เมื่อรถม้าจอดสนิทดีแล้ว ซ่งจืออวี้ก็รีบตรงเข้าทำความเคารพฉู่จวินถิง “ท่านอ๋อง กระหม่อมมารับน้องหญิงห้าพ่ะย่ะค่ะ”ฉู่จวินถิงพยักหน้าพลาง มองไปยังหญิงสาวข้างกาย “เช่นนั้นเจ้ากลับไปก่อนเถิด”“หม่อมฉันทูลลาเพคะ”ซ่งรั่วเจินตอบรับไปคำแล้วหมุนตัวเดินออกมา“จริงสิ เรื่องนั้นมิต้องรีบร้อนไป อย่างไรก็ระวังไว้เป็นดี” ฉู่จวินถิงกำชับไปอีกครั้งด้วยไม่อาจวางใจ “หม่อมฉันทราบดีเพคะ ขอบพระทัยท่านอ๋อง”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า เห็นชายหนุ่มไม่มีสิ่งใดจะพูดแล้วจึงขึ้นรถม้าไปกับซ่งจืออวี้โดยไม่ได้เหลียวหลังอีกคืนนี้เรื่องราวมากมายประเดประดัง หากเป็นวันปกตินางคงได้เข้านอนไปนานแล้ว ฉู่จวินถิงมองตามแผ่นหลังคล่องแคล่วว่องไวของนางไป เขาเม้มริมฝีปากแล้วหัวเราะเบาๆ แม่นางผู้นี้จากไปรวดเร็วดีแท้!อวิ๋นหยางสังเกตปฏิกิริยาของผู้เป็นนายตนอย่างรอบคอบ ในใจเกิดความตกตะลึงปกติแล้วจะมีก็แต่ภาพแม่นางมองตามหลังท่านอ๋องอยู่ไกลๆ มีหรือจะได้เห็นภาพท่านอ๋องมองตามหลังแม่นางคนใดจากไปเช่นนี้?“ท่านอ๋อง ทรงชอบพอคุณหนูซ่งอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ?” อวิ๋นหยางลองเชิงถามฉู่จวินถิงเพียงเหลือบมองเขาไปที ความเยียบเย็นที่แผ่ซ่านออกมาเ
วันถัดมา ยามซ่งรั่วเจินกำลังทานมื้อกลางวันก็ได้ยินข่าวคราวจากสกุลไป๋“เมื่อคืนวานหลังไป๋ฮูหยินกลับไปได้ไม่นานก็สิ้นใจแล้ว ทว่าก่อนหมดลมนางได้ฝากฝังคำสั่งเสียเอาไว้ไม่น้อย ที่ว่ามาก็ล้วนเป็นเรื่องความกังวลที่ว่าคุณชายใหญ่สกุลไป๋จะแย่งชิงสินทรัพย์ของคุณชายอีกสองคนไป”“ว่ากันว่าเมื่อคืนวานสกุลหลี่ว์ก็ตามไปที่นั่นด้วย ร้องขอให้ให้ท่านโหวรีบนำเรื่องบอกกล่าวสู่สังคม เพื่อที่จะยืนยันสถานะของไป๋จื่อมู่”ซ่งจืออวี้เล่าถึงข่าวที่เพิ่งได้ยินมา “ไป๋ฮูหยินช่างเผด็จการเสียจริง แม้ว่ากันตามจริง คุณชายใหญ่สกุลไป๋จะมิใช่ลูกในไส้ของนาง ทว่าหากในตอนนั้นนางมิได้รับเขามาอุ้มชู มีหรือจะได้มีตำแหน่งฮูหยินจวนโหวเช่นนี้”“บัดนี้ข้ามสะพานได้กลับรื้อสะพานทิ้งถีบหัวส่งเขา ทั้งยังเป็นเหตุให้มารดาเขาตาย คุณชายใหญ่สกุลไป๋ช่างน่าเวทนาเสียจริง”ซ่งรั่วเจินฟังคำแล้วไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อยหลี่ว์เหวินซิ่วเดิมเป็นคนเห็นแก่ตัว กระทั่งความคิดจะฆ่าไป๋จื่อมู่ก็ยังเกิดมีขึ้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าเกลียดชังอย่างมิอาจอยู่ร่วมโลกได้มากเพียงใดเรียกคนสกุลหลี่ว์มาก่อนสิ้นใจเช่นนี้ ก็เพื่อเป็นการยืนยันความตั้งใจนี้ ทั้งยังเป็นก
ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกของนางได้ค่อยๆ มลายหายไปตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว...“หากเจ้าชอบพอเขาอยู่จริงก็จงบอกแม่ตามตรงเถิด หลายวันก่อนเจ้าสลบไสลมิได้สติ เยี่ยนโจวก็ได้แจ้งชัดถึงความในใจกับพ่อเจ้าแล้ว ว่ามีใจอยากจะสู่ขอเจ้า” เยี่ยนชิงอวี้กล่าวลั่วชิงอินตกใจเสียจนแทบทำถ้วยหลุดมือ“เขาว่า...จะสู่ขอข้าหรือ?”เยี่ยนชิงอวี้พยักหน้าอย่างจนใจ ลูกสาวของนางคนนี้ช่างหัวรั้นหัวแข็งเสียจริงหากเปลี่ยนเป็นนาง ต่อให้ก่อนหน้านี้ซ่งเยี่ยนโจวจะมีเหตุผลใดให้ไม่อาจแต่งกับนางได้ นางก็จะเฟ้นหาคู่ครองคนใหม่ที่สมดังใจให้จงได้ ไม่ใช่หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ต้องเป็นซ่งเยี่ยนโจวเท่านั้นแต่ลูกสาวของนางกลับรักปักใจในเขาอย่างลึกซึ้ง ดันทุรังรั้งรอเขาจวบจนถึงตอนนี้“เขาบอกว่าจะสู่ขอเจ้า และเขาก็แสดงให้ข้าและพ่อของเจ้าได้เห็นชัดแล้ว”“ฝ่าบาทยังมิได้ถอดถอนตำแหน่งของเขา รอเขาหายดีแล้ว ก็ยังคงเป็นหัวหน้าราชองครักษ์บูรพาระดับสี่ หากเจ้ายังชอบพอเขาอยู่จริง จะลองพิจารณาดูก็ย่อมได้” เยี่ยนชิงอวี้กล่าวคิ้วตาของลั่วชิงอินปรากฏร่องรอยเปี่ยมปิติออกมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงของนางก็ฟังดูสดใสขึ้นทันตา“ท
“ข้าไม่ได้สั่งการผู้ใดไปลงมือ” ลั่วหวยเฉิงได้ฟังคำถามจากมารดาและน้องชายตนแล้วส่ายหัวปฏิเสธ “น่าจะเป็นซ่งเยี่ยนโจวเสียมากกว่า”จบประโยค เยี่ยนชิงอวี้และลั่วหวยหลี่ต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน สีหน้าเต็มด้วยความแปลกใจ “ซ่งเยี่ยนโจวหรือ?”“เรื่องนี้นอกเสียจากพวกเราก็มีเพียงซ่งเยี่ยนโจวที่รู้ เขาจัดการเรื่องราวมิมีขาดตกบกพร่อง คงจะเพราะคาดเดาได้ว่าเหยาจิ่นเฉิงจะคว้าเอาเรื่องนี้เป็นโอกาสจึงได้ชิงลงมือตัดหน้าเสียก่อน”“นอกจากเขาแล้ว คงมิอาจเป็นใครอื่นได้แล้ว”ลั่วหวยเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ เขารู้จักซ่งเยี่ยนโจวมานานนมแล้ว ย่อมรู้ดีว่านิสัยของเขาเป็นเช่นไร เพียงดูวิธีการก็มองออกได้แล้วว่าใช่เขาหรือไม่“ข้าก็คิดอยู่เชียวว่าผู้ใดกันลงมือได้รวดเร็วกว่าข้าเสียอีก ที่แท้ก็เป็นพี่เยี่ยนโจว เช่นนั้นก็มิน่าแปลกแล้ว”ลั่วหวยหลี่หัวเราะขึ้น ตั้งแต่ความเข้าใจผิดได้คลี่คลายลงแล้ว ความขุ่นข้องหมองใจของเขาก็มลายหายไปด้วยเช่นกัน ยามนี้เมื่อได้รู้ว่าเขาปกป้องพี่หญิงรองเช่นนี้ ความรู้สึกยิ่งดีมากขึ้นไปอีก“ท่านแม่ มิได้ให้น้องหญิงรองแต่งกับเหยาจิ่นเฉิงจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว เห็นได้ชัดจากเ
หลินจือเยว่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้แรกเริ่มซวงซวงเคยปฏิเสธเขาเพราะมีใจชอบพอฉู่อ๋อง แต่หลังจากนั้นที่เขาไปชายแดน ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ ซวงซวงจึงคิดขึ้นมาได้ จนตามเขาไปอยู่ด้วยกันยังชายแดนคำพูดประโยคนี้ของซ่งจืออวี้แม้จะเจ็บแสบระคายหูนัก แต่เขาก็ฟังมันอย่างตั้งใจ ฉินเซี่ยงเหิงเป็นเช่นใดฉินซวงซวงก็ย่อมเป็นเช่นนั้น ตอนแรกเลือกเขาแล้ว ไม่ใช่ว่าเกิดเสียใจขึ้นมาหรอกหรือ จึงได้เกิดความคิดอยากจะปีนป่ายเข้าหาฉู่อ๋องอีก?สีหน้าของฉินซวงซวงแปรเปลี่ยน นางทำทีท่าราวถูกใส่ความอย่างหนัก ร้องไห้พลางกล่าว“ท่านพี่ ในใจและสายตาของข้ามีก็แต่ท่านเท่านั้น เพื่อจะได้แต่งงานกับท่าน ข้าต้องทนแบกรับคำนินทาครหามากมาย ท่านคิดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?”“ข้าบริสุทธิ์ใจจริงๆ หากข้ายังลืมฉู่อ๋องไม่ได้ ตอนแรกข้าจะตามไปหาท่านที่ชายแดนได้อย่างไร?”เรือนคิ้วหลินจือเยว่ขมวดมุ่น “แล้วเจ้าอยู่ดีไม่ว่าดีเหตุใดจึงต้องไปจับผิดความสัมพันธ์ฉู่อ๋องกับซ่งรั่วเจิน ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยสักนิด”“ก็ย่อมเพื่อท่านอย่างไรเล่า!” ฉินซวงซวงว่า“เพื่อข้าหรือ?”“หากมิเพราะซ่งรั่วเจิน ท่านมีหรือจะสูญยศสิ้นตำแหน่ง? เป็นน
เมื่อแรกเขาควรฟังมารดา แต่งงานรับซ่งรั่วเจินเข้าจวนก่อน ปลอบโยนดีแล้วค่อยให้ซวงซวงเข้าบ้านเช่นนี้แล้ว ต่อให้ซ่งรั่วเจินไม่ยินดี ก็ไม่สามารถหย่าได้อย่างง่ายดายนักเขาไม่มีวันตกต่ำกลายเป็นสามัญชน เขายังเป็นหลินโหวฐานะสูงศักดิ์ เป็นขุนนางใหม่ในราชสำนัก มีอนาคตที่ดี มิใช่ตัวตลกเพียงออกจากบ้านก็ถูกคนหัวเราะเย้ยหยันเช่นนี้มองมารดาตรงหน้า เขารู้สึกทรมานมากยิ่งขึ้นภายในใจ ก่อนนี้ยามเพิ่งกลับจากสนามรบ มารดาสวมใส่เครื่องประดับเงินทอง สีหน้านวลแดง ภายในจวนรุ่งเรืองรุ่งโรจน์นี่เพิ่งผ่านไปนานมากเพียงใดกัน ภายในจวนก็รายรับไม่พอรายจ่าย กินดื่มสวมใส่ใช้สอยต้องประหยัด แม้แต่บ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติก็เกือบไปหมดแล้วพูดว่าไม่เสียใจภายหลังเป็นเรื่องเท็จ ไฉนเลยเขาจะไม่เสียใจภายหลังได้เล่า?ฉินซวงซวงเห็นฮูหยินผู้เฒ่าหลินโยนความผิดทั้งหมดให้นาง เกิดโทสะขึ้นภายในใจอย่างสุดระงับ“ข้าและท่านพี่มีจิตปฏิพัทธ์ต่อกัน เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เป็นซ่งรั่วเจินใจแคบเกินไป หาเรื่องไปทุกจุดไม่ยอมผ่อนปรนจึงมาถึงขั้นนี้ เช่นนี้จะโทษเพียงข้าได้อย่างไร?”“หากมิใช่เจ้าก่อความวุ่นวาย จะต้องทำลายการหมั้นหมายของจือเยว่ให้ไ
สายตาฮูหยินผู้เฒ่าหลินคล้ายตบหน้าฉินซวงซวงไปแล้วหนึ่งฉาด ล้วนต้องโทษฉินเซี่ยงเหิง!เรื่องจ้าวซูหว่านนี้โวยวายจนไม่น่าดูชมมากเกินไป เอ่ยถึงก็คล้ายวิจารณ์ข้อผิดพลาดของผู้อื่น แม้แต่เหตุผลให้ตอบโต้ก็ไม่มี“ลูกเอ๋ย เจ้าฟังคำชี้แนะของแม่สักครั้ง อย่าได้เหลวไหลตามนางเป็นอันขาด หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป น่ากลัวว่าแม้แต่ชีวิตก็รักษาไว้ไม่ได้แล้ว”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินมองหลินจือเยว่อย่างปวดใจ หากเป็นไปได้ อยากให้เขาหย่าภรรยาแต่งงานใหม่เสียเลยเพียงน่าเสียดาย บัดนี้ตระกูลหลินตกลำบากกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว ยังมีใครยินดีแต่งงานเข้ามาอีกเล่า?หลินจือเยว่พยักหน้า “ท่านแม่วางใจเถิด ลูกล้วนเข้าใจดี ภายภาคหน้าไม่มีวันปล่อยให้ซวงซวงทำเรื่องเหลวไหลอีกแล้ว”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินกำชับเขาอีกหลายประโยคนี่ถึงจากไป เท้าหน้าเพิ่งจากไป ฉินซวงซวงก็พูดอย่างสุดจะหักห้ามใจได้“ท่านพี่ เมื่อครู่ท่านพูดคำนี้หมายความว่ากระไร? เหตุใดข้าเหลวไหลไปได้เล่า? ข้าทำทั้งหมดนี้หรือยังมิใช่เพราะคิดคำนึงแทนพวกเราอีกหรือ?”“เกิดเรื่องขึ้นมากเพียงนี้ ยังไม่ต้องพูดว่าภายในใจท่านแม่ข้าทุกข์ทรมานมากนัก ข้าก็เพียงตกปากรับคำท่านแม่สองประโยคเท
“บัดนี้สถานการณ์ของสกุลซ่งไม่ดี ทว่าหากได้ลั่วกั๋วกงช่วยเหลือ สกุลซ่งก็อาจกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง ซ่งเยี่ยนโจว สามารถอาศัยกำลังช่วยเหลือจากลั่วกั๋วกงก้าวขึ้นไปอีกหนึ่งชั้นได้!”สายตาเหยาจิ่นเฉิงเปี่ยมความมิอาจหักใจ อันที่จริงเขาไม่รู้สึกอะไรต่อลั่วชิงอิน เพียงคิดว่าสามารถหลับนอนกับสตรีที่ซ่งเยี่ยนโจวชมชอบได้ มากน้อยอย่างไรก็มีความสุขแน่นอน สำคัญที่สุดยังเป็นฐานะของลั่วกั๋วกงหากเปลี่ยนเป็นอดีต ลั่วชิงอินอายุยังน้อย ด้วยฐานะของพวกเขาสกุลเหยา เดิมทีก็ไม่สามารถเอื้อมถึงกุลลั่วสองปีมานี้ ตัวเขาเองก็พยายาม แต่อยากแหวกว่ายในราชสำนักดุจมัจฉาในวารีนี้ยากเพียงใด?หากมีที่พึ่งพาอาศัยเฉกเช่นลั่วกั๋วกง นั่นก็ไม่เหมือนกันแล้ว นี่ก็คือสาเหตุที่เขาเกิดความสนใจต่อลั่วชิงอินในตอนแรกบัดนี้ต้องประกบมือหลีกทางให้คนอื่น รู้สึกปวดแปลบไม่สบอารมณ์ภายในใจอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง“เรื่องนี้แม่เองก็รู้ แต่สตรีที่ไม่สามารถคลอดลูกได้แม้คนเดียว เจ้าแต่งกลับมาก็คือภาระ!”“เจ้าดูร่างกายผอมบางเพียงลมพัดก็ปลิวของลั่วชิงอินคนนั้น เจ้ายังเป็นคนชอบทรมานคนอีกด้วย น่ากลัวว่าอยู่ได้ไม่นานก็ตายแล้ว” สวี่ซืออี้กังวลอ
เหอเซียงหนิงตัวไร้ประโยชน์คนนี้ถึงขั้นคิดดึงนางมารับเคราะห์ไปด้วย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พูดว่าไม่อยากดึงนางออกมาถังเสวี่ยหนิงก็ยืนอยู่ทางฝั่งนาง สกุลถังเป็นตระกูลแนวหน้าของเมืองหลวง เดิมทีก็ไม่กลัวสกุลซ่ง ตัวโง่งมคนนี้ใช้ประโยชน์จากสกุลถังเป็นโล่กำบัง ต้องการโยนความผิดมาที่ตน!“หากไม่ใช่เจ้า ข้าจะตกลำบากถึงขั้นนี้ได้เยี่ยงไร?”เหอเซียงหนิงไม่ใส่ใจความสัมพันธ์อะไรอีกแล้ว นางย่อมรู้ว่าสกุลถังยอดเยี่ยมกว่าสกุลฉิน ไฉนเลยนางจะกล้าป้ายความผิดให้สกุลถัง?ต่อให้ทำสำเร็จ ตนเองก็ถูกตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว ล่วงเกินสกุลถังยังมีผลดีอะไรกันเล่า?“เจ้าเกลียดซ่งรั่วเจินมาโดยตลอด เก็บข้าไว้ก็เพื่อใช้เป็นหมากตัวหนึ่งเท่านั้น”“เดิมทีก็ไม่ต้องตกลำบากถึงขั้นนี้ มุ่งร้ายต่อซ่งรั่วเจินมีอะไรดีต่อข้าเล่า? อย่างไรเสียคุณชายสวีก็ไม่ชอบข้า ปาไข่กระทบหินเช่นนี้ข้ายังไม่กลายเป็นตัวโง่งมอีกหรือ?”“ทั้งๆ ที่เป็นฝีมือของเจ้า ข้าไม่รู้เรื่องด้วยเลย ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าข้าหวังดีรับเจ้าไว้ เจ้าจะเนรคุณปรักปรำข้า!” ฉินซวงซวงพูดอย่างโมโหซ่งรั่วเจินมองสองคนตรงหน้าทะเลาะกัน ก่อนหน้านี้รู้สึกแปลกใจที่ฉินซวงซวงเก็บเหอ
“ข้า ข้าเปล่า”เหอเซียงหนิงว้าวุ่นหนัก ไม่รู้ว่าสมควรทำเช่นไรถึงจะดี นึกเสียใจภายหลังคิดว่าสมควรยอมแพ้ตั้งแต่ตอนที่กังวลใจ บัดนี้ชุลมุนวุ่นวายจนจบไม่ลงแล้ว“เจ้ายังพูดว่าเปล่า? พวกเขาล้วนสารภาพแล้วว่าทั้งหมดเป็นฝีมือเจ้า หากเจ้าไม่ได้ทำจริงก็สาบานต่อฟ้าสิ!”ถังหงจี้สีหน้าปึ่งชา มีตัวอย่างดั่งเช่นพวกอวิ๋นจู๋สองคน ขอเพียงโยนความผิดทั้งหมดให้ถังเสวี่ยหนิงก็เพียงพอแล้ว“ข้า ข้า...” เหอเซียงหนิงรีบหันมองทางฉินซวงซวง หวังให้นางช่วยตนคิดหาวิธีก่อนหน้านี้ทั้งๆ ที่เป็นนางรับปากว่าจะจัดการทั้งหมดอย่างดี ไม่มีวันเกิดข้อผิดพลาด!จากนั้น ฉินซวงซวงเห็นสถานการณ์เปลี่ยนไปไม่เหมือนที่คาดการณ์ไว้ ถูกเปิดโปงอย่างว่องไวก็ตกตะลึงเหม่อไป รีบหลบเข้ากลุ่มคน ต้องการลอบออกจากที่นี่นางจะปล่อยให้เรื่องนี้เข้ามาพัวพันกับตนเองไม่ได้อีก หาไม่แล้วจะต้องซวยไปด้วยกัน!เพียงเหอเซียงหนิงมองไปก็เห็นฉินซวงซวงเตรียมพาหลินจือเยว่หนีไป ไฉนเลยจะยอมปล่อยให้นางไปเช่นนี้ได้?“เป็นฉินซวงซวง! เป็นนางบงการให้ข้าทำเช่นนี้!”ทุกคนล้วนหันมองตามมือของเหอเซียงหนิงไป ก็ได้เห็นใบหน้าร้อนตัวของฉินซวงซวง ท่าทางคือกำลังต้องการหนีไ
ได้ยินถ้อยคำเจ้าเล่ห์ของเหอเฉิงหยาง พี่น้องสกุลซ่งรู้สึกเพียงน่าขันก่อนหน้านี้ดีดลูกคิดว่องไวจนแผนการภายในใจแทบจะระเบิดออกมาใส่หน้าพวกเขาแล้ว บัดนี้เพียงหนึ่งประโยคขอขมาก็อยากให้เรื่องจบลง ฝันหวานเกินไปแล้วกระมัง!ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันสบตากันแวบหนึ่ง เกิดความคิดแล้วซ่งรั่วเจินกำลังจะอ้าปากก็มองเห็นสายตาของพี่ชายทั้งสอง ทันใดนั้นเข้าใจแล้วว่าตนเองไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไป“ก่อนหน้านี้เหอเซียงหนิงถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอ ตัดขาดความสัมพันธ์กับสกุลเหอไปแล้ว”“ได้ยินมาว่ายามนางถูกขับไล่ออกไปก็ได้เงินติดตัวไปไม่มาก ทว่าคนเหล่านี้ล้วนถูกนางซื้อมา พูดว่าไม่มีคนช่วยเหลือ นั่นเป็นไปไม่ได้”“คุณชายเหอ เจ้าไม่คิดจะอธิบายสักหน่อยหรือ?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถามสายตาซ่งอี้อันตกลงบนตัวถังหงจี้ ครุ่นคิดพลางพูด “หรือว่าคนที่มีส่วนร่วมด้วยก็คือสกุลถังกันเล่า? มิสู้พวกเจ้าพูดออกมาตามตรง มีฮองเฮาและท่านอ๋องเป็นผู้ตัดสิน ก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนศาลาว่าการแล้ว”ถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนย่อมรู้ความหมาย“พูดไปแล้วก็จริงเสียด้วย! เหอเซียงหนิงกลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว ได้ยินมาว่าไม่มีที่ไป ทำได้เพียงไปอาศัยที่
เมิ่งชิ่นพูดแขวะ “เพียงได้เห็นท่าทางร้อนตัวเช่นนี้ก็รู้ว่าหลอกลวง ยังไม่ต้องพูดว่าตนเองต่ำช้าแต่ยังทำให้สองคนต้องตายไปอีกด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เยี่ยงไร มิสู้ตายไปให้รู้แล้วรู้รอด!”ฉู่จวินถิงสบมองซ่งรั่วเจินด้วยสายตาลุ่มลึกแวบหนึ่ง ทันใดนั้นรู้สึกว่าไม่มีใครบนโลกนี้สามารถรังแกนางได้นาง...จะต้องไม่ใช่ซ่งรั่วเจินในตอนแรก กลับเป็นแม่นางที่เขาชมชอบด้วยใจจริงบางที ความหมายในการเกิดใหม่ของเขาก็คือได้พบกับนาง“ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” สายตาซ่งรั่วเจินจับจ้องคนที่เหลือเหล่านั้น หยิบกระดาษเขียนยันต์ออกมาหนึ่งแผ่นอย่างไม่ใส่ใจ“ข้าไม่มีความอดทนมากถึงเพียงนั้น พวกเจ้ารู้ความสักหน่อย อย่าให้ข้าถามทีละคนเลย”เดิมทีคนเหล่านั้นก็ตกใจจนหน้าเผือดซีดอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่ฟ้าสว่างจ้ากลับเกิดฟ้าผ่าได้ คราวนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าซ่งรั่วเจินมีวิธีอีกอย่างที่สามารถจัดการกับพวกเขาได้ จึงรีบพูดความจริงทั้งหมดออกมา“ข้าพูด ข้าจะพูดทั้งหมดเลย!”“เรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเท็จ เป็นเหอเซียงหนิงมอบเงินให้พวกเรา ให้พวกเรารวมหัวกันพูดปด”“พวกเราตอบตกลงก็เพราะเงิน ขอร้องแม่นางซ่งได้โปรดไว้ชีวิตพว
เวลาคล้ายหยุดนิ่งก็มิปานบัดนี้ความครึกครื้นของเขตล่าสัตว์เงียบงันไร้เสียง ทุกคนหันมองซ่งรั่วเจิน เพียงคิดว่านางดุจดั่งเซียนเดินดิน วิธีการนี้ชวนให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่มีใครสงสัยว่านี่คือความสามารถของซ่งรั่วเจินสามารถทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ทันท่วงทีเช่นนี้ได้ นี่คือวิธีการน่าทึ่งอะไรกัน?อวิ๋นเนี่ยนชูและเมิ่งชิ่นลืมตาอ้าปากค้าง ปากที่อ้าออกลืมปิดให้สนิท ตนเองสามารถมีสหายหญิงเช่นนี้ได้ นับเป็นวาสนายิ่งใหญ่!เรื่องนี้พูดออกไปสามารถโอ้อวดได้ชั่วชีวิต!พี่น้องชายทั้งสี่ของสกุลซ่งหันหน้าสบตากัน มองเห็นท่าทางตกตะลึงของอีกฝ่าย หลังตอบสนองกลับมาได้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกน้องหญิงของตนมีความสามารถยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!เพียงสถานการณ์ในวันนี้ ภายภาคหน้าใครยังขวัญกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าน้องสาว นั่นก็คือรนหาที่ตาย!ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยืนทางฝั่งน้องหญิงห้า?“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรต่อคำอธิบายนี้?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น สายตาเย็นชาสบมองถังหงจี้ เหอเฉิงหยางและคนอื่น เจือความเย้ยหยันหลายส่วนสีหน้าถังหงจี้และคนอื่นล้วนไม่สบอารมณ์มาก นึกเสียใจภายหลังภายในใจ
เหอเฉิงหยางสบมองซ่งรั่วเจินอย่างโกรธแค้น “โหดเหี้ยมจริงนั่นล่ะ! หากครั้งนี้ข้าไม่สามารถลงโทษเจ้าได้ ไฉนเลยข้าจะมีหน้าพบเซียงหนิงได้?”“สกุลซ่งจะต้องมอบคำอธิบายให้พวกเราอย่างหนึ่ง นี่คือต้องการจะเอาชีวิตของเซียงหนิงจริงๆ!”ถังหงจี้ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้ไป พูดว่า “ซ่งอี้อัน คราวนี้ไม่ใช่ข้ามอบคำอธิบายให้เจ้า แต่เป็นพวกเจ้าสกุลซ่งสมควรมอบคำอธิบายให้คนทั่วหล้า!”เวลาเพียงชั่วพริบตา นับตั้งแต่อวิ๋นจู๋สองคนสาบานในช่วงเวลาสั้นๆ การแสดงของสกุลเหอและสกุลถังก็มากเพียงพอแล้วฉู่จวินถิงและสี่พี่น้องสกุลซ่งกลับไม่รีบ เพราะเคยเห็นความสามารถของซ่งรั่วเจินมาก่อน ก็รู้ว่าในเมื่อนางพูดเช่นนี้จะต้องทำได้อย่างแน่นอน“รีบอะไรกัน? ต่อให้ต้องการฟ้าผ่าท่ามกลางอากาศแจ่มใสเช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยมิใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดอย่างไม่พอใจถ้อยคำนี้ทำให้ถังหงจี้และเหอเฉิงหยางหัวเราะลั่น “ซ่งจืออวี้ เพื่อปกป้องน้องสาวไม่ว่าคำใดเจ้าก็สามารถพูดออกมาได้ เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าฟ้าผ่าก็ต้องรอเวลา!”คนรอบข้างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ตกว่าอยู่ดีๆ เหตุใดซ่งรั่วเจินจึงต้องรนหาที่ด้วยอธิบายออกมายังมีโอกา
เขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ตกอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่มีคนมากมายถึงเพียงนี้ แต่สายตายามทุกคนสบมองซ่งรั่วเจิน กลับรู้สึกใจสั่นอย่างไร้สาเหตุฮองเฮาเห็นภาพนี้อยู่ภายในสายตา ท่าทีรับมืออย่างสุขุมของซ่งรั่วเจินทำให้นางเปลี่ยนความคิดไม่มีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เหมือนสตรีเกิดในตระกูลเล็กๆ เผชิญหน้ากับความสงสัยโดยไม่ลนลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชี้จุดปัญหาได้อย่างตรงประเด็นเพียงแต่สำหรับเรื่องคำสาบานทำนองนี้กลับไม่น่ากลัวมากนัก กระนั้นเพียงออกจากปากแม่นางคนนี้ ถึงขั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ทุกคนที่นี่ล้วนนึกถึงความสามารถด้านศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจิน โดยเฉพาะหลังจุดกระดาษเขียนยันต์แล้ว รู้สึกลึกลับมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าพูดเหลวไหลส่งเดชอีกถังเสวี่ยหนิงเห็นคนเหล่านั้นกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าพูด เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เดิมทีพวกเจ้าก็ไม่มีเรื่องให้ต้องละอายใจอยู่แล้ว ยังกังวลอะไรอีกเล่า? รีบพูดออกมาเถอะ!”อวิ๋นจู๋และเพ่ยอวิ๋นสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกกังวลภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดก่อนเหอเซียงหนิงกระซิบเร่ง “กลัวอะไร? ก็แค่จงใจข่มขู่พวกเจ้าเท่านั้น หรือพวกเจ้าเชื่อจริง?”“ทุกวันมีคนสาบานไม่รู
“ข้าได้ยินมาว่าหลังเจ้าถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอก็ไม่มีเงินติดตัว ทำได้เพียงไปอยู่ที่สกุลฉินชั่วคราว ส่วนฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ติดเงินข้ายังไม่ได้คืน น่าจะไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้นมอบให้เจ้าไปตามหาคนได้กระมัง?”เมิ่งชิ่นเองก็ช่วยพูด “องครักษ์จวนแม่ทัพของพวกเรามีฝีมือไม่เลว ไม่ว่ามองอย่างไรทำเรื่องลับๆ พรรค์นี้ก็สมควรให้คนสนิทไปลงมือ รั่วเจินไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ต้องพูดว่าไปหาอวิ๋นจู๋ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ ยังให้เขาไปตามหาคนช่วยที่นอกจวนอีกรึ?”“เรื่องนี้เพียงได้ยินก็รู้ว่าเป็นความเท็จ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”คนอื่นเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เหอเซียงหนิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับไม่รีบ “จะต้องเป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ จึงไปหาคนที่นอกเมือง”“คนอื่นในสกุลซ่งล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีวันปล่อยให้นางทำเรื่องโหดเหี้ยมพรรค์นี้”ซ่งจืออวี้หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ “คราวนี้กล่าวหาพวกเรา ต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรา? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันเสียหรอก!”“เดิมทีน้องหญิงห้าของข้าก็ไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยม หาไม่แล้วนางคิดอยากได้ชีวิตของเจ้
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ