Share

บทที่ 9

ซู่เยียนยกมือขึ้นปราม ยั้งให้เขาหยุดพูดต่อ “พอแล้วล่ะ คุณไม่ต้องออกไปหรอก”

เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงใจไม้ไส้ระกำ ไม่ถึงขั้นปล่อยให้คนที่รักในงานต้องตกงานเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้อยู่แล้ว

เฉิงฮ่าวเงยหน้ามองด้วยความดีใจ ตื่นเต้นยินดีเกินบรรยาย “ขอบพระคุณนายหญิง นายหญิงช่างใจกว้าง เมตตาอารีย์ผู้คน กระผมเฉิงฮ่าวซาบซึ้งในบุญคุณจริงๆ จากนี้หากนายหญิงมีธุระอะไรโปรดสั่งการมา ผมจะคอยปรนนิบัติรับใช้ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ก็ไม่มีทางปฏิเสธครับ”

ซู่เยียนจิตใจสับสน ยื่นนาฬิกาข้อมือให้เฉิงฮ่าวอย่างใจลอย “คุณไม่จำเป็นต้องบุกน้ำลุยไปหรอก ช่วยฉันเอานาฬิกาข้อมมือนี้ไปให้โม่หนานเจ๋อก็พอ”

“ได้ครับ” เฉิงฮ่าวรับนาฬิกาข้อมือมา

ซู่เยียนถามอีกครั้ง “แถวนี้มีสถานีรถไฟหรือสนามบินไหม?”

เฉิงฮ่าวตื่นตกใจ “นายหญิง จะไปแล้วหรือ?”

ซู่เยียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น

แม้แต่วินาทีเดียวเธอก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ ดูสามีของตนแสดงความรักออกหน้าออกตากับหญิงอื่นอีกต่อไป

เธอไม่อยากทำร้ายตัวเอง

กลับไปอธิบายให้คุณย่าฟังดีๆ แล้วรีบจบการแต่งงานเฮงซวยนี่สักที

เฉินฮ่าวลังเลครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ย "นายหญิง พรุ่งนี้ผมจะยื่นเรื่องขอลาหยุดแล้วไปส่งนายหญิงกลับไปเองก็แล้วกัน ขับรถไปต้องใช้เวลา6ชั่วโมงกว่าจะถึงเมืองเฟิ่ง"

"ได้ ขอบคุณมาก"ซู่เยียนฝืนยิ้มบาง เสียงแผ่วเบาไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ไม่มีอะไรน่าเสียใจไปกว่าการยอมแพ้แล้ว

เธอออกจากสนามฝึกไปด้วยสภาพจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

แสงตะวันอบอุ่นยามเย็น นุ่มนวลชวนให้สบายใจ กำลังทอแสงเรืองรองทั่วฟ้า

ซู่เยียนหลบมาอ่านหนังสือในห้องเพื่อฆ่าเวลา มื้อเที่ยงไม่ได้ทาน มองดูเวลาอีกทีก็เกือบถึงมื้อเย็นแล้ว

เธอออกจากห้อว เดินไปตามโถงทางเดินใหญ่ของโรงอาหาร

ระหว่างทาง ซู่เยียนบังเอิญเจอโม่หนานเจ๋อ ข้างหลังเขายังมีโหลวชิงแลเฉิงฮ่าวผู้ช่วยพิเศษสองคนคอยประกบตามติด

ผู้ช่วยพิเศษทั้งสองเอ่ยปากทักทายพร้อมกัน “สวัสดีครับนายหญิง”

ซู่เยียนพยักหน้าตอบกลับ “สวัสดีจ้ะ”

ตอนโม่หนานเจ๋อมองเธอ เขายังคงห่างเหินเย็นชา เอ่ยปากถามอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ได้ยินเฉิงฮ่าวบอกว่าพรุ่งนี้เธอจะไปแล้วเหรอ?”

“อืม”

“ยังไม่ชินเหรอ?” โม่หนานเจ๋อถามต่อ

ซู่เยียนฝืนยิ้มบางเจือแววขมขื่น หาข้ออ้างตอบส่งๆไป “คิดถึงคุณย่าแล้วล่ะ”

ดวงตาโม่หนานเจ๋อฉายแววดุดันทันใด น้ำเสียงเยือกเย็นเอ่ยต่อ “คิดจะกลับไปคุยเรื่องหย่ากับคุณย่าสินะ?”

ความคิดซู่เยียนถูกมองออกทะลุปรุโปร่ง เธออธิบายด้วยความปั่นป่วน “คุณทำไปเพื่อเติมเต็มความปรารถนาให้คุณย่า การฝืนใจผูกมัดชีวิตกับฉันด้วยการแต่งงานไร้ความรักนี้ มันเจ็บปวดมาก ไม่สู้ยกเลิกมันไปซะดีกว่า”

โม่หนานเจ๋อ : “เธอเป็นผู้ดูแลส่วนตัวของคุณย่ามาถึงสามปี ไม่รู้จักนิสัยคุณย่าอีกเหรอ?”

ซู่เยียนตอบกลับอย่างเด็ดเดี่ยว “หากคุณยายไม่ตกลง งั้นพวกเราก็แอบหย่ากันซะ ตอนอยู่ต่อหน้าคุณยายก็แสร้งเป็นสามีภรรยากันก็พอแล้ว”

ลูกน้องสองคนกำลังฟังตรงนี้ โม่หนานเจ๋อรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย

ในโลกนี้มีผู้หญิงตั้งมากมายอยากกลายเป็นภรรยาเขา แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้กลับไม่ชายตามอง?

โม่หนานเจ๋อเอ่ยด้วยความหยิ่งยโสเย็นชา “ที่เธอฝืนทนแต่งงานกับฉัน ก็เพื่อเงินไม่ใช่เหรอ เรียกราคามาสิ”

ซู่เยียนตะลึงงัน แน่นิ่งไปทันใด

ความเจ็บปวดเสียดแทงหัวใจเธอ เผลอกำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว โกรธจนกำปั้นสั่นระริก

น้ำตารื้นขึ้นเต็มเบ้าตาเธอ

ในสายตาของผู้ชายคนนี้ สรุปแล้วเธอเป็นผู้หญิงเฮงซวยขนาดไหนกันแน่?

ซู่เยียนกล้ำกลืนข่มน้ำตาเอาไว้ แสร้งทำเป็นไม่สะทกสะท้าน พลางพูดเยาะเย้ยตัวเอง “ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ฉันไม่ต้องการเงิน ผู้หญิงสำส่อนไม่รู้จักเจียมตัวอย่างฉัน สูบเงินสกปรกจากจากผู้ชายตั้งมากมาย ตอนนี้อยากกลับตัวอยู่ในทางที่ควร แค่อยากหาพวกใช้เงินโง่ๆที่ทั้งซื่อสัตย์ทั้งรักเดียวใจเดียวสักคนมาแต่งงานด้วยเท่านั้นเอง”

เขาเป็นพวกใช้เงินโง่ๆเหรอ?

โม่หนานเจ๋อแววตาคร่ำเคร่ง สีหน้าย่ำแย่สุดขีด

ผู้ช่วยพิเศษทั้งสองข้างหลังกำลังสะกดกลั้นอยากหัวเราะ แต่ก็ไม่กล้า

ชั่วเวลานั้น นักวิจัยคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความร้อนรน รีบโพล่งรายงานด่วน "นายท่านห้า สารเคมีรั่วไหลออกจากอาคารห้องวิจัยหมายเลข5 ทหารหลายนายโดนสารพิษ คุณหนูจิ่นชูก็โดนสารพิษเหมือนกันครับ"

ฟังจบ โม่หนานเจ๋อพลันพุ่งตัวไปยังอาคารวิจัยหมายเลข5 ประหนึ่งธนูไฟทันใด

สารเคมีเป็นพิษ?

ครั้นซู่เยียนเห็นโม่หนานเจ๋อที่ปรี่เข้าหาอันตรายโดยไม่สนใจตัวเอง ก็รู้สึกเป็นกังวลราวกับไฟลน วิ่งตามเข้าไปด้วยเช่นกัน

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status