บทที่ 1 เราเลิกกันเถอะ
‘เราเลิกกันเถอะค่ะ’ เสียงหวานใสของ ‘พิมพ์พธู’ วัยยี่สิบปีเอ่ยกับแฟนหนุ่มที่คบหากันตั้งแต่สมัยเธอยังเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่ง และเขาเป็นรุ่นพี่ปีสามที่ตกหลุมรักใบหน้าหวานนี้ตั้งแต่แรกพบ
คอยดูแล เทคแคร์และเอาอกเอาใจ จนพิมพ์พธูใจอ่อนยอมคบด้วย ทว่าคบกันได้เพียงแค่ปีกว่า ๆ เรื่องในวันนี้ก็เกิดขึ้นแบบไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนใด ๆ จากเธอ
‘พี่ขอถามเหตุผลได้มั้ย’
เสียงทุ้มสั่นเครือเจือความเจ็บปวดผ่านดวงตาทั้งสองข้าง ‘สหรัฐ’ ทอดมองอีกฝ่ายด้วยมีคำถามในหัวอยู่เต็มไปหมด
เขาทำอะไรผิด ?
เธอหมดรักเขาแล้วหรือ ?
คนตัวเล็กไม่ตอบกลับในทันที เธอหลับตาลงนิ่ง พยายามไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ทั้งนั้น รอยยิ้มสดใสของพิมพ์พธูที่เขาเคยชอบในเวลานี้ไม่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้านั้นอีกแล้ว เหลือเพียงความเฉยชาราวกับคนแปลกหน้าต่อกันเท่านั้นที่สหรัฐรับรู้ได้
‘พิมพ์แค่เบื่อพี่รัฐค่ะ ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอคะ’
‘แต่ที่ผ่านมาเราก็รักกันดีมาโดยตลอด แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาบอกว่าเบื่อพี่ล่ะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่พิมพ์ เล่าให้พี่ฟังไม่ได้เหรอ’
เขาคว้ามือเธอมาจับเอาไว้ ถามอย่างเว้าวอนด้วยต้องการคำอธิบายที่มากกว่าการขอเลิกสั้น ๆ โดยให้เหตุผลว่าเบื่อเขาแบบนี้
‘ก็เพราะพี่รัฐเป็นแบบนี้ไง เพราะพี่เซ้าซี้น่ารำคาญ เพราะพี่เอาแต่ตามพิมพ์ต้อย ๆ พิมพ์ทั้งเบื่อ ทั้งอึดอัด ไม่เป็นอิสระเลยตั้งแต่พี่เข้ามาในชีวิต พี่เข้าใจมั้ย ว่ามันน่าเบื่อ เบื่อ เบื่อ เบื่อ!!’
‘แต่เมื่อวานเรายังไปเดตกันอยู่เลย’
ร่างสูงไม่อาจยอมรับการเลิกราครั้งนี้ได้ ขณะที่พิมพ์พธูคว่ำปากลงด้วยความรู้สึกรำคาญเขาก่อนจะรีบหันหลังให้
‘เอาเป็นว่าพิมพ์บอกพี่แล้วนะคะ จากนี้ไปก็อย่ามายุ่งกับพิมพ์อีก’
‘ไม่ พี่ไม่เลิก พิมพ์อย่าทิ้งพี่ไปเลยนะ’
เขาตรงเข้าสวมกอดเธอจากด้านหลังด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด น้ำตาลูกผู้ชายรินไหลหยดลงบนไหล่ของหญิงสาว ซึมผ่านเสื้อนักศึกษาจนพิมพ์พธูรับรู้ได้
‘ปล่อยพิมพ์ค่ะ’
‘ไม่...พิมพ์อยากให้พี่ทำอะไรพี่ยอมทุกอย่างเลย ขออย่างเดียว อย่าทิ้งพี่ไปเลยนะ’
‘พิมพ์รำคาญ! พี่ได้ยินมั้ย..ว่าพิมพ์รำคาญพี่ จะอะไรนักหนา ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยค่ะ’
พิมพ์พธูแกะมือเขาออกแล้วเดินจากไปอย่างไม่ไยดีในตัวชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเธอเคยบอกว่ารักเขาจนหมดใจและจะไม่มีวันเลิกรักเขาเด็ดขาด
ผู้หญิงที่พูดประโยคเหล่านั้น เธอหายไปไหนแล้ว...
สหรัฐได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กนั้นเดินจากไป ด้วยความรู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ความสงสัยมากมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ต้องจบลงยังค้างคาอยู่ในความคิด
จบแล้วสินะ รักแรกของเขา...
ก๊อกก๊อก!!
เสียงเคาะประตูดังลั่น ปลุกให้สหรัฐในวัยสามสิบต้องลืมตาตื่น หลังผล็อยหลับไประหว่างดูเอกสารเรื่องงาน ‘ทะนง’ เลขาส่วนตัวของเขาเข้ามาเพื่อรายงานเรื่องการจัดหาที่ดินสำหรับขยายสาขาโรงแรมไปบนฝั่ง ด้วยมีคำสั่งตรงจากบิดาของเขาให้เริ่มขยับขยายกิจการนี้ได้แล้ว
ชายหนุ่มรับช่วงต่อกิจการโรงแรมบน ‘เกาะมุกดา’ เกาะส่วนตัวของครอบครัวที่อยู่ฝั่งอันดามันทางใต้ของไทย ซึ่งเป็นธุรกิจที่คุณพ่อและคุณแม่ร่วมกันสร้างมาตั้งแต่ยังเป็นเพียงรีสอร์ตเล็ก ๆ ไม่กี่หลัง กระทั่งกินพื้นที่ไปครึ่งเกาะอย่างทุกวันนี้
“รูปภาพพวกนี้เป็นที่ดินที่เหมาะกับการสร้างโรงแรมของเราบนฝั่งครับ อยู่ติดกับท่าเรือและท่ารถออกไปในตัวเมืองด้วย ผมว่าสะดวกต่อนักท่องเที่ยวที่จะมาพักมากเลยครับนาย”
“ที่ดินมีเจ้าของทั้งหมดมั้ย ? ”
เสียงทุ้มต่ำถามพลางไล่เปิดดูรูปไปทีละรูป ดวงตาคมดุดันฉายแววความโมโหบางอย่างทั้งที่วันนี้เขายังไม่ได้โมโหเลยด้วยซ้ำ
ทั้งหมดมาจากความฝันบ้า ๆ นั่น
เรื่องผ่านไปนานถึงแปดปี แต่กลับยังจำได้ชัดราวกับเพิ่งเกิดเมื่อวาน
“มีบางส่วนครับ ผมให้คนของเราไปเจรจาต่อรองเรื่องการซื้อขายอยู่ วันสองวันนี้คงทราบเรื่องครับ”
“สืบดูประวัติคนในครอบครัวของเจ้าของที่ดินทั้งหมดด้วย หากใครมีลูกหลานที่เพิ่งเรียนจบหรือหางานทำอยู่บอกพวกเขาไปเลยว่า เรายินดีรับเข้าทำงานในโรงแรมใหม่ที่จะสร้าง แล้วพวกชาวบ้านยิบย่อยแถวนั้นล่ะ มีบ้านเรือนใครกีดขวางอยู่บ้างมั้ย เส้นทางเข้าออกสะดวกหรือเปล่า ฉันอยากได้ทางเข้าออกสำหรับรถวิ่งสองเลนได้ เพราะงั้นต้องเคลียร์บ้านที่ขวางทางออกไปให้เร็วที่สุด ลองดูบ้านจัดสรรที่เพิ่งสร้างใหม่ไม่ไกลจากที่ดินพวกนี้แล้วเสนอให้พวกเขาซะ”
ปากพูดทว่ามือยังคงพลิกดูรูปไปทีละรูปเพื่อคิดแผนงานในหัวไปด้วย
“รับทราบครับนายหัว”
“แล้วเรื่องแปลนการสร้าง...”
เสียงของสหรัฐเงียบไป.. ก่อนมือใหญ่จะคว้าเอารูปที่เพิ่งดูเสร็จเมื่อครู่กลับขึ้นมามองอีกครั้ง เมื่อสายตาเหมือนจะเห็นใครบางคน
คนที่แสนคุ้นเคย...
“รูปนี้ถูกถ่ายเมื่อไหร่”
“รูปพวกนี้เหรอครับ ผมเพิ่งไปถ่ายมาเองกับมือเมื่อเช้านี้ครับ นายมีอะไรหรือเปล่า”
“พาฉันไปเดี๋ยวนี้!!”
สหรัฐไม่ตอบคำถาม แต่รีบจ้ำอ้าวออกไปยังท่าเรือก่อนขึ้นสปีดโบ๊ทไปพร้อมกับทะนง ระดับความเร็วในการขับเรือของชายหนุ่มพลุ่งพล่านจนคนมาด้วยต้องกอดขาด้านในเอาไว้ด้วยความกลัว
ไม่ผิดแน่ ๆ
ถึงคนในรูปจะใส่ผ้าโพกหัวปิดหน้าปิดตาเอาไว้ แต่เขาจำทั้งหมดที่เป็นเธอได้ ผู้หญิงเจ้าของฝันร้ายตลอดแปดปีของเขาปรากฏตัวออกมาแล้ว!
“นายครับ! นายหัวครับ! ขับเร็วไปมั้ยครับ”
“หุบปาก!”
เมื่อพ้นเวลางานออกมา เขาก็คือชายหนุ่มเจ้าอารมณ์ที่ทะนงต้องรับมืออยู่เสมอ เรือกระแทกกับคลื่นเต็มแรง จนเขากระเด้งเกือบตกน้ำ ทว่าสหรัฐกลับไม่ไหวติงใด ๆ สายตามุ่งมั่นวาวโรจน์เต็มไปด้วยความชิงชังอย่างน่าแปลกประหลาด
ปกติแม้เจ้านายของเขาจะร้าย แต่ก็ไม่เคยหุนหันพลันแล่นแบบนี้ ชายหนุ่มเห็นอะไรในรูปใบนั้นกันแน่?
บทที่ 2 กดให้ลึกสุดใจเมื่อมาถึงฝั่งได้ชายหนุ่มหน้าตาขึงขัง ก็แทบจะทุ่มเรือทิ้งอย่างเร่งรีบ ทะนงรีบเดินนำไปยังที่ดินผืนนั้น ตามรูปที่เจ้านายของตนหยิบเอามาด้วย มันเป็นเพียงที่ดินผืนเล็ก ๆ แต่เพราะมันอยู่ติดกันกับที่ดินผืนใหญ่ที่เขาต้องการ เลยคิดว่ามันควรแก่การที่เขาจะซื้อเอาไว้ด้วย ใบหน้าถมึงทึงจ้องมองไปข้างหน้าขณะกำลังสาวเท้ายาว ๆ ของตนตามลูกน้องไป“นายหัวบอกได้มั้ยครับว่ามีเรื่องอะไร ทำไมถึงอยากมาหาเจ้าของที่ดินผืนนี้หรือครับ”“แค่คนเคยรู้จัก บอกมาว่าไปต่อทางไหน ฉันจะไปเองคนเดียว ส่วนนายไปตามสืบเรื่องที่ดินผืนนี้ว่ามีคนอื่นนอกจากเราสนใจจะซื้อบ้างหรือเปล่า ถ้ามีก็หาราคามาให้ได้แล้วโทรบอกฉันทันที”เขาออกคำสั่งน้ำเสียงเด็ดขาด แม้จะไม่รู้เหตุผล แต่ในฐานะลูกน้อง ทะนงมีแต่ต้องทำตามคำสั่งเท่านั้น“เดี๋ยวนายหัวเดินไปจนสุดทางนะครับ จากนั้นเลี้ยวซ้ายจะเจอที่ดินที่เราต้องการ ส่วนที่ดินตรงที่นายหัวจะไปก็อยู่ติดกันเลยครับ”“โอเค นายไปได้แล้ว”ทะนงแยกตัวไปอีกทาง สหรัฐจึงไปต่อคนเดียวตามเส้นทางที่อีกฝ่ายบอก มือใหญ่กำรูปภาพที่คว้ามาด้วยแน่น ในอกร้อนรุ่มราวกับว่าบาดแผลและความเจ็บปวดในวันนั้นถาโถมกลับเ
บทที่ 3 ข้อเสนอ“แกเป็นใครวะ”หัวหน้าของพวกอันธพาลถามพลางหรี่ตามองสหรัฐอย่างพินิจพิจารณา ร่างสูงไม่ตอบอะไรแต่เดินเข้ามาพร้อมยื่นนามบัตรของตนให้“ไปที่เกาะมุกดา แล้วฉันจะจ่ายเงินสิบล้านนี้ให้แกเอง”“คะ...คุณเป็นใครครับ”เสียงแหบพร่าตามประสาคนสูงวัยเอ่ยถาม ‘พศิน’ บิดาของพิมพ์พธูจ้องมองผู้มาเยือนรายใหม่ด้วยความฉงน ต่างจากหญิงสาวที่แน่นิ่งไปราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วนี่กำลังฝันอยู่ใช่ไหม...“ผมคือคนที่จะมาซื้อที่ดินตรงนี้ทั้งหมด รวมถึงที่ดินของคุณครับ ยังไง...เราไปคุยกันที่เกาะมุกดาดีมั้ย ส่วนพวกคุณที่มาทวงเงิน จะไปด้วยกันเลยก็ได้นะ”“ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนด้วยนะครับ”พวกทวงหนี้มีท่าทีเปลี่ยนไปเมื่อเห็นนามบัตร เขาคือเจ้าของโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเกาะมุกดาและทะเลแถบนี้“นายหัวครับ เรือพร้อมแล้วครับ”ทะนงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาตามเขา ก่อนจะพูดต่อเมื่อนับจำนวนคนที่จะขึ้นเรือกลับไปที่เกาะมุกดาด้วยสายตา“เอ่อ...แต่ถ้าผู้โดยสารจะเยอะขนาดนี้ เกรงว่าเรือจะไม่พอนั่งนะครับ”“เอาแบบนี้ พวกแกรอฉันอยู่ที่นี่ทั้งหมดนั่นแหละ เดี๋ยวฉันไปเอง”เสียงของหัวหน้าแก๊งทวงหนี้ เอ่ยบอกลูกน้อง“ครับลูกพี่”พวกลู
บทที่ 4 ขอแต่งงาน“คะ...คุณว่ายังไงนะคะ”พิมพ์พธูเอ่ยถามทันทีพลางมองเขาอย่างตกใจ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีแผนอะไรก็ตาม แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาสมหวังแน่ ๆ“คิดว่าคุณคงไม่เคยรู้ แต่ผมกับพิมพ์...เราเคยคบกันสมัยเรียนมหาลัยครับ และผมยังรักเธออยู่ พอรู้ว่าเธอลำบากก็เลยอยากช่วยและฉวยโอกาสนี้ทำคะแนนให้เธอกลับมารักผมอีกครั้ง”สหรัฐปั้นหน้าเศร้าเมื่อพูดถึงเรื่องราวความหลังให้แก่ผู้เป็นพ่อของหญิงสาวฟัง และส่งสายตาเว้าวอนให้ชายสูงวัยตรงหน้ารับปากรับคำ“จริงเหรอครับ”ผู้เป็นพ่อตกใจไม่น้อยกับความจริงเรื่องนี้ แต่เมื่อไม่มีคำปฏิเสธจากบุตรสาวเขาจึงมั่นใจว่าสิ่งที่ชายหนุ่มพูดนั้นจริงทุกประการ พศินครุ่นคิดอย่างหนักด้วยไม่ว่าจะมองมุมไหน สหรัฐก็ถือเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมและมีทุกอย่างให้พิมพ์พธูได้โดยที่หล่อนไม่ต้องทนกัดก้อนเกลือกิน อยู่อย่างลำบากเหมือนตอนอยู่กับพ่อแบบเขา“ลองคิดดูนะครับ ผมจะปลดหนี้ทั้งหมดและจะฝากงานให้คุณทำบนฝั่งด้วย ที่สำคัญ...พิมพ์จะปลอดภัยเมื่ออยู่กับผม ไม่มีนักเลงหรือพวกทวงหนี้ที่ไหนกล้ามาแตะต้องเธอแน่”“ไม่นะจ๊ะพ่อ หนูไม่เป็นไรเลย พ่ออย่านะ”หล่อนจับแขนบิดาแล้วอ้อนวอน เธอยอมลำบากแต่จะไม่ขอเลือ
บทที่ 5 เสแสร้งแกล้งทำพศินยิ้มคลี่กว้างอย่างสบายใจ เมื่อได้ยินคำตอบตกลงจากลูกสาว เขาหันไปมองหน้าชายหนุ่มที่แสดงออกชัดเจนว่าพึงพอใจในคำตอบไม่แพ้กันพิมพ์พธูต้องการรักษาชีวิตของบิดาเอาไว้จึงไม่มีทางเลือก เธอมั่นใจว่าเขารู้อยู่แล้ว…ว่าท้ายที่สุดเธอจะต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน“ดีแล้วล่ะลูกที่ตัดสินใจแบบนี้ ทั้งหมดก็เพื่อความสบายของตัวลูกเอง”บิดาเอ่ยพร้อมกับยื่นมือไปลูบศีรษะของลูกสาว“ในเมื่อทุกอย่างลงตัวดีแล้วถ้าอย่างนั้น…ทะนงเอาเอกสารมา” “นี่ครับเจ้านาย”เลขาหนุ่มส่งเอกสารที่ตระเตรียมมาให้ ข้างในเป็นเอกสารซื้อขายที่ดินในราคาสิบล้านบาทพร้อมกับเช็คเงินสด “นอกจากสัญญาในการซื้อขายแล้ว ผมคงต้องขอทำสัญญาเพิ่มอีกหนึ่งฉบับนะครับ เป็นสัญญาที่ผมจะมั่นใจว่าหลังจ่ายเงินไปแล้วลูกสาวคุณจะไม่เบี้ยว”“ฉันไม่เบี้ยวหรอกค่ะ ฉันพูดคำไหนคำนั้น”หญิงสาวเอ่ยแทรกเมื่อเจอสายตาดูถูกราวกับว่าเธอเป็นพวกนักต้มตุ๋นที่จะมาหลอกเอาเงินแล้วก็เชิดหนีไปสหรัฐเหยียดยิ้มแล้วรับเอาโน้ตบุ๊คจากทะนงมา จากนั้นเขาก็จัดการพิมพ์สัญญาฉบับพิเศษลงไป ในสัญญาระบุชัดเจนว่าเธอจะต้องแต่งงานกับเขาโดยไม่มีข้อแม้ ทันทีที่ได้เงินสิบล้านบาทไป พ
บทที่ 6 รักมากเกลียดมาก“ปล่อยนะคะ ฉันเจ็บ!”ยิ่งบิดแขนออกมากเท่าไหร่ แรงบีบจากฝ่ามือของสหรัฐก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ความโกรธเกลียดที่ชายหนุ่มมีต่อเธอไม่เคยลดลงเลย มีแต่จะมากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายมาอยู่ตรงหน้าแบบนี้รักมาก...ก็เกลียดมาก...และแค้นมาก...หลากหลายความรู้สึกตีกันจนยุ่งเหยิง เขาอยากทำให้เธอเจ็บเหมือนที่ครั้งหนึ่งพิมพ์พธูเคยยัดเยียดความทรมานเจียนตายนั้นให้กับเขา โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ทว่าเพียงแค่ได้สบตากัน...หัวใจแข็งกระด้างของชายหนุ่มแทบจะอ่อนยวบแล้วลืมสิ้นถึงสิ่งที่อีกฝ่ายเคยทำเอาไว้“เจ็บแค่นี้มันยังน้อยไป อย่ามาสำออย!”พลั่ก!เขาสะบัดเธอทิ้งจนคนตัวเล็กล้มถลาลงไปกองกับพื้นทราย พิมพ์พธูพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ด้วยคิดว่ามันคือสิ่งที่ต้องชดใช้ให้กับชายหนุ่ม ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดเริ่มมาจากที่เธอทิ้งเขาไป แล้วจะเรียกร้องเอาอะไรได้ หากจะถูกเขาเกลียดชังมากขนาดนี้มันก็สมควรแล้ว“เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เถอะ พองานแต่งงานเสร็จสิ้นลง เธอจะไม่ต่างอะไรกับลูกนกในกำมือของฉัน จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด”“ค่ะ”หญิงสาวรับคำโดยไม่เงยหน้ามองเขา เธอรอจนกระทั่งเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ทิ้งห่างออกไปจึงเริ่ม
บทที่ 7 ของเคย ๆ NCคนงานของโรงแรมถูกเกณฑ์ให้มารับจ๊อบพิเศษ ด้วยการช่วยเตรียมงานแต่งแบบเรียบง่ายที่บ้านของนายหัวผู้เป็นเจ้าของเกาะ มีซุ้มทำจากเปลือกหอยและปะการังสำหรับให้คู่บ่าวสาวเดินผ่านไปยังแท่นทำพิธีของคนบนเกาะ มันเป็นแท่นที่ทำขึ้นมาจากหินอ่อนและเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ“ความเชื่อของคนบนเกาะมุกดาคือ…หากคู่แต่งงานเดินลอดซุ้มเปลือกหอยและปะการังพวกนี้ไปจนถึงบนแท่นทำพิธีแล้วจุมพิตกัน พวกเขาจะเป็นเนื้อคู่ตลอดไป”สหรัฐอธิบายให้หญิงสาวฟังเมื่อเห็นสีหน้าแสดงถึงความสงสัยของเธอขณะกำลังมองดูทุกคนพยายามลากแท่นหินอ่อนไปไว้ตรงปากทางออกของซุ้ม“โรแมนติกจังเลยนะคะ”เธอยิ้มฝันหวานเมื่อได้ยินเรื่องเล่าตำนานแบบนี้ ผู้หญิงทุกคนชอบเรื่องโรแมนติกอยู่แล้ว พิมพ์พธูก็เป็นอีกคนที่ต้องการเรื่องแบบนี้ในชีวิต“สำนึกเอาไว้ซะล่ะ ว่าคนระดับฉันกำลังจะทำเรื่องโรแมนติกขนาดนี้กับเธอ”“ค่ะ ฉันจะสำนึกเอาไว้”หน้าหวานที่เพิ่งปรือตาคลี่ยิ้มก็ต้องรีบหุบมันลงทันที เพ้อฝันอยู่ได้ไม่นานก็ถูกคำพูดเสียดสีของชายหนุ่มดับฝันอีกจนได้ เงียบปากสักสิบนาทีมันคงนานเกินไปสำหรับเขาสินะ“บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่คิดจะจดทะเบียนสมรส”“ฉันก็ไม่ได้
บทที่ 8 เรื่องน่าอายหมับ!มือใหญ่คว้าต้นแขนหล่อนเต็มแรง แล้วเหวี่ยงให้มาหลบอยู่หลังต้นไม้พร้อมดึงกางเกงขึ้นมาใส่ตามเดิม เขาจำต้องหยุดทุกอย่างเอาไว้ทั้งที่อารมณ์ยังค้างคาอยู่ ชายหนุ่มต้องรอให้มันสงบลงเสียก่อน จึงจะปรากฏตัวออกไปหาทะนงได้ เพราะขืนออกไปทั้งที่เจ้าลูกชายยังเคารพธงชาติชี้หน้าคนอื่นอยู่ละก็มีหวัง...“ให้ฉันออกไปรับหน้าก่อนมั้ยคะ”“ไม่ต้อง”เขาตอบกลับเสียงแข็งพลางมองเธอด้วยสายตาดุดัน พิมพ์พธูทำได้เพียงถอนหายใจแล้วหลุบตาลงต่ำ ยอมมองพื้นดินเสียยังจะดีกว่ามองหน้าคนพาลทะนงพาบิดาของเธอเดินมาทางนี้ หญิงสาวเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อจึงลืมตัวอ้าปากจะตะโกนเรียกออกไป แต่กลับถูกสหรัฐเอามืออุดปากไว้พร้อมกระชากเข้าไปกอดหลบทั้งสองคนแนบแน่น ใบหน้าเล็กซุกอยู่บนอกกว้าง ขณะที่ส่วนนั้นของหล่อนถูกกลางกายที่ยังไม่สงบของชายหนุ่มดุนดันแก้มขาวร้อนผ่าวเพราะสถานการณ์มันช่างล่อแหลมเหลือเกิน“นายหัวอาจพาคุณพิมพ์เข้าไปในหมู่บ้านก็ได้ครับ ยังไงเราลองไปดูในหมู่บ้านกันก่อนนะครับ”“ข้างในมีหมู่บ้านด้วยเหรอ”พศินและทะนงเดินผ่านต้นไม้ใหญ่ที่หญิงสาวและชายหนุ่มหลบอยู่เพื่อไปทางหมู่บ้าน ทั้งคู่ทำตัวราวกับไกด์และนักท่
บทที่ 9 พิธีศักดิ์สิทธิ์ทุกขั้นตอนผ่านไปอย่างเรียบง่ายไม่ติดขัดอะไร เพราะมีคนของสหรัฐมาคอยช่วยจัดการให้จนพิมพ์พธูแทบไม่ต้องทำอะไรเลย และนี่ก็เป็นอีกวันที่หญิงสาวออกมานั่งรับลมทะเลยามค่ำคืนและมองดาวบนฟ้า เมฆสีดำคล้อยผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า ใจก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากเธอมีโอกาสได้ล่องลอยอย่างเป็นอิสระแบบนั้นบ้างก็คงจะดีแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีวันนั้นชีวิตของพิมพ์พธูถูกตีกรอบและถูกขังด้วยฝีมือของสหรัฐไปแล้วเธอเคยคิดถึงวันแต่งงานระหว่างตนเองกับเขาเมื่อสมัยยังคบหากัน เคยวาดฝันถึงความสุขล้นในหัวใจ เพราะมันคือการเริ่มต้นของความรักอีกขั้นหนึ่งกับเขา ไม่คิดเลยว่าพอวันนั้นมาถึงจริง ๆ จะกลายเป็นวันที่เธอไม่ต้องการให้เกิดขึ้นจริง การแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรัก...มันโหดร้ายมากเกินไป“มาทำอะไรตรงนี้หรือลูก”“พ่อ!”หญิงสาวรีบลุกขึ้นหลังจากนอนหงายอยู่บนหาดทรายชมดาวอยู่นานสองนาน พศินตรงเข้ามานั่งข้างลูกสาวแล้วลูบไปตามเส้นผมของเธออย่างรักใคร่“พรุ่งนี้จะเป็นวันแต่งงานของลูกแล้วนะ ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับสินะ”“จ้ะ หนูตื่นเต้นเลยนอนไม่หลับ แล้วพ่อล่ะจ๊ะ”เธอโกหกบิดาออกไป หลังจากงานแต่งจบลง สหรัฐสัญญาว่าจะหาบ้า
ตอนพิเศษ ของขวัญที่แสนพิเศษหลายปีต่อมา…“เอ้า ดื่ม!”เสียงโหวกเหวกโวยวายตามประสาผู้ชายขี้เมาดังขึ้น ธีรภัทร์ชูแก้วเหล้าไปตรงหน้าเพื่อนทั้งสี่คน ที่นัดมาดื่มสังสรรค์กันที่บ้านด้วยตัวเขาเองไม่อยากจะออกไปดื่มกินที่ไหน“พวกเราต้องกินให้เต็มที่นะเว้ย เพราะตั้งแต่ไอ้ภีมแต่งงานมีเมียเนี่ย มันเหมือนพระเข้าไปทุกวัน นอนเร็ว งดเที่ยว จนเพื่อนฝูงแทบจะจำหน้ามันไม่ได้แล้ว”เสียงหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนานดังขึ้นอีกครั้ง“ถามจริงเถอะครับไอ้คุณภีม เมียเด็กของมึงนี่ โหดมากเหรอวะ มึงถึงได้ทำตัวเป็นลูกเสือแรกเกิดอยู่ในโอวาทเมียเสียเหลือเกิน”เสียงแซวของกันต์เพื่อนรักดังขึ้นอีกหน“มึงเมาก็กลับบ้านไปนอนไป”ธีรภัทร์ส่ายหน้าให้ ก่อนจะกระดกเหล้าในแก้วดื่มพรวดลงคอ ตั้งแต่มาถึงบ้านแต่ละคนไม่หยุดล้อเลียนเขาเรื่องเขมมิกาเลย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบสายตาจับผิดของพวกเพื่อน ๆ“มองอะไรกัน กูไม่ได้กลัวเมีย”“พวกกูก็ไม่ได้พูดสักคำว่ามึงกลัวเมีย”เหมือนจะร้อนตัวรีบบอกออกไป แต่นั่นกลายเป็นว่าเขายอมรับแล้วสินะว่าเขามันคนกลัวเมีย“กู…”ไม่ทันได้ปฏิเสธ ก็ต้องกลืนทุกอย่างลงคอไป เมื่อร่างบางระหงเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ใบหน้าของเ
บทที่ 30 จบบริบูรณ์ NCอาการของเขมมิกาดีขึ้นตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักตามร่างกาย มีเพียงร่องรอยฟกช้ำเท่านั้น อีกทั้งได้บุรุษพยาบาลดีทำให้สภาพจิตใจของเธอเองก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเช่นกันก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องผู้ป่วยดังขึ้นพอเป็นพิธี ก่อนที่ร่างสูงสง่าของเจ้าสัวธนาจะเดินเข้ามา ในมือของท่านมีกระเช้าของเยี่ยมติดมือไปมาด้วย มากไปกว่านั้นใบหน้าเกรงขามดุดันเวลานี้กลับประดับไปด้วยรอยยิ้มใจดีสองคู่รักหันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก ธีรภัทร์ถึงขั้นขยี้ตาตัวเองด้วยไม่นึกไม่ฝันว่าจะเห็นบิดาที่นี่“สวัสดีค่ะ”มือเล็กยกขึ้นไหว้ ภาพจำในคืนดินเนอร์ยังตราตรึงไม่หาย ก็จะให้ลืมง่าย ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อพ่อของว่าที่สามีทำหล่อนร้องไห้กลับบ้าน แถมนั่งน้ำตาแตกนานอยู่หลายชั่วโมง“เป็นยังไงบ้าง”เจ้าสัวธนาวางกระเช้าของเยี่ยมลงบนโต๊ะข้างเตียง เอ่ยถามด้วยใบหน้าปกติอย่างที่สุด ราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางแคลงใจกันมาก่อน“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ มะรืนก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วค่ะ”เขมมิกาตอบพลางชำเลืองสายตามองคนตัวสูงด้านข้าง“พักให้หายดีก่อน แล้วค่อยกลับ ค่ารักษาพยาบาลเดี๋ยวพ่อจ่ายเอง”“คะ?”พะ พ่ออย
บทที่ 29 พี่มาช่วยแล้ว“กรี๊ด!!!”เสียงกรีดร้องของเขมมิกาดังขึ้นเมื่อชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมสองคนกระโจนเข้ามาแล้วลากเธอกลับขึ้นไปบนเตียง หมายจะปลุกปล้ำทำลายเธอ ที่ตรงมุมห้องหญิงสาวอีกคนที่คิดว่าเดินจากไปแล้วกำลังยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่ออัดคลิปวิดีโอ“ปล่อยนะ ปล่อยนะไอ้พวกชั่ว ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที”เขมมิกาพยายามปัดป้องไม่ให้ไอ้พวกคนชั่วข่มเหงเธอได้ ปากเล็กตะโกนร้องเรียกให้คนช่วย เวลานี้ในสถานที่แบบนี้ใครกันจะมาช่วยเธอได้ น้ำตาเม็ดแล้วเม็ดเล่าไหลพรากอาบสองแก้มบวมช้ำ ในใจคิดถึงแต่หน้าชายคนรัก‘พี่ภีมขา ช่วยขิมด้วย..’แควก! แควก!“กรี๊ด!!! ปล่อยนะ ปล่อย!”เสียงเสื้อผ้าขาดวิ่นจากการถูกกระชากดังขึ้น พร้อมเสียงกรีดร้องของเขมมิกา มือเล็กยกขึ้นปกปิดส่วนสงวนของตนเอง ร่างเล็กสั่นเทิ้มด้วยความกลัวจนสุดขีด เขมมิกาถดกายไปจนสุดขอบเตียงนอน แผ่นหลังเล็กแนบไปกับฝาบ้าน ดวงตากลมโตสั่นระริกส่ายหน้าไปมางันงก ตั้งแต่เกิดมาหล่อนไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาก่อนทำไมมนุษย์ถึงต่ำช้ากับมนุษย์ด้วยกันได้ลงคอ…หนึ่งในชายโฉด กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ยกมือข้างที่ถือเศษชิ้นส่วนเสื้อผ้าของหญิงสาวขึ้นมาสูดดมก่
บทที่ 28 แม่นกต่อ 2“ขิมขับเข้าไปอีกหน่อยนะลูก ห้องพักของแม่อยู่ในซอยข้างหน้านี้แหละจ้ะ”เอมอรชี้ไปที่ปากทางเข้าซอยเล็กแคบ ที่ดูยังไงรถของเธอก็เข้าไปไม่ได้“รถขิมน่าจะเข้าไปไม่ได้นะคะ ซอยเล็กขนาดนี้ เราคงต้องลงเดินแล้วล่ะค่ะ”เขมมิกาจอดรถตรงปากทางเข้า หล่อนชะโงกหน้ามองถนนเล็กน้อย ตรงนี้มันทั้งมืดทั้งเปลี่ยว ก่อนจะหันมามองมารดาที่เริ่มเมาได้ที่ หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองทางเข้าซอยอีกครั้งปล่อยแม่เดินกลับเข้าบ้านไปตามลำพังคงจะไม่ได้ มันอันตรายเกินไป ในใจก็คิดไปถึงการหาที่อยู่ใหม่ให้ผู้เป็นแม่ หญิงสาวตัดสินใจดับเครื่องยนต์แล้วเดินลงจากรถ อ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่ง ก่อนจะประคองร่างหนักอึ้งของมารดาออกมา“ไหวมั้ยคะ แม่ระวังหัวค่ะ ค่อย ๆ นะคะ เดี๋ยวขิมไปส่งที่บ้านนะ”“โอ๊ย ไม่เป็นไรหรอกลูก กลับไปพักเถอะ อีกนิดเดียวเอง แม่เดินไปเองได้”เอมอรยกมือโบก ทำท่าจะดันร่างเล็กของลูกสาวออก ก่อนจะขาอ่อนแรงเดือดร้อนเขมมิกาต้องรีบประคองช่วย พาหิ้วปีกเดินเข้าซอยเล็กอย่างทุลักทุเล ข้างหน้ามีแสงไฟสลัว ๆ จากหลอดไฟนีออนของบ้านคน เดินไปอีกนิดก็เจอสะพานไม้เก่าข้ามคูคลอง ได้กลิ่นน้ำเน่าลอยแตะจมูก สภา
บทที่ 27 แม่นกต่อ 1“เอางี้ดีกว่า แม่ไม่อยากคลาดกับขิมอีก เดี๋ยวแม่นั่งรอแถว ๆ นี้ก็ได้ หรือถ้าขิมกลัวอายคนอื่นเดี๋ยวแม่ไปนั่งรอตรงป้ายรถเมล์ก็ได้นะลูก ดะ.. ดูนี่สิ แม่เพิ่งได้ค่าแรงมา วันนี้ให้แม่ได้เลี้ยงข้าวลูกสักมื้อเถอะนะ”เอมอรล้วงเงินในกระเป๋าผ้าออกมานับรวมเหรียญแล้วได้เงินสามร้อยหกสิบแปดบาท ซึ่งเป็นค่าแรงที่หล่อนบอกว่า แบ่งเก็บไว้จากการทำงานสามวัน ใบหน้าอิดโรยพยายามยิ้มกว้างอวดเงินในมืออย่างภาคภูมิใจ“ก็ได้ค่ะ แต่แม่รอตรงป้ายรถเมล์หรือรอตรงนี้ไม่ได้หรอก อากาศร้อนแบบนี้ได้เป็นลมเป็นแล้งกันพอดี ฝั่งโน้นมีร้านสปา ขิมว่าแม่ไปนอนรอให้เขานวดตัวให้สักสามชั่วโมงดีกว่าค่ะ เดี๋ยววันนี้ขิมจะขอลาหัวหน้าขอกลับก่อน บ่ายสามเดี๋ยวขิมไปรับนะคะ หรือถ้าแม่หิวแม่หาอะไรรองท้องก่อนได้เลยนะคะ”“อื้อ ได้ ๆ เอาตามนี้ละกัน”เอมอรพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของลูกสาว เขมมิกาหยิบธนบัตรจากกระเป๋าเงินส่งให้ผู้เป็นแม่สองพันเงินจำนวนนี้ทำเอมอรตาลุกวาว ในใจก็เริ่มคิดว่าบางทีเขมมิกาก็อาจช่วยให้หล่อนไม่ลำบากได้เช่นกันคล้อยหลังเขมมิกา เอมอรก็ล้วงโทรศัพท์มือถือที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อออกมาก่อนจะพิมพ์ข้อความรายงานความคื
บทที่ 26 สารภาพรัก 2 NC“พี่รักขิมนะ”เสียงทุ้มกระซิบบอกรักซ้ำ ๆ คนตัวเล็กในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมอง น้ำตามากมายไหลอาบสองแก้มแดงเรื่อ ธีรภัทร์ก้มลงจูบซับสองเปลือกตาอย่างรักใคร่“พี่ภีมรักขิมจริง ๆ หรือคะ”เพราะเขาไม่เคยบอก และเธอก็ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ยินคำคำนี้ออกจากปากชายหนุ่ม ผู้ชายที่ตั้งกำแพงความสัมพันธ์ตั้งแต่วันแรกที่มาเหยียบที่นี่“ถ้าไม่จริงพี่คงไม่พาเธอไปเปิดตัวกับคุณพ่อ และก็คงไม่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่าจะเลือกเธอ”การกระทำของเขาสำคัญกว่าคำพูดเสมอ ถึงแม้จะรู้แบบนั้น แต่เขมมิกาก็อยากจะได้รับคำยืนยันจากปากของเขาอยู่ดี“พี่รักขิม”“…”“รักขิมคนเดียว”ธีรภัทร์โน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดกันและกัน เขมมิกาหลับตาพริ้มปล่อยตัวปล่อยใจรับจูบอ่อนหวานจากเขา เรียวลิ้นสากชำแรกเข้ามาในโพรงปากเล็ก วงแขนแข็งแรงกอดรัดเอวบางแนบแน่น มือข้างหนึ่งบีบขยำเต้าอวบหนักสลับเบาปลุกเร้าอารมณ์คนในอ้อมกอด ก่อนจะใช้มือเพียงข้างเดียวปลดกระดุมเสื้อทั้งหมด ก่อนจะสอดมือไปปลดตะขอบราเซียและเปลื้องทุกอย่างออกในคราเดียวกัน นิ้วโป้งบีบบี้เม็ดทับทิมสีเรื่อจนเขมมิกาเสียวสะท้านไปทั้งร่าง ส่งเสียงค
บทที่ 25 สารภาพรัก 1“ไหน ๆ ก็ตัดชุดให้คนอื่นใส่มานักต่อนักแล้ว หาเวลาว่างตัดชุดให้ตัวเองบ้างสิ”หลังจากบนโต๊ะอาหารเงียบไปหลายอึดใจ เจ้าสัวธนาก็เริ่มชวนคริมาพูดคุยอีกครั้ง“คะ?”“ภีม ช่วงนี้งานที่บริษัทก็ไม่ค่อยยุ่งแล้ว มีเวลาก็ไปวัดตัวให้เรียบร้อย กว่าจะถึงฤกษ์ที่ซินแสให้มาก็อีกหลายเดือน หนูครีมรอได้ใช่ไหมลูก”“คุณพ่อครับ!!”ธีรภัทร์ปรายสายตาไปทางบิดาเมื่อรู้ความหมายในสิ่งที่เจ้าสัวต้องการสื่อ ไม่อยากจะเชื่อว่าท่านจะใช้วิธีนี้มามัดมือชก มือข้างหนึ่งของเขากุมมือเขมมิกาแน่น“หรือว่าช้าไป จันพรุ่งนี้เธอนัดซินแสให้เข้ามาพบฉันหน่อย หนุ่มสาวสมัยนี้ใจร้อนจริงเชียว หนูครีมอย่า...”เพล้ง!เมื่อบิดาไม่คิดไว้หน้ากัน ความอดทนอดกลั้นก็จบลง ธีรภัทร์ปัดแก้วน้ำลงพื้น เสียงของมันดังพอที่จะทำให้ทุกคนหยุดพูดและหันมามอง“ลุกขึ้น!”เขาใช้มือข้างที่กุมมือเขมมิกากระตุกรั้งให้หญิงสาวลุกขึ้นยืน“พี่ภีมคะ”ท่าทีแบบนี้ของเขาไม่บ่อยนักที่จะได้เห็น ทว่าก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่เคยมี เขมมิการู้ดีว่าเวลานี้อารมณ์ของเขาถึงจุดเดือดแล้ว นอกจากห้ามปรามไม่ได้ เธอยังต้องทำตัวเป็นพวกเดียวกันกับเขาอีกด้วยธีรภัทร์กระชากแขนเล็ก
บทที่ 24 แขกคนสำคัญคฤหาสน์ที่ปรากฏตรงเบื้องหน้าใหญ่โตโอ่อ่าสมฐานะตระกูลที่มั่งคั่งอันดับต้น ๆ ของประเทศ เขมมิกายืนนิ่งไม่ไหวติง รอให้ธีรภัทร์ก้าวลงจากรถมาหยุดยืนเคียงข้างกัน มือใหญ่หงายฝ่ามือออกให้เธอได้จับ พร้อมพยักหน้าให้กำลังใจเมื่อสัมผัสได้ถึงเหงื่อชื้นของฝ่ามือเล็ก“พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”เขาบีบมือหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะพาเขมมิกาเดินเคียงคู่เข้าบ้านไปด้วยกันขาเรียวสั่นเล็กน้อยขณะก้าวผ่านพ้นประตูบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับคนละโลกกับที่เธอมา หน้าเล็กแหงนขึ้นเล็กน้อยมองแชนเดอเลียร์เหนือศีรษะแสงระยิบระยับจากคริสตัลนับพันกระทบนัยน์ตาจนแทบพร่าเลือนนี่บ้านคนหรือวังกันแน่...หญิงสาวกระตุกเกร็งเล็กน้อยเมื่อหันสายตาไปสบกับพวกแม่บ้านที่ยืนรอต้อนรับชายหนุ่ม เขาคงรับรู้ได้ถึงความประหม่าของเขมมิกาเมื่อฝ่ามือหนาบีบแน่นขึ้นจนเธอต้องเงยหน้ามองเขา“ไม่ต้องกลัวนะขิม มีพี่อยู่ด้วย”“ค่ะ พี่ภีม”เขาใช้มืออีกข้างซับเม็ดเหงื่อบนจมูกเล็กให้ ก่อนจะพาหญิงสาวไปยังชั้นสองของบ้าน ด้วยเวลานี้บิดาของเขามักจะขลุกตัวอยู่ในห้องทำงานก๊อกๆ ก๊อกๆ“เข้ามา”เมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของเสียงทรงอำนาจ ชายหนุ่มก็เปิดปร
บทที่ 23 เงินสำคัญกว่า“กะ แกเป็นแม่ของเขมมิกาเหรอ”คริมาจิกหัวถามซ้ำด้วยไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่ออีกฝ่ายยืนยันหนักแน่นหล่อนก็ไม่มีอะไรต้องคลางแคลงใจ“ใช่จ้ะ ฉันเนี่ยแหละ แม่ของเขมมิกา”แหงล่ะ ลูกสาวที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย มันจะมีแม่ที่มีสภาพเป็นนางฟ้านางสวรรค์ได้อย่างไรล่ะ“คุณจันบอกให้ฉันมาหาคุณที่นี่ คุณจะให้เงินฉันหากฉันบอกว่าตัวเองเป็นใคร”เอมอรรีบพูดถึงเรื่องเงินทันที คริมาแสยะยิ้มดูถูก กอดอกมองสภาพน่าสมเพชของอีกฝ่าย“แกทำงานอะไร”“เอ่อ… ฉันไม่ได้ทำงานมาหลายปีแล้วจ้ะ”ตั้งแต่เลิกรากับสามีใหม่อย่างชัยณรงค์ เอมอรก็ถูกเตะกลับมายังประเทศไทย หล่อนเร่ร่อนไม่ได้ทำงานทำการเป็นหลักแหล่ง นอกจากรับจ้างล้างจานตามร้านอาหารตามสั่งโต้รุ่ง กวาดถนน ได้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ พอให้ตัวเองมีเงินซื้อข้าวครบสามมื้อ......และซื้อเหล้า“แล้วได้ติดต่อกับลูกสาวบ้างหรือเปล่า”“ไม่ได้ติดต่อเลยจ้ะ ฉันไม่ได้ติดต่อกับยัยขิมมาหลายปีแล้ว”เอมอรรีบส่ายหน้า เรื่องลูกสาวถือเป็นของแสลงที่หล่อนไม่อยากยุ่งเกี่ยว กลัวว่าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ“แสดงว่าแกคงไม่รู้เลยสินะ ว่าตอนนี้ลูกส