กางเกงในตัวนี้นุ่มและลื่น ด้านบนเหมือนว่ายังมีกลิ่นของพี่สะใภ้หลงเหลืออยู่สัมผัสกางเกงในในมือ ผมอดคิดถึงภาพที่เมื่อเช้าแอบได้ยินขึ้นมาอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้นี่ทำให้ผมตื่นเต้นและมีความสุขมากกว่าเดิมผมไม่สามารถมีอะไรกับพี่สะใภ้ได้จริงๆ แล้วจะยังเอาสิ่งของของเธอมาเพื่อจินตนาการหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?เมื่อคิดแบบนี้ ผมก็ปลดเข็มขัดออก แล้วนำกางเกงในตัวนั้นยัดเขาไปในขณะที่ผมกำลังจะใช้แม่นางทั้งห้าจัดการปัญหา จู่ๆ ด้านนอกประตูก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพักหนึ่งตกใจจนผมขวัญกระเจิง จนเกือบน้ำแตกในบ้านมีผมกับพี่สะใภ้แค่สองคนเท่านั้น คนที่เคาะประตูนั้น ก็คงจะเป็นพี่สะใภ้อย่างแน่นอนผมรีบหยิบกางเกงในตัวนั้นออกมา แล้ววางไว้บนราวแขวนผ้าขนหนูถึงได้กล่าวอย่างร้อนตัว “พี่สะใภ้ มีอะไรครับ?”“เอ้อร์โก่ว เธอกำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่ในนั้นใช่ไหม?” พี่สะใภ้ถามแบบนี้อย่างคาดไม่ถึง“หา? ผม ผมเปล่า” ผมร้อนตัวเป็นอย่างมาก“แล้วทำไมเสียงของเธอถึงสั่นเครือแบบนั้น?”คำถามเพียงประโยคเดียวของพี่สะใภ้ก็ทำให้ผมหวาดกลัวเป็นอย่างมากผมรู้สึกว่าเหงื่อแตกพลั่กๆ ถึงแม้ว่าพี่สะใภ้จะเป็นคนเปิดเผย แต่เธอเคยพู
หลังจากที่หลี่ลี่เจียวถอดกางเกงในของเธอออก ก็นำใส่ลงในกระเป๋าถือ จากนั้นก็มองออกนอกหน้าต่างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ว่าสีหน้าของเธอแดงก่ำ ขาทั้งสองข้างหนีบเข้าหากันแน่นผมมองจากในกระจกมองหลังก็สามารถมองเห็นท่าทางทั้งหมดของเธอได้พอดีท่าทางที่กระดากอายนั้น ช่างน่าหลงใหลจริง ๆโดยเฉพาะระหว่างขาทั้งสองข้างของเธอ ทำให้ผมเต็มไปด้วยจินตนาการพี่สะใภ้สุดยอดไปเลยจริง ๆ ไม่รู้ว่าพูดอะไรกับหลี่ลี่เจียว คิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถทำให้เธอแบบนั้นได้“ครืด ๆ ” จู่ ๆโทรศัพท์มือถือก็สั่นผมกดเปิดไลน์ พบว่าเป็นข้อความที่พี่สะใภ้ส่งมาให้ผมพี่สะใภ้ ‘เห็นหรือยัง?’ผมทั้งเขินอายทั้งตื่นเต้น ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี จึงตอบกลับพี่สะใภ้ด้วยสติกเกอร์หน้ายิ้มอันหนึ่งข้อความของพี่สะใภ้ส่งมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ‘หลี่ลี่เจียวเหมือนกับเธอ เขินอายอยู่เล็กน้อย แต่ฉันจะทำให้เธอค่อยๆ เปิดใจตัวเอง ตัวเธอเองก็ต้องรู้จักคว้าโอกาสล่ะ’ผมตอบ ‘ครับ’ในเวลาเดียวกันในใจก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พี่สะใภ้จะช่วยเหลือได้จริง ๆหลังจากที่ถึงห้างสรรพสินค้า พี่สะใภ้มักจะช่วยสร้างโอกาสให้ผมเสมอ ให้ผมได้เข้าไปใกล้หลี่ลี่เจียว
“อ๊า...”ความจริงตอนที่ผมช่วยตัวเองยังไม่รู้สึกว่ามันถึงใจมากขนาดนี้ ถึงขั้นที่อาจต้องรอสักพักกว่าจะปลดปล่อยออกมาอาจเป็นเพราะหลังจากที่เห็นหลี่ลี่เจียวแอบมองตอนผมตอนทำเรื่องแบบนั้น มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเร้าใจ ตื่นเต้น และถูกกระตุ้นมากยิ่งขึ้นจนมันพุ่งทะลักออกมาเพราะเมื่อครู่ผมทำโดยปราศจากเสื้อผ้าห่อหุ้มร่างกาย จึงไม่เปื้อนโดนกางเกงตัวเอง แต่มันกลับทำให้เบาะที่นั่งคนขับเลอะเป็นวงกว้างกระจายไปทุกที่ผมกังวลเป็นอย่างมากถ้าพี่สะใภ้เห็นขึ้นมา จะต้องน่าอายมากแน่ ๆ นี่คือรถที่เธอรักมากเสียด้วยเมื่อวานตอนที่เธอกับพี่ตงขับรถมารับผม เธอยังไม่ให้พี่ตงขับรถเธอเลย พี่ตงเล่าว่ารถคันนี้เป็นคนที่พี่สะใภ้ซื้อด้วยตัวเอง เธอเล็งมันมานานแล้ว และรักมันมากด้วยผมรีบหยิบกระดาษทิชชูจากที่นั่งข้าง ๆ คนขับมาทำความสะอาดทันทีแต่มันยังคงมีคราบเหลืออยู่ และไม่รู้ว่าหลังทานข้าวเสร็จจะแห้งไหม?ถ้าทิ้งคราบไว้แบบนี้ คงจะน่าอายเป็นอย่างมากพี่สะใภ้ให้มาเรียน แต่สุดท้ายผมกลับทำเรื่องแบบนั้นในรถที่เธอรักพี่สะใภ้จะต้องโกรธมากแน่ ๆ หลังจากที่เก็บรถแล้ว ผมก็จัดการกับตัวเองต่อแต่ผมยังคงนั่งอยู่ในรถไม
“อืม งั้นเธอพักผ่อนเถอะ” พี่สะใภ้วางสายผมรีบถามเธออย่างร้อนรน “พี่ลี่เจียวพูดอะไรไหม?”พี่สะใภ้ทอดถอนใจ “หลี่ลี่เจียวไม่ยอมพูดอะไรเลย เธอบอกแค่ว่าไม่สบาย ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน”ผมถอนหายใจยาว ๆ อย่างโล่งอก “งั้นก็ดี ดีแล้วล่ะ”พี่สะใภ้เขกหัวผมหนึ่งที “ดีบ้าอะไรล่ะ?”ผมตอบกลับด้วยความไม่เข้าใจ “พี่ลี่เจียวไม่พูดอะไร งั้นผมก็ไม่ต้องอายแล้วน่ะสิ”“เพราะเธอไม่พูด นั่นก็แปลว่าเรื่องเมื่อกี้ไม่ได้เกิดขึ้นงั้นเหรอ?”“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ยิ่งเธอไม่พูด เรื่องนั้นก็จะยิ่งฝังลึกลงไปในหัวของเธอ”“อาจถึงขั้นทุก ๆ ครั้งที่เจอหน้าเธอ สมองของหลี่ลี่เจียวก็จะปรากฏภาพที่เธอกำลังทำเรื่องแบบนั้นในรถก็ได้”จู่ ๆ ผมก็รู้สึกว่าที่พี่สะใภ้พูดมาก็มีเหตุผลเป็นอย่างมากมันก็เหมือนกับตอนที่ผมแอบได้ยินพี่ชายกับพี่สะใภ้ทำเรื่องแบบนั้นกันทำให้ทุก ๆ ครั้งที่พี่สะใภ้ทำอะไรที่ดูมีลับลมคมใน ผมก็จะนึกถึงภาพบนเตียงของเธอขึ้นมาทันทีอย่างอดไม่ได้ผมถามพี่สะใภ้ด้วยความใจร้อน “แล้วจะทำยังไงดี?”พี่สะใภ้ครุ่นคิดไปสักพัก “หลี่ลี่เจียวปากแข็งเกินไป จะให้เธอพูดเรื่องนั้นออกมาคงเป็นไปไม่ได้”“ผู้หญิงคนหนึ่งที่แม้แต่ป
ความคิดที่บ้าบิ่นปรากฏขึ้นในหัวผมอีกครั้งนั่นก็คือ ทุก ๆ ครั้งที่พี่สะใภ้ยั่วหรือแกล้งผม ผมไม่เคยตอบโต้เลยสักครั้งผมควรจะสู้กลับสักครั้งดีไหมนะ?พี่สะใภ้มักจะบอกให้ผมลองเปิดใจไม่ใช่เหรอถ้าผมไม่ลอง แล้วผมจะเปิดใจได้ยังไง?เพราะแบบนี้ผมจึงดึงกางเกงลงครึ่งหนึ่ง ก่อนจะพูดกับพี่สะใภ้ “พี่สะใภ้ ผมทรมานมาก ก่อนหน้านี้พี่บอกว่าถ้าผมทรมานมาก พี่จะช่วยผมไม่ใช่เหรอ”เมื่อพูดจบ หัวใจของผมก็เต้นระรัวและรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากนี่เป็นครั้งแรกที่ผมพูดแบบนี้กับพี่สะใภ้ ผมไม่มั่นใจเลย“ฉันยังต้องทำกับข้าวอยู่นะ” เมื่อเห็นว่าใบหน้าของพี่สะใภ้ขึ้นริ้วแดง และตอบกลับผมด้วยท่าทีเขินอายนี่ทำให้ผมทั้งตกใจและดีใจพี่สะใภ้ไม่ได้ปฏิเสธผมตรง ๆ นั่นแสดงว่าผมยังมีโอกาสผมพูดอย่างใจกล้าอีกครั้ง “ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยล้างก็ได้”พูดจบ ผมก็มีความกล้าขึ้นอีกขั้น ผมจับมือพี่สะใภ้เอาไว้ตอนที่ผมได้สัมผัสมือของเธอ ผมรู้สึกถึงความนุ่มและลื่น ราวกับไม่มีข้อกระดูกนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสมือของผู้หญิงจึงทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากพี่สะใภ้ที่ถูกผมดึงมือไปจับก็ไม่ได้ปฏิเสธ อีกทั้งยังดูเหมือนเพลิดเพล
“พี่ห้ามเอาเรื่องเมื่อกี้ไปบอกพี่ชายของผมเด็ดขาดเลยนะ”พี่สะใภ้พูดพร้อมกับช่วยผมดึงกางเกงขึ้น “แน่นอนสิ ฉันไม่บอกพี่ชายเธอหรอก แต่เมื่อกี้เธอทำได้ดีมากเลยนะ”“เธอไม่เพียงแต่ต้องทำแบบนี้ต่อหน้าฉัน แต่ยังต้องทำต่อหน้าหลี่ลี่เจียวด้วย”“ผู้ชายยิ่งเลว ผู้หญิงยิ่งชอบ”“ถึงขั้นที่บางที ในสถานการณ์จำเป็น หากต้องใช้กำลังบ้างก็ไม่เป็นไร”ผมถามอย่างผิดหวัง “พี่สะใภ้ พี่ทำขนาดนี้เพื่อให้ผมเปิดใจเท่านั้นงั้นเหรอ?”“ไม่งั้นจะเพื่ออะไรล่ะ? เธอคงไม่คิดว่าฉันอยากมีอะไรกับเธอหรอกใช่ไหม?”ผมรู้สึกแย่เป็นอย่างมากผมส่ายหน้าเนือย ๆ อย่างหมดแรง “ไม่”ผมรู้ว่าตัวเองไม่ควรรู้สึกผิดหวัง แต่ในตอนนี้ ผมควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้โดยเฉพาะตอนที่พี่สะใภ้ช่วยดึงกางเกงและจัดเสื้อผ้าให้ผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นราวกับว่าในสายตาของเธอ ทุก ๆ ปฏิกิริยาของผมในเป็นแค่เด็กผมไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยผมโตและมีความปรารถนามากขนาดนี้ ทำไมพี่สะใภ้ถึงมองข้ามมันล่ะ?เธอไม่ต้องการผมบ้างเลยจริง ๆ งั้นเหรอผมนึกถึงคำพูดของเธอเมื่อครู่ผู้ชายยิ่งเลว ผู้หญิงยิ่งชอบงั้นฉันต้องทำเรื่องเลว ๆ กับพี่สะใภ้บ้างใช่ไหม ถึง
พี่สะใภ้มองตามแผ่นหลังที่เดินจากไปของผม เธอหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้งเธอรู้สึกอยากย้อนกลับไปตอนที่ผมกอดเธอเป็นอย่างมากอ้อมกอดของผมกว้าง อีกทั้งแขนก็มีกล้ามตอนที่ผมกอดรัดเธอ ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเราแนบชิดกันเป็นอย่างมากทำให้เธอหายใจเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัวตอนนี้พี่สะใภ้ไม่มีกะจิตกะใจจะทำกับข้าวแล้วเธอนั่งลงบนเตียงของผม และลูบไล้ไปยังบริเวณที่ผมนอนเมื่อครู่ผ้าปูที่นอนยังคงหลงเหลือไอร้อนจากร่างกายของผมอยู่พอลูบไปเรื่อย ๆ พี่สะใภ้ก็ทนไม่ไหว เธอจึงนอนลงไปราวกับว่าเธอกำลังรู้สึกเหมือนนอนอยู่ในอ้อมแขนของผมเธอไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้สัมผัสอ้อมกอดของผู้ชายที่กว้างและแข็งแรงแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วสิ่งนี้ทำให้พี่สะใภ้รู้สึกหลงใหลและปรารถนาเป็นอย่างมากเธอดึงผ้าห่มของผมมาคลุมตัวเองความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อนกำลังโจมตีเธอจากนั้น มือของเธอก็ล้วงเข้าไปในเสื้อโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่มีเสียงหายใจหอบถี่จะดังขึ้น……ตอนแรกผมแค่อยากแกล้งพี่สะใภ้เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายจะต้องหนีออกมาแบบนี้อย่างแรกเป็นเพราะผมมีความกล้าไม่มากพอและอย่างที่สอง ต่อให้ผมแกล้งเธอสำเร็จแล้วจะทำยังไงต่อ ย
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นจนอยู่ไม่เป็นสุขของหลี่ลี่เจียวแล้ว ผมก็ก้มหน้าลงแล้วเผยยิ้มออกมา "ผมรู้น่า ผมรู้"“พี่ลี่เจียว ผมก็แค่อยากจะทักทายพี่เท่านั้นเอง”“แล้วก็เมื่อกี้ที่พี่ไม่สนใจผม ใจของผมมันร้อนรนไปหมด แบบนี้เลย”หลี่ลี่เจียวมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ไม่เป็นธรรมชาติ “พี่จะสนใจหรือไม่สนใจเธอ แล้วมันสำคัญตรงไหน?”“แน่นอนว่าสำคัญสิครับ” ผมพูดโดยไม่ลังเล จากนั้นก็สังเกตเห็นสายตาที่ดูไม่เป็นธรรมชาติของหลี่ลี่เจียวในความไม่สงบนิ่งที่ยังแฝงความเขินอายอยู่เล็กน้อย น่าซาบซึ้งใจอย่างมากผมนึกถึงสิ่งที่เพิ่งพูดกับพี่สะใภ้ไปผู้ชายเมื่อตอนไล่ล่าผู้หญิง จะต้องไม่จริงจัง หรือสุภาพจนเกินไปแม้ว่าบางครั้งจะต้องทำตัวเหมือนคนเลวก็ตามทางลี่เจียวเองในตอนนี้ก็ดูขวยเขินอย่างเห็นได้ชัด ดูไม่ได้โกรธหรือโมโหเลยกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สำหรับเรื่องเมื่อเช้าแล้ว เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยเพียงแค่จู่ ๆ ก็เห็นคนแปลกหน้าคนหนึ่งทำเรื่องแบบนั้นเข้า จึงรู้สึกทั้งเขินทั้งอายอย่างมาก “พี่ลี่เจียวสำหรับผมแล้ว เป็นคนที่ดูแตกต่างออกไป ไม่เหมือนคนอื่น” ผมถือโอกาสอ่อยหลี่ลี่เจียวจริงๆ แล้วภายในใจรู้สึกกระสับ