หยางหมิงเซียนเมื่อเดินมาถึงเรือนสมุนไพร เขาก็เดินไปยังห้องพักในเรือนสมุนไพรของจินเฟยเทียน เมื่อหยางหมิงเซียนเดินไปถึงหน้าห้อง เขาก็เห็นจินเฟยเทียนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว เขาจึงจะก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายในห้องทันที แต่ในตอนนั้น! เขาคิดขึ้นมาได้ว่า...ตนเองเพิ่งพูดคุยกับราชครูหลงจิ้นสิง เรื่องความรู้สึกของเขาที่มีต่อจินเฟยเทียน และเขาเองก็ได้ตัดสินใจแล้วว่า...จะถอยห่างจากอีกฝ่าย เขาจึงรีบหยุดตัวเอง แล้วหักใจก้าวถอยหลังออกจากห้อง จากนั้นเขาก็เดินไปยังห้องปรุงยาทันที
จินเฟยเทียนหลังจากนั่งอ่านหนังสือมาได้สักพัก เขาก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมา...ทำไมตอนนี้เขาถึงยังไม่เห็นเจ้าลูกกวางเข้ามาหาเขาในห้อง ปกติในยามนี้อีกฝ่ายจะต้องกลับมาถึงที่นี่แล้ว และเจ้าตัวก็จะต้องเข้ามาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ คอยตามติดเขาแล้ว
‘สงสัยคงเพราะไม่ได้ฝึกวรยุทธมานานหลายเดือน เลยถูกท่านลุงจับให้ฝึกหนักเป็นกรณีพิเศษเป็นแน่’
จินเฟยเทียนเมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงเดินออกไปยังห้องผู้ป่วยเพื่อตามหา
หยางหมิงเซียนเดินกลับห้องของตัวเองด้วยความรู้สึกผิด เขาไม่ควรขึ้นเสียงกับจินเฟยเทียนเลย เขาโกรธตัวเอง เขาไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองเป็นในตอนนี้และไม่ชอบสิ่งที่ตัวเขากำลังทำอยู่ในตอนนี้ด้วย พอต้องกลับมานอนที่ห้องของตัวเอง หยางหมิงเซียนก็นอนไม่หลับ ตั้งแต่ที่ตัวเขาได้เจอกับจินเฟยเทียน เขาก็ไม่เคยนอนคนเดียวอีกเลย พอต้องกลับมานอนคนเดียวแบบนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะทนไม่ได้จริงๆ เสียแล้ว เขาอยากเข้าไปขอโทษอีกฝ่ายอีกครั้ง เขาอยากกลับไปนอนกอดจินเฟยเทียนเหมือนทุกคืน เขาคิดถึงกลิ่นหอมเย็นๆ ที่ออกมาจากตัวของจินเฟยเทียน หยางหมิงเซียนรีบลุกขึ้นมานั่ง แล้วล้มตัวลงนอนหันหลังให้กับประตูห้องของตัวเอง เขาพยายามหักห้ามใจที่จะไม่เดินลงจากเตียง เพื่อกลับไปหาจินเฟยเทียน ‘ไม่ได้! ข้าต้องถอยห่างจากเฟยเกอ ข้าต้องทำได้ ข้าต้องเข้าใจความรู้สึกของตัวเองให้ได้ ข้าต้องอดทน! ข้าต้องทำให้ได้!!’ เช้าวันรุ่งขึ้นสภาพของจินเฟยเทียนและหยางหมิงเซี
หยางหมิงเซียนคิดว่าตัวเองทนอยู่กับสถานการณ์แบบนี้ไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงเดินกอดหมอนหนุนไปเคาะประตูห้องนอนของจินเฟยเทียน “เฟยเกอ เฟยเกอขอรับ เฟยเกอนอนหรือยังขอรับ” “ข้ายังไม่นอน เจ้ามีอะไรหรือหมิงเซียน?” “ข้า...ข้านอนไม่หลับขอรับเฟยเกอ” หลังได้ยินเสียงตอบรับจากจินเฟยเทียน หยางหมิงเซียนก็รีบเปิดประตูและเดินเข้าไปพูดคุยกับอีกฝ่ายในห้องทันที “ข้าขอ...” “หมิงเซียน เจ้าแยกไปนอนคนเดียวมาได้หกคืนแล้ว...ดังนั้นข้าว่าเจ้าน่าจะเริ่มชินกับการนอนคนเดียวได้แล้วนะ” จินเฟยเทียนเห็นหยางหมิงเซียนเดินกอดหมอนหนุนเข้ามาในห้อง เขาก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร “อีกอย่างการที่เจ้าสามารถกลับไปนอนที่ห้องของตัวเองได้แบบนี้ มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะพวกเราทั้งคู่ต่างก็เริ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว การที่เจ้ากับข้าจะกลับมานอนด้วยกันเหมือนเดิม มันคงจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม”  
"หมิงเซียน ทำไมวันนี้เจ้าถึงดูไม่มีสมาธิในการฝึกเอาเสียเลย" หลังจากฝึกวรยุทธไปได้สักพัก ราชครูหลงจิ้นสิงก็รู้สึกว่า...วันนี้หยางหมิงเซียนมีอาการเหม่อลอยระหว่างฝึก "ขอโทษขอรับท่านลุง" "ลุงว่า...วันนี้พอแค่นี้ดีหรือไม่?" "ข้า...ขอรับ" "หมิงเซียน...ตอนนี้มีเรื่องอะไรมารบกวนจิตใจเจ้าอยู่ใช่หรือไม่?" "ขอรับ" "แล้วเจ้าอยากจะระบาย...หรือมีอะไรที่ลุงพอจะช่วยเจ้าได้หรือไม่หมิงเซียน?" "มีขอรับ" "งั้นพวกเราไปนั่งพูดคุยกันที่ใต้ต้นไม้ต้นนั้นกันเลยดีกว่า" ราชครูหลงจิ้นสิงเอ่ยชวนพร้อมชี้ไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ที่พวกเขาเคยใช้นั่งพูดคุยกันในครั้งก่อน "ขอรับ" "ท่านลุงขอรับข้าว่า...ข้าเข้าใจความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเฟยเกอแล้วขอรับ" หยางหมิงเซ
“เอ่อ...หมิงเซียน เจ้าปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่?” จินเฟยเทียนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะขาดอากาศหายใจ เมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกหยางหมิงเซียนพุ่งเข้ามากอดเอาไว้แบบนี้ ตอนนี้ตัวเขาเองก็แทบจะจมเข้าไปในอกของหยางหมิงเซียนอยู่แล้ว จินเฟยเทียนจึงรีบเอ่ยประท้วงพร้อมกับตบเบาๆ ที่บ่าของหยางหมิงเซียน “เฟยเกอ ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือขอรับ?” หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินจินเฟยเทียนเอ่ยประท้วงจึงรีบคลายอ้อมกอดของตัวเองออก พร้อมกับไล่สำรวจไปตามร่างกายของอีกฝ่าย และเมื่อเขาได้เห็นเลือดที่เปรอะเปื้อนตามเสื้อผ้าของอีกฝ่ายเขาก็ยิ่งรู้สึกร้อนรน “หมิงเซียน! ใจเย็น...ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนเลย” “แล้วเลือดนี่ล่ะขอรับ?” “เป็นเลือดของคนเจ็บที่ข้าไปช่วยไว้” “จริงหรือขอรับ?” “ใช่! งั้นเจ้าก็... อ่ะ!” จินเฟยเทียนแม้เขาจะตอบคำถามของหยางหมิงเซียนไปแล้วแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่เชื่อ และยังคงไล่จับตามเนื้อตามตัวเขาอยู่อย่างนั้น เขาจ
หลังจากจางเลี่ยงซูและจินเฟยเทียนทำการรักษาชิงหลวนคุนจนเรียบร้อยแล้ว ก็หันมาตรวจดูบาดแผลขององครักษ์ซงหยวนต่อ แต่เพราะบาดแผลเล็กๆส่วนใหญ่เสี่ยวเปาได้ใส่ยาและพันผ้าปิดปากแผลไว้เรียบร้อยแล้ว จะเหลือก็แค่บาดแผลใหญ่ที่ช่วงไหลเท่านั้น ที่เสี่ยวเปารอให้คุณชายของตนและหลงฮูหยินมาตรวจรักษาให้ชายหนุ่มตรงหน้า ราชครูหลงจิ้นสิงหลังจากส่งคนไปส่งข่าวให้กับพระมารดาของชิงหลวนคุนแล้ว ก็กลับเข้ามาในห้องผู้ป่วยอีกครั้งพร้อมกับผู้คุ้มกัน และบ่าวชายในจวนจำนวนหนึ่งที่นำสำรับและเสื้อผ้าตัวใหม่มาให้องค์ชายสิบสองและองครักษ์ของพระองค์ "องค์ชายสิบสองพ่ะย่ะค่ะ คนพวกนี้กระหม่อมจัดมาให้...เพื่อจะให้มาคอยอารักขาความปลอดภัยของพระองค์ และจะให้มาคอยดูแลปรนนิบัติพระองค์ยามที่ต้องรักษาตัวอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ หากพระองค์และท่านองครักษ์ซงต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม ให้บอกกับคนพวกนี้ได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ" ด้วยความซับซ้อนของวังหลวง ราชครูหลงจิ้นสิงจึงไม่คิดและไม่กล้าที่จะเอ่ยถามเกี่ยวกับที่มาของบาดแผลตามร่างกายของชิงหลวนคุนและคนของอีกฝ
"เฟยเกอขอรับ" หยางหมิงเซียนพูดขึ้นเมื่อพวกเขาเดินมาถึงเรือนพัก "มีอะไรหรือหมิงเซียน?" "เดี๋ยวข้าอาบน้ำเสร็จ ข้าขอเข้าไปยืมหนังสือที่ห้องของเฟยเกอได้หรือไม่ขอรับ?" "หนังสือ...อ้อ! หนังสือสมุนไพรเล่มใหม่ใช่หรือไม่? งั้นเจ้าตามข้าเข้ามารับในห้องตอนนี้ได้เลย" "เอ่อ...พอดีข้าอยากได้เล่มอื่นด้วยขอรับ" "งั้นเจ้าก็เข้ามาเลือกตอนนี้ได้เลยนะ" "คือ...ตอนนี้ข้าเหนียวตัวมากเลยขอรับ ข้าเลยอยากขอไปอาบน้ำก่อนนะขอรับ หลังจากจัดการดูแลตัวเองเรียบร้อยแล้ว ข้าค่อยเข้าไปเลือกหนังสือที่ห้องของเฟยเกอนะขอรับ" "อืม...งั้นก็ตามใจเจ้า" "ขอบคุณขอรับเฟยเกอ" หยางหมิงเซียนเมื่อจัดการดูแลตัวเองเสร็จแล้ว ก็รีบเดินกอดหมอนหนุนไปยังห้องนอนของจินเฟยเทียน "เฟยเกอขอรับ"&nbs
“คุณชายฟาง คุณชายหยางขอรับ ปลายยามเหม่าแล้วขอรับ” เสี่ยวปิงส่งเสียงปลุกผู้เป็นนายทั้งสองคนหน้าห้องของคุณชายฟาง เนื่องจากวันนี้ตอนเขาเข้าไปในห้องของคุณชายหยางเพื่อเตรียมของ แล้วไม่เจอผู้เป็นนาย เขาจึงคิดว่าเจ้านายทั้งสองน่าจะคืนดีกันแล้ว และกลับมานอนด้วยกันที่ห้องคุณชายฟางเหมือนเดิม “อืม...เข้ามาได้” จินเฟยเทียนงัวเงียตอบกลับเสี่ยวปิง ก่อนจะลุกขึ้นมานั่ง และเมื่อร่างกายเริ่มตื่นเต็มที่ จินเฟยเทียนก็เริ่มแปลกใจเพราะโดยปกติคนที่เข้ามาปลุกเขาในยามเช้าคือหยางหมิงเซียน “เอ๊ะ! แล้ว...” จินเฟยเทียนก้มมองแขนที่พาดอยู่เอวของตัวเอง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น จินเฟยเทียนจับแขนหยางหมิงเซียนที่พาดอยู่ที่เอวตัวเองออก และเอื้อมมือไปปลุกหยางหมิงเซียนเบาๆ พร้อมกับเอ่ยถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย “หมิงเซียนตื่น หมิงเซียนตื่นได้แล้ว" "ขอรับ" หยางหมิงเซียนทำเป็นงัวเงียตื่น แล้วลุกขึ้นมานั่ง
"คุณชายฟาง คุณชายหยาง เชิญนั่งก่อน" ชิงหลวนคุนเรียกให้จินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนเข้ามานั่งที่เก้าอี้ใกล้ตน หลังจากเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้อง และก้มลงทำความเคารพให้เขาเสร็จแล้ว "พ่ะย่ะค่ะ" จินเฟยเทียนตอบรับและเดินนำหยางหมิงเซียนเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตามคำเชิญ "คุณชายฟาง ที่ข้าให้คนไปเชิญเจ้ามาพบ จริงๆ แล้วไม่ได้มีอะไรมาก คือเสด็จแม่ของข้าได้ฝากของมาขอบคุณเจ้า ที่เจ้าได้ช่วยชีวิตข้าและอาซงเอาไว้ และข้าเองก็มีเรื่องอยากจะสอบถามเจ้าด้วย" "ในหีบใบเล็กนั่นคือโสม อายุน่าจะสัก 10 ปีได้ และยังมีสมุนไพรอีกหลายขนานในหีบใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างกัน เสด็จแม่ฝากมามอบให้กับเจ้า" ชิงหลวนคุนชี้ไปยังหีบสองใบ ที่วางอยู่บนเตียงถัดไปให้จินเฟยเทียนดูพร้อมกับอธิบาย "กระหม่อมขอไม่รับได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? เอ่อคือ...กระหม่อม" จินเฟยเทียนเอ่ยปฎิเสธแต่ถูกแววตาโศกที่ทรงอำนาจจ้องมองมา เขาจึงรีบเงียบปากลง "ไม่ได้ เสด็จแม่ทรงม
หยางหมิงเซียนเมื่อกลับมาถึงเรือนของตัวเองแล้ว เขาก็พาจินเฟยเทียนเข้ามานั่งบนเตียงในห้องนอนของเขา แล้วเขาก็สังเกตเห็นชุดที่จินเฟยเทียนกำลังใส่อยู่ตอนนี้...มันก็ทำให้เขานึกไปถึงเจ้าของชุดและแววตาที่เจ้าของชุดใช้มองมายังคนของเขา “เฟยเกอขอรับ ข้าขอทำแผลใส่ยาให้เฟยเกอใหม่ได้หรือไม่ขอรับ? เฟยเกอจะให้ข้าช่วยเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้ท่านด้วยเลยดีหรือไม่ขอรับ ท่านลุงกับท่านป้ามีให้คนจัดเตรียมชุดและของใช้ของเฟยเกอมาไว้ที่นี่ให้ด้วยนะขอรับ” หยางหมิงเซียนพูดพร้อมกับเดินเข้าไปหยิบชุดของจินเฟยเทียนออกมาให้เจ้าตัวดู... “ได้ แต่...ข้าขอไปอาบน้ำและเปลี่ยนชุดเองเลยดีกว่า หมิงเซียนเจ้าช่วยบอกให้อาเล่อเข้าไปเตรียมเก้าอี้ไว้ในห้องอาบน้ำให้ข้าได้หรือไม่?” “ได้ขอรับ” หยางหมิงเซียนรับคำของอีกฝ่ายแล้วเดินออกไปสั่งงานเกาเล่อ ก่อนจะกลับเข้ามาอุ้มจินเฟยเทียนด้วยท่าเจ้าสาวอีกครั้ง “หมิงเซียน...เจ้าแค่ช่วยประคองข้าเดินดีหรือไม่?” “ไม่
จินเฟยเทียนหันกลับไปมองตามเสียงเรียก...เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่ ยามนี้ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว “คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าข้ายามนี้คือเฟยเกอจริงๆ ใช่ไหมขอรับ ข้าไม่ได้ฝันอยู่ใช่ไหมขอรับตอนนี้” หยางหมิงเซียนเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวเข้าไปหาคนตรงหน้า หลังจากที่เขาใช้วิชาตัวเบาข้ามรั้วเข้ามายังบริเวณเรือนของเจียงเสียน “หมิงเซียน... อ่ะ!” หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินคนตรงหน้าเอ่ยเรียกชื่อเขา เขาก็โถมตัวลงไปกอดอีกฝ่ายไว้ทันที แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องของจินเฟยเทียน หยางหมิงเซียนก็รีบคลายอ้อมกอดของตัวเองออก จากนั้นเขาจึงถอยออกมายืนมองคนตรงหน้าด้วยความคิดถึง และเมื่อเขาเห็นรอยช้ำที่หน้าผากของอีกฝ่าย เขาก็รีบเอ่ยคำขอโทษพร้อมกับเอ่ยถามอาการของคนตรงหน้าทันที “เฟยเกอข้าขอโทษนะขอรับ เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ...เฟยเกอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง? แล้วทำไมเฟยเกอมาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ขอรับ?” “
จินเฟยเทียนหลังจากรับสำรับเย็นและเข้าไปจัดการดูแลตัวเองจนเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้พาตัวเขาออกมานั่งรับลมอยู่ที่ด้านหน้าเรือน... แต่ว่าด้วยเรื่องอาบน้ำของจินเฟยเทียน...ร่างกายที่แทบจะไม่ได้โดนน้ำเลยมาเป็นเวลาสองเดือน เพราะซานมู่เล่าว่า...ร่างกายของเขาตอนที่พวกซานมู่เจอในตอนแรกนั้น ทั้งบอบช้ำและเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์หลายจุด ท่านหมอที่มารักษาให้เขาจึงห้ามไม่ให้บาดแผลของเขาโดนน้ำ พวกซานมู่จึงทำได้เพียงเช็ดหน้าและเช็ดทำความสะอาดตามบาดแผลให้เท่านั้น ในตอนที่จินเฟยเทียนบอกกับคนทั้งสองเรื่องที่เขาจะขอไปอาบน้ำ คนทั้งสองจึงเอ่ยค้านเขาอย่างหนัก จนเขาต้องงัดหาเหตุผลและอ้างเอาความเป็นหมอขึ้นมาใช้ ไช่ผิงกับซานมู่ถึงยินยอมให้เขาเข้าไปอาบน้ำ... จินเฟยเทียนที่นั่งหน้าเรือนมาได้สักพัก เขาก็เห็นซานมู่เดินเข้ามา...พร้อมกับแบกฟืนกองใหญ่มากองไว้ด้านหน้าเรือนด้วย “ข้าน้อยกำลังจะก่อกองไฟขอรับ อากาศยามนี้เริ่มเย็นแล้ว หากได้นั่งผิงไฟก่อนเข้านอน...ก็น่าจะดีนะขอรับ” ซานมู่หันไปพูดกับจิ
จินเฟยเทียนที่ฟื้นขึ้นมา...วันนี้ก็เป็นวันที่สองแล้ว ที่ตัวเขาต้องนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงให้ซานมู่และไช่ผิงคอยดูแล เนื่องจากสภาพร่างกายที่ยังคงเต็มไปด้วยบาดแผลของเขา แต่ในยามนี้...จินเฟยเทียนรู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัวมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว และด้วยกลัวว่าหากเขายังไม่ยอมฝืนขยับร่างกายของตัวเองในตอนนี้...แล้วรอจนแผลแห้ง ยามนั้นทั้งเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อของเขามันก็อาจจะยึดติดกัน จนทำให้เขาไม่สามารถขยับหรือลุกขึ้นยืนด้วยขาของตัวเองได้อีกเลย จินเฟยเทียนจึงลองขยับทั้งแขนและขาของเขา และเมื่อเขาลองขยับ...ความเจ็บปวดก็พากันวิ่งไปทั่วทั้งร่างกายของเขา ยิ่งบริเวณที่แผลยังไม่แห้งดี ยามนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่ความเจ็บปวดที่จินเฟยเทียนได้รับในยามนี้มันเป็นความเจ็บปวดที่เขายังพอทนรับได้ เขาจึงพยายามดันร่างกายของตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่ง และเมื่อเขาลุกขึ้นมานั่งได้แล้ว เขาก็มองไปรอบๆ ห้อง เพื่อมองหาของที่ตัวเขาสามารถนำมาใช้ค้ำยัน...แล้วจินเฟยเทียนก็มองเห็นไม้ง่ามอันหนึ่งที่วางอยู่ด้านข้างเตียงของเขา เข
“คุณชาย...ท่านฟื้นแล้ว!” จินเฟยเทียนลืมตาขึ้นมาเขาก็ได้เห็นว่า...ตอนนี้ตัวเขากำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเรียกของบุรุษ ดังขึ้นมาจากข้างเตียง...เขาจึงหันไปมองตามเสียงนั้น แล้วเขาก็ได้เห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังมองมาที่เขา “อย่าเพิ่งลุกขอรับ” ซานมู่รีบเข้าไปประคองคนเจ็บ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง “เอ่อ...ที่นี่ที่ไหนหรือขอรับ? แล้ว...ตัวข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรหรือขอรับ?” จินเฟยเทียนเอ่ยถามเมื่อมองไปรอบๆ แล้ว เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ... ‘นี่ข้าได้กลับมาเป็นจินเฟยเทียนหรือไม่นะ?’ “ที่นี่คือเรือนพักกลางป่าของพวกข้าน้อยเองเจ้าค่ะ พวกข้าน้อยเจอคุณชายนอนไม่ได้สติอยู่ที่ริมแม่น้ำ...เลยพาคุณชายเข้าไปรักษาตัวที่โรงหมอในหมู่บ้าน จากนั้นก็พาคุณชายกลับมารักษาตัวต่อที่เรือนไม้หลังนี้เจ้าค่ะ แต่ในระหว่างที่คุณชายมารักษาตัวอ
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาแล้วถึงสองเดือน...ที่พวกเขายังคงตามหาจินเฟยเทียนไม่พบ แม้หยางหมิงเซียนจะยังคงออกตามหาจินเฟยเทียนทั้งกลางวันและกลางคืนเหมือนเดิม โดยมีชิงหลวนคุน จินเฟยหลงและราชครูหลงจิ้นสิงที่คอยส่งคนออกมาช่วยตามหา และถ้าเมื่อใดที่พวกเขาว่าง...พวกเขาก็จะลงมาช่วยตามหาจินเฟยเทียนด้วยตัวเองทุกครั้งก็ตาม ส่วนจินเฟยหมิง...อาการจากการถูกลอบวางยาพิษถึงจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ลมปราณและวรยุทธของเขากลับถูกยาพิษของหานเฟิงทำลายจนไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม เขาจึงทำเรื่องทูลขอต่อฮ่องเต้ เพื่อส่งมอบตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของแคว้น...ไปให้กับผู้ที่เหมาะสมนั่นก็คือจินเฟยหลง ให้ขึ้นรับตำแหน่งนี้แทนเขาทันที และหลังจากที่พวกเขาจัดการกับพิธีศพของชิงจิวซิน และจัดการกับพิธีส่งมอบตำแหน่งให้จินเฟยหลงเสร็จแล้ว จินเฟยหมิงและจินเฟยฮวาก็ย้ายตัวเองมาอยู่ที่ค่ายทหารแถบชายแดนทันที... จินเฟยเทียนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับความว่างเปล่า ด้วยเพราะรอบกายเขาในยามนี้ มันไม่มีอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว
หยางหมิงเซียนที่แยกออกไปจัดการดูแลตัวเองจนเรียบร้อย เขาได้เดินกลับออกมา...พร้อมกับยื่นชุดเก่าของผู้เป็นบิดา ไปทางชิงหลวนคุนกับคนที่ติดตามพวกเขามาด้วย “บ่อน้ำด้านหลังเรือนยังใช้ได้อยู่ ส่วนของในเรือนพวกเจ้าสามารถหยิบใช้ได้ตามสบาย” หยางหมิงเซียนพูดจบก็คิดจะเดินออกจากเรือนทันที “หมิงเซียนเจ้าอยู่รอทำแผลของตัวเองและอยู่รอพวกข้าก่อน เดี๋ยวพวกเราค่อยออกไปตามหาเฟยเทียนต่อพร้อมกัน ตอนนี้เฟยหลงกำลังกลับไปเอายาและของที่พวกเราต้องใช้ในคืนนี้อยู่” ชิงหลวนคุนเอ่ยรั้งหยางหมิงเซียนเอาไว้ เพราะบาดแผลตามร่างกายของอีกฝ่ายยังไม่ได้รับการรักษา โดยเฉพาะบาดแผลที่มารดาของอีกฝ่ายได้ลงมือฝากเอาไว้ ยามนี้...มันยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาให้เห็น “ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าจัดการดูแลตัวเองเสร็จ ค่อยตามข้าออกไปแล้วกัน” “หมิงเซียนหากเจ้าไม่ดูแลตัวเอง และรีบร้อนจนเป็นอะไรไปอีกคน ยามนั้นมันจะไม่ยิ่งแย่ไปกว่านี้หรือ?” “แต่ตอนนี้เฟยเกออยู่ด้านนอกนั้นคนเดียว! แ
หยางหมิงเซียนที่ถูกจับตัวเอาไว้โดยชิงหลวนคุนและจินเฟยหลง ยามนี้เขาปล่อยให้ตัวเองทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น พร้อมกับสหายทั้งสองของเขาอย่างหมดแรง “พวกเจ้ารีบกระจายตัวออกไปหาเส้นทางที่สามารถใช้ไต่ลงไปด้านล่างได้ หากเจอแล้วให้รีบกลับมาบอกข้า” ชิงหลวนคุนที่ดึงสติกลับมาได้ก่อน รีบหันไปสั่งการคนของเขาทันที “หึ! เป็นเช่นไร...เจ็บปวดดีหรือไม่เล่า กับการที่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักแต่เท่านี้มันยังไม่เพียงพอ...ชดใช้ให้กับสิ่งที่พวกข้าต้องสูญเสียไปหรอกนะ ความจริงแล้วพวกเจ้าก็น่าจะตกลงไปตายพร้อมกับคุณชายใหญ่นั่นด้วยเลยนะ” หานเฟิงที่ถูกจับตัวโดยคนของซูเทียนฉินเอ่ยขึ้น “ชดใช้อย่างนั้นหรือ...ได้! อย่างนั้นพวกเจ้าก็จงชดใช้มาให้ข้าเสียสิ!!” หยางหมิงเซียนลุกขึ้นปาดน้ำตาพร้อมกับเดินเข้าไปคว้าดาบในมือของซูเทียนฉิน ก่อนจะเดินเข้าไปฟันคอของหานเฟิงจนขาดภายในดาบเดียว จากนั้นเขาก็ตรงเข้าไปจัดการกับลูกน้องของหานเฟิงต่อทันที “หมิงเซียนหยุด! เก็บแร
“พวกเจ้ารีบพานางออกไปจากที่นี่ ส่วนพวกที่เหลือ...ตามข้ามา!” หานเฟิงหันไปสั่งคนของเขา พร้อมกับกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้า หลังจากที่ตัวเขามาถึงหลังกระท่อม แล้วเห็นพ่อบ้านจวนแม่ทัพ กำลังพาคนในกระท่อมหลบหนีโดยใช้รถม้าที่พวกเขาได้เตรียมเอาไว้หนี... แต่ดีที่คนของเขาได้พาว่านซิ่นหลิงไปขึ้นรถม้าอีกคันที่พวกเขาได้จอดทิ้งเอาไว้หน้ากระท่อม เขาจึงรีบแยกคนของเขาที่เหลืออยู่เป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้พาว่านซิ่นหลิงหลบออกไปจากที่นี่ ส่วนที่เหลือให้ตามเขาไปจัดการกับคนพวกนั้น แต่ก่อนที่หานเฟิงจะควบม้าออกไป เขาได้หันกลับไปมองที่ชิงจิวซิน ยามนี้นางได้ท่านกุนซือเข้ามาช่วยเหลือ และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังจะช่วยถอนพิษให้กับนาง เขาจึงเอ่ยปากขอธนูกับลูกธนูจากคนของเขา จากนั้นจึงยิงไปที่ชิงจิวซินก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปจากที่นั่น ‘คนชั่วช้าอย่างเจ้า ไม่ควรได้รับความเมตตาจากใครทั้งนั้น...จินฮูหยิน’ “อึก!” “จินฮูหยิน!” ชิงจิว