แชร์

บทที่ 368

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-28 18:00:00
ถังเสวี่ยหนิงเผยสีหน้าเอือมระอา “ข่งฮูหยิน ทั้งหมดล้วนเป็นความเข้าใจผิด พวกเราเองก็มิได้พูดอะไร แต่แม่นางซ่งกลับไม่ยอมเลิกรา โวยวายจนมาถึงขั้นนี้ ขออภัยจริงๆ...”

เจี่ยงเหวินจิ้งรีบช่วยพูด “ซ่งรั่วเจินบีบคั้นคน โวยวายจนคนกินข้าวไม่ลง ไม่รู้ว่าตกลงคิดจะทำอันใด!”

ซ่งรั่วเจินมองเห็นพวกถังเสวี่ยหนิงหาเรื่องกลับ สายตาตกลงบนตัวคนเพิ่งมาใหม่ ใบหน้าเรียบเฉย

“พูดเช่นนี้แล้ว ล้วนเป็นซ่งรั่วเจินก่อเรื่อง?” ข่งฮูหยินเอ่ยถามเสียงเครียด

พานเหราพยักหน้า “เป็นนางที่ก่อเรื่อง เดิมทีทุกคนกำลังสนุกครึกครื้น เพียงนางมาถึงก็ก่อความไม่สงบแล้ว เดิมทีคนเช่นนี้ก็ไม่เหมาะเข้าร่วมงานเลี้ยง!”

“เช่นนั้นจากที่พวกเจ้าดู เรื่องนี้สมควรจัดการเยี่ยงไร?” ข่งฮูหยินเอ่ยถามอีกครั้ง

เจี่ยงเหวินจิ้งและพานเหราหันมองทางถังเสวี่ยหนิง พวกเขาไม่รู้จักข่งฮูหยิน ทั้งยังไม่รู้ว่าสมควรทำเช่นไร

ถังเสวี่ยหนิงรีบเลื่อนสายตา ทำเป็นมองไม่เห็นสายตาของทั้งคู่ ตัวโง่งมสองคนนี้มองทางนางทำอันใด? มิใช่กำลังบอกทุกคนว่าวันนี้นางต่างหากเป็นคนวางอุบายอีกหรือ?

เห็นสภาพการณ์แล้ว เจี่ยงเหวินจิ้งเอ่ยถาม “คนเช่นนี้ย่อมต้องไล่ออกไป!”

ข่งฮูหยินพยั
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 369

    เมื่อถ้อยคำนี้พูดออกไป สีหน้าถังเสวี่ยหนิงเปลี่ยนไปแล้ว แต่ไหนแต่ไรมามารดาเข้มงวดมาก หากรู้ว่านางทำเรื่องพรรค์นี้ จะต้องตำหนินางแรงๆ แน่“ข่งฮูหยิน นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ พวกเราแค่กังวลจะมีคนวางอุบายเข้าใกล้ซื่อจื่อเท่านั้น ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุจึงเกิดความเข้าใจผิดเช่นนี้”“หากแม่นางซ่งพูดให้กระจ่างตั้งแต่แรก พวกเราเองก็ไม่ต้องคาดเดา...”ข่งฮูหยินยกมือ “ไม่ต้องพูดแล้ว เชิญเถอะ”ภายใต้ความเอือมระอา ถังเสวี่ยหนิงทั้งสามคนทำได้เพียงลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจ เผชิญหน้ากับสายตารอบข้างก็ยิ่งรู้สึกอับอาย เหตุใดพวกเขาต้องถูกปฏิบัติเช่นนี้ด้วย!“ซ่งรั่วเจิน ฝากไว้ก่อนเถอะ!”ถังเสวี่ยหนิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถลึงตาใส่ซ่งรั่วเจินแรงๆ หนึ่งปราด รู้สึกเสียใจภายหลังภายในใจอย่างอดไม่ได้ เมื่อครู่ไม่สมควรลุกออกมาช่วยพูด หาไม่แล้วต่อให้เจี่ยงเหวินจิ้งทั้งสองถูกไล่ออกไป ก็คงไม่เดือดร้อนมาถึงนาง“ข้ารออยู่นะ”สีหน้าซ่งรั่วเจินเหมือนเดิม ในเมื่อไม่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้ เช่นนั้นก็ฉีกหน้ากันไปเสียเลย อย่างไร้เสียก็ไม่จำเป็นต้องทนหลังจากพวกถังเสวี่ยหนิงจากไป ใบหน้าข่งฮูหยินเผยรอยยิ้มชมชอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 370

    “ก่อนหน้านี้เจ้าข้าเคยพบกันมาก่อน เจ้ายังจำได้หรือไม่?”เมิ่งชิ่นสบมองซ่งรั่วเจินอย่างกระตือรือร้น “เมื่อแรกตอนข้าเห็นเจ้ายังคิดว่าเจ้าอุปนิสัยอ่อนโยนมาก ไม่คล้ายคนเกิดในจวนแม่ทัพอย่างพวกเรา”“วันนี้เพียงได้เห็นกลับคิดว่าเป็นก่อนหน้านี้ข้ามองผิดไปแล้ว เจ้าไม่อ่อนโยนอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย ต่อสู้กับคนขึ้นมาร้ายกาจยิ่งกว่าข้าเสียอีก!”ซ่งรั่วเจิน “...” ช่างเป็นวิธีชมคนที่มีเอกลักษณ์โดยแท้ชั่วขณะนี้ นางย้อนนึกถึงสถานการณ์ยามได้รู้จักเมิ่งชิ่นภายในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเมิ่งชิ่นมีอุปนิสัยร่าเริงไม่ยึดติด มีชื่อเสียงภายในเมืองหลวง แต่เพราะอุปนิสัยของเจ้าของร่างเดิมค่อนข้างอ่อนโยน กอปรกับปกติมีพวกพี่ชายปกป้องอยู่ตลอด ไม่จำเป็นต้องไปต่อสู้ด้วยตนเองทุกเรื่อง จึงชอบทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กกลับทำให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อแรกเจ้าของร่างเดิมถูกรังแก เมิ่งชิ่นตั้งใจออกมาช่วยนางพูด ทำเสียจนอีกฝ่ายพูดไม่ออก เตรียมให้คนชดใช้ จนใจเจ้าของร่างเดิมไม่อยากทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ตรงข้ามกันเกลี้ยกล่อมให้เมิ่งชิ่นยอมจบเรื่องนึกถึงจุดนี้ ซ่งรั่วเจินเพียงรู้สึกมากน้อยอย่างไรก็ไม่รู้ด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 371

    “ข้าคร้านจะพูดกับเจ้าแล้ว!”เคอหยวนจื่อรู้จักนิสัยของเมิ่งชิ่นดี ทั้งที่เป็นสตรีแท้ๆ แต่กลับมีนิสัยราวบุรุษ หัวแข็งซะไม่มี!“รั่วเจิน เจ้ากับข้ารู้จักกันมาหลายปีขนาดนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะทำร้ายเจ้างั้นหรือ?”คิ้วซ่งรั่วเจินเลิกขึ้นเล็กน้อย เคอหยวนจื่อเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าตนเองจะช่วยพูดให้? แค่เพราะว่านางทำให้พี่สี่ลุ่มหลงหัวปักหัวปำอย่างนั้นหรือ?“พี่สี่ของเจ้าคงใกล้จะกลับมาแล้วสินะ? เขามีนิสัยชัดเจนที่สุดแล้ว ข้ากับเจ้ารู้จักกันมาหลายปี แล้วจะทำร้ายเจ้าได้อย่างไร?”“ข้ากลับเห็นว่าเจ้ากำลังทำร้ายข้ามากกว่า ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้ที่ซ่งปี้อวิ๋นล่วงเกินซื่อจื่อจนถูกขับไล่ไป เจ้าอยู่ด้วยก็รู้เห็นทั้งหมดเลยไม่ใช่หรือ?”“แล้วทำไมตอนที่พวกเขาถาม เจ้าไม่บอกว่าเจ้ากับซ่งปี้อวิ๋นก็อยู่ด้วย แต่พูดถึงแค่ข้าคนเดียว? เจ้าก็ลองอธิบายมาสิ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่”เคอหยวนจื่อเบิกตาโพลง ซ่งรั่วเจินบ้าไปแล้วหรือ? นี่คิดจะแตกหักกับนางหรือไร?นางไม่กลัวว่าซ่งจิ่งเซินจะตำหนินางเพราะเรื่องนี้งั้นหรือ?สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน ทุกคนจึงทราบว่าขณะที่ซ่งรั่วเจินสนทนากับซื่อจื่อ เคอหยวนจื่อก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 372

    “คนที่ถูกทำร้ายคือข้า คนที่ถูกเข้าใจผิดก็คือข้า พอถูกเจ้าพูดแบบนี้กลับเหมือนข้าไปรังแกเจ้าอย่างนั้นแหละ”ซ่งรั่วเจินเปิดโปงโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย น้ำเสียงแฝงความเจ็บช้ำใจและความงุนงงสงสัย ไม่ได้คาดคั้น ไม่ได้ก้าวร้าวคุกคามคนอื่น แต่เหมือนไม่เข้าใจสหายที่รู้จักกันมานานปีมากกว่าชั่วขณะนี้คนรอบข้างจึงเพิ่งเข้าใจแจ่มแจ้งประหนึ่งได้รับน้ำทิพย์เบิกปัญญา สายตาที่มองไปทางเคอหยวนจื่อก็เปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดขึ้นมา พวกเขาเกือบจะถูกชักจูงให้เข้าใจผิดเสียแล้ว!“จริงด้วย แม่นางซ่งไม่ได้พูดอะไรเสียหน่อย เดิมก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดที่เคอหยวนจื่อไม่พูดให้ชัดเจน ทำไมตอนนี้ถึงทำเหมือนถูกนางกดดันให้คุกเข่าอีกเล่า?”“ถ้าคุกเข่าลงไปจริง คงกลายเป็นว่าซ่งรั่วเจินกับเมิ่งชิ่นรังแกนางจริงๆ แล้ว จุ๊ๆ”ความดูแคลนวาบผ่านดวงตาซ่งรั่วเจิน เล่ห์เหลี่ยมที่ตัวเองหาคำมาอธิบายไม่ได้ก็คิดจะถอยเพื่อรุกหาเรื่องกลับแบบนี้ นางดูออกมาแต่แรกแล้ว!เคอหยวนจื่อก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าลูกไม้ที่ใช้ร้อยครั้งเห็นผลร้อยครานี้จะใช้ไม่ได้ผล ซ่งรั่วเจินมาตัดไฟต้นลมแบบนี้ ทำให้นางตกที่นั่งลำบากยิ่งกว่าเดิม“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 373

    “ข้าไม่รู้เลยว่าสหายธรรมดาจะมอบของล้ำค่าขนาดนี้ให้กัน ที่บ้านเจ้าไม่เคยสอนเจ้าหรือว่าไม่อาจรับสิ่งของที่บุรุษทั่วไปมอบให้ หรือจะบอกว่าหากอยากเป็นสหายกับแม่นางเคอ จะต้องกำนัลเงินก้อนโตให้อีกด้วย?”“อย่างอื่นข้าไม่พูดถึงก็แล้วกัน แต่กำไลบนมือเจ้าวงนั้นเป็นสิ่งของที่แม่ข้าเก็บไว้ให้ว่าที่ลูกสะใภ้ พี่สี่ของข้าทะนุถนอมอย่างยิ่ง ยามนี้สวมอยู่บนข้อมือเจ้า เจ้ากลับบอกว่าพี่สี่ของข้าเป็นแค่สหาย?”เมิ่งชิ่นจุ๊ปากทอดถอนใจ “เครื่องประดับที่เจ้าประโคมใส่บนร่างล้วนได้มาจากคุณชายสี่สกุลซ่ง ถ้าบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อกระมัง?”“ข้า ข้าไม่รู้ ก่อนหน้านี้เป็นเขาอยากให้ข้ามาเอง ข้าไม่รับ เขาก็วางของไว้แล้ววิ่งหนีไป ข้ากลัวว่าจะทำร้ายจิตใจเขาถึงได้ฝืนใจรับไว้”เคอหยวนจื่อสุดจะระงับโทสะในใจ ไม่เพียงแต่ขุ่นเคืองซ่งรั่วเจิน แม้แต่ซ่งจิ่งเซินก็ยังพลอยโกรธเคืองไปด้วยแม้แต่น้องสาวตัวเองก็ยังจัดการไม่ได้ ปล่อยให้นางบังอาจมาคาดคั้นตนเอง รอจนซ่งจิ่งเซินกลับมาแล้ว นางจะต้องไปคิดบัญชีนี้กับเขาแน่นอน!“ฝืนใจขนาดนั้นเชียว? พี่สี่ของข้าจะทำให้คนอื่นลำบากใจเกินไปแล้ว? ถึงได้บังคับให้เจ้ารับขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 374

    “ความอัปยศที่เจ้าทำกับข้าในวันนี้ ข้าจดจำไว้แล้ว!”เคอหยวนจื่อเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ นางโมโหจนกินอาหารในงานเลี้ยงต่อไปไม่ลงแล้วควรรู้ว่าในจำนวนนี้มีคนไม่น้อยที่ก่อนหน้านี้อิจฉานาง ตอนนี้กลับดีนัก แต่ละคนล้วนดูเรื่องน่าอับอายของนาง ไม่รู้กลับไปแล้วจะเอานางไปพูดอย่างไรบ้าง!ซ่งรั่วเจินกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “เอาสิ ในเมื่อความจำของแม่นางเคอดีขนาดนี้ เช่นนั้นก็คืนทุกอย่างมาให้หมดเลยก็แล้วกัน ข้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยไปทวงทีละอย่าง”“ความจำของข้าไม่ดีเท่าไร อาจตกหล่นไปบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ท่านไม่เหมือนกัน สิ่งของที่คนอื่นให้มากับสิ่งของของตัวเองก็คงจะแยกออกสินะ”“ต่างหูที่ท่านสวมอยู่...เหมือนจะเป็นสิ่งของของสกุลซ่งของข้าเหมือนกันนะ?”สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน ใบหน้าของเคอหยวนจื่อก็ยิ่งแดงจัดจนแทบจะหยดเลือดลงมาได้ต่อหน้าสายตาทุกคน เห็นนางถอดเครื่องประดับลงมาทีละชิ้น จากก่อนหน้านี้ที่แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศมาตอนนี้ตัวเปล่าล่อนจ้อน ทุกคนจึงตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่งเครื่องประดับบนตัวเคอหยวนจื่อทุกชิ้นเป็นสิ่งที่ซ่งจิ่งเซินให้มาหมดเลยหรือนี่?“สวรรค์ เครื่องประดับมา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 375

    “นอกจากนี้ ข้าคิดว่าเคอหยวนจื่อยังเป็นคนร้ายกาจไม่ใช่เล่น เกรงว่ากอบโกยผลประโยชน์ไปจนหมดสิ้นแล้ว สุดท้ายความพยายามของพี่สี่ของเจ้าก็คงสูญเปล่าอยู่ดี”“ถึงอย่างไรก็ต้องผิดใจกัน มิสู้ทำแบบที่ตัวเองสบายใจหน่อยดีกว่าจริงไหม?” ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วพลางยิ้มเมิ่งชิ่นก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่อยู่ “ข้าชอบนิสัยนี้ของเจ้าจริงๆ มาวันนี้ได้รู้จักสหายแบบเจ้านับว่าคุ้มค่าแล้ว!”ซ่งรั่วเจินเองก็ดีใจมากเหมือนกันที่ได้รู้จักสหายที่ควรค่าแก่การคบหาคนหนึ่ง เห็นหว่างคิ้วของเมิ่งชิ่นแลดูหม่นหมองรำไรก็หยิบยันต์คุ้มภัยแผ่นหนึ่งส่งไปให้“วันนี้ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยข้าคลี่คลายสถานการณ์ ยันต์คุ้มภัยแผ่นนี้ข้าให้เจ้า ถ้าเจ้าเชื่อใจข้า พรุ่งนี้จะต้องพกพามันไว้กับตัว”เมิ่งชิ่นรับยันต์คุ้มภัยมาอย่างงุนงง เดิมทีอยากพูดว่าตนเองไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่พอคิดถึงชื่อเสียงซ่งรั่วเจินที่ได้ยินมาช่วงนี้จึงรับมาอย่างทะนุถนอมยิ่ง“ขอบคุณ ข้าจะพกมันไว้กับตัวอย่างดีเลยล่ะ”อาหารจัดเลี้ยงในจวนเซียงอ๋องย่อมดีเลิศอยู่แล้ว เมื่อไม่มีคนที่ตนเองเกลียด ซ่งรั่วเจินก็กินอย่างเบิกบานใจมากระหว่างนั้นได้ยินเรื่องซุบซิบมาเล็กน้อย ในนั้นม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-30
  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 376

    เมื่องานเลี้ยงราตรีถึงคราวเลิกรา ซ่งรั่วเจินกับเมิ่งชิ่นก็กลายเป็นเพื่อนสาวที่สนิทสนมกัน ถึงขั้นนึกแค้นใจที่เจอกันช้าไปเลยทีเดียว“รั่วเจิน พรุ่งนี้ข้าต้องไปไหว้พระกับท่านแม่ อีกสองวันข้าค่อยไปหาเจ้าที่บ้านเจ้าก็แล้วกัน” เมิ่งชิ่นกล่าว“ตกลง ข้าจะรอเจ้า” ซ่งรั่วเจินพยักหน้าแล้วว่า “ยันต์คุ้มภัยที่ข้าให้เจ้าไปจะต้องพกติดตัวไว้ให้ดี ห้ามยกให้ใครทั้งนั้น”เวลานั้นเอง เสียงหลิ่วหรูเยียนก็ดังขึ้นมา “เจินเอ๋อร์ เตรียมตัวกลับจวนได้แล้ว”หลิ่วหรูเยียนเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เห็นได้ชัดว่าคืนนี้พูดคุยกับพระชายาเซียงอ๋องและต่งฮูหยินอย่างเพลิดเพลิน ส่วนเรื่องช่วยขอร้องแทนสกุลซุน นางก็ไม่เอ่ยถึงอย่างรู้กาลเทศะยิ่งนักในงานเลี้ยง สวี่ชิงเหมยทราบความสัมพันธ์ระหว่างหลิ่วหรูเยียนกับสกุลซุน เข้าใจว่าหลิ่วหรูเยียนไม่สะดวกจะเอ่ยปาก นางจึงเลียบเคียงถามให้อย่างอ้อมๆเห็นว่าเพียงเอ่ยถึงสกุลซุน พระชายาเซียงอ๋องก็มีสีหน้าบึ้งตึง คนทั้งสองก็เข้าใจแจ่มแจ้งว่าเรื่องนี้ไม่มีโอกาสแก้ไขได้แล้ว ต่อให้พูดขึ้นมาก็มีแต่จะทำให้หมางใจกันเปล่าๆแม้ว่าหลิ่วเฟยเยี่ยนจะเป็นน้องสาวของนาง แต่นางยังเป็นมารดาคนหนึ่ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-30

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 476

    “หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 475

    “เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ยเรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็นหญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 474

    อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดถึงความอิจฉา “โชคดีนักที่หลินจือเยว่มิได้แต่งกับนาง หาไม่แล้วคงคลาดกันกับคนดีเช่นฉู่อ๋องไปแล้วกระมัง?”“ฉู่อ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม วรยุทธเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะยังมิธรรมดา สำคัญที่สุดก็คือผู้คนต่างรู้กันดีว่าฉู่อ๋องอารมณ์ร้ายเพียงใด แต่กลับดีต่อนางอยู่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว”อวิ๋นเฉิงเจ๋อเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย นำเอาภาพใบหน้าฉายแววอิจฉานั้นเก็บเอาไว้จนสุดสายตา ไม่รู้ว่าในใจคิดอ่านถึงสิ่งใดอยู่ทว่าถ้อยคำนี้กลับลอยไปเข้าหูหลินจือเยว่เข้าพอดิบพอดี สีหน้าที่หมองหม่นอยู่ก่อนแล้วจึงได้ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเก่าก่อนนี้เขาคิดเพียงว่าฉู่อ๋องคงหูตามืดบอด ตอนนี้เขาเห็นแจ้งแล้วว่าตนเองต่างหากที่หูตามัวหมองไปเลือกคนผิดมาแต่งงานด้วยจนชีวิตพังพินาศ แต่จะทำกระไรได้อีกเล่า?ฉินซวงซวงยืนจ้องมองคนที่ในชาติที่แล้วนางคอยตามตื๊ออยู่นานอย่างฉู่อ๋อง กระทั่งเคยยอมทอดทิ้งศักดิ์ศรีมาแล้วก็ยังไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นการแลเหลียวจากเขาได้แม้แต่สักครั้ง แต่เขากลับปฏิบัติต่อซ่งรั่วเจินดีเช่นนั้น ทำเอานางริษยาเสียจนแทบบ้าอยู่แล้ว!มีสิทธิ์อะไรกัน?ซ่งรั่ว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 473

    เมื่อถือเวลาประกาศผลสุดท้าย ก็พลันระเบิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมากลางหมู่ฝูงชน“อันดับหนึ่งได้แก่ฉู่อ๋อง!”สิ้นเสียงประกาศ ผู้คนก็ต่างพากันเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก ทว่าก็หาได้มีผู้ใดแปลกใจแม้แต่น้อย“ฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูของฉู่อ๋องตลอดมาก็ล้วนเหนือผู้ใด วันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตองค์ชายทั้งสองพระองค์ไว้ได้ อีกทั้งยังคว้าชัยได้อันดับหนึ่งมาครอบครอง สมกับที่ชื่อเสียงเลื่องลือเสียจริงๆ!”“ได้ยินมาว่าสองคนที่หนีรอดไปได้ก็ฉู่อ๋องนั่นล่ะที่จับตัวเอาไว้ได้ เก่งกาจยิ่งนัก!”โดยปกติแล้วฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจกับความสำเร็จในลักษณะนี้แม้แต่น้อย ทว่าขณะนั้นเอง สายตาของเขาพลันหันมองไปยังซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินเองก็หันไปมองฉู่อ๋องทันทีที่ได้ยินคำประกาศ เห็นแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครของเขากำลังคลี่ยิ้มออกมาเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ชั่วขณะนั้น เขาก็ดูคล้ายจะเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก รอยยิ้มอบอุ่นของเขาแกมแฝงด้วยความไม่แยแสยี่หระ ยิ่งกว่านั้นยังเปี่ยมอิสระเสรีไม่ยึดติดอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มทำเอาจังหวะเต้นของหัวใจใครหลายคนต่างสะดุดไปตามๆ กันในฐานะอันดับหนึ่ง รางวัลที่ได้ก็ย่อม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 472

    ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 471

    แม้จะกล่าวได้ว่าชื่อเสียงป่นปี้ไปแล้ว แต่ผู้คนต่างรู้ดีว่าอย่างไรนางก็เป็นเหยื่อ ไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องถูกรังเกียจเดียดฉันท์ราวหนูโสโครกบนท้องถนนเฉกเช่นทุกวันนี้หลินจือเยว่เมื่อได้เห็นว่าซ่งจืออวี้เจ้าคนกำยำล่ำหนาผู้นั้นได้เป็นถึงราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสาม ก็อดพาลอิจฉาขึ้นมาไม่ได้อยากจะเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งนั้นไม่ได้ง่ายดาย และแม้จะได้เป็นจริงแล้วก็ต้องเริ่มจากการเป็นราชองครักษ์หลานหลิง ทว่าซ่งจืออวี้กลับข้ามขั้นขึ้นมาเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสามโดยตรงเลยเสียนี่ยิ่งไปกว่านั้น ในวันนี้เขาก็ยังมีความดีความชอบจากการช่วยชีพองค์ชายเอาไว้ องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเห็นในส่วนนี้ย่อมพิจารณาเลื่อนขั้นให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความใส่ใจที่ฉู่จวินถิงมีต่อสกุลซ่งเขาแทบจะมั่นใจได้เลยว่า หนทางของซ่งจืออวี้ย่อมจะต้องราบรื่นไร้อุปสรรคขวากหนามใดขวางกั้น ทว่าวาสนาทั้งหมดทั้งมวลนี้เดิมทีควรจะเป็นของเขาต่างหากเล่า!“จือเยว่ ซ่งรั่วเจินแย่งชิงวาสนาของเราไปเช่นนี้แล้ว ท่านก็ควรจะรู้ได้แล้วว่านางเป็นคนเช่นไร!” ฉินซวงซวงกล่าวหลินจือเยว่ปรายตามองฉินซวงซวง ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยชอบพอนาง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 470

    “ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ? พี่น้องตระกูลซ่งไม่เพียงช่วยเหลือองค์ชายรอง แต่ยังช่วยองค์ชายใหญ่ไว้ด้วย?”ฉินซวงซวงจับมือเหอเซียงหนิงไว้ด้วยสีหน้าร้อนใจ ดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?ชาติที่แล้วคนถูกลอบสังหารคือองค์ชายรองชัดๆ นอกจากนี้ ข้อมูลที่สืบพบในตอนท้ายยังเผยว่าทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือองค์ชายใหญ่ เหตุใดชาตินี้จึงไม่เหมือนเดิมเล่า?ถ้าองค์ชายใหญ่ก็ถูกลอบโจมตีด้วย เช่นนั้นแล้วตัวการเบื้องหลังคือใครกันแน่?“ไม่ผิดแน่นอน ครู่ก่อนข้าเห็นกับตาว่าพี่น้องตระกูลซ่งพาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองกลับมา ซ่งรั่วเจินกับฉู่อ๋องก็กลับมาพร้อมกัน”“หมอหลวงเข้าไปถวายการรักษาในทันที ต่อมายังมีข่าวออกมาว่า องค์ชายทั้งสองถูกลอบโจมตีในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องตระกูลซ่งจึงรักษาชีวิตไว้ได้”เหอเซียงหนิงมีสีหน้าย่ำแย่จนถึงที่สุด เดิมตั้งใจว่าจะใช้โอกาสวันนี้ทำให้ซ่งรั่วเจินพ่ายแพ้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกคนทั้งเมืองหลวงชิงชังรังเกียจเหมือนหนูข้างถนน ทำร้ายนางจนตกอยู่ในสภาพนี้ ซ่งรั่วเจินมีสิทธิ์อะไรถึงยังมีชีวิตดีๆ อยู่ได้?แต่...ยามนี้ตระกูลซ่งสร้างคว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 469

    เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดบัญชี รออีกสักหน่อยค่อยไปพูดกับซ่งรั่วเจินให้รู้เรื่องก็ยังไม่สาย“อี้ชวน อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เกากุ้ยเฟยถามอย่างเป็นห่วงฉู่อี้ชวนแสดงคารวะก่อนกล่าวว่า “แม้ลูกจะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”“เช่นนั้นก็ดี” เกากุ้ยเฟยถอนหายใจโล่งอก “เจ้ารีบไปพักผ่อนดีกว่า”ฮ่องเต้รับทราบอาการบาดเจ็บของฉู่อี้ชวนจากปากหมอหลวงแล้ว แม้ไม่ได้สาหัสเท่าฉู่เทียนเช่อ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง ยามนี้ยังมีสีหน้าซีดขาว แต่กลับไม่ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน เด็กคนนี้เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด“นั่งลงพักก่อนเถอะ”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”หลังจากฉู่อี้ชวนมาแล้ว มีเขาบอกเล่ารายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยตัวเอง บวกกับคำบอกเล่าของฉู่จวินถิงก็เป็นการยืนยันความดีความชอบของพี่น้องตระกูลซ่งในที่สุด“ครั้งนี้พวกเจ้าสี่พี่น้องช่วยเหลือองค์ชายทั้งสองเอาไว้ สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ อยากได้รางวัลแบบไหนก็บอกมาได้เลย!”ฮ่องเต้พอพระทัยสี่พี่น้องตระกูลซ่งยิ่งนัก ซ่งหลินข่าวคราวเงียบหาย ทุกคนล้วนยอมรับกันอย่างเงียบๆ ว่าเขาคงไม่

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 468

    “พวกเจ้าสี่คนบังเอิญผ่านไปบริเวณนั้นพอดี?”ฮ่องเต้กวาดสายตาผ่านพวกซ่งเยี่ยนโจวสี่พี่น้อง ดูเหมือนถามคำถามทั่วไป แต่กลับทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างมากซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งอี้อันล้วนเคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้มาก่อน แม้จะรู้สึกกดดันไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับแตกตื่น ซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินกลับรู้สึกว่าสายพระเนตรของฮ่องเต้มีแรงกดดันใหญ่หลวง ทำให้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง“พวกกระหม่อมสี่คนกำลังล่าสัตว์อยู่แถวนั้นพอดี น้องสามของกระหม่อมไปพบเข้าก่อน พวกกระหม่อมได้ยินเสียงน้องสามจึงรีบตามไปพ่ะย่ะค่ะ” ซ่งเยี่ยนโจวตอบอย่างไม่เย่อหยิ่งและไม่ต่ำต้อยฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ทอดพระเนตรซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ หน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียด แต่กลับมีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงถึงจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพี่น้องฝาแฝดตระกูลซ่งคู่นี้ว่านิสัยต่างกันสุดขั้ว ด้วยเหตุนี้จึงสามารถระบุตัวซ่งจืออวี้ได้อย่างง่ายดาย“เราได้ยินว่ามีมือสังหารถึงแปดคน แต่เจ้าตัวคนเดียวก็กล้าบุกเข้าไป?”ซ่งจืออวี้ตอบด้วยท่าทางกริ่งเกรง “ฝ่าบาท ตอนนั้นกระหม่อมเห็นองค์ชายทั้งสองตกอยู่ในอันตรายจึงกระโจนเข้าไปโด

DMCA.com Protection Status