แชร์

บทที่ 118

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
“สกุลฉินพร่ำพูดขอโทษ แต่ไม่เห็นว่ามีความจริงใจสักแค่ไหน คุณชายรองสกุลซ่งตาบอดสองข้าง อนาคตพังทลาย พวกเขาแค่โบยลูกชายตัวเองยกเดียวก็พอแล้วงั้นรึ?”

“บาดแผลอาจดูสาหัส แต่รักษาไม่นานก็หายดี คุณชายรองซ่งกลับต้องมองไม่เห็นไปชั่วชีวิต”

“นั่นน่ะสิ ทำร้ายคนอื่นต้องชดใช้คืนถึงจะถูก โบยแค่ยกเดียวจะมีความหมายอะไร?”

ซ่งรั่วเจินสบตากับคนในหมู่คนมุงแล้วเก็บสายตากลับมาอย่างพึงพอใจ

ในเมื่อสกุลฉินผิดต่อพี่รองก็ต้องชดใช้คืนมาอย่างสมน้ำสมเนื้อ อาศัยแค่ลมปาก จะมีเรื่องดีที่ไร้ราคาแบบนั้นได้อย่างไร?

กู้อวิ๋นเวยกับฉินเจิงสบตากัน สีหน้าล้วนไม่สู้ดี พูดมาถึงขั้นนี้ พวกเขาขึ้นหลังเสือยากจะลง เกรงว่าถ้าไม่นำสิ่งของที่มีราคาสักหน่อยออกมาก็คงจะไม่ได้

“ซ่งฮูหยิน เซี่ยงเหิงทำลายอนาคตคุณชายรอง ข้ารู้ว่าไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สามารถชดเชยบาดแผลของคุณชายรองได้ แต่พวกข้าก็อยากพยายามให้ถึงที่สุด...”

ว่าแล้ว กู้อวิ๋นเวยก็ยื่นโฉนดในมือออกมาอย่างสุดแสนเสียดาย

ก่อนจะออกเดินทาง นางตั้งใจเตรียมโฉนดมาทำพอเป็นพิธีไปอย่างนั้น นางเชื่อว่าขอแค่แสดงให้ดี หลิ่วหรูเยียนจะต้องไม่กล้ารับไว้แน่นอน

ใครจะคาดคิดว่าจะมาติดขัดอยู่ตรงนี้ คิ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Sengwa Jingjing
รออัพใหม่จ้าสนุกชอบจ้า
goodnovel comment avatar
Tawan Queiroz
สนุก ชอบมากคะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 119

    “ฉินซวงซวงผู้นั้นรู้ทั้งรู้ว่าหลินจือเยว่มีพันธะหมั้นหมาย แต่ก็ยังพยายามจะเป็นภรรยาเอกอีกคนให้ได้ เลียนแบบแม่ของนางมาชัดๆ!”เสียงเยาะเย้ยถากถางดังขึ้นในฝูงชน ตอนนั้นกู้อวิ๋นเวยไม่สนใจการคัดค้านของครอบครัว ดึงดันจะแต่งงานกับแม่ทัพฉินให้ได้ ก่อให้เกิดวงกระเพื่อมไม่น้อยในเมืองหลวงเป็นถึงคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่กลับดึงดันจะเป็นภรรยาเอกอีกคนของคนอื่น แม้ยามนั้นสุขภาพของฉินฮูหยินคนก่อนจะไม่ค่อยดี แต่ถึงอย่างไรคนก็ยังมีชีวิตอยู่ภายหลัง ฉินฮูหยินคนก่อนโทสะจู่โจมหัวใจแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว เกรงว่าคงไม่พ้นถูกนางทำให้โมโห สุดท้ายจึงได้เป็นภรรยาเอกคนใหม่สมใจกู้อวิ๋นเวยคิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะพูดถึงนาง ใบหน้าพลันซีดขาว นางถูกคนเย้ยหยันเพราะเรื่องนี้มาหลายปี ไม่ง่ายเลยกว่าคนจะค่อยๆ ลืมเลือนไป วันนี้กลับถูกเอ่ยถึงอีกครั้ง“จะว่าไปแล้ว สิ่งที่ฉินซวงซวงทำลงไป ฉินฮูหยินกับแม่ทัพฉินก็ไม่ได้มอบคำอธิบายอันใดออกมาเลยนี่!”หลิ่วหรูเยียนดวงตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง สองฝ่ายฉีกหน้ากันไปแล้ว นางยังต้องห่วงศักดิ์ศรีอะไรอีก?การปล่อยให้คนพวกนี้รังแกลูกๆ ของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะห่วงศักดิ์ศรีต่างหากถึงจะ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 120

    “จวนจะถึงการสอบฤดูใบไม้ผลิ เซี่ยงเหิงตรากตรำร่ำเรียนมาหลายปีกว่าจะได้เป็นจวี่เหริน[1] เขาไม่อาจพลาดโอกาสในการสอบฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้ หวังว่าพวกท่านจะไม่เอาเรื่อง ปล่อยเขาไปสักครั้ง”ในที่สุดฉินเจิงก็กล่าวจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมาเจ็ดวันหลังจากนี้ก็จะถึงการสอบฤดูใบไม้ผลิถ้าเกิดคดีความขึ้นในช่วงเวลานี้ เกรงว่าฉินเซี่ยงเหิงคงไม่มีกระทั่งสิทธิ์จะเข้าร่วมการสอบ นั่นไม่ได้เด็ดขาด!หลิ่วหรูเยียนได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็ต้องตกตะลึงในความหน้าด้านไร้ยางอายของฝ่ายตรงข้าม“ฉินเซี่ยงเหิงตรากตรำร่ำเรียนมาหลายปี แล้วอี้อันเล่า?!”“ตอนเขาทุบอิฐก้อนนั้นลงมาไยไม่คิดบ้างว่าอี้อันก็ตรากตรำร่ำเรียนมาหลายปี เกรงว่าคงเป็นเพราะอี้อันมีความรู้ลึกซึ้งกว้างขวางกว่าเขาถึงได้ลงมือหนักขนาดนี้ใช่หรือไม่ คงเสียดายละสิที่อี้อันยังไม่ตาย?”ฉินเจิงเห็นหลิ่วหรูเยียนยังไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเสียทีก็เอ่ยเสียงต่ำ “เซี่ยงเหิงเขาสำนึกผิดแล้ว เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว ถึงตอนนี้จะเสียใจอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ซ่งฮูหยิน ท่านมองไปข้างหน้าหน่อยไม่ได้หรือ? พวกข้าละอายใจ วันหน้าหากมีเรื่องใดต้องการความช่วยเหลือ พวกข้าจะต้อ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 121

    วันนี้น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ได้ร้านค้าดีๆ มาอีกเช่นนี้ เรียกได้ว่าชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่!ทว่าซ่งรั่วเจินกลับกำลังพินิจเคราะห์เรื่องหนึ่งอยู่ คลับคล้ายคลับคลาว่ามีอะไรบางอย่างที่นางหลงลืมไป“น้องหญิงห้า เจ้าคิดอะไรอยู่?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถามซ่งรั่วเจินหันมอง “ข้ากำลังคิดว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเช่นนี้ เหตุใดฉินซวงซวงและหลินจือเยว่จึงไม่ปรากฏตัว?”นางรู้นิสัยของฉินซวงซวงดี เรื่องราวในหนังสือหลังจากที่นางเกิดใหม่แล้วนางอยากได้อะไรก็ล้วนสมดังใจ กิจธุระใดๆ ของจวนตระกูลฉินล้วนไม่ขาดนางมีส่วนร่วมเรียกได้ว่า แรกเริ่มเดิมทีนางถูกเพิกเฉยไร้คนตระกูลฉินใดเหลียวแล แต่ภายหลังกลับกลายเป็นที่รักของคนทั้งตระกูลฉินในวันสำคัญเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ปรากฏตัว และเป็นไปไม่ได้อีกที่จะพลาดโอกาสงามในการวางแผนร่างอุบาย ดังนั้นต้องมีเหตุผลเป็นแน่“ฉินซวงซวงเพิ่งกลับจวนสกุลหลินเมื่อวาน จวบจนบัดนี้เงินที่หลินจือเยว่ค้างเอาไว้ยังไม่อาจชำระคืนได้ บ้านตนก็จวนตัวพอแล้ว ย่อมไม่สนจวนสกุลฉินเป็นธรรมดา” ซ่งจืออวี้ว่า“เงิน...”ซ่งรั่วเจินนึกถึงยามที่ตนสวนพบกันโดยผ่านๆ กับฉู่จวินถิงในวันนี้ ก็พลันเข้าใจขึ้น

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 122

    “ข้าจะไปกับเจ้า”ฉู่จวินถิงตอบรับโดยไม่ลังเลซ่งรั่วเจินยกยิ้มขึ้นน้อยๆ โดยไม่รีรอ จากนั้นหันกายเดินออกไปด้านนอกทันที“พวกเจ้าไปแจ้งจ้าวเหวินซูแห่งกรมอาญา ว่าข้าจะทิ้งสัญลักษณ์ตามทางเอาไว้ ให้พวกเขาตามมาโดยเร็ว เคลื่อนไหวให้เงียบเชียบ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”“ขอรับท่านอ๋อง”ซงฉือกับซงป่ายไม่รอช้า ต่างรีบไปแจ้งใต้เท้าจ้าวซ่งรั่วเจินรอฉู่จวินถิงมอบหมายคนในปกครองแล้ว ก็พบเข้ากับฉู่อวิ๋นกุยเดินตรงมาหาฉู่อวิ๋นกุยเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เมื่อเห็นแม่นางที่อยู่เบื้องหน้าอย่างชัดเจน ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนหยุดฝีเท้าลง เรือนคิ้วไม่ปิดบังความตื่นตกใจ “แม่นางซ่ง?”“คารวะอวิ๋นอ๋อง”ซ่งรั่วเจินทำความเคารพไปหนึ่งกระบวนฉู่อวิ๋นกุยเปี่ยมด้วยความประหลาดใจ ตั้งแต่เสด็จพี่สามห้ามไม่ให้สวีเฮ่ออันไปเที่ยวทะเลสาบ เขาก็คาดหวังจะได้เห็นความคืบหน้าของคนทั้งคู่เสียก็เพียงหลายวันมานี้กิจธุระในท้องพระโรงรัดตัว เขากับเสด็จพี่สามล้วนยุ่งเสียจนไม่อาจขยับกาย ย่อมไม่อาจคิดถึงเรื่องพวกนี้ได้ นึกไม่ถึงว่าแม่นางซ่งกลับรุกเข้าหาเสด็จพี่สามถึงที่หรือว่า...จะแอบมีใจ?ฉู่จวินถิงกำลังกล่าวกำชับก็เจอฉู่อวิ๋นก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 123

    น่าเสียดายที่เจอนางเข้าให้“หลินจือเยว่กับฉินซวงซวงมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยงั้นหรือ?”ฉู่จวินถิงขมวดคิ้วมุ่น เบาะแสที่เคยสืบหามาได้ก่อนหน้านี้ไม่พบจริงๆ ว่าโยงใยไปถึงพวกเขาสองคน ดูท่า...จะยังสืบค้นได้ไม่ถึงที่สุด!“หม่อมฉันก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่ ศาลาว่าการซุ่นเทียนบอกเองมิใช่หรือว่าฉินซวงซวงป่วยหนักจนเกือบสิ้นชีพ?”ซ่งรั่วเจินพิเคราะห์แล้วเอ่ยขึ้น “เกรงว่าจะจงใจปั้นแต่งข้ออ้างขึ้นมา เป็นไปได้ไหมว่าเพื่อโยกย้ายทรัพย์สิน?”ฉู่จวินถิงคิดอย่างถี่ถ้วน พบว่าทุกอย่างล้วนเข้าที่เข้าทางแล้ว!ฉินซวงซวงจงใจอ้างว่าตนป่วย ยามที่เขาได้ยินข่าวก็สงสัยเช่นกัน เพียงแต่สองวันมานี้กลับยุ่งเกินกว่าจะตรวจสอบได้ นึกไม่ถึงว่าเรื่องทั้งหมดจะเชื่อมโยงกันเช่นนี้เองเห็นคนทั้งสองขุดค้นสมบัติขึ้นมาหีบแล้วหีบเล่า ก่อนออกแรงขนย้ายไปยังรถม้าด้านหลัง เพียงเห็นจำนวนเข้าก็ชวนตกใจมากทีเดียว“ท่านอ๋อง ไม่จับหัวขโมยเอาทรัพย์สินที่ถูกเอาไปคืนมาหรือเพคะ?” ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้นสีหน้าฉู่จวินถิงสงบดังเดิม “ไม่รีบ ดูไปก่อน” ว่าพลางมองสบไปยังสายตาของนาง ก่อนจะอธิบาย “ในเมื่อเจอของแล้ว ก็ดูไปก่อนว่าพว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 124

    “จับตาดูเอาไว้ให้ดี ว่าพวกเขาจะนำทรัพย์สินเหล่านั้นไปซ่อนไว้ที่ใด และวันพรุ่งนี้มีแผนการจะทำสิ่งใดต่อไป”น้ำเสียงเยือกเย็นทว่าหนักแน่นของฉู่จวินถิงแฝงด้วยอำนาจทำให้คนเชื่อมั่น “หากพวกเขารายงานแก่ราชสำนัก ก็ถือว่าพวกเขาบริสุทธิ์ใจ หากนำไปซุกซ่อนไว้เอง ก็ถือเสียว่าสมคบคิดเป็นพวกเดียวกันกับพวกเลวทราม”“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”จ้าวเหวินซูพลันเข้าใจขึ้นมาหากก่อนหน้านี้ตรวจพบหลักฐานแล้วว่าหลินจือเยว่กับฉินซวงซวงมีส่วนเกี่ยวข้อง ย่อมเข้าจับเอาทั้งคนทั้งทรัพย์สินได้โดยตรงทว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่เคยตรวจสอบ ต่างไม่พบสิ่งที่เกี่ยวโยงไปยังหลินจือเยว่ หากลงมือเสียตอนนี้กลับเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ตลบตะแลงพลิกลิ้นเช่นนั้นรออีกสักคืนจะดีกว่า จะได้คาหนังคาเขากันไปเลย“ฟ้ามืดแล้ว ข้าจะส่งเจ้ากลับจวนก่อน ทางครอบครัวเจ้าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล”ฉู่จวินถิงหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ดวงตาราวหินอัคนีทมิฬจับจ้องอยู่ที่นาง “วันนี้ต้องขอบคุณเจ้า ถึงช่วยให้ข้าพ้นจากสถานการณ์ใหญ่ได้”“ท่านอ๋องเกรงใจเกินไปแล้ว เรื่องพัดในวันนี้ ก็ทำให้หม่อมฉันสะใจมากเช่นเดียวกัน”อานุภาพของพัดนั่นปรามาศไม่ได้เชียว มันพุ่งเข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 125

    “เรื่องวันนี้เป็นเรื่องที่เจ้าคาดการณ์ได้จริงๆ หรือ?” ฉู่จวินถิงเอ่ยถามเรื่องนี้พวกเขาลงแรงไปมากมายก็ยังยากที่จะสืบเจอจุดที่ฝังซ่อนของเอาไว้ ซ่งรั่วเจินในวันนี้เรียกได้ว่ามอบของขวัญให้เขาแล้วจริงๆ “ท่านอ๋องคิดว่าหม่อมฉันติดตามพวกเขาแล้วบังเอิญเจอเรื่องนี้เข้าจึงมาบอกท่านหรือ? ที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร ก็ล้วนไม่สำคัญมิใช่หรือ?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น หลายวันมานี้นางไม่ได้คาดการณ์เรื่องของหลินจือเยว่และฉินซวงซวง หากแต่ค่ำนี้รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ จึงนึกขึ้นได้ว่าตนเคยอ่านเจอในหนังสือว่ามีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นเพียงแต่ในหนังสือนั้น หลังจากฉินซวงซวงกลับมาเกิดใหม่ก็มีเงินทองเจ้าของเดิมไว้ใช้จ่ายจึงไม่ขาดแคลนเงินทอง ดังนั้นจึงได้นำเรื่องนี้รายงานแก่ราชสำนักหลังจากราชสำนักค้นพบสินที่ถูกเอาไป นางก็ได้รับความดีความชอบ จากนั้นยังถูกจวนสกุลหลินและจวนสกุลฉินให้ความสำคัญ สถานะของนางจึงสูงขึ้นตามไปด้วยแต่ในชาตินี้ เพราะนางไม่ได้ตบแต่งออกไป ทั้งตระกูลหลินยังมีหนี้สินท่วมท้น ดังนั้นนางจึงเชื่อว่าฉินซวงซวงจะต้องเลือกยักยอกทรัพย์สินที่ถูกเอาไปอย่างแน่นอนท้ายที่สุดแล้ว แม้จะแจ้งรายงานเรื่อ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 126

    เช้าวันต่อมา ประตูใหญ่สกุลซ่งถูกเคาะ“คุณหนู หลินจือเยว่กับหลินซวงซวงมา พูดว่าต้องการคืนเงินเจ้าค่ะ”เฉินเซียงพูดไม่ออก “ได้ยินว่าโวยวายพักใหญ่ ขาดเพียงตีฆ้องร้องเปล่าให้ทุกคนต่างรู้กันถ้วนทั่วถึงเป้าหมายที่พวกเขามากันในวันนี้”“มาเช้าเพียงนี้เชียวหรือ?”ซ่งรั่วเจินได้ยินมุมปากก็ยกขึ้น สองคนนี้ช่างมารนหาที่ตายโดยแท้!“คุณหนู เหตุใดท่านยิ้มดีใจเพียงนี้?”เฉินเซียงไม่เข้าใจ “จะคืนเงินก็คืนเงินสิ เดิมทีพวกเขาก็ติดหนี้อยู่แล้ว ถือสิทธิ์อะไรมาโอหังเพียงนี้ บ่าวดูแล้วฉินซวงซวงผู้นั้นมีท่าทีของฮูหยินที่ใดกัน? เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีของอนุคนโปรดคนหนึ่ง น่ากลัวว่าวันนี้ยังคิดโอ้อวดเบ่งบารมีต่อหน้าคุณหนูอีกด้วยนะเจ้าคะ!”“ในที่สุดพวกเขาก็นำเงินมาคืนแล้ว นี่ยังไม่ใช่เรื่องดีอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้ม “ไป พวกเราไปดูว่าพวกเขาโอ้อวดเบ่งบารมีอย่างไร!”“มาเอะอะโวยวายอันใดที่นี่ตั้งแต่เช้า?”ซ่งจืออวี้มองพวกหลินจือเยว่สองคน ภายในสายตาเจือความรังเกียจ คล้ายแมลงวันน่ารำคาญสองตัวบินตอแยไปมาอยู่ตรงหน้าฉินซวงซวงเองก็คิดไม่ถึงว่าคนออกมาจะเป็นซ่งจืออวี้ คนผู้นี้เป็นอันธพาลไม่กริ่งเกรงต่อสิ่งใดคนหน

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 602

    “สกุลหลิ่วจะถูกปลดตำแหน่งขุนนางหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินมองเขาอย่างสงสัย สายตาแยกดำขาวอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์ทอประกายระยับ สุกสกาวเป็นพิเศษสุ้มเสียงนางนุ่มนวล เพียงแค่เอ่ยถามเรียบๆ หนึ่งประโยค ทว่าตกอยู่ในหูของฉู่จวินถิง กลับอยากจะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นจริง“แน่นอน”เส้นเสียงของเขาต่ำหนัก สุ้มเสียงมั่นใจอย่างมากซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น “หลายปีมานี้ภายใต้การช่วยเหลือของสกุลฉินใต้เท้าหลิ่วก็สร้างผลงานไว้บ้าง แม้ว่าบัดนี้มีความผิดสลับตัวเด็ก แต่ทำให้เขาถูกลดตำแหน่งนั้นง่าย ปลดตำแหน่งขุนนางกลับไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”เรื่องพรรค์นี้ในแวดวงขุนนาง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวของสองตระกูล คนอื่นมากที่สุดก็ล้วนรับชมความครึกครื้นยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นายท่านหลิ่วโยนความผิดทั้งหมดไว้บนตัวญาติฝ่ายหญิง หากเป็นเรื่องภายในเรือน ย่อมเกี่ยวข้องกับเขาไม่มากเพียงแต่ นางรู้ดีมากว่านายท่านหลิ่วจะต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ นายหญิงหลิ่วเองก็วางอุบายเพื่อให้เขาโชคดีในเส้นทางของขุนนาง คนที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้...ไม่มีผู้บริสุทธิ์แม้คนเดียว“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าด้านข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 601

    “พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าปีนั้นสกุลกู้เคยคิดจะให้กู้อวิ๋นเวยแต่งงานกับแม่ทัพซ่ง แต่ท้ายที่สุดงานแต่งนี้ก็ไม่สำเร็จ?คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้ว แม่ทัพซ่งยังเป็นลูกเขยของสกุลกู้ นี่นับว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิตใช่หรือไม่?”“ข้าก็พูดแล้วสกุลกู้ซื่อสัตย์ภักดีทั้งตระกูล เหตุใดอุปนิสัยของกู้อวิ๋นเวยจึงแตกต่างออกไปถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูล ตกอับจนมีจุดจบเฉกเช่นทุกวันนี้ บัดนี้นับว่าเข้าใจทั้งหมดแล้ว การกระทำนั้นยังไม่เหมือนสกุลหลิ่วทุกกระเบียดนิ้วอีกหรือ?”ทุกคนต่างพากันส่ายหน้า รู้สึกเพียงสลดใจบัดนี้หลิ่วหรูเยียนกำลังนั่งอยู่ร่วมกับพวกราชครูกู้ ได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงเรื่องในตอนแรก“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าอุบัติเหตุในตอนนั้นจะทำให้เจ้าต้องตกลำบากอยู่ภายนอกมานานหลายปีถึงเพียงนี้ เป็นแม่ทำผิดต่อเจ้า...”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้จับมือหลิ่วหรูเยียนพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ที่ผ่านมานางก็เคยได้ยินเรื่องของหลิ่วหรูเยียน รู้ว่าหลายปีมานี้นางใช้ชีวิตอยู่ที่สกุลหลิ่วอย่างยากลำบาก ยังแปลกใจเหตุใดสกุลหลิ่วลำเอียงถึงเพียงนี้เพียงแต่ เดิมทีก็เป็นลูกของบ้านอื่น พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้บัด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 600

    “ลูกที่ใส่ใจเลี้ยงดูมานานหลายปี ย่อมไม่ใช่พูดว่าตัดสายสัมพันธ์ก็ตัดขาดไปเลยได้ข้าผิดไปแล้ว เป็นข้าทำผิดต่อซ่งฮูหยิน ทำผิดต่อสกุลกู้!”ได้ยินแผนการของสกุลหลิ่วที่ก่อนหน้านี้ทุกคนหยั่งเดาเอาไว้แล้ว คราวนี้ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างอดไม่ได้ นี่วางอุบายได้อย่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!ผลประโยชน์ล้วนถูกพวกเขาเอาเปรียบจนหมดสิ้น!หากไม่ใช่กู้อวิ๋นเวยไร้ความสามารถ ก่อความวุ่นวายจนสกุลกู้ตัดขาดความสัมพันธ์ พวกเขาสกุลหลิ่วก็สามารถอาศัยความสัมพันธ์นี้ดึงความสัมพันธ์ของสกุลกู้ให้ใกล้ชิดกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลิ่วหรูเยียนมีความสามารถถึงเพียงนี้ ทำให้พวกเขาเอาเปรียบได้สีหน้าราชครูกู้แข็งทื่อดุจเหล็ก พูดเสียงโกรธขึ้ง “บัดนี้พวกเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก!”“ราชครูกู้ ท่านระงับโทสะก่อน นี่ล้วนเป็นเรื่องที่ฮูหยินของข้าทำ เดิมทีข้าก็ไม่รู้เรื่องนี้!”นายท่านหลิ่วเห็นความลับถูกเปิดเผยแล้ว รีบโยนเรื่องทั้งหมดไว้ที่นายหญิงหลิ่วนายหญิงหลิ่วตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าคนนอนเคียงหมอนร่วมกันมานานหลายปีเห็นปัญหาใหญ่มาเยือนก็ผลักนางออกไปในทันที พูดเสียงโกรธขึ้ง“นี่ เหตุใดถึงโยนทั้งหมดมาที่ข้าคนเดียวเล่า?ทั้งๆ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 599

    เผชิญหน้ากับคำวิงวอนขอความเมตตาจากนายท่านหลิ่ว ราชครูกู้ไม่ชายตาแลมองเขาเลยสักครั้ง ใบหน้าหยาบกร้านกำลังสบมองกู้อวิ๋นเวย ภายในสายตาเปี่ยมความสงสารและห่วงใย“ลูกเอ๋ย หลายปีมานี้ เจ้าลำบากแล้ว เป็นพวกเราทำผิดต่อเจ้า”หลิ่วหรูเยียนยังมิอาจยอมรับความจริงที่ว่าตนเป็นลูกของสกุลกู้ในทันทีเลยได้ เพียงแต่เผชิญหน้ากับท่าทางสงสารนั้นของราชครูกู้และฮูหยินผู้เฒ่ากู้ เพียงครู่เดียวนางก็ใจอ่อนแล้วเมื่อหลายวันก่อนได้พบฮูหยินผู้เฒ่ากู้ครั้งแรกนางก็รู้สึกคุ้นเคย หลายปีมานี้ไม่เคยรู้สึกสนิทสนมเช่นนี้มาก่อน บัดนี้ได้เห็นราชครูกู้ นางก็รู้สึกว่าตนเองหน้าตาคล้ายเขาอยู่บ้าง ขอบตาแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัวที่แท้...นี่ต่างหากคือพ่อแม่แท้ๆ ของนาง!นึกถึงเมื่อแรกนางเคยได้ยินมาว่าสกุลกู้รักใคร่เอ็นดูลูกสาวเพียงคนเดียวมาก ความรุ่งโรจน์ในเวลานั้นทำให้แม่นางในเมืองหลวงมากมายต่างพากันอิจฉาตอนนั้น นางเองก็เคยอิจฉากู้อวิ๋นเวย อย่างไรเสียสำหรับนางแล้ว ยังไม่ต้องพูดว่ารักใคร่เอ็นดูเช่นนี้เลย แม้แต่พี่น้องเองก็ปฏิบัติคล้ายนางเป็นส่วนเกิน“ไม่ ไม่เจ้าค่ะ”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้า ใบหน้ากลับประดับยิ้มนางเข้าใจ สกุลกู้มิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 598

    วาจาคมกริบนี้ฉีกหน้าสกุลหลิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย พริบตาต่อมาคนภายในงานเข้าใจแล้วก่อนหน้านี้คนที่ยังคิดว่าสกุลหลิ่วพูดมีเหตุผลและน่าสงสารมาก บัดนี้รู้สึกเพียงถูกตบหน้าหนึ่งฉาดด้วยมือที่มองไม่เห็น!อีกฝ่ายเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาที่ใดกัน เห็นชัดว่าพวกเขาหน้าซื่อใจคดอีกทั้งยังเย็นชา ยังไม่ต้องพูดว่าเอาเปรียบสกุลกู้ ยังสามารถแสร้งทำท่าทางเป็นคนดีกล่าวโทษหลิ่วหรูเยียนได้อีกด้วยหากไม่ใช่วันนี้ถูกเปิดโปงโดยบังเอิญ เช่นนั้นน่ากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนก็ต้องถูกตราหน้าว่าทำผิดต่อสกุลหลิ่วและกลายเป็นวัวเป็นม้าเลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต ถึงขั้นยังถูกด่าว่าทำร้ายคุณหนูสกุลหลิ่วที่แท้จริงอีกด้วย!ภายใต้การใคร่ครวญอย่างละเอียด นี่น่ากลัวมากเพียงใดกัน?“หลิ่วเฟยเยี่ยนและกู้อวิ๋นเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากมิใช่หรือ? ที่ผ่านมาข้าเคยพบพวกเขามิใช่เพียงครั้งเดียว น่ากลัวว่าพี่สาวน้องสาวคู่นี้นับญาติกันตั้งนานแล้วกระมัง!”“ไม่เพียงแค่นี้! ที่ผ่านมาข้ายังเคยเห็นกู้อวิ๋นเวยเข้าออกสกุลหลิ่วอีกด้วย ตอนนั้นข้าก็คิดว่าแปลก ปกติแล้วกู้อวิ๋นเวยคนนี้ไม่เคยเห็นคนทั่วไปอยู่ในสายตาด้วยฐานะของสกุลหลิ่ว นางน่าจะไม่สนใจ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 597

    “เดิมทียังคิดว่าไม่รู้จะนับญาติยามใดถึงจะเหมาะสม คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวันแต่งงานของพี่ใหญ่ นี่ก็นับเป็นเรื่องมงคลยิ่งขึ้นไปอีกกระมัง?” ซ่งอี้อันหัวเราะเบาๆซ่งเยี่ยนโจวผลิยิ้ม “ข้าดูแล้วท่านตา ท่านยายและท่านลุงทั้งสองท่านล้วนดีมาก เทียบกับปลิงเหล่านั้นแล้วไม่รู้ดียิ่งกว่ามากเพียงใดท่านแม่นับญาติแล้ว ภายภาคหน้าก็ไม่ต้องถูกสกุลหลิ่วบีบบังคับอีกต่อไป คิดแล้วก็ดีใจยิ่งนัก”แม้พูดว่าเกิดเรื่องเอะอะวุ่นวายในวันแต่งงานหลายครั้ง แต่มองดูผลลัพธ์แล้วเขากลับดีใจมาก คิดว่าชิงอินเองก็ดีใจเฉกเดียวกันซ่งจืออวี้มองสองสามคนที่รู้เรื่องตั้งแต่แรกแล้ว เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกท่านล้วนรู้เรื่องแล้ว มีแค่ข้าไม่รู้?”“อย่าเสียใจไปเลย ข้าเองก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่แหละ” ซ่งจิ่งเซินเอ่ยปลอบซ่งจืออวี้ “เหตุใดข้าไม่อยากจะเชื่อกันเล่า?”ซ่งอี้อันมองทั้งหมดเงียบๆ พูดว่า “ตอนนั้นอุ้มเด็กผิดตัวไป...น่ากลัวว่าอาจไม่ใช่อุบัติเหตุกระมัง”หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเชื่อว่าอาจอุ้มเด็กผิดไปจริง แต่พวกเขารู้จักอุปนิสัยของสกุลหลิ่วดีมาก ภายใต้สถานการณ์ไม่รู้ว่าลูกของตนอยู่ที่ใด ไฉนเลยจะเลี้ยงดูมารดาให้เติบใหญ่ได้?

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 596

    ทว่า ในเมื่อพวกเขาชอบแสดงละคร เช่นนั้นก็ให้พวกเขาแสดงอีกสักครู่เถอะขณะเดียวกันคนเหล่านั้นยิ่งเชื่อพวกเขามาก รอความจริงถูกเปิดเผยแล้ว คนโกรธแค้นที่สุดก็คือพวกเขาเฉกเดียวกัน นี่ก็คือธรรมชาติของมนุษย์“พอดีเลย ข้าทำนายออกมาได้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของท่านแม่ก็อยู่ในเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นยังมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้อีกด้วย!”ชั่วขณะที่เสียงของซ่งรั่วเจินเพิ่งจบลง ดวงตาของทุกคนภายในงานล้วนเผยแววตกใจ จากนั้นกลายเป็นตกตะลึงพรึงเพริด“เมื่อแรกแม่นางซ่งก็ช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวที่หายตัวไปนานพบมิใช่หรือ? นางจะต้องทำนายออกมาได้แน่ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของซ่งฮูหยินเป็นใคร!”“คนก็อยู่ในงานเลี้ยงวันนี้ คงมิได้หมายความว่าอีกฝ่ายคือบ่าวสูงวัยหรือหญิงบ้านนอกหรอกกระมัง?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน ประโยคนี้มีความหมายท่วมท้น ทุกคนย้อนนึกคิดอย่างอดไม่ได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าบ้านใดคลอดลูกในเวลาไล่เรี่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่ว อายุฮูหยินของอีกฝ่ายยังห่างจากหลิ่วหรูเยียนไม่มากฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว ดูตกใจเล็กน้อย ความทรงจำในตอนแรกอย่างหนึ่งผุดออกจากสมองนางจำได้ยามตนเองตั้งครรภ์กู้อวิ๋นเวยเคยได้พบฮูหยินผู้เฒ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 595

    ยิ่งคนสกุลหลิ่วนำความจริงออกบิดเบือนเช่นนี้ ผู้คนรอบข้างก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้างหลิ่วหรูเยียนมิใช่บุตรในไส้ ดังนั้นที่สกุลหลิ่วลำเอียงก็นับว่าเข้าใจได้ ยิ่งเมื่อเปลี่ยนเป็นครอบครัวอื่นแล้ว ความลำเอียงเช่นนี้เรียกได้ว่ามิอาจหลีกเลี่ยงอยู่แล้วแม้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ยังยากจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันได้ นับประสาอะไรกับเด็กที่มิใช่สายเลือดเดียวกันหากหลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงบุตรของบ่าวรับใช้ เมื่อถูกสับเปลี่ยนให้มาเสวยสุขเป็นคุณหนูในจวน ก็นับว่าโชคมหาศาลหล่นทับนางแล้ว!“หากว่ากันตามนี้ หลิ่วหรูเยียนก็ติดค้างบุญคุณสกุลหลิ่วอยู่เช่นกัน ต่อให้ต้องชดใช้ด้วยทรัพย์สินมากหน่อยก็เป็นการสมควรแล้ว มิเช่นนั้นจะมีวาสนาได้เป็นถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์หรือ?”“บุตรสาวแท้ๆ ของสกุลหลิ่วบัดนี้ก็ไม่รู้ไปอยู่แห่งหนใด ทว่าสกุลหลิ่วรู้ความจริงนี้แล้วยังคงเก็บงำไว้มิยอมปริปาก ก็มิใช่ว่าใจคอกว้างขวางมากแล้วหรือ?”กระแสความคิดเริ่มโน้มเอียงไปอีกทาง คนรอบข้างต่างพูดกันไปต่างๆ นานา บ้างเริ่มเข้าอกเข้าใจถึงความใจคอคับแคบแล้งน้ำใจของสกุลหลิ่วต่งฮูหยินและจางเหวินที่มองดูเหตุการณ์มีหรือจะอดรนทนฟังได้?“หาก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 594

    “อะไรกัน? ใต้เท้าหลิ่วมิกล้าอย่างนั้นหรือ?” ฉู่จวิ้นถิงกล่าวเสียงขรึมใต้เท้าหลิ่วนิ่งเงียบอยู่ครู่ ก่อนมีทีท่าคล้ายหมดเรี่ยวแรงแล้วก็มิปาน พลางหันมองนายหญิงหลิ่วด้วยความจนใจ “ช่างเถิด เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้วก็พูดไปเสียเถิด”นายหญิงหลิ่วย่อมไม่อยากที่จะยอมรับความจริง ทว่ากลับรู้ดีว่าไม่อาจเลี่ยงต่อไปได้อีก นางจึงได้แผดเสียงร่ำไห้โหยหวน “ข้าเองก็มิรู้เช่นกันว่สารเลวคนไหนมันสับเปลี่ยนลูกข้าไป!”“หลายปีมานี้ข้าก็เลี้ยงดูหรูเยียนดังบุตรในไส้มาโดยตลอด จนเมื่อไม่นานมานี้จึงเพิ่งได้รู้ว่านางมิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของข้า! แต่อย่างไรพระคุณเลี้ยงดูย่อมยิ่งใหญ่กว่าพระคุณให้กำเนิด หรือเพียงเพราะเรื่องเท่านี้ก็ทำให้มิอาจยอมรับข้าผู้นี้เป็นแม่เจ้าแล้ว?” ใต้เท้าหลิ่วเองก็กล่าวด้วยสีหน้าปวดร้าวเช่นกัน “ครานั้น ฮูหยินข้าตั้งครรภ์ลูกถึงสิบเดือนจนคลอดออกมา บัดนี้กลับไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าลูกไปอยู่แห่งหนใด หรือยังจะกล่าวโทษพวกข้าด้วย?”“ที่พวกข้าปิดเอาไว้มิยอมพูด ก็เพราะมิต้องการให้หรูเยียนปฏิบัติห่างเหินต่อพวกข้า มินึกเลยว่า...”ผู้คนได้เห็นสกุลหลิ่วออกปากยอมรับด้วยตนเองเช่นนี้แล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เส

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status