“เรียนฮูหยินรอง นั่นคือธูปหอมสงบใจเจ้าค่ะ แม่นางซ่งบอกว่าฮูหยินไม่ได้นอนหลับพักผ่อนดี ๆ มานานแล้ว ธูปหอมสงบใจสามารถระงับความฟุ้งซ่าน ช่วยให้จิตใจสงบ มีสรรพคุณช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายเจ้าค่ะ”สวี่ชิงเหมยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง สีหน้าของหลินอิ๋งเฉียวกับซ่งรั่วเจินในตอนนั้นไม่เหมือนว่าจะพูดเรื่องเรียบง่ายเช่นนี้ แต่จนใจที่ทั้งสองเดินไปไกลเกินไป นางจึงไม่ได้ยินสักนิด ความรู้สึกกระสับกระส่ายไม่สบายใจกลับรุนแรงมากขึ้นทุกที สังหรณ์ใจเหมือนจะมีเรื่องเกิดขึ้นฮูหยินผู้เฒ่าต่งเข้าใจแล้ว “ดูเจ้าสิ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปได้ ช่วงนี้อิ๋งเฉียวเหน็ดเหนื่อยเกินไป ได้นอนหลับดี ๆ สักตื่นก็ดีเหมือนกัน”“ท่านแม่ ข้าคิดว่าเรื่องราวไม่น่าเรียบง่ายถึงเพียงนั้น ธูปหอมสงบใจก้านเดียวกลับเรียกเงินตั้งหนึ่งหมื่นตำลึง แม่นางซ่งจะโลภเกินไปหรือไม่? พี่สะใภ้เป็นคนฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร แล้วจะถูกหลอกลวงง่าย ๆ ได้อย่างไรเจ้าคะ?”“หนึ่งหมื่นตำลึง?” ฮูหยินผู้เฒ่าต่งขมวดคิ้ว เงินมากมายถึงเพียงนี้บอกจะให้ก็ให้ ออกจะมักง่ายเกินไปจริง ๆ นั่นล่ะ แต่เมื่อคิดถึงว่าหลานชายหายตัวไป ตนเองก็ผิดต่อสะใภ้ใหญ่ผู้นี้ ยังจะไปตำหนินาง
นายท่านรองต่งจู๋ซูเห็นภรรยาของตนเองถูกพี่สะใภ้บีบคอก็พูดว่า “พี่สะใภ้ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ชิงเหมยจิตใจดีงามอ่อนโยน เรื่องในฝันจะยึดถือเป็นจริงเป็นจังได้อย่างไร?”ในหมู่ทุกคนมีเพียงสวี่ชิงเหมยที่ใจหายวาบ ในที่สุดก็เข้าใจสาเหตุที่กระสับกระส่ายไม่สบายใจเสียทีเจ้าเด็กต่งเป๋ยอวี่นั่นมาเข้าฝันได้จริง ๆ งั้นหรือ? หรือว่าทุกอย่างนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับซ่งรั่วเจิน?“นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริง!”หลินอิ๋งเฉียวหาได้สนใจ จับจ้องต่งหานโจวด้วยแววตาเจิดจ้า น้ำเสียงรวดร้าว สีหน้าหนักแน่น “ท่านพี่ หากท่านยังเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของพวกเรา คืนนี้ท่านต้องไปเมืองซีอวิ๋นกับข้า”ต่งหานโจวคิดไม่ถึงว่าหลินอิ๋งเฉียวจะยืนกรานหนักแน่นเช่นนี้ แต่ความสัมพันธ์ของเขากับภรรยารักใคร่กลมเกลียวกันมาโดยตลอด ลูกชายคนเล็กหายตัวไป พวกเขาโศกเศร้าไม่คลาย ถึงหลายวันก่อนจะไปตามหาที่เมืองซีอวิ๋นแล้วกลับมามือเปล่า แต่ตอนนี้ก็ยังคงพยักหน้ารับปาก“ได้ ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”หลินอิ๋งเฉียวถอนหายใจ ใบหน้างามสง่านั้นสะท้อนความจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากนั้นจึงคุกเข่าลงตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่าต่ง“อิ๋งเฉีย
ฮูหยินผู้เฒ่าต่งสุดจะทนดูต่อไปไหวจึงพูดว่า “ชิงเหมย เจ้าวางใจได้ เรื่องนี้จะไม่แพร่งพรายออกไปแม้แต่น้อย เจ้าก็ทนลำบากสักหน่อย ถึงตอนนั้นทุกคนจะชดเชยให้เจ้าเอง”อันที่จริงทุกคนบริเวณนั้นล้วนคิดว่าหลินอิ๋งเฉียวคงจะคิดถึงลูกชายจนเสียสติไปแล้วไม่มากก็น้อย แต่ในฐานะมารดา ปฏิกิริยาเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้ ช่างเป็นคนที่น่าเวทนาคนหนึ่งทว่าธูปหอมที่ยังไม่มอดดับนั้นยังคงเผาไหม้ต่อไป ควันธูปลอยเข้าจมูกทุกคนอย่างเงียบเชียบ...ต่งหานโจวกับหลินอิ๋งเฉียวนั่งรถม้าจากไปในคืนนั้นหลินอิ๋งเฉียวนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในรถม้า ในหัวเอาแต่คิดถึงภาพที่ได้เห็นเป๋ยอวี่ เป๋ยอวี่บอกว่าในบ่อน้ำที่แห้งขอดนั้นทั้งเหน็บหนาวและมืดมิด ยังมีหนอนกัดแทะเขา นางได้ยินแล้วก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจถูกเชือดเฉือนลูกชายที่รักของนาง ไหนเลยจะทนรับความทุกข์ทรมานเช่นนั้นได้?ต่งเป๋ยอวี่มองดูมารดาของตนเองด้วยความปวดใจ เขาไม่เคยเห็นท่าทางราวคนเสียสติของมารดาแบบเมื่อครู่นี้มาก่อนเลย ตั้งแต่เขายังเล็ก มารดามักมีภาพลักษณ์ของบุตรีตระกูลใหญ่ที่รอบรู้จัดเจนธรรมเนียมมารยาทเสมอมา สตรีก้าวร้าวดุร้ายเช่นนี้มารดาดูแคลนเป็นที่ส
แต่น่าเสียดาย หลายปีมานี้หลงเชื่อหน้ากากคนดีของสวี่ชิงเหมย ถูกหลอกจนไม่รู้เหนือรู้ใต้นี่ไม่ใช่บุพเพวาสนาที่ดีเลยสักนิดกระทบต่อโชคด้านการงานของเขาสอบรับราชการมาหลายปีล้วนสอบไม่ผ่าน ถูกสหายร่วมสำนักหัวเราะเยาะ ทำให้บิดาผิดหวัง ทั้งยังถูกพี่ชายข่มเอาไว้อีกถ้าเขาสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม ก็อาจมีโอกาสพลิกฟื้นได้“เจ้า...เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?”ซ่งรั่วเจินแย้มยิ้ม “ข้าไม่เพียงแต่รู้เรื่องเหล่านี้ แต่ยังรู้ด้วยว่าชิงเหมยที่ท่านคะนึงหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันผู้นั้นอยู่ที่ใด”เมื่อวาจานั้นดังขึ้น สีหน้าของต่งจู๋ซูก็พลันแข็งทื่อ เขาย่อมรู้ว่า ‘ชิงเหมย’ ที่ซ่งรั่วเจินพูดถึงไม่ได้หมายถึงสวี่ชิงเหมย แต่เป็นนางในดวงใจของเขาเมื่อหลายปีก่อนตอนนั้นทั้งที่คนทั้งสองชอบพอกัน ตั้งใจว่าจะเจรจาสู่ขอ นางในดวงใจของเขากลับแต่งงานเป็นภรรยาของคนอื่นไปเสียแล้ว ส่วนเขาก็โศกเศร้าเสียใจ จึงได้เชื่อฟังคำของคนในครอบครัว ยอมแต่งงานกับสวี่ชิงเหมย“เจ้า...เจ้ารู้จริง ๆ หรือ?”“ข้าจะหลอกลวงท่านไปทำไมเจ้าคะ?”ต่งจู๋ซูอดพลุ่งพล่านใจไม่ได้ อยากถามให้กระจ่างโดยไม่รู้ตัว ชั่วขณะที่เผยอปากกลับลังเ
“สวีฮูหยิน ท่านทำอะไรน่ะ? รีบลุกขึ้นเร็วเข้า”หลิ่วหรูเยียนรีบประคองคนขึ้นมา หลังได้รู้เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบก็ยิ้มออกมา ทั้งคู่ต่างเป็นสตรีในเมืองหลวง นางย่อมเคยได้ยินเรื่องที่สวีฮูหยินตามหาลูกสาวแท้ ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจินเอ๋อร์ที่ช่วยให้พวกเขาหาคนพบ“ซ่งฮูหยิน เป็นเพราะลูกสาวท่านแท้ ๆ ไม่อย่างนั้นชั่วชีวิตนี้ข้าคงต้องใช้ไปอย่างเลอะ ๆ เลือน ๆ กระทั่งว่าสวรรค์ส่งลูกสาวมาถึงตรงหน้าแล้วก็ยังไม่รู้ตัว”“เชิญไปนั่งด้านในดีกว่า” หลิ่วหรูเยียนยิ้มแย้มเชื้อเชิญสวีฮูหยินเข้าไปในเรือน กล่าวกับซ่งจืออวี้ว่า “ไปเรียกเจินเอ๋อร์มาเร็วเข้า”ซ่งจืออวี้เห็นท่าทางยินดีปรีดาของมารดาตนเองแล้วก็อดนึกขำไม่ได้ ก่อนหน้านี้ยังพร่ำพูดอยู่เลยว่ากลัวน้องหญิงห้าจะก่อเรื่อง ตอนนี้กลับยิ้มหน้าชื่นตาบาน เขากลับคิดว่าน้องหญิงห้ามีความสามารถมากทีเดียวราชครูสวีมีตำแหน่งมั่นคงในราชสำนัก ต่อให้เป็นตอนที่บิดายังอยู่ ราชครูสวีก็ไม่ค่อยจะสนใจครอบครัวพวกเขา พวกขุนนางไม่ชมชอบความหยาบกระด้างของทหารมาแต่ไหนแต่ไร ทุกคนเห็นกันจนชินชาเสียแล้วแต่ตอนนี้น้องหญิงห้าช่วยตระกูลสวีตามหาลูกสาวจนเจอ สวีฮูหยินเกรงอกเกรงใจปานนี
สาเหตุที่จนถึงตอนนี้ยังไม่แต่งงาน ไม่ใช่เพราะยังหาคนที่เหมาะสมไม่เจอ แต่เป็นเพราะตระกูลสวีให้ความสำคัญกับเขา ต้องการเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดถึงจะดี ตอนนี้...กลับมาต้องตาเจินเอ๋อร์ของนางหรือนี่?ซ่งรั่วเจินส่งสายตาให้มารดาของตนเอง ไม่ง่ายเลยกว่านางจะถอนหมั้นได้สำเร็จ เพียงอยากเสพสุขความมั่งคั่งของครอบครัวอยู่ที่บ้าน นอกจากกินแล้วก็ไม่คิดจะทำอะไรอีก จะรีบร้อนหมั้นหมายให้นางไปทำไม?ออกเรือนไหนเลยจะสบายเท่าอยู่บ้าน?“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ คราวหน้าจะต้องมาให้ได้นะ” สวีรั่วหลานตัดสินใจเสร็จสรรพ “ข้าจะไม่พูดมากความก็แล้วกัน ของขวัญเหล่านี้พวกท่านจะต้องรับไว้ ล้วนแต่เป็นน้ำใจของพวกข้าทั้งสิ้น”สวีเยว่เอ๋อร์ก็มีสีหน้าปีติยินดี “แม่นางซ่ง พี่ชายข้าดีมาก ๆ เลยนะ”“แม่นางสวี เจ้าฟังข้าก่อน...”ซ่งรั่วเจินยังไม่ทันพูดจบ สวีเยว่เอ๋อร์ก็ยิ้มเอ่ย “อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่คนในครอบครัวจัดงานเลี้ยงนับญาติให้ข้าแล้ว เจ้าต้องมาให้ได้นะ”“เอ๊ะ เจ้าฟังข้าพูดให้จบก่อนสิ...”ซ่งรั่วเจินมองดูสวีฮูหยินสองแม่ลูกจากไป ดวงตาใสกระจ่างสะท้อนความอับจนปัญญา สมกับเป็นแม่ลูกกันจริง ๆ นิสัยไม่ฟังคนอื่นพูดจนจบช่างเห
ซ่งรั่วเจินเป็นเจ้าสำนักวิชาเต๋า สิ่งที่เชี่ยวชาญก็คือศาสตร์ลี้ลับ ศาสตร์แห่งการทำนาย ยันต์แปดทิศ และศาสตร์ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่ลี้ลับลึกซึ้งเกินไป เวลาอธิบายมักจะทำให้คนเข้าใจได้ยาก มิสู้บอกว่ามีตาทิพย์ย่อมเข้าใจได้ง่ายกว่าหลิ่วหรูเยียนกับลูกชายทั้งสองอึ้งไปเพราะข้อมูลใหม่นี้ จิตใต้สำนึกบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นอกจากสาเหตุนี้ก็ดูเหมือนจะหาเหตุผลที่เหมาะสมกว่ามาอธิบายไม่ได้แล้ว“หลังเจ้าได้รับความสะเทือนใจก็มีความสามารถนี้หรือ?” หลิ่วหรูเยียนถามอย่างอดไม่ได้“ความจริงแล้ว วันนั้นพอได้รู้ว่าหลินโหวจะแต่งภรรยาสองคนพร้อมกัน ข้าก็โมโหจนสลบไป พอฟื้นขึ้นมาก็มีความทรงจำเหล่านี้แล้วเจ้าค่ะ...”ซ่งรั่วเจินก้มหน้า ใบหน้าพริ้มเพรานั้นสะท้อนความอับจนปัญญาและความลำบากใจ สองวันมานี้นางแสดงออกตามใจตัวเองเกินไปแล้ว ทำให้คนสงสัยได้ง่าย ตอนนี้แสดงความอ่อนแอออกมาอย่างเหมาะสมถึงจะทำให้คนเชื่อ“มิน่าเล่า” หลิ่วหรูเยียนปวดใจยิ่งนัก “เจินเอ๋อร์ เวลาอยู่ต่อหน้าพวกข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องแสร้งเป็นเข้มแข็ง ก่อนหน้านี้พวกเราทุกคนถูกหลินโหวหลอกลวง คิด
แต่ไหนแต่ไรมานางเป็นคนใจร้าย สำหรับคนที่ไม่ดีกับตน อย่าคิดฝันจะได้เอาเปรียบกันแม้แต่น้อย!จนกระทั่งมาถึงร้าน ก็ได้ยินเสียงทะเลาะดังออกจากด้านใน“พ่อบ้านหลิน หลายวันก่อนคุณหนูของข้าส่งคนมาแจ้งแล้ว นับแต่นี้ไปไม่เกี่ยวข้องอันใดกับจวนหลินโหวอีก ดังนั้นบัญชีเงินทั้งหมดล้วนส่งคืนให้สกุลซ่ง เจ้าอย่าว่าแต่เงินเลย แม้แต่เงินเชื่อก็ไม่ได้” ผู้จัดการร้านซ่งอวี้ปฏิเสธเสียงเฉียบ“ผู้จัดการซ่ง บัญชีของร้านตลอดสองปีมานี้ส่งไปให้จวนของพวกเรามาโดยตลอด เรื่องจิปาถะเช่นนี้จะพูดให้ชัดเจนอย่างง่ายดายได้อย่างไร?”“มิหนำซ้ำ เดิมทีร้านนี้ก็เป็นของจวนสกุลหลินของพวกเรา แม่นางซ่งเพียงให้เจ้ามาช่วยพวกเราดูแล บัดนี้นับว่าถอนหมั้นแล้ว ร้านก็เป็นของพวกเรา ที่สมควรไปก็คือพวกเจ้าต่างหาก!”พ่อบ้านหลินโมโหกระทืบเท้าอย่างโอหังพลางชูคอขึ้น “พวกเจ้าจงไปเดี๋ยวนี้เลย ห้ามมิให้นำของทั้งหมดไป หาไม่แล้วก็คือขโมย!”“สิ่งของเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นพวกเราสกุลซ่งนำมา พวกเจ้ายังคิดละโมบกระนั้นรึ? อย่าได้ทำเกินไปนัก!”ซ่งอวี้โมโหจนสีหน้าแข็งทื่อดุจเหล็ก เมื่อแรกตอนพวกเขารับช่วงต่อร้านนี้ ภายในทั้งเก่าทั้งโทรม เพียงแต่ตกแต่งซ่