ลูกน้องตอบกลับอย่างเคารพ “รับทราบครับ”โม่หนานเจ๋อถอนหายใจบางเบาอย่างจนปัญญา เขาให้คำสัญญาได้ เพียงแต่“แนวทางการปฏิบัติตามกฎสามี”ของซู่เยียนนี้ ดูแปลกประหลาดมาก——สามวันต่อมาร่างกายซู่เยียนหายดีสมบูรณ์นับตั้งแต่วันที่โม่หนานเจ๋อไปรับนางในใจของเขามา ป่านนี้ก็ยังไม่กลับมา สามวันแล้วที่เธอไม่เจอแม้แต่เงาโม่หนานเจ๋ออารมณ์ของเธอดำดิ่งลงเรื่อยๆ เธอมายังฐานฝึกนี้ ก็เพื่อต้องการเรียนรู้วิชาป้องกันตัวจากเหล่าทหารทั้งหลายที่นี่ในสถานที่ที่ฮอร์โมนของบุรุษเพศพุ่งพล่านดังเช่นที่นี่ เห็นชัดว่าหุ่นอรชรได้รูปของซู่เยียนที่ร่ำเรียนการต่อสู้นั้นมีเสน่ห์ดึงดูดเป็นพิเศษสนามฝึกรายล้อมไปด้วยชายกำยำไม่ไกลนัก ไป๋จิ่นชูเดินตามผู้ช่วยพิเศษเฉิงฮ่าวเข้ามาเธอยู่ปากอย่างไม่สบอารมณ์ “ตั้งสามวันแล้ว ทำไมพี่เจ๋อยังไม่กลับมาอีก?”เฉิงฮ่าว : “นายท่านห้ามีธุระสำคัญต้องจัดการ วันนี้คงกลับมาแล้วครับ”ไป๋จิ่นชูชี้ไปยังซู่เยียนที่กำลังฝึกวิชาป้องกันตัว ดวงตาพลันฉายแววเย็นเยียบทันใด “ผู้หญิงคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”เฉิงฮ่าว “นายหญิง...”เฉิงฮ่าวยังไม่ทันเอ่ยจบ ไป๋จิ่นชูชิงกลับโวยวายทันใด “ถุย เรียกหล่
ดวงตาโม่หนานเจ๋อฉายแววล้ำลึก ใบหน้าคมคายได้รูป เสียงเย็นเยียบเอ่ยถามเฉิงฮ่าว “นายกำลังสอนเธอ หรือกำลังแกล้งเธอกันแน่?”เฉิงฮ่าวกลืนน้ำลายอย่างเคร่งเครียด “นายท่านห้า ผมกำลังสอนวิชาป้องกันตัวให้นายหญิงครับ”ทุกคนในสนามต่างเหงื่อแตกแทนเฉิงฮ่าวกันถ้วนหน้ามีหรือการกลั่นแกล้งเล็กๆน้อยๆนี้จะรอดพ้นสายตาโม่หนานเจ๋อไปได้เขาดันซู่เยียนไปด้านข้าง “ถอยห่างไปหน่อย”หัวใจซู่เยียนสั่นไหว เต้นแรงอย่างอธิบายไม่ถูกตั้งแต่หัวจรดเท้าโม่หนานเจ๋อไม่แม้แต่มองเธอสักนิด หากแต่การกระทำกลับแสดงออกชัดว่ากำลังปกป้องเธอเธอแอบสงสัยว่า โม่หนานเจ๋อคิดจะทำอะไรกันแน่?โม่หนานเจ๋อค่อยๆถอดนาฬิกาข้อมือออกอย่างเชื่องช้า ท่าทางดูสงบนิ่งเกินคาดเดา “เรามาสู้กันหนึ่งรอบ หากนายชนะก็อยู่ต่อ หากแพ้ก็ไสหัวไปทันที”ฮ่าวเฉิงหวาดผวาจนหน้าถอดสี ละล่ำละลักอธิบายอย่างทำตัวไม่ถูก “นายท่านห้า ผม...ผมสู้คุณไม่ไหว ผมแค่สอนวิชาป้องกันตัวให้คุณหญิงเท่านั้น อย่าไล่ผมออกเลย ของร้องเถอะครับ นายท่านห้า...”โม่หนานเจ๋อหาได้แยแส ถอดนาฬิกาข้อมือส่งให้ซู่เยียนซู่เยียนรับนาฬิกาของเขามา พร้อมอาการใจเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างน่าประหลาดเฉิงฮ
ซู่เยียนยกมือขึ้นปราม ยั้งให้เขาหยุดพูดต่อ “พอแล้วล่ะ คุณไม่ต้องออกไปหรอก”เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงใจไม้ไส้ระกำ ไม่ถึงขั้นปล่อยให้คนที่รักในงานต้องตกงานเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้อยู่แล้วเฉิงฮ่าวเงยหน้ามองด้วยความดีใจ ตื่นเต้นยินดีเกินบรรยาย “ขอบพระคุณนายหญิง นายหญิงช่างใจกว้าง เมตตาอารีย์ผู้คน กระผมเฉิงฮ่าวซาบซึ้งในบุญคุณจริงๆ จากนี้หากนายหญิงมีธุระอะไรโปรดสั่งการมา ผมจะคอยปรนนิบัติรับใช้ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ก็ไม่มีทางปฏิเสธครับ”ซู่เยียนจิตใจสับสน ยื่นนาฬิกาข้อมือให้เฉิงฮ่าวอย่างใจลอย “คุณไม่จำเป็นต้องบุกน้ำลุยไปหรอก ช่วยฉันเอานาฬิกาข้อมมือนี้ไปให้โม่หนานเจ๋อก็พอ”“ได้ครับ” เฉิงฮ่าวรับนาฬิกาข้อมือมาซู่เยียนถามอีกครั้ง “แถวนี้มีสถานีรถไฟหรือสนามบินไหม?”เฉิงฮ่าวตื่นตกใจ “นายหญิง จะไปแล้วหรือ?”ซู่เยียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่นแม้แต่วินาทีเดียวเธอก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ ดูสามีของตนแสดงความรักออกหน้าออกตากับหญิงอื่นอีกต่อไปเธอไม่อยากทำร้ายตัวเองกลับไปอธิบายให้คุณย่าฟังดีๆ แล้วรีบจบการแต่งงานเฮงซวยนี่สักทีเฉินฮ่าวลังเลครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ย "นายหญิง พรุ่งนี้ผมจะยื่นเรื่องขอลาหย
อาคารวิจัยหมายเลข5คนมากมายปิดจมูกวิ่งออกมาอย่างต่อเนื่องเจ้าหน้าที่ที่โดนพิษมากมายต่างเกิดการอาเจียน บางคนเวียนหัวจนนอนหงายบนพื้นสถานการณ์ตอนนี้ชุลมุนวุ่นวาย หมอและพยาบาลของค่ายต่างวิ่งเข้ามาช่วยเหลืออย่างรวดเร็วซู่เยียนวิ่งเหนื่อยหอบเข้ามาถึงเหตุการณ์ ในใจเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของโม่หนานเจ๋อ สายตาสอดส่องหาทั่วสารทิศหากแต่ เธอกลับเห็นโม่หนานเจ๋ออุ้มไป๋จิ่นชูวิ่งออกจากอาคารหมายเลขห้าอย่างรวดเร็ว ก่อนวางไว้บนเตียงปฐมพยาบาลซู่เยียนรู้สึกตัวเองน่าขำเหลือเกินในสายตาแลหัวใจเธอมีแต่ผู้ชายคนนี้ แต่ในสายตาผู้ชายคนนี้กลับมีเพียงไป๋จิ่นชูโม่หนานเจ๋อส่งไป๋จิ่นชูให้หมด ก่อนหันหลังหมายเข้าไปช่วยคนอื่นต่อไป๋จิ่นชูรั้งแขนโม่หนานเจ๋อเอาไว้ ร้องห่มร้องไห้ด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "พี่เจ๋อ อย่าไป ฉันรู้สึกไม่ดีมากๆ อยากอ้วก...""เด็กดี" โม่หนานเจ๋อเอ่ยเสียงอ่อนโยน "ไม่เป็นไรนะ หมออยู่ที่นี่แล้ว"ไป๋จิ่นชูส่ายหน้า บอกให้น้ำตามาก็มา ร้องไห้สะอึกสะอื้น "พี่อย่าไปนะ ฉันทรมานมาก จะตายอยู่แล้ว พี่เจ๋อ ฉันจะตายแล้วจริงๆ"เวลานั้นโหลวชิงเข้ามารายงาน "นายท่านห้า คนข้างในกระจายตัวออกมาหมดแล้ว มี
หรือว่า เขาสืบเรื่องของผู้หญิงคนนี้พลาดไป?มีเพียงศาสตราจารย์หลิงเท่านั้นที่เข้าใจกระจ่าง ราวกับว่าเพิ่งค้นพบสมบัติล้ำค่า รีบถามไถ่ด้วยความตื่นเต้นระคนถ่อมตน "นายหญิง คุณเคยเรียนสาขาเคมีมาเหรอ?"ดวงตากลมโตของซู่เยียนใสแจ๋ว ตอนนี้สมองของเธอขาวโพลน เธอส่ายหน้าตอบกลับเสียงอ่อน "ลืมไปแล้วล่ะ""ลืมแล้ว?" ศาสตราจารย์หลิวประหลาดใจ "งั้นคุณรู้เรื่องสารเหลวชิงหลีกับธาตุรีเนียมได้ยังไง? ไหนจะรู้ว่าต้องแก้พิษยังไงด้วย"ซู่เยียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยหน้าตาเฉย "ก็เหมือนกับการทำอาหารต้องเติมเกลือ การตกปลาต้องใส่เหยื่อล่อ ความรู้ทั่วไปก็เท่านั้น"คำว่าความรู้ทั่วไปก็เท่านั้น ทำเอาศาสตราจารย์หลิวนับถือชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ยกย่องขึ้นหิ้งเลยทีเดียวไม่ไกลนัก เฉิงฮ่าวและโหลวชิงพาลูกน้องบางส่วนมา แยกกันป้อนน้ำด่างกินได้ให้เหล่าผู้ถูกพิษไม่นาน อาการอ้วกรุนแรงและปวดท้องของทุกคนก็หายไป แม้ยังเหลืออาการวิงเวียนอยู่บ้าง แต่เห็นผลลัพทธ์ได้ทันทีโหลวชิงถือน้ำด่างมาตรงหน้าโม่หนานเจ๋อ ยื่นให้เขาด้วยความเคารพ "นายท่านห้า สิ่งนี้ได้ผลมาก ให้คุณหนูไป๋ดื่มเถอะครับ"ไป๋จิ่นชูขบฟันกราม โกรธเกรี้ยวที่ปล่อยให
กลางดึกเงียบสงัดซู่เยียนอาบน้ำเสร็จ ก็มานั่งบนเก้าอี้หวายตรงระเบียง ดูข้อความในโทรศัพท์ที่เธอเคยทำหายไปแล้วได้คืนมาพี่หู่ที่จับเธอไว้เป็นตัวประกันถูกยิงตายคาที่ ผู้บาดเจ็บของสวนเทคโนโลยีได้รับการช่วยเหลือออกมา คนร้ายที่สมรู้ร่วมคิดเหล่านั้นก็โดนทีมของโม่หนานเจ๋อจับกุม ก่อนส่งตัวให้ทางตำรวจกระเป๋าและโทรศัพท์ของเธอกลับมาแล้ว แต่น่าเสียดายเงินเก็บตลอดสามปีของเธอ ถูกพี่ชายเอาไปหมดแล้วตัวเธอในตอนนี้ นอกจากโทรศัพท์เครื่องนี้ ก็ไม่เหลือเงินแม้แต่แดงเดียวปีนั้น หลังจากเธอสูญเสียความทรงจำ ได้เจอกับคุณนายผู้เฒ่า คุณหญิงเจอเธอครั้งแรกก็ดวงสมพงษ์ จะเอาเธอมาอยู่ด้วยให้ได้เธอจึงเป็นผู้ดูแลส่วนตัวให้คุณนายผู้เฒ่ามาตลอดสามปีเธอไม่มีเพื่อน ญาติพี่น้องก็นำพาแต่ความโชคร้ายและหายนะมาให้เธอ ตอนนี้ชีวิตอัตคัดขัดสน แต่กลับไม่รู้ว่าจะขอยืมเงินใครได้บ้างขณะซู่เยียนตกอยู่ในภวังค์ความคิด ทันใดนั้นเสียงเปิดประตูพลันดังขึ้นเธอดึงสติกลับมา หันมองประตูทางเข้าแผ่นหลังกำยำของโม่หนานเจ๋อแทรกเข้ามาในสายตาเธอ ฝ่ายชายกำลังปิดประตูชั่วเวลานั้น หัวใจของเธอกลับสั่นไหวอย่างน่าประหลาดอีกครั้งเธอรีบดึงสา
ซู่เยียนชี้ไปที่ชั้นวางหนังสือในห้องอีกครั้ง "หลายวันมานี้ ฉันอ่านหนังสือบนชั้นวางหนังสือของคุณหมดแล้วค่ะ"โม่หนานเจ๋อ "จะไม่คิดทบทวนใหม่จริงๆ เหรอ?"ซู่เยียนก้มหน้าลง "ไม่ล่ะค่ะ พรุ่งนี้เช้าฉันก็จะไปแล้ว วันหลังคงไม่มีโอกาสมาที่นี่อีกแล้วล่ะ"โม่หนานเจ๋อไม่เกลี้ยกล่อมอีก เดินผ่านเธอไปเข้าไปในห้อง เขาปลดกระดุมเสื้อพลางพูดว่า "กลับไปที่บ้าน ก็อย่าพูดเรื่องหย่ากับคุณย่า มันจะกระตุ้นอาการป่วยของท่านได้"มือของซู่เยียนกำโทรศัพท์โดยไม่รู้ตัว ตัวสั่นไหวเล็กน้อย ความรู้สึกอึดอัดที่ไม่อาจปกปิดได้พรั่งพรูออกมา "ฉันขอโทษที่เห็นรูปถ่ายของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในหนังสือของคุณ ด้านหลังเขียนว่า เด็กผู้หญิงที่ฉันรักมากที่สุด ไป๋จิ่นชู"การปลดกระดุมของโม่หนานเจ๋อนั้นชะงักค้าง ร่างกายของเขาแข็งทื่อและแน่นิ่งไปดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม ไม่พูดอะไรสักคําซู่เยียนรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ ความเจ็บปวดนี้ยากที่จะอธิบายได้ ทําได้เพียงแสร้งทําเป็นไม่สนใจ พูดอย่างใจเย็นว่า "ถ้าฉันเดาไม่ผิด ผู้หญิงที่คุณอยากแต่งงานด้วยมากที่สุดคือไป๋จิ่นชูใช่ไหมคะ"ผ่านไปครู่ใหญ่ โม่หนานเจ๋อถึงได้สติกลับมา และถอดเสื้อผ้าต
หลังจากโม่หนานเจ๋อออกจากห้อง เดินผ่านระเบียงยาวมาถึงห้องหนังสือ เปิดไฟแล้วโทรหาไป๋จิ่นชูเขามาคุยโทรศัพท์ที่ห้องหนังสือเพราะกลัวจะรบกวนซู่เยียนที่หลับสนิทแล้วเมื่อรับสาย เสียงออดอ้อนของไป๋จิ่นชูก็ดังขึ้น "พี่เจ๋อ ทําไมพี่ยังไม่มาอีก? เค้ากลัวมากเลยนะ"โม่หนานเจ๋อรู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย ถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่า "กลัวอะไร?"ไป๋จิ่นชูออดอ้อน "ก็กลัวมากก็แล้วกัน พี่มานี่สิ! มาอยู่เป็นเพื่อนเขาหน่อย!"โม่หนานเจ๋อมองดูเวลา ตอนนี้เวลา 23.00 น. เขาจึงตัดสินใจปฏิเสธ "ดึกเกินไปมันไม่เหมาะสม พี่จะส่งคนไปเฝ้าหน้าประตูห้องเธอเถอะ เจ้าไม่ต้องกลัว รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้พี่ยังต้องตื่นแต่เช้าไปส่งซู่เยียนกลับไปเมืองเฟิ่งเฉิง"ไป๋จิ่นชูพึมพําอย่างไม่พอใจ "ไม่ใช่เเฉิงฮ่าวส่งหรือ ทําไมพี่เป็นคนส่งล่ะ?"โม่หนานเจ๋อนั่งอยู่หน้าโต๊ะทํางาน มือข้างหนึ่งยันหน้าผากที่หนักอึ้ง อธิบายอย่างอดทนว่า "ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของพี่ ความรับผิดชอบและหน้าที่บางอย่างยังต้องทำ"ไป๋จิ่นชูตื่นเต้นไม่หยุด "พี่เจ๋อ ร่างกายมันสกปรกมาก พี่อย่านอนกับมันเด็ดขาดนะ"สีหน้าของโม่หนานเจ๋อมืดครึ้มลง หัวคิ้วขมวดแน่น น้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้น