Share

บทที่ 7

“อืม งั้นเธอพักผ่อนเถอะ” พี่สะใภ้วางสาย

ผมรีบถามเธออย่างร้อนรน “พี่ลี่เจียวพูดอะไรไหม?”

พี่สะใภ้ทอดถอนใจ “หลี่ลี่เจียวไม่ยอมพูดอะไรเลย เธอบอกแค่ว่าไม่สบาย ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน”

ผมถอนหายใจยาว ๆ อย่างโล่งอก “งั้นก็ดี ดีแล้วล่ะ”

พี่สะใภ้เขกหัวผมหนึ่งที “ดีบ้าอะไรล่ะ?”

ผมตอบกลับด้วยความไม่เข้าใจ “พี่ลี่เจียวไม่พูดอะไร งั้นผมก็ไม่ต้องอายแล้วน่ะสิ”

“เพราะเธอไม่พูด นั่นก็แปลว่าเรื่องเมื่อกี้ไม่ได้เกิดขึ้นงั้นเหรอ?”

“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ยิ่งเธอไม่พูด เรื่องนั้นก็จะยิ่งฝังลึกลงไปในหัวของเธอ”

“อาจถึงขั้นทุก ๆ ครั้งที่เจอหน้าเธอ สมองของหลี่ลี่เจียวก็จะปรากฏภาพที่เธอกำลังทำเรื่องแบบนั้นในรถก็ได้”

จู่ ๆ ผมก็รู้สึกว่าที่พี่สะใภ้พูดมาก็มีเหตุผลเป็นอย่างมาก

มันก็เหมือนกับตอนที่ผมแอบได้ยินพี่ชายกับพี่สะใภ้ทำเรื่องแบบนั้นกัน

ทำให้ทุก ๆ ครั้งที่พี่สะใภ้ทำอะไรที่ดูมีลับลมคมใน ผมก็จะนึกถึงภาพบนเตียงของเธอขึ้นมาทันทีอย่างอดไม่ได้

ผมถามพี่สะใภ้ด้วยความใจร้อน “แล้วจะทำยังไงดี?”

พี่สะใภ้ครุ่นคิดไปสักพัก “หลี่ลี่เจียวปากแข็งเกินไป จะให้เธอพูดเรื่องนั้นออกมาคงเป็นไปไม่ได้”

“ผู้หญิงคนหนึ่งที่แม้แต่ปากยังไม่ยอมเปิด แล้วจะยอมเปิดร่างกายได้ยังไง?”

“เพราะฉะนั้น ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะเปลี่ยนวิธี”

“วิธีอะไร!” ผมถาม

“ค่อย ๆ ลากเธอให้เข้ามาติดกับ” พี่สะใภ้พูดพร้อมรอยยิ้ม

ผมไม่ค่อยเข้าใจที่เธอพูด

พี่สะใภ้โบกมือ “กินข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะค่อย ๆ สอนเธอทีหลัง”

พี่สะใภ้สั่งอาหารมาเยอะมากทำให้ผมอิ่มจนจุก

อีกทั้งเธอยังบอกว่าเมื่อกี้ผมเสียแรงไปเยอะ ต้องเติมพลังสักหน่อย

“ฉันส่งวิดีโอให้เธอดูก็เพื่อให้เธอได้เรียนรู้ ไม่ใช่ให้เธอเอามันโยนทิ้งไปเปล่า”

“จากนี้ไปห้ามช่วยตัวเองอีก ถ้าเธอทนไม่ไหวจริง ๆ พี่สะใภ้คนนี้จะช่วยเธอเอง ได้ยินไหม?”

ผมรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ผมอยากถามเธอเป็นอย่างมากว่าจะช่วยผมยังไง?

แต่ผมก็คิดว่าที่เธอไม่อธิบาย เพราะอาจจะอยากเซอร์ไพรส์ผมก็ได้ ผมจึงไม่ได้ถามออกไป

ผมจึงตอบกลับไปเบา ๆ “เข้าใจแล้ว”

พี่สะใภ้คีบอาหารให้ผม

แต่จิตใจผมกลับไม่อยู่กับการกินข้าวเลย

ในหัวของผมเต็มไปด้วยคำพูดของพี่สะใภ้เมื่อครู่

หลังจากกินข้าวเสร็จ พวกเราก็เตรียมตัวกลับ

เพราะครั้งนี้ไม่มีหลี่ลี่เจียว พี่สะใภ้จึงต้องขับรถเอง

ผมรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เพราะกลัวว่าพี่สะใภ้จะเห็นรอยบนเบาะ

และสุดท้ายก็โชคไม่ดีจริง ๆ พี่สะใภ้เจอจนได้

“ไอ้เด็กนี่ ทำรถเปื้อนเหรอ?”

“พี่สะใภ้ ผม ผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมรู้สึกอับอายมากจริง ๆ

พี่สะใภ้ไม่ได้ตำหนิผม เธอบ่นพึมพำ “พี่ชายเธออยากจะทำแบบนี้แต่ยังไม่ได้ทำ แต่เธอกลับโยนทิ้งไปทั่วซะนี่ พวกเธอควรจะสลับกันจริงๆ”

“ขึ้นรถเถอะ”

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกเราก็กลับมาถึงบ้าน

พี่สะใภ้บอกให้ผมไปพักผ่อน

ส่วนเธอกลับนั่งเล่นโทรศัพท์บนโซฟา

ผมเองก็เหนื่อยมากจริง ๆ จึงกลับไปพักผ่อนที่ห้อง

และไม่รู้ว่าตัวเองนอนหลับไปนานเท่าไหร่ ในขณะที่ผมกำลังสลึมสลือ ผมก็ได้ยินเสียง ‘กึก’ ของเตียงที่ถูกแรงกระแทกดังขึ้นอีกครั้ง

ผมขยี้ตาก่อนจะลุกขึ้นมานั่งฟังเสียงนั้นดี ๆ ก่อนจะพบว่ามันดังมาจากห้องนอนของพี่ชายและพี่สะใภ้

ในระหว่างนั้น ผมก็ได้ยินเสียง ‘อ๊า’ ของพี่ชายตัวเอง

ผมอดไม่ได้ที่จะเอาหูไปแนบที่กำแพง เพราะต้องการฟังเสียงของพี่สะใภ้

แต่เสียง ‘กึก’ ดังขึ้นไม่นานก็หยุดลง

จากนั้นก็ได้ยินเสียงพี่สะใภ้ตะโกนด้วยความโกรธ “นี่น่ะเหรอยาที่คุณบอกว่าเป็นยาวิเศษ? เฉินเว่ยตง คุณโดนหลอกใช่ไหม?”

“เป็นไปไม่ได้ ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ล่ะ? ตอนที่ผมลองมันก็ได้ผลดีจะตาย”

“ลอง? นายไปลองที่ไหน ลองกับใคร?”

“นี่ ยานี้ฉันซื้อมาจากข้างถนน ฉันจะไปลองกับใครได้?”

“ฉันก็แค่กินยาตัวนี้เข้าไปแล้วรู้สึกดีมาก ก็เลยรีบกลับมาลองใช้กับเธอ”

“ใครจะรู้ล่ะ...”

เมื่อได้ยินพี่ชายและพี่สะใภ้ทะเลาะกันอีกครั้ง ผมก็รู้สึกสงสารพี่ชายขึ้นมาจับใจ

เพิ่งจะอายุสามสิบก็ไร้ประสิทธิภาพซะแล้ว เขาคงจะเจ็บปวดมาก

ไม่อย่างนั้นคงจะไม่เชื่อคำโกหกและซื้อยาวิเศษณ์อะไรนั่นมาหรอก

พี่สะใภ้ผลักประตูออกอย่างแรง ก่อนจะเดินเข้าห้องครัวไป

และอีกไม่นาน พี่ชายก็เดินออกไปเช่นกัน

เขาคงจะออกจากไปข้างนอก

เดาว่าน่าจะรู้สึกเสียใจมาก

ผมคิดว่าถ้าแบ่งกำลังของผมไปให้พี่ชายได้สักครึ่งหนึ่งก็คงดี

ในขณะที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อย จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เอ้อร์โก่วตื่นหรือยัง?”

ผมรีบแสร้งทำเป็นหลับทันที

เมื่อพี่สะใภ้เห็นว่าผมไม่ลุกไปเปิดประตู เธอจึงเป็นฝ่ายเปิดเข้ามาเอง

จู่ ๆ ผมก็คิดขึ้นมาได้ว่า ตอนที่ผมกลับ ผมได้ถอดเสื้อและกางเกงออกจนหมด เหลือไว้เพียงกางเกงในตัวเดียว

แถมยังไม่ได้ห่มผ้า

ถ้าพี่สะใภ้เข้ามา เธอก็ต้องเห็นผมเปลือยหมดสิ

แต่ถ้าจะให้ไปห่มผ้าตอนนี้ ก็จะถูกพี่สะใภ้จับได้ว่าแกล้งหลับ

ผมจึงทำได้เพียงกัดฟันแกล้งหลับต่อไป

หวังว่าถ้าพี่สะใภ้เห็นแล้วจะรีบออกไป

แต่ผมกลับได้ยินเสียงพี่สะใภ้เดินเข้ามาที่เตียง จากนั้นเธอก็นั่งลงบนเตียงของผม

ใจของผมเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมา

จากนั้น นิ้วมือนุ่ม ๆ ของพี่สะใภ้ก็วางลงที่หน้าอกผม

ก่อนจะค่อย ๆ ลูบลงไปตามหน้าอกอย่างช้า ๆ เพื่อมุ่งหน้าไปยังจุด ๆ หนึ่ง

ร่างกายของผมแข็งทื่อ เลือดถูกสูบฉีดอย่างแรง

นิ้วมือของพี่สะใภ้นุ่มมากจริง ๆ

และที่สำคัญที่สุดคือ นิ้วของเธอราวกับตั้งใจที่จะเลื่อนลงไปเพื่อสำรวจจุด ๆ หนึ่งของผม

ความรู้สึกถูกลักหลับแบบนี้ทำให้ผมตื่นเต้นจนหาอะไรมาเปรียบไม่ได้

ผมอยากให้เธอเลื่อนลงไปสำรวจเรื่อย ๆ

และหวังว่าเธอจะทำในสิ่งที่ผมไม่กล้าจินตนาการ

“เลิกแกล้งหลับได้แล้ว ตื่นเถอะ”

ในขณะที่ผมกำลังจินตนาการไปไกล จู่ ๆ พี่สะใภ้ก็หยิกเข้าที่ต้นขาของผม

ผมเจ็บจนต้องร้อง “โอ๊ย” และลุกขึ้นมาทันที

ผมแกล้งทำเป็นว่าตัวเองเพิ่งตื่น อีกทั้งยังขยี้ตาเบา ๆ “พี่สะใภ้ ทำไมมาอยู่ที่นี่?”

“ที่บ้านไม่มีซีอิ๊วแล้ว เธอลงไปซื้อมาให้ขวดหนึ่งสิ”

“โอเค ได้ เดี๋ยวผมจะลุกแล้ว”

พี่สะใภ้จ้องตรงมาที่ผม “ลุกสิ ทำไมยังไม่ลุกอีก?”

“พี่สะใภ้ ผม ผมไม่ได้ใส่เสื้อผ้า พี่ออกไปก่อนเถอะ”

“ไอ้จ้อนของเธอน่ะนะ ฉันเห็นตั้งแต่มันนอนนิ่ง ๆ จนขยายออกหมดแล้ว มีอะไรต้องปิด? ยังจะมาแสดงต่อหน้าฉันอีก”

ผมรู้แล้วว่าทำไมพี่สะใภ้ถึงรู้ว่าผมแกล้งหลับ

ที่แท้เธอก็เห็นปฏิกิริยาของผมนี่เอง

ผมรู้สึกอายมาก

คิดว่าตัวเองแสดงละครเก่งเสียอีก ไม่คิดเลยว่าที่ร่างกายกลับมาทรยศกันได้

พี่สะใภ้ยื่นกางเกงมากให้ผม จากนั้นก็มองผมนิ่ง ๆ ก่อนจะถามขึ้น “เธอคิดว่าต้องทำยังไง พี่ชายของเธอถึงจะเก่งเหมือนเธอ?”

“พี่สะใภ้ ผมว่าช่วงนี้พี่ชายผมคงเหนื่อยมาก พี่ให้เขาพักสักหน่อยดีไหม?” ผมพยายามพูดแก้ต่างให้พี่ชาย

พี่สะใภ้พูดแทรกขึ้น “พี่ชายของเธอไม่ใช่เพิ่งไม่ไหว แต่ไม่ไหวมาตลอด”

“บอกตรง ๆ เลยนะ เขาไม่ถึงครึ่งของเธอด้วยซ้ำ”

“ทุก ๆ ครั้งที่ใส่เข้าไป ฉันไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ”

ผมคิดในใจว่าเป็นไปไม่ได้หรอก พี่ชายผมไม่ใช่ไม้จิ้มฟันนะ ทำไมถึงไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ?

ระหว่างที่พี่สะใภ้พูด เธอก็มองมาที่ผมอีกครั้ง “ไม่เหมือนเธอ ทุกครั้งที่ฉันเห็นของเธอ มันทำให้ฉันนึกถึงปืนกลที่เขียนในนิยายรักโรแมนติก”

พี่สะใภ้พูดพร้อมกับสายตาที่เป็นประกาย

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status