“เซียวอี้เจ๋อใช้ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละเพคะ หม่อมฉันก็แค่นับรวมเขาด้วยเท่านั้น ไม่ได้จะเลือกเขาจริงๆ เสียหน่อย หม่อมฉันแค่อยากจะบอกว่าหม่อมฉันจะเลือกใครก็ได้ทั้งนั้น”ซ่งรั่วเจินพูดจบก็แอบนึกเสียใจทีหลังเสียแล้ว คนแบบเซียวอี้เจ๋อพูดออกมาแล้วก็ขายหน้าตัวเอง แต่ก็ยังเชิดใบหน้าเล็กๆ นั้น กล่าวชัดถ้อยชัดคำ“นอกจากนี้ คุณชายสวีก็ดีกว่าเขามากนัก วางตัวดีทั้งยังมีความสามารถ แม่นางมากมายในเมืองหลวงล้วนชมชอบ...”“แม่นางคนอื่นชอบ เจ้าก็เลยชอบ? เจ้าไม่มีความคิดของตัวเองบ้างเลยหรือ ปล่อยให้คนอื่นว่าอย่างไรก็เอาตามนั้นได้อย่างไร?”ฉู่จวินถิงขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงเร่งร้อนโดยไม่รู้ตัว หัวเสียให้กับท่าทีไม่แยแสของสตรีตรงหน้า“หม่อมฉันจะไม่มีวิจารณญาณของตัวเองได้อย่างไรเพคะ ก็ยังไม่ได้ตอบตกลงเลยไม่ใช่หรือ?”ซ่งรั่วเจินมีสีหน้ากังขา ถ้าเป็นคนอื่นพูดเช่นนี้ นางคงเข้าใจไปแล้วว่าอีกฝ่ายชอบตนเองจึงบังเกิดความหึงหวง แต่ฉู่จวินถิงเป็นใครกัน?เป็นดอกฟ้าที่สูงส่งเกินอาจเอื้อม เป็นอ๋องผู้โดดเดี่ยวที่ครองตัวเป็นโสดไปจนแก่เชียวนะ!“ในเมืองมีคุณชายที่เพียบพร้อมด้วยรูปลักษณ์ความสามารถมากมาย ถ้าหม่อมฉันจะออกเรือน
เมื่อรถม้าจอดสนิทดีแล้ว ซ่งจืออวี้ก็รีบตรงเข้าทำความเคารพฉู่จวินถิง “ท่านอ๋อง กระหม่อมมารับน้องหญิงห้าพ่ะย่ะค่ะ”ฉู่จวินถิงพยักหน้าพลาง มองไปยังหญิงสาวข้างกาย “เช่นนั้นเจ้ากลับไปก่อนเถิด”“หม่อมฉันทูลลาเพคะ”ซ่งรั่วเจินตอบรับไปคำแล้วหมุนตัวเดินออกมา“จริงสิ เรื่องนั้นมิต้องรีบร้อนไป อย่างไรก็ระวังไว้เป็นดี” ฉู่จวินถิงกำชับไปอีกครั้งด้วยไม่อาจวางใจ “หม่อมฉันทราบดีเพคะ ขอบพระทัยท่านอ๋อง”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า เห็นชายหนุ่มไม่มีสิ่งใดจะพูดแล้วจึงขึ้นรถม้าไปกับซ่งจืออวี้โดยไม่ได้เหลียวหลังอีกคืนนี้เรื่องราวมากมายประเดประดัง หากเป็นวันปกตินางคงได้เข้านอนไปนานแล้ว ฉู่จวินถิงมองตามแผ่นหลังคล่องแคล่วว่องไวของนางไป เขาเม้มริมฝีปากแล้วหัวเราะเบาๆ แม่นางผู้นี้จากไปรวดเร็วดีแท้!อวิ๋นหยางสังเกตปฏิกิริยาของผู้เป็นนายตนอย่างรอบคอบ ในใจเกิดความตกตะลึงปกติแล้วจะมีก็แต่ภาพแม่นางมองตามหลังท่านอ๋องอยู่ไกลๆ มีหรือจะได้เห็นภาพท่านอ๋องมองตามหลังแม่นางคนใดจากไปเช่นนี้?“ท่านอ๋อง ทรงชอบพอคุณหนูซ่งอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ?” อวิ๋นหยางลองเชิงถามฉู่จวินถิงเพียงเหลือบมองเขาไปที ความเยียบเย็นที่แผ่ซ่านออกมาเ
วันถัดมา ยามซ่งรั่วเจินกำลังทานมื้อกลางวันก็ได้ยินข่าวคราวจากสกุลไป๋“เมื่อคืนวานหลังไป๋ฮูหยินกลับไปได้ไม่นานก็สิ้นใจแล้ว ทว่าก่อนหมดลมนางได้ฝากฝังคำสั่งเสียเอาไว้ไม่น้อย ที่ว่ามาก็ล้วนเป็นเรื่องความกังวลที่ว่าคุณชายใหญ่สกุลไป๋จะแย่งชิงสินทรัพย์ของคุณชายอีกสองคนไป”“ว่ากันว่าเมื่อคืนวานสกุลหลี่ว์ก็ตามไปที่นั่นด้วย ร้องขอให้ให้ท่านโหวรีบนำเรื่องบอกกล่าวสู่สังคม เพื่อที่จะยืนยันสถานะของไป๋จื่อมู่”ซ่งจืออวี้เล่าถึงข่าวที่เพิ่งได้ยินมา “ไป๋ฮูหยินช่างเผด็จการเสียจริง แม้ว่ากันตามจริง คุณชายใหญ่สกุลไป๋จะมิใช่ลูกในไส้ของนาง ทว่าหากในตอนนั้นนางมิได้รับเขามาอุ้มชู มีหรือจะได้มีตำแหน่งฮูหยินจวนโหวเช่นนี้”“บัดนี้ข้ามสะพานได้กลับรื้อสะพานทิ้งถีบหัวส่งเขา ทั้งยังเป็นเหตุให้มารดาเขาตาย คุณชายใหญ่สกุลไป๋ช่างน่าเวทนาเสียจริง”ซ่งรั่วเจินฟังคำแล้วไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อยหลี่ว์เหวินซิ่วเดิมเป็นคนเห็นแก่ตัว กระทั่งความคิดจะฆ่าไป๋จื่อมู่ก็ยังเกิดมีขึ้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าเกลียดชังอย่างมิอาจอยู่ร่วมโลกได้มากเพียงใดเรียกคนสกุลหลี่ว์มาก่อนสิ้นใจเช่นนี้ ก็เพื่อเป็นการยืนยันความตั้งใจนี้ ทั้งยังเป็นก
ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกของนางได้ค่อยๆ มลายหายไปตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว...“หากเจ้าชอบพอเขาอยู่จริงก็จงบอกแม่ตามตรงเถิด หลายวันก่อนเจ้าสลบไสลมิได้สติ เยี่ยนโจวก็ได้แจ้งชัดถึงความในใจกับพ่อเจ้าแล้ว ว่ามีใจอยากจะสู่ขอเจ้า” เยี่ยนชิงอวี้กล่าวลั่วชิงอินตกใจเสียจนแทบทำถ้วยหลุดมือ“เขาว่า...จะสู่ขอข้าหรือ?”เยี่ยนชิงอวี้พยักหน้าอย่างจนใจ ลูกสาวของนางคนนี้ช่างหัวรั้นหัวแข็งเสียจริงหากเปลี่ยนเป็นนาง ต่อให้ก่อนหน้านี้ซ่งเยี่ยนโจวจะมีเหตุผลใดให้ไม่อาจแต่งกับนางได้ นางก็จะเฟ้นหาคู่ครองคนใหม่ที่สมดังใจให้จงได้ ไม่ใช่หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ต้องเป็นซ่งเยี่ยนโจวเท่านั้นแต่ลูกสาวของนางกลับรักปักใจในเขาอย่างลึกซึ้ง ดันทุรังรั้งรอเขาจวบจนถึงตอนนี้“เขาบอกว่าจะสู่ขอเจ้า และเขาก็แสดงให้ข้าและพ่อของเจ้าได้เห็นชัดแล้ว”“ฝ่าบาทยังมิได้ถอดถอนตำแหน่งของเขา รอเขาหายดีแล้ว ก็ยังคงเป็นหัวหน้าราชองครักษ์บูรพาระดับสี่ หากเจ้ายังชอบพอเขาอยู่จริง จะลองพิจารณาดูก็ย่อมได้” เยี่ยนชิงอวี้กล่าวคิ้วตาของลั่วชิงอินปรากฏร่องรอยเปี่ยมปิติออกมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงของนางก็ฟังดูสดใสขึ้นทันตา“ท
“ข้าไม่ได้สั่งการผู้ใดไปลงมือ” ลั่วหวยเฉิงได้ฟังคำถามจากมารดาและน้องชายตนแล้วส่ายหัวปฏิเสธ “น่าจะเป็นซ่งเยี่ยนโจวเสียมากกว่า”จบประโยค เยี่ยนชิงอวี้และลั่วหวยหลี่ต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน สีหน้าเต็มด้วยความแปลกใจ “ซ่งเยี่ยนโจวหรือ?”“เรื่องนี้นอกเสียจากพวกเราก็มีเพียงซ่งเยี่ยนโจวที่รู้ เขาจัดการเรื่องราวมิมีขาดตกบกพร่อง คงจะเพราะคาดเดาได้ว่าเหยาจิ่นเฉิงจะคว้าเอาเรื่องนี้เป็นโอกาสจึงได้ชิงลงมือตัดหน้าเสียก่อน”“นอกจากเขาแล้ว คงมิอาจเป็นใครอื่นได้แล้ว”ลั่วหวยเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ เขารู้จักซ่งเยี่ยนโจวมานานนมแล้ว ย่อมรู้ดีว่านิสัยของเขาเป็นเช่นไร เพียงดูวิธีการก็มองออกได้แล้วว่าใช่เขาหรือไม่“ข้าก็คิดอยู่เชียวว่าผู้ใดกันลงมือได้รวดเร็วกว่าข้าเสียอีก ที่แท้ก็เป็นพี่เยี่ยนโจว เช่นนั้นก็มิน่าแปลกแล้ว”ลั่วหวยหลี่หัวเราะขึ้น ตั้งแต่ความเข้าใจผิดได้คลี่คลายลงแล้ว ความขุ่นข้องหมองใจของเขาก็มลายหายไปด้วยเช่นกัน ยามนี้เมื่อได้รู้ว่าเขาปกป้องพี่หญิงรองเช่นนี้ ความรู้สึกยิ่งดีมากขึ้นไปอีก“ท่านแม่ มิได้ให้น้องหญิงรองแต่งกับเหยาจิ่นเฉิงจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว เห็นได้ชัดจากเ
หลินจือเยว่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้แรกเริ่มซวงซวงเคยปฏิเสธเขาเพราะมีใจชอบพอฉู่อ๋อง แต่หลังจากนั้นที่เขาไปชายแดน ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ ซวงซวงจึงคิดขึ้นมาได้ จนตามเขาไปอยู่ด้วยกันยังชายแดนคำพูดประโยคนี้ของซ่งจืออวี้แม้จะเจ็บแสบระคายหูนัก แต่เขาก็ฟังมันอย่างตั้งใจ ฉินเซี่ยงเหิงเป็นเช่นใดฉินซวงซวงก็ย่อมเป็นเช่นนั้น ตอนแรกเลือกเขาแล้ว ไม่ใช่ว่าเกิดเสียใจขึ้นมาหรอกหรือ จึงได้เกิดความคิดอยากจะปีนป่ายเข้าหาฉู่อ๋องอีก?สีหน้าของฉินซวงซวงแปรเปลี่ยน นางทำทีท่าราวถูกใส่ความอย่างหนัก ร้องไห้พลางกล่าว“ท่านพี่ ในใจและสายตาของข้ามีก็แต่ท่านเท่านั้น เพื่อจะได้แต่งงานกับท่าน ข้าต้องทนแบกรับคำนินทาครหามากมาย ท่านคิดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?”“ข้าบริสุทธิ์ใจจริงๆ หากข้ายังลืมฉู่อ๋องไม่ได้ ตอนแรกข้าจะตามไปหาท่านที่ชายแดนได้อย่างไร?”เรือนคิ้วหลินจือเยว่ขมวดมุ่น “แล้วเจ้าอยู่ดีไม่ว่าดีเหตุใดจึงต้องไปจับผิดความสัมพันธ์ฉู่อ๋องกับซ่งรั่วเจิน ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยสักนิด”“ก็ย่อมเพื่อท่านอย่างไรเล่า!” ฉินซวงซวงว่า“เพื่อข้าหรือ?”“หากมิเพราะซ่งรั่วเจิน ท่านมีหรือจะสูญยศสิ้นตำแหน่ง? เป็นน
เมื่อแรกเขาควรฟังมารดา แต่งงานรับซ่งรั่วเจินเข้าจวนก่อน ปลอบโยนดีแล้วค่อยให้ซวงซวงเข้าบ้านเช่นนี้แล้ว ต่อให้ซ่งรั่วเจินไม่ยินดี ก็ไม่สามารถหย่าได้อย่างง่ายดายนักเขาไม่มีวันตกต่ำกลายเป็นสามัญชน เขายังเป็นหลินโหวฐานะสูงศักดิ์ เป็นขุนนางใหม่ในราชสำนัก มีอนาคตที่ดี มิใช่ตัวตลกเพียงออกจากบ้านก็ถูกคนหัวเราะเย้ยหยันเช่นนี้มองมารดาตรงหน้า เขารู้สึกทรมานมากยิ่งขึ้นภายในใจ ก่อนนี้ยามเพิ่งกลับจากสนามรบ มารดาสวมใส่เครื่องประดับเงินทอง สีหน้านวลแดง ภายในจวนรุ่งเรืองรุ่งโรจน์นี่เพิ่งผ่านไปนานมากเพียงใดกัน ภายในจวนก็รายรับไม่พอรายจ่าย กินดื่มสวมใส่ใช้สอยต้องประหยัด แม้แต่บ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติก็เกือบไปหมดแล้วพูดว่าไม่เสียใจภายหลังเป็นเรื่องเท็จ ไฉนเลยเขาจะไม่เสียใจภายหลังได้เล่า?ฉินซวงซวงเห็นฮูหยินผู้เฒ่าหลินโยนความผิดทั้งหมดให้นาง เกิดโทสะขึ้นภายในใจอย่างสุดระงับ“ข้าและท่านพี่มีจิตปฏิพัทธ์ต่อกัน เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เป็นซ่งรั่วเจินใจแคบเกินไป หาเรื่องไปทุกจุดไม่ยอมผ่อนปรนจึงมาถึงขั้นนี้ เช่นนี้จะโทษเพียงข้าได้อย่างไร?”“หากมิใช่เจ้าก่อความวุ่นวาย จะต้องทำลายการหมั้นหมายของจือเยว่ให้ไ
สายตาฮูหยินผู้เฒ่าหลินคล้ายตบหน้าฉินซวงซวงไปแล้วหนึ่งฉาด ล้วนต้องโทษฉินเซี่ยงเหิง!เรื่องจ้าวซูหว่านนี้โวยวายจนไม่น่าดูชมมากเกินไป เอ่ยถึงก็คล้ายวิจารณ์ข้อผิดพลาดของผู้อื่น แม้แต่เหตุผลให้ตอบโต้ก็ไม่มี“ลูกเอ๋ย เจ้าฟังคำชี้แนะของแม่สักครั้ง อย่าได้เหลวไหลตามนางเป็นอันขาด หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป น่ากลัวว่าแม้แต่ชีวิตก็รักษาไว้ไม่ได้แล้ว”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินมองหลินจือเยว่อย่างปวดใจ หากเป็นไปได้ อยากให้เขาหย่าภรรยาแต่งงานใหม่เสียเลยเพียงน่าเสียดาย บัดนี้ตระกูลหลินตกลำบากกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว ยังมีใครยินดีแต่งงานเข้ามาอีกเล่า?หลินจือเยว่พยักหน้า “ท่านแม่วางใจเถิด ลูกล้วนเข้าใจดี ภายภาคหน้าไม่มีวันปล่อยให้ซวงซวงทำเรื่องเหลวไหลอีกแล้ว”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินกำชับเขาอีกหลายประโยคนี่ถึงจากไป เท้าหน้าเพิ่งจากไป ฉินซวงซวงก็พูดอย่างสุดจะหักห้ามใจได้“ท่านพี่ เมื่อครู่ท่านพูดคำนี้หมายความว่ากระไร? เหตุใดข้าเหลวไหลไปได้เล่า? ข้าทำทั้งหมดนี้หรือยังมิใช่เพราะคิดคำนึงแทนพวกเราอีกหรือ?”“เกิดเรื่องขึ้นมากเพียงนี้ ยังไม่ต้องพูดว่าภายในใจท่านแม่ข้าทุกข์ทรมานมากนัก ข้าก็เพียงตกปากรับคำท่านแม่สองประโยคเท
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าบนบัญชีรายชื่อมีอยู่สิบกว่าคน ไม่รู้อาการของคนอื่นร้ายแรงหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ในหมู่คนเหล่านั้นมีลูกสะใภ้ไม่เคารพแม่สามี คนแก่อายุมากแล้ว คนจึงตายไป แต่มากที่สุดยังเป็นความขัดแย้งของอนุภรรยาและภรรยาเอก”“คนส่วนใหญ่ล้วนคล้ายพระชายาเซียงอ๋อง ตกอยู่ในฝันร้าย ยังป่วยหนักอีกด้วย อนุอวิ๋นนับว่าลงทุนลงแรงมากทีเดียว” ฉู่จวินถิงพูด“อนุอวิ๋นเป็นคนโหดเหี้ยมไม่ผิดไปดังคาด แต่ยังเสแสร้งใจดีมีเมตตา ปรากฎว่ามีเพียงใต้เท้าอวิ๋นตัวโง่งมคนนี้ถึงจะหลงเชื่อ”ซ่งรั่วเจินไม่แปลกใจ ความยากในการเลี้ยงดูผีทวงชีวิตนั้นมากกว่าผีน้อยตนอื่นมาก แม้ว่าไต้ซือเทียนจีมีความสามารถอยู่บ้าง กลับไม่สามารถเลี้ยงผีทวงชีวิตหลายตนได้ตนนี้เป็นเขาใส่ใจเลี้ยงดู ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จึงสนิทสนมกันมากจากนั้นยามทั้งคู่เดินผ่านอุโมงค์ไปจนถึงฝั่งหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นสายหนึ่งชำแรกจมูกพวกซ่งเยี่ยนโจวยืนอยู่ข้างหน้า สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก ส่วนซ่งรั่วเจินเองก็สังเกตเห็นศพแต่ละร่างใต้พื้น หนึ่งในนั้นมีนักพรตเต๋าคนหนึ่ง เห็นชัดว่าคือไต้ซือเทียนจี“นี่คือ...ตายทั้งหมดแล้ว?”“เดิมที
“ไปเส้นทางใต้ดิน”ไต้ซือเทียนจีไม่คิดมากนัก พาทุกคนไปยังเส้นทางใต้ดิน“ไต้ซือ เส้นทางไต้ดินนี้ไม่สามารถเดินทางตามสะดวกได้!”ทุกคนมองเส้นทางใต้ดิน ใบหน้าเผยความลังเล ก่อนหน้านี้เคยพูดมาก่อนหากไม่แจ้ง จะไม่สามารถใช้เส้นทางใต้ดินนี้ได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นจะปล่อยให้ถูกคนพบไม่ได้!“บัดนี้หมดหนทางแล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนเช่นไร? ในเมื่อเขาแน่ใจว่าพวกเราอยู่ในพื้นที่นี้ จะต้องแจ้งคนอื่นให้เข้ามาปิดล้อมแน่”“หากพวกเราไม่หนี ก็มีเพียงต้องตายเท่านั้น!”สีหน้าไต้ซือเทียนจีเคร่งขรึม เขาย่อมรู้ว่าเส้นทางใต้ดินนี้หมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้นอกจากตัวเลือกนี้แล้ว ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอีก!ทุกคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ ไปอาจไม่ตาย แต่ไม่ไปจะต้องตายแน่!“ไป!”ครู่ต่อมา พวกซ่งเยี่ยนโจวมองเห็นกิ่งไม้หยุดหน้าห้องหนึ่ง จากนั้นเสียงประตูใหญ่ถูกเปิดออกดัง “แอ๊ด” ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด“กิ่งไม้นี้ถึงขั้นสามารถเปิดประตูได้?”จ้าวเจียงอ้าปากกว้าง คิดเพียงว่าหลังจากวันนี้ผ่านพ้นไปไม่ว่าคนอื่นพูดเรื่องเหลือจะเชื่อมากเพียงใดเขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกแล้ว!เพราะเรื่องแปลกประหลาดที่สุดถูกเขาพบแล้ว!
นางหยิบกิ่งไม้หนึ่งกิ่งขึ้นมาจากพื้น จากนั้นทุกคนได้เห็นกิ่งไม้นั้นลอยขึ้นกลางอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นยังหันไปที่ทิศทางหนึ่ง ทันใดนั้นเบิกตากว้าง“เยี่ยนโจว พวกเราดีชั่วอย่างไรก็รู้จักกันมานานหลายปีถึงเพียงนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าน้องสาวของท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้!”จ้าวเจียงเผยสีหน้าตกตะลึง ก่อนหน้านี้ได้ยินก็คิดว่าเร้นลับเหลือเกิน จนกระทั่งได้เห็นเองกับตาวันนี้ กลับรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดฝีมือนี้ช่างมหัศจรรย์โดยแท้!ซ่งเยี่ยนโจว “...” จะให้พูดได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเขาก็เคยเห็นเป็นครั้งแรก?ที่ผ่านมาใช่ว่าไม่เคยเห็นน้องหญิงห้าแสดงฝีมือมาก่อน แต่นั่นก็แค่เขียนยันต์ไม่กี่ใบเท่านั้น ยามได้เห็นน้องหญิงห้าช่วยอนุอวิ๋นกำจัดความชั่วร้าย ก็เห็นเพียงเผายันต์หนึ่งใบ!ได้เห็นฉากนี้ รู้ว่าแตกต่างจากที่เคยได้เห็นก่อนหน้านี้นี่...นับเป็นการเคลื่อนที่กลางอากาศหรือไม่?“ไล่ตามไป!”กิ่งไม้ขยับไปข้างหน้าไม่นับว่าช้า ฉู่จวินถิงรีบเอ่ยเตือนทุกคนให้ไล่ตามพวกซ่งเยี่ยนโจวไม่กล้ารอช้า ใช้ความเร็วที่สุดไล่ตามไป การไล่ตามไปครั้งนี้กลับพบความมหัศจรรย์ กิ่งไม้นั้นคล้ายมีตา ยิ่งไปกว่านั้นยังหน
ฉู่จวินถิงเลื่อนสายตาไปอย่างแปลกใจ ก็ได้เห็นดวงตาทอประกายระยับของแม่นางคนนี้ที่กำลังเดินมาหยุดต่อหน้าตน ภายในไม่มีความกลัวหรือรังเกียจเลยสักเศษเสี้ยว มีเพียงความตกตะลึงระคนเลื่อมใส“ท่านอ๋อง วิชาตัวเบาของท่านยอดเยี่ยมมาก ภายภาคหน้าสามารถสอนหม่อมฉันได้หรือไม่?”ฉู่จวินถิงหลุดหัวเราะออกมา ภายในสายตากลับเปล่งประกาย “ได้”บรรยากาศตึงเครียดรอบกายเปลี่ยนไปตามคำพูดของซ่งรั่วเจิน ทุกคนหัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้ แม่นางคนนี้น่าสนใจมาก กล้าหาญไม่ธรรมดาหากได้อยู่กับท่านอ๋อง นี่จะต้องเหมาะสมไม่ธรรมดาแน่!“คนหนีไปหมดแล้ว”ซ่งเยี่ยนโจวขมวดคิ้วแน่น อีกฝ่ายเห็นว่าพวกเขามาแล้วก็หนีไปในทันที เมื่อครู่ไม่ทันได้ไล่ตาม บัดนี้ต้องตามรอยเบาะแสใหม่อีกครั้งแล้ว“วันนี้ไต้ซือเทียนจีหนีไม่รอดหรอกเจ้าค่ะ!”ใบหน้าซ่งรั่วเจินเผยแววมั่นใจในตนเอง นางหยิบยันต์ออกมาหนึ่งปึกมอบให้ฉู่จวินถิง “ท่านอ๋อง ท่านให้ทุกคนพกยันต์ไว้ให้ดี จะได้ไม่ถูกวิชาพรางตาหลอกอีก”ซ่งเยี่ยนโจวเห็นเวลาเพียงชั่วพริบตาน้องสาวก็นำยันต์ออกมามากถึงเพียงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมความสงสัย ตกลงนางใส่ของเหล่านี้ไว้ที่ใด?เพียงออกจากบ้านก็นำของมา
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป