ในนิยายที่จินเฟยเทียนแต่งไว้ กว่าหยางหมิงเซียนจะได้พบกับเกาเล่ออีกครั้ง ก็ตอนที่หยางหมิงเซียนไปหาซื้อทาสมาใช้งาน แล้วได้ไปซื้อเอาตัวเกาเล่อออกมาจากตลาดค้าทาสแห่งนั้น โดยที่หยางหมิงเซียนจำเกาเล่อไม่ได้ แต่เกาเล่อกลับจำอีกฝ่ายได้ และสำนึกในบุญคุณของหยางหมิงเซียนที่เคยให้เงินมารดาของตน และในตอนนี้อีกฝ่ายก็ยังมาช่วยให้ตัวเขาได้หลุดออกจากนรกในตลาดค้าทาส ซึ่งในตอนนั้นหากหยางหมิงเซียนไม่มาซื้อตัวเขาออกไป เกาเล่อก็ได้ตัดสินใจไว้ว่า...จะจบชีวิตของตัวเองในเช้าวันรุ่งขึ้นตามน้องชายของตนที่เพิ่งสิ้นใจจากเขาไป
ในวันที่เกาเล่อได้ออกมาจากตลาดค้าทาส เขารู้สึกเหมือนชีวิตของเขาได้เกิดใหม่อีกครั้ง จากนั้นเกาเล่อจึงตัดสินใจตอบแทนบุญคุณของหยางหมิงเซียน โดยการคอยติดตามและทำงานให้หยางหมิงเซียนแบบยอมแลกชีวิตให้อีกฝ่าย...
ดังนั้นตอนเกิดเรื่องที่ร้านอาหาร จินเฟยเทียนที่นึกถึงเนื้อเรื่องในนิยายของพวกเกาเล่อขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์จะดันมาเกิดขึ้นกับเขาเอง แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว...เขาซึ่งเป
“งั้นคราวนี้ข้าขอถามพวกเจ้าว่า... หากข้าสั่งให้พวกเจ้าไปลงมือทำร้ายคนที่ข้าเกลียด โดยที่พวกเจ้าไม่รู้เลยว่าคนผู้นั้นได้ทำอะไรให้ข้าไม่พอใจ พวกเจ้าจะยอมทำตามคำสั่งข้าหรือไม่?” “ยอมขอรับ” หยางหมิงเซียน และเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงตอบพร้อมกัน “หา! เพราะเหตุใด?” จินเฟยเทียนแทบอยากจะร้องไห้ เขาอุตส่าห์ยกแม่น้ำมาแล้วห้าสาย แต่คำตอบที่ได้กลับไม่ตรงกับสิ่งที่เขาต้องการ “เพราะตั้งแต่ที่ข้าได้มาอยู่กับเฟยเกอ เฟยเกอไม่เคยทำร้ายผู้ใดหรือด่าว่าผู้ใดให้ข้าเห็นเลยสักครั้ง ดังนั้นการที่เฟยเกอให้ข้าไปลงมือทำร้ายคนผู้นั้น ก็แสดงว่าคนผู้นั้นจะต้องมาทำร้ายเฟยเกอก่อน และคนผู้นั้นจะต้องเป็นคนที่นิสัยไม่ดีเอามากๆ ที่สามารถทำให้เฟยเกอเกลียดได้ ดังนั้นการลงมือทำร้ายคนผู้นั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ผิดขอรับ” “พวกบ่าวก็คิดเช่นเดียวกับคุณชายหยางขอรับ” เสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงตอบพร้อมกัน “พวกเจ้านี่นะ... เฮ้อ! งั้นข้าขอถามพวกเจ้าใหม่ การล
หยางหมิงเซียนเมื่อเปิดประตูห้องของจินเฟยเทียน ภาพที่เขาเห็นคือ...มีบ่าวสาวนางหนึ่งกำลังเอื้อมมือเข้าไปจะดึงสายคาดเอวของจินเฟยเทียน “อ่ะ! ไม่ต้อง เจ้า...” จินเฟยเทียนกำลังเอ่ยปฏิเสธและกำลังถอยห่างออกจากบ่าวสาวนางหนึ่ง ที่อยู่ดีๆ ก็เข้ามาขอช่วยดูแลปรนนิบัติเขา แต่ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค ก็ได้ยินเสียงหยางหมิงเซียนเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน “หยุดมือของเจ้าเดี๋ยวนี้!” หยางหมิงเซียนตวาดใส่บ่าวสาวนางนั้นพร้อมกับแผ่บรรยากาศกดดันออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปยืนข้างจินเฟยเทียน “หมิงเซียน!” “คุณชายหยาง!” “ใครใช้ให้เจ้าเข้ามาในห้องนี้!” “บ่าว...บ่าวแค่จะเข้ามาช่วยดูแลปรนนิบัติคุณชายฟางเจ้าค่ะ” บ่าวสาวนางนั้นทรุดลงไปนั่งคุกเข่าอย่างตื่นกลัว ก่อนจะเงยหน้าที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมามองจินเฟยเทียน “หมิงเซียน เจ้าใจเย็นก่
หลังจากวันนั้นหยางหมิงเซียนกับจินเฟยเทียนก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนยามปกติ จนเวลาผ่านล่วงเลยมาแล้วสองเดือน และในวันนี้ยามเซินหยางหมิงเซียนจะต้องแยกไปฝึกวรยุทธกับราชครูหลงจิ้นสิง เนื่องจากตัวเขาไม่ได้ฝึกซ้อมมานานหลายเดือน หลังฝึกวรยุทธเสร็จ ทุกครั้งหยางหมิงเซียนจะรีบกลับไปหาจินเฟยเทียนที่เรือนสมุนไพรทันที แต่วันนี้หยางหมิงเซียนมีเรื่องคาใจที่อยากสอบถามราชครูหลงจิ้นสิง เขาจึงเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย ก่อนที่ราชครูหลงจิ้นสิงจะเดินกลับเรือนใหญ่ “ท่านลุงขอรับ ข้ามีเรื่องอยากจะขอรบกวนสอบถามท่านลุงขอรับ ตอนนี้ท่านลุงพอจะสะดวกหรือไม่ขอรับ?” “ได้สิ ตอนนี้ลุงว่างอยู่ ว่ามาได้เลยหมิงเซียน” ราชครูหลงจิ้นสิงอดแปลกใจไม่ได้ เพราะยามปกติหยางหมิงเซียนเอ่ยปากพูดกับเขาแทบจะนับคำได้เลยทีเดียว แต่วันนี้เจ้าตัวกลับเดินเข้ามาขอพูดกับเขาก่อน มันช่างเป็นอะไรที่แปลกจริงๆ “คือ...ข้ามีเรื่องไม่มั่นใจขอรับ ข้าเลยอยากจะขอถามความคิดเห็นจากท่านลุง” &
หยางหมิงเซียนเมื่อเดินมาถึงเรือนสมุนไพร เขาก็เดินไปยังห้องพักในเรือนสมุนไพรของจินเฟยเทียน เมื่อหยางหมิงเซียนเดินไปถึงหน้าห้อง เขาก็เห็นจินเฟยเทียนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว เขาจึงจะก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายในห้องทันที แต่ในตอนนั้น! เขาคิดขึ้นมาได้ว่า...ตนเองเพิ่งพูดคุยกับราชครูหลงจิ้นสิง เรื่องความรู้สึกของเขาที่มีต่อจินเฟยเทียน และเขาเองก็ได้ตัดสินใจแล้วว่า...จะถอยห่างจากอีกฝ่าย เขาจึงรีบหยุดตัวเอง แล้วหักใจก้าวถอยหลังออกจากห้อง จากนั้นเขาก็เดินไปยังห้องปรุงยาทันที จินเฟยเทียนหลังจากนั่งอ่านหนังสือมาได้สักพัก เขาก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมา...ทำไมตอนนี้เขาถึงยังไม่เห็นเจ้าลูกกวางเข้ามาหาเขาในห้อง ปกติในยามนี้อีกฝ่ายจะต้องกลับมาถึงที่นี่แล้ว และเจ้าตัวก็จะต้องเข้ามาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ คอยตามติดเขาแล้ว ‘สงสัยคงเพราะไม่ได้ฝึกวรยุทธมานานหลายเดือน เลยถูกท่านลุงจับให้ฝึกหนักเป็นกรณีพิเศษเป็นแน่’ จินเฟยเทียนเมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงเดินออกไปยังห้องผู้ป่วยเพื่อตามหา
หยางหมิงเซียนเดินกลับห้องของตัวเองด้วยความรู้สึกผิด เขาไม่ควรขึ้นเสียงกับจินเฟยเทียนเลย เขาโกรธตัวเอง เขาไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองเป็นในตอนนี้และไม่ชอบสิ่งที่ตัวเขากำลังทำอยู่ในตอนนี้ด้วย พอต้องกลับมานอนที่ห้องของตัวเอง หยางหมิงเซียนก็นอนไม่หลับ ตั้งแต่ที่ตัวเขาได้เจอกับจินเฟยเทียน เขาก็ไม่เคยนอนคนเดียวอีกเลย พอต้องกลับมานอนคนเดียวแบบนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะทนไม่ได้จริงๆ เสียแล้ว เขาอยากเข้าไปขอโทษอีกฝ่ายอีกครั้ง เขาอยากกลับไปนอนกอดจินเฟยเทียนเหมือนทุกคืน เขาคิดถึงกลิ่นหอมเย็นๆ ที่ออกมาจากตัวของจินเฟยเทียน หยางหมิงเซียนรีบลุกขึ้นมานั่ง แล้วล้มตัวลงนอนหันหลังให้กับประตูห้องของตัวเอง เขาพยายามหักห้ามใจที่จะไม่เดินลงจากเตียง เพื่อกลับไปหาจินเฟยเทียน ‘ไม่ได้! ข้าต้องถอยห่างจากเฟยเกอ ข้าต้องทำได้ ข้าต้องเข้าใจความรู้สึกของตัวเองให้ได้ ข้าต้องอดทน! ข้าต้องทำให้ได้!!’ เช้าวันรุ่งขึ้นสภาพของจินเฟยเทียนและหยางหมิงเซี
หยางหมิงเซียนคิดว่าตัวเองทนอยู่กับสถานการณ์แบบนี้ไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงเดินกอดหมอนหนุนไปเคาะประตูห้องนอนของจินเฟยเทียน “เฟยเกอ เฟยเกอขอรับ เฟยเกอนอนหรือยังขอรับ” “ข้ายังไม่นอน เจ้ามีอะไรหรือหมิงเซียน?” “ข้า...ข้านอนไม่หลับขอรับเฟยเกอ” หลังได้ยินเสียงตอบรับจากจินเฟยเทียน หยางหมิงเซียนก็รีบเปิดประตูและเดินเข้าไปพูดคุยกับอีกฝ่ายในห้องทันที “ข้าขอ...” “หมิงเซียน เจ้าแยกไปนอนคนเดียวมาได้หกคืนแล้ว...ดังนั้นข้าว่าเจ้าน่าจะเริ่มชินกับการนอนคนเดียวได้แล้วนะ” จินเฟยเทียนเห็นหยางหมิงเซียนเดินกอดหมอนหนุนเข้ามาในห้อง เขาก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร “อีกอย่างการที่เจ้าสามารถกลับไปนอนที่ห้องของตัวเองได้แบบนี้ มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะพวกเราทั้งคู่ต่างก็เริ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว การที่เจ้ากับข้าจะกลับมานอนด้วยกันเหมือนเดิม มันคงจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม”  
"หมิงเซียน ทำไมวันนี้เจ้าถึงดูไม่มีสมาธิในการฝึกเอาเสียเลย" หลังจากฝึกวรยุทธไปได้สักพัก ราชครูหลงจิ้นสิงก็รู้สึกว่า...วันนี้หยางหมิงเซียนมีอาการเหม่อลอยระหว่างฝึก "ขอโทษขอรับท่านลุง" "ลุงว่า...วันนี้พอแค่นี้ดีหรือไม่?" "ข้า...ขอรับ" "หมิงเซียน...ตอนนี้มีเรื่องอะไรมารบกวนจิตใจเจ้าอยู่ใช่หรือไม่?" "ขอรับ" "แล้วเจ้าอยากจะระบาย...หรือมีอะไรที่ลุงพอจะช่วยเจ้าได้หรือไม่หมิงเซียน?" "มีขอรับ" "งั้นพวกเราไปนั่งพูดคุยกันที่ใต้ต้นไม้ต้นนั้นกันเลยดีกว่า" ราชครูหลงจิ้นสิงเอ่ยชวนพร้อมชี้ไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ที่พวกเขาเคยใช้นั่งพูดคุยกันในครั้งก่อน "ขอรับ" "ท่านลุงขอรับข้าว่า...ข้าเข้าใจความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเฟยเกอแล้วขอรับ" หยางหมิงเซ
“เอ่อ...หมิงเซียน เจ้าปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่?” จินเฟยเทียนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะขาดอากาศหายใจ เมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกหยางหมิงเซียนพุ่งเข้ามากอดเอาไว้แบบนี้ ตอนนี้ตัวเขาเองก็แทบจะจมเข้าไปในอกของหยางหมิงเซียนอยู่แล้ว จินเฟยเทียนจึงรีบเอ่ยประท้วงพร้อมกับตบเบาๆ ที่บ่าของหยางหมิงเซียน “เฟยเกอ ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือขอรับ?” หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินจินเฟยเทียนเอ่ยประท้วงจึงรีบคลายอ้อมกอดของตัวเองออก พร้อมกับไล่สำรวจไปตามร่างกายของอีกฝ่าย และเมื่อเขาได้เห็นเลือดที่เปรอะเปื้อนตามเสื้อผ้าของอีกฝ่ายเขาก็ยิ่งรู้สึกร้อนรน “หมิงเซียน! ใจเย็น...ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนเลย” “แล้วเลือดนี่ล่ะขอรับ?” “เป็นเลือดของคนเจ็บที่ข้าไปช่วยไว้” “จริงหรือขอรับ?” “ใช่! งั้นเจ้าก็... อ่ะ!” จินเฟยเทียนแม้เขาจะตอบคำถามของหยางหมิงเซียนไปแล้วแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่เชื่อ และยังคงไล่จับตามเนื้อตามตัวเขาอยู่อย่างนั้น เขาจ
หยางหมิงเซียนเมื่อกลับมาถึงเรือนของตัวเองแล้ว เขาก็พาจินเฟยเทียนเข้ามานั่งบนเตียงในห้องนอนของเขา แล้วเขาก็สังเกตเห็นชุดที่จินเฟยเทียนกำลังใส่อยู่ตอนนี้...มันก็ทำให้เขานึกไปถึงเจ้าของชุดและแววตาที่เจ้าของชุดใช้มองมายังคนของเขา “เฟยเกอขอรับ ข้าขอทำแผลใส่ยาให้เฟยเกอใหม่ได้หรือไม่ขอรับ? เฟยเกอจะให้ข้าช่วยเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้ท่านด้วยเลยดีหรือไม่ขอรับ ท่านลุงกับท่านป้ามีให้คนจัดเตรียมชุดและของใช้ของเฟยเกอมาไว้ที่นี่ให้ด้วยนะขอรับ” หยางหมิงเซียนพูดพร้อมกับเดินเข้าไปหยิบชุดของจินเฟยเทียนออกมาให้เจ้าตัวดู... “ได้ แต่...ข้าขอไปอาบน้ำและเปลี่ยนชุดเองเลยดีกว่า หมิงเซียนเจ้าช่วยบอกให้อาเล่อเข้าไปเตรียมเก้าอี้ไว้ในห้องอาบน้ำให้ข้าได้หรือไม่?” “ได้ขอรับ” หยางหมิงเซียนรับคำของอีกฝ่ายแล้วเดินออกไปสั่งงานเกาเล่อ ก่อนจะกลับเข้ามาอุ้มจินเฟยเทียนด้วยท่าเจ้าสาวอีกครั้ง “หมิงเซียน...เจ้าแค่ช่วยประคองข้าเดินดีหรือไม่?” “ไม่
จินเฟยเทียนหันกลับไปมองตามเสียงเรียก...เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่ ยามนี้ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว “คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าข้ายามนี้คือเฟยเกอจริงๆ ใช่ไหมขอรับ ข้าไม่ได้ฝันอยู่ใช่ไหมขอรับตอนนี้” หยางหมิงเซียนเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวเข้าไปหาคนตรงหน้า หลังจากที่เขาใช้วิชาตัวเบาข้ามรั้วเข้ามายังบริเวณเรือนของเจียงเสียน “หมิงเซียน... อ่ะ!” หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินคนตรงหน้าเอ่ยเรียกชื่อเขา เขาก็โถมตัวลงไปกอดอีกฝ่ายไว้ทันที แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องของจินเฟยเทียน หยางหมิงเซียนก็รีบคลายอ้อมกอดของตัวเองออก จากนั้นเขาจึงถอยออกมายืนมองคนตรงหน้าด้วยความคิดถึง และเมื่อเขาเห็นรอยช้ำที่หน้าผากของอีกฝ่าย เขาก็รีบเอ่ยคำขอโทษพร้อมกับเอ่ยถามอาการของคนตรงหน้าทันที “เฟยเกอข้าขอโทษนะขอรับ เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ...เฟยเกอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง? แล้วทำไมเฟยเกอมาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ขอรับ?” “
จินเฟยเทียนหลังจากรับสำรับเย็นและเข้าไปจัดการดูแลตัวเองจนเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้พาตัวเขาออกมานั่งรับลมอยู่ที่ด้านหน้าเรือน... แต่ว่าด้วยเรื่องอาบน้ำของจินเฟยเทียน...ร่างกายที่แทบจะไม่ได้โดนน้ำเลยมาเป็นเวลาสองเดือน เพราะซานมู่เล่าว่า...ร่างกายของเขาตอนที่พวกซานมู่เจอในตอนแรกนั้น ทั้งบอบช้ำและเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์หลายจุด ท่านหมอที่มารักษาให้เขาจึงห้ามไม่ให้บาดแผลของเขาโดนน้ำ พวกซานมู่จึงทำได้เพียงเช็ดหน้าและเช็ดทำความสะอาดตามบาดแผลให้เท่านั้น ในตอนที่จินเฟยเทียนบอกกับคนทั้งสองเรื่องที่เขาจะขอไปอาบน้ำ คนทั้งสองจึงเอ่ยค้านเขาอย่างหนัก จนเขาต้องงัดหาเหตุผลและอ้างเอาความเป็นหมอขึ้นมาใช้ ไช่ผิงกับซานมู่ถึงยินยอมให้เขาเข้าไปอาบน้ำ... จินเฟยเทียนที่นั่งหน้าเรือนมาได้สักพัก เขาก็เห็นซานมู่เดินเข้ามา...พร้อมกับแบกฟืนกองใหญ่มากองไว้ด้านหน้าเรือนด้วย “ข้าน้อยกำลังจะก่อกองไฟขอรับ อากาศยามนี้เริ่มเย็นแล้ว หากได้นั่งผิงไฟก่อนเข้านอน...ก็น่าจะดีนะขอรับ” ซานมู่หันไปพูดกับจิ
จินเฟยเทียนที่ฟื้นขึ้นมา...วันนี้ก็เป็นวันที่สองแล้ว ที่ตัวเขาต้องนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงให้ซานมู่และไช่ผิงคอยดูแล เนื่องจากสภาพร่างกายที่ยังคงเต็มไปด้วยบาดแผลของเขา แต่ในยามนี้...จินเฟยเทียนรู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัวมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว และด้วยกลัวว่าหากเขายังไม่ยอมฝืนขยับร่างกายของตัวเองในตอนนี้...แล้วรอจนแผลแห้ง ยามนั้นทั้งเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อของเขามันก็อาจจะยึดติดกัน จนทำให้เขาไม่สามารถขยับหรือลุกขึ้นยืนด้วยขาของตัวเองได้อีกเลย จินเฟยเทียนจึงลองขยับทั้งแขนและขาของเขา และเมื่อเขาลองขยับ...ความเจ็บปวดก็พากันวิ่งไปทั่วทั้งร่างกายของเขา ยิ่งบริเวณที่แผลยังไม่แห้งดี ยามนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่ความเจ็บปวดที่จินเฟยเทียนได้รับในยามนี้มันเป็นความเจ็บปวดที่เขายังพอทนรับได้ เขาจึงพยายามดันร่างกายของตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่ง และเมื่อเขาลุกขึ้นมานั่งได้แล้ว เขาก็มองไปรอบๆ ห้อง เพื่อมองหาของที่ตัวเขาสามารถนำมาใช้ค้ำยัน...แล้วจินเฟยเทียนก็มองเห็นไม้ง่ามอันหนึ่งที่วางอยู่ด้านข้างเตียงของเขา เข
“คุณชาย...ท่านฟื้นแล้ว!” จินเฟยเทียนลืมตาขึ้นมาเขาก็ได้เห็นว่า...ตอนนี้ตัวเขากำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเรียกของบุรุษ ดังขึ้นมาจากข้างเตียง...เขาจึงหันไปมองตามเสียงนั้น แล้วเขาก็ได้เห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังมองมาที่เขา “อย่าเพิ่งลุกขอรับ” ซานมู่รีบเข้าไปประคองคนเจ็บ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง “เอ่อ...ที่นี่ที่ไหนหรือขอรับ? แล้ว...ตัวข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรหรือขอรับ?” จินเฟยเทียนเอ่ยถามเมื่อมองไปรอบๆ แล้ว เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ... ‘นี่ข้าได้กลับมาเป็นจินเฟยเทียนหรือไม่นะ?’ “ที่นี่คือเรือนพักกลางป่าของพวกข้าน้อยเองเจ้าค่ะ พวกข้าน้อยเจอคุณชายนอนไม่ได้สติอยู่ที่ริมแม่น้ำ...เลยพาคุณชายเข้าไปรักษาตัวที่โรงหมอในหมู่บ้าน จากนั้นก็พาคุณชายกลับมารักษาตัวต่อที่เรือนไม้หลังนี้เจ้าค่ะ แต่ในระหว่างที่คุณชายมารักษาตัวอ
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาแล้วถึงสองเดือน...ที่พวกเขายังคงตามหาจินเฟยเทียนไม่พบ แม้หยางหมิงเซียนจะยังคงออกตามหาจินเฟยเทียนทั้งกลางวันและกลางคืนเหมือนเดิม โดยมีชิงหลวนคุน จินเฟยหลงและราชครูหลงจิ้นสิงที่คอยส่งคนออกมาช่วยตามหา และถ้าเมื่อใดที่พวกเขาว่าง...พวกเขาก็จะลงมาช่วยตามหาจินเฟยเทียนด้วยตัวเองทุกครั้งก็ตาม ส่วนจินเฟยหมิง...อาการจากการถูกลอบวางยาพิษถึงจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ลมปราณและวรยุทธของเขากลับถูกยาพิษของหานเฟิงทำลายจนไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม เขาจึงทำเรื่องทูลขอต่อฮ่องเต้ เพื่อส่งมอบตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของแคว้น...ไปให้กับผู้ที่เหมาะสมนั่นก็คือจินเฟยหลง ให้ขึ้นรับตำแหน่งนี้แทนเขาทันที และหลังจากที่พวกเขาจัดการกับพิธีศพของชิงจิวซิน และจัดการกับพิธีส่งมอบตำแหน่งให้จินเฟยหลงเสร็จแล้ว จินเฟยหมิงและจินเฟยฮวาก็ย้ายตัวเองมาอยู่ที่ค่ายทหารแถบชายแดนทันที... จินเฟยเทียนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับความว่างเปล่า ด้วยเพราะรอบกายเขาในยามนี้ มันไม่มีอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว
หยางหมิงเซียนที่แยกออกไปจัดการดูแลตัวเองจนเรียบร้อย เขาได้เดินกลับออกมา...พร้อมกับยื่นชุดเก่าของผู้เป็นบิดา ไปทางชิงหลวนคุนกับคนที่ติดตามพวกเขามาด้วย “บ่อน้ำด้านหลังเรือนยังใช้ได้อยู่ ส่วนของในเรือนพวกเจ้าสามารถหยิบใช้ได้ตามสบาย” หยางหมิงเซียนพูดจบก็คิดจะเดินออกจากเรือนทันที “หมิงเซียนเจ้าอยู่รอทำแผลของตัวเองและอยู่รอพวกข้าก่อน เดี๋ยวพวกเราค่อยออกไปตามหาเฟยเทียนต่อพร้อมกัน ตอนนี้เฟยหลงกำลังกลับไปเอายาและของที่พวกเราต้องใช้ในคืนนี้อยู่” ชิงหลวนคุนเอ่ยรั้งหยางหมิงเซียนเอาไว้ เพราะบาดแผลตามร่างกายของอีกฝ่ายยังไม่ได้รับการรักษา โดยเฉพาะบาดแผลที่มารดาของอีกฝ่ายได้ลงมือฝากเอาไว้ ยามนี้...มันยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาให้เห็น “ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าจัดการดูแลตัวเองเสร็จ ค่อยตามข้าออกไปแล้วกัน” “หมิงเซียนหากเจ้าไม่ดูแลตัวเอง และรีบร้อนจนเป็นอะไรไปอีกคน ยามนั้นมันจะไม่ยิ่งแย่ไปกว่านี้หรือ?” “แต่ตอนนี้เฟยเกออยู่ด้านนอกนั้นคนเดียว! แ
หยางหมิงเซียนที่ถูกจับตัวเอาไว้โดยชิงหลวนคุนและจินเฟยหลง ยามนี้เขาปล่อยให้ตัวเองทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น พร้อมกับสหายทั้งสองของเขาอย่างหมดแรง “พวกเจ้ารีบกระจายตัวออกไปหาเส้นทางที่สามารถใช้ไต่ลงไปด้านล่างได้ หากเจอแล้วให้รีบกลับมาบอกข้า” ชิงหลวนคุนที่ดึงสติกลับมาได้ก่อน รีบหันไปสั่งการคนของเขาทันที “หึ! เป็นเช่นไร...เจ็บปวดดีหรือไม่เล่า กับการที่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักแต่เท่านี้มันยังไม่เพียงพอ...ชดใช้ให้กับสิ่งที่พวกข้าต้องสูญเสียไปหรอกนะ ความจริงแล้วพวกเจ้าก็น่าจะตกลงไปตายพร้อมกับคุณชายใหญ่นั่นด้วยเลยนะ” หานเฟิงที่ถูกจับตัวโดยคนของซูเทียนฉินเอ่ยขึ้น “ชดใช้อย่างนั้นหรือ...ได้! อย่างนั้นพวกเจ้าก็จงชดใช้มาให้ข้าเสียสิ!!” หยางหมิงเซียนลุกขึ้นปาดน้ำตาพร้อมกับเดินเข้าไปคว้าดาบในมือของซูเทียนฉิน ก่อนจะเดินเข้าไปฟันคอของหานเฟิงจนขาดภายในดาบเดียว จากนั้นเขาก็ตรงเข้าไปจัดการกับลูกน้องของหานเฟิงต่อทันที “หมิงเซียนหยุด! เก็บแร
“พวกเจ้ารีบพานางออกไปจากที่นี่ ส่วนพวกที่เหลือ...ตามข้ามา!” หานเฟิงหันไปสั่งคนของเขา พร้อมกับกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้า หลังจากที่ตัวเขามาถึงหลังกระท่อม แล้วเห็นพ่อบ้านจวนแม่ทัพ กำลังพาคนในกระท่อมหลบหนีโดยใช้รถม้าที่พวกเขาได้เตรียมเอาไว้หนี... แต่ดีที่คนของเขาได้พาว่านซิ่นหลิงไปขึ้นรถม้าอีกคันที่พวกเขาได้จอดทิ้งเอาไว้หน้ากระท่อม เขาจึงรีบแยกคนของเขาที่เหลืออยู่เป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้พาว่านซิ่นหลิงหลบออกไปจากที่นี่ ส่วนที่เหลือให้ตามเขาไปจัดการกับคนพวกนั้น แต่ก่อนที่หานเฟิงจะควบม้าออกไป เขาได้หันกลับไปมองที่ชิงจิวซิน ยามนี้นางได้ท่านกุนซือเข้ามาช่วยเหลือ และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังจะช่วยถอนพิษให้กับนาง เขาจึงเอ่ยปากขอธนูกับลูกธนูจากคนของเขา จากนั้นจึงยิงไปที่ชิงจิวซินก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปจากที่นั่น ‘คนชั่วช้าอย่างเจ้า ไม่ควรได้รับความเมตตาจากใครทั้งนั้น...จินฮูหยิน’ “อึก!” “จินฮูหยิน!” ชิงจิว