ความคิดที่บ้าบิ่นปรากฏขึ้นในหัวผมอีกครั้งนั่นก็คือ ทุก ๆ ครั้งที่พี่สะใภ้ยั่วหรือแกล้งผม ผมไม่เคยตอบโต้เลยสักครั้งผมควรจะสู้กลับสักครั้งดีไหมนะ?พี่สะใภ้มักจะบอกให้ผมลองเปิดใจไม่ใช่เหรอถ้าผมไม่ลอง แล้วผมจะเปิดใจได้ยังไง?เพราะแบบนี้ผมจึงดึงกางเกงลงครึ่งหนึ่ง ก่อนจะพูดกับพี่สะใภ้ “พี่สะใภ้ ผมทรมานมาก ก่อนหน้านี้พี่บอกว่าถ้าผมทรมานมาก พี่จะช่วยผมไม่ใช่เหรอ”เมื่อพูดจบ หัวใจของผมก็เต้นระรัวและรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากนี่เป็นครั้งแรกที่ผมพูดแบบนี้กับพี่สะใภ้ ผมไม่มั่นใจเลย“ฉันยังต้องทำกับข้าวอยู่นะ” เมื่อเห็นว่าใบหน้าของพี่สะใภ้ขึ้นริ้วแดง และตอบกลับผมด้วยท่าทีเขินอายนี่ทำให้ผมทั้งตกใจและดีใจพี่สะใภ้ไม่ได้ปฏิเสธผมตรง ๆ นั่นแสดงว่าผมยังมีโอกาสผมพูดอย่างใจกล้าอีกครั้ง “ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยล้างก็ได้”พูดจบ ผมก็มีความกล้าขึ้นอีกขั้น ผมจับมือพี่สะใภ้เอาไว้ตอนที่ผมได้สัมผัสมือของเธอ ผมรู้สึกถึงความนุ่มและลื่น ราวกับไม่มีข้อกระดูกนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสมือของผู้หญิงจึงทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากพี่สะใภ้ที่ถูกผมดึงมือไปจับก็ไม่ได้ปฏิเสธ อีกทั้งยังดูเหมือนเพลิดเพล
“พี่ห้ามเอาเรื่องเมื่อกี้ไปบอกพี่ชายของผมเด็ดขาดเลยนะ”พี่สะใภ้พูดพร้อมกับช่วยผมดึงกางเกงขึ้น “แน่นอนสิ ฉันไม่บอกพี่ชายเธอหรอก แต่เมื่อกี้เธอทำได้ดีมากเลยนะ”“เธอไม่เพียงแต่ต้องทำแบบนี้ต่อหน้าฉัน แต่ยังต้องทำต่อหน้าหลี่ลี่เจียวด้วย”“ผู้ชายยิ่งเลว ผู้หญิงยิ่งชอบ”“ถึงขั้นที่บางที ในสถานการณ์จำเป็น หากต้องใช้กำลังบ้างก็ไม่เป็นไร”ผมถามอย่างผิดหวัง “พี่สะใภ้ พี่ทำขนาดนี้เพื่อให้ผมเปิดใจเท่านั้นงั้นเหรอ?”“ไม่งั้นจะเพื่ออะไรล่ะ? เธอคงไม่คิดว่าฉันอยากมีอะไรกับเธอหรอกใช่ไหม?”ผมรู้สึกแย่เป็นอย่างมากผมส่ายหน้าเนือย ๆ อย่างหมดแรง “ไม่”ผมรู้ว่าตัวเองไม่ควรรู้สึกผิดหวัง แต่ในตอนนี้ ผมควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้โดยเฉพาะตอนที่พี่สะใภ้ช่วยดึงกางเกงและจัดเสื้อผ้าให้ผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นราวกับว่าในสายตาของเธอ ทุก ๆ ปฏิกิริยาของผมในเป็นแค่เด็กผมไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยผมโตและมีความปรารถนามากขนาดนี้ ทำไมพี่สะใภ้ถึงมองข้ามมันล่ะ?เธอไม่ต้องการผมบ้างเลยจริง ๆ งั้นเหรอผมนึกถึงคำพูดของเธอเมื่อครู่ผู้ชายยิ่งเลว ผู้หญิงยิ่งชอบงั้นฉันต้องทำเรื่องเลว ๆ กับพี่สะใภ้บ้างใช่ไหม ถึง
พี่สะใภ้มองตามแผ่นหลังที่เดินจากไปของผม เธอหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้งเธอรู้สึกอยากย้อนกลับไปตอนที่ผมกอดเธอเป็นอย่างมากอ้อมกอดของผมกว้าง อีกทั้งแขนก็มีกล้ามตอนที่ผมกอดรัดเธอ ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเราแนบชิดกันเป็นอย่างมากทำให้เธอหายใจเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัวตอนนี้พี่สะใภ้ไม่มีกะจิตกะใจจะทำกับข้าวแล้วเธอนั่งลงบนเตียงของผม และลูบไล้ไปยังบริเวณที่ผมนอนเมื่อครู่ผ้าปูที่นอนยังคงหลงเหลือไอร้อนจากร่างกายของผมอยู่พอลูบไปเรื่อย ๆ พี่สะใภ้ก็ทนไม่ไหว เธอจึงนอนลงไปราวกับว่าเธอกำลังรู้สึกเหมือนนอนอยู่ในอ้อมแขนของผมเธอไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้สัมผัสอ้อมกอดของผู้ชายที่กว้างและแข็งแรงแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วสิ่งนี้ทำให้พี่สะใภ้รู้สึกหลงใหลและปรารถนาเป็นอย่างมากเธอดึงผ้าห่มของผมมาคลุมตัวเองความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อนกำลังโจมตีเธอจากนั้น มือของเธอก็ล้วงเข้าไปในเสื้อโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่มีเสียงหายใจหอบถี่จะดังขึ้น……ตอนแรกผมแค่อยากแกล้งพี่สะใภ้เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายจะต้องหนีออกมาแบบนี้อย่างแรกเป็นเพราะผมมีความกล้าไม่มากพอและอย่างที่สอง ต่อให้ผมแกล้งเธอสำเร็จแล้วจะทำยังไงต่อ ย
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นจนอยู่ไม่เป็นสุขของหลี่ลี่เจียวแล้ว ผมก็ก้มหน้าลงแล้วเผยยิ้มออกมา "ผมรู้น่า ผมรู้"“พี่ลี่เจียว ผมก็แค่อยากจะทักทายพี่เท่านั้นเอง”“แล้วก็เมื่อกี้ที่พี่ไม่สนใจผม ใจของผมมันร้อนรนไปหมด แบบนี้เลย”หลี่ลี่เจียวมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ไม่เป็นธรรมชาติ “พี่จะสนใจหรือไม่สนใจเธอ แล้วมันสำคัญตรงไหน?”“แน่นอนว่าสำคัญสิครับ” ผมพูดโดยไม่ลังเล จากนั้นก็สังเกตเห็นสายตาที่ดูไม่เป็นธรรมชาติของหลี่ลี่เจียวในความไม่สงบนิ่งที่ยังแฝงความเขินอายอยู่เล็กน้อย น่าซาบซึ้งใจอย่างมากผมนึกถึงสิ่งที่เพิ่งพูดกับพี่สะใภ้ไปผู้ชายเมื่อตอนไล่ล่าผู้หญิง จะต้องไม่จริงจัง หรือสุภาพจนเกินไปแม้ว่าบางครั้งจะต้องทำตัวเหมือนคนเลวก็ตามทางลี่เจียวเองในตอนนี้ก็ดูขวยเขินอย่างเห็นได้ชัด ดูไม่ได้โกรธหรือโมโหเลยกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สำหรับเรื่องเมื่อเช้าแล้ว เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยเพียงแค่จู่ ๆ ก็เห็นคนแปลกหน้าคนหนึ่งทำเรื่องแบบนั้นเข้า จึงรู้สึกทั้งเขินทั้งอายอย่างมาก “พี่ลี่เจียวสำหรับผมแล้ว เป็นคนที่ดูแตกต่างออกไป ไม่เหมือนคนอื่น” ผมถือโอกาสอ่อยหลี่ลี่เจียวจริงๆ แล้วภายในใจรู้สึกกระสับ
“พี่ลี่เจียว ผม...โถ่ ปากผมนี่มันโง่เกินไปแล้ว พี่ลี่เจียวพี่ตีผมเถอะ ”ผมรู้สึกว่าตัวเองอธิบายได้มั่วซั่วมาก แถมยังไม่เหมือนว่ากำลังอธิบายอยู่ด้วยแม้ว่าไม่ได้มีความสามารถอย่างพี่สะใภ้ แต่ก็ยังอ่อยคนได้เหมือนพี่สะใภ้ ควรทำให้ได้อย่างนี้สิผมนี่เกลียดตัวเองจริง ๆหลี่ลี่เจียวมองมาที่ผม ทันใดนั้นก็หัวเราะคิกคักออกมาผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลยเพราะผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าภายในใจของหลี่ลี่เจียวตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ จึงทำให้ผมรู้สึกหวั่นใจมากผมถามออกไปอย่างเคอะเขิน "พี่ลี่เจียว พี่หัวเราะอะไร"“ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่คิดว่าเธอน่ารักดี”“พี่สะใภ้เธอฉลาดทันคน ส่วนพี่ชายเธอก็มากความสามารถ”“คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะซื่อสัตย์ขนาดนี้”“แต่พูดตามตรง เธอเองก็ทำเรื่องพรรค์นั้นเป็นนี่”ใบหน้าของหลี่ลี่เจียวแดงระเรื่อขึ้นมา ทั้งที่กล่าวออกไปอย่างเหนียมอาย ผมเข้าไปใกล้หลี่ลี่เจียวมากขึ้น ก่อนจะพูดด้วยเสียงแหบพร่า "พี่ลี่เจียว ผู้ชายที่ทำแบบนั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเป็นคนซื่อสัตย์นะ"“ก็แค่มีความต้องการที่ยากจะระบายมันออกมา แล้วก็ทำเลย”“มันก็เหมือนกับการเข้าห้องน้ำปกติ”“ไม่อย่างนั้นจ
“พี่สะใภ้ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ” ผมรีบแสดงความคิดเห็นออกมาพี่สะใภ้ยิ้มพร้อมพูดออกมาว่า "พี่รู้น่า เพราะว่าเธอไม่เหมือนพวกผู้ชายน่ารังเกียจพวกนั้น"“อีกอย่างเป็นเพราะว่าเธอทั้งซื่อสัตย์ทั้งจริงใจ แถมยังใจดีอีก อย่างนั้นพี่ถึงให้เธอไปทำอย่างว่ากับเพื่อนสนิทของพี่ได้น่ะสิ”“แต่หวังเจี้ยนกั๋วไม่ใช่ เขาออกไปหาเมียน้อยนอกบ้านเหมือนกัน แถมยังอยากจะใช้เล่ห์เหลี่ยมจัญไรนี่เพื่อหย่ากับหลี่ลี่เจียงอีก”“ถ้าหากว่าตอนแรกเขาไม่ได้เจอกับพวกเรา แล้วไปเจอกับผู้ชายอื่นอะไรก็ไม่รู้เองข้างนอก งั้นหลี่ลี่เจียวก็น่าจะตกที่นั่งลำบากแล้วสิ”“ที่หวังเจี้ยนกั๋วทำแบบนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะอยากจะหย่าให้เร็วที่สุด สำคัญไปกว่านั้นคือ เขาเองก็รู้ว่าภรรยาของเขานั้นหิวกระหายมาก ต้องการถูกผู้ชายทำให้ขึ้นสวรรค์”เมื่อได้ยินพี่สะใภ้พูดแบบนี้ ผมก็รู้สึกมีพลังขึ้นมาทันที“พี่สะใภ้ พี่หมายความว่า พี่ลี่เจียวไม่ใช่ว่าไม่อยาก แต่ด้วยชื่อเสียงและบุคลิกของเธอเอง จึงทำให้เธอเปิดใจได้ยากใช่ไหม”พี่สะใภ้พยักหน้าอย่างหนักแน่น“ใช่น่ะสิ ไม่งั้นพี่จะคอยให้เธอช่วยทำให้เธอเปิดใจอยู่เรื่อยทำไม?”“กล้าพนันได้เลย ว่าตอนดึก
หัวใจผมรู้สึกคันยุบยิบสาเหตุหลักมาจากที่พี่สะใภ้บอกว่าจะช่วยผม แต่ผลที่เกิดขึ้นกลับเป็นแบบนี้ ถ้าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้พูดกับผมแบบนั้น หัวใจผมก็คงไม่คันยุบยิบขนาดนี้หรอกผมมองดูพี่สะใภ้ แล้วพูดออกไปด้วยความกล้าอย่างมากว่า "พี่สะใภ้ หรือว่าพี่มาช่วยผมอาบหน่อยสิ"“หืม? ให้พี่ช่วยเธออาบเหรอ?”"แล้วพี่คิดว่ายังไงล่ะ?"ผมพูดตามที่ใจคิดจริง ๆ ว่า "จริงๆ แล้วผมไม่ได้อยากให้พี่ช่วยผมอาบหรอก พี่แค่ช่วยผมถูหลังหน่อยก็พอ"“นั่นก็ไม่ได้เหมือนกัน” พี่สะใภ้ปฏิเสธลูกเดียว ทำให้ผมอึดอัดอยู่ในใจ “ทำไมล่ะ?” ผมเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์พี่สะใภ้ตอบว่า "เธอเองก็โตขนาดนี้แล้ว แก้ผ้ายืนท่นโท่อยู่นั่น เธอคิดว่ามันเหมาะสมแล้วเหรอ? ““แต่ก่อนที่ผมจะใส่กางเกงใน ก็ไม่ใช่ว่าพี่เคยเห็นมันมาแล้วเหรอ?” ผมกระซิบเบาๆ รู้สึกว่ายังไม่อยากยอมแพ้ แค่อยากจะให้พี่สะใภ้เข้าไปกับผมด้วย พี่สะใภ้ดีดหน้าผากของผมเข้าจัง “เธอก็พูดแล้วนี่ ว่าเมื่อกี้เธอใส่กางเกงอยู่ เดี๋ยวตอนอาบน้ำก็ต้องถอดจนหมด เหมือนกันตรงไหน?”“อะไรที่ไม่เหมือน?” ผมพึมพำอย่างไม่ยอมแพ้ ใจคิดว่าคงไม่ได้ถอดออกแค่ผ้าชิ้นเดียวหรอกมั้ง สิ่งที่พี่ควรดูก็ไม่ไ
หลังจากที่ผมเข้ามาให้ห้องน้ำ ผมก็เริ่มถอดเสื้อออก จากนั้นก็ถอดกางเกง พี่สะใภ้ยืนมองผมอยู่ข้าง ๆ พูดตามตรง ผมเองก็ยังเขินมากเช่นกัน รู้สึกเหมือนว่าวินาทีถัดไปที่พวกเราจะทำอะไรกันเลยแถมพี่สะใภ้ยังใส่เสื้อผ้าบางเบา จึงทำให้ริมฝีปากของผมแห้งผากไม่นาน ผมก็ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออก เหลือไว้เพียงแค่กางเกงในตัวเดียวแถมยังถูกยกให้ตึงขึ้นสูงอีกผมยังคงรู้สึกขวยเขินอยู่เล็กน้อย ไม่กล้าสู้หน้ากับพี่สะใภ้โดยตรง ผมเปิดฝักบัว น้ำเย็นก็ไหลลงมาบนร่างกายของผม ผมแค่รู้สึกนิดหน่อยแต่ก็ไม่ถึงขั้นหนาว ภายในใจยังคงเร่าร้อนพี่สะใภ้หยิบผ้าขึ้นมาเริ่มถูหลังให้ผม “ย่อลงหน่อย เธอสูงขนาดนี้ พี่จะเอื้อมยังไงถึง”พี่สะใภ้ตบลงบนก้นผม ทำให้ผมสะท้านไปทั้งตัว หัวใจของฉันยิ่งร้อนขึ้นอย่างกระสับกระส่ายแต่ผมบอกตัวเองเสมอว่า คนที่อยู่ข้างหลังคือผู้หญิงของพี่ตง แล้วก็เป็นพี่สะใภ้ของผมอีกด้วย ผมไม่สามารถคิดอกุศลกับเธอได้ เธอช่วยผมถูหลังได้ ผมก็ขอบคุณทั้งฟ้าทั้งสวรรค์แล้วแหละ ผมทำตามที่พี่สะใภ้พูด ก้มลงให้เอวพาดอยู่บนอ่างล้างมือ พี่สะใภ้ที่ยืนอยู่ข้างกายผม ก็เริ่มถูหลังให้ผม ตอนที่พี่สะใภ้ขยับถูให้ผมอ