สีหน้าอวิ๋นฮูหยินไม่สบอารมณ์มาก เดิมทีอนุอวิ๋นก็แสดงละครเก่งอยู่แล้ว หลายปีมานี้นางเคยเห็นการแสดงมาไม่น้อยกระนั้น นางไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าอนุอวิ๋นจะทำวิธีการต่ำช้าพรรค์นี้ออกมาได้ นั่นคือลูกสาวแท้ๆ ของนางนะ!ทำเช่นนี้ ชื่อเสียงของนางก็ถูกทำลายจนหมดสิ้นต่อให้หลังผ่านเรื่องนี้ไปนายท่านจะสั่งให้ทุกคนปิดปาก แต่วันนี้เอะอะเอิกเกริกออกตามหาคนเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วข่าวต้องถูกส่งออกไป มารดาคนหนึ่ง ถึงขั้นวางแผนเช่นนี้ช่างชวนให้รู้สึกเหลือจะเชื่อโดยแท้!“นายท่าน ในเมื่อมาถึงเรือนของเฉิงเจ๋อแล้ว มิสู้ให้เขาช่วยหาด้วยดีหรือไม่?” อนุอวิ๋นเอ่ยชี้แนะพูดไป นางก็เดินเข้าลานบ้าน พบว่าภายในมืดสนิทไร้แสง สงสัยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “เหตุใดชิงเหยียนคนนี้ไม่อยู่ปรนนิบัติในเรือน? มิใช่ว่าคนยังไม่กลับมาหรอกกระมัง?”หลายปีมานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋ออยู่ที่สกุลอวิ๋นมาโดยตลอด แม้ว่าทุกคนล้วนเรียกเขาว่าคุณชาย จางเหวินเองก็ดีต่อเขามาก เคยหาบ่าวรับใช้มากมายมาปรนนิบัติเขา แต่ล้วนถูกเขาปฏิเสธไปจนหมดเพราะเหตุนี้ ข้างกายเขาจึงมีบ่าวเพียงสองคนเท่านั้น“น่าจะยังไม่กลับมา พวกเราไปหาที่อื่นเถอะ” จางเหวินเอ่ยปากอวิ๋นห
อนุอวิ๋นได้ยินถ้อยคำนี้ของอวิ๋นซีหว่านก็รู้สึกเพียงเบื้องหน้ามืดสนิท เกือบจะหมดสติไปทั้งๆ ที่นางมอบโอกาสเปลี่ยนคำพูดให้อวิ๋นซีหว่านแล้ว ขอเพียงพูดว่ามิได้เป็นเช่นนี้ นั่นก็ยังมีโอกาส!อย่างไรเสียตรงหน้าก็ล้วนเป็นคนของตน ต่อให้เกิดเรื่องขึ้น แต่ขอเพียงความบริสุทธิ์ยังอยู่ นายท่านบังคับให้ทุกคนปิดปากเงียบ อีกทั้งยังบังคับอวิ๋นเฉิงเจ๋อให้แต่งงานก็ใช้ได้แล้วทว่าบัดนี้...ตัวโง่งมคนนี้ถึงขั้นพูดว่าความบริสุทธิ์ถูกบ่าวคนหนึ่งทำลายต่อหน้าทุกคน?ภายภาคหน้านางก็ต้องแต่งกับบ่าวคนนี้แล้ว!“เจ้า เจ้า...”อวิ๋นซีหว่านเห็นอนุอวิ๋นโมโหจนแทบเป็นลมหมดสติไป นึกสงสัยอย่างอดไม่ได้ ท่านแม่แสดงได้สมจริงเกินไปแล้วกระมัง?ตอนนี้ไม่สมควรบีบคั้นท่านพ่อให้นางและญาติผู้พี่แต่งงานกันหรอกหรือ?หลังอวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินคำตอบของอวิ๋นซีหว่าน ฝืนควบคุมรอยยิ้มบนใบหน้าของตน กระนั้นก็ทำได้ยากยิ่ง พูดว่า“ซีหว่านพูดเองกับปากแล้ว หากไม่แต่งงานคงไม่สามารถจบเรื่องนี้ได้แล้วกระมัง?”“คุณหนูในห้องหอยังไม่แต่งงานก็เสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว อิงตามหลักการแล้วสมควรตีให้ตายเพื่อรักษาเกียรติของครอบครัว ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาท่านพ่อ
อวิ๋นซีหว่านเรีบสะบัดมือชิงสือออก อยากจะลุกขึ้นยืนในทันทีทันใด เอือมระอาก่อนหน้านี้เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ของทั้งคู่จนดิ้นไม่หลุด นางไม่ได้สวมเสื้อผ้าให้ดี จึงยังไม่สามารถลงจากเตียงในทันทีเลยได้พวกบ่าวรอบข้างเห็นท่าทางยั่วยวนของชิงสือ ลอบซุบซิบกันอย่างอดไม่ได้“ชิงสือนี่คือเห็นคุณหนูรองเป็นนางบำเรอกระนั้นรึ?”“ปกติชิงสือได้เงินเดือนก็รีบไปที่ซ่อง เงินเพียงน้อยนิดที่เขาหามาได้ทั้งหมดล้วนอยู่ในมือผู้หญิงแล้ว ทว่าตอนนี้ถึงขั้นหลับนอนกับคุณหนูรอง นี่จะอธิบายเยี่ยงไรเล่า?”“คุณหนูรองกลายเป็นคนของเขาแล้ว พวกเจ้าพูดเถอะว่าเขาจะกลายเป็นท่านเขยของจวนพวกเราใช่หรือไม่?”ทุกคนนึกถึงตรงนี้ก็ต่างพากันอิจฉา นี่คือความร่ำรวยอย่างมหาศาลอะไรกัน?สาวใช้หน้าตาดีสามารถเป็นอนุคนหนึ่งของคุณชายได้ก็ช่างเถอะ เขาบ่าวคนหนึ่งหากกลายเป็นท่านเขยจริง นี่จะกลายเป็นเช่นไร?อวิ๋นหงหล่างได้ยินเสียงซุบซิบนินทา โมโหเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากจะฉีกทึ้งชิงสือให้ได้ ตะเบ็งเสียงเปี่ยมโทสะ “สาดให้ไอ้สารเลวคนนี้ได้สติ!”บ่าวทางด้านข้างรีบไปนำน้ำมาหนึ่งถังสาดใส่ศีรษะชิงสือ“อ๊าก!”ชิงสือร้องออกมาอย่างตกตะลึง นี่ถึงลืมตาท
“เจ้าพูดเหลวไหล! เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้!”อวิ๋นซีหว่านเห็นชิงสือกำลังจะพูดความจริงออกมา เดิมทีนางก็เสียหน้าเกือบหมดแล้ว คราวนี้แม้แต่ความลับก็ถูกเปิดโปง คนพลันร้องตะโกนเสียงแหลมออกมา“ข้าไม่เคยให้เจ้าทำเรื่องพรรค์นี้ ทั้งๆ ที่เจ้าปรารถนาในตัวข้า อาศัยตอนที่ข้าไม่ทันระวังตีข้าจนหมดสติไป บัดนี้ยังคิดโยนความผิดลงบนตัวข้า เจ้าสมควรตาย!”พูดจบ อวิ๋นซีหว่านยกหมอนกระเบื้องเคลือบขึ้นขว้างใส่ชิงสือปึก!เสียงดังลั่น ชิงสือถูกขว้างใส่จนศีรษะแตก เลือดไหลอาบลงมา“นายท่าน บ่าวพูดความจริงทุกประโยค ล้วนเป็นคุณหนูรองให้บ่าวทำ ต่อให้บ่าวมีความกล้าเยี่ยงไรก็ไม่กล้าลงมือกับคุณหนูขอรับ!”ชิงสือไม่สนใจความเจ็บปวด โขกศีรษะไม่หยุด พูดความจริงทั้งหมดออกมา“คุณหนูรองกลัวตนเองแต่งงานออกเรือนไม่ได้ อีกทั้งยังรู้ว่าคุณชายไม่ยอมแต่งงานกับนาง เงินที่มอบให้ข้าก่อนหน้านี้ยังอยู่ในห้อง ทั้งหมดล้วนคือหลักฐานขอรับ!”อวิ๋นหงหล่างได้ยินคำพูดนี้ เข้าใจขึ้นมาหลายส่วนภายในใจ สายตายามหันมองอวิ๋นซีหว่านสะท้อนความโกรธและผิดหวังเขารับปากแล้วว่าจะจัดการเรื่องนี้ เด็กคนนี้ยังลงมือด้วยตนเอง วุ่นวายจนเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น!
อวิ๋นซีหว่านเห็นสถานการณ์แล้วก็พุ่งชนขอบเตียง “เกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น อนาคตของลูกก็ไม่เหลือแล้ว มิสู้ให้ข้าตายไปเสียเลยเถอะ!”“ซีหว่าน!”อนุอวิ๋นรีบเข้าไปห้ามอวิ๋นซีหว่าน “ซีหว่านเอ๋ย เจ้าคือชีวิตของแม่นะ! หากเจ้าตาย ข้าก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่แล้ว!”ภายในสายตาอวิ๋นหงหล่างสะท้อนแววลังเลแวบหนึ่ง เขาเองก็รู้ว่าเรื่องนี้แย่มากอย่างแท้จริง ครู่ต่อมาหันมองจางเหวิน “ฮูหยิน เจ้าว่าเรื่องนี้...”“อย่าแม้แต่จะคิด!”ภายในสายตาจางเหวินเปี่ยมความรังเกียจ “เฉิงเจ๋อเป็นลูกของพี่สาวข้า เลี้ยงดูอยู่ข้างกายข้ามานานหลายปี คล้ายลูกชายข้าก็มิปาน”“เขาพยายามด้วยตนเอง มีชื่อติดอยู่บนกระดาน อนาคตจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เรื่องแต่งงาน ข้าก็จะให้เขาแต่งกับคุณหนูสูงศักดิ์ที่คู่ควร!”“ฮูหยิน เจ้าเป็นภรรยาเอก อิงตามหลักการแล้วซีหว่านเองก็เป็นลูกสาวของเจ้า อวิ๋นเฉิงเจ๋อเพียงลำบากใจเล็กน้อยเท่านั้น หรือว่าเจ้ายังทนมองซีหว่านตายได้กระนั้น?”อวิ๋นหงหล่างพูดเนิบๆ “หากเจ้าคิดว่าทำผิดต่อเฉิงเจ๋อ ถึงตอนนั้นเตรียมสินเดิมมากหน่อยเป็นเช่นไร?”จางเหวินมองบุรุษตรงหน้า พูดถ้อยคำเหล่านี้ได้อย่างเลือดเย็น ยังวางแผนทำเ
เดิมทีสวีเฮ่ออันกำลังพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับอวิ๋นเฉิงเจ๋ออยู่ภายในศาลา อีกไม่นานอวิ๋นเฉิงเจ๋อก็จะเข้าราชสำนักเป็นขุนนาง กลายเป็นสหายร่วมงาน ย่อมรู้สึกดีใจเพราะเหตุนี้ ได้รับเชิญจากอวิ๋นเฉิงเจ๋อ เขาจึงตั้งใจเชิญสหายร่วมงานอีกสองท่านมาเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก กอปรกับอวิ๋นเฉิงเจ๋อเชิญสหายร่วมสำนักสอบติดขุนนางอีกสองท่านมาด้วย ทั้งหกจึงกำลังสนทนากันอย่างออกรสออกชาติคิดไม่ถึงขณะกำลังอารมณ์ดีก็มองเห็นบ่าวรับใช้จวนอวิ๋นกำลังออกตามหาทั่วสารทิศ พูดว่าคุณหนูรองบ้านตนหายตัวไป นี่ถึงพากันมาพร้อมกันสรุปว่า...ถึงขั้นได้ยินเรื่องมากมายเพียงนี้?ครู่ต่อมาพวกสวีเฮ่ออันหันมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อ เรื่องของอวิ๋นซีหว่านและฉินเซี่ยงเหิงชุลมุนวุ่นวายมาก คนทั้งเมืองหลวงต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่วแต่พวกเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากอวิ๋นซีหว่านและฉินเซี่ยงเหิงฉีกหน้าถอนหมั้นกันแล้ว ถึงขั้นยังหันมาหมายตาอวิ๋นเฉิงเจ๋อ แม้แต่วิธีการเช่นนี้ก็คิดออกมาได้คุณหนูในห้องหอคนหนึ่ง ถึงขั้นลองปีนเตียงของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ บังคับให้เขาแต่งงานด้วยไม่สำเร็จ ยังสร้างปัญหาให้ตนเองอีกด้วยใต้เท้าอวิ๋นกลับไร้เหตุผลยิ่งกว่า ทั้งๆ
มองใบหน้าเปี่ยมแผนการของอนุอวิ๋น จางเหวินแค่นหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง “ยังคิดใช้วิธีนี้บีบบังคับข้า? ขอเพียงข้าและอวิ๋นหงหล่างหย่ากัน เนี่ยนชูก็จะกลับบ้านมารดากับข้า”“ถึงตอนนั้นข้าจะพูดสาเหตุการหย่าร้างอย่างชัดเจน ส่วนชื่อเสียงของเนี่ยนชูเจ้าไม่ต้องกังวลไป เดิมทีนางก็เป็นแม่นางที่ดีคนหนึ่ง หรือยังต้องกังวลจะแต่งงานออกเรือนไม่ได้อีกกระนั้น?”“นายท่าน ฮูหยินนี่คือต้องการทำลายซีหว่านเจ้าค่ะ หากซีหว่านตายข้าก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่แล้ว!” อนุอวิ๋นร้องไห้พลางพูดออกมาอวิ๋นซีหว่านเห็นสถานการณ์แล้วก็ทำให้รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก “ให้ข้าตายเถอะ ล้วนต้องโทษลูกทำร้ายท่าน ฮูหยินใหญ่นี่คือเห็นข้าขัดตาตั้งนานแล้ว อยากให้พวกเราตาย”อวิ๋นหงหล่างเห็นสองแม่ลูกล้วนเจ็บปวดสิ้นหวังจนอยากตาย สีหน้าไม่สบอารมณ์มาก ยามสบมองจางเหวินสีหน้าก็เปี่ยมความไม่เข้าใจ“ฮูหยิน นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กเท่านั้น ขอเพียงพวกเราร่วมมือกันปกปิดเรื่องนี้ เดิมทีก็ไม่มีคนอื่นรู้ เหตุใดเจ้าต้องโวยวายจนถึงขั้นนี้ให้ได้?”“พูดไปแล้วเจ้าก็แค่ไม่พอใจพวกนางสองแม่ลูกเท่านั้น ทั้งๆ ที่เจ้ารู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของทั้งตระกูล แต่ตอน
จางเหวินและอวิ๋นเนี่ยนชูล้วนคิดไม่ถึงเลยว่าภายนอกจะมีคนมากมายถึงเพียงนี้ หากเป็นในอดีตจะต้องรู้สึกกังวลอย่างแน่นอน เว้นเสียแต่ตอนนี้กลับคิดว่าคนเหล่านี้มาได้ช่างดีเหลือเกิน“ท่านแม่ ท่านตัดสินใจแล้วแน่หรือ?”อวิ๋นเนี่ยนชูมองจางเหวินอย่างกังวล นางรู้ดีว่าหลายปีมานี้มารดาได้รับความทุกข์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมิใช่เคยพูดเกลี้ยกล่อมเพียงครั้งเดียว แต่มารดาอดทนเอาไว้ วันนี้คล้ายกับว่าจะตั้งใจทำแบบไม่คิดหันหลังกลับจริงๆ...“เนี่ยนชู แม่คิดดีแล้ว แท้จริงแล้วแม่ก็ไม่อยากใช้ชีวิตเช่นนี้อีก เดิมทีข้าคิดว่าจะรอจนเจ้ากับเฉิงเจ๋อต่างมีชีวิตที่มั่นคงของตนแล้วจึงค่อยหย่ากับพ่อเจ้า”“เช่นนี้แล้ว ก็จะสามารถลดผลกระทบต่อพวกเจ้าให้น้อยที่สุด แต่ตอนนี้พวกเขากลับยิ่งเหิมเกริม หากพวกเขากล้าลงมือกับเฉิงเจ๋อ ภายภาคหน้าก็อาจกล้าลงมือกับงานแต่งของเจ้าเฉกเดียวกัน”สีหน้าจางเหวินมุ่งมั่น นางไม่มีความอาลัยอาวรณ์ต่อชายผู้นี้ตั้งนานแล้ว สิ่งเดียวที่หวังคือให้ลูกๆ ได้มีอนาคตที่ดีเท่านั้นบัดนี้ในเมื่อแม้แต่เรื่องเล็กน้อยนี่ก็ทำไม่ได้ แล้วนางยังจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่ออะไรอีกเล่า?อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงโดยไม่รู้ตัว ภาย
ฉู่อวิ๋นกุยและสี่พี่น้องสกุลซ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูด ยิ่งไม่มีวันโจมตีองค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอโดยไร้สาเหตุในเมื่อเขาทำถึงเพียงนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบเหลียงอ๋องเพราะเหตุนี้ ซ่งรั่วเจินจึงสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอวิ๋นอ๋องหรือพี่ชายของตนก็ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วพริบตาฉู่เทียนเช่อเกิดความสงสัย หรือว่าฉู่อ๋องและเหลียงอ๋องมีความขัดแย้งใดที่เขาไม่รู้?“น้องสี่ ก่อนหน้านี้ข้ารู้เพียงว่าไม่ว่าโยนลูกศรลงไหหรือโยนห่วงเจ้าก็ล้วนแม่นยำทั้งสิ้น ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราได้ประจักษ์ต่อสายตาสักหน่อย”ฉู่เทียนเช่อยังแย้มยิ้มดังเดิม หยิบห่วงทางด้านข้างวางไว้ในมือฉู่ซิ่นเหลียงเขาไม่สนใจหรอกว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันหรือไม่ หากว่ามี นั่นก็ดีอย่างไม่ต้องสงสัย!“เช่นนั้นข้าจะลองดู”ฉู่ซิ่นเหลียงพยักหน้ายิ้มๆ สายตาสะท้อนแสงเย็นชาวูบหนึ่ง ครุ่นคิดภายในใจตกลงเขาปกปิดที่ใดไม่ดีถึงถูกฉู่อ๋องสังเกตเห็น?ทุกคนเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอยกห่วงขึ้น มองแจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ วัดระยะครู่หนึ่งแล้วโยนออกไปได้เห็นห่วงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยบ
ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้เห็นเหลียงอ๋อง นัยน์ตาไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนแสงเย็นวูบหนึ่งซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่จวินถิง ลอบตกตะลึงภายในใจ ใช่หรือไม่ว่าเขาพบอะไรเข้าแล้ว?ภายในหนังสือ ทีแรกไม่มีใครสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของเหลียงอ๋อง เขาลอบวางอุบายอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด รับชมองค์ชายท่านอื่นกัดกันเหมือนสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่วงนอกและได้รับผลปะโยชน์ไปในตอนสุดท้ายกอปรกับเดิมทีหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มีรัศมีของพระเอกนางเอก เพียงสองคนลงมือก็ไม่มีเรื่องใดไม่สามารถจัดการได้ทว่า บัดนี้หลินจือเยว่และฉินซวงซวงไร้ประโยชน์ไปแล้ว คาดว่าเหลียงอ๋องต้องการทำถึงขั้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากกระมัง“ขอบคุณน้องหกมากที่ห่วงใย ระยะนี้ร่างกายข้าดีขึ้นบ้างแล้ว” เหลียงอ๋องผลิยิ้ม กลับไอออกมาสองทีโดยไม่รู้ตัว“เสด็จพี่ แม้ว่าระยะนี้อากาศอุ่นแล้ว แต่ท่านจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี อย่าต้องความเย็นเป็นอันขาด ช่วงต้นวสันต์อากาศเย็นมากนัก เป็นหวัดได้ง่ายที่สุด” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างห่วงใยฉู่เทียนเช่อมองสถานการณ์ของโยนลูกศรลงไหและพูดว่า “น้องสาม หากวันนี้เจ้าต้องการคว้าชัยชนะ น่ากลัวว่าไม่ง่ายถ
บัดนี้ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็อยากจะมอบสิ่งที่นางชอบทั้งหมดมาวางไว้ต่อหน้านาง“เสด็จพี่ มองเห็นแจกันดอกไม้อยู่ไกลที่สุดทางด้านหน้านั้นหรือไม่? ขอเพียงโยนลงเจ้านั่น ก็จะสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันโยนห่วงได้!”ฉู่อวิ๋นกุยชี้แจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลที่สุด รอบข้างแจกันดอกไม้ล้วนเต็มไปด้วยห่วงที่คล้องเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีคนโยนลงซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเล็กน้อย พบว่าแจกันดอกไม้ไม่เพียงแต่สูง ขนาดของปากแจกันยังแตกต่างจากห่วงไม่มากอีกด้วย คิดจะโยนให้ลงนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก!“งานเทศกาลโคมไฟของทุกปี การโยนห่วงนี้ยากที่สุด ข้าแทบจะไม่เคยเห็นคนโยนลงมาก่อน” ฉู่อวิ๋นกุยพูดอย่างเสียดายลั่วชิงอินเห็นแจกันดอกไม้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยนโจว การโยนห่วงนี้ยากเกินไปแล้วกระมัง มีคนโยนลงจริงหรือ?”“ยากจริงนั่นล่ะ แทบจะไม่มีใครสามารถโยนลงได้ จะต้องแม่นยำมากถึงจะใช้ได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยากจะทำได้”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีคนชื่นชมวิชายุทธ์ของเขา แต่บัดนี้ได้เห็นแจกันดอกไม้ขนาดเท่าห่วง รู้สึกเพียงว่าความยากนั้นมากเกินไป ดูท่าแล้วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนส
ฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง เผยสีหน้าตกตะลึง นางคิดว่าซ่งจิงเซินได้สติแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความทรงจำไป?“ข้ายังไม่แต่งงานเพราะคิดถึงเจ้า?” ซ่งจิ่งเซินถูกประโยคนี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแต่งงานแน่ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า”“เจ้าและชวีคั่วสมควรเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง ข้าชี้แนะเจ้าให้รีบแต่งงาน ประเดี๋ยวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”เคอหยวนจื่อโมโหแทบแย่ “ท่านยังไม่ยอมรับ!”ฉู่มู่เหยาปิดปากหัวเราะ ลดเสียงให้เบาลง “คุณชายสี่ซ่ง เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมแต่งงานเล่า? คงไม่ใช่ว่ากำลังรอเคอหยวนจื่อจริงๆ หรอกกระมัง?”ซ่งจิ่งเซินผินมองนางแวบหนึ่ง “องค์หญิง ท่านสนใจเรื่องงานแต่งของกระหม่อมทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่...”ฉู่มู่เหยาเห็นสีหน้าหยอกเย้าของฝ่ายชาย สีหน้าแข็งทื่อไป “อะไรกันเล่า? ข้าไม่ได้สนใจงานแต่งของเจ้าเสียหน่อย”“ไม่ใช่ก็ดี” ซ่งจิ่งเซินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “หาไม่แล้วองค์หญิงดีๆ คนหนึ่งคิดอยากเป็นแม่สื่อ นั่นจะดีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยา “???”“พี่สะใภ้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เขาถึงขั้นพูดว่าข้าอยากเป็นแม่สื่อ เจ้ารีบหาทางอุดปากเขาเถอ
ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในพิธีล่าสัตว์ ต่อให้ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนก็ยังจำได้ดังเดิม“ซ่งจิ่งเซิน แม่นางเคอท่านนั้นของเจ้าถูกตีน่าสารยิ่งนัก เจ้าไม่ไปช่วยหรือ?”ฉู่มู่เหยากะพริบตามองซ่งจิ่งเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ระยะนี้ซ่งจิ่งเซินมักได้เห็นเรื่องตลกของนาง วันนี้นับว่าถึงตานางหยอกล้อซ่งจิ่งเซินแล้วซ่งจิ่งเซินเหล่มองนาง “พูดเช่นนี้แล้ว วันนี้คุณชายเสิ่นท่านนั้นของท่านเองก็อาจจะมาเช่นกัน มิสู้ลองหาดู?”ฉู่มู่เหยา “...หุบปากเจ้าเสีย”ซ่งจิ่งเซินเห็นรอยยิ้มฉู่มู่เหยาหายวับไปในทันใด หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ก็แค่หนังหน้านี้ของท่าน ยังคิดล้อกระหม่อมเล่นอีกหรือ? กลับไปฝึกดีๆ เถอะ”ฉู่มู่เหยา “! ! !”กู้ฮวนเอ๋อร์และซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางทะเลาะกันของสองคนนี้ สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันช่างครึกครื้นเสียจริง“ที่นี่เอะอะเกินไปแล้ว พวกเราไปโยนห่วงทางนั้นเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยปาก หันมองทางกู้ฮวนเอ๋อร์อีกครั้ง “อีกเดี๋ยวเจ้าชอบสิ่งใดก็บอกข้า ข้าจะช่วยเอามาให้เจ้า!”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ จนกระทั่งตอนนี้ นางถึงเชื่อว่าอวิ๋นอ๋องชอบนางจริงๆ และยอมคบหากับน
ถังเสวี่ยหนิงย่อมไม่ยอมแพ้ เคอหยวนจื่อคนนี้มีดีอะไร ไม่ว่ามองอย่างไรซ่งจิ่งเซินก็ดีกว่านางมากนักไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดถึงตาบอด ไปชอบผู้หญิงคนนี้ได้!ต้องรู้ว่าเมื่อแรกเคอหยวนจื่อร่ำรวยยิ่งกว่าบุตรีจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างนางเสียอีก บัดนี้เห็นนางตกต่ำถึงขั้นนี้ นางกลับรู้สึกมีความสุขภายในใจ“มิน่าเล่าพวกเจ้าสองคนถึงสามารถเป็นสหายกันได้ ได้ยินมาว่าเสิ่นหวยอันทำได้กระทั่งทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเพื่อให้ได้เป็นราชบุตรเขย”“พวกเจ้ามีเวลาพูดไร้สาระอยู่ที่นี่ มิสู้ดูให้ดี องค์หญิงมู่เหยาและซ่งจิ่งเซินอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมากเพียงใด!”ต่อจากคำพูดของถังเสวี่ยหนิงที่เพิ่งจบลง สายตาของพวกเคอหยวนจื่อสองคนก็หันมองไปอย่างอดไม่ได้ มองเห็นฉู่มู่เหยาและซ่งจิ่งเซินกำลังพูดคุยหัวเราะให้กัน สนิทสนมกันไม่ธรรมดา“พวกเขาสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด?”เคอหยวนจื่อโง่งมแล้ว มองทางซ่งปี้อวิ๋นอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซ่งปี้อวิ๋นพูดว่าองค์หญิงและเสิ่นหวยอันมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เพราะเหตุนี้ซ่งปี้อวิ๋นจึงอารมณ์ไม่ดีนี่มันเรื่องอะไรกัน?ซ่งปี้อวิ๋นเองก็ตกใจอย่างสุดระงับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า
“ทว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าเคยได้ยินข่าวหมั้นหมายของทั้งสองคนหรือไม่?” ถังเสวี่ยหนิงถามกลับเถียนเจียวเจียวนี่ถึงวางใจลง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสื้อผ้าหนึ่งชุดไม่นับเป็นอะไร ตอนนั้นซ่งจิ่งเซินนำของดีมากมายมามอบให้เคอหยวนจื่อ แต่สุดท้ายเจ้าดูเถอะ ยังไม่ใช่พูดว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้วหรอกหรือ?”ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเบาๆ พวกเขาย่อมได้ยินสถานการณ์ของเคอหยวนจื่อมาก่อน“พวกเจ้ากำลังว่าข้าหรือ?”เคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นยืนอยู่ด้วยกัน วันนี้ครึกครื้นอย่างมาก ทั้งสองคนย่อมไม่พลาดไป กอปรกับฉู่อ๋องโยนลูกศรลงไห ไม่รู้ว่าเรียกความสนใจของคนมากี่มากน้อย ดังนั้นพวกนางสองคนก็มารับชมความครึกครื้นเฉกเดียวกันคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน ก็ได้ยินสองคนนี้นินทาตนเอง สีหน้าเคอหยวนจื่อเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ถังเสวี่ยหนิงและเถียนเจียวเจียวเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังนินทาคนก็จะบังเอิญได้พบเจ้าตัว ใบหน้าเผยแววเก้อกระดาก แต่กลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวชาติกำเนิดของเคอหยวนจื่อยังไม่เพียงพอให้พวกนางชายตาแล!“ว่าเจ้าแล้วจะทำไมเล่า? หรือว่าไม่ใช่ความจริง?” เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน
ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงท่ามกลางกลุ่มคน เขาคล้ายเกิดมาเป็นตัวเอก รัศมีเปล่งประกายเหนือผู้อื่น ท่วงท่าสง่างามดุจหยก ทำให้คนยากจะเมินข้ามได้เทียบกับท่าทางเย็นชาในอดีต เขาในวันนี้มีรัศมีของชายหนุ่มมากหลายส่วนมองเห็นเขาคว้าชัยชนะครั้งแรกไปได้ ชั่วขณะหันใบหน้าประดับยิ้มมามองนาง หัวใจของนางเองก็ถูกทำให้หวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น“องค์ชาย นี่คือรางวัลคว้าชัยชนะโยนลูกศรลงไหของท่าน”ฝ่ายชายยื่นพู่สีแดงหนึ่งพวงมาให้อย่างเคารพนบนอบฉู่จวินถิงรับพู่ไป เดินมาหยุดต่อหน้าซ่งรั่วเจินด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามยามสบมองนางอ่อนโยนเป็นพิเศษ“เก็บไว้ให้ดี ข้าจะไปคว้าชัยชนะกลับมาให้มากๆ”ซ่งรั่วเจินมองพู่แดงในมือของตน แม้ว่าเป็นเพียงของรางวัลของผู้ชนะ กลับทำได้งดงามประณีตมาก ถักหัวใจสีแดงอย่างซับซ้อนห้อยเหรียญเอาไว้ ต่อให้นำมาเป็นเครื่องประดับก็งดงามไม่น้อยสำคัญที่สุดคือ...เสียงเปี่ยมความมั่นใจ คล้ายสามีไปหาเงินกลับมาได้และมอบให้ฮูหยินจัดการแม่นางรอบข้างได้เห็นภาพนี้ ภายในสายตาเปี่ยมความอิจฉา ใครสามารถคิดออกเล่าว่าฉู่อ๋องผู้สูงส่งและเย็นชาจะมีวันที่อ่อนโยนต่อแม่นาง
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง ลดเสียงให้เบาลง “ข้าจะคว้าชัยชนะกลับมาให้เจ้าให้ได้”ทุกคนล้วนเห็นว่าฉู่อ๋องคิดจะโยนลูกศรลงไหจริง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือ!ภายในกลุ่มคน ถังเสวี่ยหนิงเองก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้แล้ว มองเห็นฉู่อ๋องพาซ่งรั่วเจินออกมาเปิดเผยในฐานะคนรัก ภายในสายตาเปี่ยมความแค้นเคือง“ข้าดูแล้วฉู่อ๋องไม่ได้ชอบแม่นางซ่งลึกซึ้งมากมายอะไร หากชอบถึงเพียงนั้น ป่านนี้คงแต่งงานรับคนกลับไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวไม่ใช่หรือ?”เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน นางเองก็ริษยาซ่งรั่วเจิน ถือสิทธิ์อะไรสตรีคนนี้วาสนาดีถึงเพียงนี้!ทว่าเห็นฉู่อ๋องกลับมาแล้ว ทั้งสองคนยังไม่แต่งงานกัน นางรู้สึกมีความสุขไม่น้อยภายในใจบัดนี้เห็นซ่งอี้อันแสดงความสามารถในราชสำนักได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ บิดาของนางชื่นชมเป็นครั้งคราว มารดาเองก็เสียดายที่นางไม่สามารถแต่งกับซ่งอี้อันได้ หาไม่แล้วบัดนี้จะต้องกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนแน่ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษซ่งรั่วเจิน!“ไม่มีความเคลื่อนไหวจริงนั่นแหละ แต่ข้าได้ยินว่าฉู่อ๋องคล้ายมีเจตนาสู่ข