แชร์

บทที่ 56

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
“ฝ่าบาท กระหม่อม กระหม่อมกำลังหาทาง...”

หลินจือเยว่เหงื่อผุดดุจเม็ดฝน เขาประเมินการตัดสินใจเฉียบขาดของสกุลซ่งต่ำไป ถึงขั้นแม้เสียหน้าก็ต้องทำลายเขาให้ได้!

“เจ้าคิดวิธีอันใดได้เล่า? ได้ยินว่าสองปีมานี้ เจ้าไม่เพียงยกมารดาเฒ่าในจวนให้แม่นางซ่งดูแล ตนเองอยู่ที่ชายแดนยังเขียนจดหมายขอเงินสกุลซ่งบ่อยครั้ง ตอนแต่งงานเจ้าก็สู่ขอภรรยาหลวงที่มีศักดิ์ทัดเทียมกันมาหยามเกียรติแม่นางซ่งอีกด้วย เจ้าช่างไม่สมควรเป็นคนยิ่งนัก!”

ฮ่องเต้กริ้วหนัก ก่อนนี้ชมชอบหลินจือเยว่มากเพียงใด บัดนี้ก็คับข้องหมองใจมากเพียงนั้น

สีหน้าหลินจือเยว่ซีดเผือด คิดไม่ถึงว่าซ่งจืออวี้ไม่เพียงพูดเรื่องหนี้สิน แม้แต่เรื่องเหล่านี้ก็กราบทูลต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทจนหมดสิ้น นี่...นี่ช่างเป็นการตัดอนาคตของเขาโดยแท้!

“ฝ่าบาท กระหม่อมเองก็ไม่คิดว่ารักษามารดาต้องใช้เงินมากเพียงนี้ นับตั้งแต่รู้เรื่องกระหม่อมก็คิดหาทางชดใช้ เพียงแต่ว่าจำนวนเงินนั้นไม่น้อยนัก จึงทำให้เสียเวลาไปหลายวัน...”

เห็นหลินจือเยว่เปิดปากก็โยนความรับผิดชอบไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าหลิน ซ่งจืออวี้ย่อมไม่อาจยอมรับ

“ฝ่าบาท น้องหญิงของกระหม่อมถูกหลินโหวทำร้ายจิตใจ ปรารถ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Sakda
หน้านี้บทน้อยมากนับวันยิ่งน้อยหน้าไม่สมราคาที่จ่ายไป
goodnovel comment avatar
Piyanuch
......น่าจะหยุดอ่านไม่ได้แล้ว...
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 57

    “หลินโหว แม่นางฉินเป็นคนเคียงหมอนของเจ้า วันแต่งงานเจ้าพูดไปทุกถ้อยคำว่านางจิตใจดีมีเมตตา รู้จักนางดี บัดนี้กลับพูดว่าไม่รู้เรื่อง เจ้าเป็นขุนนางในราชสำนักถึงขั้นมองจิตใจชั่วร้ายโหดเหี้ยมของคนเคียงหมอนไม่กระจ่าง นี่ไม่เลอะเลือนเกินไปหน่อยหรือ?” ฉู่จวินถิงเอ่ยปากเสียงเรียบหลินจือเยว่สายตาโง่งม ถูกกล่าวโทษเพิ่มอีกหนึ่งข้อแล้วกระนั้นหรือ?“ซวงซวงเองก็ถูกผู้มีวิชาหลอก พูดไปแล้วทั้งหมดล้วนต้องโทษนักต้มตุ๋นผู้นั้นที่ทำร้ายผู้คนมากถึงเพียงนี้” หลินจือเยว่อธิบายราชครูสวีเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “นั่นเพราะโง่เขลาเบาปัญญา ทำร้ายตนเองทั้งสิ้น!”หนึ่งคนต่อหนึ่งคนกล่าวโทษ สีหน้าหลินจือเยว่ซีดเผือด ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าซ่งหลานจือเป็นหรือตาย ก็สูญเสียอำนาจใหญ่ไปแล้ว ภายในราชสำนักอย่างมากที่สุดก็มีแม่ทัพไป๋ที่ยินดีช่วยพูดแทนพวกเขาเท่านั้น เหตุใดราชครูสวีกับฉู่อ๋องก็ล้วนปกป้องจวนสกุลซ่งเล่า?ซ่งจืออวี้เองก็มองอย่างโง่งมตอนมาตีกลองร้องทุกข์ในวันนี้ แท้จริงแล้วเขาเองก็กระวนกระวายใจ แต่บัดนี้คนที่สามารถกระทำเรื่องนี้ได้ก็เหลือเพียงเขาคนเดียวที่เหมาะสมที่สุด มิหนำซ้ำน้องหญิงห้ายังช่วยเขาคิดคำพูดดี ๆ ไว้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 58

    ณ จวนสกุลซ่งซ่งรั่วเจินได้ยินข่าวนี้ก็ดีใจมาก แม้แต่ซ่งอี้อันก็กินข้าวมื้อกลางวันมากขึ้นอีกหนึ่งชาม“ฝ่าบาทตรัสว่าครั้งนี้ทำให้เจ้าต้องเสียใจแล้ว รางวัลพระราชทานเหล่านี้ล้วนมอบให้เจ้า” ซ่งจืออวี้วางผ้าไหมสูจิ่นและปิ่นมุกลงตรงหน้าซ่งรั่วเจิน ทั้งยังพูดกับหลิ่วหรูเยียน “ฝ่าบาทยังรับสั่งว่าท่านพ่อไม่รู้เป็นหรือตาย พระองค์ทรงจำทุกเรื่องที่ท่านพ่อทำเพื่อราชสำนักไว้หมดแล้ว จะต้องไม่ปล่อยให้คนรังแกสกุลซ่งของพวกเราแน่นอน”หลิ่วหรูเยียนขอบตาแดงเรื่อ “ฝ่าบาทยังจำนายท่านได้...”“ท่านแม่ ไม่ช้าก็เร็วท่านพ่อจะต้องกลับมาแน่นอนเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปลอบ “ท่านดูผ้าไหมสูจิ่นเหล่านี้ ข้าดูแล้วสีดอกไม้นี้เหมาะกับท่านมาก ยังมีปิ่นมุกดอกโบตั๋นนี้อีก เหมาะกับท่านยิ่งนัก”หลิ่วหรูเยียนมองผ้าไหมและเครื่องประดับ อารมณ์ดีขึ้นหลายส่วน “นี่ล้วนเป็นฝ่าบาทพระราชทานให้เจ้า เจ้านำไปตัดชุดสวย ๆ มากหน่อยเถอะ”“ฝ่าบาทพระราชทานให้มากเพียงนี้ ท่านแม่ก็เลือกเอามากหน่อยเถิด ที่เหลือข้าค่อยนำไปตัดเสื้อผ้าก็ยังนับว่าพอเหลือ”“ได้ แม่รู้ว่าเจ้ากตัญญู”หลิ่วหรูเยียนสั่งให้บ่าวรับใช้ถือผ้าไหมสูจิ่น ก่อนจะออกไปพร้อมรอย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 59

    อ้างว่ามาหาเจ้าของร่างเดิมและปรากฏตัวข้างกายซ่งอี้อัน ยิ่งไปกว่านั้นยังใจกล้าสารภาพรัก ถูกปฏิเสธอย่างต่อเนื่องหลายครั้งกลับไม่ตัดใจ ซ่งอี้อันถึงได้ค่อย ๆ เปลี่ยนความคิดจนใจที่เนื้อแท้ของจ้าวซูหว่านไม่ใช่คนสงบเสงี่ยม ทว่าซ่งอี้อันควบคุมตนเองรักษามารยาท แม้หมั้นหมายแล้วก็ไม่เคยล่วงเกินเลยแม้แต่น้อย จ้าวซูหว่านไม่อาจข่มความเปล่าเปลี่ยวได้จึงไปคบหากับฉินเซี่ยงเหิง กลิ่นเหม็นเน่าบนตัวของทั้งสองคนผสานเข้ากันได้ดี ชายโรคจิตกับหญิงแพศยา บัดนี้ลอบสานสัมพันธ์ลึกซึ้งจนตั้งครรภ์แล้วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองก็มีส่วนผิดในเรื่องนี้ ซ่งรั่วเจินก็ต้องลอบสบถในใจ!“ข้าไม่เข้าใจ” ซ่งรั่วเจินพูดอย่างไม่เกรงใจจ้าวซูหว่านตาแดงก่ำ “รั่วเจิน เจ้าพูดเช่นนี้ก็เพราะต้องการตีตัวออกห่างจากข้า ข้าเป็นสหายที่ดีของเจ้ามาโดยตลอด ยามนี้ข้าไม่มีโอกาสเป็นพี่สะใภ้ของเจ้าแล้ว ข้าเองก็เสียใจมาก เหตุใดพวกเจ้าต้องโทษข้าด้วยเล่า?”ซ่งรั่วเจิน “...” นี่มันดอกบัวขาว[1]ดอกใหญ่มากเชียวล่ะ“จ้าวซูหว่าน จะพูดอะไรก็ต้องมีมโนธรรม หลังเจ้าถอนหมั้น พวกเราสกุลซ่งเคยว่าอะไรสักคำหรือไม่?”“พี่รองของข้าช่วยเจ้าจึงตาบอด หากเป็นคนมีมโน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 60

    ภายในเรือนจ้าวซูหว่านเห็นว่าซ่งรั่วเจินกับหลินจืออวี้จากไปแล้วจึงได้ถอนหายใจโล่งอก แต่ไหนแต่ไรมาซ่งอี้อันมีอุปนิสัยอบอุ่นอ่อนโยน หากไม่ใช่เพราะพวกซ่งรั่วเจินสองคนนั้นยุแยง เมื่อครู่ก็ไม่มีทางปฏิบัติต่อนางเช่นนั้นบัดนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน ขอเพียงนางใช้ลูกไม้เล็กน้อย ซ่งอี้อันจะต้องให้อภัยนางแน่นอน ชนิดที่ว่าคิดแทนนางและฝากฝังนางไว้กับพี่เซี่ยงเหิง เมื่อถึงเวลานั้นนางก็สามารถแต่งเข้าจวนสกุลฉินได้อย่างไรเสียพี่เซี่ยงเหิงก็น่าสนใจกว่าเจ้าหนอนหนังสือผู้นี้มากนัก!“พี่อี้อัน ข้ารู้ว่าท่านยังมีโทสะภายในใจ รั่วเจินเองก็แค้นข้า แต่ข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง ไม่มีทางเลือกจริงๆ...”ขอบตาจ้าวซูหว่านเปียกรื้น ท่าทางน้อยใจเหลือหลาย “หากข้าสามารถเลือกได้ ข้าจะไม่ถอนหมั้นกับท่านแน่นอน ข้ารู้สึกอย่างไรกับท่าน ท่านก็รู้”ซ่งอี้อันฟังเสียงร้องไห้ตัดพ้อของฝ่ายหญิงเงียบ ๆ สมองย้อนคิดถึงวันวาน หากไม่ได้ยินบทสนทนานั้นของจ้าวซูหว่านกับฉินเซี่ยงเหิง เขาก็ไม่กล้าเชื่อว่าความรู้สึกของจ้าวซูหว่านก่อนหน้านี้เป็นความเท็จพวกเขาถอนหมั้นกันเพียงสองสามวัน นางก็ตั้งครรภ์แล้ว ดูก็รู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาท

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 61

    ไม่ไกลกันนั้น ซ่งรั่วเจินกับซ่งจืออวี้นั่งอยู่บนหลังคารับชมการแสดงแสนสนุกทางด้านล่าง น่าเสียดายที่ขาดเมล็ดแตงไป จึงหมดสนุกไปบ้าง“คิดไม่ถึงว่าแต่ไหนแต่ไรมาพี่รองเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยน ปฏิบัติต่อคุณหนูจ้าวก็นุ่มนวลมาก วันนี้สามารถเย็นชาเพียงนี้ได้ ข้ายังกังวลว่าพี่รองจะคิดไม่ตก บัดนี้นับว่าวางใจแล้ว” ซ่งจืออวี้ถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่งซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “พี่รองอุปนิสัยซื่อสัตย์อ่อนโยนจริงนั่นล่ะ ทว่าเขากลับฉลาดมาก ในเมื่อไม่ใช่คนดี ก็ต้องยับยั้งตนเองให้ทันท่วงที เพียงแต่...เกรงว่าจ้าวซูหว่านจะไม่ยอมจากไปง่ายดายเพียงนั้น”“พี่รองพูดถึงขั้นนี้แล้ว หรือสตรีผู้นี้จะยังหน้าหนาไร้ยางอายอยู่ที่นี่ต่ออีกรึ?” ซ่งจืออวี้ประหลาดใจ“ท่านดูไปเถิด” ซ่งรั่วเจินหรี่ตา นางเองก็อยากพิสูจน์ว่าตนเองคิดผิดไปหรือไม่จ้าวซูหว่านเห็นซ่งอี้อันไม่มอบโอกาสให้เลยสักเศษเสี้ยว จึงทำเพียงเอ่ยปาก “ก่อนหน้านี้ข้าทิ้งของสิ่งหนึ่งไว้ในห้องท่าน ข้าสามารถไปหยิบมาได้หรือไม่?”พี่เซี่ยงเหิงสำทับนักสำทับหนา นางมาจวนสกุลซ่งในครั้งนี้จะต้องนำเรียงความที่ซ่งอี้อันเขียนไว้เมื่อก่อนกลับไปให้ได้ อย่างไรเสียตอนนี้ซ่งอี้อันก็

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 62

    จ้าวซูหว่านเพิ่งออกจากสกุลซ่งได้ไม่ไกล ก็ถูกฉินเซี่ยงเหิงเร่งรุดมาลากเข้าไปในตรอกเล็กแห่งหนึ่ง“เป็นอย่างไรบ้าง? ของที่ข้าให้เจ้าไปเอาได้มาแล้วหรือไม่?”จ้าวซูหว่านลอบยื่นเรียงความให้ฉินเซี่ยงเหิง สีหน้าภาคภูมิใจ “วางใจเถอะ ท่านให้ข้านำมาข้าก็นำมาแล้ว แต่ท่านไม่ใช่พูดว่าเรียงความของท่านยอดเยี่ยมกว่าซ่งอี้อันหรือ เหตุใดต้องขโมยของเขาด้วยเล่า?”“หากว่ากันตามพรสวรรค์ เดิมทีซ่งอี้อันเทียบข้าไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะเขามีความสัมพันธ์อันดีกับอาจารย์ เรียงความที่เขียนล้วนได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์ ไฉนเลยจะได้รับคำชมบ่อยครั้ง?”“ข้าไม่อาจยอมทนได้ พูดไปแล้วก็เป็นเพราะอาจารย์กับแม่ทัพซ่งมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากอยู่สักหน่อย ซ่งอี้อันถึงได้พึ่งบารมี รอข้าโดดเด่นในการสอบฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้ จะทำให้คนทั้งเมืองหลวงล้วนรู้ถึงความสามารถของข้า!”ในดวงตาจ้าวซูหว่านสะท้อนแววเลื่อมใส “พี่เซี่ยงเหิง ข้ารู้ว่าท่านยอดเยี่ยมที่สุด! ของก็นำมาแล้ว เช่นนั้นท่านจะมาสู่ขอข้ายามใด?”“เจ้าพูดกับซ่งอี้อันแล้วหรือ? เขารับปากฝากฝังเจ้าไว้กับข้าหรือไม่?” ฉินเซี่ยงเหิงถามกลับจ้าวซูหว่านลังเลครู่หนึ่ง นางกลับอยากพูด แ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 63

    ดวงตากลมของซ่งจืออวี้เบิกกว้าง ตกตะลึงไม่กล้าแม้แต่หายใจแรง เพราะพี่รองมองไม่เห็นจึงไม่ว้าวุ่น เขาที่กำลังมองดูเช่นนี้กลับรู้สึกตกใจยิ่งนักน้องหญิงห้ากับพี่รองช่างเป็นหนึ่งคนกล้ารักษา หนึ่งคนกล้าเชื่ออย่างแท้จริง!ซ่งรั่วเจินจับเข็มเงินแทงลงบนจุดฝังเข็มอย่างแผ่วเบา พลังวิญญาณไหลเข้าสมองของซ่งอี้อันไปตามเข็ม ค่อย ๆ สลายลิ่มเลือดในสมองส่วนนั้นซ่งอี้อันเพียงรู้สึกปวดหัวระลอกหนึ่ง กำมือทั้งสองข้างแน่นไม่ส่งเสียง สีหน้ากลับซีดเผือด เม็ดเหงื่อผุดพรายบนหน้าผาก“พี่รอง ท่านอดทนไว้ก่อน กระบวนการรักษาค่อนข้างเจ็บ”ครู่ต่อมา ตอนซ่งรั่วเจินดึงเข็มเงินออก สีหน้านางซีดเซียวสะท้อนความอ่อนล้า“น้องหญิงห้า เจ้าไม่เป็นไรนะ?” ซ่งจืออวี้มองน้องหญิงห้าที่กำลังโงนเงนอย่างกังวล ตกตะลึงอย่างสุดระงับ พี่รองดูแล้วคล้ายใกล้อดทนต่อไปไม่ไหว แต่เหตุใดน้องหญิงห้าดูแล้วคล้ายอาการหนักยิ่งกว่าพี่รองเสียอีก?“ข้าไม่เป็นไร” ซ่งรั่วเจินโบกมือ หยิบหมึกพู่กันทางด้านข้างเขียนเทียบยาแผ่นหนึ่ง“มั่วอวี่ เจ้าบดส่วนผสมของยาตามวิธีที่เขียนไว้ในตำรับยานี้ ทาบนผ้าโปร่ง ตอนกลางคืนพี่รองพักผ่อนก็ประคบไว้บนดวงตาของเขา”“ขอร

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 64

    “เจ้าโทษข้างั้นหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าหลินชี้ตนเอง เอ่ยปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ตอนแรกเป็นเจ้าที่หมดอาลัยตายอยาก ข้ากลัวเจ้าล้มแล้วก็มิอาจลุกขึ้นได้อีกจึงขอการหมั้นหมายอันดีนี้ให้เจ้า หากไม่ใช่แม่ทัพซ่งเลื่อนตำแหน่งให้เจ้า เจ้าอยู่ในกองทัพจะก้าวหน้าโดดเด่นรวดเร็วเพียงนี้ได้อย่างไร?”“ข้าคิดเพื่อเจ้าไปเสียทุกอย่าง จัดแจงทั้งหมดไว้ให้อย่างดี ยามนี้เจ้ากลับโทษข้า?”เมื่อสบมองดวงตาแดงก่ำของฮูหยินผู้เฒ่า หลินจือเยว่เองก็รู้สึกผิด “ท่านแม่ ข้าถูกกระตุ้นจึงพูดจาเลอะเลือน ท่านอย่าเก็บไปใส่ใจ แต่แปดล้านตำลึงนี้ท่านจะต้องช่วยข้า หาไม่แล้ว...หาไม่แล้วแม้แต่ตำแหน่งป๋อนี้ข้าก็รักษาไว้ไม่ได้”“แปดล้านตำลึง ต่อให้ขายจวนโหวก็ยังไม่พอ ข้าจะไปหามาจากที่ใด? แต่ตอนนี้เจ้าเป็นเขยของแม่ทัพฉิน ฉินฮูหยินเองก็เป็นบุตรีของราชครูกู้ ย่อมไม่อาจทนมองเจ้าไม่คืนเงินจนถูกยึดตำแหน่งไปหรอกกระมัง!”ภายในสายตาฮูหยินผู้เฒ่าหลินเปี่ยมเล่ห์อุบาย “มิหนำซ้ำ สาเหตุที่เจ้าเสียตำแหน่งโหวไปล้วนต้องโทษฉินซวงซวง หากไม่ใช่เพราะนางสร้างความวุ่นวายมากเพียงนี้ เลวร้ายที่สุดเจ้าก็ถูกลงโทษแค่ปรับเบี้ยหวัด เงินนี้ต้องเป็นพวกเขาออก!”ดวงต

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 602

    “สกุลหลิ่วจะถูกปลดตำแหน่งขุนนางหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินมองเขาอย่างสงสัย สายตาแยกดำขาวอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์ทอประกายระยับ สุกสกาวเป็นพิเศษสุ้มเสียงนางนุ่มนวล เพียงแค่เอ่ยถามเรียบๆ หนึ่งประโยค ทว่าตกอยู่ในหูของฉู่จวินถิง กลับอยากจะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นจริง“แน่นอน”เส้นเสียงของเขาต่ำหนัก สุ้มเสียงมั่นใจอย่างมากซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น “หลายปีมานี้ภายใต้การช่วยเหลือของสกุลฉินใต้เท้าหลิ่วก็สร้างผลงานไว้บ้าง แม้ว่าบัดนี้มีความผิดสลับตัวเด็ก แต่ทำให้เขาถูกลดตำแหน่งนั้นง่าย ปลดตำแหน่งขุนนางกลับไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”เรื่องพรรค์นี้ในแวดวงขุนนาง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวของสองตระกูล คนอื่นมากที่สุดก็ล้วนรับชมความครึกครื้นยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นายท่านหลิ่วโยนความผิดทั้งหมดไว้บนตัวญาติฝ่ายหญิง หากเป็นเรื่องภายในเรือน ย่อมเกี่ยวข้องกับเขาไม่มากเพียงแต่ นางรู้ดีมากว่านายท่านหลิ่วจะต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ นายหญิงหลิ่วเองก็วางอุบายเพื่อให้เขาโชคดีในเส้นทางของขุนนาง คนที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้...ไม่มีผู้บริสุทธิ์แม้คนเดียว“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าด้านข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 601

    “พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าปีนั้นสกุลกู้เคยคิดจะให้กู้อวิ๋นเวยแต่งงานกับแม่ทัพซ่ง แต่ท้ายที่สุดงานแต่งนี้ก็ไม่สำเร็จ?คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้ว แม่ทัพซ่งยังเป็นลูกเขยของสกุลกู้ นี่นับว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิตใช่หรือไม่?”“ข้าก็พูดแล้วสกุลกู้ซื่อสัตย์ภักดีทั้งตระกูล เหตุใดอุปนิสัยของกู้อวิ๋นเวยจึงแตกต่างออกไปถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูล ตกอับจนมีจุดจบเฉกเช่นทุกวันนี้ บัดนี้นับว่าเข้าใจทั้งหมดแล้ว การกระทำนั้นยังไม่เหมือนสกุลหลิ่วทุกกระเบียดนิ้วอีกหรือ?”ทุกคนต่างพากันส่ายหน้า รู้สึกเพียงสลดใจบัดนี้หลิ่วหรูเยียนกำลังนั่งอยู่ร่วมกับพวกราชครูกู้ ได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงเรื่องในตอนแรก“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าอุบัติเหตุในตอนนั้นจะทำให้เจ้าต้องตกลำบากอยู่ภายนอกมานานหลายปีถึงเพียงนี้ เป็นแม่ทำผิดต่อเจ้า...”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้จับมือหลิ่วหรูเยียนพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ที่ผ่านมานางก็เคยได้ยินเรื่องของหลิ่วหรูเยียน รู้ว่าหลายปีมานี้นางใช้ชีวิตอยู่ที่สกุลหลิ่วอย่างยากลำบาก ยังแปลกใจเหตุใดสกุลหลิ่วลำเอียงถึงเพียงนี้เพียงแต่ เดิมทีก็เป็นลูกของบ้านอื่น พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้บัด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 600

    “ลูกที่ใส่ใจเลี้ยงดูมานานหลายปี ย่อมไม่ใช่พูดว่าตัดสายสัมพันธ์ก็ตัดขาดไปเลยได้ข้าผิดไปแล้ว เป็นข้าทำผิดต่อซ่งฮูหยิน ทำผิดต่อสกุลกู้!”ได้ยินแผนการของสกุลหลิ่วที่ก่อนหน้านี้ทุกคนหยั่งเดาเอาไว้แล้ว คราวนี้ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างอดไม่ได้ นี่วางอุบายได้อย่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!ผลประโยชน์ล้วนถูกพวกเขาเอาเปรียบจนหมดสิ้น!หากไม่ใช่กู้อวิ๋นเวยไร้ความสามารถ ก่อความวุ่นวายจนสกุลกู้ตัดขาดความสัมพันธ์ พวกเขาสกุลหลิ่วก็สามารถอาศัยความสัมพันธ์นี้ดึงความสัมพันธ์ของสกุลกู้ให้ใกล้ชิดกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลิ่วหรูเยียนมีความสามารถถึงเพียงนี้ ทำให้พวกเขาเอาเปรียบได้สีหน้าราชครูกู้แข็งทื่อดุจเหล็ก พูดเสียงโกรธขึ้ง “บัดนี้พวกเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก!”“ราชครูกู้ ท่านระงับโทสะก่อน นี่ล้วนเป็นเรื่องที่ฮูหยินของข้าทำ เดิมทีข้าก็ไม่รู้เรื่องนี้!”นายท่านหลิ่วเห็นความลับถูกเปิดเผยแล้ว รีบโยนเรื่องทั้งหมดไว้ที่นายหญิงหลิ่วนายหญิงหลิ่วตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าคนนอนเคียงหมอนร่วมกันมานานหลายปีเห็นปัญหาใหญ่มาเยือนก็ผลักนางออกไปในทันที พูดเสียงโกรธขึ้ง“นี่ เหตุใดถึงโยนทั้งหมดมาที่ข้าคนเดียวเล่า?ทั้งๆ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 599

    เผชิญหน้ากับคำวิงวอนขอความเมตตาจากนายท่านหลิ่ว ราชครูกู้ไม่ชายตาแลมองเขาเลยสักครั้ง ใบหน้าหยาบกร้านกำลังสบมองกู้อวิ๋นเวย ภายในสายตาเปี่ยมความสงสารและห่วงใย“ลูกเอ๋ย หลายปีมานี้ เจ้าลำบากแล้ว เป็นพวกเราทำผิดต่อเจ้า”หลิ่วหรูเยียนยังมิอาจยอมรับความจริงที่ว่าตนเป็นลูกของสกุลกู้ในทันทีเลยได้ เพียงแต่เผชิญหน้ากับท่าทางสงสารนั้นของราชครูกู้และฮูหยินผู้เฒ่ากู้ เพียงครู่เดียวนางก็ใจอ่อนแล้วเมื่อหลายวันก่อนได้พบฮูหยินผู้เฒ่ากู้ครั้งแรกนางก็รู้สึกคุ้นเคย หลายปีมานี้ไม่เคยรู้สึกสนิทสนมเช่นนี้มาก่อน บัดนี้ได้เห็นราชครูกู้ นางก็รู้สึกว่าตนเองหน้าตาคล้ายเขาอยู่บ้าง ขอบตาแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัวที่แท้...นี่ต่างหากคือพ่อแม่แท้ๆ ของนาง!นึกถึงเมื่อแรกนางเคยได้ยินมาว่าสกุลกู้รักใคร่เอ็นดูลูกสาวเพียงคนเดียวมาก ความรุ่งโรจน์ในเวลานั้นทำให้แม่นางในเมืองหลวงมากมายต่างพากันอิจฉาตอนนั้น นางเองก็เคยอิจฉากู้อวิ๋นเวย อย่างไรเสียสำหรับนางแล้ว ยังไม่ต้องพูดว่ารักใคร่เอ็นดูเช่นนี้เลย แม้แต่พี่น้องเองก็ปฏิบัติคล้ายนางเป็นส่วนเกิน“ไม่ ไม่เจ้าค่ะ”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้า ใบหน้ากลับประดับยิ้มนางเข้าใจ สกุลกู้มิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 598

    วาจาคมกริบนี้ฉีกหน้าสกุลหลิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย พริบตาต่อมาคนภายในงานเข้าใจแล้วก่อนหน้านี้คนที่ยังคิดว่าสกุลหลิ่วพูดมีเหตุผลและน่าสงสารมาก บัดนี้รู้สึกเพียงถูกตบหน้าหนึ่งฉาดด้วยมือที่มองไม่เห็น!อีกฝ่ายเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาที่ใดกัน เห็นชัดว่าพวกเขาหน้าซื่อใจคดอีกทั้งยังเย็นชา ยังไม่ต้องพูดว่าเอาเปรียบสกุลกู้ ยังสามารถแสร้งทำท่าทางเป็นคนดีกล่าวโทษหลิ่วหรูเยียนได้อีกด้วยหากไม่ใช่วันนี้ถูกเปิดโปงโดยบังเอิญ เช่นนั้นน่ากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนก็ต้องถูกตราหน้าว่าทำผิดต่อสกุลหลิ่วและกลายเป็นวัวเป็นม้าเลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต ถึงขั้นยังถูกด่าว่าทำร้ายคุณหนูสกุลหลิ่วที่แท้จริงอีกด้วย!ภายใต้การใคร่ครวญอย่างละเอียด นี่น่ากลัวมากเพียงใดกัน?“หลิ่วเฟยเยี่ยนและกู้อวิ๋นเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากมิใช่หรือ? ที่ผ่านมาข้าเคยพบพวกเขามิใช่เพียงครั้งเดียว น่ากลัวว่าพี่สาวน้องสาวคู่นี้นับญาติกันตั้งนานแล้วกระมัง!”“ไม่เพียงแค่นี้! ที่ผ่านมาข้ายังเคยเห็นกู้อวิ๋นเวยเข้าออกสกุลหลิ่วอีกด้วย ตอนนั้นข้าก็คิดว่าแปลก ปกติแล้วกู้อวิ๋นเวยคนนี้ไม่เคยเห็นคนทั่วไปอยู่ในสายตาด้วยฐานะของสกุลหลิ่ว นางน่าจะไม่สนใจ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 597

    “เดิมทียังคิดว่าไม่รู้จะนับญาติยามใดถึงจะเหมาะสม คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวันแต่งงานของพี่ใหญ่ นี่ก็นับเป็นเรื่องมงคลยิ่งขึ้นไปอีกกระมัง?” ซ่งอี้อันหัวเราะเบาๆซ่งเยี่ยนโจวผลิยิ้ม “ข้าดูแล้วท่านตา ท่านยายและท่านลุงทั้งสองท่านล้วนดีมาก เทียบกับปลิงเหล่านั้นแล้วไม่รู้ดียิ่งกว่ามากเพียงใดท่านแม่นับญาติแล้ว ภายภาคหน้าก็ไม่ต้องถูกสกุลหลิ่วบีบบังคับอีกต่อไป คิดแล้วก็ดีใจยิ่งนัก”แม้พูดว่าเกิดเรื่องเอะอะวุ่นวายในวันแต่งงานหลายครั้ง แต่มองดูผลลัพธ์แล้วเขากลับดีใจมาก คิดว่าชิงอินเองก็ดีใจเฉกเดียวกันซ่งจืออวี้มองสองสามคนที่รู้เรื่องตั้งแต่แรกแล้ว เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกท่านล้วนรู้เรื่องแล้ว มีแค่ข้าไม่รู้?”“อย่าเสียใจไปเลย ข้าเองก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่แหละ” ซ่งจิ่งเซินเอ่ยปลอบซ่งจืออวี้ “เหตุใดข้าไม่อยากจะเชื่อกันเล่า?”ซ่งอี้อันมองทั้งหมดเงียบๆ พูดว่า “ตอนนั้นอุ้มเด็กผิดตัวไป...น่ากลัวว่าอาจไม่ใช่อุบัติเหตุกระมัง”หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเชื่อว่าอาจอุ้มเด็กผิดไปจริง แต่พวกเขารู้จักอุปนิสัยของสกุลหลิ่วดีมาก ภายใต้สถานการณ์ไม่รู้ว่าลูกของตนอยู่ที่ใด ไฉนเลยจะเลี้ยงดูมารดาให้เติบใหญ่ได้?

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 596

    ทว่า ในเมื่อพวกเขาชอบแสดงละคร เช่นนั้นก็ให้พวกเขาแสดงอีกสักครู่เถอะขณะเดียวกันคนเหล่านั้นยิ่งเชื่อพวกเขามาก รอความจริงถูกเปิดเผยแล้ว คนโกรธแค้นที่สุดก็คือพวกเขาเฉกเดียวกัน นี่ก็คือธรรมชาติของมนุษย์“พอดีเลย ข้าทำนายออกมาได้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของท่านแม่ก็อยู่ในเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นยังมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้อีกด้วย!”ชั่วขณะที่เสียงของซ่งรั่วเจินเพิ่งจบลง ดวงตาของทุกคนภายในงานล้วนเผยแววตกใจ จากนั้นกลายเป็นตกตะลึงพรึงเพริด“เมื่อแรกแม่นางซ่งก็ช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวที่หายตัวไปนานพบมิใช่หรือ? นางจะต้องทำนายออกมาได้แน่ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของซ่งฮูหยินเป็นใคร!”“คนก็อยู่ในงานเลี้ยงวันนี้ คงมิได้หมายความว่าอีกฝ่ายคือบ่าวสูงวัยหรือหญิงบ้านนอกหรอกกระมัง?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน ประโยคนี้มีความหมายท่วมท้น ทุกคนย้อนนึกคิดอย่างอดไม่ได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าบ้านใดคลอดลูกในเวลาไล่เรี่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่ว อายุฮูหยินของอีกฝ่ายยังห่างจากหลิ่วหรูเยียนไม่มากฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว ดูตกใจเล็กน้อย ความทรงจำในตอนแรกอย่างหนึ่งผุดออกจากสมองนางจำได้ยามตนเองตั้งครรภ์กู้อวิ๋นเวยเคยได้พบฮูหยินผู้เฒ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 595

    ยิ่งคนสกุลหลิ่วนำความจริงออกบิดเบือนเช่นนี้ ผู้คนรอบข้างก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้างหลิ่วหรูเยียนมิใช่บุตรในไส้ ดังนั้นที่สกุลหลิ่วลำเอียงก็นับว่าเข้าใจได้ ยิ่งเมื่อเปลี่ยนเป็นครอบครัวอื่นแล้ว ความลำเอียงเช่นนี้เรียกได้ว่ามิอาจหลีกเลี่ยงอยู่แล้วแม้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ยังยากจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันได้ นับประสาอะไรกับเด็กที่มิใช่สายเลือดเดียวกันหากหลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงบุตรของบ่าวรับใช้ เมื่อถูกสับเปลี่ยนให้มาเสวยสุขเป็นคุณหนูในจวน ก็นับว่าโชคมหาศาลหล่นทับนางแล้ว!“หากว่ากันตามนี้ หลิ่วหรูเยียนก็ติดค้างบุญคุณสกุลหลิ่วอยู่เช่นกัน ต่อให้ต้องชดใช้ด้วยทรัพย์สินมากหน่อยก็เป็นการสมควรแล้ว มิเช่นนั้นจะมีวาสนาได้เป็นถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์หรือ?”“บุตรสาวแท้ๆ ของสกุลหลิ่วบัดนี้ก็ไม่รู้ไปอยู่แห่งหนใด ทว่าสกุลหลิ่วรู้ความจริงนี้แล้วยังคงเก็บงำไว้มิยอมปริปาก ก็มิใช่ว่าใจคอกว้างขวางมากแล้วหรือ?”กระแสความคิดเริ่มโน้มเอียงไปอีกทาง คนรอบข้างต่างพูดกันไปต่างๆ นานา บ้างเริ่มเข้าอกเข้าใจถึงความใจคอคับแคบแล้งน้ำใจของสกุลหลิ่วต่งฮูหยินและจางเหวินที่มองดูเหตุการณ์มีหรือจะอดรนทนฟังได้?“หาก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 594

    “อะไรกัน? ใต้เท้าหลิ่วมิกล้าอย่างนั้นหรือ?” ฉู่จวิ้นถิงกล่าวเสียงขรึมใต้เท้าหลิ่วนิ่งเงียบอยู่ครู่ ก่อนมีทีท่าคล้ายหมดเรี่ยวแรงแล้วก็มิปาน พลางหันมองนายหญิงหลิ่วด้วยความจนใจ “ช่างเถิด เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้วก็พูดไปเสียเถิด”นายหญิงหลิ่วย่อมไม่อยากที่จะยอมรับความจริง ทว่ากลับรู้ดีว่าไม่อาจเลี่ยงต่อไปได้อีก นางจึงได้แผดเสียงร่ำไห้โหยหวน “ข้าเองก็มิรู้เช่นกันว่สารเลวคนไหนมันสับเปลี่ยนลูกข้าไป!”“หลายปีมานี้ข้าก็เลี้ยงดูหรูเยียนดังบุตรในไส้มาโดยตลอด จนเมื่อไม่นานมานี้จึงเพิ่งได้รู้ว่านางมิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของข้า! แต่อย่างไรพระคุณเลี้ยงดูย่อมยิ่งใหญ่กว่าพระคุณให้กำเนิด หรือเพียงเพราะเรื่องเท่านี้ก็ทำให้มิอาจยอมรับข้าผู้นี้เป็นแม่เจ้าแล้ว?” ใต้เท้าหลิ่วเองก็กล่าวด้วยสีหน้าปวดร้าวเช่นกัน “ครานั้น ฮูหยินข้าตั้งครรภ์ลูกถึงสิบเดือนจนคลอดออกมา บัดนี้กลับไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าลูกไปอยู่แห่งหนใด หรือยังจะกล่าวโทษพวกข้าด้วย?”“ที่พวกข้าปิดเอาไว้มิยอมพูด ก็เพราะมิต้องการให้หรูเยียนปฏิบัติห่างเหินต่อพวกข้า มินึกเลยว่า...”ผู้คนได้เห็นสกุลหลิ่วออกปากยอมรับด้วยตนเองเช่นนี้แล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เส

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status