“อ๊า...”ความจริงตอนที่ผมช่วยตัวเองยังไม่รู้สึกว่ามันถึงใจมากขนาดนี้ ถึงขั้นที่อาจต้องรอสักพักกว่าจะปลดปล่อยออกมาอาจเป็นเพราะหลังจากที่เห็นหลี่ลี่เจียวแอบมองตอนผมตอนทำเรื่องแบบนั้น มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเร้าใจ ตื่นเต้น และถูกกระตุ้นมากยิ่งขึ้นจนมันพุ่งทะลักออกมาเพราะเมื่อครู่ผมทำโดยปราศจากเสื้อผ้าห่อหุ้มร่างกาย จึงไม่เปื้อนโดนกางเกงตัวเอง แต่มันกลับทำให้เบาะที่นั่งคนขับเลอะเป็นวงกว้างกระจายไปทุกที่ผมกังวลเป็นอย่างมากถ้าพี่สะใภ้เห็นขึ้นมา จะต้องน่าอายมากแน่ ๆ นี่คือรถที่เธอรักมากเสียด้วยเมื่อวานตอนที่เธอกับพี่ตงขับรถมารับผม เธอยังไม่ให้พี่ตงขับรถเธอเลย พี่ตงเล่าว่ารถคันนี้เป็นคนที่พี่สะใภ้ซื้อด้วยตัวเอง เธอเล็งมันมานานแล้ว และรักมันมากด้วยผมรีบหยิบกระดาษทิชชูจากที่นั่งข้าง ๆ คนขับมาทำความสะอาดทันทีแต่มันยังคงมีคราบเหลืออยู่ และไม่รู้ว่าหลังทานข้าวเสร็จจะแห้งไหม?ถ้าทิ้งคราบไว้แบบนี้ คงจะน่าอายเป็นอย่างมากพี่สะใภ้ให้มาเรียน แต่สุดท้ายผมกลับทำเรื่องแบบนั้นในรถที่เธอรักพี่สะใภ้จะต้องโกรธมากแน่ ๆ หลังจากที่เก็บรถแล้ว ผมก็จัดการกับตัวเองต่อแต่ผมยังคงนั่งอยู่ในรถไม
“อืม งั้นเธอพักผ่อนเถอะ” พี่สะใภ้วางสายผมรีบถามเธออย่างร้อนรน “พี่ลี่เจียวพูดอะไรไหม?”พี่สะใภ้ทอดถอนใจ “หลี่ลี่เจียวไม่ยอมพูดอะไรเลย เธอบอกแค่ว่าไม่สบาย ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน”ผมถอนหายใจยาว ๆ อย่างโล่งอก “งั้นก็ดี ดีแล้วล่ะ”พี่สะใภ้เขกหัวผมหนึ่งที “ดีบ้าอะไรล่ะ?”ผมตอบกลับด้วยความไม่เข้าใจ “พี่ลี่เจียวไม่พูดอะไร งั้นผมก็ไม่ต้องอายแล้วน่ะสิ”“เพราะเธอไม่พูด นั่นก็แปลว่าเรื่องเมื่อกี้ไม่ได้เกิดขึ้นงั้นเหรอ?”“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ยิ่งเธอไม่พูด เรื่องนั้นก็จะยิ่งฝังลึกลงไปในหัวของเธอ”“อาจถึงขั้นทุก ๆ ครั้งที่เจอหน้าเธอ สมองของหลี่ลี่เจียวก็จะปรากฏภาพที่เธอกำลังทำเรื่องแบบนั้นในรถก็ได้”จู่ ๆ ผมก็รู้สึกว่าที่พี่สะใภ้พูดมาก็มีเหตุผลเป็นอย่างมากมันก็เหมือนกับตอนที่ผมแอบได้ยินพี่ชายกับพี่สะใภ้ทำเรื่องแบบนั้นกันทำให้ทุก ๆ ครั้งที่พี่สะใภ้ทำอะไรที่ดูมีลับลมคมใน ผมก็จะนึกถึงภาพบนเตียงของเธอขึ้นมาทันทีอย่างอดไม่ได้ผมถามพี่สะใภ้ด้วยความใจร้อน “แล้วจะทำยังไงดี?”พี่สะใภ้ครุ่นคิดไปสักพัก “หลี่ลี่เจียวปากแข็งเกินไป จะให้เธอพูดเรื่องนั้นออกมาคงเป็นไปไม่ได้”“ผู้หญิงคนหนึ่งที่แม้แต่ป
ความคิดที่บ้าบิ่นปรากฏขึ้นในหัวผมอีกครั้งนั่นก็คือ ทุก ๆ ครั้งที่พี่สะใภ้ยั่วหรือแกล้งผม ผมไม่เคยตอบโต้เลยสักครั้งผมควรจะสู้กลับสักครั้งดีไหมนะ?พี่สะใภ้มักจะบอกให้ผมลองเปิดใจไม่ใช่เหรอถ้าผมไม่ลอง แล้วผมจะเปิดใจได้ยังไง?เพราะแบบนี้ผมจึงดึงกางเกงลงครึ่งหนึ่ง ก่อนจะพูดกับพี่สะใภ้ “พี่สะใภ้ ผมทรมานมาก ก่อนหน้านี้พี่บอกว่าถ้าผมทรมานมาก พี่จะช่วยผมไม่ใช่เหรอ”เมื่อพูดจบ หัวใจของผมก็เต้นระรัวและรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากนี่เป็นครั้งแรกที่ผมพูดแบบนี้กับพี่สะใภ้ ผมไม่มั่นใจเลย“ฉันยังต้องทำกับข้าวอยู่นะ” เมื่อเห็นว่าใบหน้าของพี่สะใภ้ขึ้นริ้วแดง และตอบกลับผมด้วยท่าทีเขินอายนี่ทำให้ผมทั้งตกใจและดีใจพี่สะใภ้ไม่ได้ปฏิเสธผมตรง ๆ นั่นแสดงว่าผมยังมีโอกาสผมพูดอย่างใจกล้าอีกครั้ง “ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยล้างก็ได้”พูดจบ ผมก็มีความกล้าขึ้นอีกขั้น ผมจับมือพี่สะใภ้เอาไว้ตอนที่ผมได้สัมผัสมือของเธอ ผมรู้สึกถึงความนุ่มและลื่น ราวกับไม่มีข้อกระดูกนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสมือของผู้หญิงจึงทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากพี่สะใภ้ที่ถูกผมดึงมือไปจับก็ไม่ได้ปฏิเสธ อีกทั้งยังดูเหมือนเพลิดเพล
“พี่ห้ามเอาเรื่องเมื่อกี้ไปบอกพี่ชายของผมเด็ดขาดเลยนะ”พี่สะใภ้พูดพร้อมกับช่วยผมดึงกางเกงขึ้น “แน่นอนสิ ฉันไม่บอกพี่ชายเธอหรอก แต่เมื่อกี้เธอทำได้ดีมากเลยนะ”“เธอไม่เพียงแต่ต้องทำแบบนี้ต่อหน้าฉัน แต่ยังต้องทำต่อหน้าหลี่ลี่เจียวด้วย”“ผู้ชายยิ่งเลว ผู้หญิงยิ่งชอบ”“ถึงขั้นที่บางที ในสถานการณ์จำเป็น หากต้องใช้กำลังบ้างก็ไม่เป็นไร”ผมถามอย่างผิดหวัง “พี่สะใภ้ พี่ทำขนาดนี้เพื่อให้ผมเปิดใจเท่านั้นงั้นเหรอ?”“ไม่งั้นจะเพื่ออะไรล่ะ? เธอคงไม่คิดว่าฉันอยากมีอะไรกับเธอหรอกใช่ไหม?”ผมรู้สึกแย่เป็นอย่างมากผมส่ายหน้าเนือย ๆ อย่างหมดแรง “ไม่”ผมรู้ว่าตัวเองไม่ควรรู้สึกผิดหวัง แต่ในตอนนี้ ผมควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้โดยเฉพาะตอนที่พี่สะใภ้ช่วยดึงกางเกงและจัดเสื้อผ้าให้ผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นราวกับว่าในสายตาของเธอ ทุก ๆ ปฏิกิริยาของผมในเป็นแค่เด็กผมไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยผมโตและมีความปรารถนามากขนาดนี้ ทำไมพี่สะใภ้ถึงมองข้ามมันล่ะ?เธอไม่ต้องการผมบ้างเลยจริง ๆ งั้นเหรอผมนึกถึงคำพูดของเธอเมื่อครู่ผู้ชายยิ่งเลว ผู้หญิงยิ่งชอบงั้นฉันต้องทำเรื่องเลว ๆ กับพี่สะใภ้บ้างใช่ไหม ถึง
พี่สะใภ้มองตามแผ่นหลังที่เดินจากไปของผม เธอหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้งเธอรู้สึกอยากย้อนกลับไปตอนที่ผมกอดเธอเป็นอย่างมากอ้อมกอดของผมกว้าง อีกทั้งแขนก็มีกล้ามตอนที่ผมกอดรัดเธอ ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเราแนบชิดกันเป็นอย่างมากทำให้เธอหายใจเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัวตอนนี้พี่สะใภ้ไม่มีกะจิตกะใจจะทำกับข้าวแล้วเธอนั่งลงบนเตียงของผม และลูบไล้ไปยังบริเวณที่ผมนอนเมื่อครู่ผ้าปูที่นอนยังคงหลงเหลือไอร้อนจากร่างกายของผมอยู่พอลูบไปเรื่อย ๆ พี่สะใภ้ก็ทนไม่ไหว เธอจึงนอนลงไปราวกับว่าเธอกำลังรู้สึกเหมือนนอนอยู่ในอ้อมแขนของผมเธอไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้สัมผัสอ้อมกอดของผู้ชายที่กว้างและแข็งแรงแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วสิ่งนี้ทำให้พี่สะใภ้รู้สึกหลงใหลและปรารถนาเป็นอย่างมากเธอดึงผ้าห่มของผมมาคลุมตัวเองความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อนกำลังโจมตีเธอจากนั้น มือของเธอก็ล้วงเข้าไปในเสื้อโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่มีเสียงหายใจหอบถี่จะดังขึ้น……ตอนแรกผมแค่อยากแกล้งพี่สะใภ้เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายจะต้องหนีออกมาแบบนี้อย่างแรกเป็นเพราะผมมีความกล้าไม่มากพอและอย่างที่สอง ต่อให้ผมแกล้งเธอสำเร็จแล้วจะทำยังไงต่อ ย
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นจนอยู่ไม่เป็นสุขของหลี่ลี่เจียวแล้ว ผมก็ก้มหน้าลงแล้วเผยยิ้มออกมา "ผมรู้น่า ผมรู้"“พี่ลี่เจียว ผมก็แค่อยากจะทักทายพี่เท่านั้นเอง”“แล้วก็เมื่อกี้ที่พี่ไม่สนใจผม ใจของผมมันร้อนรนไปหมด แบบนี้เลย”หลี่ลี่เจียวมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ไม่เป็นธรรมชาติ “พี่จะสนใจหรือไม่สนใจเธอ แล้วมันสำคัญตรงไหน?”“แน่นอนว่าสำคัญสิครับ” ผมพูดโดยไม่ลังเล จากนั้นก็สังเกตเห็นสายตาที่ดูไม่เป็นธรรมชาติของหลี่ลี่เจียวในความไม่สงบนิ่งที่ยังแฝงความเขินอายอยู่เล็กน้อย น่าซาบซึ้งใจอย่างมากผมนึกถึงสิ่งที่เพิ่งพูดกับพี่สะใภ้ไปผู้ชายเมื่อตอนไล่ล่าผู้หญิง จะต้องไม่จริงจัง หรือสุภาพจนเกินไปแม้ว่าบางครั้งจะต้องทำตัวเหมือนคนเลวก็ตามทางลี่เจียวเองในตอนนี้ก็ดูขวยเขินอย่างเห็นได้ชัด ดูไม่ได้โกรธหรือโมโหเลยกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สำหรับเรื่องเมื่อเช้าแล้ว เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยเพียงแค่จู่ ๆ ก็เห็นคนแปลกหน้าคนหนึ่งทำเรื่องแบบนั้นเข้า จึงรู้สึกทั้งเขินทั้งอายอย่างมาก “พี่ลี่เจียวสำหรับผมแล้ว เป็นคนที่ดูแตกต่างออกไป ไม่เหมือนคนอื่น” ผมถือโอกาสอ่อยหลี่ลี่เจียวจริงๆ แล้วภายในใจรู้สึกกระสับ
“พี่ลี่เจียว ผม...โถ่ ปากผมนี่มันโง่เกินไปแล้ว พี่ลี่เจียวพี่ตีผมเถอะ ”ผมรู้สึกว่าตัวเองอธิบายได้มั่วซั่วมาก แถมยังไม่เหมือนว่ากำลังอธิบายอยู่ด้วยแม้ว่าไม่ได้มีความสามารถอย่างพี่สะใภ้ แต่ก็ยังอ่อยคนได้เหมือนพี่สะใภ้ ควรทำให้ได้อย่างนี้สิผมนี่เกลียดตัวเองจริง ๆหลี่ลี่เจียวมองมาที่ผม ทันใดนั้นก็หัวเราะคิกคักออกมาผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลยเพราะผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าภายในใจของหลี่ลี่เจียวตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ จึงทำให้ผมรู้สึกหวั่นใจมากผมถามออกไปอย่างเคอะเขิน "พี่ลี่เจียว พี่หัวเราะอะไร"“ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่คิดว่าเธอน่ารักดี”“พี่สะใภ้เธอฉลาดทันคน ส่วนพี่ชายเธอก็มากความสามารถ”“คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะซื่อสัตย์ขนาดนี้”“แต่พูดตามตรง เธอเองก็ทำเรื่องพรรค์นั้นเป็นนี่”ใบหน้าของหลี่ลี่เจียวแดงระเรื่อขึ้นมา ทั้งที่กล่าวออกไปอย่างเหนียมอาย ผมเข้าไปใกล้หลี่ลี่เจียวมากขึ้น ก่อนจะพูดด้วยเสียงแหบพร่า "พี่ลี่เจียว ผู้ชายที่ทำแบบนั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเป็นคนซื่อสัตย์นะ"“ก็แค่มีความต้องการที่ยากจะระบายมันออกมา แล้วก็ทำเลย”“มันก็เหมือนกับการเข้าห้องน้ำปกติ”“ไม่อย่างนั้นจ
“พี่สะใภ้ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ” ผมรีบแสดงความคิดเห็นออกมาพี่สะใภ้ยิ้มพร้อมพูดออกมาว่า "พี่รู้น่า เพราะว่าเธอไม่เหมือนพวกผู้ชายน่ารังเกียจพวกนั้น"“อีกอย่างเป็นเพราะว่าเธอทั้งซื่อสัตย์ทั้งจริงใจ แถมยังใจดีอีก อย่างนั้นพี่ถึงให้เธอไปทำอย่างว่ากับเพื่อนสนิทของพี่ได้น่ะสิ”“แต่หวังเจี้ยนกั๋วไม่ใช่ เขาออกไปหาเมียน้อยนอกบ้านเหมือนกัน แถมยังอยากจะใช้เล่ห์เหลี่ยมจัญไรนี่เพื่อหย่ากับหลี่ลี่เจียงอีก”“ถ้าหากว่าตอนแรกเขาไม่ได้เจอกับพวกเรา แล้วไปเจอกับผู้ชายอื่นอะไรก็ไม่รู้เองข้างนอก งั้นหลี่ลี่เจียวก็น่าจะตกที่นั่งลำบากแล้วสิ”“ที่หวังเจี้ยนกั๋วทำแบบนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะอยากจะหย่าให้เร็วที่สุด สำคัญไปกว่านั้นคือ เขาเองก็รู้ว่าภรรยาของเขานั้นหิวกระหายมาก ต้องการถูกผู้ชายทำให้ขึ้นสวรรค์”เมื่อได้ยินพี่สะใภ้พูดแบบนี้ ผมก็รู้สึกมีพลังขึ้นมาทันที“พี่สะใภ้ พี่หมายความว่า พี่ลี่เจียวไม่ใช่ว่าไม่อยาก แต่ด้วยชื่อเสียงและบุคลิกของเธอเอง จึงทำให้เธอเปิดใจได้ยากใช่ไหม”พี่สะใภ้พยักหน้าอย่างหนักแน่น“ใช่น่ะสิ ไม่งั้นพี่จะคอยให้เธอช่วยทำให้เธอเปิดใจอยู่เรื่อยทำไม?”“กล้าพนันได้เลย ว่าตอนดึก