"เฟยเกอขอรับ ทำไมเฟยเกอถึงยอมเป็นสหายกับองค์ชายนั่นง่ายๆ ล่ะขอรับ?" หยางหมิงเซียนถามขึ้นหลังจากที่ทั้งสองคนเดินมาถึงห้องพักในเรือนสมุนไพรของจินเฟยเทียน และบ่าวชายที่เดินถือของพระราชทานมาให้ได้เดินออกไปจากห้องแล้ว
"หมิงเซียน! อย่าเรียกองค์ชายแบบนั้นให้คนอื่นได้ยินเชียวนะ"
"ขอโทษขอรับ"
"แต่ทำไมเฟยเกอถึงยอมเป็นสหายกับองค์ชายสิบสองล่ะขอรับ? แถมยังบังคับข้าอีกด้วย"
"เพราะพระองค์ดูน่าสงสาร และข้าก็เห็นความเหงาในแววตาของพระองค์"
ในตอนแรกจินเฟยเทียนก็รู้สึกแปลกใจที่ชิงหลวนคุนมาขอเป็นสหายกับพวกเขา แต่พอนึกให้ดีในนิยายที่เขาเขียนไว้...ชิงหลวนคุนหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บ ก็ได้ขอเป็นสหายกับนางเอก พี่ชายของนางเอก และพระเอกเช่นกัน ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยขอเป็นสหายกับพวกเขา จินเฟยเทียนจึงตอบตกลงและให้หยางหมิงเซียนตอบตกลงเป็นสหายกับอีกฝ่ายไปด้วย
จินเฟยเทียนที่เป็นคนแต่งตัวละครนี้ข
จินเฟยเทียนเดินกลับมาที่เตียง พร้อมกับถาดใส่ยา อ่างน้ำและผ้าสะอาด ที่จะนำมาเช็ดตัวให้กับคนป่วย จากนั้นเขาก็เข้าไปประคองหยางหมิงเซียนให้ลุกขึ้นมานั่ง ก่อนจะส่งยากับน้ำให้คนป่วยทันที “หมิงเซียน กินยาก่อนนะ” “ขอบคุณขอรับเฟยเกอ” “ตัวเจ้าร้อนมากเลยนะหมิงเซียน ม่ะ! ข้าจะเช็ดตัวให้...ไข้ของเจ้าจะได้ลดลงเร็วขึ้น” “ขอบคุณขอรับ” หยางหมิงเซียนก้มลงไปปลดสายคาดเอวเพื่อแก้ชุด แต่อาจจะเป็นเพราะพิษไข้เลยทำให้เขารู้สึกมึนหัวและขยับตัวได้ไม่ค่อยสะดวกนัก “ข้าช่วย...” จินเฟยเทียนเอื้อมมือไปช่วยหยางหมิงเซียนถอดชุด หลังจากเห็นคนตรงหน้าดูจะขยับตัวลำบาก เมื่อถอดชุดเจ้าลูกกวางเสร็จ จินเฟยเทียนก็ลงมือเช็ดหน้าและเช็ดตัวให้กับคนป่วยอย่างเบามือ “เออ...เฟยเกอขอรับ ให้ข้าเช็ดตัวเองดีหรือไม่ขอรับ?” หยางหมิงเซียนรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา เมื่อถูกจินเฟยเทียนเช็ดตัวให้แบบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ต่างออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้น จินเฟยเทียนจึงสั่งให้เสี่ยวเปาไปแจ้งท่านเจ้าของจวนทั้งสองเรื่องหยางหมิงเซียนไม่สบาย และเรื่องที่เขาจะขออยู่ดูอาการของหยางหมิงเซียนที่เรือนพัก พร้อมกับแจ้งเรื่องที่พวกเขาจะขอรับสำรับที่เรือนพักจนกว่าอาการของหยางหมิงเซียนจะดีขึ้นด้วย ซึ่งในยามนี้จินเฟยเทียนก็รู้สึกเบาใจได้อยู่บ้าง เพราะเมื่อคืนจางเลี่ยงซูได้บอกกับพวกเขาว่าอีกฝ่ายได้ปรุงยาสมุนไพรบำรุงครรภ์กับปรุงยาแก้อาการแพ้ท้องให้กับตัวเองได้แล้ว และวันนี้จางเลี่ยงซูก็จะเข้าไปตรวจดูอาการของชิงหลวนคุนกับซงหยวน แล้วจะไปดูงานที่เรือนสมุนไพรได้ตามปกติ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะได้ห่วงหน้าพะวงหลังเป็นแน่ จินเฟยเทียนเฝ้าดูอาการและคอยดูแลหยางหมิงเซียนอยู่ไม่ห่างทั้งวัน เขาเริ่มแปลกใจกับอาการป่วยของอีกฝ่าย เขาจึงลองจับชีพจรของหยางหมิงเซียนดูอีกครั้ง ผลที่ออกมามันก็ยังคงเหมือนเดิม คือ...ชีพจรของหยางหมิงเซียนค่อนข้างจะปั่นป่วน แต่มันเป็นอาการปกติของคนป่วยที่เป็นโรคไข้หวัด เขาจึงรักษาหยางหมิงเซียนตามอาการ ทั้งให้กินยาและคอยเช็ดตัวบรรเท
จินเฟยเทียนพยายามใช้เวลาจัดการดูแลตัวเองหลังฉากกั้นให้นานที่สุดเท่าที่จะเขาพอจะทำได้ เพราะในยามนี้เขายังไม่อยากออกไปเผชิญหน้ากับหยางหมิงเซียน จนเวลาผ่านเลยไปพอสมควร จินเฟยเทียนจึงค่อยๆ ก้าวเท้าออกมาจากฉากกั้นแล้วมองไปยังเตียงของตัวเอง แล้วเขาก็พบว่าหยางหมิงเซียนได้นอนหลับไปแล้ว จินเฟยเทียนจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ‘เฮ้อ! ... แล้วทำไมข้าต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยเนี้ย!’ จินเฟยเทียนเดินเข้าไปที่เตียง แล้วยื่นมือไปจับหน้าผากเพื่อวัดไข้ของหยางหมิงเซียน แต่เมื่อมือเขาสัมผัสหน้าผากของคนป่วย เขาก็ถูกคนป่วยที่เข้าใจว่าหลับไปแล้วยื่นมือมาจับมือของเขาเอาไว้ “อ่ะ! หมิงเซียน เจ้ายังไม่หลับหรือ?” “กำลังจะหลับแล้วขอรับ...ทำไมวันนี้เฟยเกอถึงอาบน้ำนานกว่าเดิมล่ะขอรับ? ข้าเกือบจะหลับไปก่อนเฟยเกอแล้วนะขอรับ” ‘แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่หลับไปเลยเล่า...เจ้าลูกกวาง’ จินเฟยเทียนโอดครวญในใจ
จินเฟยเทียนจัดการดูแลหยางหมิงเซียนให้กินข้าวกินยา ก่อนจะประคองอีกฝ่ายลงไปนอน ส่วนตัวเขาก็ลงไปนั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสือข้างๆ คนป่วย เมื่อผ่านไปได้สักพักราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูก็เข้ามาเยี่ยมหยางหมิงเซียนในห้องนอนของจินเฟยเทียน “หมิงเซียนเป็นอย่างไรบ้าง ลุงกับป้าจะมาเยี่ยมเจ้าตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ติดที่ท่านกุนซือของท่านแม่ทัพมาขอเยี่ยมองค์ชายสิบสอง ลุงกับป้าเลยต้องคอยอยู่ดูแลต้อนรับท่าน” ราชครูหลงจิ้นสิงเอ่ยกับหยางหมิงเซียนทันที เมื่อประคองผู้เป็นภรรยาลงมานั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงของคนป่วยเรียบร้อยแล้ว โดยที่จินเฟยเทียนเองก็ได้ลุกขึ้นจากเตียงแล้วย้ายตัวเองไปยืนด้านหลังของจางเลี่ยงซูอีกที “ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากขอรับ ขอบคุณท่านลุงท่านป้ามากนะขอรับ” “ป้าขอตรวจอาการเจ้าหน่อยนะหมิงเซียน” “ได้ขอรับ” “อืม! เป็นตามที่เจ้าบอกกับป้าจริงๆ เฟยเทียน” จางเลี่ยงซูทำการจับชีพจร และตรวจอาการของหยางหมิง
หยางหมิงเซียนเก็บความไม่พอใจ และบรรยากาศกดดันที่ตัวเขาได้แผ่ออกมาจนหมด ก่อนจะส่งเสียงไอออกมาเบาๆ พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องโถงโดยมีเสี่ยวปิงคอยช่วยพยุง แค่ก แค่ก แค่ก.... เมื่อเข้าไปด้านในห้องโถงหยางหมิงเซียนกับเสี่ยวปิงก็หันไปทำความเคารพแขกผู้สูงศักดิ์ที่กำลังนั่งพูดคุยอยู่กับจินเฟยเทียน “หมิงเซียนเจ้าตื่นแล้วหรือ? แล้วทำไมถึงใส่เสื้อคลุมที่บางแบบนี้ออกมาด้านนอก!” จินเฟยเทียนเห็นหยางหมิงเซียนเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับอาการไอ เขาจึงลุกเข้าไปช่วยประคองคนป่วย แต่พอเห็นเสื้อคลุมที่เจ้าลูกกวางใส่ออกมาด้านนอกในยามนี้แล้ว....เขาแทบอยากจะตีอีกฝ่ายตรงนี้เสียจริง ๆ “ขอโทษขอรับเฟยเกอ ข้าลืมเปลี่ยนเสื้อคลุมก่อนออกมาด้านนอกขอรับ” “อาปิง...เจ้ากลับเข้าไปเอาเสื้อคลุมของหมิงเซียนออกมา เลือกตัวที่หนาๆ หน่อยนะ” “ขอรับคุณชายฟาง” “หมิงเซีย
จินเฟยเทียนหลังจากกล่าวลาชิงหลวนคุนเขาก็ประคองหยางหมิงเซียนเดินกลับเข้ามาที่ห้องนอนของตัวเอง "หมิงเซียนเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าไม่น่าออกไปต้องลมหนาวด้านนอกเลย...รีบขึ้นไปนั่งบนเตียงก่อนเร็ว" จินเฟยเทียนพูดพร้อมประคองหยางหมิงเซียนขึ้นไปนั่งบนเตียง "ขอรับเฟยเกอ" "อาปิง...เจ้าช่วยไปเอาน้ำอุ่น ผ้าสะอาด กับยาแก้ไอมาให้ข้าหน่อยนะ" "ได้ขอรับคุณชายฟาง" "ขอบใจเจ้ามากนะอาปิง จากนี้...เดี๋ยวข้าจะจัดการต่อเอง" จินเฟยเทียนหันไปขอบคุณเสี่ยวปิงที่เอาของที่เขาต้องการมาให้ "ขอรับคุณชายฟาง" เสี่ยวปิงหลังจากเข้าไปวางถาดใส่ของให้ผู้เป็นนายเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบถอยออกจากห้องนอนของจินเฟยเทียนทันที "หมิงเซียน เจ้ากินยาแก้ไอก่อน แล้วดื่มน้ำอุ่นตามมากๆด้วยนะ" จินเฟยเทียนเอายาแก้ไอให้เจ้าลูกกวางกิน จากนั้นเขาก็เอาผ้าสะอาดไปชุบน้ำ
จินเฟยเทียนนั่งอ่านหนังสือและแอบมองคนป่วยที่ถอยกลับลงไปนอนหนุนหมอนของตัวเอง พร้อมกับนอนหันหลังให้กับเขาด้วยความรู้สึกที่ยังแคลงใจ เพราะเมื่อครู่อยู่ดีๆ อีกฝ่ายก็มาเอ่ยบอกรักเขา ตอนแรกเขาเองก็รู้สึกตกใจ แต่พอมาคิดอีกที...อีกฝ่ายก็คงจะบอกรักเขาในแบบที่น้องชายบอกรักพี่ชายเพียงเท่านั้น เพราะในยามนี้อีกฝ่ายกำลังไม่สบาย...เจ้าตัวก็คงอยากจะแสดงความรัก และก็คงอยากจะอ้อนพี่ชายอย่างเขาเป็นแน่… จินเฟยเทียนจึงตัดสินใจบอกรักอีกฝ่ายกลับไป แถมยังบอกอีกว่า...ตัวเขานั้นรักอีกฝ่ายเหมือนน้องชายแท้ๆ ของเขาเลยนะ! แต่ทำไมพอเขาพูดแบบนั้นออกไป...เขาถึงได้เห็นแววตาเจ็บปวดและไม่ยินยอมจากเจ้าลูกกวางล่ะ... ‘ไม่หรอกมั้ง! ข้าคงคิดมากเกินไป บางทีเจ้าลูกกวางอาจจะกำลังดีใจมาก...จนแสดงสีหน้าออกมาไม่ถูกก็เป็นได้’ เมื่อเห็นหยางหมิงเซียนยังคงนอนหันหลังให้กับตัวเอง จินเฟยเทียนจึงเอื้อมมือไปจับหน้าผากวัดไข้ของเจ้าลูกกวางอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปดับไฟและล้มตัวลงนอนตามอีกฝ่ายไป แต่...เม
“มากันแล้วหรือเฟยเทียน หมิงเซียน” จางเลี่ยงซูเมื่อเห็นหลานชายทั้งสองเดินเข้ามาในห้องโถง นางจึงเอ่ยทักคนทั้งคู่ โดยมีแม่นมหมิงยืนอยู่ข้างกายผู้เป็นนายไม่ยอมห่าง “ขอรับท่านป้า” จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนเอ่ยตอบรับคำ และเดินเข้าไปคำนับจางเลี่ยงซูพร้อมกัน แต่พอพวกเขาเงยหน้าขึ้น พวกเขาก็เห็นสายตาของแม่นมหมิงกับบ่าวในเรือนใหญ่บางคนที่แอบมองมาที่พวกเขาด้วยแววตาที่รังเกียจและดูถูก “หมิงเซียนอาการเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” “ดีขึ้นมากแล้วขอรับท่านป้า เหลือแต่อาการร้อนจากภายในเท่านั้น ที่ยังคงมีเกิดขึ้นมาบ้างในบางครั้งขอรับ” หยางหมิงเซียนตอบคำถามอีกฝ่าย และแอบใช้สายตากดข่มไปทางแม่นมหมิงกับบ่าวพวกนั้น และเขาก็แอบกำหมัดไว้ในเสื้อ...เพื่อระงับอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นของตัวเอง “ป้าว่า...มันน่าจะเป็นพิษที่ยังตกค้างอยู่ในร่างกายของเจ้า งั้นช่วงนี้เจ้าก็ต้องขยันปรับการไหลเวียนของลมปราณ มันจะได้ช่วยให้เจ้าหายเป็นปกติเร็วขึ้น” “ข
หยางหมิงเซียนเมื่อกลับมาถึงเรือนของตัวเองแล้ว เขาก็พาจินเฟยเทียนเข้ามานั่งบนเตียงในห้องนอนของเขา แล้วเขาก็สังเกตเห็นชุดที่จินเฟยเทียนกำลังใส่อยู่ตอนนี้...มันก็ทำให้เขานึกไปถึงเจ้าของชุดและแววตาที่เจ้าของชุดใช้มองมายังคนของเขา “เฟยเกอขอรับ ข้าขอทำแผลใส่ยาให้เฟยเกอใหม่ได้หรือไม่ขอรับ? เฟยเกอจะให้ข้าช่วยเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้ท่านด้วยเลยดีหรือไม่ขอรับ ท่านลุงกับท่านป้ามีให้คนจัดเตรียมชุดและของใช้ของเฟยเกอมาไว้ที่นี่ให้ด้วยนะขอรับ” หยางหมิงเซียนพูดพร้อมกับเดินเข้าไปหยิบชุดของจินเฟยเทียนออกมาให้เจ้าตัวดู... “ได้ แต่...ข้าขอไปอาบน้ำและเปลี่ยนชุดเองเลยดีกว่า หมิงเซียนเจ้าช่วยบอกให้อาเล่อเข้าไปเตรียมเก้าอี้ไว้ในห้องอาบน้ำให้ข้าได้หรือไม่?” “ได้ขอรับ” หยางหมิงเซียนรับคำของอีกฝ่ายแล้วเดินออกไปสั่งงานเกาเล่อ ก่อนจะกลับเข้ามาอุ้มจินเฟยเทียนด้วยท่าเจ้าสาวอีกครั้ง “หมิงเซียน...เจ้าแค่ช่วยประคองข้าเดินดีหรือไม่?” “ไม่
จินเฟยเทียนหันกลับไปมองตามเสียงเรียก...เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่ ยามนี้ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว “คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าข้ายามนี้คือเฟยเกอจริงๆ ใช่ไหมขอรับ ข้าไม่ได้ฝันอยู่ใช่ไหมขอรับตอนนี้” หยางหมิงเซียนเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวเข้าไปหาคนตรงหน้า หลังจากที่เขาใช้วิชาตัวเบาข้ามรั้วเข้ามายังบริเวณเรือนของเจียงเสียน “หมิงเซียน... อ่ะ!” หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินคนตรงหน้าเอ่ยเรียกชื่อเขา เขาก็โถมตัวลงไปกอดอีกฝ่ายไว้ทันที แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องของจินเฟยเทียน หยางหมิงเซียนก็รีบคลายอ้อมกอดของตัวเองออก จากนั้นเขาจึงถอยออกมายืนมองคนตรงหน้าด้วยความคิดถึง และเมื่อเขาเห็นรอยช้ำที่หน้าผากของอีกฝ่าย เขาก็รีบเอ่ยคำขอโทษพร้อมกับเอ่ยถามอาการของคนตรงหน้าทันที “เฟยเกอข้าขอโทษนะขอรับ เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ...เฟยเกอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง? แล้วทำไมเฟยเกอมาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ขอรับ?” “
จินเฟยเทียนหลังจากรับสำรับเย็นและเข้าไปจัดการดูแลตัวเองจนเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้พาตัวเขาออกมานั่งรับลมอยู่ที่ด้านหน้าเรือน... แต่ว่าด้วยเรื่องอาบน้ำของจินเฟยเทียน...ร่างกายที่แทบจะไม่ได้โดนน้ำเลยมาเป็นเวลาสองเดือน เพราะซานมู่เล่าว่า...ร่างกายของเขาตอนที่พวกซานมู่เจอในตอนแรกนั้น ทั้งบอบช้ำและเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์หลายจุด ท่านหมอที่มารักษาให้เขาจึงห้ามไม่ให้บาดแผลของเขาโดนน้ำ พวกซานมู่จึงทำได้เพียงเช็ดหน้าและเช็ดทำความสะอาดตามบาดแผลให้เท่านั้น ในตอนที่จินเฟยเทียนบอกกับคนทั้งสองเรื่องที่เขาจะขอไปอาบน้ำ คนทั้งสองจึงเอ่ยค้านเขาอย่างหนัก จนเขาต้องงัดหาเหตุผลและอ้างเอาความเป็นหมอขึ้นมาใช้ ไช่ผิงกับซานมู่ถึงยินยอมให้เขาเข้าไปอาบน้ำ... จินเฟยเทียนที่นั่งหน้าเรือนมาได้สักพัก เขาก็เห็นซานมู่เดินเข้ามา...พร้อมกับแบกฟืนกองใหญ่มากองไว้ด้านหน้าเรือนด้วย “ข้าน้อยกำลังจะก่อกองไฟขอรับ อากาศยามนี้เริ่มเย็นแล้ว หากได้นั่งผิงไฟก่อนเข้านอน...ก็น่าจะดีนะขอรับ” ซานมู่หันไปพูดกับจิ
จินเฟยเทียนที่ฟื้นขึ้นมา...วันนี้ก็เป็นวันที่สองแล้ว ที่ตัวเขาต้องนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงให้ซานมู่และไช่ผิงคอยดูแล เนื่องจากสภาพร่างกายที่ยังคงเต็มไปด้วยบาดแผลของเขา แต่ในยามนี้...จินเฟยเทียนรู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัวมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว และด้วยกลัวว่าหากเขายังไม่ยอมฝืนขยับร่างกายของตัวเองในตอนนี้...แล้วรอจนแผลแห้ง ยามนั้นทั้งเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อของเขามันก็อาจจะยึดติดกัน จนทำให้เขาไม่สามารถขยับหรือลุกขึ้นยืนด้วยขาของตัวเองได้อีกเลย จินเฟยเทียนจึงลองขยับทั้งแขนและขาของเขา และเมื่อเขาลองขยับ...ความเจ็บปวดก็พากันวิ่งไปทั่วทั้งร่างกายของเขา ยิ่งบริเวณที่แผลยังไม่แห้งดี ยามนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่ความเจ็บปวดที่จินเฟยเทียนได้รับในยามนี้มันเป็นความเจ็บปวดที่เขายังพอทนรับได้ เขาจึงพยายามดันร่างกายของตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่ง และเมื่อเขาลุกขึ้นมานั่งได้แล้ว เขาก็มองไปรอบๆ ห้อง เพื่อมองหาของที่ตัวเขาสามารถนำมาใช้ค้ำยัน...แล้วจินเฟยเทียนก็มองเห็นไม้ง่ามอันหนึ่งที่วางอยู่ด้านข้างเตียงของเขา เข
“คุณชาย...ท่านฟื้นแล้ว!” จินเฟยเทียนลืมตาขึ้นมาเขาก็ได้เห็นว่า...ตอนนี้ตัวเขากำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเรียกของบุรุษ ดังขึ้นมาจากข้างเตียง...เขาจึงหันไปมองตามเสียงนั้น แล้วเขาก็ได้เห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังมองมาที่เขา “อย่าเพิ่งลุกขอรับ” ซานมู่รีบเข้าไปประคองคนเจ็บ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง “เอ่อ...ที่นี่ที่ไหนหรือขอรับ? แล้ว...ตัวข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรหรือขอรับ?” จินเฟยเทียนเอ่ยถามเมื่อมองไปรอบๆ แล้ว เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ... ‘นี่ข้าได้กลับมาเป็นจินเฟยเทียนหรือไม่นะ?’ “ที่นี่คือเรือนพักกลางป่าของพวกข้าน้อยเองเจ้าค่ะ พวกข้าน้อยเจอคุณชายนอนไม่ได้สติอยู่ที่ริมแม่น้ำ...เลยพาคุณชายเข้าไปรักษาตัวที่โรงหมอในหมู่บ้าน จากนั้นก็พาคุณชายกลับมารักษาตัวต่อที่เรือนไม้หลังนี้เจ้าค่ะ แต่ในระหว่างที่คุณชายมารักษาตัวอ
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาแล้วถึงสองเดือน...ที่พวกเขายังคงตามหาจินเฟยเทียนไม่พบ แม้หยางหมิงเซียนจะยังคงออกตามหาจินเฟยเทียนทั้งกลางวันและกลางคืนเหมือนเดิม โดยมีชิงหลวนคุน จินเฟยหลงและราชครูหลงจิ้นสิงที่คอยส่งคนออกมาช่วยตามหา และถ้าเมื่อใดที่พวกเขาว่าง...พวกเขาก็จะลงมาช่วยตามหาจินเฟยเทียนด้วยตัวเองทุกครั้งก็ตาม ส่วนจินเฟยหมิง...อาการจากการถูกลอบวางยาพิษถึงจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ลมปราณและวรยุทธของเขากลับถูกยาพิษของหานเฟิงทำลายจนไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม เขาจึงทำเรื่องทูลขอต่อฮ่องเต้ เพื่อส่งมอบตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของแคว้น...ไปให้กับผู้ที่เหมาะสมนั่นก็คือจินเฟยหลง ให้ขึ้นรับตำแหน่งนี้แทนเขาทันที และหลังจากที่พวกเขาจัดการกับพิธีศพของชิงจิวซิน และจัดการกับพิธีส่งมอบตำแหน่งให้จินเฟยหลงเสร็จแล้ว จินเฟยหมิงและจินเฟยฮวาก็ย้ายตัวเองมาอยู่ที่ค่ายทหารแถบชายแดนทันที... จินเฟยเทียนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับความว่างเปล่า ด้วยเพราะรอบกายเขาในยามนี้ มันไม่มีอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว
หยางหมิงเซียนที่แยกออกไปจัดการดูแลตัวเองจนเรียบร้อย เขาได้เดินกลับออกมา...พร้อมกับยื่นชุดเก่าของผู้เป็นบิดา ไปทางชิงหลวนคุนกับคนที่ติดตามพวกเขามาด้วย “บ่อน้ำด้านหลังเรือนยังใช้ได้อยู่ ส่วนของในเรือนพวกเจ้าสามารถหยิบใช้ได้ตามสบาย” หยางหมิงเซียนพูดจบก็คิดจะเดินออกจากเรือนทันที “หมิงเซียนเจ้าอยู่รอทำแผลของตัวเองและอยู่รอพวกข้าก่อน เดี๋ยวพวกเราค่อยออกไปตามหาเฟยเทียนต่อพร้อมกัน ตอนนี้เฟยหลงกำลังกลับไปเอายาและของที่พวกเราต้องใช้ในคืนนี้อยู่” ชิงหลวนคุนเอ่ยรั้งหยางหมิงเซียนเอาไว้ เพราะบาดแผลตามร่างกายของอีกฝ่ายยังไม่ได้รับการรักษา โดยเฉพาะบาดแผลที่มารดาของอีกฝ่ายได้ลงมือฝากเอาไว้ ยามนี้...มันยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาให้เห็น “ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าจัดการดูแลตัวเองเสร็จ ค่อยตามข้าออกไปแล้วกัน” “หมิงเซียนหากเจ้าไม่ดูแลตัวเอง และรีบร้อนจนเป็นอะไรไปอีกคน ยามนั้นมันจะไม่ยิ่งแย่ไปกว่านี้หรือ?” “แต่ตอนนี้เฟยเกออยู่ด้านนอกนั้นคนเดียว! แ
หยางหมิงเซียนที่ถูกจับตัวเอาไว้โดยชิงหลวนคุนและจินเฟยหลง ยามนี้เขาปล่อยให้ตัวเองทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น พร้อมกับสหายทั้งสองของเขาอย่างหมดแรง “พวกเจ้ารีบกระจายตัวออกไปหาเส้นทางที่สามารถใช้ไต่ลงไปด้านล่างได้ หากเจอแล้วให้รีบกลับมาบอกข้า” ชิงหลวนคุนที่ดึงสติกลับมาได้ก่อน รีบหันไปสั่งการคนของเขาทันที “หึ! เป็นเช่นไร...เจ็บปวดดีหรือไม่เล่า กับการที่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักแต่เท่านี้มันยังไม่เพียงพอ...ชดใช้ให้กับสิ่งที่พวกข้าต้องสูญเสียไปหรอกนะ ความจริงแล้วพวกเจ้าก็น่าจะตกลงไปตายพร้อมกับคุณชายใหญ่นั่นด้วยเลยนะ” หานเฟิงที่ถูกจับตัวโดยคนของซูเทียนฉินเอ่ยขึ้น “ชดใช้อย่างนั้นหรือ...ได้! อย่างนั้นพวกเจ้าก็จงชดใช้มาให้ข้าเสียสิ!!” หยางหมิงเซียนลุกขึ้นปาดน้ำตาพร้อมกับเดินเข้าไปคว้าดาบในมือของซูเทียนฉิน ก่อนจะเดินเข้าไปฟันคอของหานเฟิงจนขาดภายในดาบเดียว จากนั้นเขาก็ตรงเข้าไปจัดการกับลูกน้องของหานเฟิงต่อทันที “หมิงเซียนหยุด! เก็บแร
“พวกเจ้ารีบพานางออกไปจากที่นี่ ส่วนพวกที่เหลือ...ตามข้ามา!” หานเฟิงหันไปสั่งคนของเขา พร้อมกับกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้า หลังจากที่ตัวเขามาถึงหลังกระท่อม แล้วเห็นพ่อบ้านจวนแม่ทัพ กำลังพาคนในกระท่อมหลบหนีโดยใช้รถม้าที่พวกเขาได้เตรียมเอาไว้หนี... แต่ดีที่คนของเขาได้พาว่านซิ่นหลิงไปขึ้นรถม้าอีกคันที่พวกเขาได้จอดทิ้งเอาไว้หน้ากระท่อม เขาจึงรีบแยกคนของเขาที่เหลืออยู่เป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้พาว่านซิ่นหลิงหลบออกไปจากที่นี่ ส่วนที่เหลือให้ตามเขาไปจัดการกับคนพวกนั้น แต่ก่อนที่หานเฟิงจะควบม้าออกไป เขาได้หันกลับไปมองที่ชิงจิวซิน ยามนี้นางได้ท่านกุนซือเข้ามาช่วยเหลือ และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังจะช่วยถอนพิษให้กับนาง เขาจึงเอ่ยปากขอธนูกับลูกธนูจากคนของเขา จากนั้นจึงยิงไปที่ชิงจิวซินก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปจากที่นั่น ‘คนชั่วช้าอย่างเจ้า ไม่ควรได้รับความเมตตาจากใครทั้งนั้น...จินฮูหยิน’ “อึก!” “จินฮูหยิน!” ชิงจิว