เช้าวันรุ่งขึ้นหยางหมิงเซียนและจินเฟยเทียนก็ตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม แต่วันนี้หลังรับสำรับเช้าเสร็จจินเฟยเทียนตั้งใจจะพูดกับจางเลี่ยงซูเรื่องที่จะขอเปิดโรงหมอ แต่โดนอีกฝ่ายเรียกให้เข้าไปในห้องปรุงยาเพื่อช่วยทดลองสีชาดทาปากให้เสียก่อน แม้ตัวเขาจะเอ่ยปฏิเสธอย่างไร ขอให้เสี่ยวเปาหรือบ่าวคนอื่นมาช่วยลองแทนอย่างไร...อีกฝ่ายก็ไม่ยอมท่าเดียว จนสุดท้ายเขาก็กลายเป็นหนูทดลองยาของจางเลี่ยงซูอีกครั้ง
ส่วนหยางหมิงเซียนไม่ได้ตามเข้าไปในห้องปรุงยากับจินเฟยเทียนด้วย เพราะจางเลี่ยงซูให้หยางหมิงเซียนช่วยไปคุมบ่าวตากสมุนไพรที่เถ้าแก่จงให้คนนำมาส่งให้เมื่อเช้า เจ้าตัวเลยรอดตัวไป
หลังจากคุมบ่าวตากสมุนไพรเสร็จ หยางหมิงเซียนก็เดินกลับมาที่ห้องปรุงยา เขาเห็นจางเลี่ยงซูเดินนำจินเฟยเทียนออกมาจากห้อง แต่จินเฟยเทียนดูมีท่าทางแปลกๆไป
จินเฟยเทียนเดินตามจางเลี่ยงซูออกมาจากห้อง เขาพยายามที่จะใช้แขนเสื้อลบสีชาดที่ทาปากออก หลังจากที่เขาพยายามใช้น้ำช่วยในการล้างมันออกแล้ว
นี่ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วที่จินเฟยเทียนยังไม่ได้ปรึกษากับจางเลี่ยงซูเรื่องการเปิดโรงหมอ หลังจากที่ได้พูดคุยเรื่องภายภาคหน้ากับหยางหมิงเซียนไป เพราะในช่วงนี้ชาวบ้านในละแวกจวนราชครู เริ่มมีอาการเจ็บป่วยและมาขอเข้ารับการรักษาที่เรือนสมุนไพรเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะเด็กๆ และคนชรา เพราะที่เรือนสมุนไพรเก็บเงินค่ารักษาไม่แพง ส่วนใหญ่จะเก็บเฉพาะค่ายา ส่วนค่าทำการรักษานั้นที่นี่ไม่คิดเงิน เนื่องจากเริ่มแรกที่จางเลี่ยงซูเปิดเรือนสมุนไพรไพรนี้ขึ้นมา ก็เพื่อต้องการสอนศาสตร์ทางการแพทย์เรื่องการรักษาคนป่วยให้แก่หลานชายของตัวเอง จึงต้องการคนป่วยจริงๆ ให้หลานชายได้ลองลงมือทำการรักษา ส่วนใหญ่คนป่วยที่เข้ามาขอรับการรักษาที่เรือนสมุนไพร จะมากันตั้งแต่เช้าและพอช่วงบ่ายอาการดีขึ้นก็จะกลับไปรักษาตัวต่อที่เรือนของตัวเอง แต่ก็จะมีคนป่วยบางคนที่มีอาการหนักจนต้องนอนรอดูอาการที่เรือนสมุนไพร จางเลี่ยงซูก็จะให้บ่าวในจวนมานอนเฝ้าผู้ป่วยในยามกลางคืน หากผู้ป่วยเกิดเป็นอะไรขึ้นมาในยามดึกบ่าวที่คอยเฝ้าคนป่วยอยู่ก็จะรีบออกมาตามจินเฟยเทียนก่อน แต่หากคนป่วยมี
“เฟยเกอ มานานแล้วหรือขอรับ?” “อ่ะ! พี่ชายใจดีมาแล้ว ช่วยข้าด้วยขอรับ พี่ชายหน้าดุคนนี้จะตีข้า!” “เจ้า! ข้าจะตีเจ้าตอนไหน เจ้าเด็กนี่” “พอกันเลยทั้งคู่...ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่” จินเฟยเทียนแอบส่งแววตาดุไปให้คนทั้งคู่ ก่อนจะก้าวเข้าไปหา... “เด็กน้อย ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมกินยา?” “ก็ยามันขมนี่ขอรับ และข้าก็ไม่ชอบพี่ชายหน้าดุคนนี้ด้วยขอรับ” “เจ้าเด็กนี่!” “หมิงเซียน!” “ก็เจ้าเด็กนี่ว่าข้าก่อนนะขอรับเฟยเกอ” “หมิงเซียนเอายาของเด็กคนนี้มาให้ข้า เดี๋ยวข้าจัดการต่อเอง ส่วนเจ้าก็เอายาถ้วยนี้ไปให้แม่นางสุ่ยแทนข้าก็แล้วกันนะ” “ข้า...ก็ได้ขอรับ” หยางหมิงเซียนเมื่อได้รับแววตาปรามจากอีกฝ่าย เขาจึงเดินนำยามาเปลี่ยนกับจินเฟยเทียน แล้วเดินไปยังฝั่งด้านใน
เข้าสู่เช้าวันที่สามแล้ว หลังจากที่จางเลี่ยงซูสั่งให้พวกจินเฟยเทียนกลับไปพักผ่อนที่เรือนพักของตัวเอง ไม่ต้องออกมาช่วยงานที่เรือนสมุนไพร เนื่องจากในเมืองหลวงได้ถูกหิมะตกหนักติดต่อกันมาเป็นเวลายาวนานถึงสี่เดือน ทำให้มีผู้ป่วยมาขอเข้ารับการรักษาที่เรือนสมุนไพรเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้นายบ่าวทั้งสี่คนต้องทุ่มเทดูแลคนป่วยจนเจ้าตัวแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน แต่พอหิมะที่เคยตกหนักอย่างยาวนานได้หยุดตก อากาศในเมืองหลวงได้กลับมาเป็นปกติ และคนป่วยที่เรือนสมุนไพรเริ่มลดจำนวนลง จางเลี่ยงซูจึงสั่งให้นายบ่าวทั้งสี่คนกลับไปพักผ่อนดูแลตัวเองเป็นเวลาสามวัน และให้จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนรับสำรับที่เรือนพักของตัวเอง ไม่ต้องออกมารับสำรับกับพวกตนที่เรือนใหญ่ หลังจากที่พวกจินเฟยเทียนโดนจางเลี่ยงซูสั่งให้มาพัก สองวันแรกนายบ่าวทั้งสี่คนแทบจะไม่ลุกออกจากเตียงกันเลยทีเดียว แม้แต่เสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงยังแค่ลุกไปยกสำรับและเข้ามาดูแลจัดของให้ผู้เป็นนายในห้องเพียงเท่านั้น ที่เหลือจางเลี่ยงซูได้สั่งให้บ่าวในจวนคนอื่นมาคอยช่วยทำแทนก่อนในช่วงนี้
หลังจากกลับห้องไปจัดการดูแลตัวเองเสร็จหยางหมิงเซียนก็กลับมาที่ห้องของจินเฟยเทียน จากนั้นชายหนุ่มทั้งสองคนก็ออกมารับสำรับด้วยกันที่โถงเล็กในเรือนพัก โดยมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงคอยดูแลผู้เป็นนายอยู่ไม่ไกล “หมิงเซียน เจ้ายังอ่อนเพลียอยู่หรือไม่?” “ไม่แล้วขอรับเฟยเกอ” “ดีแล้ว...แล้วพวกเจ้าล่ะ อาเปาอาปิงยังอ่อนเพลียอยู่หรือไม่” “ไม่แล้วขอรับคุณชายฟาง” เสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงเอ่ยตอบผู้เป็นนายพร้อมกัน “ดีแล้ว แต่ข้าว่า...ตอนนี้พวกเราต้องบำรุงร่างกายตัวเองกันอีกหน่อย” พูดจบจินเฟยเทียนก็ล้วงเข้าไปในเสื้อ หยิบเอาถุงสีแดงออกหนึ่งมาถุง แล้วล้วงเข้าไปเอายาออกมาจากถุงสองเม็ด โดยยื่นเม็ดแรกให้กับหยางหมิงเซียน ส่วนเม็ดที่สองก็เอาเข้าปากของตัวเอง “ขอบคุณขอรับเฟยเกอ” หยางหมิงเซียนรับยามา ก็เอาเข้าปากของตัวเองตามจินเฟยเทียนทันที จินเฟยเทียนล้วงเข้าไปในเสื้อข
หยางหมิงเซียนที่เห็นตั้งแต่เริ่มแรกเหมือนกับจินเฟยเทียน ในตอนที่เด็กคนแรกเดินเข้ามา พอเด็กคนนั้นเห็นสายตาของเขาก็ทำเป็นถอยห่างแล้วเดินกลับไป แต่กับเด็กคนที่สอง เจ้าเด็กนี่! ตั้งใจวิ่งตรงเข้ามาทางด้านหลังของจินเฟยเทียนเลย เขาจึงเตรียมตัวที่จะลุกขึ้นไปจัดการกับเด็กคนนี้ แต่จินเฟยเทียนกลับเอื้อมมือมาจับมือเขาเอาไว้เสียก่อน แล้วกระซิบบอกกับเขาว่า...ขอเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง เขาจึงยอมปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการไปก่อน...ส่วนเขาค่อยรอจัดการต่อทีหลังก็ยังไม่สาย ส่วนเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิง มาเห็นตอนที่ผู้เป็นนายจับเด็กคนที่สองได้แล้ว พวกเขาจึงลุกขึ้นและจะเดินเข้าไปเอาเรื่องกับเด็กคนนั้น แต่โดนแววตาของผู้เป็นนายปรามเอาไว้เสียก่อน พวกเขาจึงยอมกลับลงไปนั่งที่เดิม จินเฟยเทียนเมื่อเห็นทุกคนในโต๊ะสงบลงและกลับไปนั่งที่ของตัวเองแล้ว เขาจึงหันกลับไปพูดกับเด็กที่เขาจับตัวเอาไว้ทันที “เด็กน้อย เหตุใดเจ้าถึงมาทำเรื่องแบบนี้?” เด็กชายที่มือข้าง
จินเฟยเทียนและหยางหมิงเซียนเมื่อกลับมานั่งที่โต๊ะก็เห็นอาหารที่พวกตนสั่งไว้ ได้มาวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว จินเฟยเทียนจึงยื่นมือไปจับตะเกียบ และกำลังจะลงมือกินข้าว แต่เขาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อหยางหมิงเซียนที่นั่งหน้างอง้ำบึ้งตึงอยู่ข้างๆ เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน “เฟยเกอขอรับ ทำไมท่านถึงต้องบอกชื่อ ที่อยู่ และให้เงินกับเด็กคนนั้นด้วยขอรับ?” “ข้าย่อมมีเหตุผล” “งั้นบอกเหตุผลทั้งหมดของท่านให้ข้าฟังตอนนี้เลยได้หรือไม่ขอรับเฟยเกอ?” “หมิงเซียนรอกลับจวนแล้ว เราค่อยพูดคุยกันเรื่องเมื่อครู่ดีหรือไม่? ตอนนี้พวกเราควรลงมือกินข้าวกันก่อน” “ตอนนี้ข้าไม่หิวแล้วขอรับเฟยเกอ งั้นเรากลับจวนกันเลยดีหรือไม่ขอรับ” “หมิงเซียนกินข้าวก่อน มีอาหารที่เจ้าชอบตั้งหลายอย่าง เดี๋ยวข้าตักให้เจ้าเองนะ” “ข้าไม่... ขอบคุณขอรับเฟยเกอ” หยางหมิงเซียนตอนแรกจะเอ่ยปฏิเสธ แต่พอเห็นจินเฟยเทียนตั
ในนิยายที่จินเฟยเทียนแต่งไว้ กว่าหยางหมิงเซียนจะได้พบกับเกาเล่ออีกครั้ง ก็ตอนที่หยางหมิงเซียนไปหาซื้อทาสมาใช้งาน แล้วได้ไปซื้อเอาตัวเกาเล่อออกมาจากตลาดค้าทาสแห่งนั้น โดยที่หยางหมิงเซียนจำเกาเล่อไม่ได้ แต่เกาเล่อกลับจำอีกฝ่ายได้ และสำนึกในบุญคุณของหยางหมิงเซียนที่เคยให้เงินมารดาของตน และในตอนนี้อีกฝ่ายก็ยังมาช่วยให้ตัวเขาได้หลุดออกจากนรกในตลาดค้าทาส ซึ่งในตอนนั้นหากหยางหมิงเซียนไม่มาซื้อตัวเขาออกไป เกาเล่อก็ได้ตัดสินใจไว้ว่า...จะจบชีวิตของตัวเองในเช้าวันรุ่งขึ้นตามน้องชายของตนที่เพิ่งสิ้นใจจากเขาไป ในวันที่เกาเล่อได้ออกมาจากตลาดค้าทาส เขารู้สึกเหมือนชีวิตของเขาได้เกิดใหม่อีกครั้ง จากนั้นเกาเล่อจึงตัดสินใจตอบแทนบุญคุณของหยางหมิงเซียน โดยการคอยติดตามและทำงานให้หยางหมิงเซียนแบบยอมแลกชีวิตให้อีกฝ่าย... ดังนั้นตอนเกิดเรื่องที่ร้านอาหาร จินเฟยเทียนที่นึกถึงเนื้อเรื่องในนิยายของพวกเกาเล่อขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์จะดันมาเกิดขึ้นกับเขาเอง แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว...เขาซึ่งเป
“งั้นคราวนี้ข้าขอถามพวกเจ้าว่า... หากข้าสั่งให้พวกเจ้าไปลงมือทำร้ายคนที่ข้าเกลียด โดยที่พวกเจ้าไม่รู้เลยว่าคนผู้นั้นได้ทำอะไรให้ข้าไม่พอใจ พวกเจ้าจะยอมทำตามคำสั่งข้าหรือไม่?” “ยอมขอรับ” หยางหมิงเซียน และเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงตอบพร้อมกัน “หา! เพราะเหตุใด?” จินเฟยเทียนแทบอยากจะร้องไห้ เขาอุตส่าห์ยกแม่น้ำมาแล้วห้าสาย แต่คำตอบที่ได้กลับไม่ตรงกับสิ่งที่เขาต้องการ “เพราะตั้งแต่ที่ข้าได้มาอยู่กับเฟยเกอ เฟยเกอไม่เคยทำร้ายผู้ใดหรือด่าว่าผู้ใดให้ข้าเห็นเลยสักครั้ง ดังนั้นการที่เฟยเกอให้ข้าไปลงมือทำร้ายคนผู้นั้น ก็แสดงว่าคนผู้นั้นจะต้องมาทำร้ายเฟยเกอก่อน และคนผู้นั้นจะต้องเป็นคนที่นิสัยไม่ดีเอามากๆ ที่สามารถทำให้เฟยเกอเกลียดได้ ดังนั้นการลงมือทำร้ายคนผู้นั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ผิดขอรับ” “พวกบ่าวก็คิดเช่นเดียวกับคุณชายหยางขอรับ” เสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงตอบพร้อมกัน “พวกเจ้านี่นะ... เฮ้อ! งั้นข้าขอถามพวกเจ้าใหม่ การล
“เจ้ามาอีกแล้วหรือหลวนคุน พักนี้เจ้ามาที่นี่บ่อยเกินไปหรือไม่?” “พักนี้ข้าว่างเลยแวะมาเยี่ยมสหายอย่างพวกเจ้าไม่ได้หรือ...” จินเฟยเทียนหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันหน้าห้องพักของเขา เขาจึงเดินออกมาดูที่หน้าห้องก็เห็นหยางหมิงเซียนกำลังยืนกันชิงหลวนคุนไม่ให้อีกฝ่ายเดินมาหาเขาที่ห้องพัก จากนั้นเขาก็เห็นเจ้าลูกกวางแอบส่งสัญญาณบางอย่างให้กับหลงจิ้นเปียวที่กำลังยืนแอบมองพวกเขาทั้งสองคนจากหน้าห้องผู้ป่วย ด้วยเจ้าตัวแสบหลงจิ้นเปียวยามนี้ได้ขออยู่เล่นกับเกาเล่อและเกาเผิงที่โรงหมอต่อ หลังจากที่ราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูพาอีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมพวกเขาที่นี่ “องค์ชายสิบสองพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ช่วยมาดูอะไรกับกระหม่อมสักครู่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หลงจิ้นเปียววัยเจ็ดหนาวเดินเข้ามาพูดพร้อมกับกระตุกชุดคลุมของชิงหลวนคุน “เพียงไม่นานพ่ะย่ะค่ะ มันอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เองพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ เราจะไปดูก
จินเฟยเทียนลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่...ใบหน้าแรกที่เขาได้เจอก็คือใบหน้าของหยางหมิงเซียน จินเฟยเทียนจึงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของคนที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างกายเขา... หากนึกย้อนไปในวันแรกที่เขาทะลุเข้ามาอยู่ในโลกแห่งนี้ โดยไม่นับรวมชาติที่เขาตายจากโลกแห่งนี้ไป คนแรกที่เขาเจอก็คือหยางหมิงเซียน และไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ยามที่เขาหัวเราะหรือแม้แต่ในยามที่เขาร้องไห้ คนที่อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอดก็คือหยางหมิงเซียน แม้แต่ในเวลาที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวที่สุด เขาก็มีอีกฝ่ายเป็นที่เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ... “ขอบคุณนะที่รักกัน” “ขอรับ ข้ารักเฟยเกอนะขอรับ” หยางหมิงเซียนเอ่ยตอบอีกฝ่ายพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองคนรักของเขา ที่จริงเขารู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาแล้ว “ข้าก็รักเจ้าหมิงเซียน เจ้าลูกกวางของข้า” “ขอรับ ข้าเป็นเจ้าลูกกวางของเฟยเกอ แต่..
หยางหมิงเซียนรีบประคองจินเฟยเทียนกลับมาที่เรือนของพวกเขา ดีที่พวกเขาสร้างโรงหมอไม่ไกลจากเรือนของพวกเขามากนัก และดีที่ตอนปรับปรุงเรือนหลังเก่าให้กลายเป็นเรือนหอของพวกเขา...ได้สร้างเรือนหลังเล็กแยกไปอีกสามหลัง เพื่อให้เกาเล่อกับเกาเผิงและบ่าวคนอื่นๆ ที่จินเฟยหมิงและราชครูหลงจิ้นสิงส่งมาให้อยู่ดูแลพวกเขาไปพักอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อที่ทุกคนจะได้มีที่พักเป็นสัดส่วนของตัวเอง ดังนั้นในเรือนใหญ่หลังนี้จึงมีเพียงแค่พวกเขาที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคน หยางหมิงเซียนประคองจินเฟยเทียนเข้ามานั่งพักในห้องนอนของพวกเขา ก่อนที่เขาจะลงไปนั่งคุกเข่าและมองคนที่นั่งอยู่บนเตียง ที่ในยามนี้ทั้งผิวหน้าและผิวกายของอีกฝ่ายมีสีแดงไม่ต่างไปจากผลผิงกั่ว ดวงตาของอีกฝ่ายยามนี้ก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายก็กำลังขบเม้มกันแน่น...คนตรงหน้ายามนี้คงกำลังพยายามฝืนความต้องการของตัวเองอยู่เป็นแน่ “เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ข้าขอโทษนะขอรับ ยาที่ท่านเพิ่งกินเข้าไปไม่ใช่ยาแก้ปวดต
“อาเล่อเจ้ากำลังทำอะไร?” หยางหมิงเซียนเข้ามาในห้องปรุงยา หลังจากไปส่งยาสมานแผลที่ค่ายทหาร ก็เจอเข้ากับเกาเล่อที่มาก้มๆเงยๆ อยู่แถวชั้นปรุงยาของเขา “ข้าน้อยกำลังจะต้มยาแก้ปวดตัวให้คุณชายใหญ่จินขอรับ” “เฟยเกอเป็นอะไร?” หยางหมิงเซียนรีบเอ่ยถาม เพราะเมื่อเช้าพวกเขาก็ออกมาจากเรือนพักพร้อมกันเหมือนทุกวัน อีกฝ่ายก็ยังปกติดีไม่เห็นมีอาการปวดตัวอะไรให้เห็น “วันนี้คุณชายใหญ่จินมีตรวจรักษาคนไข้ตั้งแต่เช้าเลยขอรับ และวันนี้ก็มีท่านป้าท่านหนึ่งที่ขยับตัวค่อนข้างจะลำบากเข้ามาขอรับการรักษา คุณชายใหญ่จินจึงต้องคอยช่วยนางขยับตัวตอนตรวจรักษาด้วยขอรับ ยามนี้คุณชายใหญ่จินเลยให้ข้าน้อยมาต้มยาแก้ปวดตัวให้ขอรับ” “เจ้ากลับไปช่วยเฟยเกอดูคนไข้ต่อเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องยาของเฟยเกอให้เอง อีกสักพักเจ้าค่อยกลับออกมาเอา และข้าฝากบอกเฟยเกอด้วยว่า...ข้ากลับมาแล้ว และเดี๋ยวถ้าข้าต้มยาให้ท่านลุงเจียงเสร็จ ข้าจะรีบเข้าไปหา” “ได้ขอรับ”
หยางหมิงเซียนเฝ้ามองตัวเขาในที่แห่งนี้เริ่มทำเรื่องเลวร้ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามนี้ตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เป็นถึงผู้ช่วยเจ้ากรมกลาโหมแล้ว และตัวเขาในที่แห่งนี้ก็มีเกาเล่อเป็นลูกน้องคนสนิทและยังมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงเป็นดั่งมือและเท้าคอยออกไปทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ ให้เขา พวกเขาทำตัวไม่ต่างอะไรจากโจร...ทั้งยักยอกของหลวง ทั้งติดสินบน ทั้งตัดเสบียงอาหารและยาที่จะส่งไปยังค่ายทหาร...เพียงเพื่อต้องการกลั่นแกล้งรองแม่ทัพจินเฟยหลง ด้วยเพราะอีกฝ่ายเข้ามาติดพันกับสตรีที่ตัวเขาในที่แห่งนี้กำลังลุ่มหลง จนวันหนึ่งหยางหมิงเซียนเห็นตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เจอกับผู้เป็นมารดา จากนั้นชีวิตของตัวเขาในที่แห่งนี้ก็เริ่มเลวร้ายลงไปจากเดิมเป็นเท่าตัว หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ถูกมารดาชักจูงให้ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่การดึงตัวเขาในที่แห่งนี้เข้าไปร่วมมือกับหานเฟิง ตอนนี้หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากคนเลวคนหนึ่ง ทั้งลงมือทำร้ายผู้คนอย่างไม่มีเหตุผล ยิ่งกับคนที่เคยทำร้ายจิตใจตัวเองด้
“ข้าขอร้องได้หรือไม่ ช่วยปล่อยเด็กคนนั้นไป เด็กคนนั้น...ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย หากคนที่จ้างเจ้าต้องการให้เจ้ามาเอาชีวิตข้า อย่างนั้นเจ้าก็เข้ามาเอาชีวิตข้าไปเสียเถอะ แต่ข้าขออย่างเดียว...ช่วยปล่อยเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องคนนั้นไป” จินเฟยเทียนยามนี้เจ็บปวดใจยิ่งนัก เพียงเพราะชีวิตตัวภาระอย่างเขา ทำให้ผู้คนรอบข้างและผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อน ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือตัวภาระเช่นเขาแบบนี้ หากไม่มีเขาสักคนทุกคนคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เป็นแน่... ‘ชีวิตของข้ามันช่างดูไร้ค่า และเป็นภาระของผู้อื่นอย่างที่ฮูหยินรองพูดไว้จริงๆด้วย’ นักฆ่าคนนั้นเดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนแล้วก้มลงหยิบดาบของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะโยนร่างของเด็กชายไปยังจุดที่จินเฟยเทียนกำลังยืนอยู่ จินเฟยเทียนที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองเด็กชายให้กลับขึ้นมายืนข้างตัวเองทันที “ข้าคงทำแบบนั้นให้ท่านไม่ได้หรอกคุณช
หยางหมิงเซียนลืมตาขึ้นมาเขาก็เห็นว่าตัวเองกำลังยืนอยู่กลางห้องเล็กห้องหนึ่ง เขาจึงมองไปรอบๆ ห้อง ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย... ‘ที่นี่? หรือว่า?’ หยางหมิงเซียนเดินไปที่เตียงขนาดกลางตรงมุมห้อง แล้วเขาก็ได้เห็นตัวเขาเองกับจินเฟยเทียนในวัยเยาว์ที่กำลังนอนอยู่ข้างกันบนเตียงหลังนั้น ‘นั่นข้ากับเฟยเกอนี่’ จากนั้นหยางหมิงเซียนก็เห็นหยงหม่าเดินเข้ามาในห้อง อีกฝ่ายเดินทะลุผ่านร่างของเขาเข้าไปปลุกคนบนเตียง ดูเหมือนว่ายามนี้คนที่นี่จะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเขาและมองไม่เห็นเขาที่ยืนอยู่ในห้องนี้ด้วย “คุณชายใหญ่ขอรับ...ตื่นได้แล้วขอรับ เราต้องรีบออกเดินทางกันแล้วนะขอรับ พวกองครักษ์บอกว่าเห็นพวกนักฆ่าเข้ามาแถวในหมู่บ้านนี้แล้วขอรับ” หยงหม่าหลังจากเห็นผู้เป็นนายรู้สึกตัวแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปหยิบเสื้อคลุมให้ผู้เป็นนายและเด็กชายอีกคนบนเตียงทันที&nbs
จินเฟยเทียนหลังจากที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสของคนตรงหน้า แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับตัวลุกออกจากตัวเขา แล้วเอื้อมมือไปหยิบน้ำมันหอมใต้เตียงขึ้นมา... และเมื่อเขาได้เห็นเครื่องแสดงความเป็นบุรุษของอีกฝ่ายอย่างเต็มตา... ยามนี้สติที่เตลิดไปไกลของเขาก็ได้วิ่งกลับมาเข้าในร่างเขาอย่างสมบูรณ์ทันที จินเฟยเทียนมองไปที่เครื่องแสดงความเป็นบุรุษของตัวเองกับของหยางหมิงเซียนแล้ว เขาก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น... แม้ยามนี้เขาอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้มากแค่ไหน และรู้ว่าตัวเองกำลังจะต้องพบเจอกับอะไร แต่เมื่อเขาเห็นแววตาของอีกฝ่ายแล้ว เขาก็กลั้นใจลุกออกไปจากเตียงหลังนี้ไม่ลงจริงๆ และยามนี้ในหัวของจินเฟยเทียนก็คิดแต่เพียงสำนวนที่ว่า...อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง หยางหมิงเซียนเมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาก็เริ่มลงมือเตรียมความพร้อมของจินเฟยเทียนต่อทันที “เฟยเกอเ
งานมงคลสมรสระหว่างจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนก็ถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ยามอย่างเรียบง่ายที่เรือนหอของพวกเขาตามความต้องการของจินเฟยเทียน แต่กว่าที่หยางหมิงเซียนจะเอาตัวเองเข้ามาในห้องหอได้ก็เกือบครึ่งค่อนคืนไปแล้ว เพราะเขาถูกทั้งคนในครอบครัวของจินเฟยเทียนและชิงหลวนคุนกับซานมู่ดึงตัวชนสุราและถ่วงเวลาเขาเอาไว้... หยางหมิงเซียนเมื่อเดินเข้ามาในห้องหอ เขาก็เดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนที่นั่งอยู่บนเตียง จากนั้นเขาก็ใช้พัดเปิดผ้าแดงที่คลุมใบหน้าของอีกฝ่ายในยามนี้ออก...แล้วเขาก็ได้เห็นใบหน้าของคนรักของเขา หลังจากที่พวกเขาไม่ได้เห็นหน้าและไม่ได้พบเจอกันเลยมาเป็นเวลาสามวัน ด้วยเพราะพวกเขาต้องทำตามประเพณี...คนตรงหน้าเลยถูกแยกให้ไปพักอยู่ที่ค่ายทหารของจินเฟยหลง “เฟยเกอขอรับ ท่านรู้ตัวหรือไม่ขอรับว่าวันนี้...ท่านรูปงามยิ่งนักขอรับ” จินเฟยเทียนเงยหน้าขึ้นมองหยางหมิงเซียนที่วันนี้เจ้าตัวก็สวมชุดคลุมสีแดงไม่ต่างไปจากเขา แต่ทำไม...