"หมิงเซียน ทำไมวันนี้เจ้าถึงดูไม่มีสมาธิในการฝึกเอาเสียเลย" หลังจากฝึกวรยุทธไปได้สักพัก ราชครูหลงจิ้นสิงก็รู้สึกว่า...วันนี้หยางหมิงเซียนมีอาการเหม่อลอยระหว่างฝึก
"ขอโทษขอรับท่านลุง"
"ลุงว่า...วันนี้พอแค่นี้ดีหรือไม่?"
"ข้า...ขอรับ"
"หมิงเซียน...ตอนนี้มีเรื่องอะไรมารบกวนจิตใจเจ้าอยู่ใช่หรือไม่?"
"ขอรับ"
"แล้วเจ้าอยากจะระบาย...หรือมีอะไรที่ลุงพอจะช่วยเจ้าได้หรือไม่หมิงเซียน?"
"มีขอรับ"
"งั้นพวกเราไปนั่งพูดคุยกันที่ใต้ต้นไม้ต้นนั้นกันเลยดีกว่า" ราชครูหลงจิ้นสิงเอ่ยชวนพร้อมชี้ไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ที่พวกเขาเคยใช้นั่งพูดคุยกันในครั้งก่อน
"ขอรับ"
"ท่านลุงขอรับข้าว่า...ข้าเข้าใจความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเฟยเกอแล้วขอรับ" หยางหมิงเซ
“เอ่อ...หมิงเซียน เจ้าปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่?” จินเฟยเทียนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะขาดอากาศหายใจ เมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกหยางหมิงเซียนพุ่งเข้ามากอดเอาไว้แบบนี้ ตอนนี้ตัวเขาเองก็แทบจะจมเข้าไปในอกของหยางหมิงเซียนอยู่แล้ว จินเฟยเทียนจึงรีบเอ่ยประท้วงพร้อมกับตบเบาๆ ที่บ่าของหยางหมิงเซียน “เฟยเกอ ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือขอรับ?” หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินจินเฟยเทียนเอ่ยประท้วงจึงรีบคลายอ้อมกอดของตัวเองออก พร้อมกับไล่สำรวจไปตามร่างกายของอีกฝ่าย และเมื่อเขาได้เห็นเลือดที่เปรอะเปื้อนตามเสื้อผ้าของอีกฝ่ายเขาก็ยิ่งรู้สึกร้อนรน “หมิงเซียน! ใจเย็น...ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนเลย” “แล้วเลือดนี่ล่ะขอรับ?” “เป็นเลือดของคนเจ็บที่ข้าไปช่วยไว้” “จริงหรือขอรับ?” “ใช่! งั้นเจ้าก็... อ่ะ!” จินเฟยเทียนแม้เขาจะตอบคำถามของหยางหมิงเซียนไปแล้วแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่เชื่อ และยังคงไล่จับตามเนื้อตามตัวเขาอยู่อย่างนั้น เขาจ
หลังจากจางเลี่ยงซูและจินเฟยเทียนทำการรักษาชิงหลวนคุนจนเรียบร้อยแล้ว ก็หันมาตรวจดูบาดแผลขององครักษ์ซงหยวนต่อ แต่เพราะบาดแผลเล็กๆส่วนใหญ่เสี่ยวเปาได้ใส่ยาและพันผ้าปิดปากแผลไว้เรียบร้อยแล้ว จะเหลือก็แค่บาดแผลใหญ่ที่ช่วงไหลเท่านั้น ที่เสี่ยวเปารอให้คุณชายของตนและหลงฮูหยินมาตรวจรักษาให้ชายหนุ่มตรงหน้า ราชครูหลงจิ้นสิงหลังจากส่งคนไปส่งข่าวให้กับพระมารดาของชิงหลวนคุนแล้ว ก็กลับเข้ามาในห้องผู้ป่วยอีกครั้งพร้อมกับผู้คุ้มกัน และบ่าวชายในจวนจำนวนหนึ่งที่นำสำรับและเสื้อผ้าตัวใหม่มาให้องค์ชายสิบสองและองครักษ์ของพระองค์ "องค์ชายสิบสองพ่ะย่ะค่ะ คนพวกนี้กระหม่อมจัดมาให้...เพื่อจะให้มาคอยอารักขาความปลอดภัยของพระองค์ และจะให้มาคอยดูแลปรนนิบัติพระองค์ยามที่ต้องรักษาตัวอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ หากพระองค์และท่านองครักษ์ซงต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม ให้บอกกับคนพวกนี้ได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ" ด้วยความซับซ้อนของวังหลวง ราชครูหลงจิ้นสิงจึงไม่คิดและไม่กล้าที่จะเอ่ยถามเกี่ยวกับที่มาของบาดแผลตามร่างกายของชิงหลวนคุนและคนของอีกฝ
"เฟยเกอขอรับ" หยางหมิงเซียนพูดขึ้นเมื่อพวกเขาเดินมาถึงเรือนพัก "มีอะไรหรือหมิงเซียน?" "เดี๋ยวข้าอาบน้ำเสร็จ ข้าขอเข้าไปยืมหนังสือที่ห้องของเฟยเกอได้หรือไม่ขอรับ?" "หนังสือ...อ้อ! หนังสือสมุนไพรเล่มใหม่ใช่หรือไม่? งั้นเจ้าตามข้าเข้ามารับในห้องตอนนี้ได้เลย" "เอ่อ...พอดีข้าอยากได้เล่มอื่นด้วยขอรับ" "งั้นเจ้าก็เข้ามาเลือกตอนนี้ได้เลยนะ" "คือ...ตอนนี้ข้าเหนียวตัวมากเลยขอรับ ข้าเลยอยากขอไปอาบน้ำก่อนนะขอรับ หลังจากจัดการดูแลตัวเองเรียบร้อยแล้ว ข้าค่อยเข้าไปเลือกหนังสือที่ห้องของเฟยเกอนะขอรับ" "อืม...งั้นก็ตามใจเจ้า" "ขอบคุณขอรับเฟยเกอ" หยางหมิงเซียนเมื่อจัดการดูแลตัวเองเสร็จแล้ว ก็รีบเดินกอดหมอนหนุนไปยังห้องนอนของจินเฟยเทียน "เฟยเกอขอรับ"&nbs
“คุณชายฟาง คุณชายหยางขอรับ ปลายยามเหม่าแล้วขอรับ” เสี่ยวปิงส่งเสียงปลุกผู้เป็นนายทั้งสองคนหน้าห้องของคุณชายฟาง เนื่องจากวันนี้ตอนเขาเข้าไปในห้องของคุณชายหยางเพื่อเตรียมของ แล้วไม่เจอผู้เป็นนาย เขาจึงคิดว่าเจ้านายทั้งสองน่าจะคืนดีกันแล้ว และกลับมานอนด้วยกันที่ห้องคุณชายฟางเหมือนเดิม “อืม...เข้ามาได้” จินเฟยเทียนงัวเงียตอบกลับเสี่ยวปิง ก่อนจะลุกขึ้นมานั่ง และเมื่อร่างกายเริ่มตื่นเต็มที่ จินเฟยเทียนก็เริ่มแปลกใจเพราะโดยปกติคนที่เข้ามาปลุกเขาในยามเช้าคือหยางหมิงเซียน “เอ๊ะ! แล้ว...” จินเฟยเทียนก้มมองแขนที่พาดอยู่เอวของตัวเอง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น จินเฟยเทียนจับแขนหยางหมิงเซียนที่พาดอยู่ที่เอวตัวเองออก และเอื้อมมือไปปลุกหยางหมิงเซียนเบาๆ พร้อมกับเอ่ยถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย “หมิงเซียนตื่น หมิงเซียนตื่นได้แล้ว" "ขอรับ" หยางหมิงเซียนทำเป็นงัวเงียตื่น แล้วลุกขึ้นมานั่ง
"คุณชายฟาง คุณชายหยาง เชิญนั่งก่อน" ชิงหลวนคุนเรียกให้จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนเข้ามานั่งที่เก้าอี้ใกล้ตน หลังจากเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้อง และก้มลงทำความเคารพให้เขาเสร็จแล้ว "พ่ะย่ะค่ะ" จินเฟยเทียนตอบรับและเดินนำหยางหมิงเซียนเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตามคำเชิญ "คุณชายฟาง ที่ข้าให้คนไปเชิญเจ้ามาพบ จริงๆ แล้วไม่ได้มีอะไรมาก คือเสด็จแม่ของข้าได้ฝากของมาขอบคุณเจ้า ที่เจ้าได้ช่วยชีวิตข้าและอาซงเอาไว้ และข้าเองก็มีเรื่องอยากจะสอบถามเจ้าด้วย" "ในหีบใบเล็กนั่นคือโสม อายุน่าจะสัก 10 ปีได้ และยังมีสมุนไพรอีกหลายขนานในหีบใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างกัน เสด็จแม่ฝากมามอบให้กับเจ้า" ชิงหลวนคุนชี้ไปยังหีบสองใบ ที่วางอยู่บนเตียงถัดไปให้จินเฟยเทียนดูพร้อมกับอธิบาย "กระหม่อมขอไม่รับได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? เอ่อคือ...กระหม่อม" จินเฟยเทียนเอ่ยปฎิเสธแต่ถูกแววตาโศกที่ทรงอำนาจจ้องมองมา เขาจึงรีบเงียบปากลง "ไม่ได้ เสด็จแม่ทรงม
"เฟยเกอขอรับ ทำไมเฟยเกอถึงยอมเป็นสหายกับองค์ชายนั่นง่ายๆ ล่ะขอรับ?" หยางหมิงเซียนถามขึ้นหลังจากที่ทั้งสองคนเดินมาถึงห้องพักในเรือนสมุนไพรของจินเฟยเทียน และบ่าวชายที่เดินถือของพระราชทานมาให้ได้เดินออกไปจากห้องแล้ว "หมิงเซียน! อย่าเรียกองค์ชายแบบนั้นให้คนอื่นได้ยินเชียวนะ" "ขอโทษขอรับ" "แต่ทำไมเฟยเกอถึงยอมเป็นสหายกับองค์ชายสิบสองล่ะขอรับ? แถมยังบังคับข้าอีกด้วย" "เพราะพระองค์ดูน่าสงสาร และข้าก็เห็นความเหงาในแววตาของพระองค์" ในตอนแรกจินเฟยเทียนก็รู้สึกแปลกใจที่ชิงหลวนคุนมาขอเป็นสหายกับพวกเขา แต่พอนึกให้ดีในนิยายที่เขาเขียนไว้...ชิงหลวนคุนหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บ ก็ได้ขอเป็นสหายกับนางเอก พี่ชายของนางเอก และพระเอกเช่นกัน ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยขอเป็นสหายกับพวกเขา จินเฟยเทียนจึงตอบตกลงและให้หยางหมิงเซียนตอบตกลงเป็นสหายกับอีกฝ่ายไปด้วย จินเฟยเทียนที่เป็นคนแต่งตัวละครนี้ข
จินเฟยเทียนเดินกลับมาที่เตียง พร้อมกับถาดใส่ยา อ่างน้ำและผ้าสะอาด ที่จะนำมาเช็ดตัวให้กับคนป่วย จากนั้นเขาก็เข้าไปประคองหยางหมิงเซียนให้ลุกขึ้นมานั่ง ก่อนจะส่งยากับน้ำให้คนป่วยทันที “หมิงเซียน กินยาก่อนนะ” “ขอบคุณขอรับเฟยเกอ” “ตัวเจ้าร้อนมากเลยนะหมิงเซียน ม่ะ! ข้าจะเช็ดตัวให้...ไข้ของเจ้าจะได้ลดลงเร็วขึ้น” “ขอบคุณขอรับ” หยางหมิงเซียนก้มลงไปปลดสายคาดเอวเพื่อแก้ชุด แต่อาจจะเป็นเพราะพิษไข้เลยทำให้เขารู้สึกมึนหัวและขยับตัวได้ไม่ค่อยสะดวกนัก “ข้าช่วย...” จินเฟยเทียนเอื้อมมือไปช่วยหยางหมิงเซียนถอดชุด หลังจากเห็นคนตรงหน้าดูจะขยับตัวลำบาก เมื่อถอดชุดเจ้าลูกกวางเสร็จ จินเฟยเทียนก็ลงมือเช็ดหน้าและเช็ดตัวให้กับคนป่วยอย่างเบามือ “เออ...เฟยเกอขอรับ ให้ข้าเช็ดตัวเองดีหรือไม่ขอรับ?” หยางหมิงเซียนรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา เมื่อถูกจินเฟยเทียนเช็ดตัวให้แบบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ต่างออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้น จินเฟยเทียนจึงสั่งให้เสี่ยวเปาไปแจ้งท่านเจ้าของจวนทั้งสองเรื่องหยางหมิงเซียนไม่สบาย และเรื่องที่เขาจะขออยู่ดูอาการของหยางหมิงเซียนที่เรือนพัก พร้อมกับแจ้งเรื่องที่พวกเขาจะขอรับสำรับที่เรือนพักจนกว่าอาการของหยางหมิงเซียนจะดีขึ้นด้วย ซึ่งในยามนี้จินเฟยเทียนก็รู้สึกเบาใจได้อยู่บ้าง เพราะเมื่อคืนจางเลี่ยงซูได้บอกกับพวกเขาว่าอีกฝ่ายได้ปรุงยาสมุนไพรบำรุงครรภ์กับปรุงยาแก้อาการแพ้ท้องให้กับตัวเองได้แล้ว และวันนี้จางเลี่ยงซูก็จะเข้าไปตรวจดูอาการของชิงหลวนคุนกับซงหยวน แล้วจะไปดูงานที่เรือนสมุนไพรได้ตามปกติ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะได้ห่วงหน้าพะวงหลังเป็นแน่ จินเฟยเทียนเฝ้าดูอาการและคอยดูแลหยางหมิงเซียนอยู่ไม่ห่างทั้งวัน เขาเริ่มแปลกใจกับอาการป่วยของอีกฝ่าย เขาจึงลองจับชีพจรของหยางหมิงเซียนดูอีกครั้ง ผลที่ออกมามันก็ยังคงเหมือนเดิม คือ...ชีพจรของหยางหมิงเซียนค่อนข้างจะปั่นป่วน แต่มันเป็นอาการปกติของคนป่วยที่เป็นโรคไข้หวัด เขาจึงรักษาหยางหมิงเซียนตามอาการ ทั้งให้กินยาและคอยเช็ดตัวบรรเท
หยางหมิงเซียนเดินนำเสี่ยวเปากับเสี่ยงปิงเข้ามาในห้องปรุงยาแล้วให้บ่าวชายที่มีหน้าที่ช่วยงานภายในห้องนี้ออกไปยืนเฝ้าที่หน้าประตูห้อง เพื่อกันไม่ให้จินเฟยเทียนหรือคนอื่นๆในเรือนสมุนไพร เข้ามารับรู้เรื่องราวที่พวกเขากำลังจะพูดคุยกันในตอนนี้ “อาเปาอาปิง พวกเจ้ารู้สึกเหมือนกับข้าหรือไม่ว่า...บทลงโทษของท่านลุงที่ให้กับคนพวกนั้น มันช่างดูเบาเกินไป หากเทียบกับสิ่งที่คนพวกนั้นได้ลงมือทำร้ายผู้มีพระคุณของพวกมัน!” หยางหมิงเซียนพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกแค้นใจ เพราะในยามที่มีบ่าวในจวนเกิดล้มป่วย...ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จินเฟยเทียนจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ จนในบ้างครั้ง...อีกฝ่ายถึงกับต้องมาคอยนอนเฝ้าดูอาการป่วยของคนพวกนั้นที่เรือนสมุนไพรแห่งนี้ด้วย “ขอรับ” เสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงตอบรับคำของผู้เป็นนายพร้อมกัน เพราะยามนี้พวกเขาก็คิดไม่ต่างจากผู้เป็นนาย “อาเปาอาปิง หากข้าต้องการมอบบทลงโทษของข้าให้กับคนพวกนั้นเพิ่ม พวกเจ้ายินดีที่จะร่วมมือกับข้าหรือไม่?” “พวกบ่า
จินเฟยเทียนแอบแปลกใจกับแววตาของชางเย่ที่ชำเลืองมองมาทางหยางหมิงเซียน... “แม่นมหมิง” เมื่อตัดสินความผิดและมอบบทลงโทษให้ชางเย่เสร็จแล้ว ราชครูหลงจิ้นสิงก็กลับมาจัดการเรื่องของแม่นมหมิงต่อทันที “คุณหนู! บ่าวไม่ไปจากคุณหนูนะเจ้าคะ นายท่าน! นายท่านโปรดเมตตาบ่าวด้วยเจ้าค่ะ บ่าวขอร้อง...บ่าวจะไม่ทำอีกแล้วเจ้าค่ะ” แม่นมหมิงอ้อนวอนและร้องขอความเมตตาจากผู้เป็นนายทั้งสอง “ข้าแล้วแต่ท่านพี่เลยเจ้าค่ะ” จางเลี่ยงซูรีบออกตัว...เพื่อที่ผู้เป็นสามีจะได้ตัดสินลงโทษแม่นมหมิงได้แบบไม่ต้องเกรงใจนาง เพราะถึงแม้คนตรงหน้าจะเป็นคนสนิทของนาง แต่สิ่งที่อีกฝ่ายทำลงไปนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะยกโทษให้กันได้โดยง่าย และที่สำคัญ! คนที่อีกฝ่ายลงมือทำร้าย...ก็คือหลานชายที่นางรัก “แม่นมหมิง ความผิดของเจ้ามันช่างร้ายแรงนัก เพราะมันเป็นการทำลายเกียรติและศักดิ์ศรีของหลานชายข้า และเจ้าก็ยังทำให้บ่าวในจวนเกิดการแบ่งแยกและตีตนเสมอนาย และที่สำคัญ
เช้าวันรุ่งขึ้นจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนก็ถูกตามตัวให้ไปรับสำรับเช้าที่เรือนใหญ่ และหลังจากรับสำรับเสร็จ ราชครูหลงจิ้นสิงก็พาทุกคนย้ายจากห้องรับสำรับไปยังห้องโถง จากนั้นก็ให้พ่อบ้านหลี่ส่งคนให้ไปเรียกบ่าวทุกคนในจวนให้มารวมกันที่ห้องโถงแห่งนี้ และก่อนที่ทุกคนจะมากันครบ ราชครูหลงจิ้นสิงได้พาหยางหมิงเซียนกับพ่อบ้านหลี่เข้าไปพูดคุยกันในห้องหนังสือ และเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว ราชครูหลงจิ้นสิงก็เริ่มแจ้งเรื่องราวต่างๆ หลังจากนั้นทันที “วันนี้ที่ข้าให้คนไปตามพวกเจ้ามารวมตัวกัน ก็เพราะในยามนี้มีการเล่าลือกันเกี่ยวกับเรื่องราวของหลานชายทั้งสองของข้า...ในเรื่องที่พวกเจ้าไม่มีสิทธิที่จะมาพูด หรือมาแสดงความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้น!” ราชครูหลงจิ้นสิงพูดพร้อมกับกวาดสายตาดูบ่าวในจวนที่นั่งอยู่กลางห้องโถงทั้งหมด “ในวันที่ข้าพาหลานชายทั้งสองของข้า เข้ามาอยู่ในจวนแห่งนี้! ข้าได้ประกาศให้รับรู้โดยทั่วกันไปแล้วว่า...สองคนนี้คือหลานชายของข้าที่มาจากต่างเมือง ดังนั้นหลานชายของข้า! ก็คือเจ้านายของพวกเจ้า!!” &n
“หมิงเซียน เฟยเทียน มีเรื่องเกิดขึ้นขนาดนี้...ทำไมถึงไม่ยอมมาบอกลุง?” ราชครูหลงจิ้นสิงเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้องนอนของจินเฟยเทียน หลังจากที่เขาบังเอิญมาได้ยินเรื่องราวที่ทั้งสี่คนกำลังพูดคุยกัน ราชครูหลงจิ้นสิงหลังจากพาผู้เป็นภรรยาเข้าห้องไปนอนพักแล้ว เขาก็แอบออกมาที่เรือนพักของหลานชายทั้งสอง ด้วยต้องการจะมาขอบใจจินเฟยเทียนที่ช่วยพูดจนผู้เป็นภรรยาของเขายินยอมทำตามในสิ่งที่ตัวเขาต้องการ และจะแวะมาถามไถ่อาการป่วยของหยางหมิงเซียนด้วย เพราะตอนที่รับสำรับเย็นเขายังไม่มีโอกาสได้ถามอาการของอีกฝ่าย... แต่พอเขากำลังจะเคาะประตูเรียกคนในเรือนพัก เขากลับได้ยินบทสนทนาของหลานชายกับบ่าวคนสนิท เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในจวนของเขา...แต่เขากลับไม่เคยได้รับรู้ เขาจึงยืนฟังบทสนทนาของคนทั้งสี่จนจบ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปพูดคุยกับคนในเรือนพัก “ท่านลุงขอรับ...ข้า...พวกข้า” จินเฟยเทียนตกใจที่ราชครูหลงจิ้นสิง อยู่ ๆ ก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง แถมยังดูเหมือนอีก
“เฟยเกอขอรับ ท่าน...” หยางหมิงเซียนพูดขึ้นด้วยดวงตาที่สั่นไหว หลังจากที่พวกเขาเดินเข้ามาในห้องนอนของจินเฟยเทียน “ข้า...ข้ามีอะไรหรือ?” จินเฟยเทียนหันไปมองหน้าหยางหมิงเซียนที่เอ่ยคำพูด ที่เหมือนจะพูดกับเขา แต่กลับไม่ยอมพูดให้จบประโยค ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ริมหน้าต่างฝั่งตรงข้ามกับหยางหมิงเซียน “ท่านมีเรื่องไม่สบายใจ...แล้วเหตุใดถึงไม่ยอมบอกข้าล่ะขอรับเฟยเกอ?” หยางหมิงเซียนพูดออกมาด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจ ในวันนี้เขาได้ออกไปเห็นด้วยตาของตัวเองแล้วว่าคนตรงหน้าต้องพบเจอกับอะไรบ้าง และมันก็ทำให้เขารู้สึกโกรธจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หากไม่เพราะเกรงใจราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูที่มีบุญคุณกับพวกเขา เขาคงไม่ทำเพียงแค่กำหมัด และใช้แววตาข่มขู่อีกฝ่ายเป็นแน่... “ข้าน่ะหรือมีเรื่องไม่สบายใจ?” “ขอรับ” “ก็เรื่องที่แม่นมหมิงกับบ่าวในเรือนใหญ่บางคนที่เอาเรื่องของพวกเราไปป่าวประกาศอย่างไรล่ะขอ
“มากันแล้วหรือเฟยเทียน หมิงเซียน” จางเลี่ยงซูเมื่อเห็นหลานชายทั้งสองเดินเข้ามาในห้องโถง นางจึงเอ่ยทักคนทั้งคู่ โดยมีแม่นมหมิงยืนอยู่ข้างกายผู้เป็นนายไม่ยอมห่าง “ขอรับท่านป้า” จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนเอ่ยตอบรับคำ และเดินเข้าไปคำนับจางเลี่ยงซูพร้อมกัน แต่พอพวกเขาเงยหน้าขึ้น พวกเขาก็เห็นสายตาของแม่นมหมิงกับบ่าวในเรือนใหญ่บางคนที่แอบมองมาที่พวกเขาด้วยแววตาที่รังเกียจและดูถูก “หมิงเซียนอาการเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” “ดีขึ้นมากแล้วขอรับท่านป้า เหลือแต่อาการร้อนจากภายในเท่านั้น ที่ยังคงมีเกิดขึ้นมาบ้างในบางครั้งขอรับ” หยางหมิงเซียนตอบคำถามอีกฝ่าย และแอบใช้สายตากดข่มไปทางแม่นมหมิงกับบ่าวพวกนั้น และเขาก็แอบกำหมัดไว้ในเสื้อ...เพื่อระงับอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นของตัวเอง “ป้าว่า...มันน่าจะเป็นพิษที่ยังตกค้างอยู่ในร่างกายของเจ้า งั้นช่วงนี้เจ้าก็ต้องขยันปรับการไหลเวียนของลมปราณ มันจะได้ช่วยให้เจ้าหายเป็นปกติเร็วขึ้น” “ข
จินเฟยเทียนนั่งอ่านหนังสือและแอบมองคนป่วยที่ถอยกลับลงไปนอนหนุนหมอนของตัวเอง พร้อมกับนอนหันหลังให้กับเขาด้วยความรู้สึกที่ยังแคลงใจ เพราะเมื่อครู่อยู่ดีๆ อีกฝ่ายก็มาเอ่ยบอกรักเขา ตอนแรกเขาเองก็รู้สึกตกใจ แต่พอมาคิดอีกที...อีกฝ่ายก็คงจะบอกรักเขาในแบบที่น้องชายบอกรักพี่ชายเพียงเท่านั้น เพราะในยามนี้อีกฝ่ายกำลังไม่สบาย...เจ้าตัวก็คงอยากจะแสดงความรัก และก็คงอยากจะอ้อนพี่ชายอย่างเขาเป็นแน่… จินเฟยเทียนจึงตัดสินใจบอกรักอีกฝ่ายกลับไป แถมยังบอกอีกว่า...ตัวเขานั้นรักอีกฝ่ายเหมือนน้องชายแท้ๆ ของเขาเลยนะ! แต่ทำไมพอเขาพูดแบบนั้นออกไป...เขาถึงได้เห็นแววตาเจ็บปวดและไม่ยินยอมจากเจ้าลูกกวางล่ะ... ‘ไม่หรอกมั้ง! ข้าคงคิดมากเกินไป บางทีเจ้าลูกกวางอาจจะกำลังดีใจมาก...จนแสดงสีหน้าออกมาไม่ถูกก็เป็นได้’ เมื่อเห็นหยางหมิงเซียนยังคงนอนหันหลังให้กับตัวเอง จินเฟยเทียนจึงเอื้อมมือไปจับหน้าผากวัดไข้ของเจ้าลูกกวางอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปดับไฟและล้มตัวลงนอนตามอีกฝ่ายไป แต่...เม
จินเฟยเทียนหลังจากกล่าวลาชิงหลวนคุนเขาก็ประคองหยางหมิงเซียนเดินกลับเข้ามาที่ห้องนอนของตัวเอง "หมิงเซียนเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าไม่น่าออกไปต้องลมหนาวด้านนอกเลย...รีบขึ้นไปนั่งบนเตียงก่อนเร็ว" จินเฟยเทียนพูดพร้อมประคองหยางหมิงเซียนขึ้นไปนั่งบนเตียง "ขอรับเฟยเกอ" "อาปิง...เจ้าช่วยไปเอาน้ำอุ่น ผ้าสะอาด กับยาแก้ไอมาให้ข้าหน่อยนะ" "ได้ขอรับคุณชายฟาง" "ขอบใจเจ้ามากนะอาปิง จากนี้...เดี๋ยวข้าจะจัดการต่อเอง" จินเฟยเทียนหันไปขอบคุณเสี่ยวปิงที่เอาของที่เขาต้องการมาให้ "ขอรับคุณชายฟาง" เสี่ยวปิงหลังจากเข้าไปวางถาดใส่ของให้ผู้เป็นนายเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบถอยออกจากห้องนอนของจินเฟยเทียนทันที "หมิงเซียน เจ้ากินยาแก้ไอก่อน แล้วดื่มน้ำอุ่นตามมากๆด้วยนะ" จินเฟยเทียนเอายาแก้ไอให้เจ้าลูกกวางกิน จากนั้นเขาก็เอาผ้าสะอาดไปชุบน้ำ
หยางหมิงเซียนเก็บความไม่พอใจ และบรรยากาศกดดันที่ตัวเขาได้แผ่ออกมาจนหมด ก่อนจะส่งเสียงไอออกมาเบาๆ พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องโถงโดยมีเสี่ยวปิงคอยช่วยพยุง แค่ก แค่ก แค่ก.... เมื่อเข้าไปด้านในห้องโถงหยางหมิงเซียนกับเสี่ยวปิงก็หันไปทำความเคารพแขกผู้สูงศักดิ์ที่กำลังนั่งพูดคุยอยู่กับจินเฟยเทียน “หมิงเซียนเจ้าตื่นแล้วหรือ? แล้วทำไมถึงใส่เสื้อคลุมที่บางแบบนี้ออกมาด้านนอก!” จินเฟยเทียนเห็นหยางหมิงเซียนเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับอาการไอ เขาจึงลุกเข้าไปช่วยประคองคนป่วย แต่พอเห็นเสื้อคลุมที่เจ้าลูกกวางใส่ออกมาด้านนอกในยามนี้แล้ว....เขาแทบอยากจะตีอีกฝ่ายตรงนี้เสียจริง ๆ “ขอโทษขอรับเฟยเกอ ข้าลืมเปลี่ยนเสื้อคลุมก่อนออกมาด้านนอกขอรับ” “อาปิง...เจ้ากลับเข้าไปเอาเสื้อคลุมของหมิงเซียนออกมา เลือกตัวที่หนาๆ หน่อยนะ” “ขอรับคุณชายฟาง” “หมิงเซีย