“จริงหรือ? งั้นข้าขอลองดื่มดูสักจอกนะ”
“เฟยเกอขอรับ แต่…” หยางหมิงเซียนรู้สึกไม่เห็นด้วยกับความคิดของอีกฝ่าย เพราะการที่จินเฟยเทียนดื่มสุราไม่เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว อีกอย่างสุราก็ให้โทษกับร่างกายมากกว่าประโยชน์ที่อีกฝ่ายพูดมาเสียอีก เขาจึงคิดจะเอ่ยขัดคนตรงหน้า แต่ถูกจินเฟยเทียนพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ให้ข้าลองดื่มดูสักจอกก่อนนะหมิงเซียน ข้าแค่อยากลองดื่มดูสักครั้งเท่านั้น อีกอย่างยามนี้พวกเราก็อยู่ที่จวนด้วย หากข้าเกิดเมาแล้วทำอะไรที่ไม่สมควรก็มีเพียงแค่พวกเจ้าเท่านั้นที่เห็น และข้าก็หวังว่า...พวกเจ้าคงจะไม่ถือสาตัวข้ายามเมาใช่หรือไม่?” จินเฟยเทียนให้เหตุผลของการขอลองดื่มสุราครั้งแรกกับหยางหมิงเซียน ก่อนจะส่งแววตาอ้อนวอนให้กับสองหนุ่มข้างกาย...
“ก็ได้ขอรับ ข้ายอมให้เฟยเกอลองดื่มสุราดูก็ได้ขอรับ” หยางหมิงเซียนเห็นแววตาอ้อนขอลองดื่มสุราของคนตรงหน้าก็ให้ใจอ่อน ใครบอกว่ามีแต่คนตรงหน้าแพ้แววตาเขายามอ้อน...เขาขอเถียงขาดใจ เพราะตัวเขาเองก็แพ้สายตาของอีกฝ่ายไม่ต่างก
หยางหมิงเซียนลุกขึ้นไปจัดการดูแลตัวเองที่ห้องของเขา ก่อนที่จะกลับมายังห้องนอนของจินเฟยเทียนพร้อมกับอ่างใส่น้ำและผ้าสะอาด ดีที่ในยามนี้เสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงยังอยู่ช่วยงานที่เรือนใหญ่ ไม่อย่างนั้นทั้งสองคน...คงได้มาเห็นสภาพที่ไม่น่าดูของผู้เป็นนายของพวกเขาในยามนี้เป็นแน่ หยางหมิงเซียนเดินเข้าไปวางอ่างใส่น้ำที่โต๊ะข้างเตียง จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ลงมือเช็ดใบหน้าให้กับคนเมา...ที่ในยามนี้กำลังหลับไหลไม่ได้สติอยู่บนเตียง เขาไล่เช็ดตามกรอบหน้าของอีกฝ่ายมาจนถึงบริเวณริมฝีปาก...แล้วเขาก็เผลอจ้องมองริมฝีปากสีแดงระเรื่อนั้นอย่างลืมตัว ก่อนที่เขาจะรีบสะบัดหน้าเพื่อขับไล่ความคิดบางอย่างของตัวเองออกไป แล้วรีบลงมือเช็ดหน้าและเปลี่ยนชุดคลุมให้กับอีกฝ่ายต่อจนเสร็จ ก่อนที่ตัวเขาจะขึ้นไปนอนข้างอีกฝ่ายเหมือนเช่นทุกคืน แต่ในคืนนี้...หยางหมิงเซียนเลือกที่จะนอนหันหลังให้กับจินเฟยเทียน...โดยไม่หันกลับไปนอนกอดอีกฝ่ายเหมือนเช่นทุกคืนที่ผ่านมา ‘โอ้ย! ปวดหัวจังแฮะ ทำไมทั้งปวด...ทั้งหนักหัวอย่างนี้
“หึ! ตามมาเร็วดีนี่...หมิงเซียน” ชิงหลวนคุนหันไปทักคนที่รีบกลับมายังเรือนพักของตัวเอง ด้วยเพราะก่อนที่เขาจะเข้ามาพบกับจินเฟยเทียนที่นี่ เขาได้เข้าไปถามหาอีกฝ่ายที่เรือนสมุนไพร และดูจากท่าทางของหยางหมิงเซียนในยามนี้แล้ว พออีกฝ่ายรู้ว่าเขามาก็คงจะรีบกลับมาที่นี่ทันทีเลย “อืม” หยางหมิงเซียนตอบรับคำพูดของอีกฝ่ายพร้อมกับก้มลงไปคำนับให้กับสหายผู้สูงศักดิ์ ก่อนจะหันไปถามอาการของจินเฟยเทียน “เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?” “ดีขึ้นมากแล้ว” “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ” ซงหยวนเอ่ยเรียกผู้เป็นนายเพื่อหวังเตือนสิ่งที่อีกฝ่ายต้องไปทำ “เข้าใจแล้ว” ชิงหลวนคุนหันไปตอบรับคำของซงหยวน ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยลาสหายทั้งสองคนของตัวเอง “เฟยเทียนหมิงเซียน วันนี้ข้าคงต้องขอตัวก่อนนะ เดี๋ยวถ้าว่างข้าจะแวะมาหาพวกเจ้าใหม่” “ได้ ขอบใจเจ้ามากนะหลวนคุน” จินเฟยเทียนตอบรับคำของชิงหลวนคุ
“อือ...อืออ...โอ้ยย...” “หมิงเซียน! หยางหมิงเซียนตื่น!!” จินเฟยเทียนพยายามทั้งดิ้นและทั้งดันคนที่กำลังนอนทับตัวเขาอยู่ตอนนี้ จนในที่สุดปากล่างของเขาก็เป็นอิสระจากฟันของเจ้าตัวกัดปาก จากนั้นเขาจึงรีบปลุกเจ้าตัวกัดปากให้ตื่นทันที “เฟยเกอ!” หยางหมิงเซียนลืมตาตื่นขึ้นมา และจ้องมองคนที่นอนอยู่ใต้ร่างตัวเอง...ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ‘เมื่อครู่ข้าฝันไปอย่างนั้นหรือ?’ หยางหมิงเซียนตัดพ้อกับตัวเองในใจ “ใช่! ข้าเอง... หมิงเซียนเจ้าลงไปจากตัวข้าก่อนได้หรือไม่?” “ได้ขอรับ” หยางหมิงเซียนรีบลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพร้อมกับก้มหน้าลงไปหลบสายตาของอีกฝ่าย “ข้า...ข้าขอโทษขอรับเฟยเกอ” “อืม...ไม่เป็นไร ว่าแต่...เมื่อครู่เจ้าฝันอะไร? เหตุใดถึงลุกขึ้นมากัดปากข้าแบบนี้!” “ข้า...ข้าฝัน...ข้าฝันว่ากำลังกินบะหมี่อยู
“บะหมี่เจ้าค่ะ ท่านหมอฟางคุณชายหยาง” จงผิงนำบะหมี่มาให้จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียน โดยหลังจากที่นางวางชามบะหมี่ของทั้งสองคนลงบนโต๊ะแล้ว นางก็ถอยออกมายืนมองจินเฟยเทียนที่กำลังถอดหมวกสานออก ด้วยเพราะนางอยากจะอยู่พูดคุยกับผู้มีพระคุณ เพราะอีกฝ่ายเคยช่วยชีวิตนางไว้ในยามที่นางกำลังป่วยหนัก และอีกอย่างนางก็ชอบมองใบหน้าที่หวานล้ำยิ่งกว่าสตรีของอีกฝ่ายด้วย “อาผิง เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?” จินเฟยเทียนเอ่ยทักหญิงสาวที่เคยเป็นคนป่วยของตัวเอง “ข้าน้อยสบายดีเจ้าค่ะ ท่านหมอฟางกับคุณชายหยางมาทำธุระแถวนี้หรือเจ้าคะ?” “ใช่ พวกข้าว่าจะย้ายมาเปิดโรงหมอแถวนี้น่ะ เลยออกมาเดินหาร้านค้าที่กำลังถูกปล่อยขาย เจ้าพอจะมีที่ไหนแนะนำพวกข้าบ้างหรือไม่?” “มีเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะพาท่านหมอฟางกับคุณชายหยางไปดูนะเจ้าคะ” “คงไม่ต้องลำบากถึงขั้นให้แม่นางเดินพาพวกข้าไปดูหรอก เพียงแค่แม่นางบอกตำแหน่งร้านนั้นมา เดี๋ยวข้ากับเฟยเกอจะเดินไปดูเอง” หยางหมิงเซียนยอมทนนั่
“อาปิง แล้วหมิงเซียนล่ะ?” จินเฟยเทียนเดินมาหาหยางหมิงเซียนที่ห้องปรุงยา แต่กลับไม่เจออีกฝ่ายก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกแปลกใจมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากปกติยามนี้หยางหมิงเซียนจะต้องไปหาเขาที่ห้องพักแล้ว เขาจึงเอ่ยถามหาหยางหมิงเซียนกับเสี่ยวปิง “คุณชายหยางตากสมุนไพรอยู่ด้านหลังเรือนขอรับคุณชายฟาง” “ขอบใจนะอาปิง” “หมิงเซียนปากเจ้าเป็นอะไรหรือ?” จินเฟยเทียนเมื่อเดินมาถึงลานตากสมุนไพร เขาก็เห็นหยางหมิงเซียนกำลังนั่งเช็ดปากกับแขนของตัวเองอยู่ “เปล่าขอรับ” หยางหมิงเซียนรีบเอาแขนลงทันที “แต่ปากเจ้าดูแดง ๆ นะหมิงเซียน” “ปากข้าไม่ได้เป็นอะไรขอรับเฟยเกอ” ‘ทำไมเฟยเกอต้องมาเห็นตอนข้ากำลังฝึกจุมพิตอยู่ด้วยเนี้ย!’ หยางหมิงเซียนโอดครวญในใจเบาๆ “เฟยเกอขอรับ หากเปิดโรงหมอสำเร็จแล้วท่านอยากทำอะไรต่อหรือขอรับ?” หยางหมิงเซียนรีบพาอีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องทันที
“คุณชายฟางเฟยเทียน” เกาเล่อเห็นชายหนุ่มสองคนที่เดินตามชายหนุ่มคนที่พาเขากับน้องชายมาไว้ที่นี่... เขาก็จำชายหนุ่มทั้งสองคนได้ในทันที “เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเด็กน้อย?” จินเฟยเทียนเดินเข้าไปหาเกาเล่อที่มีบาดแผลฟกช้ำเต็มตัว และพอเขามองขึ้นไปที่เตียงคนป่วยเขาก็เจอกับเกาเผิงที่ยังคงนอนไม่ได้สติ ด้วยสภาพร่างกายที่บอบช้ำไม่ต่างจากเกาเล่อก็ทำให้เขารู้สึกปวดใจยิ่งนัก “ข้าไม่เป็นอะไรขอรับ แต่น้องชายของข้า…” เกาเล่อตอบคำถามของจินเฟยเทียนด้วยจิตใจที่ปวดร้าว เพราะชีวิตของเขาในตอนนี้เหลือเพียงแค่น้องชายที่ยังคงหลับไหลไม่ได้สติอยู่ตรงหน้าเท่านั้น “ท่านหมอขอรับ เด็กคนนี้เป็นอย่างไรบ้างหรือขอรับ?” จินเฟยเทียนหันไปถามหมอที่ยืนจัดยาอยู่มุมห้อง “ร่างกายภายในค่อนข้างจะบอบช้ำหนักเอาการเลยขอรับ คงต้องให้ยาและเฝ้าดูอาการไปสักพักขอรับ” “ขอบคุณมากนะขอรับท่านหมอ ยังไงข้ารบกวนฝากเด็กสองคนนี้ด้วยนะขอรับ” ใจจริงจินเฟยเทียนอยากจะพาเด็กชา
“เฟยเทียน” “หลวนคุน!” จินเฟยเทียนเงยหน้าขึ้นมาก็เจอกับชิงหลวนคุนที่ยืนอยู่หน้าห้องพักในเรือนสมุนไพรของตัวเอง “เฟยเทียน หมอที่ข้าฝากให้ดูแลเด็กสองคนนั้นส่งคนมาแจ้งว่า...เมื่อคืนเกาเผิงอาการแย่ลงข้าเลยแวะเข้ามาบอกเจ้า เผื่อเจ้าจะอยากไปดูอาการของเด็กคนนั้นพร้อมกันกับข้าเลย พอดีข้ามีจะเข้าไปคุยงานกับสหายแถวนั้น” “ได้...ข้าจะไปพร้อมกันกับเจ้า งั้นเจ้ารอข้าที่ห้องนี้สักครู่ได้หรือไม่? ข้าขอไปบอกหมิงเซียนก่อน” “ได้สิ” “ขอบใจเจ้ามากนะหลวนคุน” ชิงหลวนคุนพยักหน้ารับพร้อมส่งยิ้มให้กับคนตรงหน้า “อาเปา เจ้าช่วยกลับไปหยิบยาบนโต๊ะข้างเตียงที่เรือนพักมาให้ข้าทีนะ และเจ้าก็เตรียมตัวไปกับข้าด้วย” จินเฟยเทียนหันไปสั่งงานเสี่ยวเปา ก่อนจะเดินออกจากห้องพักเพื่อไปหาหยางหมิงเซียนที่ห้องปรุงยา “ได้ขอรับ” &n
“เฟยเทียน ข้าขอถามเจ้าได้หรือไม่ว่าเจ้ารู้จักกับเด็กสองคนนี้ได้อย่างไร? เพราะเท่าที่ข้าให้คนไปสืบมา ครอบครัวของเด็กสองคนนี้เป็น...” ชิงหลวนคุนเอ่ยถามจินเฟยเทียน ระหว่างที่คนทั้งสองพากันเดินออกมาจากโรงหมอ “ข้ารู้...” จินเฟยเทียนกล่าวตอบชิงหลวนคุนทันที โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวที่เขาได้เจอกับครอบครัวของเกาเล่อครั้งแรกให้อีกฝ่ายฟัง หลังจากเห็นแววตาคาดคั้นของชิงหลวนคุน “ในเมื่อเจ้ารู้แบบนี้แล้ว...เจ้ายังยินดีจะให้เด็กสองคนนี้ไปอยู่กับเจ้าที่จวนอีกหรือ?” ชิงหลวนคุนหลังจากได้รับฟังเรื่องราวจากจินเฟยเทียน เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ...ในเมื่ออีกฝ่ายก็รู้ว่าเด็กสองคนนี้ถูกมารดาสั่งสอนให้เป็นขโมยตั้งแต่เด็ก แล้วเหตุใดถึงยังคิดจะรับเด็กสองคนนี้ไปอยู่ด้วยอีก “ข้าเชื่อว่า...ไม่มีใครอยากที่จะเป็นคนไม่ดีหรอก หากเลือกได้เด็กสองคนนี้ก็คงไม่อยากทำในสิ่งที่ไม่ดีเช่นกัน” “อืม... แต่ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นทีหลัง เจ้าบอกข้าได้เลยนะเฟยเทียน”
“เจ้ามาอีกแล้วหรือหลวนคุน พักนี้เจ้ามาที่นี่บ่อยเกินไปหรือไม่?” “พักนี้ข้าว่างเลยแวะมาเยี่ยมสหายอย่างพวกเจ้าไม่ได้หรือ...” จินเฟยเทียนหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันหน้าห้องพักของเขา เขาจึงเดินออกมาดูที่หน้าห้องก็เห็นหยางหมิงเซียนกำลังยืนกันชิงหลวนคุนไม่ให้อีกฝ่ายเดินมาหาเขาที่ห้องพัก จากนั้นเขาก็เห็นเจ้าลูกกวางแอบส่งสัญญาณบางอย่างให้กับหลงจิ้นเปียวที่กำลังยืนแอบมองพวกเขาทั้งสองคนจากหน้าห้องผู้ป่วย ด้วยเจ้าตัวแสบหลงจิ้นเปียวยามนี้ได้ขออยู่เล่นกับเกาเล่อและเกาเผิงที่โรงหมอต่อ หลังจากที่ราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูพาอีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมพวกเขาที่นี่ “องค์ชายสิบสองพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ช่วยมาดูอะไรกับกระหม่อมสักครู่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หลงจิ้นเปียววัยเจ็ดหนาวเดินเข้ามาพูดพร้อมกับกระตุกชุดคลุมของชิงหลวนคุน “เพียงไม่นานพ่ะย่ะค่ะ มันอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เองพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ เราจะไปดูก
จินเฟยเทียนลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่...ใบหน้าแรกที่เขาได้เจอก็คือใบหน้าของหยางหมิงเซียน จินเฟยเทียนจึงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของคนที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างกายเขา... หากนึกย้อนไปในวันแรกที่เขาทะลุเข้ามาอยู่ในโลกแห่งนี้ โดยไม่นับรวมชาติที่เขาตายจากโลกแห่งนี้ไป คนแรกที่เขาเจอก็คือหยางหมิงเซียน และไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ยามที่เขาหัวเราะหรือแม้แต่ในยามที่เขาร้องไห้ คนที่อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอดก็คือหยางหมิงเซียน แม้แต่ในเวลาที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวที่สุด เขาก็มีอีกฝ่ายเป็นที่เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ... “ขอบคุณนะที่รักกัน” “ขอรับ ข้ารักเฟยเกอนะขอรับ” หยางหมิงเซียนเอ่ยตอบอีกฝ่ายพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองคนรักของเขา ที่จริงเขารู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาแล้ว “ข้าก็รักเจ้าหมิงเซียน เจ้าลูกกวางของข้า” “ขอรับ ข้าเป็นเจ้าลูกกวางของเฟยเกอ แต่..
หยางหมิงเซียนรีบประคองจินเฟยเทียนกลับมาที่เรือนของพวกเขา ดีที่พวกเขาสร้างโรงหมอไม่ไกลจากเรือนของพวกเขามากนัก และดีที่ตอนปรับปรุงเรือนหลังเก่าให้กลายเป็นเรือนหอของพวกเขา...ได้สร้างเรือนหลังเล็กแยกไปอีกสามหลัง เพื่อให้เกาเล่อกับเกาเผิงและบ่าวคนอื่นๆ ที่จินเฟยหมิงและราชครูหลงจิ้นสิงส่งมาให้อยู่ดูแลพวกเขาไปพักอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อที่ทุกคนจะได้มีที่พักเป็นสัดส่วนของตัวเอง ดังนั้นในเรือนใหญ่หลังนี้จึงมีเพียงแค่พวกเขาที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคน หยางหมิงเซียนประคองจินเฟยเทียนเข้ามานั่งพักในห้องนอนของพวกเขา ก่อนที่เขาจะลงไปนั่งคุกเข่าและมองคนที่นั่งอยู่บนเตียง ที่ในยามนี้ทั้งผิวหน้าและผิวกายของอีกฝ่ายมีสีแดงไม่ต่างไปจากผลผิงกั่ว ดวงตาของอีกฝ่ายยามนี้ก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายก็กำลังขบเม้มกันแน่น...คนตรงหน้ายามนี้คงกำลังพยายามฝืนความต้องการของตัวเองอยู่เป็นแน่ “เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ข้าขอโทษนะขอรับ ยาที่ท่านเพิ่งกินเข้าไปไม่ใช่ยาแก้ปวดต
“อาเล่อเจ้ากำลังทำอะไร?” หยางหมิงเซียนเข้ามาในห้องปรุงยา หลังจากไปส่งยาสมานแผลที่ค่ายทหาร ก็เจอเข้ากับเกาเล่อที่มาก้มๆเงยๆ อยู่แถวชั้นปรุงยาของเขา “ข้าน้อยกำลังจะต้มยาแก้ปวดตัวให้คุณชายใหญ่จินขอรับ” “เฟยเกอเป็นอะไร?” หยางหมิงเซียนรีบเอ่ยถาม เพราะเมื่อเช้าพวกเขาก็ออกมาจากเรือนพักพร้อมกันเหมือนทุกวัน อีกฝ่ายก็ยังปกติดีไม่เห็นมีอาการปวดตัวอะไรให้เห็น “วันนี้คุณชายใหญ่จินมีตรวจรักษาคนไข้ตั้งแต่เช้าเลยขอรับ และวันนี้ก็มีท่านป้าท่านหนึ่งที่ขยับตัวค่อนข้างจะลำบากเข้ามาขอรับการรักษา คุณชายใหญ่จินจึงต้องคอยช่วยนางขยับตัวตอนตรวจรักษาด้วยขอรับ ยามนี้คุณชายใหญ่จินเลยให้ข้าน้อยมาต้มยาแก้ปวดตัวให้ขอรับ” “เจ้ากลับไปช่วยเฟยเกอดูคนไข้ต่อเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องยาของเฟยเกอให้เอง อีกสักพักเจ้าค่อยกลับออกมาเอา และข้าฝากบอกเฟยเกอด้วยว่า...ข้ากลับมาแล้ว และเดี๋ยวถ้าข้าต้มยาให้ท่านลุงเจียงเสร็จ ข้าจะรีบเข้าไปหา” “ได้ขอรับ”
หยางหมิงเซียนเฝ้ามองตัวเขาในที่แห่งนี้เริ่มทำเรื่องเลวร้ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามนี้ตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เป็นถึงผู้ช่วยเจ้ากรมกลาโหมแล้ว และตัวเขาในที่แห่งนี้ก็มีเกาเล่อเป็นลูกน้องคนสนิทและยังมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงเป็นดั่งมือและเท้าคอยออกไปทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ ให้เขา พวกเขาทำตัวไม่ต่างอะไรจากโจร...ทั้งยักยอกของหลวง ทั้งติดสินบน ทั้งตัดเสบียงอาหารและยาที่จะส่งไปยังค่ายทหาร...เพียงเพื่อต้องการกลั่นแกล้งรองแม่ทัพจินเฟยหลง ด้วยเพราะอีกฝ่ายเข้ามาติดพันกับสตรีที่ตัวเขาในที่แห่งนี้กำลังลุ่มหลง จนวันหนึ่งหยางหมิงเซียนเห็นตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เจอกับผู้เป็นมารดา จากนั้นชีวิตของตัวเขาในที่แห่งนี้ก็เริ่มเลวร้ายลงไปจากเดิมเป็นเท่าตัว หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ถูกมารดาชักจูงให้ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่การดึงตัวเขาในที่แห่งนี้เข้าไปร่วมมือกับหานเฟิง ตอนนี้หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากคนเลวคนหนึ่ง ทั้งลงมือทำร้ายผู้คนอย่างไม่มีเหตุผล ยิ่งกับคนที่เคยทำร้ายจิตใจตัวเองด้
“ข้าขอร้องได้หรือไม่ ช่วยปล่อยเด็กคนนั้นไป เด็กคนนั้น...ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย หากคนที่จ้างเจ้าต้องการให้เจ้ามาเอาชีวิตข้า อย่างนั้นเจ้าก็เข้ามาเอาชีวิตข้าไปเสียเถอะ แต่ข้าขออย่างเดียว...ช่วยปล่อยเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องคนนั้นไป” จินเฟยเทียนยามนี้เจ็บปวดใจยิ่งนัก เพียงเพราะชีวิตตัวภาระอย่างเขา ทำให้ผู้คนรอบข้างและผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อน ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือตัวภาระเช่นเขาแบบนี้ หากไม่มีเขาสักคนทุกคนคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เป็นแน่... ‘ชีวิตของข้ามันช่างดูไร้ค่า และเป็นภาระของผู้อื่นอย่างที่ฮูหยินรองพูดไว้จริงๆด้วย’ นักฆ่าคนนั้นเดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนแล้วก้มลงหยิบดาบของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะโยนร่างของเด็กชายไปยังจุดที่จินเฟยเทียนกำลังยืนอยู่ จินเฟยเทียนที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองเด็กชายให้กลับขึ้นมายืนข้างตัวเองทันที “ข้าคงทำแบบนั้นให้ท่านไม่ได้หรอกคุณช
หยางหมิงเซียนลืมตาขึ้นมาเขาก็เห็นว่าตัวเองกำลังยืนอยู่กลางห้องเล็กห้องหนึ่ง เขาจึงมองไปรอบๆ ห้อง ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย... ‘ที่นี่? หรือว่า?’ หยางหมิงเซียนเดินไปที่เตียงขนาดกลางตรงมุมห้อง แล้วเขาก็ได้เห็นตัวเขาเองกับจินเฟยเทียนในวัยเยาว์ที่กำลังนอนอยู่ข้างกันบนเตียงหลังนั้น ‘นั่นข้ากับเฟยเกอนี่’ จากนั้นหยางหมิงเซียนก็เห็นหยงหม่าเดินเข้ามาในห้อง อีกฝ่ายเดินทะลุผ่านร่างของเขาเข้าไปปลุกคนบนเตียง ดูเหมือนว่ายามนี้คนที่นี่จะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเขาและมองไม่เห็นเขาที่ยืนอยู่ในห้องนี้ด้วย “คุณชายใหญ่ขอรับ...ตื่นได้แล้วขอรับ เราต้องรีบออกเดินทางกันแล้วนะขอรับ พวกองครักษ์บอกว่าเห็นพวกนักฆ่าเข้ามาแถวในหมู่บ้านนี้แล้วขอรับ” หยงหม่าหลังจากเห็นผู้เป็นนายรู้สึกตัวแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปหยิบเสื้อคลุมให้ผู้เป็นนายและเด็กชายอีกคนบนเตียงทันที&nbs
จินเฟยเทียนหลังจากที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสของคนตรงหน้า แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับตัวลุกออกจากตัวเขา แล้วเอื้อมมือไปหยิบน้ำมันหอมใต้เตียงขึ้นมา... และเมื่อเขาได้เห็นเครื่องแสดงความเป็นบุรุษของอีกฝ่ายอย่างเต็มตา... ยามนี้สติที่เตลิดไปไกลของเขาก็ได้วิ่งกลับมาเข้าในร่างเขาอย่างสมบูรณ์ทันที จินเฟยเทียนมองไปที่เครื่องแสดงความเป็นบุรุษของตัวเองกับของหยางหมิงเซียนแล้ว เขาก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น... แม้ยามนี้เขาอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้มากแค่ไหน และรู้ว่าตัวเองกำลังจะต้องพบเจอกับอะไร แต่เมื่อเขาเห็นแววตาของอีกฝ่ายแล้ว เขาก็กลั้นใจลุกออกไปจากเตียงหลังนี้ไม่ลงจริงๆ และยามนี้ในหัวของจินเฟยเทียนก็คิดแต่เพียงสำนวนที่ว่า...อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง หยางหมิงเซียนเมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาก็เริ่มลงมือเตรียมความพร้อมของจินเฟยเทียนต่อทันที “เฟยเกอเ
งานมงคลสมรสระหว่างจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนก็ถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ยามอย่างเรียบง่ายที่เรือนหอของพวกเขาตามความต้องการของจินเฟยเทียน แต่กว่าที่หยางหมิงเซียนจะเอาตัวเองเข้ามาในห้องหอได้ก็เกือบครึ่งค่อนคืนไปแล้ว เพราะเขาถูกทั้งคนในครอบครัวของจินเฟยเทียนและชิงหลวนคุนกับซานมู่ดึงตัวชนสุราและถ่วงเวลาเขาเอาไว้... หยางหมิงเซียนเมื่อเดินเข้ามาในห้องหอ เขาก็เดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนที่นั่งอยู่บนเตียง จากนั้นเขาก็ใช้พัดเปิดผ้าแดงที่คลุมใบหน้าของอีกฝ่ายในยามนี้ออก...แล้วเขาก็ได้เห็นใบหน้าของคนรักของเขา หลังจากที่พวกเขาไม่ได้เห็นหน้าและไม่ได้พบเจอกันเลยมาเป็นเวลาสามวัน ด้วยเพราะพวกเขาต้องทำตามประเพณี...คนตรงหน้าเลยถูกแยกให้ไปพักอยู่ที่ค่ายทหารของจินเฟยหลง “เฟยเกอขอรับ ท่านรู้ตัวหรือไม่ขอรับว่าวันนี้...ท่านรูปงามยิ่งนักขอรับ” จินเฟยเทียนเงยหน้าขึ้นมองหยางหมิงเซียนที่วันนี้เจ้าตัวก็สวมชุดคลุมสีแดงไม่ต่างไปจากเขา แต่ทำไม...