“บัดนี้สถานการณ์ของสกุลซ่งไม่ดี ทว่าหากได้ลั่วกั๋วกงช่วยเหลือ สกุลซ่งก็อาจกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง ซ่งเยี่ยนโจว สามารถอาศัยกำลังช่วยเหลือจากลั่วกั๋วกงก้าวขึ้นไปอีกหนึ่งชั้นได้!”สายตาเหยาจิ่นเฉิงเปี่ยมความมิอาจหักใจ อันที่จริงเขาไม่รู้สึกอะไรต่อลั่วชิงอิน เพียงคิดว่าสามารถหลับนอนกับสตรีที่ซ่งเยี่ยนโจวชมชอบได้ มากน้อยอย่างไรก็มีความสุขแน่นอน สำคัญที่สุดยังเป็นฐานะของลั่วกั๋วกงหากเปลี่ยนเป็นอดีต ลั่วชิงอินอายุยังน้อย ด้วยฐานะของพวกเขาสกุลเหยา เดิมทีก็ไม่สามารถเอื้อมถึงกุลลั่วสองปีมานี้ ตัวเขาเองก็พยายาม แต่อยากแหวกว่ายในราชสำนักดุจมัจฉาในวารีนี้ยากเพียงใด?หากมีที่พึ่งพาอาศัยเฉกเช่นลั่วกั๋วกง นั่นก็ไม่เหมือนกันแล้ว นี่ก็คือสาเหตุที่เขาเกิดความสนใจต่อลั่วชิงอินในตอนแรกบัดนี้ต้องประกบมือหลีกทางให้คนอื่น รู้สึกปวดแปลบไม่สบอารมณ์ภายในใจอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง“เรื่องนี้แม่เองก็รู้ แต่สตรีที่ไม่สามารถคลอดลูกได้แม้คนเดียว เจ้าแต่งกลับมาก็คือภาระ!”“เจ้าดูร่างกายผอมบางเพียงลมพัดก็ปลิวของลั่วชิงอินคนนั้น เจ้ายังเป็นคนชอบทรมานคนอีกด้วย น่ากลัวว่าอยู่ได้ไม่นานก็ตายแล้ว” สวี่ซืออี้กังวลอ
สกุลซ่งทำให้พวกเขาขาดทุนหนักเพียงนี้ จะปล่อยไปอย่างง่ายดายได้เยี่ยงไร?ไม่มีวัน!“ดังนั้นสองวันนี้นางจะไปจัดการร้านขายสมุนไพรช่วงกลางคืนกระนั้นหรือ?”“ใช่ขอรับ”สายตาเหยาจิ่นเฉิงเผยแววนึกสนุก ซ่งเยี่ยนโจวขวัญกล้าส่งคนมาตีเขา กำเริบเสิบสานไม่กริ่งเกรงเพียงนี้ เขาจะทำให้ซ่งเยี่ยนโจวได้เสียเปรียบ! ก็ไม่รู้หลังได้รู้ว่าน้องสาวของตนถูกเขาทำลาย เขาจะยังสามารถหัวเราะออกมาได้อีกหรือไม่?......สีท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ซ่งรั่วเจินยังตรวจนับบัญชีอยู่ภายในร้านขายสมุนไพรดังเดิมบัดนี้ร้านขายสมุนไพรของตระกูลเหยาอยู่ในมือของพวกเขา แต่ต้องการรับไว้ทั้งหมดโดยไร้ข้อสงสัยก็ยังมีเรื่องอีกมากต้องจัดการ พอดีจะได้รวมเข้ากับร้านขายสมุนไพรของตระกูลตนสมุนไพรส่วนหนึ่ง ก่อนนี้ช่องทางการซื้อของพวกเขามิอาจเทียบสกุลเหยาได้ บัดนี้ย่อมต้องใช้โอกาสนี้รับช่วงต่อด้วยกันเสียเลยเจ้าของร่างเดิมเชี่ยวชาญด้านการค้ามาก บังเอิญนางก็ไม่แย่ในด้านนี้ กอปรกับวิธีทำการค้ารูปแบบใหม่บางส่วน จึงจัดการเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี“คุณหนู ทั้งหมดล้วนทำตามคำสั่งของท่านแล้ว วางใจได้ พวกเราจะดูแลอย่างเป็นระเบียบขอรับ”ใบหน้าผู้จัดการ
เฉินเซียงเห็นคุณหนูถูกสะกดรอยตาม ถึงขั้นไม่ว้าวุ่นเลยสักนิด ชนิดที่ว่ายังดีใจอีกด้วย สายตาเปี่ยมความรู้สึกเหลือเชื่อ“คุณหนู ท่านฟังบ่าวนะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ต้องการวางแผนทำอะไร ท่านยังรีบจากไปเร็วหน่อย บ่าวจะขวางพวกเขาไว้เอง!”ซ่งรัวเจินมองเฉินเซียงอย่างเอือมระอา เด็กคนนี้เอวบางร่างน้อย พวกเขาเข้ามาจับแค่คนเดียวก็แบกไปได้แล้ว กระนั้นสามารถมีน้ำใจเช่นนี้ได้ เทียบกับพวกชอบซุบซิบนินทาก็ดีกว่ามากนัก“อีกเดี๋ยวเดินถึงตรอกเล็กสายนั้น เจ้าก็หลบไปก่อน อย่าถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเล่า”เฉินเซียงตกตะลึง รู้สึกเสียใจอย่างสุดระงับ หากรู้ตั้งแต่แรก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ขอเดินกลับด้วยตนเองกับคุณหนู ก็ไม่รู้ว่าโหย่วฝูคนนั้นถูกคนซื้อไว้แล้วหรือไม่!คนสะกดรอยตามสองสามคนเห็นว่าซ่งรั่วเจินเข้าตรอกเล็กไปแล้ว ภายในใจนั่นเรียกว่าตื่นเต้น“โอกาสมาแล้ว เตรียมลงมือ!”ฝ่ายชายโบกมือ คนอื่นสองสามคนรีบถลันขึ้นไป ภายในสายตาเปี่ยมความตื่นเต้นอีกสักครู่ พวกเขาก็สามารถเพลิดเพลินได้ดีๆ หนึ่งรอบแล้วจากนั้น ชั่วขณะทุกคนเข้าตรอกเล็ก ไม้หนึ่งท่อนก็ฟาดลงบนศีรษะ ตีคนจนหมดสติไปทั้งอย่างนี้เลย“เจ้าสี่!”ทั้งส
“สี่คนนั้น พวกเราจะแจ้งทางการหรือไม่เจ้าคะ?”เฉินเซียงมองคนทั้งสี่ที่กำลังหมดสติ เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “คุณหน มิสู้ให้บ่าวไปแจ้งทางการเถิด คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนชั่ว บ่าวกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของคุณหนู”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “ไม่จำเป็น อันธพาลสองสามคนนี้ต่อให้แจ้งทางการไปก็ไร้ประโยชน์ จับคนลงแรงอยู่ข้างหลังต่างหากสำคัญที่สุด”“คนลงแรงอยู่ข้างหลัง? พวกเขามิใช่เห็นหญิงงามจึงคิดชั่วขึ้นมาหรอกหรือ?” เฉินเซียงเบิกตาโต“เจ้าดูเสื้อผ้าที่พวกเขาสวม ก็แค่สามัญชนธรรมดาเท่านั้น ต่อให้ต้องการลงมือจริงก็จะเลือกแม่นางธรรมดา ขวัญกล้าลักพาตัวคุณหนูตระกูลชนชั้นสูง นี่มิใช่กำลังรนหาที่ตายหรอกหรือ?”เฉินเซียงเข้าใจแล้ว ทันใดนั้นค้นตัวทั้งสี่คน พบเชือกและยานอนหลับอย่างว่องไว“คุณหนู บนตัวพวกเขามีสิ่งเหล่านี้เจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า ใช้เชือกมัดคนทั้งสี่ไว้ จากนั้นเอ่ยว่า “เฉินเซียง เจ้ากลับไปแจ้งพี่สาม บอกเขาว่าข้ารอเขาอยู่ละแวกใกล้เคียงนี้”“แต่ท่านคนเดียว...” ครู่ต่อมาเฉินเซียงเปิดปาก แต่คิดถึงฝีมือยอดเยี่ยมของคุณหนูแล้ว พูดว่า “บ่าวจะรีบไปหาคนที่ร้านเจ้าค่ะ”อาศัยช่วงเวลาเฉินเซียงจากไ
“พี่สาม ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แต่คนเหล่านี้ต้องให้ท่านช่วยจัดการแล้ว”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ สำคัญคือคนมีมาก นางเพียงคนเดียวจัดการได้ไม่สะดวกนักสองสามคนได้ยินว่าซ่งรั่วเจินต้องการจัดการตน ทันใดนั้นก็ตกตะลึง สายตาเปี่ยมความกลัว จะฆ่าคนปิดปากจริงหรือ?“อือๆ...”สองสามคนตกใจจนอยากเปิดปาก จนใจที่ถูกอุดเอาไว้ เปล่งออกมาไม่ได้แม้ครึ่งคำซ่งจืออวี้ยกกำปั้นขึ้น พูดอย่างดุดัน “ล้วนปิดปากให้สนิท!”คนเหล่านั้นตกตะลึง คิดเพียงว่าคนตรงหน้าคล้ายโหดร้ายมากยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก ตกใจใกล้ร้องไห้ออกมาแล้วต่อมา ซ่งจืออวี้ยิ้มตาหยีมองน้องหญิงของตน “น้องหญิงห้า รถม้าใกล้มาแล้ว เจ้าจะจัดการคนทั้งห้านี้เยี่ยงไร?”“ส่งพวกเขาไปที่ตรอกหย่งอัน...”ซ่งรั่วเจินบอกตำแหน่งที่ตั้งคร่าวๆ ให้ซ่งจืออวี้รู้ อีกทั้งยังกระซิบเสียงค่อยห้ามมิให้คนอื่นล่วงรู้ ดีที่สุดขับรถม้าไปด้วยตนเอง อย่าทิ้งจุดอ่อนใดเอาไว้ซ่งจืออวี้ตบอกรับประกันว่าไม่มีปัญหา “น้องหญิงห้า ยกพวกเขาเหล่านี้ให้ข้าเถอะ ข้ารับประกันจะส่งไปตามที่เจ้าพูด แต่เจ้าจะไปที่ใดเล่า?”ซ่งรั่วเจินยกมุมปาก “ข้ายังมีธุระอื่นต้องจัดการ พี่สาม ท่านต้องทำอย่างลึกลับสั
“เหตุใดนานเพียงนี้ก็ยังไม่มา? คงไม่ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันจริงกระมัง?”เหอเซียงหนิงร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ เพื่อให้ได้เห็นฉากพลอดรักของซ่งรั่วเจิน นางยังตั้งใจเตรียมยาแรงเป็นพิเศษอีกด้วยนึกถึงชายภายในกลุ่มนั้น หากซ่งรั่วเจินไม่ตกหลุมพราง นั่นไม่น่าเสียดายหรือ?พลั่ก!ซ่งรั่วเจินเดินเข้าไปข้างหลังเหอเซียงหนิง ใช้มือเดียวสับคนจนหมดสติไป“เหตุใดมีเพียงคนเดียวเล่า?”เมื่อครู่นางตรวจสอบรอบกายดูแล้วหนึ่งรอบ เว้นเสียแต่เหอเซียงหนิงก็ไม่เห็นเงาของฉินซวงซวง กลับรู้สึกเสียดายอยู่บ้างนางค้นพบห่อยาบนตัวเหอเซียงหนิงอย่างว่องไว เพียงเปิดออกก็พบว่ามิใช่ยานอนหลับ แต่เป็นยาปลุกกำหนัดฤทธิ์แรง“ก็คือหญิงใจคอโหดเหี้ยมไม่ผิดไปดังคาด!”ซ่งรั่วเจินบ่นอย่างเสียดาย จากนั้นมองเห็นพี่สามบ้านตนโยนคนทั้งสี่ที่กำลังหมดสติเข้าไปในเรือนหลังหนึ่ง ต่อมาจากไปเงียบๆ“พี่สามจัดการเรื่องพรรค์นี้ได้อย่างไร้ร่องรอย ต้องตกรางวัล!”เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่เหมาะให้คนรู้มากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นตรอกหย่งอันมีหูตามากมาย เป็นจุดศูนย์รวมของสามัญชน สามลัทธิเก้ากระแสล้วนรวมอยู่ที่นี่พวกฉินซวงซวงสองคนเพื่อทำร้ายนาง นับว่าใส่ใจ
ยามซ่งรั่วเจินกลับมาถึงจวนซ่งก็พบว่าไฟยังจุดสว่าง ทั้งๆ ที่สมควรเป็นเวลาพักผ่อนแล้ว ทุกคนยังนั่งอยู่ในโถงหลัก แปลกใจอย่างอดไม่ได้ คงมิใช่ถูกคนในครอบครัวพบแล้วกระมัง?ทั้งๆ ที่นางกำชับพี่สามและเฉินเซียงแล้ว ห้ามมิให้บอกคนอื่น คงมิใช่ถูกจับได้ว่องไวเพียงนี้หรอกกระมัง?อย่างไรเสียทำเรื่องชั่ว คนรู้ยิ่งน้อยก็ยิ่งดี ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลังมารดารู้เรื่องแล้ว จะต้องเก้อกระดากอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงจากนั้น นางเพิ่งเข้าไปโถงหลักก็ได้ยินเสียงเปี่ยมโทสะของพี่สาม “เหตุใดคนสกุลเหยาถึงไร้ยางอายเพียงนี้?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว มองดูแล้วมิใช่เรื่องของนาง แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นกับสกุลเหยา?“ท่านแม่ นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”นางเพิ่งเดินเข้าไปก็เห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ผิดปกติของหลิ่วหรูเยียน ซ่งเยี่ยนโจวใบหน้าแข็งทื่อดุจเหล็ก เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่ดีมาก“เจินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาเสียที”หลิ่วหรูเยียนมองเห็นซ่งรั่วเจิน ความไม่พอใจกลายเป็นกังวล “ข้าได้ยินว่าพี่สามไปรับเจ้ามิใช่หรือ? แต่เห็นว่าพี่สามเจ้ากลับมาแล้ว กลับไม่เห็นเจ้า เจ้าไปที่ใดมา?”“ระหว่างทางเกิดเรื่องทำให้เสียเวลาเล็กน้อย จึงให้พี่สามกลับมาก่อนเ
แม้ว่าไม่มีหลักฐาน แต่คนบนโลกคว้าลมจับเงาได้เชี่ยวชาญที่สุด ขอเพียงสร้างเรื่องสักหน่อย ความรักความแค้นต่อศัตรูหัวใจก็ปรากฏขึ้นต่อสายตาของทุกคนแล้วทว่าคนยกหินใส่เท้าตนเองบนโลกนี้มีมากนัก วันนี้ข่าวลือยิ่งไม่น่าฟัง ละครวันพรุ่งนี้ก็ยิ่งสนุกเห็นซ่งรั่วเจินมั่นใจทุกคนจึงวางใจ พูดว่าพรุ่งนี้จะมีละครสนุกให้ดู ทำให้รู้สึกสงสัยอย่างอดไม่ได้“น้องหญิงห้า นี่คือเจ้าคำนวณออกมาหรือ?”บัดนี้ซ่งเยี่ยนโจวรู้ความสามารถของน้องหญิงห้าแล้ว เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ต้องรู้ว่ามีความเป็นไปได้สองประการประการแรกคือเดิมทีทั้งหมดก็คือการจัดแจงของน้องหญิง ประการที่สองคือคำนวณออกมาแล้วซ่งรั่วเจินพยักหน้า สายตาเผยแววเย็นชา “ในเมื่อเหยาจิ่นเฉิงกัดพี่ใหญ่ไม่ยอมปล่อย ไม่ยอมเป็นคนดี เช่นนั้นมิสู้ทำลายไปเสียเลย!”ทันใดนั้น คนภายในห้องล้วนสัมผัสได้ถึงไอเย็นในน้ำเสียงของซ่งรั่วเจิน รู้สึกสันหลังเย็นวาบล่วงเกินน้องหญิงบ้านตน ช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย“ท่านแม่ พี่ใหญ่ พวกท่านพักผ่อนอย่างสบายใจเถิด รอเช้าวันพรุ่งนี้ พวกเราไปรับชมความครึกครื้นด้วยกัน”......ฉินซวงซวงแย้มยิ้มขึ้นรถม้าไป ภายในใจเปี่
เหอเซียงหนิงตัวไร้ประโยชน์คนนี้ถึงขั้นคิดดึงนางมารับเคราะห์ไปด้วย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พูดว่าไม่อยากดึงนางออกมาถังเสวี่ยหนิงก็ยืนอยู่ทางฝั่งนาง สกุลถังเป็นตระกูลแนวหน้าของเมืองหลวง เดิมทีก็ไม่กลัวสกุลซ่ง ตัวโง่งมคนนี้ใช้ประโยชน์จากสกุลถังเป็นโล่กำบัง ต้องการโยนความผิดมาที่ตน!“หากไม่ใช่เจ้า ข้าจะตกลำบากถึงขั้นนี้ได้เยี่ยงไร?”เหอเซียงหนิงไม่ใส่ใจความสัมพันธ์อะไรอีกแล้ว นางย่อมรู้ว่าสกุลถังยอดเยี่ยมกว่าสกุลฉิน ไฉนเลยนางจะกล้าป้ายความผิดให้สกุลถัง?ต่อให้ทำสำเร็จ ตนเองก็ถูกตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว ล่วงเกินสกุลถังยังมีผลดีอะไรกันเล่า?“เจ้าเกลียดซ่งรั่วเจินมาโดยตลอด เก็บข้าไว้ก็เพื่อใช้เป็นหมากตัวหนึ่งเท่านั้น”“เดิมทีก็ไม่ต้องตกลำบากถึงขั้นนี้ มุ่งร้ายต่อซ่งรั่วเจินมีอะไรดีต่อข้าเล่า? อย่างไรเสียคุณชายสวีก็ไม่ชอบข้า ปาไข่กระทบหินเช่นนี้ข้ายังไม่กลายเป็นตัวโง่งมอีกหรือ?”“ทั้งๆ ที่เป็นฝีมือของเจ้า ข้าไม่รู้เรื่องด้วยเลย ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าข้าหวังดีรับเจ้าไว้ เจ้าจะเนรคุณปรักปรำข้า!” ฉินซวงซวงพูดอย่างโมโหซ่งรั่วเจินมองสองคนตรงหน้าทะเลาะกัน ก่อนหน้านี้รู้สึกแปลกใจที่ฉินซวงซวงเก็บเหอ
“ข้า ข้าเปล่า”เหอเซียงหนิงว้าวุ่นหนัก ไม่รู้ว่าสมควรทำเช่นไรถึงจะดี นึกเสียใจภายหลังคิดว่าสมควรยอมแพ้ตั้งแต่ตอนที่กังวลใจ บัดนี้ชุลมุนวุ่นวายจนจบไม่ลงแล้ว“เจ้ายังพูดว่าเปล่า? พวกเขาล้วนสารภาพแล้วว่าทั้งหมดเป็นฝีมือเจ้า หากเจ้าไม่ได้ทำจริงก็สาบานต่อฟ้าสิ!”ถังหงจี้สีหน้าปึ่งชา มีตัวอย่างดั่งเช่นพวกอวิ๋นจู๋สองคน ขอเพียงโยนความผิดทั้งหมดให้ถังเสวี่ยหนิงก็เพียงพอแล้ว“ข้า ข้า...” เหอเซียงหนิงรีบหันมองทางฉินซวงซวง หวังให้นางช่วยตนคิดหาวิธีก่อนหน้านี้ทั้งๆ ที่เป็นนางรับปากว่าจะจัดการทั้งหมดอย่างดี ไม่มีวันเกิดข้อผิดพลาด!จากนั้น ฉินซวงซวงเห็นสถานการณ์เปลี่ยนไปไม่เหมือนที่คาดการณ์ไว้ ถูกเปิดโปงอย่างว่องไวก็ตกตะลึงเหม่อไป รีบหลบเข้ากลุ่มคน ต้องการลอบออกจากที่นี่นางจะปล่อยให้เรื่องนี้เข้ามาพัวพันกับตนเองไม่ได้อีก หาไม่แล้วจะต้องซวยไปด้วยกัน!เพียงเหอเซียงหนิงมองไปก็เห็นฉินซวงซวงเตรียมพาหลินจือเยว่หนีไป ไฉนเลยจะยอมปล่อยให้นางไปเช่นนี้ได้?“เป็นฉินซวงซวง! เป็นนางบงการให้ข้าทำเช่นนี้!”ทุกคนล้วนหันมองตามมือของเหอเซียงหนิงไป ก็ได้เห็นใบหน้าร้อนตัวของฉินซวงซวง ท่าทางคือกำลังต้องการหนีไ
ได้ยินถ้อยคำเจ้าเล่ห์ของเหอเฉิงหยาง พี่น้องสกุลซ่งรู้สึกเพียงน่าขันก่อนหน้านี้ดีดลูกคิดว่องไวจนแผนการภายในใจแทบจะระเบิดออกมาใส่หน้าพวกเขาแล้ว บัดนี้เพียงหนึ่งประโยคขอขมาก็อยากให้เรื่องจบลง ฝันหวานเกินไปแล้วกระมัง!ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันสบตากันแวบหนึ่ง เกิดความคิดแล้วซ่งรั่วเจินกำลังจะอ้าปากก็มองเห็นสายตาของพี่ชายทั้งสอง ทันใดนั้นเข้าใจแล้วว่าตนเองไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไป“ก่อนหน้านี้เหอเซียงหนิงถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอ ตัดขาดความสัมพันธ์กับสกุลเหอไปแล้ว”“ได้ยินมาว่ายามนางถูกขับไล่ออกไปก็ได้เงินติดตัวไปไม่มาก ทว่าคนเหล่านี้ล้วนถูกนางซื้อมา พูดว่าไม่มีคนช่วยเหลือ นั่นเป็นไปไม่ได้”“คุณชายเหอ เจ้าไม่คิดจะอธิบายสักหน่อยหรือ?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถามสายตาซ่งอี้อันตกลงบนตัวถังหงจี้ ครุ่นคิดพลางพูด “หรือว่าคนที่มีส่วนร่วมด้วยก็คือสกุลถังกันเล่า? มิสู้พวกเจ้าพูดออกมาตามตรง มีฮองเฮาและท่านอ๋องเป็นผู้ตัดสิน ก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนศาลาว่าการแล้ว”ถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนย่อมรู้ความหมาย“พูดไปแล้วก็จริงเสียด้วย! เหอเซียงหนิงกลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว ได้ยินมาว่าไม่มีที่ไป ทำได้เพียงไปอาศัยที่
เมิ่งชิ่นพูดแขวะ “เพียงได้เห็นท่าทางร้อนตัวเช่นนี้ก็รู้ว่าหลอกลวง ยังไม่ต้องพูดว่าตนเองต่ำช้าแต่ยังทำให้สองคนต้องตายไปอีกด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เยี่ยงไร มิสู้ตายไปให้รู้แล้วรู้รอด!”ฉู่จวินถิงสบมองซ่งรั่วเจินด้วยสายตาลุ่มลึกแวบหนึ่ง ทันใดนั้นรู้สึกว่าไม่มีใครบนโลกนี้สามารถรังแกนางได้นาง...จะต้องไม่ใช่ซ่งรั่วเจินในตอนแรก กลับเป็นแม่นางที่เขาชมชอบด้วยใจจริงบางที ความหมายในการเกิดใหม่ของเขาก็คือได้พบกับนาง“ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” สายตาซ่งรั่วเจินจับจ้องคนที่เหลือเหล่านั้น หยิบกระดาษเขียนยันต์ออกมาหนึ่งแผ่นอย่างไม่ใส่ใจ“ข้าไม่มีความอดทนมากถึงเพียงนั้น พวกเจ้ารู้ความสักหน่อย อย่าให้ข้าถามทีละคนเลย”เดิมทีคนเหล่านั้นก็ตกใจจนหน้าเผือดซีดอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่ฟ้าสว่างจ้ากลับเกิดฟ้าผ่าได้ คราวนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าซ่งรั่วเจินมีวิธีอีกอย่างที่สามารถจัดการกับพวกเขาได้ จึงรีบพูดความจริงทั้งหมดออกมา“ข้าพูด ข้าจะพูดทั้งหมดเลย!”“เรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเท็จ เป็นเหอเซียงหนิงมอบเงินให้พวกเรา ให้พวกเรารวมหัวกันพูดปด”“พวกเราตอบตกลงก็เพราะเงิน ขอร้องแม่นางซ่งได้โปรดไว้ชีวิตพว
เวลาคล้ายหยุดนิ่งก็มิปานบัดนี้ความครึกครื้นของเขตล่าสัตว์เงียบงันไร้เสียง ทุกคนหันมองซ่งรั่วเจิน เพียงคิดว่านางดุจดั่งเซียนเดินดิน วิธีการนี้ชวนให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่มีใครสงสัยว่านี่คือความสามารถของซ่งรั่วเจินสามารถทำให้สวรรค์ลงทัณฑ์ทันท่วงทีเช่นนี้ได้ นี่คือวิธีการน่าทึ่งอะไรกัน?อวิ๋นเนี่ยนชูและเมิ่งชิ่นลืมตาอ้าปากค้าง ปากที่อ้าออกลืมปิดให้สนิท ตนเองสามารถมีสหายหญิงเช่นนี้ได้ นับเป็นวาสนายิ่งใหญ่!เรื่องนี้พูดออกไปสามารถโอ้อวดได้ชั่วชีวิต!พี่น้องชายทั้งสี่ของสกุลซ่งหันหน้าสบตากัน มองเห็นท่าทางตกตะลึงของอีกฝ่าย หลังตอบสนองกลับมาได้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกน้องหญิงของตนมีความสามารถยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!เพียงสถานการณ์ในวันนี้ ภายภาคหน้าใครยังขวัญกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าน้องสาว นั่นก็คือรนหาที่ตาย!ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยืนทางฝั่งน้องหญิงห้า?“ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรต่อคำอธิบายนี้?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น สายตาเย็นชาสบมองถังหงจี้ เหอเฉิงหยางและคนอื่น เจือความเย้ยหยันหลายส่วนสีหน้าถังหงจี้และคนอื่นล้วนไม่สบอารมณ์มาก นึกเสียใจภายหลังภายในใจ
เหอเฉิงหยางสบมองซ่งรั่วเจินอย่างโกรธแค้น “โหดเหี้ยมจริงนั่นล่ะ! หากครั้งนี้ข้าไม่สามารถลงโทษเจ้าได้ ไฉนเลยข้าจะมีหน้าพบเซียงหนิงได้?”“สกุลซ่งจะต้องมอบคำอธิบายให้พวกเราอย่างหนึ่ง นี่คือต้องการจะเอาชีวิตของเซียงหนิงจริงๆ!”ถังหงจี้ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้ไป พูดว่า “ซ่งอี้อัน คราวนี้ไม่ใช่ข้ามอบคำอธิบายให้เจ้า แต่เป็นพวกเจ้าสกุลซ่งสมควรมอบคำอธิบายให้คนทั่วหล้า!”เวลาเพียงชั่วพริบตา นับตั้งแต่อวิ๋นจู๋สองคนสาบานในช่วงเวลาสั้นๆ การแสดงของสกุลเหอและสกุลถังก็มากเพียงพอแล้วฉู่จวินถิงและสี่พี่น้องสกุลซ่งกลับไม่รีบ เพราะเคยเห็นความสามารถของซ่งรั่วเจินมาก่อน ก็รู้ว่าในเมื่อนางพูดเช่นนี้จะต้องทำได้อย่างแน่นอน“รีบอะไรกัน? ต่อให้ต้องการฟ้าผ่าท่ามกลางอากาศแจ่มใสเช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยมิใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้พูดอย่างไม่พอใจถ้อยคำนี้ทำให้ถังหงจี้และเหอเฉิงหยางหัวเราะลั่น “ซ่งจืออวี้ เพื่อปกป้องน้องสาวไม่ว่าคำใดเจ้าก็สามารถพูดออกมาได้ เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าฟ้าผ่าก็ต้องรอเวลา!”คนรอบข้างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ตกว่าอยู่ดีๆ เหตุใดซ่งรั่วเจินจึงต้องรนหาที่ด้วยอธิบายออกมายังมีโอกา
เขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ตกอยู่ในความเงียบอย่างแปลกประหลาด ทั้งๆ ที่มีคนมากมายถึงเพียงนี้ แต่สายตายามทุกคนสบมองซ่งรั่วเจิน กลับรู้สึกใจสั่นอย่างไร้สาเหตุฮองเฮาเห็นภาพนี้อยู่ภายในสายตา ท่าทีรับมืออย่างสุขุมของซ่งรั่วเจินทำให้นางเปลี่ยนความคิดไม่มีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เหมือนสตรีเกิดในตระกูลเล็กๆ เผชิญหน้ากับความสงสัยโดยไม่ลนลาน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชี้จุดปัญหาได้อย่างตรงประเด็นเพียงแต่สำหรับเรื่องคำสาบานทำนองนี้กลับไม่น่ากลัวมากนัก กระนั้นเพียงออกจากปากแม่นางคนนี้ ถึงขั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงได้ทุกคนที่นี่ล้วนนึกถึงความสามารถด้านศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจิน โดยเฉพาะหลังจุดกระดาษเขียนยันต์แล้ว รู้สึกลึกลับมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าพูดเหลวไหลส่งเดชอีกถังเสวี่ยหนิงเห็นคนเหล่านั้นกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าพูด เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เดิมทีพวกเจ้าก็ไม่มีเรื่องให้ต้องละอายใจอยู่แล้ว ยังกังวลอะไรอีกเล่า? รีบพูดออกมาเถอะ!”อวิ๋นจู๋และเพ่ยอวิ๋นสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกกังวลภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดก่อนเหอเซียงหนิงกระซิบเร่ง “กลัวอะไร? ก็แค่จงใจข่มขู่พวกเจ้าเท่านั้น หรือพวกเจ้าเชื่อจริง?”“ทุกวันมีคนสาบานไม่รู
“ข้าได้ยินมาว่าหลังเจ้าถูกขับไล่ออกจากสกุลเหอก็ไม่มีเงินติดตัว ทำได้เพียงไปอยู่ที่สกุลฉินชั่วคราว ส่วนฉินซวงซวงและหลินจือเยว่ติดเงินข้ายังไม่ได้คืน น่าจะไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้นมอบให้เจ้าไปตามหาคนได้กระมัง?”เมิ่งชิ่นเองก็ช่วยพูด “องครักษ์จวนแม่ทัพของพวกเรามีฝีมือไม่เลว ไม่ว่ามองอย่างไรทำเรื่องลับๆ พรรค์นี้ก็สมควรให้คนสนิทไปลงมือ รั่วเจินไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ต้องพูดว่าไปหาอวิ๋นจู๋ตัวไร้ประโยชน์คนนี้ ยังให้เขาไปตามหาคนช่วยที่นอกจวนอีกรึ?”“เรื่องนี้เพียงได้ยินก็รู้ว่าเป็นความเท็จ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”คนอื่นเองก็คิดว่าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!เหอเซียงหนิงเห็นสถานการณ์แล้วกลับไม่รีบ “จะต้องเป็นเพราะนางกังวลว่าจะถูกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ จึงไปหาคนที่นอกเมือง”“คนอื่นในสกุลซ่งล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีวันปล่อยให้นางทำเรื่องโหดเหี้ยมพรรค์นี้”ซ่งจืออวี้หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับ “คราวนี้กล่าวหาพวกเรา ต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเรา? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ไม่มีวันเสียหรอก!”“เดิมทีน้องหญิงห้าของข้าก็ไม่ใช่คนใจคอโหดเหี้ยม หาไม่แล้วนางคิดอยากได้ชีวิตของเจ้
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ