจ้าจะทำเป็นว่าไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อยจริงๆ?” สุ้มเสียงของกู้อวิ๋นเวยคมกริบ พู
หลินจือเยว่ได้ยินเสียงตวาดของแม่ทัพฉิน ทุกประโยคล้วนทำให้เขาอับอายก่อนนี้ยามแต่งงาน แม้แม่ทัพฉินจะบ่นตำหนิ ไม่พอใจที่ทำให้ซวงซวงเป็นได้เพียงภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกัน แต่อย่างน้อยก็นับว่าเกรงใจ ทว่าบัดนี้เขาถูกซวงซวงพาลทำให้เดือดร้อนจนเสียตำแหน่ง แม่ทัพฉินไม่เพียงไม่รู้สึกผิด ตรงกันข้ามยังโยนความผิดทั้งหมดมาที่เขา!“ซวงซวงต้องติดคุกก็เพราะเจ้า หากเจ้าเป็นบุรุษคนหนึ่งก็ต้องหาทางช่วยนางออกมา ส่วนแปดล้านตำลึงนี้ เจ้าไปหาทางชดใช้ด้วยตนเองเถิด”แม่ทัพฉินทิ้งไว้เพียงสองประโยคก็หมุนตัวจากไปอย่างรังเกียจ กู้อวิ๋นเวยรีบไล่ตามไปด้วยสายตาไม่พอใจหลินจือเยว่ยืนอึ้งงันอยู่กับที่ ใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่นเจือไออำมหิตแรงกล้า สายลมพัดพาเสียงเย้ยหยันของทั้งสองคนเข้ามา“ช่างน่าอับอายขายหน้าโดยแท้ ยืมเงินยังต้องมายืมพ่อตา!”“เขากับแม่ของเขามีความสามารถใช้จ่ายเงินแปดล้านตำลึงภายในสองปี หรือไม่เคยคิดจะคืนเลย? เจ้าเองก็สายตาไม่ดี ยกลูกสาวให้คนเช่นนี้ บัดนี้เดือดร้อนมาถึงข้าจนไม่มีหน้าออกจากจวนแล้ว!”“นายท่าน นี่...ข้าเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ ครั้งนี้หลินจือเยว่กลับมามีสง่าราศีเพียงนั้น ใครจะคาดคิดว่าทั้งหม
“หลินจือเยว่ หากไม่ใช่เพราะแม่ทัพซ่งเห็นเจ้าเป็นเขยจึงเลื่อนขั้นให้ เจ้าตัวไร้ประโยชน์พรรค์นี้ยังสามารถสร้างความดีความชอบในสนามรบได้อีกหรือ? ความดีความชอบทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของแม่ทัพซ่ง! เดรัจฉานเจ้าคนนี้ยังเทียบสัตว์ร้ายไม่ได้! ยังมีหน้าโอหังต่อหน้าพวกเราอยู่อีกหรือ!”“เจ้ายึดเอาความดีความชอบของแม่ทัพซ่งไป ให้แม่นางซ่งดูแลงานในเรือนเพื่อเจ้า กลับสานสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฉินซวงซวงนางหญิงใจดำอำมหิตดุจอสรพิษพรรค์นี้อยู่ที่ชายแดน หันหลังให้คุณธรรม ไร้ยางอายเหลือหลาย ถึงขั้นยังมีหน้าว่าพวกเราอีกกระนั้นรึ?”“แม่นางซ่งโชคดีได้ถอนหมั้นกับเจ้า เจ้าคนอ้างคุณธรรมมโนธรรมเต็มปาก แท้จริงแล้วเป็นคนเลวทรามต่ำช้ามิคู่ควรครองคู่กับนาง!”หลินจือเยว่โมโหจวนเจียนจะระเบิดเต็มที อกกระเพื่อมขึ้นลง กลับดึงสติกลับมาได้ในทันใด “มิใช่ว่าเจ้าชอบรั่วเจิน ถึงเห็นข้าเสียอำนาจก็รีบเข้ามาเหยียบย่ำอย่างมิอาจอดรนทนไหวหรอกหรือ น่าเสียดายภายในหัวใจนางมีเพียงข้า เดิมทีก็ไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตา!”ขณะซ่งรั่วเจินเดินออกจากร้านขายเครื่องประดับฝั่งตรงข้ามก็เห็นภาพนี้“คุณหนู ท่านหลินป๋อทำเลยเถิดเกินไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าท่านถอนหมั
หลินจือเยว่ตกตะลึงหน้าถอดสี รีบทำความเคารพ “ฉู่อ๋อง กระหม่อมมิใช่ไม่พอใจ นี่ล้วนเป็นรั่วเจินจงใจฝืนเพิ่มความผิดให้กระหม่อม ท่านอ๋องอย่าได้เข้าใจผิด”“อ้อ? ข้ากลับคิดว่าแม่นางซ่งพูดได้มีเหตุผล”“ก่อนนี้ยามเจ้ากลับเข้าราชสำนัก เสด็จพ่อรู้ว่าเจ้าต้องการสู่ขอแม่นางซ่งยังเอ่ยปากชื่นชม แต่เจ้าหน้าไหว้หลังหลอก รับภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกันเข้ามาในวันเดียวกัน เป็นเจ้าผิดหลักคุณธรรมก่อน บัดนี้กลับโยนความผิดลงบนตัวแม่นางซ่งหรือ?”“กระหม่อมมิกล้า กระหม่อมเพียงพูดโดยไม่ยั้งคิด ยังหวังว่าท่านอ๋องจะมีเมตตา”หลินจือเยว่ตกใจจนเหงื่อเย็นไหล สาปแช่งภายในใจอย่างอดไม่ได้ แต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ชอบสอดมือเข้ามาในราชสำนัก ทว่าเมื่อวานเป็นฝ่ายช่วยซ่งจืออวี้พูดก่อน วันนี้ยังปกป้องซ่งรั่วเจินอีก ตกลงเพื่ออันใดกันแน่?“เจ้าทำผิดต่อแม่นางซ่งต่างหาก”ฉู่จวินถิงเอ่ยเสียงเรียบ สายตาสบมองคนตรงหน้า นางสวมชุดกระโปรงยาวสีชาด ขับเน้นผิวสีหยกจนเจือสีแดงเข้มราง ๆ ใบหน้างดงามพริ้มเพราผัดเพียงแป้งก็งดงามเป็นอันดับหนึ่งแม้เมื่อครู่มีท่าทางฝีปากคมคาย ก็ยังชวนให้คนมิอาจละสายตาไปได้ดังเดิม ยิ่งเพิ่มแรงดึงดูดสายหนึ่งซ่งรั่ว
ผ่านไปเพียงไม่นาน ลู่หมิ่นฮุ่ยก็มาถึงแล้วนับตั้งแต่เข้ามา สายตาของนางก็ตกลงบนตัวซ่งรั่วเจิน ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายซ่งรั่วเจินถูกสายตานี้มองเสียจนประหม่า เกิดความสงสัยภายในใจ ระยะนี้นางมิได้ล่วงเกินพระชายาอันหลาน คงมิใช่มาคิดบัญชีกับนางเพราะฮองเฮาหรอกกระมัง?ดวงตาดำดุจหมึกของฉู่จวินถิงสะท้อนความสงสัยสายหนึ่ง ขยับขึ้นมากำบังซ่งรั่วเจินไว้ข้างหลัง เอ่ยว่า “ท่านน้า วันนี้ท่านมาพบท่านป้าด้วยเหตุใด?”“ไม่ใช่” ลู่หมิ่นฮุ่ยโบกมือ “ข้าได้ยินว่าวันนี้เจ้าและแม่นางซ่งมา นี่จึงตั้งใจมาพบ”พูดไป มองเห็นลู่หมิ่นฮุ่ยสืบเท้าขึ้นมาหนึ่งก้าว ยิ้มกว้างจับมือซ่งรั่วเจิน ตบๆ อย่างสนิทสนม“แม่นางซ่ง ครั้งก่อนขอบคุณเจ้ามาก หากไม่ใช่เจ้าช่วยข้า ข้ายังไม่รู้จะสามารถตั้งครรภ์ได้ยามใด”“พระชายาไม่จำเป็นต้องเกรงใจถึงเพียงนี้ ต่อให้หม่อมฉันไม่พูด พระชายาก็จะมีข่าวดีอยู่แล้ว” ซ่งรั่วเจินเอ่ยฉู่จวินถิงเห็นท้องนูนขึ้นมาเล็กน้อยของลู่หมิ่นฮุ่ย นึกได้ว่าชาติก่อนท่านน้ามิได้ตั้งครรภ์ว่องไวถึงเพียงนี้หากไม่ใช่รั่วเจินกล่าวเตือน ยังต้องรออีกหนึ่งปี ครรภ์นี้ต้องขอบคุณรั่วเจินจริงๆ“ไม่ๆ ต้องขอบคุณเจ้า!”รอย
เช้าวันต่อมา ฉู่จวินถิงมารับซ่งรั่วเจินแล้วซ่งจืออวี้เห็นว่าเพิ่งได้สนทนากับน้องสาวบ้านตนสองประโยค คนก็จากไปแล้ว สลดใจอย่างอดไม่ได้“เมื่อวานน้องหญิงห้าก็ออกไปกับฉู่อ๋องทั้งวันแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดวันนี้ยังไปอีกเล่า? ฉู่อ๋องมาเยี่ยมเยียนบ่อยเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่มีอะไรน่าแปลกกัน? ได้พบกับแม่นางที่ชมชอบย่อมต้องเร็วสักหน่อย หาไม่แล้วจะได้อุ้มหญิงงามกลับไปยามใดกันเล่า?”ซ่งจิ่งเซินเผยสีหน้าเข้าใจ ผินมองซ่งจืออวี้สายตารังเกียจแวบหนึ่ง “มิน่าเล่าท่านถึงยังไม่เปิดใจ!”“เจ้ากลับเปิดใจแล้ว ยังมิสู้ไม่เปิดใจ!” ซ่งจืออวี้เย้ยหยันกลับไป เย้ยหยันเขาด้านอื่นก็ช่างเถอะ บัดนี้ซ่งจิ่งเซินยังเย้ยหยันเขาด้านนี้ นั่นไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย!“ได้ยินมาว่าสองวันนี้เคอหยวนจื่อปรากฎตัวภายในร้าน น่าจะตั้งใจมาหาเจ้ากระมัง? เมื่อวานยามข้าไปหยิบของที่ร้าน นางเกือบจำข้าเป็นเจ้าไปแล้ว”ซ่งจิ่งเซินหน้าดำทึบทึม “ข้ายอมรับ ก่อนนี้ข้าตาบอด พอใจแล้วกระมัง!”ซ่งจืออวี้หัวเราะอย่างอดไม่ได้ “ข้าเห็นว่าหลายวันนี้เจ้าพักผ่อนอยู่ที่บ้านเถอะ ปล่อยให้ผู้ดูแลมารายงานสถานการณ์กับเจ้าในจวนก็พอ หาไม่แล้วเคอหยวนจื่อและสหายน
ดวงตาฉู่จิ่นหวยทอประกาย “ใช่แล้ว ก็เป็นเช่นนี้! ข้าถามท่านแม่ว่าตกลงฝันถึงอะไร นางกลับไม่ยอมพูด พูดเพียงหลับไม่สนิท บอกให้ข้าไม่ต้องกังวล”“พูดเช่นนี้แล้ว สถานการณ์ของพวกเขาล้วนเหมือนกัน?” คนเงียบขรึมอย่างฉู่จวินถิงขมวดคิ้ว สังเกตเห็นปัญหาอย่างว่องไว “เกิดขึ้นตั้งแต่ยามใด?”“ท่านแม่ข้าบอกว่าเมื่อเจ็ดวันก่อน” ฉู่จิ่นหวยเอ่ยตอบอวิ๋นเนี่ยนชูกลับพูด “แม่ข้าเมื่อห้าวันก่อน”“ที่แท้ก็ฝันต่อเนื่องกันหลายวันนี่เอง พวกเราเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่หลายวันนี้ไม่เพียงจิตใจว้าวุ่น แม้แต่คนก็เริ่มบ่นงึมงำ ข้ารู้สึกผิดปกติยิ่งนัก”ได้ยินดังนั้น ซ่งรั่วเจินคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพียงแต่ท่านป้าและพระชายาเซียงอ๋องคล้ายไม่มีอะไร เหตุใดถึงฝันร้ายเช่นนี้เล่า?“ระยะอันใกล้นี้มีสิ่งของพิเศษอันใดเพิ่มขึ้นมา หรือมีที่ใดพิเศษบ้างหรือไม่?”ฉู่จิ่นหวยครุ่นคิด พูดว่า “วันปกติท่านแม่ซื้อของไม่น้อย ส่วนมีสิ่งใดเพิ่มขึ้นมานั้น ข้าเองก็ไม่แน่ใจ”“ระยะนี้ท่านน้ามิได้เพิ่มสิ่งใด เพียงแต่เมื่อห้าวันก่อนอนุอวิ๋นมาเที่ยวหนึ่ง อ้างว่าหวังดีต่อนางจึงนำของบางส่วนส่งมาให้ แต่ท่านน้าให้คนโยนทิ้งไปทั้งหมด”“ต่อม
ในห้องรับรองส่วนตัว อวิ๋นเนี่ยนชูนั่งลงด้านข้างซ่งรั่วเจิน สายตามองไปมาระหว่างซื่อจื่อน้อยผู้มีใบหน้าเปื้อนยิ้มและฉู่อ๋องใบหน้าเย็นชาไม่หยุดนางอดไม่ได้ที่จะดึงมือของซ่งรั่วเจินและกระซิบว่า “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่ค่อนข้างแปลกกัน?”ซ่งรั่วเจินลดเสียงลง “บางทีพวกเขาอาจจะเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ไม่ค่อยสนิทกันนัก?”อวิ๋นเนี่ยนชูรู้สึกอึดอัด “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”ซ่งรั่วเจินเฝ้ามองอาหารเลิศรสที่ถูกนำมาทีละจาน จึงพูดสร้างบรรยากาศขึ้นมาว่า “ได้ยินมาว่าอาหารในหอสุราเลิศรสอย่างมาก ปกติแล้วจะต้องจองที่นั่งล่วงหน้า ทุกท่านมาลองชิมดูกันดูเถอะ?”ขณะพูด นางก็คีบกุ้งใส่ลงในชามของฉู่จวินถิง ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยรอยยิ้มนับตั้งแต่เข้ามา ฉู่จวินถิงก็มีสีหน้าเย็นชา ต้องพูดเลยว่ายามเขาไม่ยิ้ม จะมีบรรยากาศกดดันอย่างยิ่งจนผู้อื่นไม่กล้าหายใจฉู่จวินถิงเหลือบมองกุ้งในชาม คิ้วคลายออกเล็กน้อย และยื่นมือไปคีบอาหารให้ซ่งรั่วเจิน “วันนี้เดินเล่นมานานมากแล้ว เจ้าก็คงหิวมากแล้ว กินเยอะๆ เล่า”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า นางก็ไม่เกรงใจและเริ่มกินทันที ทั้งยังพูดกับอวิ๋นเนี่ยนชูและคนอื่นๆ ว่า “พวกท่านก็รีบก
เมื่ออวิ๋นเฉิงเจ๋อเห็นซ่งรั่วเจินอยู่ที่นั่นก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที ทว่าก็เข้าใจในไม่ช้า “เนี่ยนชู เจ้าจะไปหาคุณหนูซ่งเพื่อพูดคุยเรื่องฝันร้ายของท่านน้าใช่หรือไม่?”ซ่งรั่วเจินชะงักไปชั่วครู่ ก่อนมองไปที่อวิ๋นเนี่ยนชูโดยไม่รู้ตัว “ท่านป้าก็ฝันร้ายเช่นกันหรือเจ้าคะ?”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้า “ช่วงนี้ท่านพ่อของข้ามักจะไปหาท่านแม่ตลอด ท่านตากับท่านน้าเองก็คอยไปกดดันท่านแม่ โดยหวังว่าท่านแม่จะเปลี่ยนใจทว่าท่านแม่ไม่ยอมเปลี่ยนใจ สถานการณ์จึงตึงเครียดไปหมด อนุอวิ๋นคนนั้นชอบสร้างเรื่อง ชอบพูดจาเสียดสีอยู่เรื่อย เพียงหวังว่าท่านแม่ของข้าจะไม่กลับไป นางจะได้มีโอกาสขึ้นเป็นอวิ๋นฮูหยินตอนแรกท่านแม่เพียงจิตใจเหนื่อยล้า ทว่าต่อมาจู่ๆ ก็เริ่มฝันร้ายจึงไปหาท่านหมอ ท่านหมอเพียงบอกว่านางวิตกกังวลมากเกินไปและความทุกข์รุมเร้า จึงจ่ายยาสงบใจให้จำนวนหนึ่งวันนี้ข้านัดพบกับท่านพี่ที่นี่ก็เพื่อคิดหาวิธีแก้ไขปัญหานี้”อย่างไรก็ตาม อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลับพูดว่า “คุณหนูซ่ง ข้าคิดว่าสถานการณ์ของท่านน้าไม่ง่ายขนาดนั้น กลัวว่าจะเป็นการกระทำของวิญญาณร้าย”“เหตุใดคุณชายอวิ๋นจึงพูดเช่นนี้?”“แม้ว่าหลายปีมานี้ใน
“นึกถึงเมื่อข้าก็ได้ยินถึงความสง่างามของเสด็จพี่มาตลอด ไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งเราจะได้กลายมาเป็นพี่น้องกัน วันหน้ามิสู้วันนี้ ถ้าหากเสด็จพี่ไม่รังเกียจก็ให้ข้าได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงมื้อเย็นได้หรือไม่?” ฉู่จวินถิงมองฉู่จิ่นหวยและอู๋เมี่ยวเสวียนที่อยู่ข้าง ๆ “ในเมื่อเจ้ามีคนที่นัดไว้แล้ว แล้วยังต้องรักษาท่านป้าอีก ธุระสำคัญไม่ควรชักช้า ค่อยเลี้ยงวันหลังเถิด”อย่างไรก็ตาม ฉู่จิ่นหวยนั้นกลับไม่อยากจะเลิกล้ม เขายิ้มพูด “มิเป็นไร คุณหนูอู๋เพียงแค่แนะนำหมอเทวดาให้ข้าเท่านั้น ค่อยส่งเด็กรับใช้ไปส่งท่านหมอมาที่จวนก็ได้”ซ่งรั่วเจินและอวิ๋นเนี่ยนซูย่อมเข้าใจดี หมอเทวดาที่แนะนำสามารถส่งคนมารับไปที่จวนเซียงอ๋องได้โดยตรงอู๋เมี่ยวเสวียนกลับมิได้ทำเช่นนั้น นั่นเพราะเขาต้องการใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อมาพบฉู่จิ่นหวย“คุณหนูซ่ง ที่จริงแล้วข้าคิดว่าอาการฝันร้ายของท่านแม่นั้นแปลก ข้าได้ยินว่าเจ้าเก่งในศาสตร์ลึกลับ ดังนั้นข้าจึงอยากขอคำชี้แนะจากเจ้าหน่อยข้าไม่มั่นใจ กังวลว่าการไปที่จวนนั้นจะยิ่งรบกวนเจ้า ในเมื่อยามนี้ได้พบเจ้าแล้วจึงอยากจะถาม”ฉู่จิ่นหวยพูดเหตุผลที่แท้จริงออกมาเมื่อฟังคำพูดนั้น ซ่งรั่
เมื่อลองพิจารณาดูแล้ว ซื่อจื่อน้อยก็เป็นน้องชายของฉู่อ๋องเช่นกัน หรือว่าฉู่อ๋องจะไม่ให้เกียรตินางเลยหรือ?นางนั้นลังเลยังไม่กล้าพูด ทันใดนั้นนางก็มองเห็นร่างสูงโปร่งดูอ่อนโยนเดินเข้ามา ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มในพริบตา“ซื่อจื่อน้อย ท่านมาแล้วหรือ!”ซ่งรั่วเจินหันไปมอง เห็นฉู่จิ่นหวยค่อย ๆ เดินเข้ามา ดวงตาพราวใสมีความประหลาดใจแล่นผ่านเมืองหลวงนั้นช่างเล็กเสียจริง แค่เพียงชั่วขณะเดียวก็บังเอิญพบเจอคนที่คุ้นเคยหลายคนจากงานเลี้ยงนับญาติครั้งก่อน นางก็ไม่เคยเห็นฉู่จิ่นหวยอีกเลย แต่ตอนที่พี่ใหญ่แต่งงาน จวนเซียงอ๋องกลับส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้ ทว่าได้ยินมาว่าพระชายาเซียงอ๋องไม่สบาย จึงไม่สามารถมาเข้าร่วมได้บัดนี้ได้พบกับฉู่จิ่นหวยอีกครั้ง หน้าตาของเด็กหนุ่มนั้นดูผ่อนคลายลงกว่าเมื่อก่อนประมาณหนึ่ง ไม่ปิดกั้นมากอย่างนั้นแล้ว แต่ยังคงมีความเศร้าหลงเหลืออยู่จาง ๆ“คุณหนูซ่ง?”เมื่อฉู่จิ่นหวยนั้นเห็นซ่งรั่วเจิน สายตานั้นเป็นประกายขึ้นมาบางส่วน แม้แต่เสียงก็ขึ้นสูงอย่างไม่รู้ตัว คล้ายมีความยินดีเป็นอย่างมาก “นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เจอเจ้า เจ้ามาภัตตาคารเพื่อกินอาหารเย็นเช่นกันหร
“ข้ารู้สึกว่าอวิ๋นฮูหยินปฏิบัติต่ออวิ๋นเฉิงเจ๋อดียิ่งนัก ไม่ใช่ลูกในไส้ของนางสักหน่อย หรือเป็นลูกชายในไส้จริงๆ?”เพียงแต่หากเป็นเช่นนี้ แม้อวิ๋นเฉิงเจ๋อไม่ต้องตบแต่งกับอวิ๋นซีหว่าน แต่มิใช่ทำให้อวิ๋นเนี่ยนชูเสียเวลาหรอกหรือ? หากไม่มีตระกูลอวิ๋นและตระกูลจาง นางก็เป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง เกรงว่าจะแต่งเข้าตระกูลดีๆไม่ได้”ทุกคนต่างจุ๊ปากสะท้อนใจ เรื่องนี้อวิ๋นฮูหยินช่างไร้คุณธรรมยิ่งนัก แต่การที่อวิ๋นฮูหยินกระทำเช่นนี้ เรียกได้ว่าทำร้ายคนอื่นก็ทำร้ายถูกตัวเองด้วยในสายตาของหลายคนคือ ได้ไม่คุ้มเสียเพราะหลังจากหย่าร้างก็มิใช่ภรรยาของข้าราชการแล้ว ทั้งไม่มีความช่วยเหลือจากครอบครัวมารดาอีก นางก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว“มารดาของเจ้าปกป้องแต่ญาติผู้พี่ของเจ้าเท่านั้น และไม่คำนึกถึงเจ้าเลยแม้แต่น้อย ได้ยินมาว่าเพราะนางไม่มีลูกชาย จึงเลี้ยงญาติผู้พี่ของเจ้าดั่งลูกชายแท้ๆ?”อู๋เมี่ยวเสวียนหัวเราะเยาะ “ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่ามาชิงกับข้า มันไม่เป็นผลดีกับเจ้าหรอก”“นี่เป็นเรื่องของครอบครัวข้า เจ้าไม่มีสิทธิที่จะเอามาพูด วันนี้เจ้าอย่าคิดจะชิงกับข้า!”“ท่านอ๋อง เนี่ยนชูเพคะ”ซ่งรั่วเจินอยู่ข
งานเลี้ยงวันเกิดของฉู่มู่เหยาใกล้จะถึงแล้ว จะต้องรีบจัดเตรียมงานโดยเร็วฉู่จวินถิงเห็นซ่งรั่วเจินภาพวาดเป็นครั้งแรก พบว่าวิธีการวาดภาพของนางไม่เหมือนกับที่เห็นตามปกติทั่วไปแค่นางตวัดปลายพู่กันอย่างสบายเพียงไม่กี่ครั้งก็ปรากฏเรือนร่างอรชรของหญิงสาวได้ กระนั้นยังวาดรายละเอียดอันวิจิตของกระโปรงออกมาได้อีกทุกจุดออกแบบอย่างพิถีพิถัน ทั้งความยาว ความกว้าง แม้กระทั่งวัสดุที่เลือกใช้ก็เขียนไว้ด้านข้างอย่างชัดเจน ทำให้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเสื้อผ้าของลั่วเซินฟางจึงมีเอกลักษณ์มากเมื่อก่อนรู้แค่ว่านางเก่งเรื่องศาสตร์ลี้ลับ และยังรู้จักทำการค้า ร้านที่นางเปิดกิจการก็เป็นไปได้ดี แต่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วนางยังมีพรสวรรค์เพียงนี้หญิงสาวเช่นนี้...เมื่อก่อนในเมืองหลวงต้องได้รับฉายาว่าเป็นกุลสตรีตระกูลใหญ่เท่านั้น ช่างเป็นสตรีที่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากเสียจริงหวนนึกถึงชาติที่แล้วเห็นเพียงแค่ซ่งรั่วเจินผู้เศร้าโศก ต่างจากคนตรงหน้านี้...อุปนิสัยช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงซ่งรั่วเจินเลือกผ้าด้วยตนเอง และหารือกับช่างเย็บปักเกี่ยวกับแบบลวดลายปัก แล้วจึงเดินไปด้านหน้าฉู่จวินถิงชายหนุ่มยืนรอนางอยู่ต