แชร์

บทที่ 55

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
“สองปีมานี้ นางใส่ใจดูแลข้า ดูแลจวน เทียบกับนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั่นแล้วยังดีกว่าไม่รู้กี่มากน้อย!”

หลินรั่วหลานนึกถึงตอนที่ฉินซวงซวงแต่งเข้ามา อย่าว่าแต่เรื่องสินเดิมที่ว่างเปล่าเลย ยังสร้างความเดือดร้อนให้ลูกชายต้องอับอายขายหน้าอีก เพียงแต่งเข้ามาก็ถูกทางการจับตัวไป ยังต้องให้ลูกชายหาหนทางไปพานางออกมาอีกด้วย

ไหนเลยจะเทียบเคียงซ่งรั่วเจินได้?

“ท่านแม่ ข้ากับซวงซวงแต่งงานกันแล้ว ข้าไม่มีวันแต่งงานกับซ่งรั่วเจินเป็นอันขาด ภายภาคหน้าขอท่านอย่าได้พูดเช่นนี้อีก ให้ซวงซวงรอในคุกอยู่ตลอดก็มิใช่เรื่องดี ท่านหาทางช่วยข้ารวบรวมเงินหนึ่งแสนตำลึงที ข้าจะไปไถ่ตัวนางออกมา”

หลินจือเยว่ขมวดคิ้วแน่น ซวงซวงรออยู่ข้างในมากหนึ่งวัน ที่เสียไปก็คือหน้าของเขา เขารู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าต้องยังมีเงินอยู่ในมือแน่นอน

“นางแพศยาคนนั้นทำเรื่องน่าขายหน้าพรรค์นี้ด้วยตนเอง ยังต้องให้พวกเรานำเงินไปไถ่อีกรึ?” หลินรั่วหลานเอ่ยถามเสียงแหลม “ให้สกุลฉินหาทางเอาเองเถอะ!”

“บัดนี้ซวงซวงเป็นคนของพวกเราสกุลหลินแล้ว”

สีหน้าหลินจือเยว่หนักแน่น เขารักเพียงซวงซวง แม้ครั้งนี้ซวงซวงจะทำผิดจริง แต่เขารู้ว่าซวงซวงทำถึงเพียงนี้ก็เพราะ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 56

    “ฝ่าบาท กระหม่อม กระหม่อมกำลังหาทาง...”หลินจือเยว่เหงื่อผุดดุจเม็ดฝน เขาประเมินการตัดสินใจเฉียบขาดของสกุลซ่งต่ำไป ถึงขั้นแม้เสียหน้าก็ต้องทำลายเขาให้ได้!“เจ้าคิดวิธีอันใดได้เล่า? ได้ยินว่าสองปีมานี้ เจ้าไม่เพียงยกมารดาเฒ่าในจวนให้แม่นางซ่งดูแล ตนเองอยู่ที่ชายแดนยังเขียนจดหมายขอเงินสกุลซ่งบ่อยครั้ง ตอนแต่งงานเจ้าก็สู่ขอภรรยาหลวงที่มีศักดิ์ทัดเทียมกันมาหยามเกียรติแม่นางซ่งอีกด้วย เจ้าช่างไม่สมควรเป็นคนยิ่งนัก!”ฮ่องเต้กริ้วหนัก ก่อนนี้ชมชอบหลินจือเยว่มากเพียงใด บัดนี้ก็คับข้องหมองใจมากเพียงนั้นสีหน้าหลินจือเยว่ซีดเผือด คิดไม่ถึงว่าซ่งจืออวี้ไม่เพียงพูดเรื่องหนี้สิน แม้แต่เรื่องเหล่านี้ก็กราบทูลต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทจนหมดสิ้น นี่...นี่ช่างเป็นการตัดอนาคตของเขาโดยแท้!“ฝ่าบาท กระหม่อมเองก็ไม่คิดว่ารักษามารดาต้องใช้เงินมากเพียงนี้ นับตั้งแต่รู้เรื่องกระหม่อมก็คิดหาทางชดใช้ เพียงแต่ว่าจำนวนเงินนั้นไม่น้อยนัก จึงทำให้เสียเวลาไปหลายวัน...”เห็นหลินจือเยว่เปิดปากก็โยนความรับผิดชอบไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าหลิน ซ่งจืออวี้ย่อมไม่อาจยอมรับ“ฝ่าบาท น้องหญิงของกระหม่อมถูกหลินโหวทำร้ายจิตใจ ปรารถ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 57

    “หลินโหว แม่นางฉินเป็นคนเคียงหมอนของเจ้า วันแต่งงานเจ้าพูดไปทุกถ้อยคำว่านางจิตใจดีมีเมตตา รู้จักนางดี บัดนี้กลับพูดว่าไม่รู้เรื่อง เจ้าเป็นขุนนางในราชสำนักถึงขั้นมองจิตใจชั่วร้ายโหดเหี้ยมของคนเคียงหมอนไม่กระจ่าง นี่ไม่เลอะเลือนเกินไปหน่อยหรือ?” ฉู่จวินถิงเอ่ยปากเสียงเรียบหลินจือเยว่สายตาโง่งม ถูกกล่าวโทษเพิ่มอีกหนึ่งข้อแล้วกระนั้นหรือ?“ซวงซวงเองก็ถูกผู้มีวิชาหลอก พูดไปแล้วทั้งหมดล้วนต้องโทษนักต้มตุ๋นผู้นั้นที่ทำร้ายผู้คนมากถึงเพียงนี้” หลินจือเยว่อธิบายราชครูสวีเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “นั่นเพราะโง่เขลาเบาปัญญา ทำร้ายตนเองทั้งสิ้น!”หนึ่งคนต่อหนึ่งคนกล่าวโทษ สีหน้าหลินจือเยว่ซีดเผือด ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าซ่งหลานจือเป็นหรือตาย ก็สูญเสียอำนาจใหญ่ไปแล้ว ภายในราชสำนักอย่างมากที่สุดก็มีแม่ทัพไป๋ที่ยินดีช่วยพูดแทนพวกเขาเท่านั้น เหตุใดราชครูสวีกับฉู่อ๋องก็ล้วนปกป้องจวนสกุลซ่งเล่า?ซ่งจืออวี้เองก็มองอย่างโง่งมตอนมาตีกลองร้องทุกข์ในวันนี้ แท้จริงแล้วเขาเองก็กระวนกระวายใจ แต่บัดนี้คนที่สามารถกระทำเรื่องนี้ได้ก็เหลือเพียงเขาคนเดียวที่เหมาะสมที่สุด มิหนำซ้ำน้องหญิงห้ายังช่วยเขาคิดคำพูดดี ๆ ไว้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 58

    ณ จวนสกุลซ่งซ่งรั่วเจินได้ยินข่าวนี้ก็ดีใจมาก แม้แต่ซ่งอี้อันก็กินข้าวมื้อกลางวันมากขึ้นอีกหนึ่งชาม“ฝ่าบาทตรัสว่าครั้งนี้ทำให้เจ้าต้องเสียใจแล้ว รางวัลพระราชทานเหล่านี้ล้วนมอบให้เจ้า” ซ่งจืออวี้วางผ้าไหมสูจิ่นและปิ่นมุกลงตรงหน้าซ่งรั่วเจิน ทั้งยังพูดกับหลิ่วหรูเยียน “ฝ่าบาทยังรับสั่งว่าท่านพ่อไม่รู้เป็นหรือตาย พระองค์ทรงจำทุกเรื่องที่ท่านพ่อทำเพื่อราชสำนักไว้หมดแล้ว จะต้องไม่ปล่อยให้คนรังแกสกุลซ่งของพวกเราแน่นอน”หลิ่วหรูเยียนขอบตาแดงเรื่อ “ฝ่าบาทยังจำนายท่านได้...”“ท่านแม่ ไม่ช้าก็เร็วท่านพ่อจะต้องกลับมาแน่นอนเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปลอบ “ท่านดูผ้าไหมสูจิ่นเหล่านี้ ข้าดูแล้วสีดอกไม้นี้เหมาะกับท่านมาก ยังมีปิ่นมุกดอกโบตั๋นนี้อีก เหมาะกับท่านยิ่งนัก”หลิ่วหรูเยียนมองผ้าไหมและเครื่องประดับ อารมณ์ดีขึ้นหลายส่วน “นี่ล้วนเป็นฝ่าบาทพระราชทานให้เจ้า เจ้านำไปตัดชุดสวย ๆ มากหน่อยเถอะ”“ฝ่าบาทพระราชทานให้มากเพียงนี้ ท่านแม่ก็เลือกเอามากหน่อยเถิด ที่เหลือข้าค่อยนำไปตัดเสื้อผ้าก็ยังนับว่าพอเหลือ”“ได้ แม่รู้ว่าเจ้ากตัญญู”หลิ่วหรูเยียนสั่งให้บ่าวรับใช้ถือผ้าไหมสูจิ่น ก่อนจะออกไปพร้อมรอย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 59

    อ้างว่ามาหาเจ้าของร่างเดิมและปรากฏตัวข้างกายซ่งอี้อัน ยิ่งไปกว่านั้นยังใจกล้าสารภาพรัก ถูกปฏิเสธอย่างต่อเนื่องหลายครั้งกลับไม่ตัดใจ ซ่งอี้อันถึงได้ค่อย ๆ เปลี่ยนความคิดจนใจที่เนื้อแท้ของจ้าวซูหว่านไม่ใช่คนสงบเสงี่ยม ทว่าซ่งอี้อันควบคุมตนเองรักษามารยาท แม้หมั้นหมายแล้วก็ไม่เคยล่วงเกินเลยแม้แต่น้อย จ้าวซูหว่านไม่อาจข่มความเปล่าเปลี่ยวได้จึงไปคบหากับฉินเซี่ยงเหิง กลิ่นเหม็นเน่าบนตัวของทั้งสองคนผสานเข้ากันได้ดี ชายโรคจิตกับหญิงแพศยา บัดนี้ลอบสานสัมพันธ์ลึกซึ้งจนตั้งครรภ์แล้วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองก็มีส่วนผิดในเรื่องนี้ ซ่งรั่วเจินก็ต้องลอบสบถในใจ!“ข้าไม่เข้าใจ” ซ่งรั่วเจินพูดอย่างไม่เกรงใจจ้าวซูหว่านตาแดงก่ำ “รั่วเจิน เจ้าพูดเช่นนี้ก็เพราะต้องการตีตัวออกห่างจากข้า ข้าเป็นสหายที่ดีของเจ้ามาโดยตลอด ยามนี้ข้าไม่มีโอกาสเป็นพี่สะใภ้ของเจ้าแล้ว ข้าเองก็เสียใจมาก เหตุใดพวกเจ้าต้องโทษข้าด้วยเล่า?”ซ่งรั่วเจิน “...” นี่มันดอกบัวขาว[1]ดอกใหญ่มากเชียวล่ะ“จ้าวซูหว่าน จะพูดอะไรก็ต้องมีมโนธรรม หลังเจ้าถอนหมั้น พวกเราสกุลซ่งเคยว่าอะไรสักคำหรือไม่?”“พี่รองของข้าช่วยเจ้าจึงตาบอด หากเป็นคนมีมโน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 60

    ภายในเรือนจ้าวซูหว่านเห็นว่าซ่งรั่วเจินกับหลินจืออวี้จากไปแล้วจึงได้ถอนหายใจโล่งอก แต่ไหนแต่ไรมาซ่งอี้อันมีอุปนิสัยอบอุ่นอ่อนโยน หากไม่ใช่เพราะพวกซ่งรั่วเจินสองคนนั้นยุแยง เมื่อครู่ก็ไม่มีทางปฏิบัติต่อนางเช่นนั้นบัดนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน ขอเพียงนางใช้ลูกไม้เล็กน้อย ซ่งอี้อันจะต้องให้อภัยนางแน่นอน ชนิดที่ว่าคิดแทนนางและฝากฝังนางไว้กับพี่เซี่ยงเหิง เมื่อถึงเวลานั้นนางก็สามารถแต่งเข้าจวนสกุลฉินได้อย่างไรเสียพี่เซี่ยงเหิงก็น่าสนใจกว่าเจ้าหนอนหนังสือผู้นี้มากนัก!“พี่อี้อัน ข้ารู้ว่าท่านยังมีโทสะภายในใจ รั่วเจินเองก็แค้นข้า แต่ข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง ไม่มีทางเลือกจริงๆ...”ขอบตาจ้าวซูหว่านเปียกรื้น ท่าทางน้อยใจเหลือหลาย “หากข้าสามารถเลือกได้ ข้าจะไม่ถอนหมั้นกับท่านแน่นอน ข้ารู้สึกอย่างไรกับท่าน ท่านก็รู้”ซ่งอี้อันฟังเสียงร้องไห้ตัดพ้อของฝ่ายหญิงเงียบ ๆ สมองย้อนคิดถึงวันวาน หากไม่ได้ยินบทสนทนานั้นของจ้าวซูหว่านกับฉินเซี่ยงเหิง เขาก็ไม่กล้าเชื่อว่าความรู้สึกของจ้าวซูหว่านก่อนหน้านี้เป็นความเท็จพวกเขาถอนหมั้นกันเพียงสองสามวัน นางก็ตั้งครรภ์แล้ว ดูก็รู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาท

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 61

    ไม่ไกลกันนั้น ซ่งรั่วเจินกับซ่งจืออวี้นั่งอยู่บนหลังคารับชมการแสดงแสนสนุกทางด้านล่าง น่าเสียดายที่ขาดเมล็ดแตงไป จึงหมดสนุกไปบ้าง“คิดไม่ถึงว่าแต่ไหนแต่ไรมาพี่รองเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยน ปฏิบัติต่อคุณหนูจ้าวก็นุ่มนวลมาก วันนี้สามารถเย็นชาเพียงนี้ได้ ข้ายังกังวลว่าพี่รองจะคิดไม่ตก บัดนี้นับว่าวางใจแล้ว” ซ่งจืออวี้ถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่งซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “พี่รองอุปนิสัยซื่อสัตย์อ่อนโยนจริงนั่นล่ะ ทว่าเขากลับฉลาดมาก ในเมื่อไม่ใช่คนดี ก็ต้องยับยั้งตนเองให้ทันท่วงที เพียงแต่...เกรงว่าจ้าวซูหว่านจะไม่ยอมจากไปง่ายดายเพียงนั้น”“พี่รองพูดถึงขั้นนี้แล้ว หรือสตรีผู้นี้จะยังหน้าหนาไร้ยางอายอยู่ที่นี่ต่ออีกรึ?” ซ่งจืออวี้ประหลาดใจ“ท่านดูไปเถิด” ซ่งรั่วเจินหรี่ตา นางเองก็อยากพิสูจน์ว่าตนเองคิดผิดไปหรือไม่จ้าวซูหว่านเห็นซ่งอี้อันไม่มอบโอกาสให้เลยสักเศษเสี้ยว จึงทำเพียงเอ่ยปาก “ก่อนหน้านี้ข้าทิ้งของสิ่งหนึ่งไว้ในห้องท่าน ข้าสามารถไปหยิบมาได้หรือไม่?”พี่เซี่ยงเหิงสำทับนักสำทับหนา นางมาจวนสกุลซ่งในครั้งนี้จะต้องนำเรียงความที่ซ่งอี้อันเขียนไว้เมื่อก่อนกลับไปให้ได้ อย่างไรเสียตอนนี้ซ่งอี้อันก็

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 62

    จ้าวซูหว่านเพิ่งออกจากสกุลซ่งได้ไม่ไกล ก็ถูกฉินเซี่ยงเหิงเร่งรุดมาลากเข้าไปในตรอกเล็กแห่งหนึ่ง“เป็นอย่างไรบ้าง? ของที่ข้าให้เจ้าไปเอาได้มาแล้วหรือไม่?”จ้าวซูหว่านลอบยื่นเรียงความให้ฉินเซี่ยงเหิง สีหน้าภาคภูมิใจ “วางใจเถอะ ท่านให้ข้านำมาข้าก็นำมาแล้ว แต่ท่านไม่ใช่พูดว่าเรียงความของท่านยอดเยี่ยมกว่าซ่งอี้อันหรือ เหตุใดต้องขโมยของเขาด้วยเล่า?”“หากว่ากันตามพรสวรรค์ เดิมทีซ่งอี้อันเทียบข้าไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะเขามีความสัมพันธ์อันดีกับอาจารย์ เรียงความที่เขียนล้วนได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์ ไฉนเลยจะได้รับคำชมบ่อยครั้ง?”“ข้าไม่อาจยอมทนได้ พูดไปแล้วก็เป็นเพราะอาจารย์กับแม่ทัพซ่งมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากอยู่สักหน่อย ซ่งอี้อันถึงได้พึ่งบารมี รอข้าโดดเด่นในการสอบฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้ จะทำให้คนทั้งเมืองหลวงล้วนรู้ถึงความสามารถของข้า!”ในดวงตาจ้าวซูหว่านสะท้อนแววเลื่อมใส “พี่เซี่ยงเหิง ข้ารู้ว่าท่านยอดเยี่ยมที่สุด! ของก็นำมาแล้ว เช่นนั้นท่านจะมาสู่ขอข้ายามใด?”“เจ้าพูดกับซ่งอี้อันแล้วหรือ? เขารับปากฝากฝังเจ้าไว้กับข้าหรือไม่?” ฉินเซี่ยงเหิงถามกลับจ้าวซูหว่านลังเลครู่หนึ่ง นางกลับอยากพูด แ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 63

    ดวงตากลมของซ่งจืออวี้เบิกกว้าง ตกตะลึงไม่กล้าแม้แต่หายใจแรง เพราะพี่รองมองไม่เห็นจึงไม่ว้าวุ่น เขาที่กำลังมองดูเช่นนี้กลับรู้สึกตกใจยิ่งนักน้องหญิงห้ากับพี่รองช่างเป็นหนึ่งคนกล้ารักษา หนึ่งคนกล้าเชื่ออย่างแท้จริง!ซ่งรั่วเจินจับเข็มเงินแทงลงบนจุดฝังเข็มอย่างแผ่วเบา พลังวิญญาณไหลเข้าสมองของซ่งอี้อันไปตามเข็ม ค่อย ๆ สลายลิ่มเลือดในสมองส่วนนั้นซ่งอี้อันเพียงรู้สึกปวดหัวระลอกหนึ่ง กำมือทั้งสองข้างแน่นไม่ส่งเสียง สีหน้ากลับซีดเผือด เม็ดเหงื่อผุดพรายบนหน้าผาก“พี่รอง ท่านอดทนไว้ก่อน กระบวนการรักษาค่อนข้างเจ็บ”ครู่ต่อมา ตอนซ่งรั่วเจินดึงเข็มเงินออก สีหน้านางซีดเซียวสะท้อนความอ่อนล้า“น้องหญิงห้า เจ้าไม่เป็นไรนะ?” ซ่งจืออวี้มองน้องหญิงห้าที่กำลังโงนเงนอย่างกังวล ตกตะลึงอย่างสุดระงับ พี่รองดูแล้วคล้ายใกล้อดทนต่อไปไม่ไหว แต่เหตุใดน้องหญิงห้าดูแล้วคล้ายอาการหนักยิ่งกว่าพี่รองเสียอีก?“ข้าไม่เป็นไร” ซ่งรั่วเจินโบกมือ หยิบหมึกพู่กันทางด้านข้างเขียนเทียบยาแผ่นหนึ่ง“มั่วอวี่ เจ้าบดส่วนผสมของยาตามวิธีที่เขียนไว้ในตำรับยานี้ ทาบนผ้าโปร่ง ตอนกลางคืนพี่รองพักผ่อนก็ประคบไว้บนดวงตาของเขา”“ขอร

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 638

    ผ่านไปเพียงไม่นาน ลู่หมิ่นฮุ่ยก็มาถึงแล้วนับตั้งแต่เข้ามา สายตาของนางก็ตกลงบนตัวซ่งรั่วเจิน ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายซ่งรั่วเจินถูกสายตานี้มองเสียจนประหม่า เกิดความสงสัยภายในใจ ระยะนี้นางมิได้ล่วงเกินพระชายาอันหลาน คงมิใช่มาคิดบัญชีกับนางเพราะฮองเฮาหรอกกระมัง?ดวงตาดำดุจหมึกของฉู่จวินถิงสะท้อนความสงสัยสายหนึ่ง ขยับขึ้นมากำบังซ่งรั่วเจินไว้ข้างหลัง เอ่ยว่า “ท่านน้า วันนี้ท่านมาพบท่านป้าด้วยเหตุใด?”“ไม่ใช่” ลู่หมิ่นฮุ่ยโบกมือ “ข้าได้ยินว่าวันนี้เจ้าและแม่นางซ่งมา นี่จึงตั้งใจมาพบ”พูดไป มองเห็นลู่หมิ่นฮุ่ยสืบเท้าขึ้นมาหนึ่งก้าว ยิ้มกว้างจับมือซ่งรั่วเจิน ตบๆ อย่างสนิทสนม“แม่นางซ่ง ครั้งก่อนขอบคุณเจ้ามาก หากไม่ใช่เจ้าช่วยข้า ข้ายังไม่รู้จะสามารถตั้งครรภ์ได้ยามใด”“พระชายาไม่จำเป็นต้องเกรงใจถึงเพียงนี้ ต่อให้หม่อมฉันไม่พูด พระชายาก็จะมีข่าวดีอยู่แล้ว” ซ่งรั่วเจินเอ่ยฉู่จวินถิงเห็นท้องนูนขึ้นมาเล็กน้อยของลู่หมิ่นฮุ่ย นึกได้ว่าชาติก่อนท่านน้ามิได้ตั้งครรภ์ว่องไวถึงเพียงนี้หากไม่ใช่รั่วเจินกล่าวเตือน ยังต้องรออีกหนึ่งปี ครรภ์นี้ต้องขอบคุณรั่วเจินจริงๆ“ไม่ๆ ต้องขอบคุณเจ้า!”รอย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 637

    เช้าวันต่อมา ฉู่จวินถิงมารับซ่งรั่วเจินแล้วซ่งจืออวี้เห็นว่าเพิ่งได้สนทนากับน้องสาวบ้านตนสองประโยค คนก็จากไปแล้ว สลดใจอย่างอดไม่ได้“เมื่อวานน้องหญิงห้าก็ออกไปกับฉู่อ๋องทั้งวันแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดวันนี้ยังไปอีกเล่า? ฉู่อ๋องมาเยี่ยมเยียนบ่อยเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่มีอะไรน่าแปลกกัน? ได้พบกับแม่นางที่ชมชอบย่อมต้องเร็วสักหน่อย หาไม่แล้วจะได้อุ้มหญิงงามกลับไปยามใดกันเล่า?”ซ่งจิ่งเซินเผยสีหน้าเข้าใจ ผินมองซ่งจืออวี้สายตารังเกียจแวบหนึ่ง “มิน่าเล่าท่านถึงยังไม่เปิดใจ!”“เจ้ากลับเปิดใจแล้ว ยังมิสู้ไม่เปิดใจ!” ซ่งจืออวี้เย้ยหยันกลับไป เย้ยหยันเขาด้านอื่นก็ช่างเถอะ บัดนี้ซ่งจิ่งเซินยังเย้ยหยันเขาด้านนี้ นั่นไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย!“ได้ยินมาว่าสองวันนี้เคอหยวนจื่อปรากฎตัวภายในร้าน น่าจะตั้งใจมาหาเจ้ากระมัง? เมื่อวานยามข้าไปหยิบของที่ร้าน นางเกือบจำข้าเป็นเจ้าไปแล้ว”ซ่งจิ่งเซินหน้าดำทึบทึม “ข้ายอมรับ ก่อนนี้ข้าตาบอด พอใจแล้วกระมัง!”ซ่งจืออวี้หัวเราะอย่างอดไม่ได้ “ข้าเห็นว่าหลายวันนี้เจ้าพักผ่อนอยู่ที่บ้านเถอะ ปล่อยให้ผู้ดูแลมารายงานสถานการณ์กับเจ้าในจวนก็พอ หาไม่แล้วเคอหยวนจื่อและสหายน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 636

    ดวงตาฉู่จิ่นหวยทอประกาย “ใช่แล้ว ก็เป็นเช่นนี้! ข้าถามท่านแม่ว่าตกลงฝันถึงอะไร นางกลับไม่ยอมพูด พูดเพียงหลับไม่สนิท บอกให้ข้าไม่ต้องกังวล”“พูดเช่นนี้แล้ว สถานการณ์ของพวกเขาล้วนเหมือนกัน?” คนเงียบขรึมอย่างฉู่จวินถิงขมวดคิ้ว สังเกตเห็นปัญหาอย่างว่องไว “เกิดขึ้นตั้งแต่ยามใด?”“ท่านแม่ข้าบอกว่าเมื่อเจ็ดวันก่อน” ฉู่จิ่นหวยเอ่ยตอบอวิ๋นเนี่ยนชูกลับพูด “แม่ข้าเมื่อห้าวันก่อน”“ที่แท้ก็ฝันต่อเนื่องกันหลายวันนี่เอง พวกเราเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่หลายวันนี้ไม่เพียงจิตใจว้าวุ่น แม้แต่คนก็เริ่มบ่นงึมงำ ข้ารู้สึกผิดปกติยิ่งนัก”ได้ยินดังนั้น ซ่งรั่วเจินคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพียงแต่ท่านป้าและพระชายาเซียงอ๋องคล้ายไม่มีอะไร เหตุใดถึงฝันร้ายเช่นนี้เล่า?“ระยะอันใกล้นี้มีสิ่งของพิเศษอันใดเพิ่มขึ้นมา หรือมีที่ใดพิเศษบ้างหรือไม่?”ฉู่จิ่นหวยครุ่นคิด พูดว่า “วันปกติท่านแม่ซื้อของไม่น้อย ส่วนมีสิ่งใดเพิ่มขึ้นมานั้น ข้าเองก็ไม่แน่ใจ”“ระยะนี้ท่านน้ามิได้เพิ่มสิ่งใด เพียงแต่เมื่อห้าวันก่อนอนุอวิ๋นมาเที่ยวหนึ่ง อ้างว่าหวังดีต่อนางจึงนำของบางส่วนส่งมาให้ แต่ท่านน้าให้คนโยนทิ้งไปทั้งหมด”“ต่อม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 635

    ในห้องรับรองส่วนตัว อวิ๋นเนี่ยนชูนั่งลงด้านข้างซ่งรั่วเจิน สายตามองไปมาระหว่างซื่อจื่อน้อยผู้มีใบหน้าเปื้อนยิ้มและฉู่อ๋องใบหน้าเย็นชาไม่หยุดนางอดไม่ได้ที่จะดึงมือของซ่งรั่วเจินและกระซิบว่า “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่ค่อนข้างแปลกกัน?”ซ่งรั่วเจินลดเสียงลง “บางทีพวกเขาอาจจะเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ไม่ค่อยสนิทกันนัก?”อวิ๋นเนี่ยนชูรู้สึกอึดอัด “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”ซ่งรั่วเจินเฝ้ามองอาหารเลิศรสที่ถูกนำมาทีละจาน จึงพูดสร้างบรรยากาศขึ้นมาว่า “ได้ยินมาว่าอาหารในหอสุราเลิศรสอย่างมาก ปกติแล้วจะต้องจองที่นั่งล่วงหน้า ทุกท่านมาลองชิมดูกันดูเถอะ?”ขณะพูด นางก็คีบกุ้งใส่ลงในชามของฉู่จวินถิง ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยรอยยิ้มนับตั้งแต่เข้ามา ฉู่จวินถิงก็มีสีหน้าเย็นชา ต้องพูดเลยว่ายามเขาไม่ยิ้ม จะมีบรรยากาศกดดันอย่างยิ่งจนผู้อื่นไม่กล้าหายใจฉู่จวินถิงเหลือบมองกุ้งในชาม คิ้วคลายออกเล็กน้อย และยื่นมือไปคีบอาหารให้ซ่งรั่วเจิน “วันนี้เดินเล่นมานานมากแล้ว เจ้าก็คงหิวมากแล้ว กินเยอะๆ เล่า”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า นางก็ไม่เกรงใจและเริ่มกินทันที ทั้งยังพูดกับอวิ๋นเนี่ยนชูและคนอื่นๆ ว่า “พวกท่านก็รีบก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 634

    เมื่ออวิ๋นเฉิงเจ๋อเห็นซ่งรั่วเจินอยู่ที่นั่นก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที ทว่าก็เข้าใจในไม่ช้า “เนี่ยนชู เจ้าจะไปหาคุณหนูซ่งเพื่อพูดคุยเรื่องฝันร้ายของท่านน้าใช่หรือไม่?”ซ่งรั่วเจินชะงักไปชั่วครู่ ก่อนมองไปที่อวิ๋นเนี่ยนชูโดยไม่รู้ตัว “ท่านป้าก็ฝันร้ายเช่นกันหรือเจ้าคะ?”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้า “ช่วงนี้ท่านพ่อของข้ามักจะไปหาท่านแม่ตลอด ท่านตากับท่านน้าเองก็คอยไปกดดันท่านแม่ โดยหวังว่าท่านแม่จะเปลี่ยนใจทว่าท่านแม่ไม่ยอมเปลี่ยนใจ สถานการณ์จึงตึงเครียดไปหมด อนุอวิ๋นคนนั้นชอบสร้างเรื่อง ชอบพูดจาเสียดสีอยู่เรื่อย เพียงหวังว่าท่านแม่ของข้าจะไม่กลับไป นางจะได้มีโอกาสขึ้นเป็นอวิ๋นฮูหยินตอนแรกท่านแม่เพียงจิตใจเหนื่อยล้า ทว่าต่อมาจู่ๆ ก็เริ่มฝันร้ายจึงไปหาท่านหมอ ท่านหมอเพียงบอกว่านางวิตกกังวลมากเกินไปและความทุกข์รุมเร้า จึงจ่ายยาสงบใจให้จำนวนหนึ่งวันนี้ข้านัดพบกับท่านพี่ที่นี่ก็เพื่อคิดหาวิธีแก้ไขปัญหานี้”อย่างไรก็ตาม อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลับพูดว่า “คุณหนูซ่ง ข้าคิดว่าสถานการณ์ของท่านน้าไม่ง่ายขนาดนั้น กลัวว่าจะเป็นการกระทำของวิญญาณร้าย”“เหตุใดคุณชายอวิ๋นจึงพูดเช่นนี้?”“แม้ว่าหลายปีมานี้ใน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 633

    “นึกถึงเมื่อข้าก็ได้ยินถึงความสง่างามของเสด็จพี่มาตลอด ไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งเราจะได้กลายมาเป็นพี่น้องกัน วันหน้ามิสู้วันนี้ ถ้าหากเสด็จพี่ไม่รังเกียจก็ให้ข้าได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงมื้อเย็นได้หรือไม่?” ฉู่จวินถิงมองฉู่จิ่นหวยและอู๋เมี่ยวเสวียนที่อยู่ข้าง ๆ “ในเมื่อเจ้ามีคนที่นัดไว้แล้ว แล้วยังต้องรักษาท่านป้าอีก ธุระสำคัญไม่ควรชักช้า ค่อยเลี้ยงวันหลังเถิด”อย่างไรก็ตาม ฉู่จิ่นหวยนั้นกลับไม่อยากจะเลิกล้ม เขายิ้มพูด “มิเป็นไร คุณหนูอู๋เพียงแค่แนะนำหมอเทวดาให้ข้าเท่านั้น ค่อยส่งเด็กรับใช้ไปส่งท่านหมอมาที่จวนก็ได้”ซ่งรั่วเจินและอวิ๋นเนี่ยนซูย่อมเข้าใจดี หมอเทวดาที่แนะนำสามารถส่งคนมารับไปที่จวนเซียงอ๋องได้โดยตรงอู๋เมี่ยวเสวียนกลับมิได้ทำเช่นนั้น นั่นเพราะเขาต้องการใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อมาพบฉู่จิ่นหวย“คุณหนูซ่ง ที่จริงแล้วข้าคิดว่าอาการฝันร้ายของท่านแม่นั้นแปลก ข้าได้ยินว่าเจ้าเก่งในศาสตร์ลึกลับ ดังนั้นข้าจึงอยากขอคำชี้แนะจากเจ้าหน่อยข้าไม่มั่นใจ กังวลว่าการไปที่จวนนั้นจะยิ่งรบกวนเจ้า ในเมื่อยามนี้ได้พบเจ้าแล้วจึงอยากจะถาม”ฉู่จิ่นหวยพูดเหตุผลที่แท้จริงออกมาเมื่อฟังคำพูดนั้น ซ่งรั่

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 632

    เมื่อลองพิจารณาดูแล้ว ซื่อจื่อน้อยก็เป็นน้องชายของฉู่อ๋องเช่นกัน หรือว่าฉู่อ๋องจะไม่ให้เกียรตินางเลยหรือ?นางนั้นลังเลยังไม่กล้าพูด ทันใดนั้นนางก็มองเห็นร่างสูงโปร่งดูอ่อนโยนเดินเข้ามา ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มในพริบตา“ซื่อจื่อน้อย ท่านมาแล้วหรือ!”ซ่งรั่วเจินหันไปมอง เห็นฉู่จิ่นหวยค่อย ๆ เดินเข้ามา ดวงตาพราวใสมีความประหลาดใจแล่นผ่านเมืองหลวงนั้นช่างเล็กเสียจริง แค่เพียงชั่วขณะเดียวก็บังเอิญพบเจอคนที่คุ้นเคยหลายคนจากงานเลี้ยงนับญาติครั้งก่อน นางก็ไม่เคยเห็นฉู่จิ่นหวยอีกเลย แต่ตอนที่พี่ใหญ่แต่งงาน จวนเซียงอ๋องกลับส่งของขวัญแสดงความยินดีมาให้ ทว่าได้ยินมาว่าพระชายาเซียงอ๋องไม่สบาย จึงไม่สามารถมาเข้าร่วมได้บัดนี้ได้พบกับฉู่จิ่นหวยอีกครั้ง หน้าตาของเด็กหนุ่มนั้นดูผ่อนคลายลงกว่าเมื่อก่อนประมาณหนึ่ง ไม่ปิดกั้นมากอย่างนั้นแล้ว แต่ยังคงมีความเศร้าหลงเหลืออยู่จาง ๆ“คุณหนูซ่ง?”เมื่อฉู่จิ่นหวยนั้นเห็นซ่งรั่วเจิน สายตานั้นเป็นประกายขึ้นมาบางส่วน แม้แต่เสียงก็ขึ้นสูงอย่างไม่รู้ตัว คล้ายมีความยินดีเป็นอย่างมาก “นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เจอเจ้า เจ้ามาภัตตาคารเพื่อกินอาหารเย็นเช่นกันหร

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 631

    “ข้ารู้สึกว่าอวิ๋นฮูหยินปฏิบัติต่ออวิ๋นเฉิงเจ๋อดียิ่งนัก ไม่ใช่ลูกในไส้ของนางสักหน่อย หรือเป็นลูกชายในไส้จริงๆ?”เพียงแต่หากเป็นเช่นนี้ แม้อวิ๋นเฉิงเจ๋อไม่ต้องตบแต่งกับอวิ๋นซีหว่าน แต่มิใช่ทำให้อวิ๋นเนี่ยนชูเสียเวลาหรอกหรือ? หากไม่มีตระกูลอวิ๋นและตระกูลจาง นางก็เป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง เกรงว่าจะแต่งเข้าตระกูลดีๆไม่ได้”ทุกคนต่างจุ๊ปากสะท้อนใจ เรื่องนี้อวิ๋นฮูหยินช่างไร้คุณธรรมยิ่งนัก แต่การที่อวิ๋นฮูหยินกระทำเช่นนี้ เรียกได้ว่าทำร้ายคนอื่นก็ทำร้ายถูกตัวเองด้วยในสายตาของหลายคนคือ ได้ไม่คุ้มเสียเพราะหลังจากหย่าร้างก็มิใช่ภรรยาของข้าราชการแล้ว ทั้งไม่มีความช่วยเหลือจากครอบครัวมารดาอีก นางก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว“มารดาของเจ้าปกป้องแต่ญาติผู้พี่ของเจ้าเท่านั้น และไม่คำนึกถึงเจ้าเลยแม้แต่น้อย ได้ยินมาว่าเพราะนางไม่มีลูกชาย จึงเลี้ยงญาติผู้พี่ของเจ้าดั่งลูกชายแท้ๆ?”อู๋เมี่ยวเสวียนหัวเราะเยาะ “ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่ามาชิงกับข้า มันไม่เป็นผลดีกับเจ้าหรอก”“นี่เป็นเรื่องของครอบครัวข้า เจ้าไม่มีสิทธิที่จะเอามาพูด วันนี้เจ้าอย่าคิดจะชิงกับข้า!”“ท่านอ๋อง เนี่ยนชูเพคะ”ซ่งรั่วเจินอยู่ข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 630

    งานเลี้ยงวันเกิดของฉู่มู่เหยาใกล้จะถึงแล้ว จะต้องรีบจัดเตรียมงานโดยเร็วฉู่จวินถิงเห็นซ่งรั่วเจินภาพวาดเป็นครั้งแรก พบว่าวิธีการวาดภาพของนางไม่เหมือนกับที่เห็นตามปกติทั่วไปแค่นางตวัดปลายพู่กันอย่างสบายเพียงไม่กี่ครั้งก็ปรากฏเรือนร่างอรชรของหญิงสาวได้ กระนั้นยังวาดรายละเอียดอันวิจิตของกระโปรงออกมาได้อีกทุกจุดออกแบบอย่างพิถีพิถัน ทั้งความยาว ความกว้าง แม้กระทั่งวัสดุที่เลือกใช้ก็เขียนไว้ด้านข้างอย่างชัดเจน ทำให้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเสื้อผ้าของลั่วเซินฟางจึงมีเอกลักษณ์มากเมื่อก่อนรู้แค่ว่านางเก่งเรื่องศาสตร์ลี้ลับ และยังรู้จักทำการค้า ร้านที่นางเปิดกิจการก็เป็นไปได้ดี แต่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วนางยังมีพรสวรรค์เพียงนี้หญิงสาวเช่นนี้...เมื่อก่อนในเมืองหลวงต้องได้รับฉายาว่าเป็นกุลสตรีตระกูลใหญ่เท่านั้น ช่างเป็นสตรีที่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากเสียจริงหวนนึกถึงชาติที่แล้วเห็นเพียงแค่ซ่งรั่วเจินผู้เศร้าโศก ต่างจากคนตรงหน้านี้...อุปนิสัยช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงซ่งรั่วเจินเลือกผ้าด้วยตนเอง และหารือกับช่างเย็บปักเกี่ยวกับแบบลวดลายปัก แล้วจึงเดินไปด้านหน้าฉู่จวินถิงชายหนุ่มยืนรอนางอยู่ต

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status