“เรื่องวันนี้เป็นเรื่องที่เจ้าคาดการณ์ได้จริงๆ หรือ?” ฉู่จวินถิงเอ่ยถามเรื่องนี้พวกเขาลงแรงไปมากมายก็ยังยากที่จะสืบเจอจุดที่ฝังซ่อนของเอาไว้ ซ่งรั่วเจินในวันนี้เรียกได้ว่ามอบของขวัญให้เขาแล้วจริงๆ “ท่านอ๋องคิดว่าหม่อมฉันติดตามพวกเขาแล้วบังเอิญเจอเรื่องนี้เข้าจึงมาบอกท่านหรือ? ที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร ก็ล้วนไม่สำคัญมิใช่หรือ?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น หลายวันมานี้นางไม่ได้คาดการณ์เรื่องของหลินจือเยว่และฉินซวงซวง หากแต่ค่ำนี้รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ จึงนึกขึ้นได้ว่าตนเคยอ่านเจอในหนังสือว่ามีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นเพียงแต่ในหนังสือนั้น หลังจากฉินซวงซวงกลับมาเกิดใหม่ก็มีเงินทองเจ้าของเดิมไว้ใช้จ่ายจึงไม่ขาดแคลนเงินทอง ดังนั้นจึงได้นำเรื่องนี้รายงานแก่ราชสำนักหลังจากราชสำนักค้นพบสินที่ถูกเอาไป นางก็ได้รับความดีความชอบ จากนั้นยังถูกจวนสกุลหลินและจวนสกุลฉินให้ความสำคัญ สถานะของนางจึงสูงขึ้นตามไปด้วยแต่ในชาตินี้ เพราะนางไม่ได้ตบแต่งออกไป ทั้งตระกูลหลินยังมีหนี้สินท่วมท้น ดังนั้นนางจึงเชื่อว่าฉินซวงซวงจะต้องเลือกยักยอกทรัพย์สินที่ถูกเอาไปอย่างแน่นอนท้ายที่สุดแล้ว แม้จะแจ้งรายงานเรื่อ
เช้าวันต่อมา ประตูใหญ่สกุลซ่งถูกเคาะ“คุณหนู หลินจือเยว่กับหลินซวงซวงมา พูดว่าต้องการคืนเงินเจ้าค่ะ”เฉินเซียงพูดไม่ออก “ได้ยินว่าโวยวายพักใหญ่ ขาดเพียงตีฆ้องร้องเปล่าให้ทุกคนต่างรู้กันถ้วนทั่วถึงเป้าหมายที่พวกเขามากันในวันนี้”“มาเช้าเพียงนี้เชียวหรือ?”ซ่งรั่วเจินได้ยินมุมปากก็ยกขึ้น สองคนนี้ช่างมารนหาที่ตายโดยแท้!“คุณหนู เหตุใดท่านยิ้มดีใจเพียงนี้?”เฉินเซียงไม่เข้าใจ “จะคืนเงินก็คืนเงินสิ เดิมทีพวกเขาก็ติดหนี้อยู่แล้ว ถือสิทธิ์อะไรมาโอหังเพียงนี้ บ่าวดูแล้วฉินซวงซวงผู้นั้นมีท่าทีของฮูหยินที่ใดกัน? เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีของอนุคนโปรดคนหนึ่ง น่ากลัวว่าวันนี้ยังคิดโอ้อวดเบ่งบารมีต่อหน้าคุณหนูอีกด้วยนะเจ้าคะ!”“ในที่สุดพวกเขาก็นำเงินมาคืนแล้ว นี่ยังไม่ใช่เรื่องดีอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้ม “ไป พวกเราไปดูว่าพวกเขาโอ้อวดเบ่งบารมีอย่างไร!”“มาเอะอะโวยวายอันใดที่นี่ตั้งแต่เช้า?”ซ่งจืออวี้มองพวกหลินจือเยว่สองคน ภายในสายตาเจือความรังเกียจ คล้ายแมลงวันน่ารำคาญสองตัวบินตอแยไปมาอยู่ตรงหน้าฉินซวงซวงเองก็คิดไม่ถึงว่าคนออกมาจะเป็นซ่งจืออวี้ คนผู้นี้เป็นอันธพาลไม่กริ่งเกรงต่อสิ่งใดคนหน
หลินจือเยว่ยื่นตั๋วเงินในมือออกไป“นี่คือตั๋วเงินแปดล้านตำลึง เจ้าจงนับต่อหน้า ภายภาคหน้าพวกเราไม่ติดค้างกันอีก!”“ได้เลย”หนึ่งประโยคแผ่วเบาผ่านเข้าหูหลินจือเยว่ กลับทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก!ทั้งๆ ที่ซ่งรั่วเจินปักใจอยู่กับเขา บัดนี้กลับคล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่สนใจเขาเลยสักนิด นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?“นับตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าก็อย่าได้นำเรื่องในอดีตมาข่มขู่ข้าอีก สกุลซ่งกับสกุลหลินของพวกเราไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันแล้ว” หลินจือเยว่พูดออกไปอย่างอดไม่ได้“ย่อมเป็นเช่นนั้น”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า นับตั๋วเงินในมือ เกิดความรู้สึกเลื่อมใสขึ้นมาสายหนึ่งภายในใจเมื่อคืนสองคนนี้ขุดเงินทองทรัพย์สมบัติมากเพียงนี้ ระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งคืนก็แลกตั๋วเงินมาได้แล้วว่องไวเหลือเกิน!หลินจือเยว่กับฉินซวงซวงสบตากันแวบหนึ่ง เดิมทีวันนี้ต้องการมาโวยวายใหญ่โต ไม่ใช่พวกเขาโวยวาย แต่ปรารถนาจะได้เห็นซ่งรั่วเจินโวยวายสักครั้งใครคาดคิดเล่าว่าอีกฝ่ายตกปากรับคำง่ายดายเพียงนี้ ราวกับชกปุยนุ่นก็มิปาน อึดอัดคับข้องใจอย่างบอกไม่ถูกภายในใจ“อิงตามที่ข้ารู้ ระยะนี้ท่านหลินป๋ออับจนหนทาง ไม่มีผู้ใดให
“เหลวไหล!”สีหน้าฉินซวงซวงแข็งกระด้างไป “พี่ชายข้าใกล้จะถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว พวกเจ้าคิดใช้เรื่องนี้ล่ามพี่ชายข้าไว้ในคุก ไม่มีวันเสียหรอก!”“งั้นหรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินตกลงบนคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในที่ห่างออกไปไม่ไกล มุมปากยกขึ้นหนึ่งข้างอย่างนึกสนุก“หลินฮูหยิน ข้าคนนี้ทำนายแม่นยำนัก เห็นแก่เจ้าที่คืนเงินข้า วันนี้ข้าขอทำนายให้เจ้าสักครั้ง พี่ชายของเจ้าจะออกมายามใดนั้นยังไม่อาจรู้ได้ แต่เจ้าจะกลับเข้าคุกยามใด ข้ากลับสามารถบอกเจ้าได้”“ก็คือวันนี้นี่เอง”“ซ่งรั่วเจิน เจ้าเสียสติไปแล้วจริงๆ ริษยาแค้นเคืองข้าจนเริ่มพูดเหลวไหลแล้ว!”ฉินซวงซวงโกรธจนหัวเราะออกมา “เจ้าคิดว่าตนเองเป็นปรมาจารย์ลัทธิเต๋าเก่งกาจกระนั้นหรือ ยังมอบคำทำนายให้ข้า ข้าว่าไม่ช้าก็เร็วพวกเจ้าสกุลซ่งจะต้องตกต่ำเป็นแน่!”จากนั้น ชั่วขณะเสียงของฉินซวงซวงหยุดลง เสียงเยียบเย็นของจ้าวเหวินซูพลันดังขึ้น“ท่านหลินป๋อ หลินฮูหยิน ตามพวกเราไปเที่ยวหนึ่งเถอะ!”หลินจือเยว่มองเห็นจ้าวเหวินซู ยากจะอดกลั้นความงุนงงเอาไว้ได้ “ใต้เท้าจ้าว นี่หมายความว่าอย่างไร?”“ท่านหลินป๋อทำสิ่งใดไว้หรือว่ายังไม่รู้? ก่อนนี้ยามอยู่ใน
จ้าวเหวินซูสบถเสียงเย็น “ข้าเองก็ขอเตือนท่านหนึ่งประโยค นักการท่านอื่นไปตรวจค้นจวนของท่านแล้ว เงินที่หายไปของราชสำนักล้วนประทับตราไว้ เพียงมองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าใช่เงินชุดนั้นที่หายไปหรือไม่!”สีหน้าหลินจือเยว่ซีดเผือดลง เขามองทางฉินซวงซวงอย่างว้าวุ่นใจ “ซวงซวง นี่เกิดอันใดขึ้น?”“ข้า ข้าเองก็ไม่รู้”ฉินซวงซวงเองก็ว้าวุ่นใจ จู่ๆ นางก็นึกถึงถ้อยคำของซ่งรั่วเจินทั้งหมดขึ้นได้ หันหน้าไปอย่างมีโทสะ “เป็นเจ้า! เป็นเจ้าใช่หรือไม่!”“หลินฮูหยินกำลังพูดอันใด เหตุใดข้าฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ?”ซ่งรั่วเจินแกล้งสงสัย หันหน้ามองทางจ้าวเหวินซู “ใต้เท้าจ้าว ยึดตามที่ท่านพูดแล้ว เงินที่พวกเขาคืนข้าก็คือเงินถูกขโมยมาใช่หรือไม่?”“ใช่แล้ว” จ้าวเหวินซูพยักหน้า“เช่นนั้นขอมอบตั๋วเงินนี้ให้ใต้เท้าจ้าวก่อนก็แล้วกัน”ซ่งรั่วเจินมีสีหน้าเสียดาย “ข้าคิดว่าหลินจือเยว่มาคืนเงินจริงเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะนำเงินที่ขโมยออกจากราชสำนักมาให้ข้า นี่คือต้องการทำร้ายพวกเราสกุลซ่งใช่หรือไม่?”“ลำบากแม่นางซ่งแล้ว เรื่องนี้ตรวจสอบก็จะรู้ผลได้อย่างว่องไว น้ำลดหินย่อมโผล่ออกมา”จ้าวเหวินซูเองก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องราว
“ใต้เท้า นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ แต่ไหนแต่ไรมาลูกชายข้าเป็นขุนนางมือสะอาด ไฉนเลยจะสามารถทำเรื่องทุจริตบิดเบือนกฎหมายได้?”นางเพิ่งพูดจบ นักการก็ยกเงินบนโต๊ะวิ่งออกมา“ใต้เท้า ข้าน้อยพบเงินหนึ่งกล่อง ด้านล่างยังประทับตราที่หายไปชุดนั้นด้วยขอรับ!”เหลียงเหยียนรับเงินไป มองเห็นตราประทับด้านล่าง สีหน้าบึ้งตึง “เอาตัวไป!”หลินรั่วหลานยังไม่ทันเอ่ยปากต่อก็ถูกคนจับไว้แล้ว แขนสองข้างถูกรวบไว้ด้านหลัง ร้องโอดครวญไม่หยุด“นี่ต้องเข้าใจผิดไปเป็นแน่ แต่ไหนแต่ไรมาลูกข้าซื่อสัตย์ ไม่มีวันทำเรื่องทุจริตบิดเบือนกฎหมาย ใต้เท้า ท่านต้องสืบสวนให้กระจ่างนะเจ้าคะ!”“หลักฐานชี้ชัดแล้ว ยังมีอะไรให้แก้ตัวอีกเล่า?”เหลียงเหยียนมองฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าเล่ห์แวบหนึ่ง ใบหน้าซื่อตรงไม่ประจบสอพลอนั้นเยียบเย็น “หลินจือเยว่กับฉินซวงซวงถูกจับตัวไปแล้ว ข้าชี้แนะพวกเจ้าให้รีบสารภาพออกมาโดยเร็ว ประเดี๋ยวจะเจ็บตัวเอาได้!”หลินรั่วหลานอึ้งงัน “ลูกชายข้าถูกพวกท่านจับไปแล้ว? นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดใหญ่แล้ว!”“พวกเจ้าจงค้นหาอย่างละเอียด ห้ามเมินข้ามจุดน่าสงสัยไปเป็นอันขาด!”เหลียนเหยียนไม่สนใจหลินรั่วหลานอีก หลักฐาน
ฉินซวงซวงมีสีหน้าใสซื่อ “จือเยว่ ท่านต้องเชื่อข้านะ ข้ารู้เรื่องนี้จากความฝันจริงๆ คิดว่านี่คือโอกาสดีที่ฟ้าประทานให้พวกเรา” “ข้ารู้ว่าท่านถูกซ่งรั่วเจินกดดันจนสิ้นไร้หนทาง ต้องการเงินจำนวนมากมาใช้หนี้จึงได้ทำเช่นนี้ ของโจรอะไรกัน ข้าไม่รู้เรื่องเลยสักนิด”“แต่เงินพวกนี้ไม่เพียงไม่ช่วยคลี่คลายปัญหาเร่งด่วนของพวกเรา แต่ยังทำให้เจ้ากับข้าตกที่นั่งลำบากกว่าเดิม!”หลินจือเยว่ร้อนรุ่มใจเหลือจะกล่าว เวลาสั้นๆ แค่วันเดียว เขาก็ต้องเปลี่ยนจากความยินดีเป็นบ้าเป็นหลังเมื่อวานนี้มาเป็นติดคุกหัวโต!ถ้าไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่าง เกรงว่าคงต้องจบเห่เหมือนที่ผู้คุมสองคนนั้นพูดไว้แล้ว!“จือเยว่ ข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับซ่งรั่วเจินเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นนางจะคาดเดาทั้งหมดนี้ได้อย่างไร?”ฉินซวงซวงรีบร้อนแก้ตัว “ไม่แน่ว่า...ไม่แน่ว่านางอาจจงใจให้ข้าฝันเห็นอะไรแบบนี้เพื่อทำให้พวกเราตกที่นั่งลำบากก็เป็นได้ นางช่างชั่วร้ายนัก!”นางไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้จึงโยนความผิดทั้งหมดไปให้ซ่งรั่วเจิน มิหนำซ้ำ หากใคร่ครวญถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของซ่งรั่วเจิน นางยิ่งรู้สึกว่าสตรีผู้นี้จะต้องรู้อะไร
“ถ้าเจ้าไม่บอกให้ข้าทำเรื่องพวกนี้ เรื่องนี้จะเปิดเผยออกมาได้อย่างไร?”ฉินเซี่ยงเหิงพูดเต็มปากเต็มคำ แววตาเจ็บแค้น เขารู้สึกมากขึ้นทุกทีว่าสิ่งที่ฉินซวงซวงเสนอมาเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าสิ้นดี!ตอนนี้ซ่งอี้อันจับได้แล้วว่าเรียงความถูกขโมยไป แม้เขาเชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามจะต้องหาหลักฐานไม่เจอแน่นอน แต่ตอนนี้เขาอยู่ในคุก กังวลใจเหลือเกินว่าอาจเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงขึ้นมานอกจากนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะพักนี้เขามีชื่อเสียงโด่งดัง จ้าวซูหว่านก็คงไม่มาเกาะแกะเขา เรื่องราวก็คงไม่มีทางแดงออกมา เขาก็ไม่ต้องกลายเป็นเรื่องตลกขบขันของคนทั้งเมืองหลวง!“ท่านพูดอะไรก็ใช้สติคิดเสียบ้าง! พักนี้คนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวงคือท่านไม่ใช่หรือ? ข้าได้ประโยชน์จากเรื่องนี้สักนิดหรือไม่?”“ข้าเค้นสมองครุ่นคิดเพื่อท่าน หวังว่าท่านจะสอบได้ตำแหน่งดีๆ ในการสอบฤดูใบไม้ผลิ ยามนี้ในเมืองหลวงมีใครไม่ชมเชยว่าท่านเขียนเรียงความได้ดีบ้าง? พวกตระกูลใหญ่ชนชั้นสูงล้วนแต่ชื่นชมท่าน”“เดิมนั้นแค่ท่านสงบเสงี่ยม รอเงียบๆ จนหลังการสอบฤดูใบไม้ผลิเส้นทางราชการก็จะราบรื่นเอง ได้แต่งงานกับคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่ท่านกลับไปพลอดรักกับจ้าวซูห
ทุกคนล้วนร้องจิ๊ออกมาอย่างเสียดาย เพียงแค่พระหยกองค์นี้ราคาก็ไม่ธรรมดาแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันแรกของการเปิดร้าน ที่ต้องระวังที่สุดก็คือสิ่งเหล่านี้ทุกคนเองก็เก้อกระดากเกินกว่าจะพูดออกมาโดยตรง แต่กลับรู้ดีภายในใจว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น น่ากลัวว่าการค้าของร้านนี้ไม่มีวันเจริญรุ่งเรือง“ปี้อวิ๋น ตกลงเจ้าเป็นอะไรไป?”สายตาเสิ่นหวยอันสะท้อนความไม่พอใจ แม้แต่เสียงเองก็เจือคำตำหนิของที่ฉู่มู่เหยามอบให้จะต้องไม่ธรรมดา สิ่งของภายในวังล้วนไม่แย่ ยิ่งไปกว่านั้นนางเห็นตนเป็นคนในดวงใจ จะต้องตั้งใจเลือกออกมาอย่างดีแน่บัดนี้เขาก็ชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเทพเจ้าแห่งโชคลาภนี้เป็นมงคลเยี่ยงไร ต่อให้ภายภาคหน้าไม่มีเงินจริง นำไปขายก็ได้เงินมหาศาล!บัดนี้กลับดี แตกไปเช่นนี้แล้ว“หวยอัน ไม่ใช่ข้าจริงๆ เมื่อครู่ข้ายังไม่ทันยื่นมือออกไป สาวใช้คนนั้นก็ปล่อยมือแล้ว ดังนั้นของจึงตกพื้นแตก”ซ่งปี้อวิ๋นเผยสีหน้าอึดอัดคับข้องใจ นางบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง ของดีล้ำค่าถึงเพียงนี้ นางอยากจะรับไปดีๆ ใครคิดเล่าว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้?เพียงชุ่ยจูได้ยินก็รีบพูดว่า “องค์หญิง ไม่ใช่บ่าวไม่
ฉู่มู่เหยาได้ยินถ้อยคำนี้ก็รู้สึกเพียงว่าน่าขันเป็นพิเศษ หน้าเปื้อนโดยไม่ตั้งใจ จะต้องใช้เวลาเช็ดนานมากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น ชายหญิงยังไม่ออกเรือน เดิมทีก็ไม่พึงชิดใกล้ ทว่าสองคนนี้ไม่เพียงไม่ระวังระยะห่าง ตรงข้ามกันยังใกล้ชิดกันต่อหน้าคนมากถึงเพียงนี้เมื่อครู่ตอนนางมา เห็นได้ชัดว่าทุกคนล้วนซุบซิบกันว่าพวกเขาสองคนเหมาะสมกัน อีกไม่นานก็น่าจะหมั้นหมายกันแล้ว“พวกเจ้าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับข้าด้วยเล่า? วันนี้ข้ามาก็เพื่อแสดงความยินดีที่พวกเจ้าเปิดร้านอาหาร”ใบหน้าฉู่มู่เหยาไร้คลื่นอารมณ์ ไม่มีความหึงหวงน่ารำคาญของแม่นางในห้องหอเลยแม้แต่น้อย ชนิดที่ว่ายังเจือความไม่เข้าใจอีกหลายส่วน คล้ายไม่เข้าใจเหตุใดเสิ่นหวยอันจึงมีท่าทีเช่นนี้เสิ่นหวยอันเห็นท่าทีเช่นนี้ของฉู่มู่เหยา ลอบตกตะลึงภายในใจในทันใด องค์หญิงที่เป็นเช่นนี้ก็คล้ายตอนทั้งสองคนเพิ่งรู้จักกัน ห่างเหินอย่างมาก ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้จนกระทั่งครั้งก่อนเขายื่นมือออกไปช่วยเหลือ ทำให้องค์หญิงหวั่นไหว ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจึงกลายเป็นใกล้ชิดกันขึ้นมาคิดไม่ถึง วันนี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คล้ายกลับไป
เพียงแต่ได้เห็นจู่ๆ ฉู่มู่เหยาก็หยุดฝีเท้า ทันใดนั้นเดินขึ้นไปข้างหน้าอย่างดุดัน ทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง ภายในสายตาเปี่ยมความแปลกใจ“ดูท่าแล้ว องค์หญิงน้องสาวของเจ้าอารมณ์รุนแรงทีเดียว” ซ่งจิ่งเซินหัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง “ไป พวกเราไปรับชมละครฉากสนุกกัน”......“ปี้อวิ๋น เจ้าแน่ใจนะว่ารสชาติเหมือนกับร้านปิ้งย่างสกุลซ่งทุกกระเบียดนิ้ว?”ภายในสายตาเสิ่นหวยอันสะท้อนความกังวลเล็กน้อย เขามองเนื้อที่ย่างออกมาทางด้านข้าง สีสันและกลิ่นคล้ายกับสกุลซ่งอยู่บ้างเขาไม่มีประสบการณ์ทำการค้ามากนัก ทว่าเดิมทีครอบครัวของซ่งปี้อวิ๋นก็เชี่ยวชาญด้านการค้า เพียงแต่การค้าแตกต่างจากจวนแม่ทัพซ่งมากเห็นซ่งปี้อวิ๋นตบอกรับประกันอย่างมั่นใจว่าไม่มีปัญหา เขาก็เชื่อแล้ว“วางใจเถอะ ก็แค่ย่างเนื้อไม่ใช่หรือ? ไม่มีอันใดยาก”ซ่งปี้อวิ๋นโบกมือ นางลอบไปดูที่หลังครัวของร้านปิ้งย่างสกุลซ่งมาก่อน ไม่อาจพูดว่ามีอันใดพิเศษได้ ก็แค่ย่างเนื้อ โรยผงปรุงสเท่านั้น ไม่มีอันใดพิเศษนางตั้งใจสืบเรื่องผงปรุงรสเล็กน้อย ก็พบเห็นได้ทั่วไป ขอเพียงพวกเขาเรียนรู้ จะต้องไม่ผิดพลาดแน่ตอนนี้เอง จู่ๆ ซ่งปี้อวิ๋นก็มองเห็นฉู่มู่เหยาที่เดิ
“น้องหญิงห้า เจ้ากำลังมองอันใด?”ซ่งจิ่งเซินเห็นสายตาน้องหญิงบ้านตนมองไปยังทิศทางหนึ่ง นี่จึงมองตามไปเพียงแต่ชั่วขณะได้เห็นเงาร่างแบบบางนั้น ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง“นั่นไม่ใช่องค์หญิงมู่เหยาหรือ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า ภายในใจกลับรู้ดีว่าบัดนี้ฉู่มู่เหยากำลังยืนอยู่ที่นั่น แท้จริงแล้วกำลังเพ่งพินิจเสิ่นหวยอันและซ่งปี้อวิ๋นซ่งจิ่งเซินหันไปมองซ่งปี้อวิ๋นและเสิ่นหวยอันแวบหนึ่ง ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “องค์หญิงมู่เหยาน่าจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วกระมัง? สายสัมพันธ์ลึกซึ้งของเสิ่นหวยอันและซ่งปี้อวิ๋น ปกติข้าเห็นว่าก็ไม่ได้หลบเลี่ยงอันใดมากนัก”“คาดว่าน่าจะคิดว่าปกติองค์หญิงอยู่ภายในวัง โอกาสออกมาไม่มาก เจ้าต้องเกลี้ยกล่อมดีๆ ต้องเสียใจเพื่อคนพรรค์นี้ ไม่คุ้มค่าโดยแท้”“องค์หญิงเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง นางน่าจะมองออก”ซ่งรั่วเจินสังเกตอารมณ์ของฉู่มู่เหยา อย่างไรเสียร้านอาหารนี้ยังเป็นนางช่วยเสิ่นหวยอันซื้อไว้ ปรากฏว่าตอนนี้ถึงขั้นเป็นเขาและซ่งปี้อวิ๋นร่วมมือกันเปิดกิจการแม้ว่าแขวนชื่อร้านปิ้งย่างสกุลเสิ่น ทว่าท่าทางของซ่งปี้อวิ๋นคล้ายนายหญิงก็มิปาน ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ไม่อาจทนไหวในเวลาเ
ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ นึกถึงวิธีการรวดเร็วเฉียบขาดของฉู่จวินถิง เสิ่นหวยอันล่วงเกินผู้ใดไม่ล่วงเกิน ถึงขั้นล่วงเกินองค์หญิงมู่เหยาหากฉู่จวินถิงต้องการคิดบัญชีกับเขา คนผู้นี้จะต้องได้รับผลกรรมอย่างสาสมแน่ต่อมา ขณะซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเพิ่งเดินมาถึงประตูวังก็ได้พบกับซ่งหลินและซ่งเยี่ยนโจว“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง เหตุใดพวกท่านมาอยู่ที่นี่เจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าแปลกใจ ทั้งๆ ที่ก่อนนางมา ท่านพ่อ พี่ใหญ่และพี่รองเพิ่งเลิกประชุมกลับไป เหตุใดตอนนี้ถึงได้มาพบกันที่หน้าประตูวังอีกเล่า?“ยังไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่เจ้าหลงๆ ลืมๆ ไม่ทันระวังทำของหล่นอยู่แถวนี้อีกหรือ ข้าไม่วางใจจึงมาหาเป็นเพื่อนเขา!”ซ่งหลินปั้นหน้าบึ้งตึงในทันใด สบมองซ่งเยี่ยนโจวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าอายุไม่น้อยแล้ว ภายภาคหน้าจะต้องระวังให้ดี!”ซ่งเยี่ยนโจว “...ท่านพ่อ อันที่จริงคนทำหายคืออี้อันต่างหาก อี้อัน ตอนนี้เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว พี่ใหญ่ไม่รับผิดแทนเจ้าแล้ว”ซ่งอี้อัน “...” รู้แต่แรกก็ไม่มาแล้ว เขาไม่มีทางมาอยู่ที่หน้าประตูวังเป็นอันขาดซ่งรั่วเจินที่มองปราดเดียวก็เข้าใจสถานการณ์หัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้ น
ฉู่มู่เหยาจมอยู่ในความเงียบ ในใจของนางมีเสิ่นหวยอันอยู่ อาจเป็นเพราะเป็นครั้งแรกที่มีคนแสดงความรู้สึกกับนางอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ โดยเฉพาะหลังจากที่เคยมีบุญคุณในการช่วยชีวิตแล้ว นางเห็นว่าตัวของเสิ่นหวยอันตกอยู่ในอันตราย แต่ยังคงจับมือของนางไว้แน่น ตอนนั้นนางมองเห็นเลือดสด ๆ จากมือของเสิ่นหวยอันหยดลงมากับตา แต่เขากลับยังคงปลอบนางว่าอย่ายอมแพ้ เขาจะช่วยนางขึ้นมาให้ได้อย่างแน่นอน ตั้งแต่วินาทีนั้น นางก็รู้สึกว่าเสิ่นหวยอันแตกต่างจากบุรุษคนอื่น ๆ แต่ซ่งรั่วเจินได้บอกนางถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง ความจริงใจสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วพริบตา อีกอย่างนางเองก็ไม่รู้ว่าหัวใจของคนคนหนึ่งจะสามารถแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ส่วนได้จริงหรือไม่ ซ่งปี้อวิ๋นคอยตามอยู่ข้างกายเสิ่นหวยอันตลอด ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็รู้สึกว่าซ่งปี้อวิ๋นน่ารำคาญ แต่ตลอดมา เขาใจไม่แข็งพอที่จะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา “พี่สะใภ้ ถ้าเป็นเสด็จพี่สาม เขาคงจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นใช่หรือไม่?” อยู่ ๆ ฉู่มู่เหยาก็ถามขึ้นมา นางรู้ดีว่าสตรีที่ชอบเสด็จพี่มีมากมายเพียงใด ในทุก ๆ วัน ผู้ที่คิดหาทางเข้าหาม
ซ่งรั่วเจินไม่คิดว่าฉู่มู่เหยาจะขอโทษนาง นางยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “นี่มีอะไรที่ต้องขอโทษหรือ? หม่อมฉันกับเสด็จพี่ขององค์หญิงมิได้ใส่ใจเรื่องนี้หรอก” “จริง ๆ แล้วข้าเองก็รู้ว่า ถ้าข้าพูดเรื่องนี้กับเสด็จแม่ นางต้องโกรธมากแน่ ๆ จึงคิดว่าจะพูดตอนที่พวกเจ้ากับท่านยายอยู่ด้วย แต่กลับไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้…” ฉู่มู่เหยาถอนหายใจหนักหนึ่งครั้ง “ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดเสด็จแม่ถึงเป็นเช่นนี้ตลอด ข้ารู้สึกว่าระหว่างบุตรภรรยาเอกกับบุตรภรรยารองไม่มีความยุติธรรมเอาเสียเลย!” ซ่งรั่วเจินย่อมไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องความแตกต่างของบุตรภรรยาเอกกับบุตรภรรยารอง แต่ในสังคมของสมัยโบราณมักเป็นเช่นนี้ ระหว่างบุตรภรรยาเอกกับบุตรภรรยารองนั้นมีความแตกต่างกันมาก ฮองเฮาให้ความสำคัญในเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก “องค์หญิง เรื่องความแตกต่างระหว่างบุตรภรรยาเอกกับบุตรภรรยารองนั้นยังมิต้องพูดถึง ความประพฤติของคนต่างหากที่สำคัญที่สุด” “หม่อมฉันจำได้ว่าช่วงเวลาที่องค์หญิงรู้จักกับคุณชายเสิ่นเหมือนจะมินาน ก่อนหน้านี้ก็มิได้รู้จักกันมากมายนัก องค์หญิงแน่ใจว่าเขาดีอย่างที่องค์หญิงคิดจริง ๆ งั
“เจ้าไปนั่งเป็นเพื่อนมู่เหยาที่ตำหนักของนางก่อนนะ” ฉู่จวินถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับซ่งรั่วเจิน ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ได้” ฉู่มู่เหยาเดิมทีก็ไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่ต่ออยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าซ่งรั่วเจินออกไปด้วย ก็ยิ่งดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าทั้งสองออกไปแล้ว ใบหน้าของฮองเฮาก็ขรึมลงและกล่าวว่า “จวินถิง เรื่องนี้ไม่ว่าจะยังไงข้าก็มิยอมตกลงเป็นอันขาด เสิ่นหวยอันผู้นั้นกับมู่เหยาไม่เหมาะสมกันแม้แต่น้อย เจ้าจะทำร้ายน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองไม่ได้นะ!” “เสด็จแม่วางใจเถิด ก่อนหน้านี้รั่วเจินบังเอิญเจอพวกเขาที่ริมถนนพอดี จึงเตือนให้ข้าไปสืบเรื่องเสิ่นหวยอัน” ฉู่จวินถิงกล่าว ฮองเฮาแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าค่อย ๆ ผ่อนคลายลง “ผลการสืบสวนเป็นอย่างไรบ้าง?” “เสิ่นหวยอันไม่ใช่คนที่สามารถฝากชีวิตได้อย่างแน่นอน” เมื่อคำพูดนี้เปล่งออกมา ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าลู่ก็เริ่มขรึมลง “บุรุษผู้นี้ต้องชอบในฐานะของมู่เหยาเป็นแน่ ไม่แน่ว่าเรื่องที่เกือบจะเกิดอันตรายขึ้นก่อนหน้านี้ก็เกี่ยวข้องกับเขาด้วย” “ข้ามิเข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเหตุใดมู่เหยาตาบอดถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้ ตอนท
ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ตบมือของนาง แล้วดึงนางไปนั่งในห้อง “ตอนนี้ในหัวใจเจ้ากำลังคิดถึงเขา ย่อมรู้สึกว่าสิ่งใดก็ทนได้ทั้งนั้น” “ยายถามเจ้าหน่อยเถิด เสื้อผ้าที่เจ้าสวมใส่อยู่ทุกวันล้วนแต่เป็นของดีที่สุด เนื้อผ้าหยาบไปเพียงนิด เจ้าสวมใส่ก็รู้สึกไม่สบายตัวแล้ว เรื่องอาหารการกินข้าก็จะไม่พูดแล้ว แค่น้ำปรุงกับแป้งที่เจ้าทาก็เป็นของล้ำค่าที่สุดทั้งนั้น” “กลัวก็แต่สกุลเสิ่นคงจะไม่เคยซื้อของเหล่านี้เลย ถึงตอนนั้นหากเจ้าจะแต่งงานกับเขาจริง ๆ ของเหล่านี้เจ้าก็จะไม่มีอีกต่อไป” “สตรีแต่งงานตามสามีไป แม้เจ้าจะเคยเป็นองค์หญิง แต่เมื่อเจ้าแต่งงานก็จะเป็นฮูหยินของบุตรภรรยารองของสกุลเสิ่น ในงานเลี้ยงที่ผ่านมา เจ้าได้สังเกตดูดี ๆ บ้างหรือไม่?” “ในงานใหญ่ ๆ พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วม การแต่งงานของสตรีมิใช่เรื่องง่าย ๆ เช่นนั้นมาแต่ไหนแต่ไร เจ้าคิดถึงสิ่งเหล่านี้หรือไม่?” เดิมทีฉู่มู่เหยาที่มีท่าทีแน่วแน่อย่างถึงที่สุด เมื่อฟังคำพูดเหล่านี้แล้วค่อย ๆ ใจเย็นลง ซ่งรั่วเจินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ฮูหยินผู้เฒ่าลู่เป็นผู้มีปัญญาจริง ๆ มีนางพูดกล่อมน่าจะทำให้มู่เหยาสามารถคิดได้ ยิ่งไม