เพียงนึกได้ว่าฮูหยินใหญ่เลือกคนดีมากมายเพียงนั้นให้อวิ๋นเนี่ยนชู นางก็รู้สึกริษยาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ถือสิทธิ์อะไรนางเป็นลูกอนุ แม้แต่แต่งงานก็เลือกคนดีไม่ได้!อวิ๋นเนี่ยนชูจะโทษ ก็ต้องโทษตนเอง!“เช่นนั้นญาติผู้พี่ของเจ้าชอบนางหรือไม่?” อนุอวิ๋นเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้“นี่ต่างหากน่าขันที่สุด เดิมทีญาติผู้พี่ก็ไม่ชอบนาง!”“ก่อนหน้านี้ข้ายังเห็นนางถูกญาติผู้พี่ปฏิเสธแล้วก็แอบซับน้ำตาอีกด้วย ถึงตอนนั้นข้าแต่งกับญาติผู้พี่แล้ว นางจะไม่ร้องไห้จนตาบอดหรือ?”อนุอวิ๋นได้ยินก็หลุดเสียงหัวเราะออกมา “นั่นก็ดียิ่งนัก! เดิมทีเจ้าต่างหากสมควรเป็นบุตรีสายตรงของสกุลอวิ๋น เป็นนางแย่งฐานะของเจ้าไป แม่ของนางก็แย่งฐานะของข้าไป สมน้ำหน้าพวกเขา!”สีท้องฟ้ายามราตรีเข้มขึ้น อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลับมาถึงก็เมามายแล้ว“คุณชาย เหตุใดวันนี้ท่านดื่มหนักเพียงนี้เล่า?”ชิงเหยียนประคองอวิ๋นเฉิงเจ๋อเข้าห้อง ส่วนบ่าวภายในลานบ้านคนหนึ่งได้เห็นภาพนี้แล้วดวงตาพลันทอประกาย นี่ก็คือมีคนนำผลประโยชน์มามอบให้โดยยังไม่ได้ร้องขอโดยแท้ น่ากลัวว่าไม่ต้องใช้ยาสลบแล้ว!ครุ่นคิด เขาอ้างว่าต้องการไปห้องปลดทุกข์ ลอบออกไปแล้ว“คุณชาย คนผ
“นายท่าน ซีหว่านหายไปแล้วเจ้าค่ะ!”อนุอวิ๋นรีบวิ่งเข้าไปภายในเรือนของอวิ๋นฮูหยิน เพิ่งผ่านเข้าลานบ้านก็ร้องตะโกนโวยวายขึ้นมาอวิ๋นหงหล่างกำลังปรึกษาฮูหยินเรื่องให้อวิ๋นเฉิงเจ๋อรับปากแต่งงาน อย่างไรเสียเรื่องนี้ให้จางเหวินเอ่ยปากย่อมดีที่สุดอิงตามความกตัญญูที่อวิ๋นเฉิงเจ๋อมีต่อนาง ต่อให้ไม่เต็มใจก็ต้องรับปากทว่าวันนี้จางเหวินมีท่าทีหนักแน่นมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าเขาเกลี้ยกล่อมเยี่ยงไรก็ไร้ประโยชน์ นางกัดฟันยืนกรานไม่รับปาก ไม่มีวันให้อวิ๋นเฉิงเจ๋อแต่งกับนางจากนั้น ขณะทั้งคู่กำลังโมโหหน้าแดงก่ำ จู่ๆ ก็เห็นอนุอวิ๋นวิ่งเข้ามา อวิ๋นหงหล่างรีบประคองหยุดนางที่ก้าวได้ไม่มั่นคงไว้“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าไม่ต้องรีบ ค่อยๆ พูด”จางเหวินเห็นท่าทางห่วงใยต่ออนุอวิ๋นของอวิ๋นหงหล่าง สายตาสะท้อนไอเย็นวูบหนึ่ง หลายปีมานี้เดิมทีเขาก็ไม่เห็นตนเป็นภรรยาเอกอนุคนหนึ่งใช้ชีวิตสง่าผ่าเผยเสียยิ่งกว่านาง!อนุอวิ๋นรู้สึกลำพองใจขึ้นภายในใจระลอกหนึ่ง ใบหน้ายังเผยท่าทางอ่อนโยนกังวลใจดังเดิม“นายท่าน ดึกดื่นถึงเพียงนี้แล้ว ซีหว่านยังไม่กลับมา”“ท่านเองก็รู้ว่านางเป็นเด็กรู้จักขอบเขตคนหนึ่ง ที่ผ่านมาต่อให้ออกไปก
สีหน้าอวิ๋นฮูหยินไม่สบอารมณ์มาก เดิมทีอนุอวิ๋นก็แสดงละครเก่งอยู่แล้ว หลายปีมานี้นางเคยเห็นการแสดงมาไม่น้อยกระนั้น นางไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าอนุอวิ๋นจะทำวิธีการต่ำช้าพรรค์นี้ออกมาได้ นั่นคือลูกสาวแท้ๆ ของนางนะ!ทำเช่นนี้ ชื่อเสียงของนางก็ถูกทำลายจนหมดสิ้นต่อให้หลังผ่านเรื่องนี้ไปนายท่านจะสั่งให้ทุกคนปิดปาก แต่วันนี้เอะอะเอิกเกริกออกตามหาคนเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วข่าวต้องถูกส่งออกไป มารดาคนหนึ่ง ถึงขั้นวางแผนเช่นนี้ช่างชวนให้รู้สึกเหลือจะเชื่อโดยแท้!“นายท่าน ในเมื่อมาถึงเรือนของเฉิงเจ๋อแล้ว มิสู้ให้เขาช่วยหาด้วยดีหรือไม่?” อนุอวิ๋นเอ่ยชี้แนะพูดไป นางก็เดินเข้าลานบ้าน พบว่าภายในมืดสนิทไร้แสง สงสัยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “เหตุใดชิงเหยียนคนนี้ไม่อยู่ปรนนิบัติในเรือน? มิใช่ว่าคนยังไม่กลับมาหรอกกระมัง?”หลายปีมานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋ออยู่ที่สกุลอวิ๋นมาโดยตลอด แม้ว่าทุกคนล้วนเรียกเขาว่าคุณชาย จางเหวินเองก็ดีต่อเขามาก เคยหาบ่าวรับใช้มากมายมาปรนนิบัติเขา แต่ล้วนถูกเขาปฏิเสธไปจนหมดเพราะเหตุนี้ ข้างกายเขาจึงมีบ่าวเพียงสองคนเท่านั้น“น่าจะยังไม่กลับมา พวกเราไปหาที่อื่นเถอะ” จางเหวินเอ่ยปากอวิ๋นห
อนุอวิ๋นได้ยินถ้อยคำนี้ของอวิ๋นซีหว่านก็รู้สึกเพียงเบื้องหน้ามืดสนิท เกือบจะหมดสติไปทั้งๆ ที่นางมอบโอกาสเปลี่ยนคำพูดให้อวิ๋นซีหว่านแล้ว ขอเพียงพูดว่ามิได้เป็นเช่นนี้ นั่นก็ยังมีโอกาส!อย่างไรเสียตรงหน้าก็ล้วนเป็นคนของตน ต่อให้เกิดเรื่องขึ้น แต่ขอเพียงความบริสุทธิ์ยังอยู่ นายท่านบังคับให้ทุกคนปิดปากเงียบ อีกทั้งยังบังคับอวิ๋นเฉิงเจ๋อให้แต่งงานก็ใช้ได้แล้วทว่าบัดนี้...ตัวโง่งมคนนี้ถึงขั้นพูดว่าความบริสุทธิ์ถูกบ่าวคนหนึ่งทำลายต่อหน้าทุกคน?ภายภาคหน้านางก็ต้องแต่งกับบ่าวคนนี้แล้ว!“เจ้า เจ้า...”อวิ๋นซีหว่านเห็นอนุอวิ๋นโมโหจนแทบเป็นลมหมดสติไป นึกสงสัยอย่างอดไม่ได้ ท่านแม่แสดงได้สมจริงเกินไปแล้วกระมัง?ตอนนี้ไม่สมควรบีบคั้นท่านพ่อให้นางและญาติผู้พี่แต่งงานกันหรอกหรือ?หลังอวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินคำตอบของอวิ๋นซีหว่าน ฝืนควบคุมรอยยิ้มบนใบหน้าของตน กระนั้นก็ทำได้ยากยิ่ง พูดว่า“ซีหว่านพูดเองกับปากแล้ว หากไม่แต่งงานคงไม่สามารถจบเรื่องนี้ได้แล้วกระมัง?”“คุณหนูในห้องหอยังไม่แต่งงานก็เสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว อิงตามหลักการแล้วสมควรตีให้ตายเพื่อรักษาเกียรติของครอบครัว ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาท่านพ่อ
อวิ๋นซีหว่านเรีบสะบัดมือชิงสือออก อยากจะลุกขึ้นยืนในทันทีทันใด เอือมระอาก่อนหน้านี้เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ของทั้งคู่จนดิ้นไม่หลุด นางไม่ได้สวมเสื้อผ้าให้ดี จึงยังไม่สามารถลงจากเตียงในทันทีเลยได้พวกบ่าวรอบข้างเห็นท่าทางยั่วยวนของชิงสือ ลอบซุบซิบกันอย่างอดไม่ได้“ชิงสือนี่คือเห็นคุณหนูรองเป็นนางบำเรอกระนั้นรึ?”“ปกติชิงสือได้เงินเดือนก็รีบไปที่ซ่อง เงินเพียงน้อยนิดที่เขาหามาได้ทั้งหมดล้วนอยู่ในมือผู้หญิงแล้ว ทว่าตอนนี้ถึงขั้นหลับนอนกับคุณหนูรอง นี่จะอธิบายเยี่ยงไรเล่า?”“คุณหนูรองกลายเป็นคนของเขาแล้ว พวกเจ้าพูดเถอะว่าเขาจะกลายเป็นท่านเขยของจวนพวกเราใช่หรือไม่?”ทุกคนนึกถึงตรงนี้ก็ต่างพากันอิจฉา นี่คือความร่ำรวยอย่างมหาศาลอะไรกัน?สาวใช้หน้าตาดีสามารถเป็นอนุคนหนึ่งของคุณชายได้ก็ช่างเถอะ เขาบ่าวคนหนึ่งหากกลายเป็นท่านเขยจริง นี่จะกลายเป็นเช่นไร?อวิ๋นหงหล่างได้ยินเสียงซุบซิบนินทา โมโหเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากจะฉีกทึ้งชิงสือให้ได้ ตะเบ็งเสียงเปี่ยมโทสะ “สาดให้ไอ้สารเลวคนนี้ได้สติ!”บ่าวทางด้านข้างรีบไปนำน้ำมาหนึ่งถังสาดใส่ศีรษะชิงสือ“อ๊าก!”ชิงสือร้องออกมาอย่างตกตะลึง นี่ถึงลืมตาท
“เจ้าพูดเหลวไหล! เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้!”อวิ๋นซีหว่านเห็นชิงสือกำลังจะพูดความจริงออกมา เดิมทีนางก็เสียหน้าเกือบหมดแล้ว คราวนี้แม้แต่ความลับก็ถูกเปิดโปง คนพลันร้องตะโกนเสียงแหลมออกมา“ข้าไม่เคยให้เจ้าทำเรื่องพรรค์นี้ ทั้งๆ ที่เจ้าปรารถนาในตัวข้า อาศัยตอนที่ข้าไม่ทันระวังตีข้าจนหมดสติไป บัดนี้ยังคิดโยนความผิดลงบนตัวข้า เจ้าสมควรตาย!”พูดจบ อวิ๋นซีหว่านยกหมอนกระเบื้องเคลือบขึ้นขว้างใส่ชิงสือปึก!เสียงดังลั่น ชิงสือถูกขว้างใส่จนศีรษะแตก เลือดไหลอาบลงมา“นายท่าน บ่าวพูดความจริงทุกประโยค ล้วนเป็นคุณหนูรองให้บ่าวทำ ต่อให้บ่าวมีความกล้าเยี่ยงไรก็ไม่กล้าลงมือกับคุณหนูขอรับ!”ชิงสือไม่สนใจความเจ็บปวด โขกศีรษะไม่หยุด พูดความจริงทั้งหมดออกมา“คุณหนูรองกลัวตนเองแต่งงานออกเรือนไม่ได้ อีกทั้งยังรู้ว่าคุณชายไม่ยอมแต่งงานกับนาง เงินที่มอบให้ข้าก่อนหน้านี้ยังอยู่ในห้อง ทั้งหมดล้วนคือหลักฐานขอรับ!”อวิ๋นหงหล่างได้ยินคำพูดนี้ เข้าใจขึ้นมาหลายส่วนภายในใจ สายตายามหันมองอวิ๋นซีหว่านสะท้อนความโกรธและผิดหวังเขารับปากแล้วว่าจะจัดการเรื่องนี้ เด็กคนนี้ยังลงมือด้วยตนเอง วุ่นวายจนเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น!
อวิ๋นซีหว่านเห็นสถานการณ์แล้วก็พุ่งชนขอบเตียง “เกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น อนาคตของลูกก็ไม่เหลือแล้ว มิสู้ให้ข้าตายไปเสียเลยเถอะ!”“ซีหว่าน!”อนุอวิ๋นรีบเข้าไปห้ามอวิ๋นซีหว่าน “ซีหว่านเอ๋ย เจ้าคือชีวิตของแม่นะ! หากเจ้าตาย ข้าก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่แล้ว!”ภายในสายตาอวิ๋นหงหล่างสะท้อนแววลังเลแวบหนึ่ง เขาเองก็รู้ว่าเรื่องนี้แย่มากอย่างแท้จริง ครู่ต่อมาหันมองจางเหวิน “ฮูหยิน เจ้าว่าเรื่องนี้...”“อย่าแม้แต่จะคิด!”ภายในสายตาจางเหวินเปี่ยมความรังเกียจ “เฉิงเจ๋อเป็นลูกของพี่สาวข้า เลี้ยงดูอยู่ข้างกายข้ามานานหลายปี คล้ายลูกชายข้าก็มิปาน”“เขาพยายามด้วยตนเอง มีชื่อติดอยู่บนกระดาน อนาคตจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เรื่องแต่งงาน ข้าก็จะให้เขาแต่งกับคุณหนูสูงศักดิ์ที่คู่ควร!”“ฮูหยิน เจ้าเป็นภรรยาเอก อิงตามหลักการแล้วซีหว่านเองก็เป็นลูกสาวของเจ้า อวิ๋นเฉิงเจ๋อเพียงลำบากใจเล็กน้อยเท่านั้น หรือว่าเจ้ายังทนมองซีหว่านตายได้กระนั้น?”อวิ๋นหงหล่างพูดเนิบๆ “หากเจ้าคิดว่าทำผิดต่อเฉิงเจ๋อ ถึงตอนนั้นเตรียมสินเดิมมากหน่อยเป็นเช่นไร?”จางเหวินมองบุรุษตรงหน้า พูดถ้อยคำเหล่านี้ได้อย่างเลือดเย็น ยังวางแผนทำเ
เดิมทีสวีเฮ่ออันกำลังพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับอวิ๋นเฉิงเจ๋ออยู่ภายในศาลา อีกไม่นานอวิ๋นเฉิงเจ๋อก็จะเข้าราชสำนักเป็นขุนนาง กลายเป็นสหายร่วมงาน ย่อมรู้สึกดีใจเพราะเหตุนี้ ได้รับเชิญจากอวิ๋นเฉิงเจ๋อ เขาจึงตั้งใจเชิญสหายร่วมงานอีกสองท่านมาเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก กอปรกับอวิ๋นเฉิงเจ๋อเชิญสหายร่วมสำนักสอบติดขุนนางอีกสองท่านมาด้วย ทั้งหกจึงกำลังสนทนากันอย่างออกรสออกชาติคิดไม่ถึงขณะกำลังอารมณ์ดีก็มองเห็นบ่าวรับใช้จวนอวิ๋นกำลังออกตามหาทั่วสารทิศ พูดว่าคุณหนูรองบ้านตนหายตัวไป นี่ถึงพากันมาพร้อมกันสรุปว่า...ถึงขั้นได้ยินเรื่องมากมายเพียงนี้?ครู่ต่อมาพวกสวีเฮ่ออันหันมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อ เรื่องของอวิ๋นซีหว่านและฉินเซี่ยงเหิงชุลมุนวุ่นวายมาก คนทั้งเมืองหลวงต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่วแต่พวกเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากอวิ๋นซีหว่านและฉินเซี่ยงเหิงฉีกหน้าถอนหมั้นกันแล้ว ถึงขั้นยังหันมาหมายตาอวิ๋นเฉิงเจ๋อ แม้แต่วิธีการเช่นนี้ก็คิดออกมาได้คุณหนูในห้องหอคนหนึ่ง ถึงขั้นลองปีนเตียงของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ บังคับให้เขาแต่งงานด้วยไม่สำเร็จ ยังสร้างปัญหาให้ตนเองอีกด้วยใต้เท้าอวิ๋นกลับไร้เหตุผลยิ่งกว่า ทั้งๆ
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน
“เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ยเรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็นหญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป
อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดถึงความอิจฉา “โชคดีนักที่หลินจือเยว่มิได้แต่งกับนาง หาไม่แล้วคงคลาดกันกับคนดีเช่นฉู่อ๋องไปแล้วกระมัง?”“ฉู่อ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม วรยุทธเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะยังมิธรรมดา สำคัญที่สุดก็คือผู้คนต่างรู้กันดีว่าฉู่อ๋องอารมณ์ร้ายเพียงใด แต่กลับดีต่อนางอยู่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว”อวิ๋นเฉิงเจ๋อเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย นำเอาภาพใบหน้าฉายแววอิจฉานั้นเก็บเอาไว้จนสุดสายตา ไม่รู้ว่าในใจคิดอ่านถึงสิ่งใดอยู่ทว่าถ้อยคำนี้กลับลอยไปเข้าหูหลินจือเยว่เข้าพอดิบพอดี สีหน้าที่หมองหม่นอยู่ก่อนแล้วจึงได้ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเก่าก่อนนี้เขาคิดเพียงว่าฉู่อ๋องคงหูตามืดบอด ตอนนี้เขาเห็นแจ้งแล้วว่าตนเองต่างหากที่หูตามัวหมองไปเลือกคนผิดมาแต่งงานด้วยจนชีวิตพังพินาศ แต่จะทำกระไรได้อีกเล่า?ฉินซวงซวงยืนจ้องมองคนที่ในชาติที่แล้วนางคอยตามตื๊ออยู่นานอย่างฉู่อ๋อง กระทั่งเคยยอมทอดทิ้งศักดิ์ศรีมาแล้วก็ยังไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นการแลเหลียวจากเขาได้แม้แต่สักครั้ง แต่เขากลับปฏิบัติต่อซ่งรั่วเจินดีเช่นนั้น ทำเอานางริษยาเสียจนแทบบ้าอยู่แล้ว!มีสิทธิ์อะไรกัน?ซ่งรั่ว
เมื่อถือเวลาประกาศผลสุดท้าย ก็พลันระเบิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมากลางหมู่ฝูงชน“อันดับหนึ่งได้แก่ฉู่อ๋อง!”สิ้นเสียงประกาศ ผู้คนก็ต่างพากันเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก ทว่าก็หาได้มีผู้ใดแปลกใจแม้แต่น้อย“ฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูของฉู่อ๋องตลอดมาก็ล้วนเหนือผู้ใด วันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตองค์ชายทั้งสองพระองค์ไว้ได้ อีกทั้งยังคว้าชัยได้อันดับหนึ่งมาครอบครอง สมกับที่ชื่อเสียงเลื่องลือเสียจริงๆ!”“ได้ยินมาว่าสองคนที่หนีรอดไปได้ก็ฉู่อ๋องนั่นล่ะที่จับตัวเอาไว้ได้ เก่งกาจยิ่งนัก!”โดยปกติแล้วฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจกับความสำเร็จในลักษณะนี้แม้แต่น้อย ทว่าขณะนั้นเอง สายตาของเขาพลันหันมองไปยังซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินเองก็หันไปมองฉู่อ๋องทันทีที่ได้ยินคำประกาศ เห็นแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครของเขากำลังคลี่ยิ้มออกมาเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ชั่วขณะนั้น เขาก็ดูคล้ายจะเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก รอยยิ้มอบอุ่นของเขาแกมแฝงด้วยความไม่แยแสยี่หระ ยิ่งกว่านั้นยังเปี่ยมอิสระเสรีไม่ยึดติดอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มทำเอาจังหวะเต้นของหัวใจใครหลายคนต่างสะดุดไปตามๆ กันในฐานะอันดับหนึ่ง รางวัลที่ได้ก็ย่อม
ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต
แม้จะกล่าวได้ว่าชื่อเสียงป่นปี้ไปแล้ว แต่ผู้คนต่างรู้ดีว่าอย่างไรนางก็เป็นเหยื่อ ไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องถูกรังเกียจเดียดฉันท์ราวหนูโสโครกบนท้องถนนเฉกเช่นทุกวันนี้หลินจือเยว่เมื่อได้เห็นว่าซ่งจืออวี้เจ้าคนกำยำล่ำหนาผู้นั้นได้เป็นถึงราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสาม ก็อดพาลอิจฉาขึ้นมาไม่ได้อยากจะเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งนั้นไม่ได้ง่ายดาย และแม้จะได้เป็นจริงแล้วก็ต้องเริ่มจากการเป็นราชองครักษ์หลานหลิง ทว่าซ่งจืออวี้กลับข้ามขั้นขึ้นมาเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสามโดยตรงเลยเสียนี่ยิ่งไปกว่านั้น ในวันนี้เขาก็ยังมีความดีความชอบจากการช่วยชีพองค์ชายเอาไว้ องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเห็นในส่วนนี้ย่อมพิจารณาเลื่อนขั้นให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความใส่ใจที่ฉู่จวินถิงมีต่อสกุลซ่งเขาแทบจะมั่นใจได้เลยว่า หนทางของซ่งจืออวี้ย่อมจะต้องราบรื่นไร้อุปสรรคขวากหนามใดขวางกั้น ทว่าวาสนาทั้งหมดทั้งมวลนี้เดิมทีควรจะเป็นของเขาต่างหากเล่า!“จือเยว่ ซ่งรั่วเจินแย่งชิงวาสนาของเราไปเช่นนี้แล้ว ท่านก็ควรจะรู้ได้แล้วว่านางเป็นคนเช่นไร!” ฉินซวงซวงกล่าวหลินจือเยว่ปรายตามองฉินซวงซวง ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยชอบพอนาง
“ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ? พี่น้องตระกูลซ่งไม่เพียงช่วยเหลือองค์ชายรอง แต่ยังช่วยองค์ชายใหญ่ไว้ด้วย?”ฉินซวงซวงจับมือเหอเซียงหนิงไว้ด้วยสีหน้าร้อนใจ ดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?ชาติที่แล้วคนถูกลอบสังหารคือองค์ชายรองชัดๆ นอกจากนี้ ข้อมูลที่สืบพบในตอนท้ายยังเผยว่าทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือองค์ชายใหญ่ เหตุใดชาตินี้จึงไม่เหมือนเดิมเล่า?ถ้าองค์ชายใหญ่ก็ถูกลอบโจมตีด้วย เช่นนั้นแล้วตัวการเบื้องหลังคือใครกันแน่?“ไม่ผิดแน่นอน ครู่ก่อนข้าเห็นกับตาว่าพี่น้องตระกูลซ่งพาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองกลับมา ซ่งรั่วเจินกับฉู่อ๋องก็กลับมาพร้อมกัน”“หมอหลวงเข้าไปถวายการรักษาในทันที ต่อมายังมีข่าวออกมาว่า องค์ชายทั้งสองถูกลอบโจมตีในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องตระกูลซ่งจึงรักษาชีวิตไว้ได้”เหอเซียงหนิงมีสีหน้าย่ำแย่จนถึงที่สุด เดิมตั้งใจว่าจะใช้โอกาสวันนี้ทำให้ซ่งรั่วเจินพ่ายแพ้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกคนทั้งเมืองหลวงชิงชังรังเกียจเหมือนหนูข้างถนน ทำร้ายนางจนตกอยู่ในสภาพนี้ ซ่งรั่วเจินมีสิทธิ์อะไรถึงยังมีชีวิตดีๆ อยู่ได้?แต่...ยามนี้ตระกูลซ่งสร้างคว
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดบัญชี รออีกสักหน่อยค่อยไปพูดกับซ่งรั่วเจินให้รู้เรื่องก็ยังไม่สาย“อี้ชวน อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เกากุ้ยเฟยถามอย่างเป็นห่วงฉู่อี้ชวนแสดงคารวะก่อนกล่าวว่า “แม้ลูกจะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”“เช่นนั้นก็ดี” เกากุ้ยเฟยถอนหายใจโล่งอก “เจ้ารีบไปพักผ่อนดีกว่า”ฮ่องเต้รับทราบอาการบาดเจ็บของฉู่อี้ชวนจากปากหมอหลวงแล้ว แม้ไม่ได้สาหัสเท่าฉู่เทียนเช่อ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง ยามนี้ยังมีสีหน้าซีดขาว แต่กลับไม่ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน เด็กคนนี้เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด“นั่งลงพักก่อนเถอะ”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”หลังจากฉู่อี้ชวนมาแล้ว มีเขาบอกเล่ารายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยตัวเอง บวกกับคำบอกเล่าของฉู่จวินถิงก็เป็นการยืนยันความดีความชอบของพี่น้องตระกูลซ่งในที่สุด“ครั้งนี้พวกเจ้าสี่พี่น้องช่วยเหลือองค์ชายทั้งสองเอาไว้ สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ อยากได้รางวัลแบบไหนก็บอกมาได้เลย!”ฮ่องเต้พอพระทัยสี่พี่น้องตระกูลซ่งยิ่งนัก ซ่งหลินข่าวคราวเงียบหาย ทุกคนล้วนยอมรับกันอย่างเงียบๆ ว่าเขาคงไม่
“พวกเจ้าสี่คนบังเอิญผ่านไปบริเวณนั้นพอดี?”ฮ่องเต้กวาดสายตาผ่านพวกซ่งเยี่ยนโจวสี่พี่น้อง ดูเหมือนถามคำถามทั่วไป แต่กลับทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างมากซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งอี้อันล้วนเคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้มาก่อน แม้จะรู้สึกกดดันไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับแตกตื่น ซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินกลับรู้สึกว่าสายพระเนตรของฮ่องเต้มีแรงกดดันใหญ่หลวง ทำให้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง“พวกกระหม่อมสี่คนกำลังล่าสัตว์อยู่แถวนั้นพอดี น้องสามของกระหม่อมไปพบเข้าก่อน พวกกระหม่อมได้ยินเสียงน้องสามจึงรีบตามไปพ่ะย่ะค่ะ” ซ่งเยี่ยนโจวตอบอย่างไม่เย่อหยิ่งและไม่ต่ำต้อยฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ทอดพระเนตรซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ หน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียด แต่กลับมีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงถึงจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพี่น้องฝาแฝดตระกูลซ่งคู่นี้ว่านิสัยต่างกันสุดขั้ว ด้วยเหตุนี้จึงสามารถระบุตัวซ่งจืออวี้ได้อย่างง่ายดาย“เราได้ยินว่ามีมือสังหารถึงแปดคน แต่เจ้าตัวคนเดียวก็กล้าบุกเข้าไป?”ซ่งจืออวี้ตอบด้วยท่าทางกริ่งเกรง “ฝ่าบาท ตอนนั้นกระหม่อมเห็นองค์ชายทั้งสองตกอยู่ในอันตรายจึงกระโจนเข้าไปโด