“เจ้าเห็นเฟยเกอหรือไม่?” หยางหมิงเซียนเอ่ยถามบ่าวชายในห้องผู้ป่วย เนื่องจากเขาเข้าไปหาจินเฟยเทียนที่ห้องพักของอีกฝ่ายแล้ว แต่กลับไม่เจอเจ้าตัวเขาเลยลองเดินเข้ามาดูที่ห้องนี้
“คุณชายฟางไปรักษาแม่นมหมิงที่เรือนใหญ่ขอรับคุณชายหยาง” บ่าวชายคนนั้นเอ่ยตอบผู้เป็นนาย
หยางหมิงเซียนได้ยินดังนั้นก็รีบหันหลังแล้วเดินออกจากเรือนสมุนไพรไปยังเรือนใหญ่ทันที โดยมีเสี่ยวปิงเดินตามผู้เป็นนายไปด้วย
“อาปิง ทำไมเฟยเกอต้องไปรักษาแม่นมหมิงด้วย! ไม่รู้หรืออย่างไรว่ากว่าข้าจะ...” หยางหมิงเซียนหันไปบ่นกับเสี่ยวปิง แต่เมื่อเห็นว่ายามนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกตนเขาจึงหยุดสิ่งที่เขากำลังจะพูดทันที
“แม่นมหมิง เท่าที่ข้าตรวจดูอาการที่ท่านเป็นอยู่ในยามนี้ ท่านหาใช่เป็นโรคติดต่อ...ท่านเพียงแค่เกิดอาการแพ้อะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างรุนแรงเท่านั้นเอง อาจจะเกิดจากการแพ้อาหารบางอย่างหรือสมุนไพรบางตัวก็เป็นได้ แต่ถ้าหากท่านดูแลตัวเองดีๆ และทำตามที่
“เฟยเกอจะรักษาให้คนแบบนั้นทำไมขอรับ ท่านจำไม่ได้หรือขอรับ...ว่าคนผู้นั้นทำอะไรกับท่านไว้บ้าง!” หยางหมิงเซียนหันมาพูดกับจินเฟยเทียนทันที หลังจากที่พวกเขาเดินเข้ามาในศาลาท้ายจวน ที่ตอนนี้มีเพียงแค่พวกเขา และด้านนอกก็ยังมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงที่ยืนกันผู้อื่นอยู่หน้าศาลาให้พวกเขาด้วย “จำได้” “แล้วท่านจะไปรักษาให้คนผู้นั้นทำไมขอรับ?” “หมิงเซียน ข้าเป็นหมอ...หมอมีหน้าที่รักษาคนป่วย และตอนนี้แม่นมหมิงก็กำลังป่วย” “แต่...” “หมิงเซียน ฟังข้านะ...ข้าหาใช่พ่อพระ สิ่งที่แม่นมหมิงเคยทำกับข้า...ข้ายอมต้องจำได้ แต่เรื่องในตอนนั้นท่านลุงก็ได้ลงโทษแม่นมหมิงไปแล้ว แค่โทษในตอนนั้น...ข้าก็ถือว่าหนักหนาพอควรแล้วสำหรับแม่นมหมิง อีกอย่างตอนนี้แม่นมหมิงก็กำลังป่วย และท่านป้าก็ใกล้คลอด...ท่านป้าคงไม่สามารถมารักษาแม่นมหมิงได้ ดังนั้น...ก็เหลือเพียงแต่ข้าที่เป็นหมอและข้าเองก็ไม่สามารถทิ้งคนป่วยเพราะความแค้นเคืองส่วนตัวได้”
หลังจากสงบศึกกันไปได้สักพัก พวกจินเฟยเทียนที่กำลังยืนรอน้ำตาลปั้นอยู่ ก็เห็นกลุ่มคนที่ยืนเลือกของอยู่ที่ร้านข้างๆ พากันกระซิบกระซาบและชี้ชวนดูชายหนุ่มสองคนที่กำลังจะเดินผ่านหน้าพวกเขาไป และพอชายหนุ่มทั้งสองคนนั้น...เดินเลยระยะของการได้ยินไปแล้ว คนพวกนั้นก็เปลี่ยนจากการกระซิบกระซาบกลายเป็นจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างเปิดเผยทันที ‘พวกเจ้านั่นมันคุณชายหลี่กับคุณชายมู่นี่นา ข้าได้ยินข่าวมาว่า...คุณชายทั้งสองกำลังจะเข้าพิธีสมรสกันในต้นเดือนหน้านี้แล้วนะ’ ‘จริงหรือ?’ ‘จริงสิ ข้าเองก็ได้ยินมาแบบนั้นเช่นกัน!’ ‘แล้วผู้ใดเป็นคนแต่งเข้าล่ะ?” ‘น่าจะคุณชายมู่แต่งเข้าตระกูลหลี่นะ’ ‘จริงหรือ...งั้นทั้งสองตระกูลก็คงจะไม่ได้ทายาทไว้สืบสกุลจากคุณชายทั้งสองท่านนี้แล้วล่ะสิ!’ &nb
อุแว้...แง้...แง้… “นายท่านขอรับ…นั่นเสียงคุณชาย! คุณชายน้อยคลอดแล้วขอรับ!! ” พ่อบ้านหลี่หันมาพูดกับผู้เป็นนายและเผลอแสดงอาการตื่นเต้นออกมา...จนเสียอาการ ด้วยเพราะพ่อบ้านหลี่รอคอยวันนี้มานาน...วันที่ผู้เป็นนายทั้งสองจะมีคุณชายหรือคุณหนูตัวน้อยๆ มาให้เขาได้ช่วยเลี้ยง “อืม...ข้าได้ยินแล้ว” ราชครูหลงจิ้นสิงพอได้ยินเสียงร้องไห้ของบุตรชาย เขาเองก็รู้สึกดีใจและอาจจะดีใจมากกว่าผู้อื่นเสียด้วยซ้ำ แต่อาจจะเป็นเพราะว่า...เขาในยามนี้ยังมีความรู้สึกเป็นห่วงผู้เป็นภรรยา ด้วยเพราะเมื่อครู่เสียงร้องของนาง...มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกทรมานใจ จนเขาในยามนี้...อยากจะเข้าไปในห้อง เพื่อดูให้เห็นกับตาว่า...นางยังคงปลอดภัยดี “คุณชายน้อยเกิดมาแข็งแรงสมบูรณ์ดีเจ้าค่ะ” หมอตำแยเปิดประตูออกมาพร้อมกับมีคุณชายตัวน้อยอยู่ในอ้อมแขนของนาง “แล้วฮูหยินของข้าล่ะ...นางเป็นเช่นใดบ้าง?” “หลงฮูหยินปลอดภัยดีเจ้าค่ะ”
เมื่อถึงวันงาน ระหว่างที่มีคนมาแสดงความยินดีเรื่องหลงจิ้นเปียว ราชครูหลงจิ้นสิงก็จะคอยพยายามเรียกหาหลานชายทั้งสองให้มาอยู่ข้างๆ ตัวเขากับผู้เป็นภรรยาและหลงจิ้นเปียวด้วย เพื่อที่เขาจะได้แนะนำหลานชายทั้งสองของเขาให้กับสหายและคนที่มาร่วมงานได้รู้จัก แต่หลานชายทั้งสองของเขากลับไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเขาเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะจินเฟยเทียนที่คอยแต่จะพยายามหาทางเลี่ยงออกจากงานเลี้ยง โดยการอ้างว่า...จะไปช่วยดูแลอาหารที่นำมาใช้ต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน ส่วนหยางหมิงเซียนก็คอยเอาแต่ตามติดจินเฟยเทียนไม่ยอมห่าง และหยางหมิงเซียนก็มักจะแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาทุกครั้ง ยามที่มีคุณหนูหรือคุณชายจวนอื่นเข้ามาทักทายหรือพยายามจะเข้ามาทำความรู้จักกับตัวเองและจินเฟยเทียน เมื่อราชครูหลงจิ้นสิงเห็นดังนั้นก็เริ่มทำใจและตัดใจปล่อยให้หลานชายทั้งสองได้ทำตามในสิ่งที่เจ้าตัวต้องการ จินเฟยเทียนเมื่อเห็นว่าราชครูหลงจิ้นสิงเริ่มหยุดเรียกหาเขาและหยางหมิงเซียนให้ออกไปช่วยรับแขกที่มาร่วมในงานเลี้ยงแล้ว เขาก็คิดที่เอาตัวเองออกมาจากงานเลี้ยงนั้นทันที ก่อ
‘องค์ชายสิบสอง’ “ไม่เป็นไร พวกท่านลุกขึ้นเถอะ...ไม่ต้องมากพิธี” ชิงหลวนคุนเอ่ยปากบอกทุกคนในงานเลี้ยงพร้อมกับเดินเข้าไปหาเจ้าของจวนทั้งสอง “ขอบพระทัยองค์ชายสิบสองที่ทรงเสด็จมานะพ่ะย่ะค่ะ” ราชครูหลงจิ้นสิงเอ่ยต้อนรับลูกศิษย์ผู้สูงศักดิ์ของตัวเอง “อย่าได้เกรงใจข้าเลยท่านอาจารย์ ข้านำของมาแสดงความยินดีกับพวกท่านด้วย และมีของจากเสด็จแม่ที่ฝากมาแสดงความยินดีกับพวกท่านด้วยนะ” ชิงหลวนคุนหันไปส่งสัญญาณให้คนของเขาส่งมอบของให้กับเจ้าของจวนทั้งสอง “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ และกระหม่อมขอฝากขอบพระทัยพระสนมด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ เดี๋ยวกลับไปข้าจะบอกเสด็จแม่ให้” “นี่คือ…บุตรชายของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ มีนามว่า...หลงจิ้นเปียว” “อืม...หน้าตาน่าเอ็นดูยิ่งนัก” ชิงหลวนคุนก้มหน้าลงไปดูเจ้าตัวเล็ก...ที่อยู่ในอ้อมแขนของจางเลี่ยงซูพร้อมกับเอื้อมมือเข้าไปสัมผัสมือเล็กๆ ที่
“จริงหรือ? งั้นข้าขอลองดื่มดูสักจอกนะ” “เฟยเกอขอรับ แต่…” หยางหมิงเซียนรู้สึกไม่เห็นด้วยกับความคิดของอีกฝ่าย เพราะการที่จินเฟยเทียนดื่มสุราไม่เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว อีกอย่างสุราก็ให้โทษกับร่างกายมากกว่าประโยชน์ที่อีกฝ่ายพูดมาเสียอีก เขาจึงคิดจะเอ่ยขัดคนตรงหน้า แต่ถูกจินเฟยเทียนพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน “ให้ข้าลองดื่มดูสักจอกก่อนนะหมิงเซียน ข้าแค่อยากลองดื่มดูสักครั้งเท่านั้น อีกอย่างยามนี้พวกเราก็อยู่ที่จวนด้วย หากข้าเกิดเมาแล้วทำอะไรที่ไม่สมควรก็มีเพียงแค่พวกเจ้าเท่านั้นที่เห็น และข้าก็หวังว่า...พวกเจ้าคงจะไม่ถือสาตัวข้ายามเมาใช่หรือไม่?” จินเฟยเทียนให้เหตุผลของการขอลองดื่มสุราครั้งแรกกับหยางหมิงเซียน ก่อนจะส่งแววตาอ้อนวอนให้กับสองหนุ่มข้างกาย... “ก็ได้ขอรับ ข้ายอมให้เฟยเกอลองดื่มสุราดูก็ได้ขอรับ” หยางหมิงเซียนเห็นแววตาอ้อนขอลองดื่มสุราของคนตรงหน้าก็ให้ใจอ่อน ใครบอกว่ามีแต่คนตรงหน้าแพ้แววตาเขายามอ้อน...เขาขอเถียงขาดใจ เพราะตัวเขาเองก็แพ้สายตาของอีกฝ่ายไม่ต่างก
หยางหมิงเซียนลุกขึ้นไปจัดการดูแลตัวเองที่ห้องของเขา ก่อนที่จะกลับมายังห้องนอนของจินเฟยเทียนพร้อมกับอ่างใส่น้ำและผ้าสะอาด ดีที่ในยามนี้เสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงยังอยู่ช่วยงานที่เรือนใหญ่ ไม่อย่างนั้นทั้งสองคน...คงได้มาเห็นสภาพที่ไม่น่าดูของผู้เป็นนายของพวกเขาในยามนี้เป็นแน่ หยางหมิงเซียนเดินเข้าไปวางอ่างใส่น้ำที่โต๊ะข้างเตียง จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ลงมือเช็ดใบหน้าให้กับคนเมา...ที่ในยามนี้กำลังหลับไหลไม่ได้สติอยู่บนเตียง เขาไล่เช็ดตามกรอบหน้าของอีกฝ่ายมาจนถึงบริเวณริมฝีปาก...แล้วเขาก็เผลอจ้องมองริมฝีปากสีแดงระเรื่อนั้นอย่างลืมตัว ก่อนที่เขาจะรีบสะบัดหน้าเพื่อขับไล่ความคิดบางอย่างของตัวเองออกไป แล้วรีบลงมือเช็ดหน้าและเปลี่ยนชุดคลุมให้กับอีกฝ่ายต่อจนเสร็จ ก่อนที่ตัวเขาจะขึ้นไปนอนข้างอีกฝ่ายเหมือนเช่นทุกคืน แต่ในคืนนี้...หยางหมิงเซียนเลือกที่จะนอนหันหลังให้กับจินเฟยเทียน...โดยไม่หันกลับไปนอนกอดอีกฝ่ายเหมือนเช่นทุกคืนที่ผ่านมา ‘โอ้ย! ปวดหัวจังแฮะ ทำไมทั้งปวด...ทั้งหนักหัวอย่างนี้
“หึ! ตามมาเร็วดีนี่...หมิงเซียน” ชิงหลวนคุนหันไปทักคนที่รีบกลับมายังเรือนพักของตัวเอง ด้วยเพราะก่อนที่เขาจะเข้ามาพบกับจินเฟยเทียนที่นี่ เขาได้เข้าไปถามหาอีกฝ่ายที่เรือนสมุนไพร และดูจากท่าทางของหยางหมิงเซียนในยามนี้แล้ว พออีกฝ่ายรู้ว่าเขามาก็คงจะรีบกลับมาที่นี่ทันทีเลย “อืม” หยางหมิงเซียนตอบรับคำพูดของอีกฝ่ายพร้อมกับก้มลงไปคำนับให้กับสหายผู้สูงศักดิ์ ก่อนจะหันไปถามอาการของจินเฟยเทียน “เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?” “ดีขึ้นมากแล้ว” “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ” ซงหยวนเอ่ยเรียกผู้เป็นนายเพื่อหวังเตือนสิ่งที่อีกฝ่ายต้องไปทำ “เข้าใจแล้ว” ชิงหลวนคุนหันไปตอบรับคำของซงหยวน ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยลาสหายทั้งสองคนของตัวเอง “เฟยเทียนหมิงเซียน วันนี้ข้าคงต้องขอตัวก่อนนะ เดี๋ยวถ้าว่างข้าจะแวะมาหาพวกเจ้าใหม่” “ได้ ขอบใจเจ้ามากนะหลวนคุน” จินเฟยเทียนตอบรับคำของชิงหลวนคุ
“เจ้ามาอีกแล้วหรือหลวนคุน พักนี้เจ้ามาที่นี่บ่อยเกินไปหรือไม่?” “พักนี้ข้าว่างเลยแวะมาเยี่ยมสหายอย่างพวกเจ้าไม่ได้หรือ...” จินเฟยเทียนหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันหน้าห้องพักของเขา เขาจึงเดินออกมาดูที่หน้าห้องก็เห็นหยางหมิงเซียนกำลังยืนกันชิงหลวนคุนไม่ให้อีกฝ่ายเดินมาหาเขาที่ห้องพัก จากนั้นเขาก็เห็นเจ้าลูกกวางแอบส่งสัญญาณบางอย่างให้กับหลงจิ้นเปียวที่กำลังยืนแอบมองพวกเขาทั้งสองคนจากหน้าห้องผู้ป่วย ด้วยเจ้าตัวแสบหลงจิ้นเปียวยามนี้ได้ขออยู่เล่นกับเกาเล่อและเกาเผิงที่โรงหมอต่อ หลังจากที่ราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูพาอีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมพวกเขาที่นี่ “องค์ชายสิบสองพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ช่วยมาดูอะไรกับกระหม่อมสักครู่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หลงจิ้นเปียววัยเจ็ดหนาวเดินเข้ามาพูดพร้อมกับกระตุกชุดคลุมของชิงหลวนคุน “เพียงไม่นานพ่ะย่ะค่ะ มันอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เองพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ เราจะไปดูก
จินเฟยเทียนลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่...ใบหน้าแรกที่เขาได้เจอก็คือใบหน้าของหยางหมิงเซียน จินเฟยเทียนจึงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของคนที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างกายเขา... หากนึกย้อนไปในวันแรกที่เขาทะลุเข้ามาอยู่ในโลกแห่งนี้ โดยไม่นับรวมชาติที่เขาตายจากโลกแห่งนี้ไป คนแรกที่เขาเจอก็คือหยางหมิงเซียน และไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ยามที่เขาหัวเราะหรือแม้แต่ในยามที่เขาร้องไห้ คนที่อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอดก็คือหยางหมิงเซียน แม้แต่ในเวลาที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวที่สุด เขาก็มีอีกฝ่ายเป็นที่เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ... “ขอบคุณนะที่รักกัน” “ขอรับ ข้ารักเฟยเกอนะขอรับ” หยางหมิงเซียนเอ่ยตอบอีกฝ่ายพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองคนรักของเขา ที่จริงเขารู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาแล้ว “ข้าก็รักเจ้าหมิงเซียน เจ้าลูกกวางของข้า” “ขอรับ ข้าเป็นเจ้าลูกกวางของเฟยเกอ แต่..
หยางหมิงเซียนรีบประคองจินเฟยเทียนกลับมาที่เรือนของพวกเขา ดีที่พวกเขาสร้างโรงหมอไม่ไกลจากเรือนของพวกเขามากนัก และดีที่ตอนปรับปรุงเรือนหลังเก่าให้กลายเป็นเรือนหอของพวกเขา...ได้สร้างเรือนหลังเล็กแยกไปอีกสามหลัง เพื่อให้เกาเล่อกับเกาเผิงและบ่าวคนอื่นๆ ที่จินเฟยหมิงและราชครูหลงจิ้นสิงส่งมาให้อยู่ดูแลพวกเขาไปพักอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อที่ทุกคนจะได้มีที่พักเป็นสัดส่วนของตัวเอง ดังนั้นในเรือนใหญ่หลังนี้จึงมีเพียงแค่พวกเขาที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคน หยางหมิงเซียนประคองจินเฟยเทียนเข้ามานั่งพักในห้องนอนของพวกเขา ก่อนที่เขาจะลงไปนั่งคุกเข่าและมองคนที่นั่งอยู่บนเตียง ที่ในยามนี้ทั้งผิวหน้าและผิวกายของอีกฝ่ายมีสีแดงไม่ต่างไปจากผลผิงกั่ว ดวงตาของอีกฝ่ายยามนี้ก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายก็กำลังขบเม้มกันแน่น...คนตรงหน้ายามนี้คงกำลังพยายามฝืนความต้องการของตัวเองอยู่เป็นแน่ “เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ข้าขอโทษนะขอรับ ยาที่ท่านเพิ่งกินเข้าไปไม่ใช่ยาแก้ปวดต
“อาเล่อเจ้ากำลังทำอะไร?” หยางหมิงเซียนเข้ามาในห้องปรุงยา หลังจากไปส่งยาสมานแผลที่ค่ายทหาร ก็เจอเข้ากับเกาเล่อที่มาก้มๆเงยๆ อยู่แถวชั้นปรุงยาของเขา “ข้าน้อยกำลังจะต้มยาแก้ปวดตัวให้คุณชายใหญ่จินขอรับ” “เฟยเกอเป็นอะไร?” หยางหมิงเซียนรีบเอ่ยถาม เพราะเมื่อเช้าพวกเขาก็ออกมาจากเรือนพักพร้อมกันเหมือนทุกวัน อีกฝ่ายก็ยังปกติดีไม่เห็นมีอาการปวดตัวอะไรให้เห็น “วันนี้คุณชายใหญ่จินมีตรวจรักษาคนไข้ตั้งแต่เช้าเลยขอรับ และวันนี้ก็มีท่านป้าท่านหนึ่งที่ขยับตัวค่อนข้างจะลำบากเข้ามาขอรับการรักษา คุณชายใหญ่จินจึงต้องคอยช่วยนางขยับตัวตอนตรวจรักษาด้วยขอรับ ยามนี้คุณชายใหญ่จินเลยให้ข้าน้อยมาต้มยาแก้ปวดตัวให้ขอรับ” “เจ้ากลับไปช่วยเฟยเกอดูคนไข้ต่อเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องยาของเฟยเกอให้เอง อีกสักพักเจ้าค่อยกลับออกมาเอา และข้าฝากบอกเฟยเกอด้วยว่า...ข้ากลับมาแล้ว และเดี๋ยวถ้าข้าต้มยาให้ท่านลุงเจียงเสร็จ ข้าจะรีบเข้าไปหา” “ได้ขอรับ”
หยางหมิงเซียนเฝ้ามองตัวเขาในที่แห่งนี้เริ่มทำเรื่องเลวร้ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามนี้ตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เป็นถึงผู้ช่วยเจ้ากรมกลาโหมแล้ว และตัวเขาในที่แห่งนี้ก็มีเกาเล่อเป็นลูกน้องคนสนิทและยังมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงเป็นดั่งมือและเท้าคอยออกไปทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ ให้เขา พวกเขาทำตัวไม่ต่างอะไรจากโจร...ทั้งยักยอกของหลวง ทั้งติดสินบน ทั้งตัดเสบียงอาหารและยาที่จะส่งไปยังค่ายทหาร...เพียงเพื่อต้องการกลั่นแกล้งรองแม่ทัพจินเฟยหลง ด้วยเพราะอีกฝ่ายเข้ามาติดพันกับสตรีที่ตัวเขาในที่แห่งนี้กำลังลุ่มหลง จนวันหนึ่งหยางหมิงเซียนเห็นตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เจอกับผู้เป็นมารดา จากนั้นชีวิตของตัวเขาในที่แห่งนี้ก็เริ่มเลวร้ายลงไปจากเดิมเป็นเท่าตัว หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ถูกมารดาชักจูงให้ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่การดึงตัวเขาในที่แห่งนี้เข้าไปร่วมมือกับหานเฟิง ตอนนี้หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากคนเลวคนหนึ่ง ทั้งลงมือทำร้ายผู้คนอย่างไม่มีเหตุผล ยิ่งกับคนที่เคยทำร้ายจิตใจตัวเองด้
“ข้าขอร้องได้หรือไม่ ช่วยปล่อยเด็กคนนั้นไป เด็กคนนั้น...ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย หากคนที่จ้างเจ้าต้องการให้เจ้ามาเอาชีวิตข้า อย่างนั้นเจ้าก็เข้ามาเอาชีวิตข้าไปเสียเถอะ แต่ข้าขออย่างเดียว...ช่วยปล่อยเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องคนนั้นไป” จินเฟยเทียนยามนี้เจ็บปวดใจยิ่งนัก เพียงเพราะชีวิตตัวภาระอย่างเขา ทำให้ผู้คนรอบข้างและผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อน ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือตัวภาระเช่นเขาแบบนี้ หากไม่มีเขาสักคนทุกคนคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เป็นแน่... ‘ชีวิตของข้ามันช่างดูไร้ค่า และเป็นภาระของผู้อื่นอย่างที่ฮูหยินรองพูดไว้จริงๆด้วย’ นักฆ่าคนนั้นเดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนแล้วก้มลงหยิบดาบของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะโยนร่างของเด็กชายไปยังจุดที่จินเฟยเทียนกำลังยืนอยู่ จินเฟยเทียนที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองเด็กชายให้กลับขึ้นมายืนข้างตัวเองทันที “ข้าคงทำแบบนั้นให้ท่านไม่ได้หรอกคุณช
หยางหมิงเซียนลืมตาขึ้นมาเขาก็เห็นว่าตัวเองกำลังยืนอยู่กลางห้องเล็กห้องหนึ่ง เขาจึงมองไปรอบๆ ห้อง ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย... ‘ที่นี่? หรือว่า?’ หยางหมิงเซียนเดินไปที่เตียงขนาดกลางตรงมุมห้อง แล้วเขาก็ได้เห็นตัวเขาเองกับจินเฟยเทียนในวัยเยาว์ที่กำลังนอนอยู่ข้างกันบนเตียงหลังนั้น ‘นั่นข้ากับเฟยเกอนี่’ จากนั้นหยางหมิงเซียนก็เห็นหยงหม่าเดินเข้ามาในห้อง อีกฝ่ายเดินทะลุผ่านร่างของเขาเข้าไปปลุกคนบนเตียง ดูเหมือนว่ายามนี้คนที่นี่จะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเขาและมองไม่เห็นเขาที่ยืนอยู่ในห้องนี้ด้วย “คุณชายใหญ่ขอรับ...ตื่นได้แล้วขอรับ เราต้องรีบออกเดินทางกันแล้วนะขอรับ พวกองครักษ์บอกว่าเห็นพวกนักฆ่าเข้ามาแถวในหมู่บ้านนี้แล้วขอรับ” หยงหม่าหลังจากเห็นผู้เป็นนายรู้สึกตัวแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปหยิบเสื้อคลุมให้ผู้เป็นนายและเด็กชายอีกคนบนเตียงทันที&nbs
จินเฟยเทียนหลังจากที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสของคนตรงหน้า แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับตัวลุกออกจากตัวเขา แล้วเอื้อมมือไปหยิบน้ำมันหอมใต้เตียงขึ้นมา... และเมื่อเขาได้เห็นเครื่องแสดงความเป็นบุรุษของอีกฝ่ายอย่างเต็มตา... ยามนี้สติที่เตลิดไปไกลของเขาก็ได้วิ่งกลับมาเข้าในร่างเขาอย่างสมบูรณ์ทันที จินเฟยเทียนมองไปที่เครื่องแสดงความเป็นบุรุษของตัวเองกับของหยางหมิงเซียนแล้ว เขาก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น... แม้ยามนี้เขาอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้มากแค่ไหน และรู้ว่าตัวเองกำลังจะต้องพบเจอกับอะไร แต่เมื่อเขาเห็นแววตาของอีกฝ่ายแล้ว เขาก็กลั้นใจลุกออกไปจากเตียงหลังนี้ไม่ลงจริงๆ และยามนี้ในหัวของจินเฟยเทียนก็คิดแต่เพียงสำนวนที่ว่า...อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง หยางหมิงเซียนเมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาก็เริ่มลงมือเตรียมความพร้อมของจินเฟยเทียนต่อทันที “เฟยเกอเ
งานมงคลสมรสระหว่างจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนก็ถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ยามอย่างเรียบง่ายที่เรือนหอของพวกเขาตามความต้องการของจินเฟยเทียน แต่กว่าที่หยางหมิงเซียนจะเอาตัวเองเข้ามาในห้องหอได้ก็เกือบครึ่งค่อนคืนไปแล้ว เพราะเขาถูกทั้งคนในครอบครัวของจินเฟยเทียนและชิงหลวนคุนกับซานมู่ดึงตัวชนสุราและถ่วงเวลาเขาเอาไว้... หยางหมิงเซียนเมื่อเดินเข้ามาในห้องหอ เขาก็เดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนที่นั่งอยู่บนเตียง จากนั้นเขาก็ใช้พัดเปิดผ้าแดงที่คลุมใบหน้าของอีกฝ่ายในยามนี้ออก...แล้วเขาก็ได้เห็นใบหน้าของคนรักของเขา หลังจากที่พวกเขาไม่ได้เห็นหน้าและไม่ได้พบเจอกันเลยมาเป็นเวลาสามวัน ด้วยเพราะพวกเขาต้องทำตามประเพณี...คนตรงหน้าเลยถูกแยกให้ไปพักอยู่ที่ค่ายทหารของจินเฟยหลง “เฟยเกอขอรับ ท่านรู้ตัวหรือไม่ขอรับว่าวันนี้...ท่านรูปงามยิ่งนักขอรับ” จินเฟยเทียนเงยหน้าขึ้นมองหยางหมิงเซียนที่วันนี้เจ้าตัวก็สวมชุดคลุมสีแดงไม่ต่างไปจากเขา แต่ทำไม...