แชร์

บทที่ 42

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
ทุกคนเห็นซ่งรั่วเจินพูดอะไรไม่รู้กับหลินอิ๋งเฉียว ฝ่ายหลังกล่าวคำขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วก็จากไป ในใจจึงอดสงสัยไม่ได้

“เมื่อวานข้าเห็นแม่นางซ่งเปิดโปงนักต้มตุ๋นกับตาตัวเอง ยังช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวแท้ ๆ จนเจอ เป็นคนที่มีความสามารถโดยแท้จริง ไม่ได้พูดจาเหลวไหล ได้รับความช่วยเหลือจากนาง ไม่แน่ว่าต่งฮูหยินอาจตามหาลูกชายคนเล็กที่หายตัวไปเจอก็เป็นได้”

ในกลุ่มคนบริเวณนั้นย่อมมีคนที่เห็นเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ต่างช่วยกันพูดแทนซ่งรั่วเจิน

เรื่องที่ตระกูลสวีตามหาลูกสาวเจอเมื่อวานนี้ลือกันไปทั่ว แต่สรุปว่าหาเจอได้อย่างไร คนส่วนใหญ่กลับไม่รู้แน่ชัด

สวี่ชิงเหมยหน้าเปลี่ยนสี มองประเมินซ่งรั่วเจินอย่างสงสัย สตรีผู้นี้คงไม่ได้มีความสามารถจริง ๆ หรอกนะ?

ลู่หมิ่นฮุ่ยมองไปทางฉู่จวินถิง ลดเสียงถามว่า “เจ้าบอกว่าแม่นางผู้นี้มีความสามารถ เป็นเรื่องจริงหรือ?”

ฉู่จวินถิง “...”

สองตาของลู่หมิ่นฮุ่ยเป็นประกาย สองปีนี้กินเจสวดมนต์ ไปขอพรจากไต้ซือมาจำนวนไม่น้อย ทุกคนล้วนบอกว่าย่อมจะมีไม่เร็วก็ช้า แต่นางรอมาสองปีแล้วยังคงไร้วี่แวว มีเพียงซ่งรั่วเจินที่บอกว่าในไม่ช้าจะได้สมหวังดังปรารถนา

แม้จิตใต้สำนึก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 43

    “น้องหญิงห้า เรื่องที่เจ้าพูดวันนี้เป็นเรื่องจริงหรือ? ไปล่วงเกินรองเจ้ากรมพิธีการไม่ดีหรอกนะ”ซ่งจืออวี้กังวลอยู่บ้าง ตอนนี้น้องสาวราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้ เขาคิดว่าไม่เข้าที แต่ก็รู้สึกว่าน้องสาวไม่น่าพูดจาส่งเดชซ่งรั่วเจินก็สัมผัสได้เช่นกัน ทั้งที่ซ่งจืออวี้กังวลใจมากแท้ ๆ แต่กลับปล่อยให้นางทำไปโดยไม่ขัดขวางเพราะเขาเชื่อใจน้องสาวของตัวเอง“พี่สาม ท่านวางใจได้ นอกจากพวกเราจะไม่ล่วงเกินรองเจ้ากรมพิธีการแล้ว ยังจะได้รับมิตรไมตรีกลับมาด้วย”เมื่อซ่งรั่วเจินไปจากงานเลี้ยงชมดอกอิงฮวา ลู่หมิ่นฮุ่ยก็เลือกแม่นางที่ไม่เลวหลายคนมาแนะนำให้ฉู่จวินถิงหลังจากนั้นตูม!“ใครก็ได้มาทางนี้ที! ฉู่อ๋องตกน้ำ!”เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจดังระงม ฉู่จวินถิงว่ายน้ำไม่เป็น ทำได้เพียงตีแขนปัดป่ายไปมาอยู่ในทะเลสาบองครักษ์ที่รุดมาช่วยเหลือรีบไปช่วยคน แต่กลับพบว่าไม่สามารถพาคนขึ้นมาได้ จนกระทั่งมีหลายคนลงไปตรวจสอบจึงพบว่าขาของฉู่จวินถิงถูกพืชน้ำพันไว้เมื่อช่วยขึ้นมาได้แล้ว สีหน้าของฉู่จวินถิงซีดขาวราวกระดาษ คำพูดที่ซ่งรั่วเจินกล่าวไว้เมื่อวานนี้ดังขึ้นในหัว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 44

    “เรียนฮูหยินรอง นั่นคือธูปหอมสงบใจเจ้าค่ะ แม่นางซ่งบอกว่าฮูหยินไม่ได้นอนหลับพักผ่อนดี ๆ มานานแล้ว ธูปหอมสงบใจสามารถระงับความฟุ้งซ่าน ช่วยให้จิตใจสงบ มีสรรพคุณช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายเจ้าค่ะ”สวี่ชิงเหมยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง สีหน้าของหลินอิ๋งเฉียวกับซ่งรั่วเจินในตอนนั้นไม่เหมือนว่าจะพูดเรื่องเรียบง่ายเช่นนี้ แต่จนใจที่ทั้งสองเดินไปไกลเกินไป นางจึงไม่ได้ยินสักนิด ความรู้สึกกระสับกระส่ายไม่สบายใจกลับรุนแรงมากขึ้นทุกที สังหรณ์ใจเหมือนจะมีเรื่องเกิดขึ้นฮูหยินผู้เฒ่าต่งเข้าใจแล้ว “ดูเจ้าสิ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปได้ ช่วงนี้อิ๋งเฉียวเหน็ดเหนื่อยเกินไป ได้นอนหลับดี ๆ สักตื่นก็ดีเหมือนกัน”“ท่านแม่ ข้าคิดว่าเรื่องราวไม่น่าเรียบง่ายถึงเพียงนั้น ธูปหอมสงบใจก้านเดียวกลับเรียกเงินตั้งหนึ่งหมื่นตำลึง แม่นางซ่งจะโลภเกินไปหรือไม่? พี่สะใภ้เป็นคนฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร แล้วจะถูกหลอกลวงง่าย ๆ ได้อย่างไรเจ้าคะ?”“หนึ่งหมื่นตำลึง?” ฮูหยินผู้เฒ่าต่งขมวดคิ้ว เงินมากมายถึงเพียงนี้บอกจะให้ก็ให้ ออกจะมักง่ายเกินไปจริง ๆ นั่นล่ะ แต่เมื่อคิดถึงว่าหลานชายหายตัวไป ตนเองก็ผิดต่อสะใภ้ใหญ่ผู้นี้ ยังจะไปตำหนินาง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 45

    นายท่านรองต่งจู๋ซูเห็นภรรยาของตนเองถูกพี่สะใภ้บีบคอก็พูดว่า “พี่สะใภ้ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ชิงเหมยจิตใจดีงามอ่อนโยน เรื่องในฝันจะยึดถือเป็นจริงเป็นจังได้อย่างไร?”ในหมู่ทุกคนมีเพียงสวี่ชิงเหมยที่ใจหายวาบ ในที่สุดก็เข้าใจสาเหตุที่กระสับกระส่ายไม่สบายใจเสียทีเจ้าเด็กต่งเป๋ยอวี่นั่นมาเข้าฝันได้จริง ๆ งั้นหรือ? หรือว่าทุกอย่างนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับซ่งรั่วเจิน?“นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริง!”หลินอิ๋งเฉียวหาได้สนใจ จับจ้องต่งหานโจวด้วยแววตาเจิดจ้า น้ำเสียงรวดร้าว สีหน้าหนักแน่น “ท่านพี่ หากท่านยังเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของพวกเรา คืนนี้ท่านต้องไปเมืองซีอวิ๋นกับข้า”ต่งหานโจวคิดไม่ถึงว่าหลินอิ๋งเฉียวจะยืนกรานหนักแน่นเช่นนี้ แต่ความสัมพันธ์ของเขากับภรรยารักใคร่กลมเกลียวกันมาโดยตลอด ลูกชายคนเล็กหายตัวไป พวกเขาโศกเศร้าไม่คลาย ถึงหลายวันก่อนจะไปตามหาที่เมืองซีอวิ๋นแล้วกลับมามือเปล่า แต่ตอนนี้ก็ยังคงพยักหน้ารับปาก“ได้ ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”หลินอิ๋งเฉียวถอนหายใจ ใบหน้างามสง่านั้นสะท้อนความจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากนั้นจึงคุกเข่าลงตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่าต่ง“อิ๋งเฉีย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 46

    ฮูหยินผู้เฒ่าต่งสุดจะทนดูต่อไปไหวจึงพูดว่า “ชิงเหมย เจ้าวางใจได้ เรื่องนี้จะไม่แพร่งพรายออกไปแม้แต่น้อย เจ้าก็ทนลำบากสักหน่อย ถึงตอนนั้นทุกคนจะชดเชยให้เจ้าเอง”อันที่จริงทุกคนบริเวณนั้นล้วนคิดว่าหลินอิ๋งเฉียวคงจะคิดถึงลูกชายจนเสียสติไปแล้วไม่มากก็น้อย แต่ในฐานะมารดา ปฏิกิริยาเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้ ช่างเป็นคนที่น่าเวทนาคนหนึ่งทว่าธูปหอมที่ยังไม่มอดดับนั้นยังคงเผาไหม้ต่อไป ควันธูปลอยเข้าจมูกทุกคนอย่างเงียบเชียบ...ต่งหานโจวกับหลินอิ๋งเฉียวนั่งรถม้าจากไปในคืนนั้นหลินอิ๋งเฉียวนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในรถม้า ในหัวเอาแต่คิดถึงภาพที่ได้เห็นเป๋ยอวี่ เป๋ยอวี่บอกว่าในบ่อน้ำที่แห้งขอดนั้นทั้งเหน็บหนาวและมืดมิด ยังมีหนอนกัดแทะเขา นางได้ยินแล้วก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจถูกเชือดเฉือนลูกชายที่รักของนาง ไหนเลยจะทนรับความทุกข์ทรมานเช่นนั้นได้?ต่งเป๋ยอวี่มองดูมารดาของตนเองด้วยความปวดใจ เขาไม่เคยเห็นท่าทางราวคนเสียสติของมารดาแบบเมื่อครู่นี้มาก่อนเลย ตั้งแต่เขายังเล็ก มารดามักมีภาพลักษณ์ของบุตรีตระกูลใหญ่ที่รอบรู้จัดเจนธรรมเนียมมารยาทเสมอมา สตรีก้าวร้าวดุร้ายเช่นนี้มารดาดูแคลนเป็นที่ส

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 47

    แต่น่าเสียดาย หลายปีมานี้หลงเชื่อหน้ากากคนดีของสวี่ชิงเหมย ถูกหลอกจนไม่รู้เหนือรู้ใต้นี่ไม่ใช่บุพเพวาสนาที่ดีเลยสักนิดกระทบต่อโชคด้านการงานของเขาสอบรับราชการมาหลายปีล้วนสอบไม่ผ่าน ถูกสหายร่วมสำนักหัวเราะเยาะ ทำให้บิดาผิดหวัง ทั้งยังถูกพี่ชายข่มเอาไว้อีกถ้าเขาสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม ก็อาจมีโอกาสพลิกฟื้นได้“เจ้า...เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?”ซ่งรั่วเจินแย้มยิ้ม “ข้าไม่เพียงแต่รู้เรื่องเหล่านี้ แต่ยังรู้ด้วยว่าชิงเหมยที่ท่านคะนึงหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันผู้นั้นอยู่ที่ใด”เมื่อวาจานั้นดังขึ้น สีหน้าของต่งจู๋ซูก็พลันแข็งทื่อ เขาย่อมรู้ว่า ‘ชิงเหมย’ ที่ซ่งรั่วเจินพูดถึงไม่ได้หมายถึงสวี่ชิงเหมย แต่เป็นนางในดวงใจของเขาเมื่อหลายปีก่อนตอนนั้นทั้งที่คนทั้งสองชอบพอกัน ตั้งใจว่าจะเจรจาสู่ขอ นางในดวงใจของเขากลับแต่งงานเป็นภรรยาของคนอื่นไปเสียแล้ว ส่วนเขาก็โศกเศร้าเสียใจ จึงได้เชื่อฟังคำของคนในครอบครัว ยอมแต่งงานกับสวี่ชิงเหมย“เจ้า...เจ้ารู้จริง ๆ หรือ?”“ข้าจะหลอกลวงท่านไปทำไมเจ้าคะ?”ต่งจู๋ซูอดพลุ่งพล่านใจไม่ได้ อยากถามให้กระจ่างโดยไม่รู้ตัว ชั่วขณะที่เผยอปากกลับลังเ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 48

    “สวีฮูหยิน ท่านทำอะไรน่ะ? รีบลุกขึ้นเร็วเข้า”หลิ่วหรูเยียนรีบประคองคนขึ้นมา หลังได้รู้เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบก็ยิ้มออกมา ทั้งคู่ต่างเป็นสตรีในเมืองหลวง นางย่อมเคยได้ยินเรื่องที่สวีฮูหยินตามหาลูกสาวแท้ ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจินเอ๋อร์ที่ช่วยให้พวกเขาหาคนพบ“ซ่งฮูหยิน เป็นเพราะลูกสาวท่านแท้ ๆ ไม่อย่างนั้นชั่วชีวิตนี้ข้าคงต้องใช้ไปอย่างเลอะ ๆ เลือน ๆ กระทั่งว่าสวรรค์ส่งลูกสาวมาถึงตรงหน้าแล้วก็ยังไม่รู้ตัว”“เชิญไปนั่งด้านในดีกว่า” หลิ่วหรูเยียนยิ้มแย้มเชื้อเชิญสวีฮูหยินเข้าไปในเรือน กล่าวกับซ่งจืออวี้ว่า “ไปเรียกเจินเอ๋อร์มาเร็วเข้า”ซ่งจืออวี้เห็นท่าทางยินดีปรีดาของมารดาตนเองแล้วก็อดนึกขำไม่ได้ ก่อนหน้านี้ยังพร่ำพูดอยู่เลยว่ากลัวน้องหญิงห้าจะก่อเรื่อง ตอนนี้กลับยิ้มหน้าชื่นตาบาน เขากลับคิดว่าน้องหญิงห้ามีความสามารถมากทีเดียวราชครูสวีมีตำแหน่งมั่นคงในราชสำนัก ต่อให้เป็นตอนที่บิดายังอยู่ ราชครูสวีก็ไม่ค่อยจะสนใจครอบครัวพวกเขา พวกขุนนางไม่ชมชอบความหยาบกระด้างของทหารมาแต่ไหนแต่ไร ทุกคนเห็นกันจนชินชาเสียแล้วแต่ตอนนี้น้องหญิงห้าช่วยตระกูลสวีตามหาลูกสาวจนเจอ สวีฮูหยินเกรงอกเกรงใจปานนี

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 49

    สาเหตุที่จนถึงตอนนี้ยังไม่แต่งงาน ไม่ใช่เพราะยังหาคนที่เหมาะสมไม่เจอ แต่เป็นเพราะตระกูลสวีให้ความสำคัญกับเขา ต้องการเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดถึงจะดี ตอนนี้...กลับมาต้องตาเจินเอ๋อร์ของนางหรือนี่?ซ่งรั่วเจินส่งสายตาให้มารดาของตนเอง ไม่ง่ายเลยกว่านางจะถอนหมั้นได้สำเร็จ เพียงอยากเสพสุขความมั่งคั่งของครอบครัวอยู่ที่บ้าน นอกจากกินแล้วก็ไม่คิดจะทำอะไรอีก จะรีบร้อนหมั้นหมายให้นางไปทำไม?ออกเรือนไหนเลยจะสบายเท่าอยู่บ้าน?“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ คราวหน้าจะต้องมาให้ได้นะ” สวีรั่วหลานตัดสินใจเสร็จสรรพ “ข้าจะไม่พูดมากความก็แล้วกัน ของขวัญเหล่านี้พวกท่านจะต้องรับไว้ ล้วนแต่เป็นน้ำใจของพวกข้าทั้งสิ้น”สวีเยว่เอ๋อร์ก็มีสีหน้าปีติยินดี “แม่นางซ่ง พี่ชายข้าดีมาก ๆ เลยนะ”“แม่นางสวี เจ้าฟังข้าก่อน...”ซ่งรั่วเจินยังไม่ทันพูดจบ สวีเยว่เอ๋อร์ก็ยิ้มเอ่ย “อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่คนในครอบครัวจัดงานเลี้ยงนับญาติให้ข้าแล้ว เจ้าต้องมาให้ได้นะ”“เอ๊ะ เจ้าฟังข้าพูดให้จบก่อนสิ...”ซ่งรั่วเจินมองดูสวีฮูหยินสองแม่ลูกจากไป ดวงตาใสกระจ่างสะท้อนความอับจนปัญญา สมกับเป็นแม่ลูกกันจริง ๆ นิสัยไม่ฟังคนอื่นพูดจนจบช่างเห

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 50

    ซ่งรั่วเจินเป็นเจ้าสำนักวิชาเต๋า สิ่งที่เชี่ยวชาญก็คือศาสตร์ลี้ลับ ศาสตร์แห่งการทำนาย ยันต์แปดทิศ และศาสตร์ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่ลี้ลับลึกซึ้งเกินไป เวลาอธิบายมักจะทำให้คนเข้าใจได้ยาก มิสู้บอกว่ามีตาทิพย์ย่อมเข้าใจได้ง่ายกว่าหลิ่วหรูเยียนกับลูกชายทั้งสองอึ้งไปเพราะข้อมูลใหม่นี้ จิตใต้สำนึกบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นอกจากสาเหตุนี้ก็ดูเหมือนจะหาเหตุผลที่เหมาะสมกว่ามาอธิบายไม่ได้แล้ว“หลังเจ้าได้รับความสะเทือนใจก็มีความสามารถนี้หรือ?” หลิ่วหรูเยียนถามอย่างอดไม่ได้“ความจริงแล้ว วันนั้นพอได้รู้ว่าหลินโหวจะแต่งภรรยาสองคนพร้อมกัน ข้าก็โมโหจนสลบไป พอฟื้นขึ้นมาก็มีความทรงจำเหล่านี้แล้วเจ้าค่ะ...”ซ่งรั่วเจินก้มหน้า ใบหน้าพริ้มเพรานั้นสะท้อนความอับจนปัญญาและความลำบากใจ สองวันมานี้นางแสดงออกตามใจตัวเองเกินไปแล้ว ทำให้คนสงสัยได้ง่าย ตอนนี้แสดงความอ่อนแอออกมาอย่างเหมาะสมถึงจะทำให้คนเชื่อ“มิน่าเล่า” หลิ่วหรูเยียนปวดใจยิ่งนัก “เจินเอ๋อร์ เวลาอยู่ต่อหน้าพวกข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องแสร้งเป็นเข้มแข็ง ก่อนหน้านี้พวกเราทุกคนถูกหลินโหวหลอกลวง คิด

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 602

    “สกุลหลิ่วจะถูกปลดตำแหน่งขุนนางหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินมองเขาอย่างสงสัย สายตาแยกดำขาวอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์ทอประกายระยับ สุกสกาวเป็นพิเศษสุ้มเสียงนางนุ่มนวล เพียงแค่เอ่ยถามเรียบๆ หนึ่งประโยค ทว่าตกอยู่ในหูของฉู่จวินถิง กลับอยากจะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นจริง“แน่นอน”เส้นเสียงของเขาต่ำหนัก สุ้มเสียงมั่นใจอย่างมากซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น “หลายปีมานี้ภายใต้การช่วยเหลือของสกุลฉินใต้เท้าหลิ่วก็สร้างผลงานไว้บ้าง แม้ว่าบัดนี้มีความผิดสลับตัวเด็ก แต่ทำให้เขาถูกลดตำแหน่งนั้นง่าย ปลดตำแหน่งขุนนางกลับไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”เรื่องพรรค์นี้ในแวดวงขุนนาง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวของสองตระกูล คนอื่นมากที่สุดก็ล้วนรับชมความครึกครื้นยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นายท่านหลิ่วโยนความผิดทั้งหมดไว้บนตัวญาติฝ่ายหญิง หากเป็นเรื่องภายในเรือน ย่อมเกี่ยวข้องกับเขาไม่มากเพียงแต่ นางรู้ดีมากว่านายท่านหลิ่วจะต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ นายหญิงหลิ่วเองก็วางอุบายเพื่อให้เขาโชคดีในเส้นทางของขุนนาง คนที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้...ไม่มีผู้บริสุทธิ์แม้คนเดียว“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าด้านข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 601

    “พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าปีนั้นสกุลกู้เคยคิดจะให้กู้อวิ๋นเวยแต่งงานกับแม่ทัพซ่ง แต่ท้ายที่สุดงานแต่งนี้ก็ไม่สำเร็จ?คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้ว แม่ทัพซ่งยังเป็นลูกเขยของสกุลกู้ นี่นับว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิตใช่หรือไม่?”“ข้าก็พูดแล้วสกุลกู้ซื่อสัตย์ภักดีทั้งตระกูล เหตุใดอุปนิสัยของกู้อวิ๋นเวยจึงแตกต่างออกไปถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูล ตกอับจนมีจุดจบเฉกเช่นทุกวันนี้ บัดนี้นับว่าเข้าใจทั้งหมดแล้ว การกระทำนั้นยังไม่เหมือนสกุลหลิ่วทุกกระเบียดนิ้วอีกหรือ?”ทุกคนต่างพากันส่ายหน้า รู้สึกเพียงสลดใจบัดนี้หลิ่วหรูเยียนกำลังนั่งอยู่ร่วมกับพวกราชครูกู้ ได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงเรื่องในตอนแรก“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าอุบัติเหตุในตอนนั้นจะทำให้เจ้าต้องตกลำบากอยู่ภายนอกมานานหลายปีถึงเพียงนี้ เป็นแม่ทำผิดต่อเจ้า...”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้จับมือหลิ่วหรูเยียนพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ที่ผ่านมานางก็เคยได้ยินเรื่องของหลิ่วหรูเยียน รู้ว่าหลายปีมานี้นางใช้ชีวิตอยู่ที่สกุลหลิ่วอย่างยากลำบาก ยังแปลกใจเหตุใดสกุลหลิ่วลำเอียงถึงเพียงนี้เพียงแต่ เดิมทีก็เป็นลูกของบ้านอื่น พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้บัด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 600

    “ลูกที่ใส่ใจเลี้ยงดูมานานหลายปี ย่อมไม่ใช่พูดว่าตัดสายสัมพันธ์ก็ตัดขาดไปเลยได้ข้าผิดไปแล้ว เป็นข้าทำผิดต่อซ่งฮูหยิน ทำผิดต่อสกุลกู้!”ได้ยินแผนการของสกุลหลิ่วที่ก่อนหน้านี้ทุกคนหยั่งเดาเอาไว้แล้ว คราวนี้ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างอดไม่ได้ นี่วางอุบายได้อย่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!ผลประโยชน์ล้วนถูกพวกเขาเอาเปรียบจนหมดสิ้น!หากไม่ใช่กู้อวิ๋นเวยไร้ความสามารถ ก่อความวุ่นวายจนสกุลกู้ตัดขาดความสัมพันธ์ พวกเขาสกุลหลิ่วก็สามารถอาศัยความสัมพันธ์นี้ดึงความสัมพันธ์ของสกุลกู้ให้ใกล้ชิดกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลิ่วหรูเยียนมีความสามารถถึงเพียงนี้ ทำให้พวกเขาเอาเปรียบได้สีหน้าราชครูกู้แข็งทื่อดุจเหล็ก พูดเสียงโกรธขึ้ง “บัดนี้พวกเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก!”“ราชครูกู้ ท่านระงับโทสะก่อน นี่ล้วนเป็นเรื่องที่ฮูหยินของข้าทำ เดิมทีข้าก็ไม่รู้เรื่องนี้!”นายท่านหลิ่วเห็นความลับถูกเปิดเผยแล้ว รีบโยนเรื่องทั้งหมดไว้ที่นายหญิงหลิ่วนายหญิงหลิ่วตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าคนนอนเคียงหมอนร่วมกันมานานหลายปีเห็นปัญหาใหญ่มาเยือนก็ผลักนางออกไปในทันที พูดเสียงโกรธขึ้ง“นี่ เหตุใดถึงโยนทั้งหมดมาที่ข้าคนเดียวเล่า?ทั้งๆ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 599

    เผชิญหน้ากับคำวิงวอนขอความเมตตาจากนายท่านหลิ่ว ราชครูกู้ไม่ชายตาแลมองเขาเลยสักครั้ง ใบหน้าหยาบกร้านกำลังสบมองกู้อวิ๋นเวย ภายในสายตาเปี่ยมความสงสารและห่วงใย“ลูกเอ๋ย หลายปีมานี้ เจ้าลำบากแล้ว เป็นพวกเราทำผิดต่อเจ้า”หลิ่วหรูเยียนยังมิอาจยอมรับความจริงที่ว่าตนเป็นลูกของสกุลกู้ในทันทีเลยได้ เพียงแต่เผชิญหน้ากับท่าทางสงสารนั้นของราชครูกู้และฮูหยินผู้เฒ่ากู้ เพียงครู่เดียวนางก็ใจอ่อนแล้วเมื่อหลายวันก่อนได้พบฮูหยินผู้เฒ่ากู้ครั้งแรกนางก็รู้สึกคุ้นเคย หลายปีมานี้ไม่เคยรู้สึกสนิทสนมเช่นนี้มาก่อน บัดนี้ได้เห็นราชครูกู้ นางก็รู้สึกว่าตนเองหน้าตาคล้ายเขาอยู่บ้าง ขอบตาแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัวที่แท้...นี่ต่างหากคือพ่อแม่แท้ๆ ของนาง!นึกถึงเมื่อแรกนางเคยได้ยินมาว่าสกุลกู้รักใคร่เอ็นดูลูกสาวเพียงคนเดียวมาก ความรุ่งโรจน์ในเวลานั้นทำให้แม่นางในเมืองหลวงมากมายต่างพากันอิจฉาตอนนั้น นางเองก็เคยอิจฉากู้อวิ๋นเวย อย่างไรเสียสำหรับนางแล้ว ยังไม่ต้องพูดว่ารักใคร่เอ็นดูเช่นนี้เลย แม้แต่พี่น้องเองก็ปฏิบัติคล้ายนางเป็นส่วนเกิน“ไม่ ไม่เจ้าค่ะ”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้า ใบหน้ากลับประดับยิ้มนางเข้าใจ สกุลกู้มิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 598

    วาจาคมกริบนี้ฉีกหน้าสกุลหลิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย พริบตาต่อมาคนภายในงานเข้าใจแล้วก่อนหน้านี้คนที่ยังคิดว่าสกุลหลิ่วพูดมีเหตุผลและน่าสงสารมาก บัดนี้รู้สึกเพียงถูกตบหน้าหนึ่งฉาดด้วยมือที่มองไม่เห็น!อีกฝ่ายเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาที่ใดกัน เห็นชัดว่าพวกเขาหน้าซื่อใจคดอีกทั้งยังเย็นชา ยังไม่ต้องพูดว่าเอาเปรียบสกุลกู้ ยังสามารถแสร้งทำท่าทางเป็นคนดีกล่าวโทษหลิ่วหรูเยียนได้อีกด้วยหากไม่ใช่วันนี้ถูกเปิดโปงโดยบังเอิญ เช่นนั้นน่ากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนก็ต้องถูกตราหน้าว่าทำผิดต่อสกุลหลิ่วและกลายเป็นวัวเป็นม้าเลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต ถึงขั้นยังถูกด่าว่าทำร้ายคุณหนูสกุลหลิ่วที่แท้จริงอีกด้วย!ภายใต้การใคร่ครวญอย่างละเอียด นี่น่ากลัวมากเพียงใดกัน?“หลิ่วเฟยเยี่ยนและกู้อวิ๋นเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากมิใช่หรือ? ที่ผ่านมาข้าเคยพบพวกเขามิใช่เพียงครั้งเดียว น่ากลัวว่าพี่สาวน้องสาวคู่นี้นับญาติกันตั้งนานแล้วกระมัง!”“ไม่เพียงแค่นี้! ที่ผ่านมาข้ายังเคยเห็นกู้อวิ๋นเวยเข้าออกสกุลหลิ่วอีกด้วย ตอนนั้นข้าก็คิดว่าแปลก ปกติแล้วกู้อวิ๋นเวยคนนี้ไม่เคยเห็นคนทั่วไปอยู่ในสายตาด้วยฐานะของสกุลหลิ่ว นางน่าจะไม่สนใจ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 597

    “เดิมทียังคิดว่าไม่รู้จะนับญาติยามใดถึงจะเหมาะสม คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวันแต่งงานของพี่ใหญ่ นี่ก็นับเป็นเรื่องมงคลยิ่งขึ้นไปอีกกระมัง?” ซ่งอี้อันหัวเราะเบาๆซ่งเยี่ยนโจวผลิยิ้ม “ข้าดูแล้วท่านตา ท่านยายและท่านลุงทั้งสองท่านล้วนดีมาก เทียบกับปลิงเหล่านั้นแล้วไม่รู้ดียิ่งกว่ามากเพียงใดท่านแม่นับญาติแล้ว ภายภาคหน้าก็ไม่ต้องถูกสกุลหลิ่วบีบบังคับอีกต่อไป คิดแล้วก็ดีใจยิ่งนัก”แม้พูดว่าเกิดเรื่องเอะอะวุ่นวายในวันแต่งงานหลายครั้ง แต่มองดูผลลัพธ์แล้วเขากลับดีใจมาก คิดว่าชิงอินเองก็ดีใจเฉกเดียวกันซ่งจืออวี้มองสองสามคนที่รู้เรื่องตั้งแต่แรกแล้ว เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกท่านล้วนรู้เรื่องแล้ว มีแค่ข้าไม่รู้?”“อย่าเสียใจไปเลย ข้าเองก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่แหละ” ซ่งจิ่งเซินเอ่ยปลอบซ่งจืออวี้ “เหตุใดข้าไม่อยากจะเชื่อกันเล่า?”ซ่งอี้อันมองทั้งหมดเงียบๆ พูดว่า “ตอนนั้นอุ้มเด็กผิดตัวไป...น่ากลัวว่าอาจไม่ใช่อุบัติเหตุกระมัง”หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเชื่อว่าอาจอุ้มเด็กผิดไปจริง แต่พวกเขารู้จักอุปนิสัยของสกุลหลิ่วดีมาก ภายใต้สถานการณ์ไม่รู้ว่าลูกของตนอยู่ที่ใด ไฉนเลยจะเลี้ยงดูมารดาให้เติบใหญ่ได้?

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 596

    ทว่า ในเมื่อพวกเขาชอบแสดงละคร เช่นนั้นก็ให้พวกเขาแสดงอีกสักครู่เถอะขณะเดียวกันคนเหล่านั้นยิ่งเชื่อพวกเขามาก รอความจริงถูกเปิดเผยแล้ว คนโกรธแค้นที่สุดก็คือพวกเขาเฉกเดียวกัน นี่ก็คือธรรมชาติของมนุษย์“พอดีเลย ข้าทำนายออกมาได้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของท่านแม่ก็อยู่ในเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นยังมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้อีกด้วย!”ชั่วขณะที่เสียงของซ่งรั่วเจินเพิ่งจบลง ดวงตาของทุกคนภายในงานล้วนเผยแววตกใจ จากนั้นกลายเป็นตกตะลึงพรึงเพริด“เมื่อแรกแม่นางซ่งก็ช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวที่หายตัวไปนานพบมิใช่หรือ? นางจะต้องทำนายออกมาได้แน่ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของซ่งฮูหยินเป็นใคร!”“คนก็อยู่ในงานเลี้ยงวันนี้ คงมิได้หมายความว่าอีกฝ่ายคือบ่าวสูงวัยหรือหญิงบ้านนอกหรอกกระมัง?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน ประโยคนี้มีความหมายท่วมท้น ทุกคนย้อนนึกคิดอย่างอดไม่ได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าบ้านใดคลอดลูกในเวลาไล่เรี่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่ว อายุฮูหยินของอีกฝ่ายยังห่างจากหลิ่วหรูเยียนไม่มากฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว ดูตกใจเล็กน้อย ความทรงจำในตอนแรกอย่างหนึ่งผุดออกจากสมองนางจำได้ยามตนเองตั้งครรภ์กู้อวิ๋นเวยเคยได้พบฮูหยินผู้เฒ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 595

    ยิ่งคนสกุลหลิ่วนำความจริงออกบิดเบือนเช่นนี้ ผู้คนรอบข้างก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้างหลิ่วหรูเยียนมิใช่บุตรในไส้ ดังนั้นที่สกุลหลิ่วลำเอียงก็นับว่าเข้าใจได้ ยิ่งเมื่อเปลี่ยนเป็นครอบครัวอื่นแล้ว ความลำเอียงเช่นนี้เรียกได้ว่ามิอาจหลีกเลี่ยงอยู่แล้วแม้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ยังยากจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันได้ นับประสาอะไรกับเด็กที่มิใช่สายเลือดเดียวกันหากหลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงบุตรของบ่าวรับใช้ เมื่อถูกสับเปลี่ยนให้มาเสวยสุขเป็นคุณหนูในจวน ก็นับว่าโชคมหาศาลหล่นทับนางแล้ว!“หากว่ากันตามนี้ หลิ่วหรูเยียนก็ติดค้างบุญคุณสกุลหลิ่วอยู่เช่นกัน ต่อให้ต้องชดใช้ด้วยทรัพย์สินมากหน่อยก็เป็นการสมควรแล้ว มิเช่นนั้นจะมีวาสนาได้เป็นถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์หรือ?”“บุตรสาวแท้ๆ ของสกุลหลิ่วบัดนี้ก็ไม่รู้ไปอยู่แห่งหนใด ทว่าสกุลหลิ่วรู้ความจริงนี้แล้วยังคงเก็บงำไว้มิยอมปริปาก ก็มิใช่ว่าใจคอกว้างขวางมากแล้วหรือ?”กระแสความคิดเริ่มโน้มเอียงไปอีกทาง คนรอบข้างต่างพูดกันไปต่างๆ นานา บ้างเริ่มเข้าอกเข้าใจถึงความใจคอคับแคบแล้งน้ำใจของสกุลหลิ่วต่งฮูหยินและจางเหวินที่มองดูเหตุการณ์มีหรือจะอดรนทนฟังได้?“หาก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 594

    “อะไรกัน? ใต้เท้าหลิ่วมิกล้าอย่างนั้นหรือ?” ฉู่จวิ้นถิงกล่าวเสียงขรึมใต้เท้าหลิ่วนิ่งเงียบอยู่ครู่ ก่อนมีทีท่าคล้ายหมดเรี่ยวแรงแล้วก็มิปาน พลางหันมองนายหญิงหลิ่วด้วยความจนใจ “ช่างเถิด เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้วก็พูดไปเสียเถิด”นายหญิงหลิ่วย่อมไม่อยากที่จะยอมรับความจริง ทว่ากลับรู้ดีว่าไม่อาจเลี่ยงต่อไปได้อีก นางจึงได้แผดเสียงร่ำไห้โหยหวน “ข้าเองก็มิรู้เช่นกันว่สารเลวคนไหนมันสับเปลี่ยนลูกข้าไป!”“หลายปีมานี้ข้าก็เลี้ยงดูหรูเยียนดังบุตรในไส้มาโดยตลอด จนเมื่อไม่นานมานี้จึงเพิ่งได้รู้ว่านางมิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของข้า! แต่อย่างไรพระคุณเลี้ยงดูย่อมยิ่งใหญ่กว่าพระคุณให้กำเนิด หรือเพียงเพราะเรื่องเท่านี้ก็ทำให้มิอาจยอมรับข้าผู้นี้เป็นแม่เจ้าแล้ว?” ใต้เท้าหลิ่วเองก็กล่าวด้วยสีหน้าปวดร้าวเช่นกัน “ครานั้น ฮูหยินข้าตั้งครรภ์ลูกถึงสิบเดือนจนคลอดออกมา บัดนี้กลับไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าลูกไปอยู่แห่งหนใด หรือยังจะกล่าวโทษพวกข้าด้วย?”“ที่พวกข้าปิดเอาไว้มิยอมพูด ก็เพราะมิต้องการให้หรูเยียนปฏิบัติห่างเหินต่อพวกข้า มินึกเลยว่า...”ผู้คนได้เห็นสกุลหลิ่วออกปากยอมรับด้วยตนเองเช่นนี้แล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เส

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status