“เฉินเซียง แม้แต่ฉู่อ๋องก็มาแล้ว เจ้าว่าไก่ทอดที่คุณหนูของพวกเราพูดถึงจะทำออกมาได้อร่อยจริงหรือไม่?”ตวนอู่มีสีหน้าแปลกใจ ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยได้ยินไก่ทอดนี้มาก่อน ทว่าทั้งหมดล้วนทำตามคำสั่งของคุณหนูก็เท่านั้นเดิมทีก็เป็นกิจการของบ้านตน ต่อให้ค้าขายไม่ดีก็ไม่เป็นไร แต่บัดนี้แม้แต่ฉู่อ๋องก็ถูกเรียกความสนใจแล้ว หากไม่อร่อยขึ้นมา นั่นจะยังหาทางลงได้อีกหรือ?“คุณหนูพูดว่าอร่อยก็ต้องอร่อย!” เฉินเซียงไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย “ข้าคิดว่าคุณหนูทำอะไรก็สำเร็จไปหมดทุกอย่าง ไก่ทอดนี้จะต้องอร่อยมากเป็นแน่ ถึงตอนนั้นยังจะโด่งดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง!”ขณะกำลังพูดคุยกันนั้น ไก่ทอดก็ออกจากหม้อแล้ว หลังโรยผงยี่หร่าและผงพริกแล้ว ซ่งรั่วเจินก็ยิ้มแย้มเดินเข้ามาหยุดต่อหน้าทั้งคู่“พวกท่านลองชิมดู”ซ่งจิ่งเซินหันมองฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว “ท่านอ๋อง เชิญท่านชิมก่อน”ฉู่จวินถิงสนใจของว่างที่ซ่งรั่วเจินทำเองมาก คิดเพียงว่าปกติแม่นางคนนี้เฉยเมยต่อเรื่องมากมาย คล้ายมั่นใจมากมีเพียงยามพูดถึงของว่าง สีหน้านางมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ น่ารักและมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีกกร๊อบเพียงไก่ทอดเข้าปาก เสียงกรอบก็ดังออก
“ตามใจเจ้า” เห็นได้ชัดว่าซ่งจิ่งเซินเป็นพวกหลงน้องสาว ไม่ว่าน้องสาวจะพูดอะไร เขาก็เห็นดีเห็นงามไปหมดเวลานั้น ซ่งรั่วเจินพลันสัมผัสได้ว่าตรงหัวมุมข้างหน้ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาทางพวกตน จึงมองไปทางนั้นโดยสัญชาตญาณฝ่ายตรงข้ามเป็นบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง พบว่าซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นแล้วก็ไม่หลบ แต่กลับยิ้มพลางพยักให้น้อยๆ“พี่สี่ นั่นใครหรือ?”ซ่งจิ่งเซินมองตามทิศทางสายตาของซ่งรั่วเจินไปก็พบว่าตอนนี้บุรุษผู้นั้นหันหลังไปแล้ว เพียงมองจากเงาหลังดูไม่ออกว่าเป็นใคร“ไม่รู้สิ ข้าไม่เห็นว่าหน้าตาเป็นอย่างไร”“นั่นคือคนตระกูลกู้” ฉู่จวินถิงอธิบายซ่งรั่วเจินอึ้งไป “ตระกูลกู้? ครอบครัวฝั่งแม่ของฉินฮูหยิน?”“ใช่แล้ว ร้านค้าบนถนนเส้นนี้เดิมเป็นสินเดิมที่ตระกูลกู้มอบให้ฉินฮูหยินในตอนนั้น ได้ยินว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็มีคนตระกูลกู้ช่วยช่วยดูแลจัดการ แต่ตอนนี้ร้านค้าเป็นของพวกเจ้าแล้ว คิดว่าคงมาเห็นโดยบังเอิญ”ซ่งจิ่งเซินได้ยินอย่างนั้นก็อดกังวลใจไม่ได้ “พวกเขาคงไม่คิดว่าพวกเราฮุบร้านค้านี้มาแล้วไม่พอใจพวกเราหรอกนะ?”ภูมิหลังของตระกูลกู้ไม่ธรรมดาเลย แต่ไม่ได้มีการไปมาหาสู่กับตระกูลซ่งของพวกเข
หลิ่วเฟยเยี่ยนถูกคำพูดของหลิ่วหรูเยียนทำให้โมโหจนแทบกระอักเลือด นี่คือคำพูดคนงั้นรึ?มีใครตายอะไรกัน?แต่พอถูกขัดจังหวะเช่นนี้ น้ำตาที่แต่เดิมยังไหลลงมาได้ยามนี้กลับไหลไม่ออกเสียแล้ว จึงได้แต่กล่าวอย่างเศร้าสร้อย“พี่หญิง ท่านไม่ต้องปิดบังข้า ข้ารู้หมดแล้ว ที่ซื่อจื่อสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากรั่วเจินในตอนนั้น ได้ยินว่าตอนพวกท่านอยู่ในจวนอ๋องยังได้รับการปฏิบัติเสมือนแขกผู้มีเกียรติ”“มีน้ำใจตรงนี้อยู่ ขอเพียงพวกท่านยินดีขอร้องแทนฮั่นเฟย ครอบครัวเซียงอ๋องจะต้องไม่ถือสาเอาความแน่นอน!”“ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้พวกท่านคิดอะไรอยู่กันแน่ ทั้งที่เป็นครอบครัวเดียวกัน เรื่องที่แค่ช่วยพูดไม่กี่ประโยคก็สามารถคลี่คลายได้แท้ๆ แต่เหตุใดจึงไม่ยอมช่วยเหลือ?”ได้ยินคำตัดพ้อต่อว่าทั้งทางตรงทางอ้อม หลิ่วหรูเยียนรู้สึกเพียงเอือมระอาเหลือประมาณตั้งแต่เล็กจนโต ทุกครั้งที่หลิ่วเฟยเยี่ยนเจอเรื่องที่คลี่คลายไม่ได้ก็มักมาขอความช่วยเหลือจากนาง แต่เพียงบ่ายเบี่ยงสักนิดก็จะร้องไห้ไม่จบไม่สิ้น“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่ได้ช่วย? เซียงอ๋องซาบซึ้งในน้ำใจรั่วเจินจริงๆ แต่พวกเขาก็แสดงออกชั
ซ่งจิ่งเซินที่อยู่ข้างๆ มองภาพนี้อย่างเงียบๆ ในใจรู้สึกตกตะลึงอย่างถึงที่สุด ท่านอ๋องช่างดีต่อน้องหญิงห้าจริงๆ!ยังไม่ทันเอ่ยปาก เขาก็ถามออกมาเองแล้ว นอกจากนี้ ดูจากท่าทางรู้ใจกันเช่นนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เรียกได้ว่าเป็นคู่สวรรค์สรรค์สร้างโดยแท้!“หลายปีมานี้ ไม่ว่าจะก่อเรื่องอะไรมา ท่านน้าก็มักหาวิธีมาขอให้ท่านแม่ช่วยสะสาง แต่ตอนที่บ้านเกิดเรื่อง ท่านแม่อยากไปปรึกษานางกลับไม่เห็นแม้แต่เงา”“ยามนี้ถ้าจะกำจัดเรื่องยุ่งยากนี้ไปให้พ้นก็มีวิธีเดียว...”ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากช้าๆ มองไปทางบุรุษตรงหน้า มุมปากวาดโค้งขึ้นน้อยๆฉู่จวินถิงเลิกคิ้ว แลดูอ่อนใจอยู่บ้าง “เห็นที ข้าถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องรับบทผู้ร้ายสินะ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ถ้าท่านอ๋องรู้สึกว่ายุ่งยาก ข้าก็สามารถไปขอความช่วยเหลือจากซื่อจื่อน้อย คิดว่าเรื่องเล็กน้อยนี้ เขาน่าจะยินดีช่วยเหลือ”“ไม่จำเป็น ไยต้องรบกวนคนอื่นด้วย?” ฉู่จวินถิงกล่าวเห็นดังนั้น รอยยิ้มก็อาบย้อมแววตาซ่งรั่วเจิน นางหันไปมองซ่งจิ่งเซิน “พี่สี่ ประเดี๋ยวต้องแสดงให้สมจริงหน่อยนะเจ้าคะ”ซ่งจิ่งเซินพยักหน้ารัวๆ ตบอกรับรอง
หลิ่วเฟยเยี่ยนถูกหลิ่วหรูเยียนคาดคั้นเช่นนี้ ในใจเพียงรู้สึกว่าน่าขัน รั่วเจินกล้าไปหาเรื่องฉู่อ๋องอย่างไม่รู้ดีชั่ว ตอนนี้เกิดปัญหาขึ้นมายังคิดจะทำให้นางเดือดร้อนไปด้วย?นางสะบัดมือหลิ่วหรูเยียนออกพลางกล่าวว่า “พี่หญิง ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยท่าน แต่ฉู่อ๋องเป็นใครกัน?”“ข้าอยากช่วยเหลือจริงๆ นะเจ้าคะ ทว่าข้ามีใจแต่ไร้กำลังจริงๆ!”ทว่าหลิ่วหรูเยียนไม่คิดจะปล่อยให้นางจากไปทั้งอย่างนี้จึงจับมือนางไว้แน่นไม่ปล่อย“เฟยเยี่ยน ยามนี้ซ่งหลินเป็นตายไม่แน่ชัด แต่น้องเขยคงสามารถพูดอะไรต่อหน้าท่านอ๋องได้บ้าง เจ้าต้องคิดหาวิธีช่วยข้านะ”“ข้ามีเจินเอ๋อร์เป็นลูกสาวคนเดียว นางเป็นแก้วตาดวงใจของข้า ยามนี้ทำให้ท่านอ๋องโกรธกริ้ว ไม่รู้ว่าจะมีจุดจบเช่นไร เจ้าจะต้องช่วยข้านะ”“ขอแค่เจ้าช่วยข้าขอให้ท่านอ๋องยกโทษให้เจินเอ๋อร์ ทางด้านเซียงอ๋องข้าก็จะช่วยเจ้าเต็มที่ดีหรือไม่?”หลิ่วเฟยเยี่ยนได้ยินเช่นนั้น ในใจก็พลันลังเลขึ้นมา ถ้าตระกูลซ่งยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่แน่ว่าอาจมีประโยชน์จริงๆ ก็เป็นได้“งั้นข้าจะตามไปดูหน่อยก็แล้วกัน?”แม่นมที่อยู่ข้างๆ เห็นว่าหลังนายหญิงของตนพูดเช่นนั้นไปแล้ว หลิ่วเฟยเ
“ฉู่อ๋อง ท่านปล่อยน้องสาวกระหม่อมไปเถิด! ตระกูลซ่งของพวกกระหม่อมซื่อสัตย์ภักดีมาตลอดนะพ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งจิ่งเซินก้มหน้า ไม่ให้ใครเห็นมุมปากที่กำลังกระตุกของเขา“ข้าเห็นว่าพวกเจ้าใจกล้ามากเลยนี่ เข้าใจว่าซ่งเยี่ยนโจวกลับเข้ารับราชการก็มีความหวังแล้วอย่างนั้นรึ?”“ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าพวกเจ้ามีความสามารถสักแค่ไหน คิดว่าช่วยเหลือซื่อจื่อน้อยได้ก็สามารถไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาแล้ว? ต่อให้เขามาขอร้องแทนพวกเจ้าก็ไร้ประโยชน์!”ฉู่จวินถิงแค่นหัวเราะ “พวกที่มีวาสนาเล็กน้อยก็หลงลำพองใจ ข้าเห็นมานักต่อนักแล้ว ก็แค่หนี้น้ำใจเล็กน้อยจึงไว้หน้าพวกเจ้าบ้างก็เท่านั้น คิดว่าไม่ต้องเห็นกฎหมายอยู่ในสายตาแล้วจริงๆ งั้นรึ?”ความหวังในใจหลิ่วเฟยเยี่ยนถูกวาจาประโยคนั้นดับสนิท ความคิดแต่เดิมหายวับไปจนหมดสิ้นนางไม่มีแก่ใจมาพูดพร่ำ สลัดมือหลิ่วหรูเยียนออกทันที“พี่หญิง คราวนี้พวกท่านก่อเรื่องใหญ่แล้ว ข้าช่วยไม่ไหวหรอก ข้าขอตัวก่อนนะ!”“เจ้าอย่าไปสิ ขอแค่เจ้ากับน้องเขยช่วยพูดกับท่านอ๋องให้ข้า ข้าจะกลับไปขอให้เซียงอ๋องละเว้นฮั่นเฟยแน่นอน!” หลิ่วหรูเยียนเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้แต่เมื่อหลิ่วเฟยเยี่ยนได้ยินคำพูดน
“เจินเอ๋อร์ วันนี้ท่านอ๋องช่วยเหลือพวกเรามากขนาดนี้ เย็นนี้เชิญท่านอ๋องอยู่รับประทานมื้อค่ำที่จวนดีหรือไม่?”หลิ่วหรูเยียนมองลูกสาวของตนอย่างกังวลใจ นางไม่รู้ความในใจของลูกสาว แต่ฉู่อ๋องเป็นผู้สูงศักดิ์มีธุระมาก วันนี้ตั้งใจมาที่จวนทั้งยังให้ความช่วยเหลือ ถ้าไม่ทำอะไรเสียเลยก็ออกจะไม่เหมาะสมซ่งรั่วเจินก็คิดดุจเดียวกัน วันนี้ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากฉู่จวินถิง ลำพังรับมือหลิ่วเฟยเยี่ยนก็คงต้องสิ้นเปลืองคำพูดไปไม่น้อยปฏิเสธไปตรงๆ พูดอาจดูง่าย แต่ความสามารถในการไม่สนใจเหตุผลของตระกูลซุน พวกตนล้วนเคยได้รับทราบมาแล้วไม่เพียงไปร้องไห้ตัดพ้อที่ตระกูลหลิ่ว ทำให้คนตระกูลหลิ่วมากดดันด้วยยังไม่พอ ยังไปพูดเหลวไหลข้างนอกไปทั่วทำให้ท่านแม่เสื่อมเสียชื่อเสียง เรียกได้ว่าน่ารำคาญยิ่งนักนางไม่สนใจชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านี้ แต่ท่านแม่ทำไม่ได้ ตระกูลซ่งก็ทำไม่ได้แทนที่จะนั่งรอเป็นฝ่ายถูกกระทำ มิสู้ชิงลงมือก่อน ไยต้องเป็นฝ่ายถูกคำพูดเหลวไหลของหลิ่วเฟยเยี่ยนชักเชิดไปเสียทุกครา?คราวนี้...ถึงรอบตระกูลซ่งของพวกตนบ้างแล้ว!“ดีสิเจ้าคะ ยากนักที่วันนี้จะอารมณ์ดีทั้งที ข้าเข้าครัวทำอาหารสักหลายอย่า
“อันที่จริงเรื่องนี้ก็ไม่ได้เร่งด่วนขนาดนั้น อย่างไรเสียนี่ก็เย็นแล้ว กินมื้อค่ำก่อนค่อยไปก็ยังไม่สาย”ซ่งจืออวี้อึ้งไป “เป็นเรื่องเร่งด่วนมากไม่ใช่หรือ?”เขาเห็นท่าทางอวิ๋นอ๋องเมื่อครู่ร้อนใจเสียขนาดนั้น ตอนนี้พอได้ยินคำว่ากินข้าวกลับบอกว่าไม่เร่งด่วนแล้ว?อวิ๋นอ๋องก็เป็นพวกเห็นแก่กินเหมือนเขางั้นหรือ?ฉู่อวิ๋นกุยโบกไม้โบกมือ ในใจลอบปาดเหงื่อ ยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “ข้าชอบพูดล้อเล่นน่ะ เรื่องเร่งด่วนมากก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ”ทุกคนเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจโล่งอก คิดว่าปกติอวิ๋นอ๋องก็มีนิสัยคาดเดาไม่ได้อยู่แล้วจึงไม่ได้คิดมากระหว่างที่ซ่งรั่วเจินเข้าครัวทำอาหารด้วยตนเอง นางก็สั่งให้เฉินเซียงออกไปกระจายข่าวเฉินเซียงยิ่งฟังดวงตาก็ยิ่งเบิกโพลง รอยยิ้มสดใสมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้นางทำเรื่องแบบนี้ได้เจนจัดยิ่งนัก แค่คิดถึงฉากนั้นก็รู้สึกสาสมใจแล้ว!“คุณหนูวางใจได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะต้องจัดการเรื่องนี้ได้หมดจดแน่นอน”“เจ้าเป็นคนจัดการ ข้าย่อมวางใจอยู่แล้ว” ซ่งรั่วเจินยิ้มกล่าวสีท้องฟ้ามืดสลัวลง เมื่ออาหารถูกยกขึ้นโต๊ะจานแล้วจานเล่า ทุกคนมองอาหารที่เพียบพร้อมด้วยรูปรส
ฉู่อวิ๋นกุยและสี่พี่น้องสกุลซ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูด ยิ่งไม่มีวันโจมตีองค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอโดยไร้สาเหตุในเมื่อเขาทำถึงเพียงนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบเหลียงอ๋องเพราะเหตุนี้ ซ่งรั่วเจินจึงสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอวิ๋นอ๋องหรือพี่ชายของตนก็ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วพริบตาฉู่เทียนเช่อเกิดความสงสัย หรือว่าฉู่อ๋องและเหลียงอ๋องมีความขัดแย้งใดที่เขาไม่รู้?“น้องสี่ ก่อนหน้านี้ข้ารู้เพียงว่าไม่ว่าโยนลูกศรลงไหหรือโยนห่วงเจ้าก็ล้วนแม่นยำทั้งสิ้น ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราได้ประจักษ์ต่อสายตาสักหน่อย”ฉู่เทียนเช่อยังแย้มยิ้มดังเดิม หยิบห่วงทางด้านข้างวางไว้ในมือฉู่ซิ่นเหลียงเขาไม่สนใจหรอกว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันหรือไม่ หากว่ามี นั่นก็ดีอย่างไม่ต้องสงสัย!“เช่นนั้นข้าจะลองดู”ฉู่ซิ่นเหลียงพยักหน้ายิ้มๆ สายตาสะท้อนแสงเย็นชาวูบหนึ่ง ครุ่นคิดภายในใจตกลงเขาปกปิดที่ใดไม่ดีถึงถูกฉู่อ๋องสังเกตเห็น?ทุกคนเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอยกห่วงขึ้น มองแจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ วัดระยะครู่หนึ่งแล้วโยนออกไปได้เห็นห่วงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยบ
ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้เห็นเหลียงอ๋อง นัยน์ตาไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนแสงเย็นวูบหนึ่งซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่จวินถิง ลอบตกตะลึงภายในใจ ใช่หรือไม่ว่าเขาพบอะไรเข้าแล้ว?ภายในหนังสือ ทีแรกไม่มีใครสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของเหลียงอ๋อง เขาลอบวางอุบายอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด รับชมองค์ชายท่านอื่นกัดกันเหมือนสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่วงนอกและได้รับผลปะโยชน์ไปในตอนสุดท้ายกอปรกับเดิมทีหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มีรัศมีของพระเอกนางเอก เพียงสองคนลงมือก็ไม่มีเรื่องใดไม่สามารถจัดการได้ทว่า บัดนี้หลินจือเยว่และฉินซวงซวงไร้ประโยชน์ไปแล้ว คาดว่าเหลียงอ๋องต้องการทำถึงขั้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากกระมัง“ขอบคุณน้องหกมากที่ห่วงใย ระยะนี้ร่างกายข้าดีขึ้นบ้างแล้ว” เหลียงอ๋องผลิยิ้ม กลับไอออกมาสองทีโดยไม่รู้ตัว“เสด็จพี่ แม้ว่าระยะนี้อากาศอุ่นแล้ว แต่ท่านจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี อย่าต้องความเย็นเป็นอันขาด ช่วงต้นวสันต์อากาศเย็นมากนัก เป็นหวัดได้ง่ายที่สุด” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างห่วงใยฉู่เทียนเช่อมองสถานการณ์ของโยนลูกศรลงไหและพูดว่า “น้องสาม หากวันนี้เจ้าต้องการคว้าชัยชนะ น่ากลัวว่าไม่ง่ายถ
บัดนี้ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็อยากจะมอบสิ่งที่นางชอบทั้งหมดมาวางไว้ต่อหน้านาง“เสด็จพี่ มองเห็นแจกันดอกไม้อยู่ไกลที่สุดทางด้านหน้านั้นหรือไม่? ขอเพียงโยนลงเจ้านั่น ก็จะสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันโยนห่วงได้!”ฉู่อวิ๋นกุยชี้แจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลที่สุด รอบข้างแจกันดอกไม้ล้วนเต็มไปด้วยห่วงที่คล้องเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีคนโยนลงซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเล็กน้อย พบว่าแจกันดอกไม้ไม่เพียงแต่สูง ขนาดของปากแจกันยังแตกต่างจากห่วงไม่มากอีกด้วย คิดจะโยนให้ลงนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก!“งานเทศกาลโคมไฟของทุกปี การโยนห่วงนี้ยากที่สุด ข้าแทบจะไม่เคยเห็นคนโยนลงมาก่อน” ฉู่อวิ๋นกุยพูดอย่างเสียดายลั่วชิงอินเห็นแจกันดอกไม้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยนโจว การโยนห่วงนี้ยากเกินไปแล้วกระมัง มีคนโยนลงจริงหรือ?”“ยากจริงนั่นล่ะ แทบจะไม่มีใครสามารถโยนลงได้ จะต้องแม่นยำมากถึงจะใช้ได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยากจะทำได้”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีคนชื่นชมวิชายุทธ์ของเขา แต่บัดนี้ได้เห็นแจกันดอกไม้ขนาดเท่าห่วง รู้สึกเพียงว่าความยากนั้นมากเกินไป ดูท่าแล้วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนส
ฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง เผยสีหน้าตกตะลึง นางคิดว่าซ่งจิงเซินได้สติแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความทรงจำไป?“ข้ายังไม่แต่งงานเพราะคิดถึงเจ้า?” ซ่งจิ่งเซินถูกประโยคนี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแต่งงานแน่ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า”“เจ้าและชวีคั่วสมควรเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง ข้าชี้แนะเจ้าให้รีบแต่งงาน ประเดี๋ยวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”เคอหยวนจื่อโมโหแทบแย่ “ท่านยังไม่ยอมรับ!”ฉู่มู่เหยาปิดปากหัวเราะ ลดเสียงให้เบาลง “คุณชายสี่ซ่ง เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมแต่งงานเล่า? คงไม่ใช่ว่ากำลังรอเคอหยวนจื่อจริงๆ หรอกกระมัง?”ซ่งจิ่งเซินผินมองนางแวบหนึ่ง “องค์หญิง ท่านสนใจเรื่องงานแต่งของกระหม่อมทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่...”ฉู่มู่เหยาเห็นสีหน้าหยอกเย้าของฝ่ายชาย สีหน้าแข็งทื่อไป “อะไรกันเล่า? ข้าไม่ได้สนใจงานแต่งของเจ้าเสียหน่อย”“ไม่ใช่ก็ดี” ซ่งจิ่งเซินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “หาไม่แล้วองค์หญิงดีๆ คนหนึ่งคิดอยากเป็นแม่สื่อ นั่นจะดีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยา “???”“พี่สะใภ้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เขาถึงขั้นพูดว่าข้าอยากเป็นแม่สื่อ เจ้ารีบหาทางอุดปากเขาเถอ
ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในพิธีล่าสัตว์ ต่อให้ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนก็ยังจำได้ดังเดิม“ซ่งจิ่งเซิน แม่นางเคอท่านนั้นของเจ้าถูกตีน่าสารยิ่งนัก เจ้าไม่ไปช่วยหรือ?”ฉู่มู่เหยากะพริบตามองซ่งจิ่งเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ระยะนี้ซ่งจิ่งเซินมักได้เห็นเรื่องตลกของนาง วันนี้นับว่าถึงตานางหยอกล้อซ่งจิ่งเซินแล้วซ่งจิ่งเซินเหล่มองนาง “พูดเช่นนี้แล้ว วันนี้คุณชายเสิ่นท่านนั้นของท่านเองก็อาจจะมาเช่นกัน มิสู้ลองหาดู?”ฉู่มู่เหยา “...หุบปากเจ้าเสีย”ซ่งจิ่งเซินเห็นรอยยิ้มฉู่มู่เหยาหายวับไปในทันใด หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ก็แค่หนังหน้านี้ของท่าน ยังคิดล้อกระหม่อมเล่นอีกหรือ? กลับไปฝึกดีๆ เถอะ”ฉู่มู่เหยา “! ! !”กู้ฮวนเอ๋อร์และซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางทะเลาะกันของสองคนนี้ สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันช่างครึกครื้นเสียจริง“ที่นี่เอะอะเกินไปแล้ว พวกเราไปโยนห่วงทางนั้นเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยปาก หันมองทางกู้ฮวนเอ๋อร์อีกครั้ง “อีกเดี๋ยวเจ้าชอบสิ่งใดก็บอกข้า ข้าจะช่วยเอามาให้เจ้า!”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ จนกระทั่งตอนนี้ นางถึงเชื่อว่าอวิ๋นอ๋องชอบนางจริงๆ และยอมคบหากับน
ถังเสวี่ยหนิงย่อมไม่ยอมแพ้ เคอหยวนจื่อคนนี้มีดีอะไร ไม่ว่ามองอย่างไรซ่งจิ่งเซินก็ดีกว่านางมากนักไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดถึงตาบอด ไปชอบผู้หญิงคนนี้ได้!ต้องรู้ว่าเมื่อแรกเคอหยวนจื่อร่ำรวยยิ่งกว่าบุตรีจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างนางเสียอีก บัดนี้เห็นนางตกต่ำถึงขั้นนี้ นางกลับรู้สึกมีความสุขภายในใจ“มิน่าเล่าพวกเจ้าสองคนถึงสามารถเป็นสหายกันได้ ได้ยินมาว่าเสิ่นหวยอันทำได้กระทั่งทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเพื่อให้ได้เป็นราชบุตรเขย”“พวกเจ้ามีเวลาพูดไร้สาระอยู่ที่นี่ มิสู้ดูให้ดี องค์หญิงมู่เหยาและซ่งจิ่งเซินอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมากเพียงใด!”ต่อจากคำพูดของถังเสวี่ยหนิงที่เพิ่งจบลง สายตาของพวกเคอหยวนจื่อสองคนก็หันมองไปอย่างอดไม่ได้ มองเห็นฉู่มู่เหยาและซ่งจิ่งเซินกำลังพูดคุยหัวเราะให้กัน สนิทสนมกันไม่ธรรมดา“พวกเขาสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด?”เคอหยวนจื่อโง่งมแล้ว มองทางซ่งปี้อวิ๋นอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซ่งปี้อวิ๋นพูดว่าองค์หญิงและเสิ่นหวยอันมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เพราะเหตุนี้ซ่งปี้อวิ๋นจึงอารมณ์ไม่ดีนี่มันเรื่องอะไรกัน?ซ่งปี้อวิ๋นเองก็ตกใจอย่างสุดระงับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า
“ทว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าเคยได้ยินข่าวหมั้นหมายของทั้งสองคนหรือไม่?” ถังเสวี่ยหนิงถามกลับเถียนเจียวเจียวนี่ถึงวางใจลง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสื้อผ้าหนึ่งชุดไม่นับเป็นอะไร ตอนนั้นซ่งจิ่งเซินนำของดีมากมายมามอบให้เคอหยวนจื่อ แต่สุดท้ายเจ้าดูเถอะ ยังไม่ใช่พูดว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้วหรอกหรือ?”ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเบาๆ พวกเขาย่อมได้ยินสถานการณ์ของเคอหยวนจื่อมาก่อน“พวกเจ้ากำลังว่าข้าหรือ?”เคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นยืนอยู่ด้วยกัน วันนี้ครึกครื้นอย่างมาก ทั้งสองคนย่อมไม่พลาดไป กอปรกับฉู่อ๋องโยนลูกศรลงไห ไม่รู้ว่าเรียกความสนใจของคนมากี่มากน้อย ดังนั้นพวกนางสองคนก็มารับชมความครึกครื้นเฉกเดียวกันคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน ก็ได้ยินสองคนนี้นินทาตนเอง สีหน้าเคอหยวนจื่อเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ถังเสวี่ยหนิงและเถียนเจียวเจียวเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังนินทาคนก็จะบังเอิญได้พบเจ้าตัว ใบหน้าเผยแววเก้อกระดาก แต่กลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวชาติกำเนิดของเคอหยวนจื่อยังไม่เพียงพอให้พวกนางชายตาแล!“ว่าเจ้าแล้วจะทำไมเล่า? หรือว่าไม่ใช่ความจริง?” เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน
ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงท่ามกลางกลุ่มคน เขาคล้ายเกิดมาเป็นตัวเอก รัศมีเปล่งประกายเหนือผู้อื่น ท่วงท่าสง่างามดุจหยก ทำให้คนยากจะเมินข้ามได้เทียบกับท่าทางเย็นชาในอดีต เขาในวันนี้มีรัศมีของชายหนุ่มมากหลายส่วนมองเห็นเขาคว้าชัยชนะครั้งแรกไปได้ ชั่วขณะหันใบหน้าประดับยิ้มมามองนาง หัวใจของนางเองก็ถูกทำให้หวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น“องค์ชาย นี่คือรางวัลคว้าชัยชนะโยนลูกศรลงไหของท่าน”ฝ่ายชายยื่นพู่สีแดงหนึ่งพวงมาให้อย่างเคารพนบนอบฉู่จวินถิงรับพู่ไป เดินมาหยุดต่อหน้าซ่งรั่วเจินด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามยามสบมองนางอ่อนโยนเป็นพิเศษ“เก็บไว้ให้ดี ข้าจะไปคว้าชัยชนะกลับมาให้มากๆ”ซ่งรั่วเจินมองพู่แดงในมือของตน แม้ว่าเป็นเพียงของรางวัลของผู้ชนะ กลับทำได้งดงามประณีตมาก ถักหัวใจสีแดงอย่างซับซ้อนห้อยเหรียญเอาไว้ ต่อให้นำมาเป็นเครื่องประดับก็งดงามไม่น้อยสำคัญที่สุดคือ...เสียงเปี่ยมความมั่นใจ คล้ายสามีไปหาเงินกลับมาได้และมอบให้ฮูหยินจัดการแม่นางรอบข้างได้เห็นภาพนี้ ภายในสายตาเปี่ยมความอิจฉา ใครสามารถคิดออกเล่าว่าฉู่อ๋องผู้สูงส่งและเย็นชาจะมีวันที่อ่อนโยนต่อแม่นาง
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง ลดเสียงให้เบาลง “ข้าจะคว้าชัยชนะกลับมาให้เจ้าให้ได้”ทุกคนล้วนเห็นว่าฉู่อ๋องคิดจะโยนลูกศรลงไหจริง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือ!ภายในกลุ่มคน ถังเสวี่ยหนิงเองก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้แล้ว มองเห็นฉู่อ๋องพาซ่งรั่วเจินออกมาเปิดเผยในฐานะคนรัก ภายในสายตาเปี่ยมความแค้นเคือง“ข้าดูแล้วฉู่อ๋องไม่ได้ชอบแม่นางซ่งลึกซึ้งมากมายอะไร หากชอบถึงเพียงนั้น ป่านนี้คงแต่งงานรับคนกลับไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวไม่ใช่หรือ?”เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน นางเองก็ริษยาซ่งรั่วเจิน ถือสิทธิ์อะไรสตรีคนนี้วาสนาดีถึงเพียงนี้!ทว่าเห็นฉู่อ๋องกลับมาแล้ว ทั้งสองคนยังไม่แต่งงานกัน นางรู้สึกมีความสุขไม่น้อยภายในใจบัดนี้เห็นซ่งอี้อันแสดงความสามารถในราชสำนักได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ บิดาของนางชื่นชมเป็นครั้งคราว มารดาเองก็เสียดายที่นางไม่สามารถแต่งกับซ่งอี้อันได้ หาไม่แล้วบัดนี้จะต้องกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนแน่ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษซ่งรั่วเจิน!“ไม่มีความเคลื่อนไหวจริงนั่นแหละ แต่ข้าได้ยินว่าฉู่อ๋องคล้ายมีเจตนาสู่ข