“ก่อนหน้านี้เจ้าข้าเคยพบกันมาก่อน เจ้ายังจำได้หรือไม่?”เมิ่งชิ่นสบมองซ่งรั่วเจินอย่างกระตือรือร้น “เมื่อแรกตอนข้าเห็นเจ้ายังคิดว่าเจ้าอุปนิสัยอ่อนโยนมาก ไม่คล้ายคนเกิดในจวนแม่ทัพอย่างพวกเรา”“วันนี้เพียงได้เห็นกลับคิดว่าเป็นก่อนหน้านี้ข้ามองผิดไปแล้ว เจ้าไม่อ่อนโยนอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย ต่อสู้กับคนขึ้นมาร้ายกาจยิ่งกว่าข้าเสียอีก!”ซ่งรั่วเจิน “...” ช่างเป็นวิธีชมคนที่มีเอกลักษณ์โดยแท้ชั่วขณะนี้ นางย้อนนึกถึงสถานการณ์ยามได้รู้จักเมิ่งชิ่นภายในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเมิ่งชิ่นมีอุปนิสัยร่าเริงไม่ยึดติด มีชื่อเสียงภายในเมืองหลวง แต่เพราะอุปนิสัยของเจ้าของร่างเดิมค่อนข้างอ่อนโยน กอปรกับปกติมีพวกพี่ชายปกป้องอยู่ตลอด ไม่จำเป็นต้องไปต่อสู้ด้วยตนเองทุกเรื่อง จึงชอบทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กกลับทำให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อแรกเจ้าของร่างเดิมถูกรังแก เมิ่งชิ่นตั้งใจออกมาช่วยนางพูด ทำเสียจนอีกฝ่ายพูดไม่ออก เตรียมให้คนชดใช้ จนใจเจ้าของร่างเดิมไม่อยากทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ตรงข้ามกันเกลี้ยกล่อมให้เมิ่งชิ่นยอมจบเรื่องนึกถึงจุดนี้ ซ่งรั่วเจินเพียงรู้สึกมากน้อยอย่างไรก็ไม่รู้ด
“ข้าคร้านจะพูดกับเจ้าแล้ว!”เคอหยวนจื่อรู้จักนิสัยของเมิ่งชิ่นดี ทั้งที่เป็นสตรีแท้ๆ แต่กลับมีนิสัยราวบุรุษ หัวแข็งซะไม่มี!“รั่วเจิน เจ้ากับข้ารู้จักกันมาหลายปีขนาดนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะทำร้ายเจ้างั้นหรือ?”คิ้วซ่งรั่วเจินเลิกขึ้นเล็กน้อย เคอหยวนจื่อเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าตนเองจะช่วยพูดให้? แค่เพราะว่านางทำให้พี่สี่ลุ่มหลงหัวปักหัวปำอย่างนั้นหรือ?“พี่สี่ของเจ้าคงใกล้จะกลับมาแล้วสินะ? เขามีนิสัยชัดเจนที่สุดแล้ว ข้ากับเจ้ารู้จักกันมาหลายปี แล้วจะทำร้ายเจ้าได้อย่างไร?”“ข้ากลับเห็นว่าเจ้ากำลังทำร้ายข้ามากกว่า ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้ที่ซ่งปี้อวิ๋นล่วงเกินซื่อจื่อจนถูกขับไล่ไป เจ้าอยู่ด้วยก็รู้เห็นทั้งหมดเลยไม่ใช่หรือ?”“แล้วทำไมตอนที่พวกเขาถาม เจ้าไม่บอกว่าเจ้ากับซ่งปี้อวิ๋นก็อยู่ด้วย แต่พูดถึงแค่ข้าคนเดียว? เจ้าก็ลองอธิบายมาสิ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่”เคอหยวนจื่อเบิกตาโพลง ซ่งรั่วเจินบ้าไปแล้วหรือ? นี่คิดจะแตกหักกับนางหรือไร?นางไม่กลัวว่าซ่งจิ่งเซินจะตำหนินางเพราะเรื่องนี้งั้นหรือ?สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน ทุกคนจึงทราบว่าขณะที่ซ่งรั่วเจินสนทนากับซื่อจื่อ เคอหยวนจื่อก
“คนที่ถูกทำร้ายคือข้า คนที่ถูกเข้าใจผิดก็คือข้า พอถูกเจ้าพูดแบบนี้กลับเหมือนข้าไปรังแกเจ้าอย่างนั้นแหละ”ซ่งรั่วเจินเปิดโปงโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย น้ำเสียงแฝงความเจ็บช้ำใจและความงุนงงสงสัย ไม่ได้คาดคั้น ไม่ได้ก้าวร้าวคุกคามคนอื่น แต่เหมือนไม่เข้าใจสหายที่รู้จักกันมานานปีมากกว่าชั่วขณะนี้คนรอบข้างจึงเพิ่งเข้าใจแจ่มแจ้งประหนึ่งได้รับน้ำทิพย์เบิกปัญญา สายตาที่มองไปทางเคอหยวนจื่อก็เปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดขึ้นมา พวกเขาเกือบจะถูกชักจูงให้เข้าใจผิดเสียแล้ว!“จริงด้วย แม่นางซ่งไม่ได้พูดอะไรเสียหน่อย เดิมก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดที่เคอหยวนจื่อไม่พูดให้ชัดเจน ทำไมตอนนี้ถึงทำเหมือนถูกนางกดดันให้คุกเข่าอีกเล่า?”“ถ้าคุกเข่าลงไปจริง คงกลายเป็นว่าซ่งรั่วเจินกับเมิ่งชิ่นรังแกนางจริงๆ แล้ว จุ๊ๆ”ความดูแคลนวาบผ่านดวงตาซ่งรั่วเจิน เล่ห์เหลี่ยมที่ตัวเองหาคำมาอธิบายไม่ได้ก็คิดจะถอยเพื่อรุกหาเรื่องกลับแบบนี้ นางดูออกมาแต่แรกแล้ว!เคอหยวนจื่อก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าลูกไม้ที่ใช้ร้อยครั้งเห็นผลร้อยครานี้จะใช้ไม่ได้ผล ซ่งรั่วเจินมาตัดไฟต้นลมแบบนี้ ทำให้นางตกที่นั่งลำบากยิ่งกว่าเดิม“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั
“ข้าไม่รู้เลยว่าสหายธรรมดาจะมอบของล้ำค่าขนาดนี้ให้กัน ที่บ้านเจ้าไม่เคยสอนเจ้าหรือว่าไม่อาจรับสิ่งของที่บุรุษทั่วไปมอบให้ หรือจะบอกว่าหากอยากเป็นสหายกับแม่นางเคอ จะต้องกำนัลเงินก้อนโตให้อีกด้วย?”“อย่างอื่นข้าไม่พูดถึงก็แล้วกัน แต่กำไลบนมือเจ้าวงนั้นเป็นสิ่งของที่แม่ข้าเก็บไว้ให้ว่าที่ลูกสะใภ้ พี่สี่ของข้าทะนุถนอมอย่างยิ่ง ยามนี้สวมอยู่บนข้อมือเจ้า เจ้ากลับบอกว่าพี่สี่ของข้าเป็นแค่สหาย?”เมิ่งชิ่นจุ๊ปากทอดถอนใจ “เครื่องประดับที่เจ้าประโคมใส่บนร่างล้วนได้มาจากคุณชายสี่สกุลซ่ง ถ้าบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อกระมัง?”“ข้า ข้าไม่รู้ ก่อนหน้านี้เป็นเขาอยากให้ข้ามาเอง ข้าไม่รับ เขาก็วางของไว้แล้ววิ่งหนีไป ข้ากลัวว่าจะทำร้ายจิตใจเขาถึงได้ฝืนใจรับไว้”เคอหยวนจื่อสุดจะระงับโทสะในใจ ไม่เพียงแต่ขุ่นเคืองซ่งรั่วเจิน แม้แต่ซ่งจิ่งเซินก็ยังพลอยโกรธเคืองไปด้วยแม้แต่น้องสาวตัวเองก็ยังจัดการไม่ได้ ปล่อยให้นางบังอาจมาคาดคั้นตนเอง รอจนซ่งจิ่งเซินกลับมาแล้ว นางจะต้องไปคิดบัญชีนี้กับเขาแน่นอน!“ฝืนใจขนาดนั้นเชียว? พี่สี่ของข้าจะทำให้คนอื่นลำบากใจเกินไปแล้ว? ถึงได้บังคับให้เจ้ารับขอ
“ความอัปยศที่เจ้าทำกับข้าในวันนี้ ข้าจดจำไว้แล้ว!”เคอหยวนจื่อเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ นางโมโหจนกินอาหารในงานเลี้ยงต่อไปไม่ลงแล้วควรรู้ว่าในจำนวนนี้มีคนไม่น้อยที่ก่อนหน้านี้อิจฉานาง ตอนนี้กลับดีนัก แต่ละคนล้วนดูเรื่องน่าอับอายของนาง ไม่รู้กลับไปแล้วจะเอานางไปพูดอย่างไรบ้าง!ซ่งรั่วเจินกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “เอาสิ ในเมื่อความจำของแม่นางเคอดีขนาดนี้ เช่นนั้นก็คืนทุกอย่างมาให้หมดเลยก็แล้วกัน ข้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยไปทวงทีละอย่าง”“ความจำของข้าไม่ดีเท่าไร อาจตกหล่นไปบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ท่านไม่เหมือนกัน สิ่งของที่คนอื่นให้มากับสิ่งของของตัวเองก็คงจะแยกออกสินะ”“ต่างหูที่ท่านสวมอยู่...เหมือนจะเป็นสิ่งของของสกุลซ่งของข้าเหมือนกันนะ?”สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน ใบหน้าของเคอหยวนจื่อก็ยิ่งแดงจัดจนแทบจะหยดเลือดลงมาได้ต่อหน้าสายตาทุกคน เห็นนางถอดเครื่องประดับลงมาทีละชิ้น จากก่อนหน้านี้ที่แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศมาตอนนี้ตัวเปล่าล่อนจ้อน ทุกคนจึงตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่งเครื่องประดับบนตัวเคอหยวนจื่อทุกชิ้นเป็นสิ่งที่ซ่งจิ่งเซินให้มาหมดเลยหรือนี่?“สวรรค์ เครื่องประดับมา
“นอกจากนี้ ข้าคิดว่าเคอหยวนจื่อยังเป็นคนร้ายกาจไม่ใช่เล่น เกรงว่ากอบโกยผลประโยชน์ไปจนหมดสิ้นแล้ว สุดท้ายความพยายามของพี่สี่ของเจ้าก็คงสูญเปล่าอยู่ดี”“ถึงอย่างไรก็ต้องผิดใจกัน มิสู้ทำแบบที่ตัวเองสบายใจหน่อยดีกว่าจริงไหม?” ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วพลางยิ้มเมิ่งชิ่นก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่อยู่ “ข้าชอบนิสัยนี้ของเจ้าจริงๆ มาวันนี้ได้รู้จักสหายแบบเจ้านับว่าคุ้มค่าแล้ว!”ซ่งรั่วเจินเองก็ดีใจมากเหมือนกันที่ได้รู้จักสหายที่ควรค่าแก่การคบหาคนหนึ่ง เห็นหว่างคิ้วของเมิ่งชิ่นแลดูหม่นหมองรำไรก็หยิบยันต์คุ้มภัยแผ่นหนึ่งส่งไปให้“วันนี้ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยข้าคลี่คลายสถานการณ์ ยันต์คุ้มภัยแผ่นนี้ข้าให้เจ้า ถ้าเจ้าเชื่อใจข้า พรุ่งนี้จะต้องพกพามันไว้กับตัว”เมิ่งชิ่นรับยันต์คุ้มภัยมาอย่างงุนงง เดิมทีอยากพูดว่าตนเองไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่พอคิดถึงชื่อเสียงซ่งรั่วเจินที่ได้ยินมาช่วงนี้จึงรับมาอย่างทะนุถนอมยิ่ง“ขอบคุณ ข้าจะพกมันไว้กับตัวอย่างดีเลยล่ะ”อาหารจัดเลี้ยงในจวนเซียงอ๋องย่อมดีเลิศอยู่แล้ว เมื่อไม่มีคนที่ตนเองเกลียด ซ่งรั่วเจินก็กินอย่างเบิกบานใจมากระหว่างนั้นได้ยินเรื่องซุบซิบมาเล็กน้อย ในนั้นม
เมื่องานเลี้ยงราตรีถึงคราวเลิกรา ซ่งรั่วเจินกับเมิ่งชิ่นก็กลายเป็นเพื่อนสาวที่สนิทสนมกัน ถึงขั้นนึกแค้นใจที่เจอกันช้าไปเลยทีเดียว“รั่วเจิน พรุ่งนี้ข้าต้องไปไหว้พระกับท่านแม่ อีกสองวันข้าค่อยไปหาเจ้าที่บ้านเจ้าก็แล้วกัน” เมิ่งชิ่นกล่าว“ตกลง ข้าจะรอเจ้า” ซ่งรั่วเจินพยักหน้าแล้วว่า “ยันต์คุ้มภัยที่ข้าให้เจ้าไปจะต้องพกติดตัวไว้ให้ดี ห้ามยกให้ใครทั้งนั้น”เวลานั้นเอง เสียงหลิ่วหรูเยียนก็ดังขึ้นมา “เจินเอ๋อร์ เตรียมตัวกลับจวนได้แล้ว”หลิ่วหรูเยียนเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เห็นได้ชัดว่าคืนนี้พูดคุยกับพระชายาเซียงอ๋องและต่งฮูหยินอย่างเพลิดเพลิน ส่วนเรื่องช่วยขอร้องแทนสกุลซุน นางก็ไม่เอ่ยถึงอย่างรู้กาลเทศะยิ่งนักในงานเลี้ยง สวี่ชิงเหมยทราบความสัมพันธ์ระหว่างหลิ่วหรูเยียนกับสกุลซุน เข้าใจว่าหลิ่วหรูเยียนไม่สะดวกจะเอ่ยปาก นางจึงเลียบเคียงถามให้อย่างอ้อมๆเห็นว่าเพียงเอ่ยถึงสกุลซุน พระชายาเซียงอ๋องก็มีสีหน้าบึ้งตึง คนทั้งสองก็เข้าใจแจ่มแจ้งว่าเรื่องนี้ไม่มีโอกาสแก้ไขได้แล้ว ต่อให้พูดขึ้นมาก็มีแต่จะทำให้หมางใจกันเปล่าๆแม้ว่าหลิ่วเฟยเยี่ยนจะเป็นน้องสาวของนาง แต่นางยังเป็นมารดาคนหนึ่ง
ใบหน้าของเคอหยวนจื่อเต็มไปด้วยโทสะจากความอับอายและความหัวเสีย ราวกับปวดใจเสียเต็มประดา ในใจกลับลอบกระหยิ่มยิ้มย่อง แม้แต่สวรรค์ก็ยังช่วยเหลือนางจริงๆ!ก่อนหน้านี้ซ่งรั่วเจินก็บอกว่าซ่งจิ่งเซินยังไม่กลับมา คิดว่าคงเพิ่งเดินทางกลับมาถึงก็มาหานางอย่างอดรนทนไม่ไหวแล้ว!นางเข้าใจนิสัยของซ่งจิ่งเซินดี ขอแค่นางบอกว่าต่อไปไม่ยอมเจอเขาอีก เขาจะต้องร้อนใจมาก แล้วก็คงจะพลอยโกรธและตำหนิซ่งรั่วเจิน!ความอัปยศที่ได้รับกลางงานเลี้ยงในวันนี้ ยามนี้จะสนองคืนนางคนชั้นต่ำนั่นไปให้หมด จะต้องทำให้นางขอโทษตนเองต่อหน้าผู้คนมากมายให้ได้เลยเชียว!ทว่าซ่งจิ่งเซินมองสตรีตรงหน้าแล้วกลับขมวดคิ้วขึ้นมาชวีคั่วได้ฟังเคอหยวนจื่อฟ้องทุกข์มาแล้ว เดิมก็เจ็บแค้นแทนนาง ยามนี้ซ่งจิ่งเซินที่เป็นตัวต้นเหตุกลับมาแล้ว สีหน้าก็พลันบึ้งตึงขึ้นมาทันที“ซ่งจิ่งเซิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าสร้างปัญหาให้แม่นางเคอมากขนาดไหน? ให้สิ่งของเล็กน้อยมาแล้วยังส่งน้องสาวมาทวงคืนอีก เจ้าทำให้ผู้ชายทุกคนขายหน้าหมดแล้ว!”พวกซ่งรั่วเจินเดินออกมาเห็นภาพนี้เข้าพอดี“จิ่งเซิน?”ความประหลาดใจวาบผ่านดวงตาหลิ่วหรูเยียน หากที่มากกว่านั้นคือความยิน
ฉู่อวิ๋นกุยและสี่พี่น้องสกุลซ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูด ยิ่งไม่มีวันโจมตีองค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอโดยไร้สาเหตุในเมื่อเขาทำถึงเพียงนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบเหลียงอ๋องเพราะเหตุนี้ ซ่งรั่วเจินจึงสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอวิ๋นอ๋องหรือพี่ชายของตนก็ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วพริบตาฉู่เทียนเช่อเกิดความสงสัย หรือว่าฉู่อ๋องและเหลียงอ๋องมีความขัดแย้งใดที่เขาไม่รู้?“น้องสี่ ก่อนหน้านี้ข้ารู้เพียงว่าไม่ว่าโยนลูกศรลงไหหรือโยนห่วงเจ้าก็ล้วนแม่นยำทั้งสิ้น ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราได้ประจักษ์ต่อสายตาสักหน่อย”ฉู่เทียนเช่อยังแย้มยิ้มดังเดิม หยิบห่วงทางด้านข้างวางไว้ในมือฉู่ซิ่นเหลียงเขาไม่สนใจหรอกว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันหรือไม่ หากว่ามี นั่นก็ดีอย่างไม่ต้องสงสัย!“เช่นนั้นข้าจะลองดู”ฉู่ซิ่นเหลียงพยักหน้ายิ้มๆ สายตาสะท้อนแสงเย็นชาวูบหนึ่ง ครุ่นคิดภายในใจตกลงเขาปกปิดที่ใดไม่ดีถึงถูกฉู่อ๋องสังเกตเห็น?ทุกคนเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอยกห่วงขึ้น มองแจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ วัดระยะครู่หนึ่งแล้วโยนออกไปได้เห็นห่วงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยบ
ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้เห็นเหลียงอ๋อง นัยน์ตาไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนแสงเย็นวูบหนึ่งซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่จวินถิง ลอบตกตะลึงภายในใจ ใช่หรือไม่ว่าเขาพบอะไรเข้าแล้ว?ภายในหนังสือ ทีแรกไม่มีใครสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของเหลียงอ๋อง เขาลอบวางอุบายอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด รับชมองค์ชายท่านอื่นกัดกันเหมือนสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่วงนอกและได้รับผลปะโยชน์ไปในตอนสุดท้ายกอปรกับเดิมทีหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มีรัศมีของพระเอกนางเอก เพียงสองคนลงมือก็ไม่มีเรื่องใดไม่สามารถจัดการได้ทว่า บัดนี้หลินจือเยว่และฉินซวงซวงไร้ประโยชน์ไปแล้ว คาดว่าเหลียงอ๋องต้องการทำถึงขั้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากกระมัง“ขอบคุณน้องหกมากที่ห่วงใย ระยะนี้ร่างกายข้าดีขึ้นบ้างแล้ว” เหลียงอ๋องผลิยิ้ม กลับไอออกมาสองทีโดยไม่รู้ตัว“เสด็จพี่ แม้ว่าระยะนี้อากาศอุ่นแล้ว แต่ท่านจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี อย่าต้องความเย็นเป็นอันขาด ช่วงต้นวสันต์อากาศเย็นมากนัก เป็นหวัดได้ง่ายที่สุด” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างห่วงใยฉู่เทียนเช่อมองสถานการณ์ของโยนลูกศรลงไหและพูดว่า “น้องสาม หากวันนี้เจ้าต้องการคว้าชัยชนะ น่ากลัวว่าไม่ง่ายถ
บัดนี้ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็อยากจะมอบสิ่งที่นางชอบทั้งหมดมาวางไว้ต่อหน้านาง“เสด็จพี่ มองเห็นแจกันดอกไม้อยู่ไกลที่สุดทางด้านหน้านั้นหรือไม่? ขอเพียงโยนลงเจ้านั่น ก็จะสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันโยนห่วงได้!”ฉู่อวิ๋นกุยชี้แจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลที่สุด รอบข้างแจกันดอกไม้ล้วนเต็มไปด้วยห่วงที่คล้องเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีคนโยนลงซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเล็กน้อย พบว่าแจกันดอกไม้ไม่เพียงแต่สูง ขนาดของปากแจกันยังแตกต่างจากห่วงไม่มากอีกด้วย คิดจะโยนให้ลงนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก!“งานเทศกาลโคมไฟของทุกปี การโยนห่วงนี้ยากที่สุด ข้าแทบจะไม่เคยเห็นคนโยนลงมาก่อน” ฉู่อวิ๋นกุยพูดอย่างเสียดายลั่วชิงอินเห็นแจกันดอกไม้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยนโจว การโยนห่วงนี้ยากเกินไปแล้วกระมัง มีคนโยนลงจริงหรือ?”“ยากจริงนั่นล่ะ แทบจะไม่มีใครสามารถโยนลงได้ จะต้องแม่นยำมากถึงจะใช้ได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยากจะทำได้”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีคนชื่นชมวิชายุทธ์ของเขา แต่บัดนี้ได้เห็นแจกันดอกไม้ขนาดเท่าห่วง รู้สึกเพียงว่าความยากนั้นมากเกินไป ดูท่าแล้วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนส
ฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง เผยสีหน้าตกตะลึง นางคิดว่าซ่งจิงเซินได้สติแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความทรงจำไป?“ข้ายังไม่แต่งงานเพราะคิดถึงเจ้า?” ซ่งจิ่งเซินถูกประโยคนี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแต่งงานแน่ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า”“เจ้าและชวีคั่วสมควรเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง ข้าชี้แนะเจ้าให้รีบแต่งงาน ประเดี๋ยวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”เคอหยวนจื่อโมโหแทบแย่ “ท่านยังไม่ยอมรับ!”ฉู่มู่เหยาปิดปากหัวเราะ ลดเสียงให้เบาลง “คุณชายสี่ซ่ง เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมแต่งงานเล่า? คงไม่ใช่ว่ากำลังรอเคอหยวนจื่อจริงๆ หรอกกระมัง?”ซ่งจิ่งเซินผินมองนางแวบหนึ่ง “องค์หญิง ท่านสนใจเรื่องงานแต่งของกระหม่อมทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่...”ฉู่มู่เหยาเห็นสีหน้าหยอกเย้าของฝ่ายชาย สีหน้าแข็งทื่อไป “อะไรกันเล่า? ข้าไม่ได้สนใจงานแต่งของเจ้าเสียหน่อย”“ไม่ใช่ก็ดี” ซ่งจิ่งเซินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “หาไม่แล้วองค์หญิงดีๆ คนหนึ่งคิดอยากเป็นแม่สื่อ นั่นจะดีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยา “???”“พี่สะใภ้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เขาถึงขั้นพูดว่าข้าอยากเป็นแม่สื่อ เจ้ารีบหาทางอุดปากเขาเถอ
ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในพิธีล่าสัตว์ ต่อให้ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนก็ยังจำได้ดังเดิม“ซ่งจิ่งเซิน แม่นางเคอท่านนั้นของเจ้าถูกตีน่าสารยิ่งนัก เจ้าไม่ไปช่วยหรือ?”ฉู่มู่เหยากะพริบตามองซ่งจิ่งเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ระยะนี้ซ่งจิ่งเซินมักได้เห็นเรื่องตลกของนาง วันนี้นับว่าถึงตานางหยอกล้อซ่งจิ่งเซินแล้วซ่งจิ่งเซินเหล่มองนาง “พูดเช่นนี้แล้ว วันนี้คุณชายเสิ่นท่านนั้นของท่านเองก็อาจจะมาเช่นกัน มิสู้ลองหาดู?”ฉู่มู่เหยา “...หุบปากเจ้าเสีย”ซ่งจิ่งเซินเห็นรอยยิ้มฉู่มู่เหยาหายวับไปในทันใด หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ก็แค่หนังหน้านี้ของท่าน ยังคิดล้อกระหม่อมเล่นอีกหรือ? กลับไปฝึกดีๆ เถอะ”ฉู่มู่เหยา “! ! !”กู้ฮวนเอ๋อร์และซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางทะเลาะกันของสองคนนี้ สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันช่างครึกครื้นเสียจริง“ที่นี่เอะอะเกินไปแล้ว พวกเราไปโยนห่วงทางนั้นเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยปาก หันมองทางกู้ฮวนเอ๋อร์อีกครั้ง “อีกเดี๋ยวเจ้าชอบสิ่งใดก็บอกข้า ข้าจะช่วยเอามาให้เจ้า!”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ จนกระทั่งตอนนี้ นางถึงเชื่อว่าอวิ๋นอ๋องชอบนางจริงๆ และยอมคบหากับน
ถังเสวี่ยหนิงย่อมไม่ยอมแพ้ เคอหยวนจื่อคนนี้มีดีอะไร ไม่ว่ามองอย่างไรซ่งจิ่งเซินก็ดีกว่านางมากนักไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดถึงตาบอด ไปชอบผู้หญิงคนนี้ได้!ต้องรู้ว่าเมื่อแรกเคอหยวนจื่อร่ำรวยยิ่งกว่าบุตรีจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างนางเสียอีก บัดนี้เห็นนางตกต่ำถึงขั้นนี้ นางกลับรู้สึกมีความสุขภายในใจ“มิน่าเล่าพวกเจ้าสองคนถึงสามารถเป็นสหายกันได้ ได้ยินมาว่าเสิ่นหวยอันทำได้กระทั่งทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเพื่อให้ได้เป็นราชบุตรเขย”“พวกเจ้ามีเวลาพูดไร้สาระอยู่ที่นี่ มิสู้ดูให้ดี องค์หญิงมู่เหยาและซ่งจิ่งเซินอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมากเพียงใด!”ต่อจากคำพูดของถังเสวี่ยหนิงที่เพิ่งจบลง สายตาของพวกเคอหยวนจื่อสองคนก็หันมองไปอย่างอดไม่ได้ มองเห็นฉู่มู่เหยาและซ่งจิ่งเซินกำลังพูดคุยหัวเราะให้กัน สนิทสนมกันไม่ธรรมดา“พวกเขาสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด?”เคอหยวนจื่อโง่งมแล้ว มองทางซ่งปี้อวิ๋นอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซ่งปี้อวิ๋นพูดว่าองค์หญิงและเสิ่นหวยอันมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เพราะเหตุนี้ซ่งปี้อวิ๋นจึงอารมณ์ไม่ดีนี่มันเรื่องอะไรกัน?ซ่งปี้อวิ๋นเองก็ตกใจอย่างสุดระงับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า
“ทว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าเคยได้ยินข่าวหมั้นหมายของทั้งสองคนหรือไม่?” ถังเสวี่ยหนิงถามกลับเถียนเจียวเจียวนี่ถึงวางใจลง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสื้อผ้าหนึ่งชุดไม่นับเป็นอะไร ตอนนั้นซ่งจิ่งเซินนำของดีมากมายมามอบให้เคอหยวนจื่อ แต่สุดท้ายเจ้าดูเถอะ ยังไม่ใช่พูดว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้วหรอกหรือ?”ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเบาๆ พวกเขาย่อมได้ยินสถานการณ์ของเคอหยวนจื่อมาก่อน“พวกเจ้ากำลังว่าข้าหรือ?”เคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นยืนอยู่ด้วยกัน วันนี้ครึกครื้นอย่างมาก ทั้งสองคนย่อมไม่พลาดไป กอปรกับฉู่อ๋องโยนลูกศรลงไห ไม่รู้ว่าเรียกความสนใจของคนมากี่มากน้อย ดังนั้นพวกนางสองคนก็มารับชมความครึกครื้นเฉกเดียวกันคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน ก็ได้ยินสองคนนี้นินทาตนเอง สีหน้าเคอหยวนจื่อเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ถังเสวี่ยหนิงและเถียนเจียวเจียวเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังนินทาคนก็จะบังเอิญได้พบเจ้าตัว ใบหน้าเผยแววเก้อกระดาก แต่กลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวชาติกำเนิดของเคอหยวนจื่อยังไม่เพียงพอให้พวกนางชายตาแล!“ว่าเจ้าแล้วจะทำไมเล่า? หรือว่าไม่ใช่ความจริง?” เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน
ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงท่ามกลางกลุ่มคน เขาคล้ายเกิดมาเป็นตัวเอก รัศมีเปล่งประกายเหนือผู้อื่น ท่วงท่าสง่างามดุจหยก ทำให้คนยากจะเมินข้ามได้เทียบกับท่าทางเย็นชาในอดีต เขาในวันนี้มีรัศมีของชายหนุ่มมากหลายส่วนมองเห็นเขาคว้าชัยชนะครั้งแรกไปได้ ชั่วขณะหันใบหน้าประดับยิ้มมามองนาง หัวใจของนางเองก็ถูกทำให้หวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น“องค์ชาย นี่คือรางวัลคว้าชัยชนะโยนลูกศรลงไหของท่าน”ฝ่ายชายยื่นพู่สีแดงหนึ่งพวงมาให้อย่างเคารพนบนอบฉู่จวินถิงรับพู่ไป เดินมาหยุดต่อหน้าซ่งรั่วเจินด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามยามสบมองนางอ่อนโยนเป็นพิเศษ“เก็บไว้ให้ดี ข้าจะไปคว้าชัยชนะกลับมาให้มากๆ”ซ่งรั่วเจินมองพู่แดงในมือของตน แม้ว่าเป็นเพียงของรางวัลของผู้ชนะ กลับทำได้งดงามประณีตมาก ถักหัวใจสีแดงอย่างซับซ้อนห้อยเหรียญเอาไว้ ต่อให้นำมาเป็นเครื่องประดับก็งดงามไม่น้อยสำคัญที่สุดคือ...เสียงเปี่ยมความมั่นใจ คล้ายสามีไปหาเงินกลับมาได้และมอบให้ฮูหยินจัดการแม่นางรอบข้างได้เห็นภาพนี้ ภายในสายตาเปี่ยมความอิจฉา ใครสามารถคิดออกเล่าว่าฉู่อ๋องผู้สูงส่งและเย็นชาจะมีวันที่อ่อนโยนต่อแม่นาง
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง ลดเสียงให้เบาลง “ข้าจะคว้าชัยชนะกลับมาให้เจ้าให้ได้”ทุกคนล้วนเห็นว่าฉู่อ๋องคิดจะโยนลูกศรลงไหจริง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือ!ภายในกลุ่มคน ถังเสวี่ยหนิงเองก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้แล้ว มองเห็นฉู่อ๋องพาซ่งรั่วเจินออกมาเปิดเผยในฐานะคนรัก ภายในสายตาเปี่ยมความแค้นเคือง“ข้าดูแล้วฉู่อ๋องไม่ได้ชอบแม่นางซ่งลึกซึ้งมากมายอะไร หากชอบถึงเพียงนั้น ป่านนี้คงแต่งงานรับคนกลับไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวไม่ใช่หรือ?”เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน นางเองก็ริษยาซ่งรั่วเจิน ถือสิทธิ์อะไรสตรีคนนี้วาสนาดีถึงเพียงนี้!ทว่าเห็นฉู่อ๋องกลับมาแล้ว ทั้งสองคนยังไม่แต่งงานกัน นางรู้สึกมีความสุขไม่น้อยภายในใจบัดนี้เห็นซ่งอี้อันแสดงความสามารถในราชสำนักได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ บิดาของนางชื่นชมเป็นครั้งคราว มารดาเองก็เสียดายที่นางไม่สามารถแต่งกับซ่งอี้อันได้ หาไม่แล้วบัดนี้จะต้องกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนแน่ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษซ่งรั่วเจิน!“ไม่มีความเคลื่อนไหวจริงนั่นแหละ แต่ข้าได้ยินว่าฉู่อ๋องคล้ายมีเจตนาสู่ข