ฮูหยินผู้เฒ่าต่งสุดจะทนดูต่อไปไหวจึงพูดว่า “ชิงเหมย เจ้าวางใจได้ เรื่องนี้จะไม่แพร่งพรายออกไปแม้แต่น้อย เจ้าก็ทนลำบากสักหน่อย ถึงตอนนั้นทุกคนจะชดเชยให้เจ้าเอง”อันที่จริงทุกคนบริเวณนั้นล้วนคิดว่าหลินอิ๋งเฉียวคงจะคิดถึงลูกชายจนเสียสติไปแล้วไม่มากก็น้อย แต่ในฐานะมารดา ปฏิกิริยาเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้ ช่างเป็นคนที่น่าเวทนาคนหนึ่งทว่าธูปหอมที่ยังไม่มอดดับนั้นยังคงเผาไหม้ต่อไป ควันธูปลอยเข้าจมูกทุกคนอย่างเงียบเชียบ...ต่งหานโจวกับหลินอิ๋งเฉียวนั่งรถม้าจากไปในคืนนั้นหลินอิ๋งเฉียวนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในรถม้า ในหัวเอาแต่คิดถึงภาพที่ได้เห็นเป๋ยอวี่ เป๋ยอวี่บอกว่าในบ่อน้ำที่แห้งขอดนั้นทั้งเหน็บหนาวและมืดมิด ยังมีหนอนกัดแทะเขา นางได้ยินแล้วก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจถูกเชือดเฉือนลูกชายที่รักของนาง ไหนเลยจะทนรับความทุกข์ทรมานเช่นนั้นได้?ต่งเป๋ยอวี่มองดูมารดาของตนเองด้วยความปวดใจ เขาไม่เคยเห็นท่าทางราวคนเสียสติของมารดาแบบเมื่อครู่นี้มาก่อนเลย ตั้งแต่เขายังเล็ก มารดามักมีภาพลักษณ์ของบุตรีตระกูลใหญ่ที่รอบรู้จัดเจนธรรมเนียมมารยาทเสมอมา สตรีก้าวร้าวดุร้ายเช่นนี้มารดาดูแคลนเป็นที่ส
แต่น่าเสียดาย หลายปีมานี้หลงเชื่อหน้ากากคนดีของสวี่ชิงเหมย ถูกหลอกจนไม่รู้เหนือรู้ใต้นี่ไม่ใช่บุพเพวาสนาที่ดีเลยสักนิดกระทบต่อโชคด้านการงานของเขาสอบรับราชการมาหลายปีล้วนสอบไม่ผ่าน ถูกสหายร่วมสำนักหัวเราะเยาะ ทำให้บิดาผิดหวัง ทั้งยังถูกพี่ชายข่มเอาไว้อีกถ้าเขาสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม ก็อาจมีโอกาสพลิกฟื้นได้“เจ้า...เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?”ซ่งรั่วเจินแย้มยิ้ม “ข้าไม่เพียงแต่รู้เรื่องเหล่านี้ แต่ยังรู้ด้วยว่าชิงเหมยที่ท่านคะนึงหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันผู้นั้นอยู่ที่ใด”เมื่อวาจานั้นดังขึ้น สีหน้าของต่งจู๋ซูก็พลันแข็งทื่อ เขาย่อมรู้ว่า ‘ชิงเหมย’ ที่ซ่งรั่วเจินพูดถึงไม่ได้หมายถึงสวี่ชิงเหมย แต่เป็นนางในดวงใจของเขาเมื่อหลายปีก่อนตอนนั้นทั้งที่คนทั้งสองชอบพอกัน ตั้งใจว่าจะเจรจาสู่ขอ นางในดวงใจของเขากลับแต่งงานเป็นภรรยาของคนอื่นไปเสียแล้ว ส่วนเขาก็โศกเศร้าเสียใจ จึงได้เชื่อฟังคำของคนในครอบครัว ยอมแต่งงานกับสวี่ชิงเหมย“เจ้า...เจ้ารู้จริง ๆ หรือ?”“ข้าจะหลอกลวงท่านไปทำไมเจ้าคะ?”ต่งจู๋ซูอดพลุ่งพล่านใจไม่ได้ อยากถามให้กระจ่างโดยไม่รู้ตัว ชั่วขณะที่เผยอปากกลับลังเ
“สวีฮูหยิน ท่านทำอะไรน่ะ? รีบลุกขึ้นเร็วเข้า”หลิ่วหรูเยียนรีบประคองคนขึ้นมา หลังได้รู้เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบก็ยิ้มออกมา ทั้งคู่ต่างเป็นสตรีในเมืองหลวง นางย่อมเคยได้ยินเรื่องที่สวีฮูหยินตามหาลูกสาวแท้ ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจินเอ๋อร์ที่ช่วยให้พวกเขาหาคนพบ“ซ่งฮูหยิน เป็นเพราะลูกสาวท่านแท้ ๆ ไม่อย่างนั้นชั่วชีวิตนี้ข้าคงต้องใช้ไปอย่างเลอะ ๆ เลือน ๆ กระทั่งว่าสวรรค์ส่งลูกสาวมาถึงตรงหน้าแล้วก็ยังไม่รู้ตัว”“เชิญไปนั่งด้านในดีกว่า” หลิ่วหรูเยียนยิ้มแย้มเชื้อเชิญสวีฮูหยินเข้าไปในเรือน กล่าวกับซ่งจืออวี้ว่า “ไปเรียกเจินเอ๋อร์มาเร็วเข้า”ซ่งจืออวี้เห็นท่าทางยินดีปรีดาของมารดาตนเองแล้วก็อดนึกขำไม่ได้ ก่อนหน้านี้ยังพร่ำพูดอยู่เลยว่ากลัวน้องหญิงห้าจะก่อเรื่อง ตอนนี้กลับยิ้มหน้าชื่นตาบาน เขากลับคิดว่าน้องหญิงห้ามีความสามารถมากทีเดียวราชครูสวีมีตำแหน่งมั่นคงในราชสำนัก ต่อให้เป็นตอนที่บิดายังอยู่ ราชครูสวีก็ไม่ค่อยจะสนใจครอบครัวพวกเขา พวกขุนนางไม่ชมชอบความหยาบกระด้างของทหารมาแต่ไหนแต่ไร ทุกคนเห็นกันจนชินชาเสียแล้วแต่ตอนนี้น้องหญิงห้าช่วยตระกูลสวีตามหาลูกสาวจนเจอ สวีฮูหยินเกรงอกเกรงใจปานนี
สาเหตุที่จนถึงตอนนี้ยังไม่แต่งงาน ไม่ใช่เพราะยังหาคนที่เหมาะสมไม่เจอ แต่เป็นเพราะตระกูลสวีให้ความสำคัญกับเขา ต้องการเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดถึงจะดี ตอนนี้...กลับมาต้องตาเจินเอ๋อร์ของนางหรือนี่?ซ่งรั่วเจินส่งสายตาให้มารดาของตนเอง ไม่ง่ายเลยกว่านางจะถอนหมั้นได้สำเร็จ เพียงอยากเสพสุขความมั่งคั่งของครอบครัวอยู่ที่บ้าน นอกจากกินแล้วก็ไม่คิดจะทำอะไรอีก จะรีบร้อนหมั้นหมายให้นางไปทำไม?ออกเรือนไหนเลยจะสบายเท่าอยู่บ้าน?“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ คราวหน้าจะต้องมาให้ได้นะ” สวีรั่วหลานตัดสินใจเสร็จสรรพ “ข้าจะไม่พูดมากความก็แล้วกัน ของขวัญเหล่านี้พวกท่านจะต้องรับไว้ ล้วนแต่เป็นน้ำใจของพวกข้าทั้งสิ้น”สวีเยว่เอ๋อร์ก็มีสีหน้าปีติยินดี “แม่นางซ่ง พี่ชายข้าดีมาก ๆ เลยนะ”“แม่นางสวี เจ้าฟังข้าก่อน...”ซ่งรั่วเจินยังไม่ทันพูดจบ สวีเยว่เอ๋อร์ก็ยิ้มเอ่ย “อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่คนในครอบครัวจัดงานเลี้ยงนับญาติให้ข้าแล้ว เจ้าต้องมาให้ได้นะ”“เอ๊ะ เจ้าฟังข้าพูดให้จบก่อนสิ...”ซ่งรั่วเจินมองดูสวีฮูหยินสองแม่ลูกจากไป ดวงตาใสกระจ่างสะท้อนความอับจนปัญญา สมกับเป็นแม่ลูกกันจริง ๆ นิสัยไม่ฟังคนอื่นพูดจนจบช่างเห
ซ่งรั่วเจินเป็นเจ้าสำนักวิชาเต๋า สิ่งที่เชี่ยวชาญก็คือศาสตร์ลี้ลับ ศาสตร์แห่งการทำนาย ยันต์แปดทิศ และศาสตร์ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่ลี้ลับลึกซึ้งเกินไป เวลาอธิบายมักจะทำให้คนเข้าใจได้ยาก มิสู้บอกว่ามีตาทิพย์ย่อมเข้าใจได้ง่ายกว่าหลิ่วหรูเยียนกับลูกชายทั้งสองอึ้งไปเพราะข้อมูลใหม่นี้ จิตใต้สำนึกบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นอกจากสาเหตุนี้ก็ดูเหมือนจะหาเหตุผลที่เหมาะสมกว่ามาอธิบายไม่ได้แล้ว“หลังเจ้าได้รับความสะเทือนใจก็มีความสามารถนี้หรือ?” หลิ่วหรูเยียนถามอย่างอดไม่ได้“ความจริงแล้ว วันนั้นพอได้รู้ว่าหลินโหวจะแต่งภรรยาสองคนพร้อมกัน ข้าก็โมโหจนสลบไป พอฟื้นขึ้นมาก็มีความทรงจำเหล่านี้แล้วเจ้าค่ะ...”ซ่งรั่วเจินก้มหน้า ใบหน้าพริ้มเพรานั้นสะท้อนความอับจนปัญญาและความลำบากใจ สองวันมานี้นางแสดงออกตามใจตัวเองเกินไปแล้ว ทำให้คนสงสัยได้ง่าย ตอนนี้แสดงความอ่อนแอออกมาอย่างเหมาะสมถึงจะทำให้คนเชื่อ“มิน่าเล่า” หลิ่วหรูเยียนปวดใจยิ่งนัก “เจินเอ๋อร์ เวลาอยู่ต่อหน้าพวกข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องแสร้งเป็นเข้มแข็ง ก่อนหน้านี้พวกเราทุกคนถูกหลินโหวหลอกลวง คิด
แต่ไหนแต่ไรมานางเป็นคนใจร้าย สำหรับคนที่ไม่ดีกับตน อย่าคิดฝันจะได้เอาเปรียบกันแม้แต่น้อย!จนกระทั่งมาถึงร้าน ก็ได้ยินเสียงทะเลาะดังออกจากด้านใน“พ่อบ้านหลิน หลายวันก่อนคุณหนูของข้าส่งคนมาแจ้งแล้ว นับแต่นี้ไปไม่เกี่ยวข้องอันใดกับจวนหลินโหวอีก ดังนั้นบัญชีเงินทั้งหมดล้วนส่งคืนให้สกุลซ่ง เจ้าอย่าว่าแต่เงินเลย แม้แต่เงินเชื่อก็ไม่ได้” ผู้จัดการร้านซ่งอวี้ปฏิเสธเสียงเฉียบ“ผู้จัดการซ่ง บัญชีของร้านตลอดสองปีมานี้ส่งไปให้จวนของพวกเรามาโดยตลอด เรื่องจิปาถะเช่นนี้จะพูดให้ชัดเจนอย่างง่ายดายได้อย่างไร?”“มิหนำซ้ำ เดิมทีร้านนี้ก็เป็นของจวนสกุลหลินของพวกเรา แม่นางซ่งเพียงให้เจ้ามาช่วยพวกเราดูแล บัดนี้นับว่าถอนหมั้นแล้ว ร้านก็เป็นของพวกเรา ที่สมควรไปก็คือพวกเจ้าต่างหาก!”พ่อบ้านหลินโมโหกระทืบเท้าอย่างโอหังพลางชูคอขึ้น “พวกเจ้าจงไปเดี๋ยวนี้เลย ห้ามมิให้นำของทั้งหมดไป หาไม่แล้วก็คือขโมย!”“สิ่งของเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นพวกเราสกุลซ่งนำมา พวกเจ้ายังคิดละโมบกระนั้นรึ? อย่าได้ทำเกินไปนัก!”ซ่งอวี้โมโหจนสีหน้าแข็งทื่อดุจเหล็ก เมื่อแรกตอนพวกเขารับช่วงต่อร้านนี้ ภายในทั้งเก่าทั้งโทรม เพียงแต่ตกแต่งซ่
“ลืมตาสุนัขของเจ้าดูให้ชัดเจน! หาไม่แล้วให้ฮูหยินผู้เฒ่าของเจ้าไปพูดให้กระจ่างในศาลก็ย่อมได้ เงินของสกุลซ่งของข้า คนสารเลวเช่นเจ้าคิดจะโลภก็โลภได้กระนั้นรึ?”ซ่งจืออวี้เผยสีหน้ารังเกียจ ยกมือตบไปหนึ่งฉาด ตบเสียจนตาสองข้างของหลินเทามองเห็นดาวสีทองเขานับว่าเข้าใจแล้วเพราะเหตุใดน้องหญิงห้าจึงต้องพาอันธพาลมามากเพียงนี้ คนสกุลหลินเหล่านี้ช่างไร้ศักดิ์ศรีไร้ยางอายโดยแท้!“ท่าน...เหตุใดท่านตบคนเล่า?” หลินเทาเปล่งเสียงลนลาน“ข้าอยากตบก็ตบ เจ้าคนมีตาหามีแววไม่ ข้าตบหลินจือเยว่เขาก็ไม่กล้าตอบโต้ เจ้านับเป็นตัวอะไร?”ซ่งจืออวี้ไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย ยกมือตบใบหน้าอีกด้านของหลินเทาอีกหนึ่งฉาด คราวนี้จึงบวมเป่งเหมือนกันทั้งสองข้าง คล้ายหัวหมูก็มิปาน“ติดหนี้พวกเราแปดล้านตำลึงยังไม่คืน ยังคิดหมายตาร้านของพวกเราอีก มิใช่พูดว่าหลินโหวเป็นขุนนางมือสะอาด ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์กระนั้นหรือ? ช่างเป็นคนไร้ยางอายมาอาศัยรวมกันโดยแท้ ไสหัวไป!”หลินเทาได้ยินเพียงว่าคุณชายสามสกุลซ่งวู่วามไร้สมอง ไฉนเลยจะคิดได้ว่าเขาเป็นคนไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด ไม่พูดพร่ำก็ตบเขาแล้ว ตกใจเสียจนเขาต้องกุมศีรษะรีบขยับถอยหลัง“ท่
นี่มันช่าง...โหดร้ายกับเขาเกินไปแล้วซ่งอี้อันได้ยินเสียงคุ้นหูของจ้าวซูหว่านตั้งแต่แรกแล้ว เขาหลุบตาส่ายหน้า เป็นสัญญาณว่าเขาอยากฟังต่อไปเห็นดังนั้น พวกซ่งรั่วเจินทั้งสองคนก็มิได้จากไป ฟังทั้งสองคนฉุดกระชากกันพลางพูดเรื่องหน้าไม่อาย“เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไร? หลังตัวไร้ประโยชน์อย่างซ่งอี้อันผู้นั้นกลายเป็นคนตาบอด ข้าก็อยากถอนหมั้น ท่านให้ข้ารออยู่ตลอด ยืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้ ข้าถอนหมั้นแล้ว ไม่ว่าสิ่งใดข้าก็ให้ท่านทั้งหมดแล้ว ท่านจะไม่สู่ขอข้าไม่ได้นะ”“ตอนแรกคนของท่านสมควรลงมือหนักยิ่งกว่านี้ ฆ่าเขาให้ตายแต่แรก เรื่องก็ไม่ยุ่งยากมากถึงเพียงนี้แล้ว”“บัดนี้ข้าตั้งครรภ์แล้ว ข้ารอได้ แต่ลูกในท้องสามารถรอได้กระนั้นหรือ?”ฉินเซี่ยงเหิงจับข้อมือจ้าวซูหว่าน “ซูหว่าน เจ้าต้องเชื่อความจริงใจของข้าที่มีต่อเจ้า ข้าต้องสู่ขอเจ้าเป็นแน่ หากมิใช่เพราะเจ้ากับซ่งอี้อันหมั้นหมายกัน พวกเราก็ได้อยู่ด้วยกันตั้งนานแล้ว”“มิสู้...เจ้าไปหาซ่งอี้อัน ร้องไห้ต่อหน้าเขาสักรอบหนึ่ง พูดว่าเจ้ามีใจให้ข้า แต่ข้าห่วงใยความรู้สึกของเขาจึงไม่ยอมอยู่ร่วมกับเจ้า เจ้าตาบอดคนนั้นรู้ว่าตนเองไม่เหมาะสมกับเจ้า จะต้อง
ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต
แม้จะกล่าวได้ว่าชื่อเสียงป่นปี้ไปแล้ว แต่ผู้คนต่างรู้ดีว่าอย่างไรนางก็เป็นเหยื่อ ไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องถูกรังเกียจเดียดฉันท์ราวหนูโสโครกบนท้องถนนเฉกเช่นทุกวันนี้หลินจือเยว่เมื่อได้เห็นว่าซ่งจืออวี้เจ้าคนกำยำล่ำหนาผู้นั้นได้เป็นถึงราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสาม ก็อดพาลอิจฉาขึ้นมาไม่ได้อยากจะเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งนั้นไม่ได้ง่ายดาย และแม้จะได้เป็นจริงแล้วก็ต้องเริ่มจากการเป็นราชองครักษ์หลานหลิง ทว่าซ่งจืออวี้กลับข้ามขั้นขึ้นมาเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสามโดยตรงเลยเสียนี่ยิ่งไปกว่านั้น ในวันนี้เขาก็ยังมีความดีความชอบจากการช่วยชีพองค์ชายเอาไว้ องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเห็นในส่วนนี้ย่อมพิจารณาเลื่อนขั้นให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความใส่ใจที่ฉู่จวินถิงมีต่อสกุลซ่งเขาแทบจะมั่นใจได้เลยว่า หนทางของซ่งจืออวี้ย่อมจะต้องราบรื่นไร้อุปสรรคขวากหนามใดขวางกั้น ทว่าวาสนาทั้งหมดทั้งมวลนี้เดิมทีควรจะเป็นของเขาต่างหากเล่า!“จือเยว่ ซ่งรั่วเจินแย่งชิงวาสนาของเราไปเช่นนี้แล้ว ท่านก็ควรจะรู้ได้แล้วว่านางเป็นคนเช่นไร!” ฉินซวงซวงกล่าวหลินจือเยว่ปรายตามองฉินซวงซวง ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยชอบพอนาง
“ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ? พี่น้องตระกูลซ่งไม่เพียงช่วยเหลือองค์ชายรอง แต่ยังช่วยองค์ชายใหญ่ไว้ด้วย?”ฉินซวงซวงจับมือเหอเซียงหนิงไว้ด้วยสีหน้าร้อนใจ ดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?ชาติที่แล้วคนถูกลอบสังหารคือองค์ชายรองชัดๆ นอกจากนี้ ข้อมูลที่สืบพบในตอนท้ายยังเผยว่าทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือองค์ชายใหญ่ เหตุใดชาตินี้จึงไม่เหมือนเดิมเล่า?ถ้าองค์ชายใหญ่ก็ถูกลอบโจมตีด้วย เช่นนั้นแล้วตัวการเบื้องหลังคือใครกันแน่?“ไม่ผิดแน่นอน ครู่ก่อนข้าเห็นกับตาว่าพี่น้องตระกูลซ่งพาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองกลับมา ซ่งรั่วเจินกับฉู่อ๋องก็กลับมาพร้อมกัน”“หมอหลวงเข้าไปถวายการรักษาในทันที ต่อมายังมีข่าวออกมาว่า องค์ชายทั้งสองถูกลอบโจมตีในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องตระกูลซ่งจึงรักษาชีวิตไว้ได้”เหอเซียงหนิงมีสีหน้าย่ำแย่จนถึงที่สุด เดิมตั้งใจว่าจะใช้โอกาสวันนี้ทำให้ซ่งรั่วเจินพ่ายแพ้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกคนทั้งเมืองหลวงชิงชังรังเกียจเหมือนหนูข้างถนน ทำร้ายนางจนตกอยู่ในสภาพนี้ ซ่งรั่วเจินมีสิทธิ์อะไรถึงยังมีชีวิตดีๆ อยู่ได้?แต่...ยามนี้ตระกูลซ่งสร้างคว
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดบัญชี รออีกสักหน่อยค่อยไปพูดกับซ่งรั่วเจินให้รู้เรื่องก็ยังไม่สาย“อี้ชวน อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เกากุ้ยเฟยถามอย่างเป็นห่วงฉู่อี้ชวนแสดงคารวะก่อนกล่าวว่า “แม้ลูกจะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”“เช่นนั้นก็ดี” เกากุ้ยเฟยถอนหายใจโล่งอก “เจ้ารีบไปพักผ่อนดีกว่า”ฮ่องเต้รับทราบอาการบาดเจ็บของฉู่อี้ชวนจากปากหมอหลวงแล้ว แม้ไม่ได้สาหัสเท่าฉู่เทียนเช่อ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง ยามนี้ยังมีสีหน้าซีดขาว แต่กลับไม่ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน เด็กคนนี้เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด“นั่งลงพักก่อนเถอะ”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”หลังจากฉู่อี้ชวนมาแล้ว มีเขาบอกเล่ารายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยตัวเอง บวกกับคำบอกเล่าของฉู่จวินถิงก็เป็นการยืนยันความดีความชอบของพี่น้องตระกูลซ่งในที่สุด“ครั้งนี้พวกเจ้าสี่พี่น้องช่วยเหลือองค์ชายทั้งสองเอาไว้ สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ อยากได้รางวัลแบบไหนก็บอกมาได้เลย!”ฮ่องเต้พอพระทัยสี่พี่น้องตระกูลซ่งยิ่งนัก ซ่งหลินข่าวคราวเงียบหาย ทุกคนล้วนยอมรับกันอย่างเงียบๆ ว่าเขาคงไม่
“พวกเจ้าสี่คนบังเอิญผ่านไปบริเวณนั้นพอดี?”ฮ่องเต้กวาดสายตาผ่านพวกซ่งเยี่ยนโจวสี่พี่น้อง ดูเหมือนถามคำถามทั่วไป แต่กลับทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างมากซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งอี้อันล้วนเคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้มาก่อน แม้จะรู้สึกกดดันไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับแตกตื่น ซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินกลับรู้สึกว่าสายพระเนตรของฮ่องเต้มีแรงกดดันใหญ่หลวง ทำให้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง“พวกกระหม่อมสี่คนกำลังล่าสัตว์อยู่แถวนั้นพอดี น้องสามของกระหม่อมไปพบเข้าก่อน พวกกระหม่อมได้ยินเสียงน้องสามจึงรีบตามไปพ่ะย่ะค่ะ” ซ่งเยี่ยนโจวตอบอย่างไม่เย่อหยิ่งและไม่ต่ำต้อยฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ทอดพระเนตรซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ หน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียด แต่กลับมีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงถึงจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพี่น้องฝาแฝดตระกูลซ่งคู่นี้ว่านิสัยต่างกันสุดขั้ว ด้วยเหตุนี้จึงสามารถระบุตัวซ่งจืออวี้ได้อย่างง่ายดาย“เราได้ยินว่ามีมือสังหารถึงแปดคน แต่เจ้าตัวคนเดียวก็กล้าบุกเข้าไป?”ซ่งจืออวี้ตอบด้วยท่าทางกริ่งเกรง “ฝ่าบาท ตอนนั้นกระหม่อมเห็นองค์ชายทั้งสองตกอยู่ในอันตรายจึงกระโจนเข้าไปโด
“ฝ่าบาท เจ้าโจรชั่วนี้ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้ายิ่งนัก ถึงกับกล้าลอบสังหารเช่ออ๋องในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ ดีที่อี้ชวนบังเอิญไปเจอเข้าพอดี หาไม่แล้วเกรงว่า...”ฮ่องเต้พยักหน้า “อี้ชวนเป็นเด็กจิตใจดี เรารู้มาตลอด”พวกซ่งรั่วเจินรออยู่นอกกระโจม สามารถได้ยินบทสนทนาที่ดังมาจากข้างในได้อย่างชัดเจน เหล่าพี่น้องสบตากัน อดนึกทอดถอนใจไม่ได้ อยู่ในราชวงศ์หากไม่มีสมองสักหน่อยคงจะไม่ได้จริงๆเกากุ้ยเฟยเอ่ยวาจาประโยคเดียวโดยไม่กระโตกกระตากก็เหมารวมความดีความชอบให้องค์ชายใหญ่ได้แล้ว ทั้งยังทำให้ฮ่องเต้จดจำความดีขององค์ชายใหญ่ไว้ได้ซ่งรั่วเจินเห็นอย่างนั้นก็รู้ว่าองค์ชายใหญ่รอดพ้นคราเคราะห์ครั้งนี้ไปได้แล้ว อย่างไรเสียตนเองก็ได้รับบาดเจ็บ ถึงสุดท้ายหลักฐานจะชี้ไปที่เขาก็ไม่มีน้ำหนัก แต่กลับทำให้คนมองว่ามีใครจงใจวางแผนใส่ร้ายเขามากกว่าส่วนฉู่จวินถิง นางกลับไม่กังวลใจเลยชายผู้นี้เก่งกาจมาแต่ไหนแต่ไร บัดนี้ทราบแผนการของนางแล้วก็คงเตรียมแผนรับมือไว้เป็นอย่างดีไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายเรื่องนี้ก็ไม่มีทางพัวพันไปถึงเขา“จวินถิง เรื่องนี้ยกให้เจ้าไปสืบสวน จะต้องสืบสวนหาความจริงออกมาให้ได้!” ฮ่องเต้สั
“ข้าไม่เห็นนางวางอุบายเจ้า เจ้าต่างหากที่หาเรื่องนางไปเสียทุกทาง!”ชั่วขณะนี้หลินจือเยว่ฟังไม่เข้าหูเลยสักนิด เรื่องที่ผ่านมาคอยวนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่หยุด“ตอนแรกก็เป็นเจ้าที่หาเรื่องนางตลอด นางไม่เคยหาเรื่องเจ้าก่อนสักครั้ง หากไม่ใช่เพราะเจ้าคอยหาเรื่องนางครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้ก็คงไม่เป็นแบบนี้!”ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขามีลางสังหรณ์เหมือนว่าทุกอย่างไม่ควรเป็นเช่นนี้ตอนนี้เขาควรมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม ได้รับคำยกย่องสรรเสริญในเมืองหลวง ทั้งยังร่ำรวยทรัพย์สิน จะสิ้นเนื้อประดาตัวเหมือนตอนนี้ได้อย่างไร?ทุกอย่างล้วนไม่ถูกต้อง!ฉินซวงซวงเป็นคนทำลายชีวิตอันดีงามของเขา!ฉินซวงซวงมองหลินจือเยว่ที่ราวกับเสียสติไปแล้ว ตอนแรกยังประหวั่นลนลาน หากต่อมาก็อดจะขุ่นเคืองไม่ได้“ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? ตอนแรกท่านพร่ำบอกว่าชอบข้าอยากแต่งงานกับข้า ข้าถึงได้ทิ้งทุกอย่างในครอบครัวมาหาท่าน”“ท่านบอกว่าจะยกตำแหน่งภรรยาเอกให้ข้า ไม่ปล่อยให้ข้าได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจ ดีชั่วอย่างไรข้าก็เป็นคุณหนูตระกูลฉิน ยังจะให้ข้าเป็นอนุภรรยาของท่านอย่างนั้นหรือ?”“ข้าจริงใจต่อท่าน ท่านเล่าคู่ควรกับข้างั้น
เมื่อซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งจืออวี้ลงมือโดยมีซ่งอี้อันกับซ่งจิ่งเซินคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ในไม่ช้าก็สังหารไปได้หลายคน ขณะเดียวกันก็เหลือผู้รอดชีวิตไว้สองคน มีสองคนที่หนีไปได้ฉู่เทียนเช่อถูกแทงที่อกหนึ่งกระบี่ เลือดไหลย้อมอาภรณ์ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวหมดสติล้มลงไปอาการของฉู่อี้ชวนดีกว่าบ้าง แต่ก็ได้แผลน้อยใหญ่มาไม่น้อย สีหน้าเผือดขาวในเวลาเดียวกันนั้น ซ่งรั่วเจินกับฉู่จวินถิงก็มาถึงบริเวณใกล้เคียงแล้วเมื่อมาเห็นภาพนี้ ทั้งคู่ก็ ‘ประหลาดใจ’ อย่างมากฉู่จวินถิงตามไปจับสองคนที่หนีไปได้อย่างรวดเร็ว ซ่งรั่วเจินส่งเชือกให้อย่างเอาใจใส่“ต้องเก็บคนเป็นๆ เอาไว้ กลับไปเค้นหาตัวการเบื้องหลัง”“เจ้าพูดถูก” ฉู่จวินถิงพยักหน้าอย่างเห็นพ้องคนทั้งสองคุมตัวมือสังหารเดินมาทางนี้ก็เห็นฉู่เทียนเช่อหมดสติ ฉู่อี้ชวนก็แลดูอ่อนแออย่างมาก“องค์ชายใหญ่ ท่านไม่เป็นไรกระมัง? พวกกระหม่อมจะส่งท่านกลับไปเดี๋ยวนี้” ซ่งเยี่ยนโจวกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวลฉู่อี้ชวนมองสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยตรงหน้าก็ไม่รู้เลยว่าควรพูดอย่างไรดี แค้นใจนักที่ไม่สามารถจัดการพวกคนตรงหน้าหนักๆ สักยก!แล้วมองซ่งรั่วเจินกับน้องสามของตนเอง ทันใ
เหล่ามือสังหารอึ้งไปชั่วเวลาสั้นๆ ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว“รนหาที่ตายอีกคน งั้นก็จัดการไปด้วยกันนี่แหละ!”อาชาพันธุ์ดีถูกแทงบาดเจ็บจึงส่งเสียงร้องแหลมวิ่งเตลิดหนี ส่วนฉู่อี้ชวนก็ถูกบังคับให้ต้องกระโดดลงมาจากม้า ตกอยู่ในวงล้อมมือสังหารด้วยกันกับฉู่เทียนเช่อ“น้องรอง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” ฉู่อี้ชวนขมวดคิ้วมุ่น สายตาสำรวจไปรอบด้านไม่หยุด คิดว่าต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถออกไปจากที่นี่จะว่าไปก็ประหลาดนัก ทั่วเขตล่าสัตว์หลวงมีคนไม่น้อย แต่ระหว่างทางมาเขากลับพบว่าบริเวณนี้มีคนน้อยยิ่งนักยามนี้เกิดความวุ่นวายใหญ่โตแบบนี้ รอบด้านกลับไม่มีคนปรากฏตัว หากจะรอให้มีคนมาช่วยเหลือพวกเขา ความเป็นไปได้คงมีน้อยมากความสับสนวาบผ่านแววตาฉู่เทียนเช่อ สีหน้ายังคงตื่นตระหนกลนลานดุจเดิม“ข้าล่าสัตว์มาแถวนี้พอดีจึงถูกพวกเขาทำร้ายบาดเจ็บ เสด็จพี่ ท่านรีบหนีไปเถอะ ครั้งนี้เป้าหมายของพวกเขาคือข้า!”ฉู่อี้ชวนนึกทอดถอนใจ สถานการณ์ตอนนี้เขาไม่อยากหนีเสียที่ไหน แต่เป็นเพราะหนีไม่พ้นต่างหากเล่า!“ยันไว้ได้เท่าไรก็เท่านั้น รอจนสบโอกาสค่อยหาทางหนีออกไป”“เคร้ง ๆ ๆ!”เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น เหล่ามือสังหารล