แชร์

บทที่ 122

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
“ข้าจะไปกับเจ้า”

ฉู่จวินถิงตอบรับโดยไม่ลังเล

ซ่งรั่วเจินยกยิ้มขึ้นน้อยๆ โดยไม่รีรอ จากนั้นหันกายเดินออกไปด้านนอกทันที

“พวกเจ้าไปแจ้งจ้าวเหวินซูแห่งกรมอาญา ว่าข้าจะทิ้งสัญลักษณ์ตามทางเอาไว้ ให้พวกเขาตามมาโดยเร็ว เคลื่อนไหวให้เงียบเชียบ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”

“ขอรับท่านอ๋อง”

ซงฉือกับซงป่ายไม่รอช้า ต่างรีบไปแจ้งใต้เท้าจ้าว

ซ่งรั่วเจินรอฉู่จวินถิงมอบหมายคนในปกครองแล้ว ก็พบเข้ากับฉู่อวิ๋นกุยเดินตรงมาหา

ฉู่อวิ๋นกุยเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เมื่อเห็นแม่นางที่อยู่เบื้องหน้าอย่างชัดเจน ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนหยุดฝีเท้าลง เรือนคิ้วไม่ปิดบังความตื่นตกใจ “แม่นางซ่ง?”

“คารวะอวิ๋นอ๋อง”

ซ่งรั่วเจินทำความเคารพไปหนึ่งกระบวน

ฉู่อวิ๋นกุยเปี่ยมด้วยความประหลาดใจ ตั้งแต่เสด็จพี่สามห้ามไม่ให้สวีเฮ่ออันไปเที่ยวทะเลสาบ เขาก็คาดหวังจะได้เห็นความคืบหน้าของคนทั้งคู่

เสียก็เพียงหลายวันมานี้กิจธุระในท้องพระโรงรัดตัว เขากับเสด็จพี่สามล้วนยุ่งเสียจนไม่อาจขยับกาย ย่อมไม่อาจคิดถึงเรื่องพวกนี้ได้ นึกไม่ถึงว่าแม่นางซ่งกลับรุกเข้าหาเสด็จพี่สามถึงที่

หรือว่า...จะแอบมีใจ?

ฉู่จวินถิงกำลังกล่าวกำชับก็เจอฉู่อวิ๋นก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 123

    น่าเสียดายที่เจอนางเข้าให้“หลินจือเยว่กับฉินซวงซวงมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยงั้นหรือ?”ฉู่จวินถิงขมวดคิ้วมุ่น เบาะแสที่เคยสืบหามาได้ก่อนหน้านี้ไม่พบจริงๆ ว่าโยงใยไปถึงพวกเขาสองคน ดูท่า...จะยังสืบค้นได้ไม่ถึงที่สุด!“หม่อมฉันก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่ ศาลาว่าการซุ่นเทียนบอกเองมิใช่หรือว่าฉินซวงซวงป่วยหนักจนเกือบสิ้นชีพ?”ซ่งรั่วเจินพิเคราะห์แล้วเอ่ยขึ้น “เกรงว่าจะจงใจปั้นแต่งข้ออ้างขึ้นมา เป็นไปได้ไหมว่าเพื่อโยกย้ายทรัพย์สิน?”ฉู่จวินถิงคิดอย่างถี่ถ้วน พบว่าทุกอย่างล้วนเข้าที่เข้าทางแล้ว!ฉินซวงซวงจงใจอ้างว่าตนป่วย ยามที่เขาได้ยินข่าวก็สงสัยเช่นกัน เพียงแต่สองวันมานี้กลับยุ่งเกินกว่าจะตรวจสอบได้ นึกไม่ถึงว่าเรื่องทั้งหมดจะเชื่อมโยงกันเช่นนี้เองเห็นคนทั้งสองขุดค้นสมบัติขึ้นมาหีบแล้วหีบเล่า ก่อนออกแรงขนย้ายไปยังรถม้าด้านหลัง เพียงเห็นจำนวนเข้าก็ชวนตกใจมากทีเดียว“ท่านอ๋อง ไม่จับหัวขโมยเอาทรัพย์สินที่ถูกเอาไปคืนมาหรือเพคะ?” ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้นสีหน้าฉู่จวินถิงสงบดังเดิม “ไม่รีบ ดูไปก่อน” ว่าพลางมองสบไปยังสายตาของนาง ก่อนจะอธิบาย “ในเมื่อเจอของแล้ว ก็ดูไปก่อนว่าพว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 124

    “จับตาดูเอาไว้ให้ดี ว่าพวกเขาจะนำทรัพย์สินเหล่านั้นไปซ่อนไว้ที่ใด และวันพรุ่งนี้มีแผนการจะทำสิ่งใดต่อไป”น้ำเสียงเยือกเย็นทว่าหนักแน่นของฉู่จวินถิงแฝงด้วยอำนาจทำให้คนเชื่อมั่น “หากพวกเขารายงานแก่ราชสำนัก ก็ถือว่าพวกเขาบริสุทธิ์ใจ หากนำไปซุกซ่อนไว้เอง ก็ถือเสียว่าสมคบคิดเป็นพวกเดียวกันกับพวกเลวทราม”“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”จ้าวเหวินซูพลันเข้าใจขึ้นมาหากก่อนหน้านี้ตรวจพบหลักฐานแล้วว่าหลินจือเยว่กับฉินซวงซวงมีส่วนเกี่ยวข้อง ย่อมเข้าจับเอาทั้งคนทั้งทรัพย์สินได้โดยตรงทว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่เคยตรวจสอบ ต่างไม่พบสิ่งที่เกี่ยวโยงไปยังหลินจือเยว่ หากลงมือเสียตอนนี้กลับเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ตลบตะแลงพลิกลิ้นเช่นนั้นรออีกสักคืนจะดีกว่า จะได้คาหนังคาเขากันไปเลย“ฟ้ามืดแล้ว ข้าจะส่งเจ้ากลับจวนก่อน ทางครอบครัวเจ้าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล”ฉู่จวินถิงหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ดวงตาราวหินอัคนีทมิฬจับจ้องอยู่ที่นาง “วันนี้ต้องขอบคุณเจ้า ถึงช่วยให้ข้าพ้นจากสถานการณ์ใหญ่ได้”“ท่านอ๋องเกรงใจเกินไปแล้ว เรื่องพัดในวันนี้ ก็ทำให้หม่อมฉันสะใจมากเช่นเดียวกัน”อานุภาพของพัดนั่นปรามาศไม่ได้เชียว มันพุ่งเข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 125

    “เรื่องวันนี้เป็นเรื่องที่เจ้าคาดการณ์ได้จริงๆ หรือ?” ฉู่จวินถิงเอ่ยถามเรื่องนี้พวกเขาลงแรงไปมากมายก็ยังยากที่จะสืบเจอจุดที่ฝังซ่อนของเอาไว้ ซ่งรั่วเจินในวันนี้เรียกได้ว่ามอบของขวัญให้เขาแล้วจริงๆ “ท่านอ๋องคิดว่าหม่อมฉันติดตามพวกเขาแล้วบังเอิญเจอเรื่องนี้เข้าจึงมาบอกท่านหรือ? ที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร ก็ล้วนไม่สำคัญมิใช่หรือ?”ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น หลายวันมานี้นางไม่ได้คาดการณ์เรื่องของหลินจือเยว่และฉินซวงซวง หากแต่ค่ำนี้รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ จึงนึกขึ้นได้ว่าตนเคยอ่านเจอในหนังสือว่ามีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นเพียงแต่ในหนังสือนั้น หลังจากฉินซวงซวงกลับมาเกิดใหม่ก็มีเงินทองเจ้าของเดิมไว้ใช้จ่ายจึงไม่ขาดแคลนเงินทอง ดังนั้นจึงได้นำเรื่องนี้รายงานแก่ราชสำนักหลังจากราชสำนักค้นพบสินที่ถูกเอาไป นางก็ได้รับความดีความชอบ จากนั้นยังถูกจวนสกุลหลินและจวนสกุลฉินให้ความสำคัญ สถานะของนางจึงสูงขึ้นตามไปด้วยแต่ในชาตินี้ เพราะนางไม่ได้ตบแต่งออกไป ทั้งตระกูลหลินยังมีหนี้สินท่วมท้น ดังนั้นนางจึงเชื่อว่าฉินซวงซวงจะต้องเลือกยักยอกทรัพย์สินที่ถูกเอาไปอย่างแน่นอนท้ายที่สุดแล้ว แม้จะแจ้งรายงานเรื่อ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 126

    เช้าวันต่อมา ประตูใหญ่สกุลซ่งถูกเคาะ“คุณหนู หลินจือเยว่กับหลินซวงซวงมา พูดว่าต้องการคืนเงินเจ้าค่ะ”เฉินเซียงพูดไม่ออก “ได้ยินว่าโวยวายพักใหญ่ ขาดเพียงตีฆ้องร้องเปล่าให้ทุกคนต่างรู้กันถ้วนทั่วถึงเป้าหมายที่พวกเขามากันในวันนี้”“มาเช้าเพียงนี้เชียวหรือ?”ซ่งรั่วเจินได้ยินมุมปากก็ยกขึ้น สองคนนี้ช่างมารนหาที่ตายโดยแท้!“คุณหนู เหตุใดท่านยิ้มดีใจเพียงนี้?”เฉินเซียงไม่เข้าใจ “จะคืนเงินก็คืนเงินสิ เดิมทีพวกเขาก็ติดหนี้อยู่แล้ว ถือสิทธิ์อะไรมาโอหังเพียงนี้ บ่าวดูแล้วฉินซวงซวงผู้นั้นมีท่าทีของฮูหยินที่ใดกัน? เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีของอนุคนโปรดคนหนึ่ง น่ากลัวว่าวันนี้ยังคิดโอ้อวดเบ่งบารมีต่อหน้าคุณหนูอีกด้วยนะเจ้าคะ!”“ในที่สุดพวกเขาก็นำเงินมาคืนแล้ว นี่ยังไม่ใช่เรื่องดีอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้ม “ไป พวกเราไปดูว่าพวกเขาโอ้อวดเบ่งบารมีอย่างไร!”“มาเอะอะโวยวายอันใดที่นี่ตั้งแต่เช้า?”ซ่งจืออวี้มองพวกหลินจือเยว่สองคน ภายในสายตาเจือความรังเกียจ คล้ายแมลงวันน่ารำคาญสองตัวบินตอแยไปมาอยู่ตรงหน้าฉินซวงซวงเองก็คิดไม่ถึงว่าคนออกมาจะเป็นซ่งจืออวี้ คนผู้นี้เป็นอันธพาลไม่กริ่งเกรงต่อสิ่งใดคนหน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 127

    หลินจือเยว่ยื่นตั๋วเงินในมือออกไป“นี่คือตั๋วเงินแปดล้านตำลึง เจ้าจงนับต่อหน้า ภายภาคหน้าพวกเราไม่ติดค้างกันอีก!”“ได้เลย”หนึ่งประโยคแผ่วเบาผ่านเข้าหูหลินจือเยว่ กลับทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก!ทั้งๆ ที่ซ่งรั่วเจินปักใจอยู่กับเขา บัดนี้กลับคล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่สนใจเขาเลยสักนิด นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?“นับตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าก็อย่าได้นำเรื่องในอดีตมาข่มขู่ข้าอีก สกุลซ่งกับสกุลหลินของพวกเราไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันแล้ว” หลินจือเยว่พูดออกไปอย่างอดไม่ได้“ย่อมเป็นเช่นนั้น”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า นับตั๋วเงินในมือ เกิดความรู้สึกเลื่อมใสขึ้นมาสายหนึ่งภายในใจเมื่อคืนสองคนนี้ขุดเงินทองทรัพย์สมบัติมากเพียงนี้ ระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งคืนก็แลกตั๋วเงินมาได้แล้วว่องไวเหลือเกิน!หลินจือเยว่กับฉินซวงซวงสบตากันแวบหนึ่ง เดิมทีวันนี้ต้องการมาโวยวายใหญ่โต ไม่ใช่พวกเขาโวยวาย แต่ปรารถนาจะได้เห็นซ่งรั่วเจินโวยวายสักครั้งใครคาดคิดเล่าว่าอีกฝ่ายตกปากรับคำง่ายดายเพียงนี้ ราวกับชกปุยนุ่นก็มิปาน อึดอัดคับข้องใจอย่างบอกไม่ถูกภายในใจ“อิงตามที่ข้ารู้ ระยะนี้ท่านหลินป๋ออับจนหนทาง ไม่มีผู้ใดให

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 128

    “เหลวไหล!”สีหน้าฉินซวงซวงแข็งกระด้างไป “พี่ชายข้าใกล้จะถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว พวกเจ้าคิดใช้เรื่องนี้ล่ามพี่ชายข้าไว้ในคุก ไม่มีวันเสียหรอก!”“งั้นหรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินตกลงบนคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในที่ห่างออกไปไม่ไกล มุมปากยกขึ้นหนึ่งข้างอย่างนึกสนุก“หลินฮูหยิน ข้าคนนี้ทำนายแม่นยำนัก เห็นแก่เจ้าที่คืนเงินข้า วันนี้ข้าขอทำนายให้เจ้าสักครั้ง พี่ชายของเจ้าจะออกมายามใดนั้นยังไม่อาจรู้ได้ แต่เจ้าจะกลับเข้าคุกยามใด ข้ากลับสามารถบอกเจ้าได้”“ก็คือวันนี้นี่เอง”“ซ่งรั่วเจิน เจ้าเสียสติไปแล้วจริงๆ ริษยาแค้นเคืองข้าจนเริ่มพูดเหลวไหลแล้ว!”ฉินซวงซวงโกรธจนหัวเราะออกมา “เจ้าคิดว่าตนเองเป็นปรมาจารย์ลัทธิเต๋าเก่งกาจกระนั้นหรือ ยังมอบคำทำนายให้ข้า ข้าว่าไม่ช้าก็เร็วพวกเจ้าสกุลซ่งจะต้องตกต่ำเป็นแน่!”จากนั้น ชั่วขณะเสียงของฉินซวงซวงหยุดลง เสียงเยียบเย็นของจ้าวเหวินซูพลันดังขึ้น“ท่านหลินป๋อ หลินฮูหยิน ตามพวกเราไปเที่ยวหนึ่งเถอะ!”หลินจือเยว่มองเห็นจ้าวเหวินซู ยากจะอดกลั้นความงุนงงเอาไว้ได้ “ใต้เท้าจ้าว นี่หมายความว่าอย่างไร?”“ท่านหลินป๋อทำสิ่งใดไว้หรือว่ายังไม่รู้? ก่อนนี้ยามอยู่ใน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 129

    จ้าวเหวินซูสบถเสียงเย็น “ข้าเองก็ขอเตือนท่านหนึ่งประโยค นักการท่านอื่นไปตรวจค้นจวนของท่านแล้ว เงินที่หายไปของราชสำนักล้วนประทับตราไว้ เพียงมองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าใช่เงินชุดนั้นที่หายไปหรือไม่!”สีหน้าหลินจือเยว่ซีดเผือดลง เขามองทางฉินซวงซวงอย่างว้าวุ่นใจ “ซวงซวง นี่เกิดอันใดขึ้น?”“ข้า ข้าเองก็ไม่รู้”ฉินซวงซวงเองก็ว้าวุ่นใจ จู่ๆ นางก็นึกถึงถ้อยคำของซ่งรั่วเจินทั้งหมดขึ้นได้ หันหน้าไปอย่างมีโทสะ “เป็นเจ้า! เป็นเจ้าใช่หรือไม่!”“หลินฮูหยินกำลังพูดอันใด เหตุใดข้าฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ?”ซ่งรั่วเจินแกล้งสงสัย หันหน้ามองทางจ้าวเหวินซู “ใต้เท้าจ้าว ยึดตามที่ท่านพูดแล้ว เงินที่พวกเขาคืนข้าก็คือเงินถูกขโมยมาใช่หรือไม่?”“ใช่แล้ว” จ้าวเหวินซูพยักหน้า“เช่นนั้นขอมอบตั๋วเงินนี้ให้ใต้เท้าจ้าวก่อนก็แล้วกัน”ซ่งรั่วเจินมีสีหน้าเสียดาย “ข้าคิดว่าหลินจือเยว่มาคืนเงินจริงเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะนำเงินที่ขโมยออกจากราชสำนักมาให้ข้า นี่คือต้องการทำร้ายพวกเราสกุลซ่งใช่หรือไม่?”“ลำบากแม่นางซ่งแล้ว เรื่องนี้ตรวจสอบก็จะรู้ผลได้อย่างว่องไว น้ำลดหินย่อมโผล่ออกมา”จ้าวเหวินซูเองก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องราว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 130

    “ใต้เท้า นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ แต่ไหนแต่ไรมาลูกชายข้าเป็นขุนนางมือสะอาด ไฉนเลยจะสามารถทำเรื่องทุจริตบิดเบือนกฎหมายได้?”นางเพิ่งพูดจบ นักการก็ยกเงินบนโต๊ะวิ่งออกมา“ใต้เท้า ข้าน้อยพบเงินหนึ่งกล่อง ด้านล่างยังประทับตราที่หายไปชุดนั้นด้วยขอรับ!”เหลียงเหยียนรับเงินไป มองเห็นตราประทับด้านล่าง สีหน้าบึ้งตึง “เอาตัวไป!”หลินรั่วหลานยังไม่ทันเอ่ยปากต่อก็ถูกคนจับไว้แล้ว แขนสองข้างถูกรวบไว้ด้านหลัง ร้องโอดครวญไม่หยุด“นี่ต้องเข้าใจผิดไปเป็นแน่ แต่ไหนแต่ไรมาลูกข้าซื่อสัตย์ ไม่มีวันทำเรื่องทุจริตบิดเบือนกฎหมาย ใต้เท้า ท่านต้องสืบสวนให้กระจ่างนะเจ้าคะ!”“หลักฐานชี้ชัดแล้ว ยังมีอะไรให้แก้ตัวอีกเล่า?”เหลียงเหยียนมองฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าเล่ห์แวบหนึ่ง ใบหน้าซื่อตรงไม่ประจบสอพลอนั้นเยียบเย็น “หลินจือเยว่กับฉินซวงซวงถูกจับตัวไปแล้ว ข้าชี้แนะพวกเจ้าให้รีบสารภาพออกมาโดยเร็ว ประเดี๋ยวจะเจ็บตัวเอาได้!”หลินรั่วหลานอึ้งงัน “ลูกชายข้าถูกพวกท่านจับไปแล้ว? นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดใหญ่แล้ว!”“พวกเจ้าจงค้นหาอย่างละเอียด ห้ามเมินข้ามจุดน่าสงสัยไปเป็นอันขาด!”เหลียนเหยียนไม่สนใจหลินรั่วหลานอีก หลักฐาน

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 606

    เห็นฝานซืออิ๋งไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ฉู่จวินถิงพูดนิ่งๆ “อวิ๋นหยาง พาคนเข้ามา”บ่าวคนหนึ่งถูกพาเข้ามาอย่างว่องไว เพียงแต่บัดนี้ดื่มจนเวียนหัวมึนงง สมองไม่แจ่มชัด“ซ่าซ่า”น้ำเย็นหนึ่งถังถูกสาดเข้าไป ทันใดนั้นคนได้สติขึ้นมาแล้วหลังได้เห็นทุกคนอยู่ตรงหน้าไปจนถึงฝานซืออิ๋งที่กำลังถูกจับตัวไว้ ทันใดนั้นสีหน้าของบ่าวเปลี่ยนเป็นเผือดซีด“ยังไม่รีบสารภาพออกมาอีก!” ซ่งเยี่ยนโจวตวาดเสียงเฉียบบ่าวตกใจว้าวุ่นหนัก “เป็นแม่นางฝานบังคับให้ข้าทำเช่นนี้ หากข้าไม่รับปาก นางจะไม่ปล่อยพ่อแม่ข้าคุณชาย ข้าไม่มีทางเลือกขอรับ ขอร้องท่านให้อภัยบ่าวครั้งนี้ด้วยเถอะ!”สีหน้าฝานซืออิ๋งเปลี่ยนไป “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร! ข้าเปล่า!”บ่าวคุกเข่าโขกศีรษะไม่หยุด “ก่อนหน้านี้ยามนางอยู่ในจวนก็ถือสัญญาขายตัวเป็นทาสของบ่าวไว้ มิหนำซ้ำยังขายพ่อแม่ของบ่าวไปที่สกุลฝานช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ พ่อแม่ข้าอยู่ที่สกุลฝานได้รับความทุกข์เกินบรรยาย นางยังข่มขู่ข้า หากไม่รับปาก จะตีพ่อแม่ข้าให้ตายทั้งเป็นคุณชาย ชีวิตของคนในครอบครัวบ่าวล้วนอยู่ในมือของนาง ข้ายอมตาย แต่ไม่อาจทนเห็นพ่อแม่ข้าตายได้ขอรับ...”บ่าวร้องไห้เจ็บปวดใ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 605

    “แอด...”เสียงประตูห้องถูกผลักเปิดออก ฝานซืออิ๋งย่องเบาเตรียมเข้าไปภายใน ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง“แม่นางฝาน วันนี้พี่ใหญ่ข้าแต่งงาน ที่จวนไม่ได้เชิญเจ้า กลางดึกค่ำมืดเช่นนี้...มาเป็นขโมยหรือ?”ซ่งรั่วเจินกอดอก ดวงหน้างดงามเผยสีหน้าเยาะหยัน มองท่าทางเหมือนขโมยก็มิปานของฝานซืออิ๋งที่อยู่ตรงหน้าชั่วขณะได้ยินเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทั้งตัวฝานซืออิ๋งคล้ายถูกฟ้าผ่า ตกตะลึงอึ้งงันอยู่กับที่นางหันหน้าไปอย่างเหลือจะเชื่อ ชั่วขณะได้เห็นซ่งรั่วเจินกลับไม่ต่างจากเห็นมารชั่วร้าย ยิ่งไปกว่านั้นยามได้เห็นฉู่อ๋องข้างกายนางแล้ว ตกตะลึงพรึงเพริดทำอันใดไม่ถูก ร่างกายอ่อนยวบเกือบล้มหน้าคะมำบนพื้น“เจ้า เหตุใดพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่?”“คำนี้สมควรเป็นพวกเราถามเจ้ากระมัง?” ซ่งรั่วเจินเยาะหยันขณะเดียวกัน เปลวเทียนภายในห้องถูกจุดขึ้นอีกครั้ง ซ่งเยี่ยนโจวและลั่วชิงอินเดินออกมาพร้อมกันใบหน้าซ่งเยี่ยนโจวเย็นชา สีหน้าเคร่งขรึม เขาเกลียดฝานซืออิ๋งมาก เดิมทีคิดว่าชาตินี้ไม่ขอพบหน้าอีก คิดไม่ถึงหญิงคนนี้จิตใจบ้าคลั่ง คิดวิธีการเช่นนี้ออกมาได้!ก่อนหน้านี้ยามน้องหญิงห้าเอ่ยเตือนเขา เขาก็ตกใจ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 604

    ภายในอากาศเจือกลิ่นอายสดชื่นบริสุทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์บนตัวของฝ่ายชาย นางถึงขั้นสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของเขาได้ ระยะห่างใกล้กันมากยิ่งขึ้น เลื่อนผ่านใบหูของนาง เจือความรู้สึกจักจี้เล็กน้อยมือใหญ่ของฝ่ายชายวางไว้บนเอวของนาง อุณหภูมิร้อนฉ่านั้นคล้ายเปลวไฟก็มิปาน ลุกโชนเข้าไปในหัวใจ อุณหภูมิบนใบหน้านางเองก็เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว...ฉู่จวินถิงมองคนในวงแขน เขาได้เห็นนางใกล้ถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรกระยะห่างใกล้มาก ชนิดที่ว่าสามารถมองเห็นใบหน้าเล็กเนียนละเอียดของนางได้ ผิวพรรณขาวนวลคล้ายเพียงดีดก็แตก ดวงตาคล้ายกวางน้อยคู่นั้นเจือความว้าวุ่นยากเกินควบคุม อีกทั้งพวงแก้มแดงเรื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้หัวใจของเขาว้าวุ่นสัมผัสที่มืออ่อนนุ่มเหลือหลาย คล้ายออกแรงเบาๆ ก็สามารถบีบขาดได้ก็คล้ายเมื่อแรกที่นางแสร้งหมดสติในอ้อมกอดเขา สัมผัสเนียนนุ่มนั้น ทำให้เขามิอาจหักใจปล่อยมือ“มือของท่าน...”“ชู่ว์” ฉู่จวินถิงเข้าใกล้ใบหูของฝ่ายหญิง กระซิบเสียงค่อย “เจ้ารู้ว่าใครมาหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ “เป็นฝานซืออิ๋ง นางน่าจะต้องการใช้วิธีเดิมอีกครั้ง”ฉู่จวินถิงเข้าใจในทันใด นึกได้ว่าก่อนหน้า

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 603

    “ข้าเข้าใจแล้ว” ซ่งรั่วเจินรับคำเสียงหนึ่ง พูดกับอวิ๋นเนี่ยนชู“เนี่ยนชู เจ้าช่วยข้าต้อนรับพวกองค์หญิงหกดีๆ มีเรื่องใดก็บอกเฉินเซียงได้ ข้าไปทำธุระส่วนตัวสักหน่อยเดี๋ยวมา”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้า “วางใจเถอะ ยกให้ข้า”ซ่งรั่วเจินเห็นว่าซ่งเยี่ยนโจวกลับไปที่ห้องหอแล้ว ตนเองก็ลอบไล่ตามไป จากนั้นหลบที่ภายนอกห่างจากห้องหอไม่ไกลนางเลื่อมใสความกล้าของฝานซืออิ๋งอย่างแท้จริง ต้องการใช้อุบายเดิมน่าขายหน้าพรรค์นี้อีกครั้งก็ช่างเถอะ ถึงขั้นยังเลือกวันแต่งงานของพี่ใหญ่ช่างเป็นพวก...หน้าตาอัปลักษณ์ฝันหวานโดยแท้!ชั่วขณะนางกำลังรอปลาติดเบ็ดอยู่นั้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าทางด้านหลัง รีบหันหลังกลับ“ชู่ว์”ฉู่จวินถิงใช้มือข้างหนึ่งปิดปากนาง ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามเผยสีหน้าแปลกใจอยู่รางๆ เอ่ยเย้า “คืนวันแต่งงานใหม่ของพี่ใหญ่เจ้า น้องสาวมาแอบฟังที่มุมกำแพงเช่นนี้ ไม่ดีกระมัง?”เมื่อครู่เขาเห็นแม่นางคนนี้ลอบออกจากงานเลี้ยง รออยู่นานก็ยังไม่เห็นกลับมา นี่ถึงออกมาตามหาใครคิดเล่าว่านางที่เป็นคุณหนูในห้องหอคนหนึ่ง...จะมาแอบฟังที่มุมกำแพง?ซ่งรั่วเจินเผชิญหน้ากับท่าทางแปลกประหลาด ตกตะลึงและพยาย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 602

    “สกุลหลิ่วจะถูกปลดตำแหน่งขุนนางหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินมองเขาอย่างสงสัย สายตาแยกดำขาวอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์ทอประกายระยับ สุกสกาวเป็นพิเศษสุ้มเสียงนางนุ่มนวล เพียงแค่เอ่ยถามเรียบๆ หนึ่งประโยค ทว่าตกอยู่ในหูของฉู่จวินถิง กลับอยากจะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นจริง“แน่นอน”เส้นเสียงของเขาต่ำหนัก สุ้มเสียงมั่นใจอย่างมากซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น “หลายปีมานี้ภายใต้การช่วยเหลือของสกุลฉินใต้เท้าหลิ่วก็สร้างผลงานไว้บ้าง แม้ว่าบัดนี้มีความผิดสลับตัวเด็ก แต่ทำให้เขาถูกลดตำแหน่งนั้นง่าย ปลดตำแหน่งขุนนางกลับไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”เรื่องพรรค์นี้ในแวดวงขุนนาง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวของสองตระกูล คนอื่นมากที่สุดก็ล้วนรับชมความครึกครื้นยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นายท่านหลิ่วโยนความผิดทั้งหมดไว้บนตัวญาติฝ่ายหญิง หากเป็นเรื่องภายในเรือน ย่อมเกี่ยวข้องกับเขาไม่มากเพียงแต่ นางรู้ดีมากว่านายท่านหลิ่วจะต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ นายหญิงหลิ่วเองก็วางอุบายเพื่อให้เขาโชคดีในเส้นทางของขุนนาง คนที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้...ไม่มีผู้บริสุทธิ์แม้คนเดียว“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าด้านข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 601

    “พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าปีนั้นสกุลกู้เคยคิดจะให้กู้อวิ๋นเวยแต่งงานกับแม่ทัพซ่ง แต่ท้ายที่สุดงานแต่งนี้ก็ไม่สำเร็จ?คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้ว แม่ทัพซ่งยังเป็นลูกเขยของสกุลกู้ นี่นับว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิตใช่หรือไม่?”“ข้าก็พูดแล้วสกุลกู้ซื่อสัตย์ภักดีทั้งตระกูล เหตุใดอุปนิสัยของกู้อวิ๋นเวยจึงแตกต่างออกไปถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูล ตกอับจนมีจุดจบเฉกเช่นทุกวันนี้ บัดนี้นับว่าเข้าใจทั้งหมดแล้ว การกระทำนั้นยังไม่เหมือนสกุลหลิ่วทุกกระเบียดนิ้วอีกหรือ?”ทุกคนต่างพากันส่ายหน้า รู้สึกเพียงสลดใจบัดนี้หลิ่วหรูเยียนกำลังนั่งอยู่ร่วมกับพวกราชครูกู้ ได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงเรื่องในตอนแรก“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าอุบัติเหตุในตอนนั้นจะทำให้เจ้าต้องตกลำบากอยู่ภายนอกมานานหลายปีถึงเพียงนี้ เป็นแม่ทำผิดต่อเจ้า...”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้จับมือหลิ่วหรูเยียนพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ที่ผ่านมานางก็เคยได้ยินเรื่องของหลิ่วหรูเยียน รู้ว่าหลายปีมานี้นางใช้ชีวิตอยู่ที่สกุลหลิ่วอย่างยากลำบาก ยังแปลกใจเหตุใดสกุลหลิ่วลำเอียงถึงเพียงนี้เพียงแต่ เดิมทีก็เป็นลูกของบ้านอื่น พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้บัด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 600

    “ลูกที่ใส่ใจเลี้ยงดูมานานหลายปี ย่อมไม่ใช่พูดว่าตัดสายสัมพันธ์ก็ตัดขาดไปเลยได้ข้าผิดไปแล้ว เป็นข้าทำผิดต่อซ่งฮูหยิน ทำผิดต่อสกุลกู้!”ได้ยินแผนการของสกุลหลิ่วที่ก่อนหน้านี้ทุกคนหยั่งเดาเอาไว้แล้ว คราวนี้ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างอดไม่ได้ นี่วางอุบายได้อย่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!ผลประโยชน์ล้วนถูกพวกเขาเอาเปรียบจนหมดสิ้น!หากไม่ใช่กู้อวิ๋นเวยไร้ความสามารถ ก่อความวุ่นวายจนสกุลกู้ตัดขาดความสัมพันธ์ พวกเขาสกุลหลิ่วก็สามารถอาศัยความสัมพันธ์นี้ดึงความสัมพันธ์ของสกุลกู้ให้ใกล้ชิดกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลิ่วหรูเยียนมีความสามารถถึงเพียงนี้ ทำให้พวกเขาเอาเปรียบได้สีหน้าราชครูกู้แข็งทื่อดุจเหล็ก พูดเสียงโกรธขึ้ง “บัดนี้พวกเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก!”“ราชครูกู้ ท่านระงับโทสะก่อน นี่ล้วนเป็นเรื่องที่ฮูหยินของข้าทำ เดิมทีข้าก็ไม่รู้เรื่องนี้!”นายท่านหลิ่วเห็นความลับถูกเปิดเผยแล้ว รีบโยนเรื่องทั้งหมดไว้ที่นายหญิงหลิ่วนายหญิงหลิ่วตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าคนนอนเคียงหมอนร่วมกันมานานหลายปีเห็นปัญหาใหญ่มาเยือนก็ผลักนางออกไปในทันที พูดเสียงโกรธขึ้ง“นี่ เหตุใดถึงโยนทั้งหมดมาที่ข้าคนเดียวเล่า?ทั้งๆ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 599

    เผชิญหน้ากับคำวิงวอนขอความเมตตาจากนายท่านหลิ่ว ราชครูกู้ไม่ชายตาแลมองเขาเลยสักครั้ง ใบหน้าหยาบกร้านกำลังสบมองกู้อวิ๋นเวย ภายในสายตาเปี่ยมความสงสารและห่วงใย“ลูกเอ๋ย หลายปีมานี้ เจ้าลำบากแล้ว เป็นพวกเราทำผิดต่อเจ้า”หลิ่วหรูเยียนยังมิอาจยอมรับความจริงที่ว่าตนเป็นลูกของสกุลกู้ในทันทีเลยได้ เพียงแต่เผชิญหน้ากับท่าทางสงสารนั้นของราชครูกู้และฮูหยินผู้เฒ่ากู้ เพียงครู่เดียวนางก็ใจอ่อนแล้วเมื่อหลายวันก่อนได้พบฮูหยินผู้เฒ่ากู้ครั้งแรกนางก็รู้สึกคุ้นเคย หลายปีมานี้ไม่เคยรู้สึกสนิทสนมเช่นนี้มาก่อน บัดนี้ได้เห็นราชครูกู้ นางก็รู้สึกว่าตนเองหน้าตาคล้ายเขาอยู่บ้าง ขอบตาแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัวที่แท้...นี่ต่างหากคือพ่อแม่แท้ๆ ของนาง!นึกถึงเมื่อแรกนางเคยได้ยินมาว่าสกุลกู้รักใคร่เอ็นดูลูกสาวเพียงคนเดียวมาก ความรุ่งโรจน์ในเวลานั้นทำให้แม่นางในเมืองหลวงมากมายต่างพากันอิจฉาตอนนั้น นางเองก็เคยอิจฉากู้อวิ๋นเวย อย่างไรเสียสำหรับนางแล้ว ยังไม่ต้องพูดว่ารักใคร่เอ็นดูเช่นนี้เลย แม้แต่พี่น้องเองก็ปฏิบัติคล้ายนางเป็นส่วนเกิน“ไม่ ไม่เจ้าค่ะ”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้า ใบหน้ากลับประดับยิ้มนางเข้าใจ สกุลกู้มิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 598

    วาจาคมกริบนี้ฉีกหน้าสกุลหลิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย พริบตาต่อมาคนภายในงานเข้าใจแล้วก่อนหน้านี้คนที่ยังคิดว่าสกุลหลิ่วพูดมีเหตุผลและน่าสงสารมาก บัดนี้รู้สึกเพียงถูกตบหน้าหนึ่งฉาดด้วยมือที่มองไม่เห็น!อีกฝ่ายเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาที่ใดกัน เห็นชัดว่าพวกเขาหน้าซื่อใจคดอีกทั้งยังเย็นชา ยังไม่ต้องพูดว่าเอาเปรียบสกุลกู้ ยังสามารถแสร้งทำท่าทางเป็นคนดีกล่าวโทษหลิ่วหรูเยียนได้อีกด้วยหากไม่ใช่วันนี้ถูกเปิดโปงโดยบังเอิญ เช่นนั้นน่ากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนก็ต้องถูกตราหน้าว่าทำผิดต่อสกุลหลิ่วและกลายเป็นวัวเป็นม้าเลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต ถึงขั้นยังถูกด่าว่าทำร้ายคุณหนูสกุลหลิ่วที่แท้จริงอีกด้วย!ภายใต้การใคร่ครวญอย่างละเอียด นี่น่ากลัวมากเพียงใดกัน?“หลิ่วเฟยเยี่ยนและกู้อวิ๋นเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากมิใช่หรือ? ที่ผ่านมาข้าเคยพบพวกเขามิใช่เพียงครั้งเดียว น่ากลัวว่าพี่สาวน้องสาวคู่นี้นับญาติกันตั้งนานแล้วกระมัง!”“ไม่เพียงแค่นี้! ที่ผ่านมาข้ายังเคยเห็นกู้อวิ๋นเวยเข้าออกสกุลหลิ่วอีกด้วย ตอนนั้นข้าก็คิดว่าแปลก ปกติแล้วกู้อวิ๋นเวยคนนี้ไม่เคยเห็นคนทั่วไปอยู่ในสายตาด้วยฐานะของสกุลหลิ่ว นางน่าจะไม่สนใจ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status