แม้ว่าไม่มีหลักฐาน แต่คนบนโลกคว้าลมจับเงาได้เชี่ยวชาญที่สุด ขอเพียงสร้างเรื่องสักหน่อย ความรักความแค้นต่อศัตรูหัวใจก็ปรากฏขึ้นต่อสายตาของทุกคนแล้วทว่าคนยกหินใส่เท้าตนเองบนโลกนี้มีมากนัก วันนี้ข่าวลือยิ่งไม่น่าฟัง ละครวันพรุ่งนี้ก็ยิ่งสนุกเห็นซ่งรั่วเจินมั่นใจทุกคนจึงวางใจ พูดว่าพรุ่งนี้จะมีละครสนุกให้ดู ทำให้รู้สึกสงสัยอย่างอดไม่ได้“น้องหญิงห้า นี่คือเจ้าคำนวณออกมาหรือ?”บัดนี้ซ่งเยี่ยนโจวรู้ความสามารถของน้องหญิงห้าแล้ว เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ต้องรู้ว่ามีความเป็นไปได้สองประการประการแรกคือเดิมทีทั้งหมดก็คือการจัดแจงของน้องหญิง ประการที่สองคือคำนวณออกมาแล้วซ่งรั่วเจินพยักหน้า สายตาเผยแววเย็นชา “ในเมื่อเหยาจิ่นเฉิงกัดพี่ใหญ่ไม่ยอมปล่อย ไม่ยอมเป็นคนดี เช่นนั้นมิสู้ทำลายไปเสียเลย!”ทันใดนั้น คนภายในห้องล้วนสัมผัสได้ถึงไอเย็นในน้ำเสียงของซ่งรั่วเจิน รู้สึกสันหลังเย็นวาบล่วงเกินน้องหญิงบ้านตน ช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย“ท่านแม่ พี่ใหญ่ พวกท่านพักผ่อนอย่างสบายใจเถิด รอเช้าวันพรุ่งนี้ พวกเราไปรับชมความครึกครื้นด้วยกัน”......ฉินซวงซวงแย้มยิ้มขึ้นรถม้าไป ภายในใจเปี่
เหยาจิ่นเฉิงยื่นมือออกไปคลำแถบผ้ารัดเอว ดึงออกเบาๆแตะผิวเนียนนุ่มเรียบลื่นอย่างที่คิดไว้ภายในใจ กลับพบว่าคล้ายแตกต่างจากจินตนาการอยู่บ้างทว่าหลังคิดได้ว่าซ่งรั่วเจินกลายเป็นคนของตนแล้ว ซ่งเยี่ยนโจวจะมีท่าทางโศกเศร้าโทษตนเองชนิดที่ว่าอยากฆ่าตนแต่กลับไม่สามารถทำได้ ทันใดนั้นไม่ใส่ใจอื่นใด เร่งหุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุกโดยเร็ว!ฉินซวงซวงกำลังสะลึมสะลือ ครั้นตื่นขึ้นมา เพียงลืมตาก็มองเห็นเรือนร่างของบุรุษไปจนถึงความรู้สึกสุขสมที่ไม่อาจเมินข้ามได้ภายในร่างกายทีแรกนางตกตะลึง ต่อมาคิดได้ว่าคนตรงหน้าก็คือฉู่จวินถิง จากตกตะลึงว้าวุ่นกลายเป็นตกตะลึงดีใจคิดไม่ถึงนางถึงขั้นกลายเป็นคนของท่านอ๋องจริง!ส่วนเพราะเหตุใดก่อนหน้านี้หมดสติไป ตอนนี้นางกลับไม่คิดอะไรมากนักเดิมทีเหยาจิ่นเฉิงคิดว่าซ่งรั่วเจินตื่นแล้วจะต้องตกตะลึงชนิดที่ว่าร้องตะโกนเสียงหลงออกมา ครู่ต่อมาเขาอยากปิดปากนาง คิดไม่ถึงฝ่ายหญิงไม่เพียงไม่ดิ้น ตรงข้ามกันยังให้ความร่วมมือมากอีกด้วยเขาแปลกใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ คิดไม่ถึงซ่งรั่วเจินจะเร่าร้อนเพียงนี้ยามอยู่บนเตียง?......เช้าวันต่อมา ซ่งรั่วเจินเรียกคนในครอบครัวตนไปรับชมคว
นางบังเอิญได้รับข่าวในตอนนี้พอดี พูดว่าฉินซวงซวงขลุกอยู่กับชายอื่นภายในเรือนหลังนี้คิดไปคิดมา นางยังปิดบังหลินจือเยว่เอาไว้ ตนเองลอบเดินทางมายามเอ่ยถามย่อมไม่กล้าพูดว่ามาหาสะใภ้บ้านตน เพียงแต่งชื่อขึ้นมา หากไม่ใช่เรื่องจริงก็ช่างเถอะ หากเป็นเรื่องจริง...นั่นถึงแก่ชีวิตเชียวนะ!“ข้าพูดแล้วฮูหยินผู้เฒ่านี่คือที่พักของคุณชายพวกเรา ใช่ว่าท่านอยากดูก็สามารถดูได้?”“รีบไปเถอะ ที่ใดเย็นก็ไปที่นั่น หาไม่แล้วอย่าโทษข้าไม่เกรงใจ!”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินถูกผลักทีหนึ่ง ล้มลงกับพื้นอย่างไม่ทันระวัง ทันใดนั้นร้องโอดครวญขึ้นมายามซ่งจืออวี้มาถึงก็มองเห็นฉากนี้ ตวาดเสียงเปี่ยมโทสะ “พวกเจ้านี่ทำอันใด? รู้หรือไม่ว่านี่คือฮูหยินผู้เฒ่าหลิน?”“เปิดประตูให้ข้า ข้าอยากเห็นนักว่าคุณชายบ้านใดโอหังเพียงนี้!”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินมองซ่งจืออวี้อย่างแปลกใจ ต้องพูดว่าเมื่อสองวันก่อนนางรู้จักซ่งจืออวี้ดีแม้เด็กคนนี้ร่างกายกำยำแข็งแรง แต่เป็นคนเอ็นดูน้องสาวมากคนหนึ่ง ก่อนนี้เคยช่วยซ่งรั่วเจินวิ่งไปวิ่งมา ส่งของมาที่จวนไม่น้อย เกรงใจนางมากทว่าบัดนี้สองตระกูลถอนหมั้นแล้ว คิดไม่ถึงซ่งจืออวี้ถึงขั้นช่วยนางภายใต้สถา
หลังฉินซวงซวงตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองกำลังอิงแอบอยู่ภายในอ้อมกอดของบุรุษ รู้สึกหวานล้ำขึ้นภายในใจระลอกหนึ่งทันใดนั้นนางคิดว่าสวรรค์ให้นางกลับมาเกิดใหม่ แท้จริงแล้วมิใช่เพื่อให้เดินบนทางสายเดิม แต่เพื่อทำให้นางได้อยู่ร่วมกับฉู่อ๋องใหม่อีกครั้ง!ทว่านางคิดไม่ถึง นี่ผิดพลาดไปแล้ว!“ท่านอ๋อง สีท้องฟ้าไม่เช้าแล้ว สมควรตื่นได้แล้วเพคะ”สุ้มเสียงฉินซวงซวงแผ่วเบาดุจผ้าไหม ยังเจือกลิ่นอายออดอ้อน นึกลังเลอยู่ภายในใจ ตกลงท่านอ๋องรู้หรือไม่ว่านางคือฉินซวงซวง มิใช่ซ่งรั่วเจินเหยาจิ่นเฉิงได้ยินเสียงก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล เสียงของซ่งรั่วเจินคล้ายไม่ใช่แบบนี้...ต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงแผดร้องของฝ่ายหญิง ก้มลงมองก็พบใบหน้าที่คาดไม่ถึง“เหตุใดเป็นเจ้า!”ดวงตาฉินซวงซวงเบิกกว้างอย่างตกตะลึงหวาดกลัว ทั้งๆ ที่คนเกี่ยวกระหวัดรัดรึงกับนางตลอดคืนคือฉู่อ๋อง เหตุใดเป็นคนตรงหน้าได้เล่า?เหยาจิ่นเฉิงมีสีหน้าตกตะลึง เขาก็พูดแล้วเหตุใดเมื่อวานรู้สึกไม่ชอบมาพากล ที่แท้ก็ไม่ใช่ซ่งรั่วเจินตั้งแต่แรก!ซ่งจืออวี้บุกเข้ามาภายในเรือนได้อย่างราบรื่น เดิมทีก็ไม่ใส่ใจบ่าวรับใช้สกุลเหยาที่กำลังขัดขวาง“คุณชายซ่ง ท่านไม่
เดิมทีเรือนหลังนี้ก็เป็นเหยาจิ่นเฉิงซื้อไว้เพื่อนัดพบกับสตรีอย่างเป็นความลับ วันปกติมิได้จัดคนไว้มากนัก ไฉนเลยจะสามารถขวางคนหนึ่งกลุ่มที่ซ่งจืออวี้พามาได้?ฮูหยินผู้เฒ่าหลินโมโหหนักหันมองทางเหยาจิ่นเฉิง “เจ้าคนไร้ยางอายคนนี้หน้าตาก็เหมือนสุนัข สตรีบนโลกนี้ยังมิได้ตายไปจนหมดเสียหน่อย เหตุใดเจ้าถึงยั่วยวนหญิงมีสามีแล้วกันเล่า?”เห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าหลินจะตีตน เหยาจิ่นเฉิงพลิกมือผลักทีหนึ่ง ทำให้คนล้มลงกับพื้น“โอ๊ย!”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินร้องโอดครวญออกมา นั่งบนพื้นลุกไม่ขึ้น“สวรรค์ไม่ยุติธรรม ตกลงพวกเราสกุลหลินทำบาปกรรมอันใด ถึงขั้นพบเรื่องโชคร้ายเช่นนี้!”“เหยาจิ่นเฉิง เจ้าคนไม่สำรวมตนไร้ยางอายคนนี้ ยั่วยวนฉินซวงซวง นางคือหญิงมีสามีนะ!”“ฮูหยินผู้เฒ่าหลินมาจับชู้ด้วยตนเอง เจ้ายังคิดฆ่าคนปิดปากกลบเกลื่อนความจริงด้วยหรือนี่?”ซ่งจืออวี้สังเกตเห็นว่าคนสกุลลั่วตามเข้ามาจากทางข้างหลังแล้ว รู้สึกแปลกใจขึ้นมาระลอกหนึ่ง ร้องตะโกนเสียงดังโดยไม่สนใจอื่นใดอีก ต้องทำให้คนสกุลลั่วได้ยินอย่างชัดเจน!ยามลั่วหวยเฉิงและลั่วหวยหลี่มาถึงก็ได้ยินเสียงเปี่ยมโทสะของซ่งจืออวี้แล้ว ภายในใจเปี่ยมความรู้สึก
สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าหลินไม่สบอารมณ์มาก หลังหลินจือเยว่เสียตำแหน่งขุนนางไป มากน้อยอย่างไรคนก็เห็นเป็นเรื่องตลกหากตอนนี้มีข่าวว่าฉินซวงซวงลอบคนชู้สู่ชาย จือเยว่ก็ไม่ต้องเป็นคนแล้ว ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้อีกภายในเมืองหลวง“เจ้า เจ้าก็คือคนไร้ยางอาย! ไร้ยางอายอย่างถึงที่สุด!”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินโมโหมือสั่น กลับรู้สึกจนใจมากนางไม่สามารถแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปได้จริง หาไม่แล้วสกุลหลินยังจะมีที่ยืนภายในเมืองหลวงอยู่อีกหรือ“ได้ ข้าจัดการเจ้าไม่ได้ ข้าก็จะจัดการนังแพศยาไม่สำรวมตนคนนี้!”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินลากฉินซวงซวงลากจากเตียง ตบแรงๆ บนตัวนาง“เจ้านางแพศยาไม่สำรวมตน ก่อนนี้ข้าก็มองออกว่าเจ้ามิใช่ของดีอะไร!”“ยังไม่หมั้นหมายก็วิ่งไปยั่วยวนจือเยว่ที่ชายแดน หุงข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุก บังคับจือเยว่ให้แต่งงานรับเจ้าเข้าบ้าน ยกเลิกงานแต่งสกุลซ่งที่ดีเพียงนี้!”“บัดนี้เจ้ายังไม่สำรวมตน คบชู้กับชายอื่น เหตุใดเจ้าไม่ไปตายเสียเลย!”นางแค้นที่ไม่สามารถฆ่าฉินซวงซวงได้!เรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ ยังต้องกัดฟันกลืนเลือดลงไป ไม่สามารถแพร่งพรายออกไปได้ ภายในใจจะโกรธแค้นมากเพียงใด?ลั่วหวยเฉิงและลั่วห
“ข้าว่านะ คุณชายใหญ่ตระกูลซ่งเปิดเผยตรงไปตรงมา สองขายังพิการเพราะไปออกรบ ไม่เคยได้ยินว่าเขารังแกใครมาก่อน ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างเป็นตระกูลเหยาที่กุเรื่องขึ้นมา!”“ว่ากันว่าแต่งภรรยาไร้คุณธรรมเคราะห์ร้ายไปสามรุ่น ตอนแรกหลินจือเยว่กำลังรุ่งขนาดนั้น แต่กลับทอดทิ้งซ่งรั่วเจินเพื่อฉินซวงซวง ตอนนี้ดีนัก นอกจากสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว ฉินซวงซวงยังไปแอบมีชู้ข้างนอกอีกด้วย!”“พวกเจ้าว่าฉินซวงซวงเพิ่งแต่งงานกับหลินจือเยว่ได้ไม่นานก็ไปมีชู้อยู่ข้างนอกเสียแล้ว จะเป็นเพราะหลินจือเยว่ใช้การไม่ได้หรือเปล่านะ?”ทุกคนแสดงความคิดเห็นกันต่างๆ นานา เหยาจิ่นเฉิงกับฉินซวงซวงคนสองคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยกลับมาเป็นชู้กันได้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วแรกเริ่มเดิมทีเฉินเซียงและโหย่วฝูแค่อยากแพร่ข่าวลือเพื่อล้มงานแต่งระหว่างสกุลเหยากับสกุลลั่ว ทำให้ทุกคนตระหนักว่าคุณชายใหญ่ของตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนข่าวลือก่อนหน้านี้เป็นเรื่องเท็จแต่ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดกันไปพูดกันมาก็ไปถึงเรื่องที่หลินจือเยว่ใช้การไม่ได้ได้อย่างไรเฉินเซียงลอบยิ้มอย่างอดไม่ได้ “อย่างไรเสียหลินจื
“ฉู่อ๋องเป็นใครกัน? ก่อนที่จะแต่งงานฉินซวงซวงก็อาจเอื้อมไม่ถึง ตอนนี้แต่งงานแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังไม่ตัดใจอีก”“มิน่าแม่นางซ่งถอนหมั้นไปแล้ว ตระกูลหลินก็ยังตามหาเรื่องครั้งแล้วครั้งเล่า ที่แท้ตัวการไม่ใช่หลินจือเยว่ แต่เป็นฉินซวงซวงนี่เอง!”“จุ๊ๆ ช่างไร้ยางอายโดยแท้ ครอบครัวแม่ทัพฉินเรียกได้ว่าผู้ใหญ่ประพฤติไม่ชอบอย่างไร ผู้เยาว์ก็เป็นอย่างนั้น ตอนที่ฉินฮูหยินแต่งเข้าจวนก็ไม่ได้มีศักดิ์ศรีนัก ดูซิ ลูกสองคนที่นางให้กำเนิดมาก็ยังประพฤติตัวเสื่อมเสียกันทั้งคู่”ทันใดนั้น เรื่องราวในอดีตที่กู้อวิ๋นเวยกับแม่ทัพฉินมาลงเอยกันได้อย่างไรก็ถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง ความไร้ยางอายของฉินเซี่ยงเหิงและฉินซวงซวงก็สามารถเข้าใจได้ไม่ยากเลย“เหยาจิ่นเฉิง สิ่งที่ฉินซวงซวงพูดเป็นเรื่องจริงงั้นรึ?”ซ่งรั่วเจินมองไปทางเหยาจิ่นเฉิง ตอนนี้เดิมก็เป็นละครที่สุนัขกับสุนัขกัดกันเอง นางไม่ถือสาถ้าจะต้องดูสกุลหลินและสกุลเหยาฉีกหน้ากันสีหน้าของเหยาจิ่นเฉิงมืดครึ้มดุจสายน้ำ ตอนนี้เขาตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเสียแล้วถ้ายอมรับว่านี่เป็นเรื่องจริง สกุลซ่งคงไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ นอกจากจะต้องแบกรับชื่อเสียว่าเ
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าบนบัญชีรายชื่อมีอยู่สิบกว่าคน ไม่รู้อาการของคนอื่นร้ายแรงหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ในหมู่คนเหล่านั้นมีลูกสะใภ้ไม่เคารพแม่สามี คนแก่อายุมากแล้ว คนจึงตายไป แต่มากที่สุดยังเป็นความขัดแย้งของอนุภรรยาและภรรยาเอก”“คนส่วนใหญ่ล้วนคล้ายพระชายาเซียงอ๋อง ตกอยู่ในฝันร้าย ยังป่วยหนักอีกด้วย อนุอวิ๋นนับว่าลงทุนลงแรงมากทีเดียว” ฉู่จวินถิงพูด“อนุอวิ๋นเป็นคนโหดเหี้ยมไม่ผิดไปดังคาด แต่ยังเสแสร้งใจดีมีเมตตา ปรากฎว่ามีเพียงใต้เท้าอวิ๋นตัวโง่งมคนนี้ถึงจะหลงเชื่อ”ซ่งรั่วเจินไม่แปลกใจ ความยากในการเลี้ยงดูผีทวงชีวิตนั้นมากกว่าผีน้อยตนอื่นมาก แม้ว่าไต้ซือเทียนจีมีความสามารถอยู่บ้าง กลับไม่สามารถเลี้ยงผีทวงชีวิตหลายตนได้ตนนี้เป็นเขาใส่ใจเลี้ยงดู ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จึงสนิทสนมกันมากจากนั้นยามทั้งคู่เดินผ่านอุโมงค์ไปจนถึงฝั่งหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นสายหนึ่งชำแรกจมูกพวกซ่งเยี่ยนโจวยืนอยู่ข้างหน้า สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก ส่วนซ่งรั่วเจินเองก็สังเกตเห็นศพแต่ละร่างใต้พื้น หนึ่งในนั้นมีนักพรตเต๋าคนหนึ่ง เห็นชัดว่าคือไต้ซือเทียนจี“นี่คือ...ตายทั้งหมดแล้ว?”“เดิมที
“ไปเส้นทางใต้ดิน”ไต้ซือเทียนจีไม่คิดมากนัก พาทุกคนไปยังเส้นทางใต้ดิน“ไต้ซือ เส้นทางไต้ดินนี้ไม่สามารถเดินทางตามสะดวกได้!”ทุกคนมองเส้นทางใต้ดิน ใบหน้าเผยความลังเล ก่อนหน้านี้เคยพูดมาก่อนหากไม่แจ้ง จะไม่สามารถใช้เส้นทางใต้ดินนี้ได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นจะปล่อยให้ถูกคนพบไม่ได้!“บัดนี้หมดหนทางแล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนเช่นไร? ในเมื่อเขาแน่ใจว่าพวกเราอยู่ในพื้นที่นี้ จะต้องแจ้งคนอื่นให้เข้ามาปิดล้อมแน่”“หากพวกเราไม่หนี ก็มีเพียงต้องตายเท่านั้น!”สีหน้าไต้ซือเทียนจีเคร่งขรึม เขาย่อมรู้ว่าเส้นทางใต้ดินนี้หมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้นอกจากตัวเลือกนี้แล้ว ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอีก!ทุกคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ ไปอาจไม่ตาย แต่ไม่ไปจะต้องตายแน่!“ไป!”ครู่ต่อมา พวกซ่งเยี่ยนโจวมองเห็นกิ่งไม้หยุดหน้าห้องหนึ่ง จากนั้นเสียงประตูใหญ่ถูกเปิดออกดัง “แอ๊ด” ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด“กิ่งไม้นี้ถึงขั้นสามารถเปิดประตูได้?”จ้าวเจียงอ้าปากกว้าง คิดเพียงว่าหลังจากวันนี้ผ่านพ้นไปไม่ว่าคนอื่นพูดเรื่องเหลือจะเชื่อมากเพียงใดเขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกแล้ว!เพราะเรื่องแปลกประหลาดที่สุดถูกเขาพบแล้ว!
นางหยิบกิ่งไม้หนึ่งกิ่งขึ้นมาจากพื้น จากนั้นทุกคนได้เห็นกิ่งไม้นั้นลอยขึ้นกลางอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นยังหันไปที่ทิศทางหนึ่ง ทันใดนั้นเบิกตากว้าง“เยี่ยนโจว พวกเราดีชั่วอย่างไรก็รู้จักกันมานานหลายปีถึงเพียงนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าน้องสาวของท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้!”จ้าวเจียงเผยสีหน้าตกตะลึง ก่อนหน้านี้ได้ยินก็คิดว่าเร้นลับเหลือเกิน จนกระทั่งได้เห็นเองกับตาวันนี้ กลับรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดฝีมือนี้ช่างมหัศจรรย์โดยแท้!ซ่งเยี่ยนโจว “...” จะให้พูดได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเขาก็เคยเห็นเป็นครั้งแรก?ที่ผ่านมาใช่ว่าไม่เคยเห็นน้องหญิงห้าแสดงฝีมือมาก่อน แต่นั่นก็แค่เขียนยันต์ไม่กี่ใบเท่านั้น ยามได้เห็นน้องหญิงห้าช่วยอนุอวิ๋นกำจัดความชั่วร้าย ก็เห็นเพียงเผายันต์หนึ่งใบ!ได้เห็นฉากนี้ รู้ว่าแตกต่างจากที่เคยได้เห็นก่อนหน้านี้นี่...นับเป็นการเคลื่อนที่กลางอากาศหรือไม่?“ไล่ตามไป!”กิ่งไม้ขยับไปข้างหน้าไม่นับว่าช้า ฉู่จวินถิงรีบเอ่ยเตือนทุกคนให้ไล่ตามพวกซ่งเยี่ยนโจวไม่กล้ารอช้า ใช้ความเร็วที่สุดไล่ตามไป การไล่ตามไปครั้งนี้กลับพบความมหัศจรรย์ กิ่งไม้นั้นคล้ายมีตา ยิ่งไปกว่านั้นยังหน
ฉู่จวินถิงเลื่อนสายตาไปอย่างแปลกใจ ก็ได้เห็นดวงตาทอประกายระยับของแม่นางคนนี้ที่กำลังเดินมาหยุดต่อหน้าตน ภายในไม่มีความกลัวหรือรังเกียจเลยสักเศษเสี้ยว มีเพียงความตกตะลึงระคนเลื่อมใส“ท่านอ๋อง วิชาตัวเบาของท่านยอดเยี่ยมมาก ภายภาคหน้าสามารถสอนหม่อมฉันได้หรือไม่?”ฉู่จวินถิงหลุดหัวเราะออกมา ภายในสายตากลับเปล่งประกาย “ได้”บรรยากาศตึงเครียดรอบกายเปลี่ยนไปตามคำพูดของซ่งรั่วเจิน ทุกคนหัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้ แม่นางคนนี้น่าสนใจมาก กล้าหาญไม่ธรรมดาหากได้อยู่กับท่านอ๋อง นี่จะต้องเหมาะสมไม่ธรรมดาแน่!“คนหนีไปหมดแล้ว”ซ่งเยี่ยนโจวขมวดคิ้วแน่น อีกฝ่ายเห็นว่าพวกเขามาแล้วก็หนีไปในทันที เมื่อครู่ไม่ทันได้ไล่ตาม บัดนี้ต้องตามรอยเบาะแสใหม่อีกครั้งแล้ว“วันนี้ไต้ซือเทียนจีหนีไม่รอดหรอกเจ้าค่ะ!”ใบหน้าซ่งรั่วเจินเผยแววมั่นใจในตนเอง นางหยิบยันต์ออกมาหนึ่งปึกมอบให้ฉู่จวินถิง “ท่านอ๋อง ท่านให้ทุกคนพกยันต์ไว้ให้ดี จะได้ไม่ถูกวิชาพรางตาหลอกอีก”ซ่งเยี่ยนโจวเห็นเวลาเพียงชั่วพริบตาน้องสาวก็นำยันต์ออกมามากถึงเพียงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมความสงสัย ตกลงนางใส่ของเหล่านี้ไว้ที่ใด?เพียงออกจากบ้านก็นำของมา
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป