“มากันแล้วหรือเฟยเทียน หมิงเซียน” จางเลี่ยงซูเมื่อเห็นหลานชายทั้งสองเดินเข้ามาในห้องโถง นางจึงเอ่ยทักคนทั้งคู่ โดยมีแม่นมหมิงยืนอยู่ข้างกายผู้เป็นนายไม่ยอมห่าง
“ขอรับท่านป้า” จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนเอ่ยตอบรับคำ และเดินเข้าไปคำนับจางเลี่ยงซูพร้อมกัน แต่พอพวกเขาเงยหน้าขึ้น พวกเขาก็เห็นสายตาของแม่นมหมิงกับบ่าวในเรือนใหญ่บางคนที่แอบมองมาที่พวกเขาด้วยแววตาที่รังเกียจและดูถูก
“หมิงเซียนอาการเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ดีขึ้นมากแล้วขอรับท่านป้า เหลือแต่อาการร้อนจากภายในเท่านั้น ที่ยังคงมีเกิดขึ้นมาบ้างในบางครั้งขอรับ” หยางหมิงเซียนตอบคำถามอีกฝ่าย และแอบใช้สายตากดข่มไปทางแม่นมหมิงกับบ่าวพวกนั้น และเขาก็แอบกำหมัดไว้ในเสื้อ...เพื่อระงับอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นของตัวเอง
“ป้าว่า...มันน่าจะเป็นพิษที่ยังตกค้างอยู่ในร่างกายของเจ้า งั้นช่วงนี้เจ้าก็ต้องขยันปรับการไหลเวียนของลมปราณ มันจะได้ช่วยให้เจ้าหายเป็นปกติเร็วขึ้น”
“ข
“เฟยเกอขอรับ ท่าน...” หยางหมิงเซียนพูดขึ้นด้วยดวงตาที่สั่นไหว หลังจากที่พวกเขาเดินเข้ามาในห้องนอนของจินเฟยเทียน “ข้า...ข้ามีอะไรหรือ?” จินเฟยเทียนหันไปมองหน้าหยางหมิงเซียนที่เอ่ยคำพูด ที่เหมือนจะพูดกับเขา แต่กลับไม่ยอมพูดให้จบประโยค ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ริมหน้าต่างฝั่งตรงข้ามกับหยางหมิงเซียน “ท่านมีเรื่องไม่สบายใจ...แล้วเหตุใดถึงไม่ยอมบอกข้าล่ะขอรับเฟยเกอ?” หยางหมิงเซียนพูดออกมาด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจ ในวันนี้เขาได้ออกไปเห็นด้วยตาของตัวเองแล้วว่าคนตรงหน้าต้องพบเจอกับอะไรบ้าง และมันก็ทำให้เขารู้สึกโกรธจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หากไม่เพราะเกรงใจราชครูหลงจิ้นสิงกับจางเลี่ยงซูที่มีบุญคุณกับพวกเขา เขาคงไม่ทำเพียงแค่กำหมัด และใช้แววตาข่มขู่อีกฝ่ายเป็นแน่... “ข้าน่ะหรือมีเรื่องไม่สบายใจ?” “ขอรับ” “ก็เรื่องที่แม่นมหมิงกับบ่าวในเรือนใหญ่บางคนที่เอาเรื่องของพวกเราไปป่าวประกาศอย่างไรล่ะขอ
“หมิงเซียน เฟยเทียน มีเรื่องเกิดขึ้นขนาดนี้...ทำไมถึงไม่ยอมมาบอกลุง?” ราชครูหลงจิ้นสิงเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้องนอนของจินเฟยเทียน หลังจากที่เขาบังเอิญมาได้ยินเรื่องราวที่ทั้งสี่คนกำลังพูดคุยกัน ราชครูหลงจิ้นสิงหลังจากพาผู้เป็นภรรยาเข้าห้องไปนอนพักแล้ว เขาก็แอบออกมาที่เรือนพักของหลานชายทั้งสอง ด้วยต้องการจะมาขอบใจจินเฟยเทียนที่ช่วยพูดจนผู้เป็นภรรยาของเขายินยอมทำตามในสิ่งที่ตัวเขาต้องการ และจะแวะมาถามไถ่อาการป่วยของหยางหมิงเซียนด้วย เพราะตอนที่รับสำรับเย็นเขายังไม่มีโอกาสได้ถามอาการของอีกฝ่าย... แต่พอเขากำลังจะเคาะประตูเรียกคนในเรือนพัก เขากลับได้ยินบทสนทนาของหลานชายกับบ่าวคนสนิท เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในจวนของเขา...แต่เขากลับไม่เคยได้รับรู้ เขาจึงยืนฟังบทสนทนาของคนทั้งสี่จนจบ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปพูดคุยกับคนในเรือนพัก “ท่านลุงขอรับ...ข้า...พวกข้า” จินเฟยเทียนตกใจที่ราชครูหลงจิ้นสิง อยู่ ๆ ก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง แถมยังดูเหมือนอีก
เช้าวันรุ่งขึ้นจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนก็ถูกตามตัวให้ไปรับสำรับเช้าที่เรือนใหญ่ และหลังจากรับสำรับเสร็จ ราชครูหลงจิ้นสิงก็พาทุกคนย้ายจากห้องรับสำรับไปยังห้องโถง จากนั้นก็ให้พ่อบ้านหลี่ส่งคนให้ไปเรียกบ่าวทุกคนในจวนให้มารวมกันที่ห้องโถงแห่งนี้ และก่อนที่ทุกคนจะมากันครบ ราชครูหลงจิ้นสิงได้พาหยางหมิงเซียนกับพ่อบ้านหลี่เข้าไปพูดคุยกันในห้องหนังสือ และเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว ราชครูหลงจิ้นสิงก็เริ่มแจ้งเรื่องราวต่างๆ หลังจากนั้นทันที “วันนี้ที่ข้าให้คนไปตามพวกเจ้ามารวมตัวกัน ก็เพราะในยามนี้มีการเล่าลือกันเกี่ยวกับเรื่องราวของหลานชายทั้งสองของข้า...ในเรื่องที่พวกเจ้าไม่มีสิทธิที่จะมาพูด หรือมาแสดงความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้น!” ราชครูหลงจิ้นสิงพูดพร้อมกับกวาดสายตาดูบ่าวในจวนที่นั่งอยู่กลางห้องโถงทั้งหมด “ในวันที่ข้าพาหลานชายทั้งสองของข้า เข้ามาอยู่ในจวนแห่งนี้! ข้าได้ประกาศให้รับรู้โดยทั่วกันไปแล้วว่า...สองคนนี้คือหลานชายของข้าที่มาจากต่างเมือง ดังนั้นหลานชายของข้า! ก็คือเจ้านายของพวกเจ้า!!” &n
จินเฟยเทียนแอบแปลกใจกับแววตาของชางเย่ที่ชำเลืองมองมาทางหยางหมิงเซียน... “แม่นมหมิง” เมื่อตัดสินความผิดและมอบบทลงโทษให้ชางเย่เสร็จแล้ว ราชครูหลงจิ้นสิงก็กลับมาจัดการเรื่องของแม่นมหมิงต่อทันที “คุณหนู! บ่าวไม่ไปจากคุณหนูนะเจ้าคะ นายท่าน! นายท่านโปรดเมตตาบ่าวด้วยเจ้าค่ะ บ่าวขอร้อง...บ่าวจะไม่ทำอีกแล้วเจ้าค่ะ” แม่นมหมิงอ้อนวอนและร้องขอความเมตตาจากผู้เป็นนายทั้งสอง “ข้าแล้วแต่ท่านพี่เลยเจ้าค่ะ” จางเลี่ยงซูรีบออกตัว...เพื่อที่ผู้เป็นสามีจะได้ตัดสินลงโทษแม่นมหมิงได้แบบไม่ต้องเกรงใจนาง เพราะถึงแม้คนตรงหน้าจะเป็นคนสนิทของนาง แต่สิ่งที่อีกฝ่ายทำลงไปนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะยกโทษให้กันได้โดยง่าย และที่สำคัญ! คนที่อีกฝ่ายลงมือทำร้าย...ก็คือหลานชายที่นางรัก “แม่นมหมิง ความผิดของเจ้ามันช่างร้ายแรงนัก เพราะมันเป็นการทำลายเกียรติและศักดิ์ศรีของหลานชายข้า และเจ้าก็ยังทำให้บ่าวในจวนเกิดการแบ่งแยกและตีตนเสมอนาย และที่สำคัญ
หยางหมิงเซียนเดินนำเสี่ยวเปากับเสี่ยงปิงเข้ามาในห้องปรุงยาแล้วให้บ่าวชายที่มีหน้าที่ช่วยงานภายในห้องนี้ออกไปยืนเฝ้าที่หน้าประตูห้อง เพื่อกันไม่ให้จินเฟยเทียนหรือคนอื่นๆในเรือนสมุนไพร เข้ามารับรู้เรื่องราวที่พวกเขากำลังจะพูดคุยกันในตอนนี้ “อาเปาอาปิง พวกเจ้ารู้สึกเหมือนกับข้าหรือไม่ว่า...บทลงโทษของท่านลุงที่ให้กับคนพวกนั้น มันช่างดูเบาเกินไป หากเทียบกับสิ่งที่คนพวกนั้นได้ลงมือทำร้ายผู้มีพระคุณของพวกมัน!” หยางหมิงเซียนพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกแค้นใจ เพราะในยามที่มีบ่าวในจวนเกิดล้มป่วย...ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จินเฟยเทียนจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ จนในบ้างครั้ง...อีกฝ่ายถึงกับต้องมาคอยนอนเฝ้าดูอาการป่วยของคนพวกนั้นที่เรือนสมุนไพรแห่งนี้ด้วย “ขอรับ” เสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงตอบรับคำของผู้เป็นนายพร้อมกัน เพราะยามนี้พวกเขาก็คิดไม่ต่างจากผู้เป็นนาย “อาเปาอาปิง หากข้าต้องการมอบบทลงโทษของข้าให้กับคนพวกนั้นเพิ่ม พวกเจ้ายินดีที่จะร่วมมือกับข้าหรือไม่?” “พวกบ่า
หยางหมิงเซียนเมื่อพูดคุยกับเสี่ยวเปาเสี่ยวปิงจบแล้ว เขาก็ไล่ตรวจดูยาต่างๆ ในห้องปรุงยา ว่ามียาตัวไหนที่ต้องปรุงเพิ่มบ้าง ก่อนจะรีบลงมือปรุงยาแล้วกลับไปรอจินเฟยเทียนที่ห้องพักของอีกฝ่าย “หมิงเซียน เจ้าเข้ามารอข้านานแล้วหรือไม่?” จินเฟยเทียนเมื่อเดินเข้ามาในห้องพักของตนเองในเรือนสมุนไพร เขาก็เห็นเจ้าลูกกวางเข้ามานั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว “ไม่นานขอรับ” “งั้นเรารีบกลับเรือนพักกันเลยดีกว่า ที่นี่ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว...เจ้าจะได้กลับไปนอนพักด้วย” “ได้ขอรับ” หยางหมิงเซียนกับจินเฟยเทียนพากันเดินกลับเรือนพักของตัวเอง โดยมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวเดินตามผู้เป็นนายกลับไปด้วย ช่วงเย็นหลังจากที่จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนไปรับสำรับเย็นที่เรือนใหญ่พร้อมกับราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็พากันกลับมายังเรือนพักของพวกเขาทันที
ชางเย่เมื่อรู้ตัวว่า...ตัวเองถูกกรอกยาพิษ เขาก็พยายามที่จะลุกขึ้นมานั่งบนเตียง และรีบใช้มือล้วงคอของตัวเอง...เพื่อที่ตัวเขาจะได้อาเจียนเอายาพิษที่เพิ่งจะถูกกรอกเข้าไปออกมาได้ทัน แต่ยังไม่ทันที่ชางเย่จะได้อาเจียน เขาก็หงายหลังกลับลงไปนอนไม่ได้สติทันที....เพราะยาที่หยางหมิงเซียนเทลงไปผสมทีหลังนั้น เป็นยานอนหลับชนิดรุนแรง และด้วยปริมาณยาที่หยางหมิงเซียนผสมลงไปนั้น มันก็จะทำให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาอีกครั้งในสายของวันพรุ่งนี้เลย และในยามที่ชางเย่ตื่นขึ้นมานั้น...เจ้าตัวก็จะยังคงมีอาการมึนงง ด้วยเพราะฤทธิ์ของยานอนหลับที่ยังคงตกค้างอยู่ในร่างกายของอีกฝ่าย แล้วกว่าที่ชางเย่จำได้ว่า...ตัวเองถูกจับกรอกยาพิษ ยามนั้นชางเย่ก็คงจะพาตัวเองออกไปจากจวนแห่งนี้แล้ว และยาพิษที่เจ้าตัวได้รับก็คงจะกระจายไปทั่วร่างกายของชางเย่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ‘นี่คือผลจากการเผลอหลุดปากของเจ้า! เจ้าทำให้เฟยเกอต้องทนกับสิ่งที่เจ้าเผลอพูด! ดังนั้นต่อจากนี้ตัวเจ้าก็จงทนกับยาพิษ...ที่ข้าเผลอกรอกเข้าไปในปากของเจ้าก็แล้วกัน!’ หยางหมิงเซียนคิดในใจก่อนจะใช้วิชาต
“เจ้าเห็นเฟยเกอหรือไม่?” หยางหมิงเซียนเอ่ยถามบ่าวชายในห้องผู้ป่วย เนื่องจากเขาเข้าไปหาจินเฟยเทียนที่ห้องพักของอีกฝ่ายแล้ว แต่กลับไม่เจอเจ้าตัวเขาเลยลองเดินเข้ามาดูที่ห้องนี้ “คุณชายฟางไปรักษาแม่นมหมิงที่เรือนใหญ่ขอรับคุณชายหยาง” บ่าวชายคนนั้นเอ่ยตอบผู้เป็นนาย หยางหมิงเซียนได้ยินดังนั้นก็รีบหันหลังแล้วเดินออกจากเรือนสมุนไพรไปยังเรือนใหญ่ทันที โดยมีเสี่ยวปิงเดินตามผู้เป็นนายไปด้วย “อาปิง ทำไมเฟยเกอต้องไปรักษาแม่นมหมิงด้วย! ไม่รู้หรืออย่างไรว่ากว่าข้าจะ...” หยางหมิงเซียนหันไปบ่นกับเสี่ยวปิง แต่เมื่อเห็นว่ายามนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกตนเขาจึงหยุดสิ่งที่เขากำลังจะพูดทันที “แม่นมหมิง เท่าที่ข้าตรวจดูอาการที่ท่านเป็นอยู่ในยามนี้ ท่านหาใช่เป็นโรคติดต่อ...ท่านเพียงแค่เกิดอาการแพ้อะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างรุนแรงเท่านั้นเอง อาจจะเกิดจากการแพ้อาหารบางอย่างหรือสมุนไพรบางตัวก็เป็นได้ แต่ถ้าหากท่านดูแลตัวเองดีๆ และทำตามที่
“เจ้ามาอีกแล้วหรือหลวนคุน พักนี้เจ้ามาที่นี่บ่อยเกินไปหรือไม่?” “พักนี้ข้าว่างเลยแวะมาเยี่ยมสหายอย่างพวกเจ้าไม่ได้หรือ...” จินเฟยเทียนหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันหน้าห้องพักของเขา เขาจึงเดินออกมาดูที่หน้าห้องก็เห็นหยางหมิงเซียนกำลังยืนกันชิงหลวนคุนไม่ให้อีกฝ่ายเดินมาหาเขาที่ห้องพัก จากนั้นเขาก็เห็นเจ้าลูกกวางแอบส่งสัญญาณบางอย่างให้กับหลงจิ้นเปียวที่กำลังยืนแอบมองพวกเขาทั้งสองคนจากหน้าห้องผู้ป่วย ด้วยเจ้าตัวแสบหลงจิ้นเปียวยามนี้ได้ขออยู่เล่นกับเกาเล่อและเกาเผิงที่โรงหมอต่อ หลังจากที่ราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูพาอีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมพวกเขาที่นี่ “องค์ชายสิบสองพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ช่วยมาดูอะไรกับกระหม่อมสักครู่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หลงจิ้นเปียววัยเจ็ดหนาวเดินเข้ามาพูดพร้อมกับกระตุกชุดคลุมของชิงหลวนคุน “เพียงไม่นานพ่ะย่ะค่ะ มันอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เองพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ เราจะไปดูก
จินเฟยเทียนลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่...ใบหน้าแรกที่เขาได้เจอก็คือใบหน้าของหยางหมิงเซียน จินเฟยเทียนจึงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของคนที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างกายเขา... หากนึกย้อนไปในวันแรกที่เขาทะลุเข้ามาอยู่ในโลกแห่งนี้ โดยไม่นับรวมชาติที่เขาตายจากโลกแห่งนี้ไป คนแรกที่เขาเจอก็คือหยางหมิงเซียน และไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ยามที่เขาหัวเราะหรือแม้แต่ในยามที่เขาร้องไห้ คนที่อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอดก็คือหยางหมิงเซียน แม้แต่ในเวลาที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวที่สุด เขาก็มีอีกฝ่ายเป็นที่เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ... “ขอบคุณนะที่รักกัน” “ขอรับ ข้ารักเฟยเกอนะขอรับ” หยางหมิงเซียนเอ่ยตอบอีกฝ่ายพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองคนรักของเขา ที่จริงเขารู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาแล้ว “ข้าก็รักเจ้าหมิงเซียน เจ้าลูกกวางของข้า” “ขอรับ ข้าเป็นเจ้าลูกกวางของเฟยเกอ แต่..
หยางหมิงเซียนรีบประคองจินเฟยเทียนกลับมาที่เรือนของพวกเขา ดีที่พวกเขาสร้างโรงหมอไม่ไกลจากเรือนของพวกเขามากนัก และดีที่ตอนปรับปรุงเรือนหลังเก่าให้กลายเป็นเรือนหอของพวกเขา...ได้สร้างเรือนหลังเล็กแยกไปอีกสามหลัง เพื่อให้เกาเล่อกับเกาเผิงและบ่าวคนอื่นๆ ที่จินเฟยหมิงและราชครูหลงจิ้นสิงส่งมาให้อยู่ดูแลพวกเขาไปพักอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อที่ทุกคนจะได้มีที่พักเป็นสัดส่วนของตัวเอง ดังนั้นในเรือนใหญ่หลังนี้จึงมีเพียงแค่พวกเขาที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคน หยางหมิงเซียนประคองจินเฟยเทียนเข้ามานั่งพักในห้องนอนของพวกเขา ก่อนที่เขาจะลงไปนั่งคุกเข่าและมองคนที่นั่งอยู่บนเตียง ที่ในยามนี้ทั้งผิวหน้าและผิวกายของอีกฝ่ายมีสีแดงไม่ต่างไปจากผลผิงกั่ว ดวงตาของอีกฝ่ายยามนี้ก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายก็กำลังขบเม้มกันแน่น...คนตรงหน้ายามนี้คงกำลังพยายามฝืนความต้องการของตัวเองอยู่เป็นแน่ “เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ข้าขอโทษนะขอรับ ยาที่ท่านเพิ่งกินเข้าไปไม่ใช่ยาแก้ปวดต
“อาเล่อเจ้ากำลังทำอะไร?” หยางหมิงเซียนเข้ามาในห้องปรุงยา หลังจากไปส่งยาสมานแผลที่ค่ายทหาร ก็เจอเข้ากับเกาเล่อที่มาก้มๆเงยๆ อยู่แถวชั้นปรุงยาของเขา “ข้าน้อยกำลังจะต้มยาแก้ปวดตัวให้คุณชายใหญ่จินขอรับ” “เฟยเกอเป็นอะไร?” หยางหมิงเซียนรีบเอ่ยถาม เพราะเมื่อเช้าพวกเขาก็ออกมาจากเรือนพักพร้อมกันเหมือนทุกวัน อีกฝ่ายก็ยังปกติดีไม่เห็นมีอาการปวดตัวอะไรให้เห็น “วันนี้คุณชายใหญ่จินมีตรวจรักษาคนไข้ตั้งแต่เช้าเลยขอรับ และวันนี้ก็มีท่านป้าท่านหนึ่งที่ขยับตัวค่อนข้างจะลำบากเข้ามาขอรับการรักษา คุณชายใหญ่จินจึงต้องคอยช่วยนางขยับตัวตอนตรวจรักษาด้วยขอรับ ยามนี้คุณชายใหญ่จินเลยให้ข้าน้อยมาต้มยาแก้ปวดตัวให้ขอรับ” “เจ้ากลับไปช่วยเฟยเกอดูคนไข้ต่อเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องยาของเฟยเกอให้เอง อีกสักพักเจ้าค่อยกลับออกมาเอา และข้าฝากบอกเฟยเกอด้วยว่า...ข้ากลับมาแล้ว และเดี๋ยวถ้าข้าต้มยาให้ท่านลุงเจียงเสร็จ ข้าจะรีบเข้าไปหา” “ได้ขอรับ”
หยางหมิงเซียนเฝ้ามองตัวเขาในที่แห่งนี้เริ่มทำเรื่องเลวร้ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามนี้ตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เป็นถึงผู้ช่วยเจ้ากรมกลาโหมแล้ว และตัวเขาในที่แห่งนี้ก็มีเกาเล่อเป็นลูกน้องคนสนิทและยังมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงเป็นดั่งมือและเท้าคอยออกไปทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ ให้เขา พวกเขาทำตัวไม่ต่างอะไรจากโจร...ทั้งยักยอกของหลวง ทั้งติดสินบน ทั้งตัดเสบียงอาหารและยาที่จะส่งไปยังค่ายทหาร...เพียงเพื่อต้องการกลั่นแกล้งรองแม่ทัพจินเฟยหลง ด้วยเพราะอีกฝ่ายเข้ามาติดพันกับสตรีที่ตัวเขาในที่แห่งนี้กำลังลุ่มหลง จนวันหนึ่งหยางหมิงเซียนเห็นตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เจอกับผู้เป็นมารดา จากนั้นชีวิตของตัวเขาในที่แห่งนี้ก็เริ่มเลวร้ายลงไปจากเดิมเป็นเท่าตัว หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ถูกมารดาชักจูงให้ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่การดึงตัวเขาในที่แห่งนี้เข้าไปร่วมมือกับหานเฟิง ตอนนี้หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากคนเลวคนหนึ่ง ทั้งลงมือทำร้ายผู้คนอย่างไม่มีเหตุผล ยิ่งกับคนที่เคยทำร้ายจิตใจตัวเองด้
“ข้าขอร้องได้หรือไม่ ช่วยปล่อยเด็กคนนั้นไป เด็กคนนั้น...ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย หากคนที่จ้างเจ้าต้องการให้เจ้ามาเอาชีวิตข้า อย่างนั้นเจ้าก็เข้ามาเอาชีวิตข้าไปเสียเถอะ แต่ข้าขออย่างเดียว...ช่วยปล่อยเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องคนนั้นไป” จินเฟยเทียนยามนี้เจ็บปวดใจยิ่งนัก เพียงเพราะชีวิตตัวภาระอย่างเขา ทำให้ผู้คนรอบข้างและผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อน ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือตัวภาระเช่นเขาแบบนี้ หากไม่มีเขาสักคนทุกคนคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เป็นแน่... ‘ชีวิตของข้ามันช่างดูไร้ค่า และเป็นภาระของผู้อื่นอย่างที่ฮูหยินรองพูดไว้จริงๆด้วย’ นักฆ่าคนนั้นเดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนแล้วก้มลงหยิบดาบของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะโยนร่างของเด็กชายไปยังจุดที่จินเฟยเทียนกำลังยืนอยู่ จินเฟยเทียนที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองเด็กชายให้กลับขึ้นมายืนข้างตัวเองทันที “ข้าคงทำแบบนั้นให้ท่านไม่ได้หรอกคุณช
หยางหมิงเซียนลืมตาขึ้นมาเขาก็เห็นว่าตัวเองกำลังยืนอยู่กลางห้องเล็กห้องหนึ่ง เขาจึงมองไปรอบๆ ห้อง ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย... ‘ที่นี่? หรือว่า?’ หยางหมิงเซียนเดินไปที่เตียงขนาดกลางตรงมุมห้อง แล้วเขาก็ได้เห็นตัวเขาเองกับจินเฟยเทียนในวัยเยาว์ที่กำลังนอนอยู่ข้างกันบนเตียงหลังนั้น ‘นั่นข้ากับเฟยเกอนี่’ จากนั้นหยางหมิงเซียนก็เห็นหยงหม่าเดินเข้ามาในห้อง อีกฝ่ายเดินทะลุผ่านร่างของเขาเข้าไปปลุกคนบนเตียง ดูเหมือนว่ายามนี้คนที่นี่จะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเขาและมองไม่เห็นเขาที่ยืนอยู่ในห้องนี้ด้วย “คุณชายใหญ่ขอรับ...ตื่นได้แล้วขอรับ เราต้องรีบออกเดินทางกันแล้วนะขอรับ พวกองครักษ์บอกว่าเห็นพวกนักฆ่าเข้ามาแถวในหมู่บ้านนี้แล้วขอรับ” หยงหม่าหลังจากเห็นผู้เป็นนายรู้สึกตัวแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปหยิบเสื้อคลุมให้ผู้เป็นนายและเด็กชายอีกคนบนเตียงทันที&nbs
จินเฟยเทียนหลังจากที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสของคนตรงหน้า แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับตัวลุกออกจากตัวเขา แล้วเอื้อมมือไปหยิบน้ำมันหอมใต้เตียงขึ้นมา... และเมื่อเขาได้เห็นเครื่องแสดงความเป็นบุรุษของอีกฝ่ายอย่างเต็มตา... ยามนี้สติที่เตลิดไปไกลของเขาก็ได้วิ่งกลับมาเข้าในร่างเขาอย่างสมบูรณ์ทันที จินเฟยเทียนมองไปที่เครื่องแสดงความเป็นบุรุษของตัวเองกับของหยางหมิงเซียนแล้ว เขาก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น... แม้ยามนี้เขาอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้มากแค่ไหน และรู้ว่าตัวเองกำลังจะต้องพบเจอกับอะไร แต่เมื่อเขาเห็นแววตาของอีกฝ่ายแล้ว เขาก็กลั้นใจลุกออกไปจากเตียงหลังนี้ไม่ลงจริงๆ และยามนี้ในหัวของจินเฟยเทียนก็คิดแต่เพียงสำนวนที่ว่า...อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง หยางหมิงเซียนเมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาก็เริ่มลงมือเตรียมความพร้อมของจินเฟยเทียนต่อทันที “เฟยเกอเ
งานมงคลสมรสระหว่างจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนก็ถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ยามอย่างเรียบง่ายที่เรือนหอของพวกเขาตามความต้องการของจินเฟยเทียน แต่กว่าที่หยางหมิงเซียนจะเอาตัวเองเข้ามาในห้องหอได้ก็เกือบครึ่งค่อนคืนไปแล้ว เพราะเขาถูกทั้งคนในครอบครัวของจินเฟยเทียนและชิงหลวนคุนกับซานมู่ดึงตัวชนสุราและถ่วงเวลาเขาเอาไว้... หยางหมิงเซียนเมื่อเดินเข้ามาในห้องหอ เขาก็เดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนที่นั่งอยู่บนเตียง จากนั้นเขาก็ใช้พัดเปิดผ้าแดงที่คลุมใบหน้าของอีกฝ่ายในยามนี้ออก...แล้วเขาก็ได้เห็นใบหน้าของคนรักของเขา หลังจากที่พวกเขาไม่ได้เห็นหน้าและไม่ได้พบเจอกันเลยมาเป็นเวลาสามวัน ด้วยเพราะพวกเขาต้องทำตามประเพณี...คนตรงหน้าเลยถูกแยกให้ไปพักอยู่ที่ค่ายทหารของจินเฟยหลง “เฟยเกอขอรับ ท่านรู้ตัวหรือไม่ขอรับว่าวันนี้...ท่านรูปงามยิ่งนักขอรับ” จินเฟยเทียนเงยหน้าขึ้นมองหยางหมิงเซียนที่วันนี้เจ้าตัวก็สวมชุดคลุมสีแดงไม่ต่างไปจากเขา แต่ทำไม...