ต่อให้ฉู่อ๋องยืนกรานจะแต่งงานกับนาง เกรงว่าก็คงเป็นได้เพียงอนุ แต่จากความเข้าใจที่เขามีต่อแม่นางซ่ง นางไม่น่าจะยินดีเป็นอนุภรรยาดังนั้น เขายังคงมีโอกาสไป๋เฉิงหงเห็นภาพนี้เต็มสองตา ในใจรู้สึกตะลึงอย่างไม่อาจเลี่ยง คิดไม่ถึงว่าบุตรสาวตระกูลซ่งจะมีความสามารถถึงเพียงนี้คนมากมายในเมืองหลวงเข้าใจผิดไปเสียแล้ว คิดว่าสตรีที่ถอนหมั้นคนหนึ่งคงไม่มีทางได้แต่งงานกับคนดีๆ แต่บัดนี้นางกลับสามารถทำให้ฉู่อ๋องและสวีเฮ่ออันมาแย่งชิงได้ไม่ว่าแต่งงานกับใครก็ล้วนแต่เป็นคนดีๆ ที่สตรีทั่วไปอาจเอื้อมไม่ถึงด้วยฐานะของสวีเฮ่ออัน กล้าแย่งชิงสตรีกับฉู่อ๋องแบบนี้เห็นได้ชัดว่าชมชอบจากใจจริงซ่งเยี่ยนโจวมองเงาหลังของฉู่จวินถิงที่อุ้มน้องสาวของตนจากไป นับแต่เรื่องเกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมานานแล้ว น้องสาวของตนยังแกล้งเป็นลม ทว่าฉู่อ๋องกลับไร้ท่าทีว่าจะปล่อยน้องสาวลงมาตั้งแต่ต้นจนจบ...ต่อให้ฉู่อ๋องมีวรยุทธ์สูงส่ง การอุ้มสตรีคนหนึ่งไม่ยากเย็นอะไร แต่สวีเฮ่ออันก็ได้เผยความในใจออกมาต่อหน้าทุกคนแล้วหากฉู่อ๋องไม่คิดอะไรกับน้องหญิงห้า ชั่วขณะนี้จะต้องปล่อยนางลงมา แต่เขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เกรงว่าฉู่อ๋องคงจะห
“เซียวอี้เจ๋อใช้ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละเพคะ หม่อมฉันก็แค่นับรวมเขาด้วยเท่านั้น ไม่ได้จะเลือกเขาจริงๆ เสียหน่อย หม่อมฉันแค่อยากจะบอกว่าหม่อมฉันจะเลือกใครก็ได้ทั้งนั้น”ซ่งรั่วเจินพูดจบก็แอบนึกเสียใจทีหลังเสียแล้ว คนแบบเซียวอี้เจ๋อพูดออกมาแล้วก็ขายหน้าตัวเอง แต่ก็ยังเชิดใบหน้าเล็กๆ นั้น กล่าวชัดถ้อยชัดคำ“นอกจากนี้ คุณชายสวีก็ดีกว่าเขามากนัก วางตัวดีทั้งยังมีความสามารถ แม่นางมากมายในเมืองหลวงล้วนชมชอบ...”“แม่นางคนอื่นชอบ เจ้าก็เลยชอบ? เจ้าไม่มีความคิดของตัวเองบ้างเลยหรือ ปล่อยให้คนอื่นว่าอย่างไรก็เอาตามนั้นได้อย่างไร?”ฉู่จวินถิงขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงเร่งร้อนโดยไม่รู้ตัว หัวเสียให้กับท่าทีไม่แยแสของสตรีตรงหน้า“หม่อมฉันจะไม่มีวิจารณญาณของตัวเองได้อย่างไรเพคะ ก็ยังไม่ได้ตอบตกลงเลยไม่ใช่หรือ?”ซ่งรั่วเจินมีสีหน้ากังขา ถ้าเป็นคนอื่นพูดเช่นนี้ นางคงเข้าใจไปแล้วว่าอีกฝ่ายชอบตนเองจึงบังเกิดความหึงหวง แต่ฉู่จวินถิงเป็นใครกัน?เป็นดอกฟ้าที่สูงส่งเกินอาจเอื้อม เป็นอ๋องผู้โดดเดี่ยวที่ครองตัวเป็นโสดไปจนแก่เชียวนะ!“ในเมืองมีคุณชายที่เพียบพร้อมด้วยรูปลักษณ์ความสามารถมากมาย ถ้าหม่อมฉันจะออกเรือน
เมื่อรถม้าจอดสนิทดีแล้ว ซ่งจืออวี้ก็รีบตรงเข้าทำความเคารพฉู่จวินถิง “ท่านอ๋อง กระหม่อมมารับน้องหญิงห้าพ่ะย่ะค่ะ”ฉู่จวินถิงพยักหน้าพลาง มองไปยังหญิงสาวข้างกาย “เช่นนั้นเจ้ากลับไปก่อนเถิด”“หม่อมฉันทูลลาเพคะ”ซ่งรั่วเจินตอบรับไปคำแล้วหมุนตัวเดินออกมา“จริงสิ เรื่องนั้นมิต้องรีบร้อนไป อย่างไรก็ระวังไว้เป็นดี” ฉู่จวินถิงกำชับไปอีกครั้งด้วยไม่อาจวางใจ “หม่อมฉันทราบดีเพคะ ขอบพระทัยท่านอ๋อง”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า เห็นชายหนุ่มไม่มีสิ่งใดจะพูดแล้วจึงขึ้นรถม้าไปกับซ่งจืออวี้โดยไม่ได้เหลียวหลังอีกคืนนี้เรื่องราวมากมายประเดประดัง หากเป็นวันปกตินางคงได้เข้านอนไปนานแล้ว ฉู่จวินถิงมองตามแผ่นหลังคล่องแคล่วว่องไวของนางไป เขาเม้มริมฝีปากแล้วหัวเราะเบาๆ แม่นางผู้นี้จากไปรวดเร็วดีแท้!อวิ๋นหยางสังเกตปฏิกิริยาของผู้เป็นนายตนอย่างรอบคอบ ในใจเกิดความตกตะลึงปกติแล้วจะมีก็แต่ภาพแม่นางมองตามหลังท่านอ๋องอยู่ไกลๆ มีหรือจะได้เห็นภาพท่านอ๋องมองตามหลังแม่นางคนใดจากไปเช่นนี้?“ท่านอ๋อง ทรงชอบพอคุณหนูซ่งอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ?” อวิ๋นหยางลองเชิงถามฉู่จวินถิงเพียงเหลือบมองเขาไปที ความเยียบเย็นที่แผ่ซ่านออกมาเ
วันถัดมา ยามซ่งรั่วเจินกำลังทานมื้อกลางวันก็ได้ยินข่าวคราวจากสกุลไป๋“เมื่อคืนวานหลังไป๋ฮูหยินกลับไปได้ไม่นานก็สิ้นใจแล้ว ทว่าก่อนหมดลมนางได้ฝากฝังคำสั่งเสียเอาไว้ไม่น้อย ที่ว่ามาก็ล้วนเป็นเรื่องความกังวลที่ว่าคุณชายใหญ่สกุลไป๋จะแย่งชิงสินทรัพย์ของคุณชายอีกสองคนไป”“ว่ากันว่าเมื่อคืนวานสกุลหลี่ว์ก็ตามไปที่นั่นด้วย ร้องขอให้ให้ท่านโหวรีบนำเรื่องบอกกล่าวสู่สังคม เพื่อที่จะยืนยันสถานะของไป๋จื่อมู่”ซ่งจืออวี้เล่าถึงข่าวที่เพิ่งได้ยินมา “ไป๋ฮูหยินช่างเผด็จการเสียจริง แม้ว่ากันตามจริง คุณชายใหญ่สกุลไป๋จะมิใช่ลูกในไส้ของนาง ทว่าหากในตอนนั้นนางมิได้รับเขามาอุ้มชู มีหรือจะได้มีตำแหน่งฮูหยินจวนโหวเช่นนี้”“บัดนี้ข้ามสะพานได้กลับรื้อสะพานทิ้งถีบหัวส่งเขา ทั้งยังเป็นเหตุให้มารดาเขาตาย คุณชายใหญ่สกุลไป๋ช่างน่าเวทนาเสียจริง”ซ่งรั่วเจินฟังคำแล้วไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อยหลี่ว์เหวินซิ่วเดิมเป็นคนเห็นแก่ตัว กระทั่งความคิดจะฆ่าไป๋จื่อมู่ก็ยังเกิดมีขึ้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าเกลียดชังอย่างมิอาจอยู่ร่วมโลกได้มากเพียงใดเรียกคนสกุลหลี่ว์มาก่อนสิ้นใจเช่นนี้ ก็เพื่อเป็นการยืนยันความตั้งใจนี้ ทั้งยังเป็นก
ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกของนางได้ค่อยๆ มลายหายไปตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว...“หากเจ้าชอบพอเขาอยู่จริงก็จงบอกแม่ตามตรงเถิด หลายวันก่อนเจ้าสลบไสลมิได้สติ เยี่ยนโจวก็ได้แจ้งชัดถึงความในใจกับพ่อเจ้าแล้ว ว่ามีใจอยากจะสู่ขอเจ้า” เยี่ยนชิงอวี้กล่าวลั่วชิงอินตกใจเสียจนแทบทำถ้วยหลุดมือ“เขาว่า...จะสู่ขอข้าหรือ?”เยี่ยนชิงอวี้พยักหน้าอย่างจนใจ ลูกสาวของนางคนนี้ช่างหัวรั้นหัวแข็งเสียจริงหากเปลี่ยนเป็นนาง ต่อให้ก่อนหน้านี้ซ่งเยี่ยนโจวจะมีเหตุผลใดให้ไม่อาจแต่งกับนางได้ นางก็จะเฟ้นหาคู่ครองคนใหม่ที่สมดังใจให้จงได้ ไม่ใช่หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ต้องเป็นซ่งเยี่ยนโจวเท่านั้นแต่ลูกสาวของนางกลับรักปักใจในเขาอย่างลึกซึ้ง ดันทุรังรั้งรอเขาจวบจนถึงตอนนี้“เขาบอกว่าจะสู่ขอเจ้า และเขาก็แสดงให้ข้าและพ่อของเจ้าได้เห็นชัดแล้ว”“ฝ่าบาทยังมิได้ถอดถอนตำแหน่งของเขา รอเขาหายดีแล้ว ก็ยังคงเป็นหัวหน้าราชองครักษ์บูรพาระดับสี่ หากเจ้ายังชอบพอเขาอยู่จริง จะลองพิจารณาดูก็ย่อมได้” เยี่ยนชิงอวี้กล่าวคิ้วตาของลั่วชิงอินปรากฏร่องรอยเปี่ยมปิติออกมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงของนางก็ฟังดูสดใสขึ้นทันตา“ท
“ข้าไม่ได้สั่งการผู้ใดไปลงมือ” ลั่วหวยเฉิงได้ฟังคำถามจากมารดาและน้องชายตนแล้วส่ายหัวปฏิเสธ “น่าจะเป็นซ่งเยี่ยนโจวเสียมากกว่า”จบประโยค เยี่ยนชิงอวี้และลั่วหวยหลี่ต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน สีหน้าเต็มด้วยความแปลกใจ “ซ่งเยี่ยนโจวหรือ?”“เรื่องนี้นอกเสียจากพวกเราก็มีเพียงซ่งเยี่ยนโจวที่รู้ เขาจัดการเรื่องราวมิมีขาดตกบกพร่อง คงจะเพราะคาดเดาได้ว่าเหยาจิ่นเฉิงจะคว้าเอาเรื่องนี้เป็นโอกาสจึงได้ชิงลงมือตัดหน้าเสียก่อน”“นอกจากเขาแล้ว คงมิอาจเป็นใครอื่นได้แล้ว”ลั่วหวยเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ เขารู้จักซ่งเยี่ยนโจวมานานนมแล้ว ย่อมรู้ดีว่านิสัยของเขาเป็นเช่นไร เพียงดูวิธีการก็มองออกได้แล้วว่าใช่เขาหรือไม่“ข้าก็คิดอยู่เชียวว่าผู้ใดกันลงมือได้รวดเร็วกว่าข้าเสียอีก ที่แท้ก็เป็นพี่เยี่ยนโจว เช่นนั้นก็มิน่าแปลกแล้ว”ลั่วหวยหลี่หัวเราะขึ้น ตั้งแต่ความเข้าใจผิดได้คลี่คลายลงแล้ว ความขุ่นข้องหมองใจของเขาก็มลายหายไปด้วยเช่นกัน ยามนี้เมื่อได้รู้ว่าเขาปกป้องพี่หญิงรองเช่นนี้ ความรู้สึกยิ่งดีมากขึ้นไปอีก“ท่านแม่ มิได้ให้น้องหญิงรองแต่งกับเหยาจิ่นเฉิงจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว เห็นได้ชัดจากเ
หลินจือเยว่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้แรกเริ่มซวงซวงเคยปฏิเสธเขาเพราะมีใจชอบพอฉู่อ๋อง แต่หลังจากนั้นที่เขาไปชายแดน ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ ซวงซวงจึงคิดขึ้นมาได้ จนตามเขาไปอยู่ด้วยกันยังชายแดนคำพูดประโยคนี้ของซ่งจืออวี้แม้จะเจ็บแสบระคายหูนัก แต่เขาก็ฟังมันอย่างตั้งใจ ฉินเซี่ยงเหิงเป็นเช่นใดฉินซวงซวงก็ย่อมเป็นเช่นนั้น ตอนแรกเลือกเขาแล้ว ไม่ใช่ว่าเกิดเสียใจขึ้นมาหรอกหรือ จึงได้เกิดความคิดอยากจะปีนป่ายเข้าหาฉู่อ๋องอีก?สีหน้าของฉินซวงซวงแปรเปลี่ยน นางทำทีท่าราวถูกใส่ความอย่างหนัก ร้องไห้พลางกล่าว“ท่านพี่ ในใจและสายตาของข้ามีก็แต่ท่านเท่านั้น เพื่อจะได้แต่งงานกับท่าน ข้าต้องทนแบกรับคำนินทาครหามากมาย ท่านคิดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?”“ข้าบริสุทธิ์ใจจริงๆ หากข้ายังลืมฉู่อ๋องไม่ได้ ตอนแรกข้าจะตามไปหาท่านที่ชายแดนได้อย่างไร?”เรือนคิ้วหลินจือเยว่ขมวดมุ่น “แล้วเจ้าอยู่ดีไม่ว่าดีเหตุใดจึงต้องไปจับผิดความสัมพันธ์ฉู่อ๋องกับซ่งรั่วเจิน ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยสักนิด”“ก็ย่อมเพื่อท่านอย่างไรเล่า!” ฉินซวงซวงว่า“เพื่อข้าหรือ?”“หากมิเพราะซ่งรั่วเจิน ท่านมีหรือจะสูญยศสิ้นตำแหน่ง? เป็นน
เมื่อแรกเขาควรฟังมารดา แต่งงานรับซ่งรั่วเจินเข้าจวนก่อน ปลอบโยนดีแล้วค่อยให้ซวงซวงเข้าบ้านเช่นนี้แล้ว ต่อให้ซ่งรั่วเจินไม่ยินดี ก็ไม่สามารถหย่าได้อย่างง่ายดายนักเขาไม่มีวันตกต่ำกลายเป็นสามัญชน เขายังเป็นหลินโหวฐานะสูงศักดิ์ เป็นขุนนางใหม่ในราชสำนัก มีอนาคตที่ดี มิใช่ตัวตลกเพียงออกจากบ้านก็ถูกคนหัวเราะเย้ยหยันเช่นนี้มองมารดาตรงหน้า เขารู้สึกทรมานมากยิ่งขึ้นภายในใจ ก่อนนี้ยามเพิ่งกลับจากสนามรบ มารดาสวมใส่เครื่องประดับเงินทอง สีหน้านวลแดง ภายในจวนรุ่งเรืองรุ่งโรจน์นี่เพิ่งผ่านไปนานมากเพียงใดกัน ภายในจวนก็รายรับไม่พอรายจ่าย กินดื่มสวมใส่ใช้สอยต้องประหยัด แม้แต่บ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติก็เกือบไปหมดแล้วพูดว่าไม่เสียใจภายหลังเป็นเรื่องเท็จ ไฉนเลยเขาจะไม่เสียใจภายหลังได้เล่า?ฉินซวงซวงเห็นฮูหยินผู้เฒ่าหลินโยนความผิดทั้งหมดให้นาง เกิดโทสะขึ้นภายในใจอย่างสุดระงับ“ข้าและท่านพี่มีจิตปฏิพัทธ์ต่อกัน เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เป็นซ่งรั่วเจินใจแคบเกินไป หาเรื่องไปทุกจุดไม่ยอมผ่อนปรนจึงมาถึงขั้นนี้ เช่นนี้จะโทษเพียงข้าได้อย่างไร?”“หากมิใช่เจ้าก่อความวุ่นวาย จะต้องทำลายการหมั้นหมายของจือเยว่ให้ไ
ฉู่อวิ๋นกุยและสี่พี่น้องสกุลซ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูด ยิ่งไม่มีวันโจมตีองค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอโดยไร้สาเหตุในเมื่อเขาทำถึงเพียงนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบเหลียงอ๋องเพราะเหตุนี้ ซ่งรั่วเจินจึงสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอวิ๋นอ๋องหรือพี่ชายของตนก็ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วพริบตาฉู่เทียนเช่อเกิดความสงสัย หรือว่าฉู่อ๋องและเหลียงอ๋องมีความขัดแย้งใดที่เขาไม่รู้?“น้องสี่ ก่อนหน้านี้ข้ารู้เพียงว่าไม่ว่าโยนลูกศรลงไหหรือโยนห่วงเจ้าก็ล้วนแม่นยำทั้งสิ้น ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราได้ประจักษ์ต่อสายตาสักหน่อย”ฉู่เทียนเช่อยังแย้มยิ้มดังเดิม หยิบห่วงทางด้านข้างวางไว้ในมือฉู่ซิ่นเหลียงเขาไม่สนใจหรอกว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันหรือไม่ หากว่ามี นั่นก็ดีอย่างไม่ต้องสงสัย!“เช่นนั้นข้าจะลองดู”ฉู่ซิ่นเหลียงพยักหน้ายิ้มๆ สายตาสะท้อนแสงเย็นชาวูบหนึ่ง ครุ่นคิดภายในใจตกลงเขาปกปิดที่ใดไม่ดีถึงถูกฉู่อ๋องสังเกตเห็น?ทุกคนเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอยกห่วงขึ้น มองแจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ วัดระยะครู่หนึ่งแล้วโยนออกไปได้เห็นห่วงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยบ
ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้เห็นเหลียงอ๋อง นัยน์ตาไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนแสงเย็นวูบหนึ่งซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่จวินถิง ลอบตกตะลึงภายในใจ ใช่หรือไม่ว่าเขาพบอะไรเข้าแล้ว?ภายในหนังสือ ทีแรกไม่มีใครสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของเหลียงอ๋อง เขาลอบวางอุบายอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด รับชมองค์ชายท่านอื่นกัดกันเหมือนสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่วงนอกและได้รับผลปะโยชน์ไปในตอนสุดท้ายกอปรกับเดิมทีหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มีรัศมีของพระเอกนางเอก เพียงสองคนลงมือก็ไม่มีเรื่องใดไม่สามารถจัดการได้ทว่า บัดนี้หลินจือเยว่และฉินซวงซวงไร้ประโยชน์ไปแล้ว คาดว่าเหลียงอ๋องต้องการทำถึงขั้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากกระมัง“ขอบคุณน้องหกมากที่ห่วงใย ระยะนี้ร่างกายข้าดีขึ้นบ้างแล้ว” เหลียงอ๋องผลิยิ้ม กลับไอออกมาสองทีโดยไม่รู้ตัว“เสด็จพี่ แม้ว่าระยะนี้อากาศอุ่นแล้ว แต่ท่านจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี อย่าต้องความเย็นเป็นอันขาด ช่วงต้นวสันต์อากาศเย็นมากนัก เป็นหวัดได้ง่ายที่สุด” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างห่วงใยฉู่เทียนเช่อมองสถานการณ์ของโยนลูกศรลงไหและพูดว่า “น้องสาม หากวันนี้เจ้าต้องการคว้าชัยชนะ น่ากลัวว่าไม่ง่ายถ
บัดนี้ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็อยากจะมอบสิ่งที่นางชอบทั้งหมดมาวางไว้ต่อหน้านาง“เสด็จพี่ มองเห็นแจกันดอกไม้อยู่ไกลที่สุดทางด้านหน้านั้นหรือไม่? ขอเพียงโยนลงเจ้านั่น ก็จะสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันโยนห่วงได้!”ฉู่อวิ๋นกุยชี้แจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลที่สุด รอบข้างแจกันดอกไม้ล้วนเต็มไปด้วยห่วงที่คล้องเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีคนโยนลงซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเล็กน้อย พบว่าแจกันดอกไม้ไม่เพียงแต่สูง ขนาดของปากแจกันยังแตกต่างจากห่วงไม่มากอีกด้วย คิดจะโยนให้ลงนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก!“งานเทศกาลโคมไฟของทุกปี การโยนห่วงนี้ยากที่สุด ข้าแทบจะไม่เคยเห็นคนโยนลงมาก่อน” ฉู่อวิ๋นกุยพูดอย่างเสียดายลั่วชิงอินเห็นแจกันดอกไม้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยนโจว การโยนห่วงนี้ยากเกินไปแล้วกระมัง มีคนโยนลงจริงหรือ?”“ยากจริงนั่นล่ะ แทบจะไม่มีใครสามารถโยนลงได้ จะต้องแม่นยำมากถึงจะใช้ได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยากจะทำได้”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีคนชื่นชมวิชายุทธ์ของเขา แต่บัดนี้ได้เห็นแจกันดอกไม้ขนาดเท่าห่วง รู้สึกเพียงว่าความยากนั้นมากเกินไป ดูท่าแล้วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนส
ฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง เผยสีหน้าตกตะลึง นางคิดว่าซ่งจิงเซินได้สติแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความทรงจำไป?“ข้ายังไม่แต่งงานเพราะคิดถึงเจ้า?” ซ่งจิ่งเซินถูกประโยคนี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแต่งงานแน่ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า”“เจ้าและชวีคั่วสมควรเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง ข้าชี้แนะเจ้าให้รีบแต่งงาน ประเดี๋ยวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”เคอหยวนจื่อโมโหแทบแย่ “ท่านยังไม่ยอมรับ!”ฉู่มู่เหยาปิดปากหัวเราะ ลดเสียงให้เบาลง “คุณชายสี่ซ่ง เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมแต่งงานเล่า? คงไม่ใช่ว่ากำลังรอเคอหยวนจื่อจริงๆ หรอกกระมัง?”ซ่งจิ่งเซินผินมองนางแวบหนึ่ง “องค์หญิง ท่านสนใจเรื่องงานแต่งของกระหม่อมทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่...”ฉู่มู่เหยาเห็นสีหน้าหยอกเย้าของฝ่ายชาย สีหน้าแข็งทื่อไป “อะไรกันเล่า? ข้าไม่ได้สนใจงานแต่งของเจ้าเสียหน่อย”“ไม่ใช่ก็ดี” ซ่งจิ่งเซินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “หาไม่แล้วองค์หญิงดีๆ คนหนึ่งคิดอยากเป็นแม่สื่อ นั่นจะดีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยา “???”“พี่สะใภ้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เขาถึงขั้นพูดว่าข้าอยากเป็นแม่สื่อ เจ้ารีบหาทางอุดปากเขาเถอ
ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในพิธีล่าสัตว์ ต่อให้ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนก็ยังจำได้ดังเดิม“ซ่งจิ่งเซิน แม่นางเคอท่านนั้นของเจ้าถูกตีน่าสารยิ่งนัก เจ้าไม่ไปช่วยหรือ?”ฉู่มู่เหยากะพริบตามองซ่งจิ่งเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ระยะนี้ซ่งจิ่งเซินมักได้เห็นเรื่องตลกของนาง วันนี้นับว่าถึงตานางหยอกล้อซ่งจิ่งเซินแล้วซ่งจิ่งเซินเหล่มองนาง “พูดเช่นนี้แล้ว วันนี้คุณชายเสิ่นท่านนั้นของท่านเองก็อาจจะมาเช่นกัน มิสู้ลองหาดู?”ฉู่มู่เหยา “...หุบปากเจ้าเสีย”ซ่งจิ่งเซินเห็นรอยยิ้มฉู่มู่เหยาหายวับไปในทันใด หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ก็แค่หนังหน้านี้ของท่าน ยังคิดล้อกระหม่อมเล่นอีกหรือ? กลับไปฝึกดีๆ เถอะ”ฉู่มู่เหยา “! ! !”กู้ฮวนเอ๋อร์และซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางทะเลาะกันของสองคนนี้ สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันช่างครึกครื้นเสียจริง“ที่นี่เอะอะเกินไปแล้ว พวกเราไปโยนห่วงทางนั้นเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยปาก หันมองทางกู้ฮวนเอ๋อร์อีกครั้ง “อีกเดี๋ยวเจ้าชอบสิ่งใดก็บอกข้า ข้าจะช่วยเอามาให้เจ้า!”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ จนกระทั่งตอนนี้ นางถึงเชื่อว่าอวิ๋นอ๋องชอบนางจริงๆ และยอมคบหากับน
ถังเสวี่ยหนิงย่อมไม่ยอมแพ้ เคอหยวนจื่อคนนี้มีดีอะไร ไม่ว่ามองอย่างไรซ่งจิ่งเซินก็ดีกว่านางมากนักไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดถึงตาบอด ไปชอบผู้หญิงคนนี้ได้!ต้องรู้ว่าเมื่อแรกเคอหยวนจื่อร่ำรวยยิ่งกว่าบุตรีจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างนางเสียอีก บัดนี้เห็นนางตกต่ำถึงขั้นนี้ นางกลับรู้สึกมีความสุขภายในใจ“มิน่าเล่าพวกเจ้าสองคนถึงสามารถเป็นสหายกันได้ ได้ยินมาว่าเสิ่นหวยอันทำได้กระทั่งทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเพื่อให้ได้เป็นราชบุตรเขย”“พวกเจ้ามีเวลาพูดไร้สาระอยู่ที่นี่ มิสู้ดูให้ดี องค์หญิงมู่เหยาและซ่งจิ่งเซินอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมากเพียงใด!”ต่อจากคำพูดของถังเสวี่ยหนิงที่เพิ่งจบลง สายตาของพวกเคอหยวนจื่อสองคนก็หันมองไปอย่างอดไม่ได้ มองเห็นฉู่มู่เหยาและซ่งจิ่งเซินกำลังพูดคุยหัวเราะให้กัน สนิทสนมกันไม่ธรรมดา“พวกเขาสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด?”เคอหยวนจื่อโง่งมแล้ว มองทางซ่งปี้อวิ๋นอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซ่งปี้อวิ๋นพูดว่าองค์หญิงและเสิ่นหวยอันมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เพราะเหตุนี้ซ่งปี้อวิ๋นจึงอารมณ์ไม่ดีนี่มันเรื่องอะไรกัน?ซ่งปี้อวิ๋นเองก็ตกใจอย่างสุดระงับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า
“ทว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าเคยได้ยินข่าวหมั้นหมายของทั้งสองคนหรือไม่?” ถังเสวี่ยหนิงถามกลับเถียนเจียวเจียวนี่ถึงวางใจลง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสื้อผ้าหนึ่งชุดไม่นับเป็นอะไร ตอนนั้นซ่งจิ่งเซินนำของดีมากมายมามอบให้เคอหยวนจื่อ แต่สุดท้ายเจ้าดูเถอะ ยังไม่ใช่พูดว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้วหรอกหรือ?”ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเบาๆ พวกเขาย่อมได้ยินสถานการณ์ของเคอหยวนจื่อมาก่อน“พวกเจ้ากำลังว่าข้าหรือ?”เคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นยืนอยู่ด้วยกัน วันนี้ครึกครื้นอย่างมาก ทั้งสองคนย่อมไม่พลาดไป กอปรกับฉู่อ๋องโยนลูกศรลงไห ไม่รู้ว่าเรียกความสนใจของคนมากี่มากน้อย ดังนั้นพวกนางสองคนก็มารับชมความครึกครื้นเฉกเดียวกันคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน ก็ได้ยินสองคนนี้นินทาตนเอง สีหน้าเคอหยวนจื่อเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ถังเสวี่ยหนิงและเถียนเจียวเจียวเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังนินทาคนก็จะบังเอิญได้พบเจ้าตัว ใบหน้าเผยแววเก้อกระดาก แต่กลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวชาติกำเนิดของเคอหยวนจื่อยังไม่เพียงพอให้พวกนางชายตาแล!“ว่าเจ้าแล้วจะทำไมเล่า? หรือว่าไม่ใช่ความจริง?” เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน
ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงท่ามกลางกลุ่มคน เขาคล้ายเกิดมาเป็นตัวเอก รัศมีเปล่งประกายเหนือผู้อื่น ท่วงท่าสง่างามดุจหยก ทำให้คนยากจะเมินข้ามได้เทียบกับท่าทางเย็นชาในอดีต เขาในวันนี้มีรัศมีของชายหนุ่มมากหลายส่วนมองเห็นเขาคว้าชัยชนะครั้งแรกไปได้ ชั่วขณะหันใบหน้าประดับยิ้มมามองนาง หัวใจของนางเองก็ถูกทำให้หวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น“องค์ชาย นี่คือรางวัลคว้าชัยชนะโยนลูกศรลงไหของท่าน”ฝ่ายชายยื่นพู่สีแดงหนึ่งพวงมาให้อย่างเคารพนบนอบฉู่จวินถิงรับพู่ไป เดินมาหยุดต่อหน้าซ่งรั่วเจินด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามยามสบมองนางอ่อนโยนเป็นพิเศษ“เก็บไว้ให้ดี ข้าจะไปคว้าชัยชนะกลับมาให้มากๆ”ซ่งรั่วเจินมองพู่แดงในมือของตน แม้ว่าเป็นเพียงของรางวัลของผู้ชนะ กลับทำได้งดงามประณีตมาก ถักหัวใจสีแดงอย่างซับซ้อนห้อยเหรียญเอาไว้ ต่อให้นำมาเป็นเครื่องประดับก็งดงามไม่น้อยสำคัญที่สุดคือ...เสียงเปี่ยมความมั่นใจ คล้ายสามีไปหาเงินกลับมาได้และมอบให้ฮูหยินจัดการแม่นางรอบข้างได้เห็นภาพนี้ ภายในสายตาเปี่ยมความอิจฉา ใครสามารถคิดออกเล่าว่าฉู่อ๋องผู้สูงส่งและเย็นชาจะมีวันที่อ่อนโยนต่อแม่นาง
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง ลดเสียงให้เบาลง “ข้าจะคว้าชัยชนะกลับมาให้เจ้าให้ได้”ทุกคนล้วนเห็นว่าฉู่อ๋องคิดจะโยนลูกศรลงไหจริง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือ!ภายในกลุ่มคน ถังเสวี่ยหนิงเองก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้แล้ว มองเห็นฉู่อ๋องพาซ่งรั่วเจินออกมาเปิดเผยในฐานะคนรัก ภายในสายตาเปี่ยมความแค้นเคือง“ข้าดูแล้วฉู่อ๋องไม่ได้ชอบแม่นางซ่งลึกซึ้งมากมายอะไร หากชอบถึงเพียงนั้น ป่านนี้คงแต่งงานรับคนกลับไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวไม่ใช่หรือ?”เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน นางเองก็ริษยาซ่งรั่วเจิน ถือสิทธิ์อะไรสตรีคนนี้วาสนาดีถึงเพียงนี้!ทว่าเห็นฉู่อ๋องกลับมาแล้ว ทั้งสองคนยังไม่แต่งงานกัน นางรู้สึกมีความสุขไม่น้อยภายในใจบัดนี้เห็นซ่งอี้อันแสดงความสามารถในราชสำนักได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ บิดาของนางชื่นชมเป็นครั้งคราว มารดาเองก็เสียดายที่นางไม่สามารถแต่งกับซ่งอี้อันได้ หาไม่แล้วบัดนี้จะต้องกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนแน่ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษซ่งรั่วเจิน!“ไม่มีความเคลื่อนไหวจริงนั่นแหละ แต่ข้าได้ยินว่าฉู่อ๋องคล้ายมีเจตนาสู่ข