ตามเนื้อเรื่องในนิยายตอนนี้จางเลี่ยงซูจะต้องตั้งครรภ์และอยู่ในช่วงท้องแก่ใกล้คลอด ส่วนหยางหมิงเซียนตอนนี้จะถูกละเลยจากท่านเจ้าของจวนทั้งสอง และบ่าวในจวนจากที่เคยดูแลและประจบเอาใจหยางหมิงเซียนก็จะเริ่มถอยห่าง ด้วยนิสัยของหยางหมิงเซียนในนิยายวัยเด็กค่อนข้างจะเก็บตัว พูดน้อยและไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใคร หากไม่มีเรียนหรือท่านเจ้าของจวนทั้งสองไม่ได้เรียกให้มารับสำรับด้วยกันที่เรือนใหญ่ หยางหมิงเซียนก็จะเก็บตัวอยู่แต่ในเรือนพัก เจ้าตัวจึงไม่เป็นที่รักของผู้ที่พบเห็นมากนัก ยกเว้นเพียงบ่าวไม่กี่คนในจวนที่สัมผัสได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของหยางหมิงเซียน ก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มเปลี่ยนไป
ในช่วงนี้หยางหมิงเซียนมักจะหนีออกไปนั่งอยู่คนเดียวด้านนอกจวน เพราะเด็กหนุ่มไม่อยากได้ยิน และไม่อยากเห็นคนในจวนที่คอยพูดจากระทบตนเอง โดยเฉพาะแม่นมหมิงที่แอบไปได้ยินท่านเจ้าของจวนทั้งสองพูดคุยกันในห้องพัก เรื่องที่หยางหมิงเซียนเป็นเพียงเด็กที่ท่านเจ้าของจวนทั้งสองไปเจอแล้วสงสารจึงรับมาเลี้ยงดูในจวนเท่านั้น...ไม่ได้เป็นหลานชายของราชครูหลงจิ้นสิงจริงๆ
จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนหลังจากไปตรวจดูสมุนไพรที่ร้านเถ้าแก่จงเสร็จแล้ว เด็กหนุ่มทั้งสองคน ก็พากันไปเดินเล่นในตลาดก่อนกลับจวน “หมิงเซียน ข้าขอเข้าไปดูน้ำตาลปั้นที่ร้านขนมหวานตรงนั้นได้หรือไม่?” จินเฟยเทียนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นน้ำตาลปั้นรูปกระต่ายสองตัวที่หน้าร้านขายขนมหวาน “ได้ขอรับ” “ท่านป้าขอรับ น้ำตาลปั้นรูปกระต่ายสองไม้นี้ขายอย่างไรหรือขอรับ?” “คู่ละหนึ่งอีแปะเจ้าค่ะคุณชาย” “งั้นข้าเอาน้ำตาลปั้นรูปกระต่ายสองไม้นี้ขอรับ” จินเฟยเทียนพูดจบก็ก้มลงไปหยิบเงินเพื่อจ่ายให้แม่ค้า “ท่านป้า ข้าเอาน้ำตาลปั้นสองไม้นี้เจ้าค่ะ” แม่นางน้อยนางหนึ่งเดินเข้ามาที่ร้านขนมหวาน มาถึงก็หยิบน้ำตาลปั้นรูปกระต่ายสองไม้ที่จินเฟยเทียนจะซื้อ พร้อมจ่ายเงินให้แม่ค้าทันที “แม่นาง! น้ำตาลปั้นสองไม้นั้น พี่ชายข้าได้เอ่ยซื้อเ
จินเฟยเทียนหลังจากอาบน้ำเสร็จก็กลับมานั่งที่เตียงรอหยางหมิงเซียน วันนี้เขามีเรื่องที่ตั้งใจจะพูดกับหยางหมิงเซียน ทั้งเรื่องในภายภาคหน้าของตัวเขาและของตัวของหยางหมิงเซียนเอง และการปฏิบัติตัวบางอย่างของหยางหมิงเซียนด้วย เนื่องจากเขารู้สึกว่ายามนี้เจ้าลูกกวางจะติดเขามากจนเกินไปแล้ว หากเป็นไปตามเนื้อเรื่องในนิยาย ตอนนี้หยางหมิงเซียนจะต้องเริ่มมุ่งมั่นกับการอ่านหนังสือ และเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการสอบจอหงวนเพื่อที่ตัวเขาได้เข้ารับราชการ และเพื่อจะได้ลบคำครหาจากคนในจวนด้วย ถึงแม้ว่า...ราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูที่รู้เรื่องแม่นมหมิงเอาเรื่องของหยางหมิงเซียนไปป่าวประกาศให้คนในจวนได้รับรู้แล้ว ท่านเจ้าของจวนทั้งสองจะเรียกทุกคนในจวนมาปรามและห้ามไม่ให้ทุกคนพูดถึงเรื่องนี้อีก แต่คนในจวนก็ทำดีกับหยางหมิงเซียนแค่ต่อหน้าท่านเจ้าของจวนทั้งสองเท่านั้น แต่ลับหลังก็ยังคงทำเหมือนเดิม หยางหมิงเซียนจึงมุ่งมั่นและตั้งใจเป็นอย่างมาก เขาไม่ต้องการเป็นเพียงหลานชายในนามของราชครูหลงจิ้นสิงหร
เช้าวันรุ่งขึ้นหยางหมิงเซียนและจินเฟยเทียนก็ตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม แต่วันนี้หลังรับสำรับเช้าเสร็จจินเฟยเทียนตั้งใจจะพูดกับจางเลี่ยงซูเรื่องที่จะขอเปิดโรงหมอ แต่โดนอีกฝ่ายเรียกให้เข้าไปในห้องปรุงยาเพื่อช่วยทดลองสีชาดทาปากให้เสียก่อน แม้ตัวเขาจะเอ่ยปฏิเสธอย่างไร ขอให้เสี่ยวเปาหรือบ่าวคนอื่นมาช่วยลองแทนอย่างไร...อีกฝ่ายก็ไม่ยอมท่าเดียว จนสุดท้ายเขาก็กลายเป็นหนูทดลองยาของจางเลี่ยงซูอีกครั้ง ส่วนหยางหมิงเซียนไม่ได้ตามเข้าไปในห้องปรุงยากับจินเฟยเทียนด้วย เพราะจางเลี่ยงซูให้หยางหมิงเซียนช่วยไปคุมบ่าวตากสมุนไพรที่เถ้าแก่จงให้คนนำมาส่งให้เมื่อเช้า เจ้าตัวเลยรอดตัวไป หลังจากคุมบ่าวตากสมุนไพรเสร็จ หยางหมิงเซียนก็เดินกลับมาที่ห้องปรุงยา เขาเห็นจางเลี่ยงซูเดินนำจินเฟยเทียนออกมาจากห้อง แต่จินเฟยเทียนดูมีท่าทางแปลกๆไป จินเฟยเทียนเดินตามจางเลี่ยงซูออกมาจากห้อง เขาพยายามที่จะใช้แขนเสื้อลบสีชาดที่ทาปากออก หลังจากที่เขาพยายามใช้น้ำช่วยในการล้างมันออกแล้ว
นี่ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วที่จินเฟยเทียนยังไม่ได้ปรึกษากับจางเลี่ยงซูเรื่องการเปิดโรงหมอ หลังจากที่ได้พูดคุยเรื่องภายภาคหน้ากับหยางหมิงเซียนไป เพราะในช่วงนี้ชาวบ้านในละแวกจวนราชครู เริ่มมีอาการเจ็บป่วยและมาขอเข้ารับการรักษาที่เรือนสมุนไพรเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะเด็กๆ และคนชรา เพราะที่เรือนสมุนไพรเก็บเงินค่ารักษาไม่แพง ส่วนใหญ่จะเก็บเฉพาะค่ายา ส่วนค่าทำการรักษานั้นที่นี่ไม่คิดเงิน เนื่องจากเริ่มแรกที่จางเลี่ยงซูเปิดเรือนสมุนไพรไพรนี้ขึ้นมา ก็เพื่อต้องการสอนศาสตร์ทางการแพทย์เรื่องการรักษาคนป่วยให้แก่หลานชายของตัวเอง จึงต้องการคนป่วยจริงๆ ให้หลานชายได้ลองลงมือทำการรักษา ส่วนใหญ่คนป่วยที่เข้ามาขอรับการรักษาที่เรือนสมุนไพร จะมากันตั้งแต่เช้าและพอช่วงบ่ายอาการดีขึ้นก็จะกลับไปรักษาตัวต่อที่เรือนของตัวเอง แต่ก็จะมีคนป่วยบางคนที่มีอาการหนักจนต้องนอนรอดูอาการที่เรือนสมุนไพร จางเลี่ยงซูก็จะให้บ่าวในจวนมานอนเฝ้าผู้ป่วยในยามกลางคืน หากผู้ป่วยเกิดเป็นอะไรขึ้นมาในยามดึกบ่าวที่คอยเฝ้าคนป่วยอยู่ก็จะรีบออกมาตามจินเฟยเทียนก่อน แต่หากคนป่วยมี
“เฟยเกอ มานานแล้วหรือขอรับ?” “อ่ะ! พี่ชายใจดีมาแล้ว ช่วยข้าด้วยขอรับ พี่ชายหน้าดุคนนี้จะตีข้า!” “เจ้า! ข้าจะตีเจ้าตอนไหน เจ้าเด็กนี่” “พอกันเลยทั้งคู่...ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่” จินเฟยเทียนแอบส่งแววตาดุไปให้คนทั้งคู่ ก่อนจะก้าวเข้าไปหา... “เด็กน้อย ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมกินยา?” “ก็ยามันขมนี่ขอรับ และข้าก็ไม่ชอบพี่ชายหน้าดุคนนี้ด้วยขอรับ” “เจ้าเด็กนี่!” “หมิงเซียน!” “ก็เจ้าเด็กนี่ว่าข้าก่อนนะขอรับเฟยเกอ” “หมิงเซียนเอายาของเด็กคนนี้มาให้ข้า เดี๋ยวข้าจัดการต่อเอง ส่วนเจ้าก็เอายาถ้วยนี้ไปให้แม่นางสุ่ยแทนข้าก็แล้วกันนะ” “ข้า...ก็ได้ขอรับ” หยางหมิงเซียนเมื่อได้รับแววตาปรามจากอีกฝ่าย เขาจึงเดินนำยามาเปลี่ยนกับจินเฟยเทียน แล้วเดินไปยังฝั่งด้านใน
เข้าสู่เช้าวันที่สามแล้ว หลังจากที่จางเลี่ยงซูสั่งให้พวกจินเฟยเทียนกลับไปพักผ่อนที่เรือนพักของตัวเอง ไม่ต้องออกมาช่วยงานที่เรือนสมุนไพร เนื่องจากในเมืองหลวงได้ถูกหิมะตกหนักติดต่อกันมาเป็นเวลายาวนานถึงสี่เดือน ทำให้มีผู้ป่วยมาขอเข้ารับการรักษาที่เรือนสมุนไพรเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้นายบ่าวทั้งสี่คนต้องทุ่มเทดูแลคนป่วยจนเจ้าตัวแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน แต่พอหิมะที่เคยตกหนักอย่างยาวนานได้หยุดตก อากาศในเมืองหลวงได้กลับมาเป็นปกติ และคนป่วยที่เรือนสมุนไพรเริ่มลดจำนวนลง จางเลี่ยงซูจึงสั่งให้นายบ่าวทั้งสี่คนกลับไปพักผ่อนดูแลตัวเองเป็นเวลาสามวัน และให้จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนรับสำรับที่เรือนพักของตัวเอง ไม่ต้องออกมารับสำรับกับพวกตนที่เรือนใหญ่ หลังจากที่พวกจินเฟยเทียนโดนจางเลี่ยงซูสั่งให้มาพัก สองวันแรกนายบ่าวทั้งสี่คนแทบจะไม่ลุกออกจากเตียงกันเลยทีเดียว แม้แต่เสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงยังแค่ลุกไปยกสำรับและเข้ามาดูแลจัดของให้ผู้เป็นนายในห้องเพียงเท่านั้น ที่เหลือจางเลี่ยงซูได้สั่งให้บ่าวในจวนคนอื่นมาคอยช่วยทำแทนก่อนในช่วงนี้
หลังจากกลับห้องไปจัดการดูแลตัวเองเสร็จหยางหมิงเซียนก็กลับมาที่ห้องของจินเฟยเทียน จากนั้นชายหนุ่มทั้งสองคนก็ออกมารับสำรับด้วยกันที่โถงเล็กในเรือนพัก โดยมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงคอยดูแลผู้เป็นนายอยู่ไม่ไกล “หมิงเซียน เจ้ายังอ่อนเพลียอยู่หรือไม่?” “ไม่แล้วขอรับเฟยเกอ” “ดีแล้ว...แล้วพวกเจ้าล่ะ อาเปาอาปิงยังอ่อนเพลียอยู่หรือไม่” “ไม่แล้วขอรับคุณชายฟาง” เสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงเอ่ยตอบผู้เป็นนายพร้อมกัน “ดีแล้ว แต่ข้าว่า...ตอนนี้พวกเราต้องบำรุงร่างกายตัวเองกันอีกหน่อย” พูดจบจินเฟยเทียนก็ล้วงเข้าไปในเสื้อ หยิบเอาถุงสีแดงออกหนึ่งมาถุง แล้วล้วงเข้าไปเอายาออกมาจากถุงสองเม็ด โดยยื่นเม็ดแรกให้กับหยางหมิงเซียน ส่วนเม็ดที่สองก็เอาเข้าปากของตัวเอง “ขอบคุณขอรับเฟยเกอ” หยางหมิงเซียนรับยามา ก็เอาเข้าปากของตัวเองตามจินเฟยเทียนทันที จินเฟยเทียนล้วงเข้าไปในเสื้อข
หยางหมิงเซียนที่เห็นตั้งแต่เริ่มแรกเหมือนกับจินเฟยเทียน ในตอนที่เด็กคนแรกเดินเข้ามา พอเด็กคนนั้นเห็นสายตาของเขาก็ทำเป็นถอยห่างแล้วเดินกลับไป แต่กับเด็กคนที่สอง เจ้าเด็กนี่! ตั้งใจวิ่งตรงเข้ามาทางด้านหลังของจินเฟยเทียนเลย เขาจึงเตรียมตัวที่จะลุกขึ้นไปจัดการกับเด็กคนนี้ แต่จินเฟยเทียนกลับเอื้อมมือมาจับมือเขาเอาไว้เสียก่อน แล้วกระซิบบอกกับเขาว่า...ขอเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง เขาจึงยอมปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการไปก่อน...ส่วนเขาค่อยรอจัดการต่อทีหลังก็ยังไม่สาย ส่วนเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิง มาเห็นตอนที่ผู้เป็นนายจับเด็กคนที่สองได้แล้ว พวกเขาจึงลุกขึ้นและจะเดินเข้าไปเอาเรื่องกับเด็กคนนั้น แต่โดนแววตาของผู้เป็นนายปรามเอาไว้เสียก่อน พวกเขาจึงยอมกลับลงไปนั่งที่เดิม จินเฟยเทียนเมื่อเห็นทุกคนในโต๊ะสงบลงและกลับไปนั่งที่ของตัวเองแล้ว เขาจึงหันกลับไปพูดกับเด็กที่เขาจับตัวเอาไว้ทันที “เด็กน้อย เหตุใดเจ้าถึงมาทำเรื่องแบบนี้?” เด็กชายที่มือข้าง
ยังไม่ทันที่จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนจะได้พูดอะไรกันต่อ ก็มีเสียงการเคลื่อนไหวดังขึ้นจากอีกฝั่งของประตูห้องนอน หยางหมิงเซียนจึงรีบรวบรวมสติของตัวเองก่อนที่จะลุกขึ้นไปเปิดประตู... และเมื่อประตูห้องนอนถูกเปิดออกจินเฟยหลงก็ประคองจินเฟยหมิงเดินเข้ามาหาจินเฟยเทียนในห้องทันที โดยมีจินเฟยฮวาเดินตามเข้ามาในห้องด้วย “ท่านพ่อ! เฟยหลง! เฟยฮวา...” จินเฟยเทียนเมื่อเห็นผู้เป็นบิดารวมทั้งน้องสาวและน้องชายเดินเข้ามาในห้อง เขาก็พยายามที่จะลุกขึ้นยืนและตั้งใจจะเดินเข้าไปหาทุกคน โดยลืมนึกถึงสภาพร่างกายของตัวเองจึงทำให้เขาเกือบที่จะล้มลงไปกองกับพื้น แต่ดีที่หยางหมิงเซียนเข้าไปช่วยประคองเอาไว้ได้ทัน “เฟยเทียน! เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?” จินเฟยหมิงเมื่อได้เห็นสภาพของจินเฟยเทียนมันก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก “ข้าไม่เป็นอะไรมากแล้วขอรับท่านพ่อ แล้วท่านพ่อล่ะขอรับ เป็นเช่นไรบ้าง” จินเฟยเทียนพูดพร้อมกับมองสำรวจร่างกายของผู้เป็นบิดาไปด้วย
หยางหมิงเซียนเมื่อกลับมาถึงเรือนของตัวเองแล้ว เขาก็พาจินเฟยเทียนเข้ามานั่งบนเตียงในห้องนอนของเขา แล้วเขาก็สังเกตเห็นชุดที่จินเฟยเทียนกำลังใส่อยู่ตอนนี้...มันก็ทำให้เขานึกไปถึงเจ้าของชุดและแววตาที่เจ้าของชุดใช้มองมายังคนของเขา “เฟยเกอขอรับ ข้าขอทำแผลใส่ยาให้เฟยเกอใหม่ได้หรือไม่ขอรับ? เฟยเกอจะให้ข้าช่วยเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้ท่านด้วยเลยดีหรือไม่ขอรับ ท่านลุงกับท่านป้ามีให้คนจัดเตรียมชุดและของใช้ของเฟยเกอมาไว้ที่นี่ให้ด้วยนะขอรับ” หยางหมิงเซียนพูดพร้อมกับเดินเข้าไปหยิบชุดของจินเฟยเทียนออกมาให้เจ้าตัวดู... “ได้ แต่...ข้าขอไปอาบน้ำและเปลี่ยนชุดเองเลยดีกว่า หมิงเซียนเจ้าช่วยบอกให้อาเล่อเข้าไปเตรียมเก้าอี้ไว้ในห้องอาบน้ำให้ข้าได้หรือไม่?” “ได้ขอรับ” หยางหมิงเซียนรับคำของอีกฝ่ายแล้วเดินออกไปสั่งงานเกาเล่อ ก่อนจะกลับเข้ามาอุ้มจินเฟยเทียนด้วยท่าเจ้าสาวอีกครั้ง “หมิงเซียน...เจ้าแค่ช่วยประคองข้าเดินดีหรือไม่?” “ไม่
จินเฟยเทียนหันกลับไปมองตามเสียงเรียก...เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่ ยามนี้ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว “คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าข้ายามนี้คือเฟยเกอจริงๆ ใช่ไหมขอรับ ข้าไม่ได้ฝันอยู่ใช่ไหมขอรับตอนนี้” หยางหมิงเซียนเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวเข้าไปหาคนตรงหน้า หลังจากที่เขาใช้วิชาตัวเบาข้ามรั้วเข้ามายังบริเวณเรือนของเจียงเสียน “หมิงเซียน... อ่ะ!” หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินคนตรงหน้าเอ่ยเรียกชื่อเขา เขาก็โถมตัวลงไปกอดอีกฝ่ายไว้ทันที แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องของจินเฟยเทียน หยางหมิงเซียนก็รีบคลายอ้อมกอดของตัวเองออก จากนั้นเขาจึงถอยออกมายืนมองคนตรงหน้าด้วยความคิดถึง และเมื่อเขาเห็นรอยช้ำที่หน้าผากของอีกฝ่าย เขาก็รีบเอ่ยคำขอโทษพร้อมกับเอ่ยถามอาการของคนตรงหน้าทันที “เฟยเกอข้าขอโทษนะขอรับ เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ...เฟยเกอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง? แล้วทำไมเฟยเกอมาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ขอรับ?” “
จินเฟยเทียนหลังจากรับสำรับเย็นและเข้าไปจัดการดูแลตัวเองจนเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้พาตัวเขาออกมานั่งรับลมอยู่ที่ด้านหน้าเรือน... แต่ว่าด้วยเรื่องอาบน้ำของจินเฟยเทียน...ร่างกายที่แทบจะไม่ได้โดนน้ำเลยมาเป็นเวลาสองเดือน เพราะซานมู่เล่าว่า...ร่างกายของเขาตอนที่พวกซานมู่เจอในตอนแรกนั้น ทั้งบอบช้ำและเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์หลายจุด ท่านหมอที่มารักษาให้เขาจึงห้ามไม่ให้บาดแผลของเขาโดนน้ำ พวกซานมู่จึงทำได้เพียงเช็ดหน้าและเช็ดทำความสะอาดตามบาดแผลให้เท่านั้น ในตอนที่จินเฟยเทียนบอกกับคนทั้งสองเรื่องที่เขาจะขอไปอาบน้ำ คนทั้งสองจึงเอ่ยค้านเขาอย่างหนัก จนเขาต้องงัดหาเหตุผลและอ้างเอาความเป็นหมอขึ้นมาใช้ ไช่ผิงกับซานมู่ถึงยินยอมให้เขาเข้าไปอาบน้ำ... จินเฟยเทียนที่นั่งหน้าเรือนมาได้สักพัก เขาก็เห็นซานมู่เดินเข้ามา...พร้อมกับแบกฟืนกองใหญ่มากองไว้ด้านหน้าเรือนด้วย “ข้าน้อยกำลังจะก่อกองไฟขอรับ อากาศยามนี้เริ่มเย็นแล้ว หากได้นั่งผิงไฟก่อนเข้านอน...ก็น่าจะดีนะขอรับ” ซานมู่หันไปพูดกับจิ
จินเฟยเทียนที่ฟื้นขึ้นมา...วันนี้ก็เป็นวันที่สองแล้ว ที่ตัวเขาต้องนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงให้ซานมู่และไช่ผิงคอยดูแล เนื่องจากสภาพร่างกายที่ยังคงเต็มไปด้วยบาดแผลของเขา แต่ในยามนี้...จินเฟยเทียนรู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัวมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว และด้วยกลัวว่าหากเขายังไม่ยอมฝืนขยับร่างกายของตัวเองในตอนนี้...แล้วรอจนแผลแห้ง ยามนั้นทั้งเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อของเขามันก็อาจจะยึดติดกัน จนทำให้เขาไม่สามารถขยับหรือลุกขึ้นยืนด้วยขาของตัวเองได้อีกเลย จินเฟยเทียนจึงลองขยับทั้งแขนและขาของเขา และเมื่อเขาลองขยับ...ความเจ็บปวดก็พากันวิ่งไปทั่วทั้งร่างกายของเขา ยิ่งบริเวณที่แผลยังไม่แห้งดี ยามนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่ความเจ็บปวดที่จินเฟยเทียนได้รับในยามนี้มันเป็นความเจ็บปวดที่เขายังพอทนรับได้ เขาจึงพยายามดันร่างกายของตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่ง และเมื่อเขาลุกขึ้นมานั่งได้แล้ว เขาก็มองไปรอบๆ ห้อง เพื่อมองหาของที่ตัวเขาสามารถนำมาใช้ค้ำยัน...แล้วจินเฟยเทียนก็มองเห็นไม้ง่ามอันหนึ่งที่วางอยู่ด้านข้างเตียงของเขา เข
“คุณชาย...ท่านฟื้นแล้ว!” จินเฟยเทียนลืมตาขึ้นมาเขาก็ได้เห็นว่า...ตอนนี้ตัวเขากำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเรียกของบุรุษ ดังขึ้นมาจากข้างเตียง...เขาจึงหันไปมองตามเสียงนั้น แล้วเขาก็ได้เห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังมองมาที่เขา “อย่าเพิ่งลุกขอรับ” ซานมู่รีบเข้าไปประคองคนเจ็บ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง “เอ่อ...ที่นี่ที่ไหนหรือขอรับ? แล้ว...ตัวข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรหรือขอรับ?” จินเฟยเทียนเอ่ยถามเมื่อมองไปรอบๆ แล้ว เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ... ‘นี่ข้าได้กลับมาเป็นจินเฟยเทียนหรือไม่นะ?’ “ที่นี่คือเรือนพักกลางป่าของพวกข้าน้อยเองเจ้าค่ะ พวกข้าน้อยเจอคุณชายนอนไม่ได้สติอยู่ที่ริมแม่น้ำ...เลยพาคุณชายเข้าไปรักษาตัวที่โรงหมอในหมู่บ้าน จากนั้นก็พาคุณชายกลับมารักษาตัวต่อที่เรือนไม้หลังนี้เจ้าค่ะ แต่ในระหว่างที่คุณชายมารักษาตัวอ
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาแล้วถึงสองเดือน...ที่พวกเขายังคงตามหาจินเฟยเทียนไม่พบ แม้หยางหมิงเซียนจะยังคงออกตามหาจินเฟยเทียนทั้งกลางวันและกลางคืนเหมือนเดิม โดยมีชิงหลวนคุน จินเฟยหลงและราชครูหลงจิ้นสิงที่คอยส่งคนออกมาช่วยตามหา และถ้าเมื่อใดที่พวกเขาว่าง...พวกเขาก็จะลงมาช่วยตามหาจินเฟยเทียนด้วยตัวเองทุกครั้งก็ตาม ส่วนจินเฟยหมิง...อาการจากการถูกลอบวางยาพิษถึงจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ลมปราณและวรยุทธของเขากลับถูกยาพิษของหานเฟิงทำลายจนไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม เขาจึงทำเรื่องทูลขอต่อฮ่องเต้ เพื่อส่งมอบตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของแคว้น...ไปให้กับผู้ที่เหมาะสมนั่นก็คือจินเฟยหลง ให้ขึ้นรับตำแหน่งนี้แทนเขาทันที และหลังจากที่พวกเขาจัดการกับพิธีศพของชิงจิวซิน และจัดการกับพิธีส่งมอบตำแหน่งให้จินเฟยหลงเสร็จแล้ว จินเฟยหมิงและจินเฟยฮวาก็ย้ายตัวเองมาอยู่ที่ค่ายทหารแถบชายแดนทันที... จินเฟยเทียนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับความว่างเปล่า ด้วยเพราะรอบกายเขาในยามนี้ มันไม่มีอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว
หยางหมิงเซียนที่แยกออกไปจัดการดูแลตัวเองจนเรียบร้อย เขาได้เดินกลับออกมา...พร้อมกับยื่นชุดเก่าของผู้เป็นบิดา ไปทางชิงหลวนคุนกับคนที่ติดตามพวกเขามาด้วย “บ่อน้ำด้านหลังเรือนยังใช้ได้อยู่ ส่วนของในเรือนพวกเจ้าสามารถหยิบใช้ได้ตามสบาย” หยางหมิงเซียนพูดจบก็คิดจะเดินออกจากเรือนทันที “หมิงเซียนเจ้าอยู่รอทำแผลของตัวเองและอยู่รอพวกข้าก่อน เดี๋ยวพวกเราค่อยออกไปตามหาเฟยเทียนต่อพร้อมกัน ตอนนี้เฟยหลงกำลังกลับไปเอายาและของที่พวกเราต้องใช้ในคืนนี้อยู่” ชิงหลวนคุนเอ่ยรั้งหยางหมิงเซียนเอาไว้ เพราะบาดแผลตามร่างกายของอีกฝ่ายยังไม่ได้รับการรักษา โดยเฉพาะบาดแผลที่มารดาของอีกฝ่ายได้ลงมือฝากเอาไว้ ยามนี้...มันยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาให้เห็น “ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าจัดการดูแลตัวเองเสร็จ ค่อยตามข้าออกไปแล้วกัน” “หมิงเซียนหากเจ้าไม่ดูแลตัวเอง และรีบร้อนจนเป็นอะไรไปอีกคน ยามนั้นมันจะไม่ยิ่งแย่ไปกว่านี้หรือ?” “แต่ตอนนี้เฟยเกออยู่ด้านนอกนั้นคนเดียว! แ
หยางหมิงเซียนที่ถูกจับตัวเอาไว้โดยชิงหลวนคุนและจินเฟยหลง ยามนี้เขาปล่อยให้ตัวเองทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น พร้อมกับสหายทั้งสองของเขาอย่างหมดแรง “พวกเจ้ารีบกระจายตัวออกไปหาเส้นทางที่สามารถใช้ไต่ลงไปด้านล่างได้ หากเจอแล้วให้รีบกลับมาบอกข้า” ชิงหลวนคุนที่ดึงสติกลับมาได้ก่อน รีบหันไปสั่งการคนของเขาทันที “หึ! เป็นเช่นไร...เจ็บปวดดีหรือไม่เล่า กับการที่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักแต่เท่านี้มันยังไม่เพียงพอ...ชดใช้ให้กับสิ่งที่พวกข้าต้องสูญเสียไปหรอกนะ ความจริงแล้วพวกเจ้าก็น่าจะตกลงไปตายพร้อมกับคุณชายใหญ่นั่นด้วยเลยนะ” หานเฟิงที่ถูกจับตัวโดยคนของซูเทียนฉินเอ่ยขึ้น “ชดใช้อย่างนั้นหรือ...ได้! อย่างนั้นพวกเจ้าก็จงชดใช้มาให้ข้าเสียสิ!!” หยางหมิงเซียนลุกขึ้นปาดน้ำตาพร้อมกับเดินเข้าไปคว้าดาบในมือของซูเทียนฉิน ก่อนจะเดินเข้าไปฟันคอของหานเฟิงจนขาดภายในดาบเดียว จากนั้นเขาก็ตรงเข้าไปจัดการกับลูกน้องของหานเฟิงต่อทันที “หมิงเซียนหยุด! เก็บแร