หนิงเซียนที่ได้ฟังเรื่องราวของก็รู้สึกสงสารจางหมิงไม่น้อย เป็นถึงเชื่อราชวงศ์ใช่ว่าจะสุขสบาย ต้องคอยระวังภัยกันเอง“แล้วฝ่าบาทจะตื่นจากบรรทมเมื่อใด”“หากไม่มีดอกไม้นั้นแล้ว กว่าพิษที่อยู่ในร่างกายของจางหมิงจะหายหมด ข้าคิดว่าอย่างต่ำสี่ถึงห้าวัน”ซ่งเสี่ยนพยักหน้าอย่างโล่งใจ คิดว่าจางหมิงจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้เสียอีกเมื่อจัดการตรงนี้เสร็จรีบร้อยนางจึงลาซ่งเสี่ยนกลับตำหนักวันนี้นางคิดที่จะไปเยี่ยมพวกเสี่ยวเปาเสียหน่อย นางเดินมาถึงทางออกเห็นว่ามู่เฉินยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ” มีอันใดหรือมู่เฉิน “” คุณหนูท่านจะกลับตำหนักแล้วหรือขอรับ “” ใช่ ว่าแต่เกิดอันใดขึ้น “” ตอนนี้เหล่าขุนนางต่างหมายจะเข้ามาเยี่ยมฝ่าบาทขอรับ “ตอนนี้มีเหล่าขุนนางประมาณหกเจ็ดคนยืนรออยู่หน้าตำหนักของจางหมิงเพื่อหวังจะเข้ามาดูอาการ” มีทางออกอื่นหรือไม่ “หนิงเซียนเองก็ไม่อยากปะทะขุนนางพวกนั้นในตอนนี้หรอกมู่เฉินได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้า ทางลับของตำหนักของฝ่าบาทย่อมมีอยู่แล้ว” ตามข้ามาขอรับ “หนิงเซียนเดินตามมู่เฉินออกไปทางลับที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตำหนัก” ทางเดินไปทางนี้แล้วเลี้ยวซ้าย ท่านจะไปออกหลังน้ำตกใ
“คุณหนูเกิดเรื่องใหญ่เข้าเจ้าค่ะ” เสียงของเข่อซิงดังมาตั้งแต่หน้าตำหนัก ทำให้หนิงเซียนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องยาต้องออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น“เกิดอะไรขึ้นหรือเข่อซิง” ท่าทีของเข่อซิงดูร้อนรนไม่น้อย“ข่าวเกี่ยวกับท่านเจ้าค่ะ ตอนนี้ในเมืองต่างกล่าวถึงตัวท่านอย่างสนุกเลยเจ้าค่ะ เกี่ยวกับที่ตระกูลหม่าของท่านเป็นตระกูลแม่ทัพที่ก่อกบฏร้ายแรงสังหารชาวบ้านไม่เว้น แต่ดีที่ราชวงศ์ของตงหยางสั่งประหารได้ทัน พวกเขายังเล่นกันอีกกว่าเป็นท่านที่หนีรอดมาได้” เข่อซิงที่ออกไปซื้อของให้กับลี่หลิน นางจึงบังเอิญได้ยินเข้าหนิงเซียนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนแปลงไปมากนัก” งั้นหรือเจ้าจะตกใจไม่ใย “ทำให้เข่อซิงสงสัยไม่น้อยตอนนี้ตระกูลของท่านกำลังถูกมองไม่ดีอยู่นะเจ้าคะ” แต่… “” มันไม่ใช่ความจริง เหตุใดข้าต้องเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องพวกนั้นด้วยล่ะ“เรื่องที่กล่าวมาไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เหตุใดจึงไม่บอกไปด้วยละว่านางคนนี้ที่เป็นคนล้มราชวงศ์ซีฉินกับมือเอง” เจ้าค่ะ “เข่อซิงพยักหน้าตอบรับ ในเมื่อหนิงเซียนไม่ดูเดือดร้อนกับข่าวที่เกิดขึ้นเลยนางก็หาได้เดือดร้อนไม่“ขบวนองค์หญิงสามเสด็จ” เสียงของใครบางคนดัง
ภายในท้องพระโรง“ฝ่าบาทมีม้าเร็วจากซีฉินส่งสารมาว่าเหล่าคณะขุนนางของซีฉินจะมาเยี่ยมเยือนหนันเหลียงในอีกห้าวันข้างหน้าขอรับ” สิ้นสุดเสียงของนางกองทำให้เหล่าขุนนางในท้องพระโรงต่างถกเถียงกันกับการมาเยือนของคณะซีฉินในครั้งนี้ เพราะทั้งสองแคว้นนั้นก็นับว่าไม่ได้ปรองดองกันถึงขนาดที่ว่าจะไปมาหาสู่กันได้แต่ข้อถกเถียงก็ข้อถกเถียงเมื่อจางหมิงสั่งให้ขุนนางทุกคนเตรียมความพร้อมให้ดีในการมาเยือนของคณะซีฉินอีกห้าวันข้างหน้า“คุณหนูเจ้าคะ คณะจากซีฉินจะมาเยี่ยมเยือนที่นี่ในอีกห้าวันข้างหน้า” เหมยฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“ท่านลุงจะมาที่นี่หรือ” หนิงเซียนแปลกใจเหตุใดนางถึงไม่รู้ข่าวเกี่ยวกับซีฮัน“ใช่เจ้าค่ะ ตอนนี้ฝ่าบาทสั่งให้เหล่าขุนนางเตรียมความพร้อมต่างๆ ท่านซ่งเสี่ยนเองก็เริ่มสั่งให้นางกำนัลเตรียมการสถานที่วังหลวงรอแล้วเจ้าค่ะ”หนิงเซียนพยักหน้าเข้าใจ นางก็อยากรู้ว่าที่ซีฮันมาเยือนหนันเหลียงครั้งนี้ด้วยเหตุอันใด “คงจะมีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกแล้ว”ห้าวันผ่านไปตลอดเวลาที่ซีฉินส่งมาแล้วมาว่าจะมาเยี่ยมเยือนให้อีกห้าวันข้างหน้า คนในวังหลวงต่างมีหน้าที่จัดเตรียมสถานที่ให้พร้อม และวันนี้เป็นวันที่คณะของ
“เจ้าหัวเราะอันใด” ซูเม่ยมองไปที่หนิงเซียนอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดมันจึงไม่เป็นไปตามที่นางคาดไว้“ข้าแค่เพียงชื่นชมในบทละครที่คุณหนูซูเม่ยตั้งใจเล่นเป็นอย่างมาก แต่เพียงคุณหนูบทของท่านกลับไม่เป็นจริงสักเรื่อง”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“ท่านยังต้องถามข้าอีกหรือ ข้าอยากจะรู้นักว่าคนที่ไปสืบเรื่องนี้มาเหตุใดจึงสืบมาได้เพียงแค่นี้ เรื่องราวที่เหตุขึ้นที่ซีฉินออกจะใหญ่โต งั้นตัวข้าหนิงเซียนจะเล่าให้ทุกคนฟังในเรื่องที่ถูกต้อง จะได้เล่าเรื่องของตระกูลข้าได้อย่างตรงไปตรงมาไม่บิดเบือน” หนิงเซียนไล่สายตาไปหาผู้คนในงานนี้ ผู้ที่เผลอสบสายตากับนางก็รีบหลบสายตาหนีทันที“เรื่องที่ตระกูลหม่าของข้าถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏนั้นเป็นความจริง แต่มันก็เป็นสิ่งที่ตระกูลข้าถูกใส่ร้ายเท่านั้น พวกบ้าหลงระเริงอยู่ในอำนาจหวาดกลัวต่อตระกูลของข้าที่ย่อมสละเลือดเนื้อเพื่อแผ่นดิน คุณหนูซูเม่ยต่อจากนี้ท่านจงตั้งใจฟังให้ดี… “หนิงเซียนจ้องเข้าไปในดวงตาของซูเม่ยที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก” ตัวข้ากองทัพทมิฬของท่านพ่อข้าและยังมีกองทัพหนันเหลียงร่วมจัดการโค่นบัลลังก์ตระกูลราชวงศ์องค์ก่อนนั้นคือสิ่งที่คุณหนูซูเม่ยขาดหายไป” หลังจาก
เช้าวันรุ่งขึ้น…ในตำหนักของหนิงเซียนต่างวุ่นวายตามหาหมอหลวงอย่างเร่งรีบ เมื่อพบว่าหนิงเซียนโดนทำลายร้ายตอนนี้ทั้งวังหลวงต่างอยู่ในความตื่นตระหนก เหตุใดเมื่อคืนถึงบังอาจมีผู้ลักลอบเข้ามาทำลายว่าที่ฮองเฮาได้“ฝ่าบาทหมอหลวงมาแล้วเจ้าค่ะ” เข่อซิงวิ่งมาพร้อมกับหมอหลวง เข้ามาในห้องของที่มีร่างของหนิงเซียนนอนเจ็บอยู่ที่แขนของนางนั้นยังมีเลือดซึมอยู่ตลอดหมอหลวงเข้ามาแล้วก็รีบจัดการกับแผลของหนิงเซียน “ฝ่าบาทพระองค์โปรดออกไปก่อนได้หรือไม่ ข้าต้องใช้สมาธิอย่างมากในการรักษาคุณหนูหนิงเซียน” หมอหลวงหันมาบอกจางหมิงที่ยังยืนอยู่ในห้องดู“ข้า…” ทีแรกจางหมิงมีท่าทียึกยัก แต่พอคิดว่าจะต้องรีบรักษาหนิงเซียนให้เร็วที่สุดจึงตัดสินใจออกจากห้องไปพอหมองหลวงเห็นว่าฝ่าบาทออกไปแล้วก็หันมารักษาให้กับหนิงเซียน หยิบยาขึ้นมาก่อนจะป้อนให้กับหนิงเซียน ดวงตาที่หลับอยู่ของหนิงเซียนเปิดขึ้นทันทีคว้ายาในมือของหมอหลวงก่อนจะป้อนใส่ปากของหมอหลวงอย่างรวดเร็วนางตวัดร่างขึ้นก่อนจะล็อกร่างของหมอหลวงไว้ให้กลืนยาเม็ดนั้นลงไป ด้วยความที่ร่างหมอหลวงบอบบางเกือบเท่านางทำให้หมอหลวงไม่สามารถขัดขืนได้เลยทำใจต้องกลืนยาเม็ดนั้นลงไป“เจ
ตั้งแต่จำความได้ “หม่าหนิงเซียน” ก็ถูกเลี้ยงมาโดยแม่นมในหมู่บ้านทุรกันดารห่างจากเมืองหลวงประมาณห้าสิบลี้ ตัวนางนั้นไม่เคยพบผู้เป็นบิดามารดา พี่ชายและน้องชายของนางที่รับรู้ผ่านแม่นมตั้งแต่เล็กจนถึงบัดนี้นางอายุครบยี่สิบหนาว นางไม่เคยสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว ไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรักจากพ่อแม่ที่เด็กสาวคนหนึ่งสมควรได้รับ แต่ว่าแม่นมยังคงบอกเสมอว่าท่านพ่อและท่านแม่รักนางอย่างมาก นางที่รู้อย่างนั้นก็ยังปลอบใจตัวเองว่าสักวันพวกท่านจะมาหานางบ้างแต่อย่างน้อยในตอนนี้นางยังมีแม่นมที่คอยห่วงนาง คอยเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมราวกับนางเป็นลูกสาวคนหนึ่ง“คุณหนูเจ้าค่ะ…ฮึก..คุณหนู…” ลี่หลินหรือแม่นมของหนิงเซียนวิ่งเข้ามาในบ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ร่างของหญิงชราสั่นไปตามแรงสะอื้น“แม่นมเกิดอันใดขึ้น ท่านเป็นอันใด” หนิงเซียนเห็นท่าทางของลี่หลินก็รู้สึกใจหาย นางลงไปประคองลี่หลินที่ทรุดลงพื้นขึ้นมา“นายท่านกับคุณชายใหญ่…” ลี่หลินเอ่ยไปพลางสะอื้นไป“ท่านพ่อกับพี่ใหญ่เกิดอันใดหรือ” หนิงเซียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น นางสังหรณ์ใจว่าสิ่งที่ลี่หลินรับรู้มามันจะทำให้นางเสียใจไปชั่วชีวิต“ท่านพ่อกับคุณช
“ดีเสียอีกที่จัดการคนเช่นนี้ได้ แคว้นของเราคงจะสงบสุขขึ้นไปอีกหลายสิบปี”“ใช่ข้าก็ว่าอย่างนั้น ตระกูลหม่าพวกมันช่างกล้านักที่ทำเช่นนี้ “” ข้าก็ว่าอย่างนั้น “ระหว่างทางที่เดินไปลานประหาร หนิงเซียนกับลี่หลินก็ยังได้ยินคำสาปแช่งของชาวบ้านไม่ขาดสาย หนิงเซียนมองไปที่เหล่าชาวบ้านพวกนั้นด้วยสายตาที่โกรธเคือง นางเชื่อว่าครอบครัวของนางไม่ทำอย่างนั้นอย่างแน่นอน“คุณหนูเจ้าคะ ใจเย็นๆ นะเจ้าคะ เราต้องไปให้ถึงลาน…ประหารเจ้าค่ะ” ลี่หลินเอ่ยบอกหนิงเซียนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ พลางมองมาที่หนิงเซียน คุณหนูของนางจะแบกรับมันได้หรือ“……” หนิงเซียนหันมาของหน้าลี่หลินด้วยสายตาที่แดงก่ำลี่หลินบีบมือเล็กเพื่อให้กำลังใจ นางสัมผัสได้ว่ามือของหนิงเซียนมันเย็นจนน่าเป็นห่วง“คุณหนูกลับหรือไม่เจ้าคะ” ลี่หลินเอ่ยถามความคิดเห็น“ไม่…เจ้าค่ะ ข้าอยากเห็นท่านแม่และคนอื่นๆ เป็น…ครั้งสุดท้าย” หนิงเซียนกลั้นใจที่จะพูดคำสุดท้ายออกมา นางรู้สึกว่ามันอยากเสียเหลือเกิน“เจ้าค่ะคุณหนู” ลี่หลินพาหนิงเซียนได้ยังลานประหารอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้ แต่มันก็ยากเมื่อพวกนางมาถึงพบว่ามีคนจำ
แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในห้องปลุกให้หนิงเซียนตื่นขึ้น“ท่านแม่!!” หนิงเซียนสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันร้าย ดวงตาสวยคลอไปด้วยน้ำตา ภาพเมื่อวานที่ท่านแม่ส่งยิ้มให้นาง ภาพที่ท่านแม่ถูกประหารยังคงเก็บมาฝัน หนิงเซียนซบลงหมอนแล้วร้องไห้ออกมา มันอยากเสียเหลือเกินอยากที่จะทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น“คุณหนู…คุณหนูเป็นอันใดเจ้าค่ะ” ลี่หลินได้ยินเสียงหนิงเซียนตะโกน นางรีบวางสิ่งที่ทำอยู่แล้วเข้ามาหาหนิงเซียนโดยเร็ว“แม่นม….ฮึก…ท่านแม่จากข้าไปแล้ว” หนิงเซียนเห็นลี่หลินเข้ามานางพุ่งเข้าไปกอดแล้วซบลงที่อกของลี่หลิน“เจ้าค่ะ…หยุดร้องไห้เถิดเจ้าค่ะ หากคุณหนูยังเป็นเช่นนี้นายท่าน นายหญิงจะเป็นห่วงเอานะเจ้าคะ ยังมีคุณชายใหญ่ คุณชายเล็ก และท่านย่าอีก” ลี่หลินเอ่ยปลอบ“แม่นม…ฮึก..” หนิงเซียนเงยหน้าขึ้นมอง“เชื่อนมนะเจ้าคะ ไม่ร้อง…ตอนนี้มีใครบางคนต้องการพบคุณหนูเจ้าค่ะ” ลี่หลินซับน้ำตาให้กับหนิงเซียนด้วยเสื้อของนาง“ใครหรือเจ้าคะ” หนิงเซียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย น้ำเสียงติดสะอื้นเล็กน้อย เพราะในบ้านหลังนี้มีเพียงนางและแม่นมสองคนแล้วยังมีใครอีก หรือว่ามีชาวบ้านมารักษาอาการป่วยกับนาง“ตามข้ามาเจ้าค่ะ” ลี่หลินช่วยหนิงเซ
เช้าวันรุ่งขึ้น…ในตำหนักของหนิงเซียนต่างวุ่นวายตามหาหมอหลวงอย่างเร่งรีบ เมื่อพบว่าหนิงเซียนโดนทำลายร้ายตอนนี้ทั้งวังหลวงต่างอยู่ในความตื่นตระหนก เหตุใดเมื่อคืนถึงบังอาจมีผู้ลักลอบเข้ามาทำลายว่าที่ฮองเฮาได้“ฝ่าบาทหมอหลวงมาแล้วเจ้าค่ะ” เข่อซิงวิ่งมาพร้อมกับหมอหลวง เข้ามาในห้องของที่มีร่างของหนิงเซียนนอนเจ็บอยู่ที่แขนของนางนั้นยังมีเลือดซึมอยู่ตลอดหมอหลวงเข้ามาแล้วก็รีบจัดการกับแผลของหนิงเซียน “ฝ่าบาทพระองค์โปรดออกไปก่อนได้หรือไม่ ข้าต้องใช้สมาธิอย่างมากในการรักษาคุณหนูหนิงเซียน” หมอหลวงหันมาบอกจางหมิงที่ยังยืนอยู่ในห้องดู“ข้า…” ทีแรกจางหมิงมีท่าทียึกยัก แต่พอคิดว่าจะต้องรีบรักษาหนิงเซียนให้เร็วที่สุดจึงตัดสินใจออกจากห้องไปพอหมองหลวงเห็นว่าฝ่าบาทออกไปแล้วก็หันมารักษาให้กับหนิงเซียน หยิบยาขึ้นมาก่อนจะป้อนให้กับหนิงเซียน ดวงตาที่หลับอยู่ของหนิงเซียนเปิดขึ้นทันทีคว้ายาในมือของหมอหลวงก่อนจะป้อนใส่ปากของหมอหลวงอย่างรวดเร็วนางตวัดร่างขึ้นก่อนจะล็อกร่างของหมอหลวงไว้ให้กลืนยาเม็ดนั้นลงไป ด้วยความที่ร่างหมอหลวงบอบบางเกือบเท่านางทำให้หมอหลวงไม่สามารถขัดขืนได้เลยทำใจต้องกลืนยาเม็ดนั้นลงไป“เจ
“เจ้าหัวเราะอันใด” ซูเม่ยมองไปที่หนิงเซียนอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดมันจึงไม่เป็นไปตามที่นางคาดไว้“ข้าแค่เพียงชื่นชมในบทละครที่คุณหนูซูเม่ยตั้งใจเล่นเป็นอย่างมาก แต่เพียงคุณหนูบทของท่านกลับไม่เป็นจริงสักเรื่อง”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“ท่านยังต้องถามข้าอีกหรือ ข้าอยากจะรู้นักว่าคนที่ไปสืบเรื่องนี้มาเหตุใดจึงสืบมาได้เพียงแค่นี้ เรื่องราวที่เหตุขึ้นที่ซีฉินออกจะใหญ่โต งั้นตัวข้าหนิงเซียนจะเล่าให้ทุกคนฟังในเรื่องที่ถูกต้อง จะได้เล่าเรื่องของตระกูลข้าได้อย่างตรงไปตรงมาไม่บิดเบือน” หนิงเซียนไล่สายตาไปหาผู้คนในงานนี้ ผู้ที่เผลอสบสายตากับนางก็รีบหลบสายตาหนีทันที“เรื่องที่ตระกูลหม่าของข้าถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏนั้นเป็นความจริง แต่มันก็เป็นสิ่งที่ตระกูลข้าถูกใส่ร้ายเท่านั้น พวกบ้าหลงระเริงอยู่ในอำนาจหวาดกลัวต่อตระกูลของข้าที่ย่อมสละเลือดเนื้อเพื่อแผ่นดิน คุณหนูซูเม่ยต่อจากนี้ท่านจงตั้งใจฟังให้ดี… “หนิงเซียนจ้องเข้าไปในดวงตาของซูเม่ยที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก” ตัวข้ากองทัพทมิฬของท่านพ่อข้าและยังมีกองทัพหนันเหลียงร่วมจัดการโค่นบัลลังก์ตระกูลราชวงศ์องค์ก่อนนั้นคือสิ่งที่คุณหนูซูเม่ยขาดหายไป” หลังจาก
ภายในท้องพระโรง“ฝ่าบาทมีม้าเร็วจากซีฉินส่งสารมาว่าเหล่าคณะขุนนางของซีฉินจะมาเยี่ยมเยือนหนันเหลียงในอีกห้าวันข้างหน้าขอรับ” สิ้นสุดเสียงของนางกองทำให้เหล่าขุนนางในท้องพระโรงต่างถกเถียงกันกับการมาเยือนของคณะซีฉินในครั้งนี้ เพราะทั้งสองแคว้นนั้นก็นับว่าไม่ได้ปรองดองกันถึงขนาดที่ว่าจะไปมาหาสู่กันได้แต่ข้อถกเถียงก็ข้อถกเถียงเมื่อจางหมิงสั่งให้ขุนนางทุกคนเตรียมความพร้อมให้ดีในการมาเยือนของคณะซีฉินอีกห้าวันข้างหน้า“คุณหนูเจ้าคะ คณะจากซีฉินจะมาเยี่ยมเยือนที่นี่ในอีกห้าวันข้างหน้า” เหมยฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“ท่านลุงจะมาที่นี่หรือ” หนิงเซียนแปลกใจเหตุใดนางถึงไม่รู้ข่าวเกี่ยวกับซีฮัน“ใช่เจ้าค่ะ ตอนนี้ฝ่าบาทสั่งให้เหล่าขุนนางเตรียมความพร้อมต่างๆ ท่านซ่งเสี่ยนเองก็เริ่มสั่งให้นางกำนัลเตรียมการสถานที่วังหลวงรอแล้วเจ้าค่ะ”หนิงเซียนพยักหน้าเข้าใจ นางก็อยากรู้ว่าที่ซีฮันมาเยือนหนันเหลียงครั้งนี้ด้วยเหตุอันใด “คงจะมีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกแล้ว”ห้าวันผ่านไปตลอดเวลาที่ซีฉินส่งมาแล้วมาว่าจะมาเยี่ยมเยือนให้อีกห้าวันข้างหน้า คนในวังหลวงต่างมีหน้าที่จัดเตรียมสถานที่ให้พร้อม และวันนี้เป็นวันที่คณะของ
“คุณหนูเกิดเรื่องใหญ่เข้าเจ้าค่ะ” เสียงของเข่อซิงดังมาตั้งแต่หน้าตำหนัก ทำให้หนิงเซียนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องยาต้องออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น“เกิดอะไรขึ้นหรือเข่อซิง” ท่าทีของเข่อซิงดูร้อนรนไม่น้อย“ข่าวเกี่ยวกับท่านเจ้าค่ะ ตอนนี้ในเมืองต่างกล่าวถึงตัวท่านอย่างสนุกเลยเจ้าค่ะ เกี่ยวกับที่ตระกูลหม่าของท่านเป็นตระกูลแม่ทัพที่ก่อกบฏร้ายแรงสังหารชาวบ้านไม่เว้น แต่ดีที่ราชวงศ์ของตงหยางสั่งประหารได้ทัน พวกเขายังเล่นกันอีกกว่าเป็นท่านที่หนีรอดมาได้” เข่อซิงที่ออกไปซื้อของให้กับลี่หลิน นางจึงบังเอิญได้ยินเข้าหนิงเซียนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนแปลงไปมากนัก” งั้นหรือเจ้าจะตกใจไม่ใย “ทำให้เข่อซิงสงสัยไม่น้อยตอนนี้ตระกูลของท่านกำลังถูกมองไม่ดีอยู่นะเจ้าคะ” แต่… “” มันไม่ใช่ความจริง เหตุใดข้าต้องเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องพวกนั้นด้วยล่ะ“เรื่องที่กล่าวมาไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เหตุใดจึงไม่บอกไปด้วยละว่านางคนนี้ที่เป็นคนล้มราชวงศ์ซีฉินกับมือเอง” เจ้าค่ะ “เข่อซิงพยักหน้าตอบรับ ในเมื่อหนิงเซียนไม่ดูเดือดร้อนกับข่าวที่เกิดขึ้นเลยนางก็หาได้เดือดร้อนไม่“ขบวนองค์หญิงสามเสด็จ” เสียงของใครบางคนดัง
หนิงเซียนที่ได้ฟังเรื่องราวของก็รู้สึกสงสารจางหมิงไม่น้อย เป็นถึงเชื่อราชวงศ์ใช่ว่าจะสุขสบาย ต้องคอยระวังภัยกันเอง“แล้วฝ่าบาทจะตื่นจากบรรทมเมื่อใด”“หากไม่มีดอกไม้นั้นแล้ว กว่าพิษที่อยู่ในร่างกายของจางหมิงจะหายหมด ข้าคิดว่าอย่างต่ำสี่ถึงห้าวัน”ซ่งเสี่ยนพยักหน้าอย่างโล่งใจ คิดว่าจางหมิงจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้เสียอีกเมื่อจัดการตรงนี้เสร็จรีบร้อยนางจึงลาซ่งเสี่ยนกลับตำหนักวันนี้นางคิดที่จะไปเยี่ยมพวกเสี่ยวเปาเสียหน่อย นางเดินมาถึงทางออกเห็นว่ามู่เฉินยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ” มีอันใดหรือมู่เฉิน “” คุณหนูท่านจะกลับตำหนักแล้วหรือขอรับ “” ใช่ ว่าแต่เกิดอันใดขึ้น “” ตอนนี้เหล่าขุนนางต่างหมายจะเข้ามาเยี่ยมฝ่าบาทขอรับ “ตอนนี้มีเหล่าขุนนางประมาณหกเจ็ดคนยืนรออยู่หน้าตำหนักของจางหมิงเพื่อหวังจะเข้ามาดูอาการ” มีทางออกอื่นหรือไม่ “หนิงเซียนเองก็ไม่อยากปะทะขุนนางพวกนั้นในตอนนี้หรอกมู่เฉินได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้า ทางลับของตำหนักของฝ่าบาทย่อมมีอยู่แล้ว” ตามข้ามาขอรับ “หนิงเซียนเดินตามมู่เฉินออกไปทางลับที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตำหนัก” ทางเดินไปทางนี้แล้วเลี้ยวซ้าย ท่านจะไปออกหลังน้ำตกใ
ทันทีที่นางเข้ามาในห้องบรรทมของจางหมิง สิ่งที่ทำให้นางขมวดคิ้วอย่างแรกก็คือกลิ่นของกำยานนางรู้สึกว่าในกลิ่นของกำยานนี้มีบางอย่างแอบแฝงอยู่ แต่นางปล่อยผ่านมองไปที่เตียงก็เห็นร่างอันคุ้นเคยนอนแน่นิ่งอยู่กับเตียง ผิวกายซีดขาวราวกับคนตายระหว่างนั้นนางก็ยืนรอเพราะตอนนี้กำลังมีหมอหลวงคอยตรวจอาการของจางหมิงอยู่“หมอหลวงอาการของฝ่าบาทเป็นเช่นไรบ้าง” หลังจากที่หมอหวังเหว่ยตรวจเสร็จแล้วก็เข้าไปถามหมอหลวงหันมาพบว่ามีหญิงสาวผู้หญิงยื่นจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาเรียบนิ่งก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบหวังเหว่ย “อาการฝ่าบาทคล้ายคนปกติ ชีพจรเต้นมั่นคงดูเหมือนคนแข็งแรงทั่วไปแต่ที่ข้าสงสัยคือผิวที่ซีดราวกับคนตายของฝ่าบาท ข้าคงต้องขอไปปรึกษาหารือกลับหมอหลวงคนอื่นๆเสียก่อน ท่านองครักษ์หวังเหว่ยท่านโปรดวางใจ” หมองหลวงเอ่ยตอบพลางเหลือบตาไปมองหญิงสาวที่ยืมอยู่ในห้องนี้อีกคน“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก คุณหนูเชิญท่านตรวจดูอาการของฝ่าบาทได้เลย” หวังเหว่ยเอ่ยขอบคุณหมอก่อนจะหันมาบอกกับหนิงเซียน“ไม่ได้ ท่านหวังเหว่ยนางเป็นใครกล้าดีอย่างไรถึงให้นางมาจับตัวฝ่าบาทท่านไม่รู้หรือว่าตอนนี้ฝ่าบาทกำลังจะประชวรอยู่” หมอหลวง
ขบวนรถม้าของหนิงเซียนมาจอดอยู่หน้าเรือนขนาดใหญ่ ทำให้เด็กต่างมองด้วยความตื่นเต้น“พี่หนิงเซียนพวกเราจะอยู่ที่นี่กันหรือเจ้าคะ” เปาซานเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น มองไปภายในเรือนด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางไม่เคยเห็นเรือนที่มีขนาดใหญ่เท่านี้มาก่อนเลยหนิงเซียนพยักหน้าตอบลง” ใช่นับตั้งแต่วันนี้ไปพวกเจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ ข้าจะมีอาหารให้พวกเจ้ากินทุกมื้อและยังจะจ้างคนมาสอนหนังสือให้กับพวกเจ้าด้วย “นางคิดมาดีแล้ว เด็กๆ พวกนี้นางจะรับดูแลเอง” จริงหรือขอรับ “เสี่ยวเปามองไปที่หนิงเซียนด้วยสายตาเปล่งประกายไม่คิดว่าเขาจะได้เรียนหนังสือเหมือนกับคุณหนูคุณชายตระกูลใหญ่” ใช่ “” เอาละทุกคนอยู่ที่นี่ต้องทำตามกฎเข้าใจหรือไม่ หากใครดื้อเกเรจะต้องถูกลงโทษ พวกเจ้าทุกคนแยกชายหญิงแล้วจับคู่กัน “เด็กที่ได้ยินอย่างนั้นก็ทำตามที่หนิงเซียนบอกโดยมีพวกเหมยฮวาคอยช่วยเสี่ยวเปาที่สงสัยจึงเอ่ยถามออกไป” เหตุใดต้องแยกชายหญิงแล้วจะต้องจับคู่ด้วยขอรับ “” พวกเจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าชายหญิงมีความแตกต่างกันนั้นจึงเป็นเหตุที่ข้าให้พวกเจ้าแยกชายหญิง ส่วนที่เจ้าถามว่าจับคู่ทำไม เพราะคู่ของพวกเจ้านั้นจะต้องพักอยู่ในห้องเดียวกัน คอยช
“พี่หนิงเซียนท่านลุงป่วยเป็นอันใดขอรับ”“ท่านลุงก่อนที่ท่านจะล้มป่วยท่านทำงานอย่างหนักใช่หรือไม่”“ขอรับ” ฮุ่ยซานเอ่ยตอบตามจริง เพราะเขาเองก็อยากหาจากโรคบ้าๆ นี้แล้ว“บ้างเวลาท่านรู้สึกแน่นที่อกข้างซ้ายใช่หรือไม่ “” ขอรับ ข้าเป็นอันใดหรือขอรับ “เพราะอาการที่หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยตรงตามที่เขาเป็นทุกอย่าง” จะนับว่าร้ายแรงสิ่งที่ท่านเป็นมันก็ไม่ได้ดูร้ายแรงเท่านั้น ร่างกายท่านเพียงอ่อนล้าจากการทำงานอย่างหนักทำให้ร่างกายของท่านมีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเวลาที่ท่านทำงานหนักพักผ่อนไม่เพียงพอ มันจะทำให้อาการเหล่านี้กลับมาอีก ส่วนที่ท่านยังไม่หายก็เพราะไม่ได้รับอาหารที่เพียงพอและยาที่ตรงตามโรค“แล้วข้าจะต้องทำอย่างไรถึงจะต้องไม่เป็นมันอีกขอรับ” ฮุ่ยซานไม่อยากเป็นโรคนี้อีกแล้ว มันช่างทรมานเหลือเกินที่จะต้องนอนอยู่บนเตียงเฉยไม่มีแรงไปทำสิ่งใด“ง่ายต่อจากนี้ท่านต้องหยุดทำงาน แล้วดูแลตัวของท่านให้ดี”“ไม่ได้ข้าหยุดทำงานไม่ได้ หากข้าหยุดพวกเด็กๆ ก็จะไม่มีอาหารประทังชีวิต”“ท่านลุงทางอารามไม่ส่งอาหารมาให้พวกเราแล้วขอรับ” เสียงของเสี่ยวเปาทำให้ฮุ่ยซานหันไปโดยเร็ว“อะไรกันข้าไม่ได้ไปทำงานเพียงไม่กี่วันพ
“เด็กน้อยเจ้าเป็นอย่างไร” หนิงเซียนพยายามปลุกเด็กน้อย แต่ไม่ว่านางจะทำอย่างไรเด็กชายก็ไม่ตื่นขึ้น ดูจากอาการแล้วน่าจะอดอาหารมาเป็นเวลานาน นางจับชีพจรพบว่าชีพจรเต้นเบาอย่างมาก“จางหมิงท่านไปซื้อยาสมุนไพรแถวนี้มาให้ข้าหน่อย” หนิงเซียนบอกรายชื่อสมุนไพรที่ต้องการให้กับจางหมิง เพราะกระเป๋ายาของนางไม่ได้เอามาด้วยเลยต้องหาเอาจากที่นี่แทน“คุณชายเกิดอันใดขึ้นขอรับ” คนขับรถม้าเห็นว่าเหมือนจะมีเรื่องเกิดขึ้นจึงเข้ามาถาม“เจ้าไปซื้อสมุนไพรพวกนี้มาให้นาง” จางหมิงหันไปบอกกับคนขับรถม้าอีกหน“ขอรับ”หนิงเซียนเอาน้ำให้เด็กชายจิบอย่างช้าๆ รอเวลาที่คนของจางหมิงไปซื้อสมุนไพรมาให้นาง หนิงเซียนเห็นว่าเริ่มมีคนสนใจมากขึ้น นางจึงอุ้มเด็กชายขึ้นแล้วพาตรงไปยังรถม้าเวลารักษานางไม่ค่อยชอบให้คนมาดูมากนัก มันจะชอบมีพวกปากมากติติงการรักษาของนาง“ข้าอุ้มเอง” จางหมิงเข้าไปแย่งเด็กชายมาอุ้มด้วยตัวเองก่อนจะพาไปยังรถม้าหนิงเซียนที่เห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากรีบตามจางหมิงไปติด ไม่นานคนขับรถม้าก็นำสมุนไพรที่ซื้อมาให้กับนาง“ท่านโปรดรออยู่ข้างนอก” หนิงเซียนให้จางหมิงออกไปรออยู่ข้างนอกก่อนที่นางจะเริ่มทำการรักษาให้กั