เดิมทีสวีเฮ่ออันกำลังพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับอวิ๋นเฉิงเจ๋ออยู่ภายในศาลา อีกไม่นานอวิ๋นเฉิงเจ๋อก็จะเข้าราชสำนักเป็นขุนนาง กลายเป็นสหายร่วมงาน ย่อมรู้สึกดีใจเพราะเหตุนี้ ได้รับเชิญจากอวิ๋นเฉิงเจ๋อ เขาจึงตั้งใจเชิญสหายร่วมงานอีกสองท่านมาเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก กอปรกับอวิ๋นเฉิงเจ๋อเชิญสหายร่วมสำนักสอบติดขุนนางอีกสองท่านมาด้วย ทั้งหกจึงกำลังสนทนากันอย่างออกรสออกชาติคิดไม่ถึงขณะกำลังอารมณ์ดีก็มองเห็นบ่าวรับใช้จวนอวิ๋นกำลังออกตามหาทั่วสารทิศ พูดว่าคุณหนูรองบ้านตนหายตัวไป นี่ถึงพากันมาพร้อมกันสรุปว่า...ถึงขั้นได้ยินเรื่องมากมายเพียงนี้?ครู่ต่อมาพวกสวีเฮ่ออันหันมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อ เรื่องของอวิ๋นซีหว่านและฉินเซี่ยงเหิงชุลมุนวุ่นวายมาก คนทั้งเมืองหลวงต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่วแต่พวกเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากอวิ๋นซีหว่านและฉินเซี่ยงเหิงฉีกหน้าถอนหมั้นกันแล้ว ถึงขั้นยังหันมาหมายตาอวิ๋นเฉิงเจ๋อ แม้แต่วิธีการเช่นนี้ก็คิดออกมาได้คุณหนูในห้องหอคนหนึ่ง ถึงขั้นลองปีนเตียงของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ บังคับให้เขาแต่งงานด้วยไม่สำเร็จ ยังสร้างปัญหาให้ตนเองอีกด้วยใต้เท้าอวิ๋นกลับไร้เหตุผลยิ่งกว่า ทั้งๆ
มองใบหน้าเปี่ยมแผนการของอนุอวิ๋น จางเหวินแค่นหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง “ยังคิดใช้วิธีนี้บีบบังคับข้า? ขอเพียงข้าและอวิ๋นหงหล่างหย่ากัน เนี่ยนชูก็จะกลับบ้านมารดากับข้า”“ถึงตอนนั้นข้าจะพูดสาเหตุการหย่าร้างอย่างชัดเจน ส่วนชื่อเสียงของเนี่ยนชูเจ้าไม่ต้องกังวลไป เดิมทีนางก็เป็นแม่นางที่ดีคนหนึ่ง หรือยังต้องกังวลจะแต่งงานออกเรือนไม่ได้อีกกระนั้น?”“นายท่าน ฮูหยินนี่คือต้องการทำลายซีหว่านเจ้าค่ะ หากซีหว่านตายข้าก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่แล้ว!” อนุอวิ๋นร้องไห้พลางพูดออกมาอวิ๋นซีหว่านเห็นสถานการณ์แล้วก็ทำให้รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก “ให้ข้าตายเถอะ ล้วนต้องโทษลูกทำร้ายท่าน ฮูหยินใหญ่นี่คือเห็นข้าขัดตาตั้งนานแล้ว อยากให้พวกเราตาย”อวิ๋นหงหล่างเห็นสองแม่ลูกล้วนเจ็บปวดสิ้นหวังจนอยากตาย สีหน้าไม่สบอารมณ์มาก ยามสบมองจางเหวินสีหน้าก็เปี่ยมความไม่เข้าใจ“ฮูหยิน นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กเท่านั้น ขอเพียงพวกเราร่วมมือกันปกปิดเรื่องนี้ เดิมทีก็ไม่มีคนอื่นรู้ เหตุใดเจ้าต้องโวยวายจนถึงขั้นนี้ให้ได้?”“พูดไปแล้วเจ้าก็แค่ไม่พอใจพวกนางสองแม่ลูกเท่านั้น ทั้งๆ ที่เจ้ารู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของทั้งตระกูล แต่ตอน
จางเหวินและอวิ๋นเนี่ยนชูล้วนคิดไม่ถึงเลยว่าภายนอกจะมีคนมากมายถึงเพียงนี้ หากเป็นในอดีตจะต้องรู้สึกกังวลอย่างแน่นอน เว้นเสียแต่ตอนนี้กลับคิดว่าคนเหล่านี้มาได้ช่างดีเหลือเกิน“ท่านแม่ ท่านตัดสินใจแล้วแน่หรือ?”อวิ๋นเนี่ยนชูมองจางเหวินอย่างกังวล นางรู้ดีว่าหลายปีมานี้มารดาได้รับความทุกข์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมิใช่เคยพูดเกลี้ยกล่อมเพียงครั้งเดียว แต่มารดาอดทนเอาไว้ วันนี้คล้ายกับว่าจะตั้งใจทำแบบไม่คิดหันหลังกลับจริงๆ...“เนี่ยนชู แม่คิดดีแล้ว แท้จริงแล้วแม่ก็ไม่อยากใช้ชีวิตเช่นนี้อีก เดิมทีข้าคิดว่าจะรอจนเจ้ากับเฉิงเจ๋อต่างมีชีวิตที่มั่นคงของตนแล้วจึงค่อยหย่ากับพ่อเจ้า”“เช่นนี้แล้ว ก็จะสามารถลดผลกระทบต่อพวกเจ้าให้น้อยที่สุด แต่ตอนนี้พวกเขากลับยิ่งเหิมเกริม หากพวกเขากล้าลงมือกับเฉิงเจ๋อ ภายภาคหน้าก็อาจกล้าลงมือกับงานแต่งของเจ้าเฉกเดียวกัน”สีหน้าจางเหวินมุ่งมั่น นางไม่มีความอาลัยอาวรณ์ต่อชายผู้นี้ตั้งนานแล้ว สิ่งเดียวที่หวังคือให้ลูกๆ ได้มีอนาคตที่ดีเท่านั้นบัดนี้ในเมื่อแม้แต่เรื่องเล็กน้อยนี่ก็ทำไม่ได้ แล้วนางยังจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่ออะไรอีกเล่า?อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงโดยไม่รู้ตัว ภาย
“ท่านน้า ข้าใกล้จะได้เข้ารับราชการเป็นขุนนางแล้ว ถึงตอนนั้นข้าก็จะมีเงินเดือน จะต้องสามารถดูแลท่านและเนี่ยนชูดีๆ ได้แน่”สายตาอวิ๋นเฉิงเจ๋อมุ่งมั่น หลายปีมานี้ เขาไม่ใช่ไม่เตรียมการมาก่อน คิดไว้ตั้งแต่แรกว่าน้าเขยปฏิบัติต่อท่านน้าไม่ดี เขาจะต้องดูแลท่านน้าให้ดี ไม่มีวันทำให้นางเสียใจ ใช้ชีวิตอยู่อย่างไร้กังวลไม่ด้อยไปกว่าจวนอวิ๋น!จางเหวินพยักหน้ายิ้มๆ “น้ารู้ว่าเจ้ามีความสามารถมาโดยตลอด”......ซ่งรั่วเจินกำลังเดินตามซ่งจิ่งเซินหาร้านค้า ระยะนี้สกุลซ่งมีร้านค้าเพิ่มขึ้นไม่น้อย นอกจากส่วนหนึ่งที่ปล่อยเช่าออกไปแล้ว ที่เหลือบางส่วนยังไม่มีคนเช่าเพราะเหตุนี้ นางจึงอยากเปิดกิจการเล็กๆ ของตนของอร่อยในยุคสมัยโบราณเทียบกับยุคสมัยปัจจุบันไม่ได้ คิดไปคิดมา นางก็เลือกไก่ทอด“น้องหญิงห้า ที่ร้านนี้กำลังทำก็คือไก่ทอดที่เจ้าพูดถึงน่ะหรือ?”ซ่งจิ่งเซินมองร้านตรงหน้าอย่างแปลกใจ นี่คือน้องหญิงห้าจัดแจงไว้ แต่ไก่ทอดอะไรนี้ เขากลับไม่เคยได้ยินมาก่อน ก็ไม่รู้ว่าน้องหญิงห้าไปเอาตำรับมาจากที่ใดซ่งรั่วเจินยิ้มบางๆ พลางพยักหน้า “ท่านรอทำออกมาแล้วลองชิมดูก็จะรู้ ข้าเชื่อว่านี่จะต้องกลายเป็นของว่าง
“เฉินเซียง แม้แต่ฉู่อ๋องก็มาแล้ว เจ้าว่าไก่ทอดที่คุณหนูของพวกเราพูดถึงจะทำออกมาได้อร่อยจริงหรือไม่?”ตวนอู่มีสีหน้าแปลกใจ ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยได้ยินไก่ทอดนี้มาก่อน ทว่าทั้งหมดล้วนทำตามคำสั่งของคุณหนูก็เท่านั้นเดิมทีก็เป็นกิจการของบ้านตน ต่อให้ค้าขายไม่ดีก็ไม่เป็นไร แต่บัดนี้แม้แต่ฉู่อ๋องก็ถูกเรียกความสนใจแล้ว หากไม่อร่อยขึ้นมา นั่นจะยังหาทางลงได้อีกหรือ?“คุณหนูพูดว่าอร่อยก็ต้องอร่อย!” เฉินเซียงไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย “ข้าคิดว่าคุณหนูทำอะไรก็สำเร็จไปหมดทุกอย่าง ไก่ทอดนี้จะต้องอร่อยมากเป็นแน่ ถึงตอนนั้นยังจะโด่งดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง!”ขณะกำลังพูดคุยกันนั้น ไก่ทอดก็ออกจากหม้อแล้ว หลังโรยผงยี่หร่าและผงพริกแล้ว ซ่งรั่วเจินก็ยิ้มแย้มเดินเข้ามาหยุดต่อหน้าทั้งคู่“พวกท่านลองชิมดู”ซ่งจิ่งเซินหันมองฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว “ท่านอ๋อง เชิญท่านชิมก่อน”ฉู่จวินถิงสนใจของว่างที่ซ่งรั่วเจินทำเองมาก คิดเพียงว่าปกติแม่นางคนนี้เฉยเมยต่อเรื่องมากมาย คล้ายมั่นใจมากมีเพียงยามพูดถึงของว่าง สีหน้านางมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ น่ารักและมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีกกร๊อบเพียงไก่ทอดเข้าปาก เสียงกรอบก็ดังออก
“ตามใจเจ้า” เห็นได้ชัดว่าซ่งจิ่งเซินเป็นพวกหลงน้องสาว ไม่ว่าน้องสาวจะพูดอะไร เขาก็เห็นดีเห็นงามไปหมดเวลานั้น ซ่งรั่วเจินพลันสัมผัสได้ว่าตรงหัวมุมข้างหน้ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาทางพวกตน จึงมองไปทางนั้นโดยสัญชาตญาณฝ่ายตรงข้ามเป็นบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง พบว่าซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นแล้วก็ไม่หลบ แต่กลับยิ้มพลางพยักให้น้อยๆ“พี่สี่ นั่นใครหรือ?”ซ่งจิ่งเซินมองตามทิศทางสายตาของซ่งรั่วเจินไปก็พบว่าตอนนี้บุรุษผู้นั้นหันหลังไปแล้ว เพียงมองจากเงาหลังดูไม่ออกว่าเป็นใคร“ไม่รู้สิ ข้าไม่เห็นว่าหน้าตาเป็นอย่างไร”“นั่นคือคนตระกูลกู้” ฉู่จวินถิงอธิบายซ่งรั่วเจินอึ้งไป “ตระกูลกู้? ครอบครัวฝั่งแม่ของฉินฮูหยิน?”“ใช่แล้ว ร้านค้าบนถนนเส้นนี้เดิมเป็นสินเดิมที่ตระกูลกู้มอบให้ฉินฮูหยินในตอนนั้น ได้ยินว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็มีคนตระกูลกู้ช่วยช่วยดูแลจัดการ แต่ตอนนี้ร้านค้าเป็นของพวกเจ้าแล้ว คิดว่าคงมาเห็นโดยบังเอิญ”ซ่งจิ่งเซินได้ยินอย่างนั้นก็อดกังวลใจไม่ได้ “พวกเขาคงไม่คิดว่าพวกเราฮุบร้านค้านี้มาแล้วไม่พอใจพวกเราหรอกนะ?”ภูมิหลังของตระกูลกู้ไม่ธรรมดาเลย แต่ไม่ได้มีการไปมาหาสู่กับตระกูลซ่งของพวกเข
หลิ่วเฟยเยี่ยนถูกคำพูดของหลิ่วหรูเยียนทำให้โมโหจนแทบกระอักเลือด นี่คือคำพูดคนงั้นรึ?มีใครตายอะไรกัน?แต่พอถูกขัดจังหวะเช่นนี้ น้ำตาที่แต่เดิมยังไหลลงมาได้ยามนี้กลับไหลไม่ออกเสียแล้ว จึงได้แต่กล่าวอย่างเศร้าสร้อย“พี่หญิง ท่านไม่ต้องปิดบังข้า ข้ารู้หมดแล้ว ที่ซื่อจื่อสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากรั่วเจินในตอนนั้น ได้ยินว่าตอนพวกท่านอยู่ในจวนอ๋องยังได้รับการปฏิบัติเสมือนแขกผู้มีเกียรติ”“มีน้ำใจตรงนี้อยู่ ขอเพียงพวกท่านยินดีขอร้องแทนฮั่นเฟย ครอบครัวเซียงอ๋องจะต้องไม่ถือสาเอาความแน่นอน!”“ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้พวกท่านคิดอะไรอยู่กันแน่ ทั้งที่เป็นครอบครัวเดียวกัน เรื่องที่แค่ช่วยพูดไม่กี่ประโยคก็สามารถคลี่คลายได้แท้ๆ แต่เหตุใดจึงไม่ยอมช่วยเหลือ?”ได้ยินคำตัดพ้อต่อว่าทั้งทางตรงทางอ้อม หลิ่วหรูเยียนรู้สึกเพียงเอือมระอาเหลือประมาณตั้งแต่เล็กจนโต ทุกครั้งที่หลิ่วเฟยเยี่ยนเจอเรื่องที่คลี่คลายไม่ได้ก็มักมาขอความช่วยเหลือจากนาง แต่เพียงบ่ายเบี่ยงสักนิดก็จะร้องไห้ไม่จบไม่สิ้น“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่ได้ช่วย? เซียงอ๋องซาบซึ้งในน้ำใจรั่วเจินจริงๆ แต่พวกเขาก็แสดงออกชั
ซ่งจิ่งเซินที่อยู่ข้างๆ มองภาพนี้อย่างเงียบๆ ในใจรู้สึกตกตะลึงอย่างถึงที่สุด ท่านอ๋องช่างดีต่อน้องหญิงห้าจริงๆ!ยังไม่ทันเอ่ยปาก เขาก็ถามออกมาเองแล้ว นอกจากนี้ ดูจากท่าทางรู้ใจกันเช่นนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เรียกได้ว่าเป็นคู่สวรรค์สรรค์สร้างโดยแท้!“หลายปีมานี้ ไม่ว่าจะก่อเรื่องอะไรมา ท่านน้าก็มักหาวิธีมาขอให้ท่านแม่ช่วยสะสาง แต่ตอนที่บ้านเกิดเรื่อง ท่านแม่อยากไปปรึกษานางกลับไม่เห็นแม้แต่เงา”“ยามนี้ถ้าจะกำจัดเรื่องยุ่งยากนี้ไปให้พ้นก็มีวิธีเดียว...”ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากช้าๆ มองไปทางบุรุษตรงหน้า มุมปากวาดโค้งขึ้นน้อยๆฉู่จวินถิงเลิกคิ้ว แลดูอ่อนใจอยู่บ้าง “เห็นที ข้าถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องรับบทผู้ร้ายสินะ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ถ้าท่านอ๋องรู้สึกว่ายุ่งยาก ข้าก็สามารถไปขอความช่วยเหลือจากซื่อจื่อน้อย คิดว่าเรื่องเล็กน้อยนี้ เขาน่าจะยินดีช่วยเหลือ”“ไม่จำเป็น ไยต้องรบกวนคนอื่นด้วย?” ฉู่จวินถิงกล่าวเห็นดังนั้น รอยยิ้มก็อาบย้อมแววตาซ่งรั่วเจิน นางหันไปมองซ่งจิ่งเซิน “พี่สี่ ประเดี๋ยวต้องแสดงให้สมจริงหน่อยนะเจ้าคะ”ซ่งจิ่งเซินพยักหน้ารัวๆ ตบอกรับรอง
ตราบใดที่หลินรั่วหลานกลับคำพูดเสีย ความผิดทั้งหมดก็ย่อมไม่ตกอยู่ที่นางอีกต่อไปกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ นางจะต้องออกจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยเป็นแน่!“ลูกแม่ ท้องนี้ของเจ้าถือว่าดียิ่งนัก หากมิมีเรื่องพวกนี้แล้วเล่าก็ จะดีแค่ไหนหากเจ้าได้พักผ่อนดูแลครรภ์อยู่กับบ้านให้ดี?”“บัดนี้ต้องตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเลวร้ายเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่ดีกับเด็กในครรภ์เจ้านัก”กู้อวิ๋นเวยมองฉินซวงซวงอย่างห่วงใย ก่อนจะเหลือบมองหลินจือเยว่ด้วยความไม่พอใจ “เรื่องก่อนนี้ข้ามิอยากพูดถึงแล้ว บัดนี้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดเจ้าก็ต้องดูแลเด็กในครรภ์นี้ให้ดี!”“ซวงซวงมิเคยทำสิ่งใดผิดต่อเจ้า ในเมื่อเจ้าเป็นบุรุษ จะให้ภรรยาและลูกต้องมารับเคราะห์ด้วยกันหมดได้อย่างไรเล่า!”หลินจือเยว่รู้สึกสลับซับซ้อนในใจ เขาย่อมเข้าใจความหมายของกู้อวิ๋นเวยดี ซวงซวงกำลังตั้งครรภ์ลูกของเขา ย่อมต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเพียงแต่เมื่อคิดดูแล้ว เรื่องครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อย หากต้องให้เขามาแบกรับทุกสิ่งอย่างแล้วเล่าก็ ในใจเขาเองก็อดรู้สึกขัดข้องไม่ได้หากไม่ใช่เพราะซวงซวง เขาก็คงไม่ต้องกลายมาเป็นคนคุก แล้วยังต้องทนฟังถ้อยคำตำหนิ
“พี่ใหญ่ เหตุใดจึงกล่าววาจาร้ายแรงเช่นนั้นเล่า? พี่รอง ท่านดูเขาสิ...”“พี่ใหญ่กล่าวได้ถูกต้องแล้ว” กู้ชิงซิวเองก็เอ่ยด้วยใบหน้าเยียบเย็นเช่นกัน “หากเจ้าอยากไปก็ไปเสียเถิด ส่วนเรื่องพ่อแม่ต่อไปพวกข้าจะดูแลตอบแทนคุณท่านอย่างดีเอง“หากเจ้ายังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้าง วันข้างหน้าก็จงกตัญญูต่อพ่อแม่เสียบ้าง อย่างไรเสียเจ้าอยู่ข้างนอกก็มีเรือนมีเหย้าตน จะอยู่กับน้องสาวแสนดีของเจ้าก็สุดแล้วแต่ใจเจ้าเถิด แต่อย่าหวนมาหาพวกข้าอีก!”กู้ชิงเจ๋อตะลึงงันอยู่กับที่ ไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าตนเพียงกล่าวช่วยน้องสาวไปไม่กี่คำเท่านั้น พวกเขาก็ถึงกับคิดจะตัดสัมพันธ์กับเขาเสียแล้ว!“อวิ๋นเวยเป็นน้องสาวของพวกท่าน หาใช่ศัตรู! ข้าก็เพียงอยากช่วยเหลือนางเท่านั้น แต่พวกท่านกลับโกรธเกรี้ยวได้ถึงเพียงนี้ ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ!”กู้ชิงเจ๋อเองก็เริ่มมีน้ำโหแล้วเช่นกัน เขารู้สึกเพียงว่าสองคนนี้อาจโดนสกุลซ่งครอบงำไปแล้วก็ได้ จึงได้ทำตัวไร้เหตุผลได้ถึงเพียงนี้?“ยังคิดไม่ได้ก็ไปทบทวนเสียให้ดี คิดได้เมื่อใดค่อยกลับมา!”“หากคิดอย่างไรก็ยังคิดไม่ได้ ก็ไปหาน้องสาวแสนดีของเจ้าเสียเถิด!”กู้ชิงซิวคร้านจะต่อล้อต่อเถียง คิดแต่
“คุณชายใหญ่ตระกูลซ่งก่อนหน้านี้สองขาพิการ คุณชายรองตระกูลซ่งยิ่งตาบอดสองข้าง หมอทั้งเมืองหลวงแทบถูกเชิญไปตรวจมาหมดแล้ว ล้วนแต่ไม่มีวิธีรักษา”“แต่ก่อนหน้านี้เริ่มจากคุณชายรองตระกูลกู้รักษาดวงตาสองข้างจนหายดี หลังจากนั้นคุณชายใหญ่ตระกูลซ่งก็กลับมายืนได้อีกครั้ง”“ทุกคนล้วนพูดกันว่าตระกูลซ่งหาหมอเทวดาที่เก่งกาจคนหนึ่งมาได้ แต่มีคนไม่น้อยไปสอบถามก็ไม่ได้ข่าวคราวอันใดแม้แต่น้อย”“ไม่เพียงเท่านี้ ตระกูลซ่งจะเป็นดองกับตระกูลลั่ว สุขภาพของแม่นางตระกูลลั่วไม่ดีมาโดยตลอด หลังจากตกน้ำแล้วอาการก็ยิ่งทรุดหนัก”“แต่ข้าได้ยินว่าตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว คิดว่าจะต้องเป็นฝีมือหมอเทวดาเบื้องหลังตระกูลซ่งผู้นั้นเป็นแน่!”ได้ยินดังนั้น พี่น้องตระกูลกู้ก็คิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาได้ เรื่องนี้มีคนเล่าลือกันมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ถามแล้วไม่ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์อันใด ทุกคนจึงค่อยๆ ถอดใจไปในที่สุด“น้องรอง พวกเราต้องไปตระกูลซ่งสักรอบ”กู้ชิงเหยี่ยนตัดสินใจทันที พวกเขาไม่หวังว่าจะสามารถรักษาโรคของมารดาให้หายขาด ขอเพียงช่วยให้อาการของมารดาคงที่ นั่นก็เป็นเรื่องดียิ่งแล้วกู้ชิงซิวพยักหน้า “ข้าจะให้คนไปเ
เวลานั้น กู้ชิงเหยี่ยนกับกู้ชิงเจ๋อรู้จากปากข้ารับใช้แล้วว่าหลังจากมารดาหมดสติไปบนเขาก็ได้สติคืนมาเพราะได้ยาจากแม่นางตระกูลซ่ง“พี่ใหญ่ ท่านว่าพี่รองทำแบบนี้เหลวไหลหรือไม่? ทั้งที่รู้ความแค้นระหว่างตระกูลซ่งกับพวกเรา พวกนั้นจะช่วยเหลือท่านแม่อย่างจริงใจได้อย่างไรกัน?”“ถ้าท่านแม่เป็นอะไรไป จะต้องเป็นพวกนั้นที่จงใจคิดร้ายเป็นแน่!”กู้ชิงเจ๋อพลันระเบิดออกมา เขาอยากเปิดกะโหลกกู้ชิงซิวดูจริงๆ ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น เกรงว่าคงเสียสติไปแล้วถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้!กู้ชิงเหยี่ยนกลับเยือกเย็นกว่าเขามาก “ข้าเชื่อในความประพฤติของตระกูลซ่ง หลายปีนี้กิตติศัพท์ของตระกูลซ่งในเมืองหลวงเป็นอย่างไรทุกคนล้วนรู้ดี เดิมก็เป็นตระกูลที่มีคุณธรรม ไม่เคยทำร้ายผู้อื่น”“นอกจากนี้ คนที่มีความแค้นกับพวกเขาคือตระกูลฉิน ตระกูลกู้ของพวกเราไม่เคยผูกความแค้นกับพวกเขา”“พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงเป็นเหมือนพี่รองไปอีกคนเล่า? อวิ๋นเวยเป็นน้องสาวของพวกเรานะ นางแซ่กู้ เช่นนั้นก็เป็นคนในตระกูลกู้ของพวกเรา!”“ตอนนี้อวิ๋นเวยกับซวงซวงยังถูกคุมขังอยู่ในคุก พวกนั้นอยากให้พวกเราตายใจจะขาด ยังหวังให้พวกนั้นช่วยเหลือท่านแม่ นี่มิเท่ากับ
ฉู่อวิ๋นกุยกับหร่วนอวี้เฉิงเห็นอย่างนั้นก็สบตากันอย่างอดไม่อยู่ หากไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ผู้ใดจะกล้าเชื่อว่าบุรุษตรงหน้าคือฉู่จวินถิงที่พวกเขารู้จักมาหลายปี!ชายหนุ่มที่ตกอยู่ในห้วงรัก...เหมือนต้องพิษร้ายโดยแท้!ซ่งรั่วเจินจับชีพจรให้หร่วนอวี้เฉิงอีกครั้งจนแน่ใจว่าอาการดีขึ้นแล้วจริงๆ ขอเพียงพักรักษาตัวอย่างเต็มที่ ผ่านไปสักพักก็จะฟื้นฟูโดยสมบูรณ์หร่วนอวี้เฉิงดีใจยิ่ง ตัดสินใจว่าจะกลับไปวันพรุ่งนี้ ไม่ได้กลับไปนานเพียงนี้ ต่อให้ปิดข่าวไว้ดีเพียงไร เกรงว่าคนที่บ้านก็คงค้นพบพิรุธไปแล้วณ จวนตระกูลกู้หลังจากฮูหยินผู้เฒ่ากู้กลับมาถึงจวน กู้ชิงซิวก็ตามหมอมาทันที“หมอโจว ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าหากท่านแม่หมดสติไป หมายความว่าอาการทรุดลงใช่หรือไม่?”หมอโจวมีสีหน้าหนักอึ้ง “ฮูหยินผู้เฒ่าหมดสติไปหรือขอรับ?”“วันนี้จู่ๆ ท่านแม่ก็หมดสติไประหว่างไปไหว้พระ หลังจากนั้นโชคดีที่มีคนให้ยามาเม็ดหนึ่ง ครั้งนี้ท่านแม่จึงได้สติคืนมา”กู้ชิงซิวจำคำพูดก่อนหน้านี้ของท่านหมอได้ มารดาเป็นโรคเรื้อรังมานานปี ต่อให้ระมัดระวังมาโดยตลอด แต่เมื่ออายุมากขึ้น อาการก็ยิ่งควบคุมได้ยากกว่าเดิมหมอโจวได้ยินแล้วก
หร่วนอวี้เฉิงมีสีหน้าจริงจัง ความรู้สึกขอบคุณของเขาไม่อาจใช้ถ้อยคำมาบรรยายได้เลย“คุณชายหร่วนเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าสามารถช่วยเหลือได้ก็ยินดีนัก นอกจากนี้ ข้ายังรู้จักกับแม่นางหร่วน ช่วยเหลือเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว” ซ่งรั่วเจินกล่าวเดิมนั้นซ่งรั่วเจินไม่นับว่าคุ้นเคยกับหร่วนอวี้เฉิงรวมถึงฉู่อ๋อง แต่ได้คุยกันสักพักก็รู้สึกว่าใกล้ชิดกว่าเดิมไม่น้อยฉู่อ๋องเดิมก็มีนิสัยน่าสนใจ เมื่อมาปะทะคารมกับหร่วนอวี้เฉิงก็ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่“อวี้เฉิง เจ้าบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับรั่วเจินไม่ใช่หรือ?” ฉู่จวินถิงกล่าวเมื่อได้รับคำเตือน หร่วนอวี้เฉิงก็รีบพยักหน้า “ใช่แล้ว ข้ากลับมาจากชายแดนคราวนี้ ได้ตรวจสอบพบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับแม่ทัพซ่ง”เมื่อวาจานั้นดังขึ้น ซ่งรั่วเจินก็นึกยินดี แม้แต่ฉู่อวิ๋นกุยที่อยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าประหลาดใจ“หลังจากใต้เท้าซ่งหายสาบสูญจากสนามรบครั้งนั้นก็ไร้ข่าวคราวเรื่อยมา รอมานานขนาดนี้ก็ยังตรวจไม่พบข่าวคราวใดๆ เจ้าคงไม่ได้พบเบาะแสเกี่ยวกับแม่ทัพซ่งแล้วหรอกนะ?”ถ้าพบเบาะแสจริง นี่ย่อมเป็นข่าวดียิ่งสำหรับตระกูลซ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!เขาเข้าใจนิสัยหร่วนอวี้เฉิงดี หากเป็นข่
“อาการคุณชายหร่วนเป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”“หลังเจ้ารักษาอาการเขา อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ สองวันนี้ไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว”ฉู่จวินถิงอดจะชมเชยไม่ได้ วิชาแพทย์ของซ่งรั่วเจินเลิศล้ำจริงๆ ต่อให้ในเมืองหลวงมีหมอมากมายก็ยังไม่มีใครสามารถเทียบเคียงนางได้“เช่นนั้นก็ดีแล้วเพคะ” ซ่งรั่วเจินถอนหายใจโล่งอก“คราวก่อนรีบร้อนเกินไป อาการของอวี้เฉิงไม่สู้ดี เรื่องบางอย่างจึงไม่ทันได้บอกเจ้า สองวันนี้ค่อยนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องต้องบอกเจ้า เป็นเรื่องเกี่ยวกับบิดาเจ้า” ฉู่จวินถิงกล่าวซ่งรั่วเจินได้ยินแล้วดวงตาก็พลันวาววับ พอลองตรองดู...ถึงเวลาที่ท่านพ่อจะกลับมาแล้วจริงๆนางรู้มาตลอดว่าบิดายังไม่ตาย ทั้งยังเคยทำนายพบว่าเขาสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยจึงไม่ได้เข้าไปสอดมืออย่างไรเสีย กระดูกหักก็สมควรพักรักษาตัวดีๆ รีบร้อนกลับมาหาใช่เรื่องดีไม่ ในฐานะคนในสำนักวิชาเต๋า เปลี่ยนแปลงมากเกินไปก็หาใช่เรื่องดี ในเมื่อไม่มีผลกระทบ มิสู้รอคอยอย่างอดทนในนิยายต้นฉบับเวลานี้ตระกูลซ่งตกต่ำไปแล้ว ไม่สามารถรับมือจนซ่งหลินกลับมาได้ แต่ตอนนี้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป บิดากลับมาทุกอย่างก็จะกลายเป็นข่าวดี!หลังจากหร่วนอวี้
“ท่านแม่ แค่เจอกันโดยบังเอิญเท่านั้น พวกเรากลับด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินกล่าวหลิ่วหรูเยียนยิ้มบาง ลดเสียงลงเอ่ยว่า “ปกติท่านอ๋องยุ่งเสียขนาดนั้น จะบังเอิญมาเจอบ่อยๆ ได้อย่างไรกัน?”“ตอนแรกที่พ่อเจ้าตามเกี้ยวข้าก็ใช้ข้ออ้างเช่นนี้เหมือนกัน ไม่ว่าไปที่ไหนก็บอกว่าบังเอิญบ้าง ผ่านทางมาพอดีบ้าง ทางนี้นอกจากคนที่มาไหว้พระแล้วก็ไม่มีใครมาหรอกนะ”“ข้าได้ยินมาว่าฉู่อ๋องไม่เคยไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะแวะผ่านมาทางนี้ได้อย่างไรเล่า?”ซ่งรั่วเจินได้ยินหลิ่วหรูเยียนเปิดโปงข้ออ้างนี้ตรงๆ ก็อดเหลือบมองฉู่จวินถิงไม่ได้ เห็นฝ่ายหลังปราศจากความกระอักกระอ่วนที่ถูกเปิดโปงแม้แต่น้อย เพียงแต่มองนางยิ้มๆดวงตาสีดำเจิดจรัสคู่นั้นสะท้อนภาพดอกท้อดอกแล้วดอกเล่า งดงามชวนมองเป็นอย่างยิ่งชั่วขณะนั้น กลับเป็นนางที่ต้านทานแววตาเช่นนั้นไม่ได้จนเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเสียก่อนจนกระทั่งขึ้นรถม้า ซ่งรั่วเจินค่อยเอ่ยว่า “วันนี้ท่านมาได้อย่างไร?”“เมื่อครู่ก็บอกแล้วนี่ว่าบังเอิญผ่านมา” ฉู่จวินถิงกล่าว“ข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นนี้ของท่าน แม้แต่แม่ของหม่อมฉันยังรู้ว่าไม่จริง ยังคิดจะหลอกหม่อมฉันอีก?” ซ่งรั่วเจินกล่
“ท่านแม่ ท่านว่าทำไมซ่งรั่วเจินถึงโชคดีขนาดนี้นะ นางได้รับการเหลียวแลจากฉู่อ๋องเชียวนะเจ้าคะ!”ฝานซืออิ๋งยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ ตอนนั้นหลังไปจากตระกูลซ่งแล้ว คิดว่าพวกเขาจะต้องเคราะห์ร้ายแน่นอน อย่างไรเสียก็แค่คนพิการคนหนึ่ง นางตีจากมาหาเป็นไรไม่ผู้ใดจะคิดว่าซ่งเยี่ยนโจวไม่เพียงยืนขึ้นได้อีกครั้ง แต่ยังได้กลับมารับตำแหน่งแม่ทัพตงจงหลางอีกด้วยควรทราบว่าเรื่องที่ซ่งเยี่ยนโจวได้เป็นแม่ทัพตงจงหลางตั้งแต่อายุยังน้อยมีคนมากมายเท่าไรที่รู้สึกอิจฉา ลับหลังยิ่งไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไรอิจฉานางที่ได้แต่งงานกับบุรุษที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ตระกูลซ่งยังดีขึ้นทุกด้าน ซ่งอี้อันสอบรับราชการได้ ซ่งรั่วเจินก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะได้เป็นพระชายาฉู่อ๋องเรื่องสำคัญที่สุดก็คือ...ทุกความเปลี่ยนแปลงของตระกูลซ่งยังเกิดขึ้นหลังนางจากมาแล้ว ถึงขั้นมีคนบอกว่านางเป็นดาวหายนะเพราะเหตุนี้อีกด้วย!ช่างน่าโมโหนัก!“ยังไม่ใช่เพราะเจ้าโง่หรือไร! ตอนนั้นถ้าจับซ่งเยี่ยนโจวไว้แน่นๆ ต่อให้เขากลายเป็นคนพิการ ตระกูลซ่งก็ยังมีกิจการมากมาย ชั่วชีวิตมีกินมีใช้ไม่ขาดมือ!”“ยามนี้เป็นอย่างไรเล่า ผลประโยชน์อันใดไม่ได้มาส