จากนั้น แม่ฉันก็ลุกขึ้นจากโซฟาห้องโถง แล้วเดินขึ้นบันไดไม้ ไปยังชั้น 2 โดยไม่ได้หันกลับมามองฉัน หรือ นายกีต้าร์เลย
“กีต้าร์ ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อย?” “ว่าไง?” “ออกมาข้างนอก ฉันไม่อยากคุยในบ้าน” พูดจบ ฉันก็เดินออกจากบ้าน โดยมีคนตัวใหญ่ตามหลังมาติดๆ จนกระทั่งเดินไปถึง หน้าประตูรั้วบ้าน ฉันก็รีบหันหลัง จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้า อย่างไม่ชอบใจนัก พลางย่นคิ้วใส่เล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามคนตัวใหญ่ออกไป ด้วยความไม่พอใจ “นายเล่นอะไรของนายอยู่!” ร่างใหญ่ ไม่ได้เอ่ยตอบอะไร แต่กลับพุ่งตัวเข้ามา ประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ราวกับว่าเขาต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง กับตัวฉัน แขนหนากอดรัดตัวฉันอย่างดุดัน ริมฝีปากเขาขบเคี้ยวบดขยี้ริมฝีปากบางไปมา จนขาของฉันถึงกับอ่อนแรงลง เพราะไม่เคยโดนทำแบบนี้มาก่อน "อ้า" เมื่อริมฝีปากถูกถอดออก ฉันก็รีบใช้หลังมือถูปากตัวเองไปมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยขึ้น “โถ่! จูบแค่นี้ ยังแกล้งทำไม่เป็น เธอคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดของเธอเหรอ?” “นี่…นาย!” “คืนนี้ฉันจะนอนบ้านเธอ” “อะไรนะ?” “ฉันจะนอนบ้านเธอ!” “มะ…ไม่ได้นะ” ฉันถลึงตาใส่เขาอย่างดุดัน คนอะไรทำไมหน้าด้านหน้าทนแบบนี้ ทำอย่างกับว่า ฉันเป็นผู้หญิงข้างทาง ที่สามารถพาใครมานอนก็ได้เสียอย่างงั้น สายตาดุดันจ้องมองฉัน อย่างไม่หวาดหวั่น จนฉันต้องหลบสายตาคู่นั้น ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรั้วบ้านของตัวเอง อย่างเร่งรีบ “ออกไป!” “เธออออ….!” “ถ้านายไม่ออก ฉันจะแจ้งความ” “ก็เอาสิ แจ้งเลย!” “กีต้าร์ ทำไมนายพูดยาก พูดเย็นแบบนี้ว่ะ?” ฉันพุ่งตัวเข้าไป ผลักอกร่างใหญ่อย่างแรง จนตัวเซ ก่อนที่เขาจะผลักตัวฉันกลับ จนก้นจ้ำเบ้า “โอ๊ย!” “เจ็บเป็นด้วยเหรอ ฉันก็คิดว่าเธอด้านไปทั้งตัวแล้วซะอีก” “เลว!” “เฮอะ!” ใบหน้าร้ายกาจ ที่มีม่านกั้นเป็นความมืด บ่งบอกถึงความเกลียดชั่ง ที่มีต่อฉันอย่างหนักหน่วง แต่ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเพราะอะไร เขาถึงได้เกลียดชั่งฉันขนาดนี้ ทั้งที่ตัวเขาแทบไม่รู้จักตัวฉันเสียด้วยซ้ำ แขนใหญ่ กระชากตัวฉันลุกขึ้นอย่างแรง จนตัวฉัน ลุกขึ้นชนกับแผ่นอกกว้างตรงหน้าเพราะถูกแรงกระชาก “พรุ่งนี้ ฉันจะให้ผู้ใหญ่มาขอเธอแต่งงาน” “ฉันไม่แต่ง ปล่อยมือออกจากแขนฉันได้แล้ว” มือใหญ่ บีบแขนฉันแรงขึ้น จนฉันต้องรีบสะบัดมือนั่นออกโดยเร็ว เพราะความรู้สึกเจ็บกับแรงบีบ แต่ถึงจะสะบัดแรงเพียงใด มือใหญ่ก็เกาะแขนฉันไม่ปล่อยอยู่ดี “ถ้าเธอไม่แต่งกับฉัน ชีวิตครอบครัว เพื่อน และทุกคนที่รู้จักเธอ พังแน่ จะลองดูไหม?” “นี่ กีต้าร์นายบ้าไปแล้วเหรอ นายรู้จักฉันดีขนาดไหนกัน ถึงได้มาขู่คนอื่นให้แต่งงานด้วยแบบนี้?” “ฉันไม่สนหรอก … เธอจะรักหรือไม่รัก ฉันก็ไม่สนใจ ถ้าพรุ่งนี้ฉันมาแล้วรู้ว่าเธอหนีงานแต่ง ฉันจะเผาบ้านเธอ ทำชีวิตคู่เพื่อนเธอพัง อะไรที่เกี่ยวข้องกับเธอ ฉันจะทำลายให้หมด” “กีต้าร์!” “จะลองกับฉันก็ได้นะ เธอเห็นแล้วหนิ ที่โรงเรียนน่ะ เป็นอย่างไง” พูดจบ เขาก็ปล่อยมือออกจากแขนฉัน อย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้สนใจว่าฉันจะรู้สึกอย่างไรเลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายเขายังฝากรอยบีบไว้บนแขนของฉันอีก เป็นรอยใหญ่ จนฉันเริ่มรู้สึกหวาดกลัวเขาขึ้นมาเสียแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้น ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "พักพิงค์ลูกตื่นได้แล้ว กีต้าร์พาพ่อแม่มาหาน่ะลูก" ฉันตาเบิกโพง เมื่อได้ยินเสียงแม่ที่เรียกฉัน จนฉันต้องรีบแปรงฟันล้างหน้า และผลัดวิ่งผลัดเดินลงบันไดมาอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ได้มาเห็นกับตาว่า ไอ้บ้านั่น มันพาพ่อแม่มันมาจริงหรือเปล่า แต่ฉันก็ต้องผงะ เพราะสิ่งที่ฉันเห็นตรงหน้าคือ เงินสินสอด และ ผู้หญิงผู้ชายวัยกลางคนกำลังนั่งพูดคุยกับแม่ฉันอย่างรื่นเริง ส่วนคนที่ฉันไม่อยากเจอมากที่สุด "อ้าว! ที่รัก ตื่นแล้วเหรอคับ" อื้ม! ฉันคงไม่ต้องเอ่ยบอกนะ ว่าเขามาหรือเปล่า ในเมื่อเสียงมันชัดเจนขนาดนี้ เสียงทุ้มของร่างใหญ่ ทำเอาผู้ใหญ่ทุกคนถึงกับหันมาหาฉันเป็นตาเดียว จนฉันทำตัวแทบไม่ถูก จึงทำได้เพียงเดินลงบันไดบ้านอย่างเชื่องช้า ก่อนจะรีบยกมือไหว้พ่อแม่ของกีต้าร์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างนอบน้อม "ซะ...ซะ...สวัสดีค่ะ คุณลุงคุณป้า" "ตายจริง! เดี๋ยวเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เรียกพ่อกับแม่ดีกว่านะลูก" ร่างเล็กผิวพรรณสะอาด กับอีกคนท่าทีสุขุมบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า ทั้งคู่ต้องเป็นผู้ดีมากๆ เป็นแน่แท้ แต่ทำไมกีต้าร์ในเมื่อก่อน ถึงถูกปล่อยให้เดียวดายกันนะ ทั้งที่ดูตอนนี้ ก็เหมือนกับว่า พ่อแม่ของเขาก็ดูจะรักเขามากอย่างไงอย่างงั้น หรือฉันคิดมากไปเองกันนะ "ยัยพักพิงค์ มานั่งนี่เร็ว" "อ๋อ คะ...ค่ะ แม่" ฉันรีบขยับสาวเท้า เดินไปนั่งกับผู้เป็นแม่ อย่างหวั่นเกรง เพราะทำตัวไม่ถูกกับการเจอคนมาสู่ขออะไรแบบนี้ "ว่าแต่ สินสอดที่นำมามอบให้ พอไหมคะ คุณแม่ยาย" "อุ้ย! เรียกกันแบบนี้เลยเหรอคะ เขินจัง" ฉันเห็นท่าทีที่แม่พูดคุยกับ พ่อแม่ของกีต้าร์ มันทำให้ฉันรู้ว่า ความสุขของแม่คงไม่จำเป็นต้องเป็นฉันก็ได้สินะ เพราะสิ่งที่แม่แสดงออกมา มันบ่งบอกฉันอย่างชัดเจน ว่าแม่พร้อมยกฉันให้กีต้าร์ เพราะถ้าแม่สนใจความรู้สึกของฉัน สักนิด เมื่อคืนแม่คงไม่เดินหนีฉัน ขึ้นห้องนอนแล้วเงียบไปหรอก ที่ผ่านมาแม่เหนื่อยกับฉันมามากแล้ว ถ้าแม่มีเงินขนาดนี้ แม่คงจะมีความสุข และได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการสินะ "นี่เป็นสินสอด 9 แสนบาท แค่ค่ามาสู่ขอนะคะ ส่วน เพิ่มเติมมากกว่านี้ คุณแม่ยายเรียกมาได้เลยค่ะ ดิฉันพร้อมมาก พอดีอยากได้ลูกสะใภ้แล้วน่ะค่ะ คิคิ" "อุ้ย! ตายจริง เรื่องสินสอดทองหมั้น ลูกๆ เขารักกันแล้ว อีกอย่างฉันก็เลี้ยงลูกสาวฉันมาเป็นอย่างดี ฉันไม่ขอมากมายหรอกค่ะ แค่ซัก 2 ล้านก็พอแล้ว" ใบหน้าของแม่กีต้าร์ยกยิ้มขึ้น สายตาชำเลืองมองฉันอย่างเอ็นดู ก่อนจะยื่นใบเอกสารอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า "ฉันให้ 20 ล้านเลยค่ะ" "อะไรนะคะ 20 ล้าน!" แม่ฉันตาเบิกโพงด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่า จะได้ค่าสินสอดมากมายขนาดนี้ "แต่ ฉันมีข้อแม้ค่ะ เมื่อแต่งงานแล้ว พักพิงค์จะไม่สามารถกลับมานอนที่บ้านได้อีก และถ้ามาหาคุณแม่ ก็ต้องให้กีต้าร์มาด้วยทุกครั้ง มาได้แค่ สัปดาห์ละ 1 ครั้งต่อวันเท่านั้น และห้ามนำเรื่องที่บ้านของฝ่ายสามี ไปเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด อ๋อ! แล้วที่สำคัญเมื่อจดทะเบียนสมรสแล้ว พักพิงค์จะไม่สามารถหย่าได้อีกตลอดชีวิต" "อะไรนะคะ" ฉันรีบเอ่ยขึ้น ด้วยความเดือดดาล เพราะถ้ามีข้อแม้ขนาดนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับขังฉันไว้เลยสักนิด"นี่มันอะไรกัน ข้อแม้หรือพาไปขังคุกกันแน่" "หนูพักพิง ฟังแม่ก่อนนะคะ" ฉันยืนตัวเกร็งแข็งทื่อไปทั้งตัว ด้วยความเดือดดาลอย่างสุดขีด คนอะไรไม่มีอิสระให้กันเลยแม้แต่น้อย "ฟังแม่ก่อนนะคะ" "...........""ที่แม่ทำข้อตกลงขึ้นมา ก็เพราะ บ้านเราค่อนข้างมีฐานะ การจะออกไปไหนมาไหน มันค่อนข้างไม่ปลอดภัย เราทำธุรกิจหลายตัว คนอยากลงทุนกับเราก็มีเยอะ ส่วนคนอยากทำร้ายเราก็มีเยอะ แล้วถ้าหนูแต่งเข้าบ้าน แม่กลัวว่าหนูจะไม่ปลอดภัยเอานะลูก" "เฮอะ! หนูไม่แต่งค่ะ อย่างไงหนูก็ไม่แต่ง" "เธอต้องแต่ง" เสียงทุ้มต่ำ พูดแทรกขึ้นอย่างรวดเร็ว จนฉันต้องหันไปมองตามเสียงนั้น ก่อนที่เขาจะเดินตรงเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็ว พลางใช้มือกุมไปที่ท้องน้อยของฉัน "ถ้าเธอไม่แต่ง แล้วลูกล่ะ?" "หาาาา!" "ท้องเธอจะโตขึ้นทุกวันนะ เธอไม่อายคนอื่นเหรอ?" ฉันเหลือบสายตาจ้องมองไปที่แม่ของตัวเอง ที่นั่งอึ้งกับสิ่งที่กีต้าร์เอ่ยออกมา พลางเห็นเนื้อตัวของท่านสั่นเทาไปทั้งตัว ท่านคงตกใจมาก ผิดกับพ่อแม่ของกีต้าร์ ที่มีท่าทีนิ่งสงบ
เมื่องานแต่งได้จบลง ตอนนี้คงเหลือแต่การเข้าหอ ให้ตายเถอะ! เขาจะทำอะไรอย่างว่ากับฉันหรือเปล่านะ หวังว่าคงจะไม่ทำนะ "พักพิง นั่งเหม่ออะไร กราบ พ่อแม่สิ" "อ่อๆ " ฉันและกีต้าร์ กราบพ่อและแม่ ตามธรรมเนียมเข้าหอ อย่างปกติ ก่อนจะได้รับคำอวยพรจากพวกท่าน"พ่อแม่ ขอให้ลูกๆ ทั้งสองรักกันนานๆ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง ขอให้ชีวิตมีแต่ความสุข อย่าได้มีสิ่งใดมาทำให้พรากจากกันนะลูก""ขอบพระคุณค่ะ พ่อแม่"เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่พวกท่านจะเดินออกจากห้องไป และ ปิดประตูห้องหอ เป็นอันเสร็จพิธี "เฮ้อ! " ฉันถอนหายใจฟอดใหญ่ออกมา แต่ลืมนึกไปว่า ยังมีภูเขาลูกใหญ่ อยู่ตรงหน้าอยู่ และภูเขาลูกนี้ ดูท่าจะหนักอึ้งกว่าสิ่งใดบนโลกซะด้วย "กะ...กีต้าร์" "ว่าไง?" "นายจะยังไม่ทำอะไร ฉันใช่ไหม?" "ทำอะไร คือ?" "ก็แบบ...." ร่างใหญ่ ที่กำลังถอดชุดสูทแต่งงาน ถึงกับหลุดขำออกมา "ฮ่าๆๆ" จนท้องแทบแข็ง ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาฉันอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับลูบหัวฉันอย่างแผ่วเบา
ณ วันเกิดของ กีต้าร์ คลื่น~ คลื่น~ คลื่น~ !! "ฮัลโหล พักพิง" "คะ กีต้าร์ เตงอยู่ไหน?" เสียงเพลงและเสียงคนดังสนั่นผ่านมือถือเข้ามา จนแทบจะไม่ได้ยินเสียงพูดของคนปลายสาย ฉันทำได้เพียงแค่ขมวดคิ้ว และเอามือถือแนบหูฟังอย่างใจจดจ่อ "ผมอยู่กับพวกเพื่อนๆ มหาลัย ที่ร้านเหล้า วันนี้ อาจจะกลับประมาณ ไม่น่าเกิน 5 ทุ่มนะคับ" " 5 ทุ่มเลยเหรอ?" ฉันเปรยตามองเค้กวันเกิดที่อยู่บนโต๊ะอาหารอย่างน้อยใจ แต่เพราะฉันรักเขาไปแล้ว และวันนี้ก็วันเกิดของเขาด้วย ฉันเองก็ไม่อยากจะทะเลาะ อะไรที่ปล่อยผ่านได้ก็ควรทำ "ใช่ครับ พอดี วันเกิดน่ะ พอเพื่อนๆ รู้ว่าเป็นวันเกิดผม เขาก็ดึงผมมาเที่ยวด้วยเลย ขอโทษนะ ที่ต้องกลับดึก" "ไม่เป็นไรคับ เตง เที่ยวให้สนุกนะ เราโอเค" "ขอบคุณนะ ที่เข้าใจ" "อื้ม เที่ยวเผื่อเราด้วยนะ" "คับ" เมื่อวางสายจากเขา น้ำตาแห่งความน้อยใจของฉันก็ไหลพรากออกมาโดยไม่รู้ตัว นี่ฉันน้อยใจเขาขนาดนี้เลยเหร
นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขายอมกอดฉัน โดยที่ฉันไม่ได้ร้องขอ กีต้าร์นายจะรู้ไหม ว่าฉันดีใจขนาดไหน ที่นายยอมกอดฉัน เหมือนกับที่ฉันสัมผัสนาย "เราขอพรให้ พักพิงรักเรา และหายน้อยใจเราไง เราขอโทษนะ ที่เมื่อคืนผิดนัด พอดี เราเมามากไปหน่อย แต่ต่อไป เราจะปรับปรุงตัวนะคับ" โถ่!! หัวใจ แค่เขาขอโทษแค่นี้ ใจฉันก็บางจนไม่สามารถที่จะน้อยใจเขาต่อได้อีกแล้ว คนอะไร ทำให้ใจฉันบางได้ขนาดนี้นะ "พักพิง หันหน้ามาหน่อยได้ไหม?" ฉันหันหน้าไปหาเขาอย่างรวดเร็วราวกับถูกต้องมนต์สะกด ก่อนที่ริมฝีปากหนา จะเข้ามาประกบจูบฉันอย่างแผ่วเบา และค่อยๆ เริ่มดูดดื่มขึ้น "อื้ม" ฉันเริ่มรู้ตัวแล้ว ว่าครั้งนี้ ฉันอาจจะต้องให้ครั้งแรกกับเขาแล้วล่ะ เพราะในเมื่อเขาเริ่มเปิด และดูดดื่มขนาดนี้ มันก็คงเป็นอื่นไปไม่ได้อีกแล้ว "กีต้าร์?" "ขึ้นห้องกันนะคับ" "อื้ม!" บนห้องนอนของกีต้าร์ ที่สุดแสนจะหรูหรา เขาได้วางฉันลงบนเตียงใหญ่สีขาว ที่อบอุ่นไปด้วยไออุ่น ที่เขาพึ่งตื่นนอน ริ
"ตายจริง ล้มทั้งยืนเลยเหรอคะ?" "ตายแล้ว คุณพักพิง ทำไมไปนั่งที่พื้นแบบนี้ละคะ" ฉันแทบทรงตัวไม่อยู่ ร่างกายชาไปหมด มันขยับไปไหนไม่ได้เลย ทำได้เพียงนั่งจ้องหน้าชายตรงหน้า ที่ฉันรักสุดหัวใจ "อ๋อ นี่เหรอคะ ป้านายแม่บ้านของที่นี่ สวัสดีค่ะ หนูเป็นแฟน ของพี่กีต้าร์ ชื่อ เอมมี่ค่ะ " ป้านายรับไหว้ผู้หญิงคนนั้นอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะรีบมาประคองตัวฉันให้ลุกขึ้น "คุณพักพิงลุกขึ้นนะคะ เดี๋ยวป้าพากลับห้องค่ะ" "ค่ะ ป้านาย" ฉันพูดกับป้านายด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ก่อนจะมีเสียงทุ้มแทรกขึ้น "ทำไม รับไม่ได้เหรอ?" ฉันไม่ได้หันหลังกลับไปมองตามเสียงนั้น แต่กลับรีบเดินตรงไปยังบันไดอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากทนเห็น คนที่ฉันรักมีคนอื่นแทนฉัน "ในเมื่อนายก็มีคนอื่นแทนฉันแล้ว งั้นฉันคงไม่มีอะไรที่จะต้องอยู่ที่นี่อีก" "เธอว่าไงนะ พักพิง" เสียงทุ้มตะคอกถามฉันอย่างดุดัน จนฉันเองก็เริ่มกลัวเขาเข้าแล้วเหมือนกัน มือใหญ่พุ่งตัวมากระชากแขนฉันอย่างแรง จนฉันตัวเซ เพื่อให้หันไปมองหน้าเขา ที่กำลังเดือดดาลก
กลับสู่ปัจจุบัน บรรยายแบบ Third person บุรุษที่ 3."โอ๊ย!!!! ไอ้คัง เบาๆ สิว่ะ เจ็บไอ้สัส" "ดีนะ นี่แค่หัวแตก เขาไม่เอาโซ่ล่ามขามัดคอมึงตายก็บุญแล้ว" คังเพื่อนสนิทของชายหนุ่มช่วยประคบเย็นแก้บวมช้ำให้กับเขาอย่างหัวเสีย เพราะไม่ชอบใจที่ ชายหนุ่มนั้นจับตัวเมียเก่าของตนเข้ามาขังไว้ "ไอ้เพื่อนโง่ มึงเป็นโรคประสาทอะไรเนี่ย ไปจับยัยนั่นมาทำไม แล้วงี้ ลูกๆ มึงจะอยู่อย่างไงก่อน" "ช่างกูเถอะ แม่งเมียหอบลูกหนี ใครจะไปทนรับได้ว่ะ" "เฮอะๆ นี่มึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ว่ามึงผิดอะไร เป็นกู ถ้ากูเป็นยัยพักพิง กูก็ทำเหมือนกันแหละ ไอ้ชิบหาย" "ไอ้เวร มึงควรจะช่วยกู ไม่ใช่ซ้ำเติม" "นี่ ยัยพักพิง ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแฝดน้องมึงถูกรถชนเลยด้วยซ้ำ แล้วมึงก็ได้ทำร้ายจิตใจเขาซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า มึงคิดว่าเขาจะยอมให้อภัยมึงง่ายๆ เลยเหรอ ไอ้เวร" "ก็กูไม่รู้ไง" "ก็เขาก็ไม่รู้ว่าผิดอะไรเหมือนกัน มึงควรง้อเขาดีๆ ไม่ใช่จับตัวเขามาแบบนี้ มึงมันโคตรเห็นแก่ตัวเลย" "เออ กูมันเห็นแก่ตัวก็กูรักเขา กูไม่อ
ทำไม ฉันจะต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ฉันไม่ได้เป็นคนทำร้ายเขาสักหน่อย ตอนถูกรถชน ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเขาถูกรถชนได้อย่างไง มารู้อีกที ก็มีข่าวลือ ทั่วโรงเรียนแล้วว่าเขาถูกรถชนแต่นี่อะไร ฉันบอกไปแล้วว่าฉันไม่ใช่คนที่ทำให้เขาถูกรถชนก็ไม่เชื่อปึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!"พักพิง เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!""พี่กีต้าร์ ใจเย็นสิคะ เรากลับห้องไปสนุกด้วยกันเถอะ""ออกไป เอาเงินที่ห้องฉันแล้วออกไปซะ วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี""อ่าว! แล้วที่คุยกันว่าจะพาไปดูหนังล่ะ?""ก็บอกว่า วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีไง""ได้ค่ะ"เสียงเคาะประตูห้องฉัน พร้อมกับเสียงทะเลาะกันของสองคนนั้น ทำให้ฉันเริ่มจะหงุดหงิดใจ เอาว่ะ! ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไปเป็นขอทานข้างถนน มันก็คงไม่ได้แย่เท่าไหร่ กลับบ้านเถอะ แล้วค่อยทำงานใช้หนีไอ้เวรนี่อย่างน้อยมันอาจจะสบายใจกว่าอยู่ที่ๆ ทำให้ฉันทุกข์ใจแบบนี้ ก็ได้ พอคิดได้แบบนี้ ฉันก็ไม่รีรอ ที่จะรีบเก็บเสื้อผ้าของตัวเองใส่กระเป๋า และทิ้งห้องที่หรูหรานี้เอาไว้อยู่เบื้องหลัง "พักพิง ฉันบอกให้เปิดประตูไง ไม่ได้ยินหรือไง!"
"คนอย่างมึง มันสมควรตายแทนน้องกู""คุณ ฉันขอโทษ""มึงรู้ไหม วันที่กูไปดูกล้องวงจรปิด ที่โรงเรียน กูต้องเห็นอะไรบ้าง กูนั่งอ่านไดอารี่ของน้องตัวเอง แล้วรู้สึกอย่างไงบ้าง! ""ฮึก! ฮึก!""กูต้องเห็นน้องชายตัวเองถูกแกล้งทุกวัน ถูกกระทืบ ถูกตี ถูกใช้ให้กราบตีนไอ้พวกเวรนั่น ถูกเขียนเต็มเสื้อผ้า ถูกประจานว่าเป็นผู้ชายขายตัว และ สุดท้าย ก็ถูกคนรักอย่างมึง หักหลัง จนต้องมานอนเป็นผักอยู่แบบเนี่ย แบบเนี่ย! มึงเห็นไหม"เขากระชากคอเสื้อฉัน ให้ลุกขึ้นอีกครั้งพร้อมชี้มือไปที่คนบนเตียงอย่างเดือดดาล ดวงตาคม จ้องมองฉันด้วยสายตาเคียดแค้นชิงชัง ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันให้ได้ ก่อนจะเดินไปหยิบ ไดอารี่ ของน้องชายตัวเองออกมาจากในลิ้นชักข้างเตียง"มึงลองดูสิ มันเขียนไดอารี่เล่มนี้ ทุกวัน ว่ามันถูกทำอะไรบ้าง ว่ามันโดนอะไรบ้าง ว่ามันรักมึงขนาดไหน?"ฉันรีบหยิบไดอารี่จากมือของเขามาเปิดอ่านดูอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างมันดูเจ็บปวด ในไดอารี่เขาบอกว่า เขาอยากจะสู้พวกมัน แต่หากมีเรื่องแม่ของเขาจะเดือดร้อน เพราะลำพังแม่ของเขาก็หาเช้ากินค่ำ หลังจาก
16อย่าลืมสถานะตัวเอง ณ สวนหย่อมในมหาลัย ผมที่นั่งติวข้อสอบของวันพรุ่งนี้ ให้กับเพื่อนๆ อยู่ ก็เหลือบไปเห็นยัยนั่น นั่งอยู่กับ ยัยวาวา และ เพื่อนผู้ชายอีก 3 คน ดูทรงคงสนิทสนมกันน่าดู แต่สิ่งที่มันทำให้ผมขัดหูขัดตามากเป็นพิเศษก็คือ เธอนั่งข้างเพื่อนผู้ชาย แถมยังทำหน้าตาระรื่น หัวเราะคิกคักจนอย่างจะเข้าไปกระทืบมันจริงๆ "เฮ้ย! ไอ้เปียโน มึงดูอะไรอยู่ว่ะ จ้องตาไม่กระพริบเลย" "ไอ้คัง มึงไปหาเด็กมาให้กูซักคนดิ" "ฮะ! เอาใครอ่ะ?" ผมพยายามกวาดสายตามองไปรอบๆ สวนหย่อม เพื่อหาผู้หญิงมาควงเย้ยยัยนั่น ก่อนจะไปสะดุดตากับผู้หญิงคนนึงเข้า "เอาน้องคนนั้นอ่ะ" "ไหนว่ะ?" ผมชี้มือไปที่ ผู้หญิงที่ผมสะดุดตา ให้เพื่อนดู ก่อนที่มันจะพยักหน้าแล้วลุกขึ้นไปจีบน้องเขาให้ "น้องคับ?" "คะ?" "คือ พอดี พี่มีเรื่องให้ช่วยหน่อย" เพื่อนผมพยายามพูดกับน้องคนนั้น จนเธอลุกขึ้น เดินตรงมาพร้อมกับเพื่อนของผม เธอยกมือไหว้ผม ก่อนจะมานั่งลงบนเก้าอี้ไม้หินอ่อนข้างผม "น้องเขาชื่อ ข้าวฟ่าง มึงมีไรให้น้องเขาช่วยอ่ะ?" ผมเหลือบมองน้องข้าวฟ่างก่อนจะพยักหน้ารับไหว้ใส่เบาๆ และจ้องมองไปยังยัยนั่น "ข้าวฟ่าง หนูเห็นผู้หญิงคนน
เช้าวันรุ่งขึ้นผมนั่งจิบกาแฟและขนมปังเหมือนทุกเช้าก่อนไป มหาลัย เพื่อรอยัยนั่นลงมาจากห้องเพราะวันนี้ผมตั้งใจจะไป มหาลัยพร้อมกับเธอ แกร๊ก! เสียงประตูห้องเปิดออก พร้อมกับเสียงฝีเท้าเดินลงบันไดมาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวในชุดนักศึกษา กระโปรงสั้นอยู่บนหัวเข่าประมาณ 1 คืบเห็นจะได้ ลนลานผลัดวิ่งผลัดเดินลงบันได จนน่าสงสัย "สายแน่เลย!" "ฮัลโหล วาวา รอหน่อยนะกำลังออกไป" เมื่อเธอวิ่งมาถึงห้องโถง ผมก็รีบลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เดินตามเธอมาติดๆ พร้อมกับรีบคว้าแขนเธอเอาไว้ อย่างรวดเร็ว จนเธอสะดุ้งสุดตัว"โอ๊ยเจ็บ!" ผมชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะเหลือบไปเห็นรอยช้ำที่แขนขวาด้านที่ผมจับอยู่ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป และพูดกลบเกลื่อนสิ่งที่เห็นแทน"ปล่อย! มีอะไร?" "รีบขนาดนี้ มีสอบใช่ไหม?" "อื้ม!" "งั้นไปกับฉัน" พูดจบผมก็ดึงแขนเธอให้เดินตามผมมาขึ้นรถอย่างรวดเร็ว และไม่ลืมที่จะเรียกให้ป้านายไปเอากระโปรงตัวใหม่มาให้เธอ "ป้านายครับ รบกวนช่วยไปหยิบกระโปรงของพักพิงมาให้ผมทีนะคับ ขอตัวที่ยาวที่สุดนะคับ" ก่อนจะเหลือบมองไปยังกระโปรงตัวจิ๋วของเธอที่เห็นแทบจะทะลุไประหว่างขา"พอดี ผมไม่ชอบให้ใครมาเห็นขาขาวๆ ของเม
บรรยาย First person#เปียโน ผมนั่งดูกล้องวงจรปิด ที่ยัยนั่นกำลังเช็ดตัวให้กับน้องชายตัวเอง แล้วรู้สึกรังเกียจขึ้นมาทันที รังเกียจจนไม่อยากให้ยัยนี่เข้าใกล้ น้องชายของผม ปึก! "แม่งเอ๊ย" ผมละ แค้นเธอจริงๆ ยิ่งเห็นก็ยิ่งไม่ชอบใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้ม ที่เธอคิดว่าผมเป็นกีต้าร์น้องชายตัวเอง ก็ยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ ยัยนี่มีดีอะไร ทำไมน้องผมถึงหลงเธอ ถึงขนาดยอมถูกล่อให้ไปโดนรถชน คลื่น~ คลื่น~ คลื่น~ คลื่น~ "ฮัลโหล?" "ฮัลโหล ไอ้เปียโน ทำไมมึงรับสายช้าจังว่ะ" "มึงมีอะไร?" "พรุ่งนี้ มีสอบ มึงจะมาไหม?" "อื้ม! ไปดิ ต้องไปแทนไอ้เจ้าชายนินทานี่อยู่แล้ว" ผมทำเสียงหงุดหงิดใส่เพื่อน จนมันรู้สึกสงสัย "ไอ้เปียโน มึงเป็นอะไรของมึงว่ะ น้ำเสียงอย่างกับหงุดหงิดอะไรมา" "ไม่มีอะไรหรอก" "แน่เหรอว่ะ หรือว่า ยัยนั่นทำอะไรมึง" "ใคร?" "เอ้า ก็แฟนน้องชายฝาแฝดมึงไง ที่มึงไปหลอกมาแต่งงานด้วยอ่ะ" "เสือก!" "เอ้า กูได้ข่าว สวยใช่เล่นเลยเหรอว่ะ พรุ่
เขาดึงท่อนแข็งหนาออก พร้อมกับรูดซิปกางเกงขึ้นในทันที และดึงกระเป๋าตังออกมา เอาเงินโยนใส่ตัวฉันที่นอนหมดสภาพอยู่บนโซฟา "เอาไปซื้อยาคุมกินซะ! ของฉันเข้าไปลึกขนาดนั้น ครั้งเดียวก็ทำให้เธอท้องได้แล้ว" ฉันที่ลุกขึ้นนั่งด้วยเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย ก็พยายามข่มน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเอาไว้ จัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เหมือนเดิมมากที่สุด ก่อนจะลุกขึ้น ดึงกระโปรงลง "ฉันออกไปได้หรือยัง?" "ฮึก!" "ออกไปสิ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น พร้อมกับเอา แอลกอฮอล์ มาเช็ดมือและฉีดไปตามร่างกายของตัวเอง ฉันคงดูสกปรกสำหรับเขามากเลยสินะ ฉันพยายามข่มน้ำตาตัวเองไม่ให้มันไหลออกมา ก่อนจะเดินไป เปิดประตูห้องเพื่อจะได้ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ จะได้ชำระล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ในตัวฉัน"เดี๋ยวก่อน!" "ทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เข้ามาอยู่ดูแลน้องชายของฉัน เธอต้องนอนอยู่ในห้องนี้ จนกว่าน้องชายของฉันจะฟื้น พอน้องชายของฉันฟื้นแล้ว เธอก็ค่อยไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ แล้วอย่ากลับมาให้พวกเราเห็นหน้าอีก" "เข้าใจที่ฉันพูดไหม พักพิง" ฉันพยั
"คนอย่างมึง มันสมควรตายแทนน้องกู""คุณ ฉันขอโทษ""มึงรู้ไหม วันที่กูไปดูกล้องวงจรปิด ที่โรงเรียน กูต้องเห็นอะไรบ้าง กูนั่งอ่านไดอารี่ของน้องตัวเอง แล้วรู้สึกอย่างไงบ้าง! ""ฮึก! ฮึก!""กูต้องเห็นน้องชายตัวเองถูกแกล้งทุกวัน ถูกกระทืบ ถูกตี ถูกใช้ให้กราบตีนไอ้พวกเวรนั่น ถูกเขียนเต็มเสื้อผ้า ถูกประจานว่าเป็นผู้ชายขายตัว และ สุดท้าย ก็ถูกคนรักอย่างมึง หักหลัง จนต้องมานอนเป็นผักอยู่แบบเนี่ย แบบเนี่ย! มึงเห็นไหม"เขากระชากคอเสื้อฉัน ให้ลุกขึ้นอีกครั้งพร้อมชี้มือไปที่คนบนเตียงอย่างเดือดดาล ดวงตาคม จ้องมองฉันด้วยสายตาเคียดแค้นชิงชัง ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันให้ได้ ก่อนจะเดินไปหยิบ ไดอารี่ ของน้องชายตัวเองออกมาจากในลิ้นชักข้างเตียง"มึงลองดูสิ มันเขียนไดอารี่เล่มนี้ ทุกวัน ว่ามันถูกทำอะไรบ้าง ว่ามันโดนอะไรบ้าง ว่ามันรักมึงขนาดไหน?"ฉันรีบหยิบไดอารี่จากมือของเขามาเปิดอ่านดูอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างมันดูเจ็บปวด ในไดอารี่เขาบอกว่า เขาอยากจะสู้พวกมัน แต่หากมีเรื่องแม่ของเขาจะเดือดร้อน เพราะลำพังแม่ของเขาก็หาเช้ากินค่ำ หลังจาก
ทำไม ฉันจะต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ฉันไม่ได้เป็นคนทำร้ายเขาสักหน่อย ตอนถูกรถชน ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเขาถูกรถชนได้อย่างไง มารู้อีกที ก็มีข่าวลือ ทั่วโรงเรียนแล้วว่าเขาถูกรถชนแต่นี่อะไร ฉันบอกไปแล้วว่าฉันไม่ใช่คนที่ทำให้เขาถูกรถชนก็ไม่เชื่อปึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!"พักพิง เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!""พี่กีต้าร์ ใจเย็นสิคะ เรากลับห้องไปสนุกด้วยกันเถอะ""ออกไป เอาเงินที่ห้องฉันแล้วออกไปซะ วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี""อ่าว! แล้วที่คุยกันว่าจะพาไปดูหนังล่ะ?""ก็บอกว่า วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีไง""ได้ค่ะ"เสียงเคาะประตูห้องฉัน พร้อมกับเสียงทะเลาะกันของสองคนนั้น ทำให้ฉันเริ่มจะหงุดหงิดใจ เอาว่ะ! ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไปเป็นขอทานข้างถนน มันก็คงไม่ได้แย่เท่าไหร่ กลับบ้านเถอะ แล้วค่อยทำงานใช้หนีไอ้เวรนี่อย่างน้อยมันอาจจะสบายใจกว่าอยู่ที่ๆ ทำให้ฉันทุกข์ใจแบบนี้ ก็ได้ พอคิดได้แบบนี้ ฉันก็ไม่รีรอ ที่จะรีบเก็บเสื้อผ้าของตัวเองใส่กระเป๋า และทิ้งห้องที่หรูหรานี้เอาไว้อยู่เบื้องหลัง "พักพิง ฉันบอกให้เปิดประตูไง ไม่ได้ยินหรือไง!"
กลับสู่ปัจจุบัน บรรยายแบบ Third person บุรุษที่ 3."โอ๊ย!!!! ไอ้คัง เบาๆ สิว่ะ เจ็บไอ้สัส" "ดีนะ นี่แค่หัวแตก เขาไม่เอาโซ่ล่ามขามัดคอมึงตายก็บุญแล้ว" คังเพื่อนสนิทของชายหนุ่มช่วยประคบเย็นแก้บวมช้ำให้กับเขาอย่างหัวเสีย เพราะไม่ชอบใจที่ ชายหนุ่มนั้นจับตัวเมียเก่าของตนเข้ามาขังไว้ "ไอ้เพื่อนโง่ มึงเป็นโรคประสาทอะไรเนี่ย ไปจับยัยนั่นมาทำไม แล้วงี้ ลูกๆ มึงจะอยู่อย่างไงก่อน" "ช่างกูเถอะ แม่งเมียหอบลูกหนี ใครจะไปทนรับได้ว่ะ" "เฮอะๆ นี่มึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ว่ามึงผิดอะไร เป็นกู ถ้ากูเป็นยัยพักพิง กูก็ทำเหมือนกันแหละ ไอ้ชิบหาย" "ไอ้เวร มึงควรจะช่วยกู ไม่ใช่ซ้ำเติม" "นี่ ยัยพักพิง ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแฝดน้องมึงถูกรถชนเลยด้วยซ้ำ แล้วมึงก็ได้ทำร้ายจิตใจเขาซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า มึงคิดว่าเขาจะยอมให้อภัยมึงง่ายๆ เลยเหรอ ไอ้เวร" "ก็กูไม่รู้ไง" "ก็เขาก็ไม่รู้ว่าผิดอะไรเหมือนกัน มึงควรง้อเขาดีๆ ไม่ใช่จับตัวเขามาแบบนี้ มึงมันโคตรเห็นแก่ตัวเลย" "เออ กูมันเห็นแก่ตัวก็กูรักเขา กูไม่อ
"ตายจริง ล้มทั้งยืนเลยเหรอคะ?" "ตายแล้ว คุณพักพิง ทำไมไปนั่งที่พื้นแบบนี้ละคะ" ฉันแทบทรงตัวไม่อยู่ ร่างกายชาไปหมด มันขยับไปไหนไม่ได้เลย ทำได้เพียงนั่งจ้องหน้าชายตรงหน้า ที่ฉันรักสุดหัวใจ "อ๋อ นี่เหรอคะ ป้านายแม่บ้านของที่นี่ สวัสดีค่ะ หนูเป็นแฟน ของพี่กีต้าร์ ชื่อ เอมมี่ค่ะ " ป้านายรับไหว้ผู้หญิงคนนั้นอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะรีบมาประคองตัวฉันให้ลุกขึ้น "คุณพักพิงลุกขึ้นนะคะ เดี๋ยวป้าพากลับห้องค่ะ" "ค่ะ ป้านาย" ฉันพูดกับป้านายด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ก่อนจะมีเสียงทุ้มแทรกขึ้น "ทำไม รับไม่ได้เหรอ?" ฉันไม่ได้หันหลังกลับไปมองตามเสียงนั้น แต่กลับรีบเดินตรงไปยังบันไดอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากทนเห็น คนที่ฉันรักมีคนอื่นแทนฉัน "ในเมื่อนายก็มีคนอื่นแทนฉันแล้ว งั้นฉันคงไม่มีอะไรที่จะต้องอยู่ที่นี่อีก" "เธอว่าไงนะ พักพิง" เสียงทุ้มตะคอกถามฉันอย่างดุดัน จนฉันเองก็เริ่มกลัวเขาเข้าแล้วเหมือนกัน มือใหญ่พุ่งตัวมากระชากแขนฉันอย่างแรง จนฉันตัวเซ เพื่อให้หันไปมองหน้าเขา ที่กำลังเดือดดาลก
นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขายอมกอดฉัน โดยที่ฉันไม่ได้ร้องขอ กีต้าร์นายจะรู้ไหม ว่าฉันดีใจขนาดไหน ที่นายยอมกอดฉัน เหมือนกับที่ฉันสัมผัสนาย "เราขอพรให้ พักพิงรักเรา และหายน้อยใจเราไง เราขอโทษนะ ที่เมื่อคืนผิดนัด พอดี เราเมามากไปหน่อย แต่ต่อไป เราจะปรับปรุงตัวนะคับ" โถ่!! หัวใจ แค่เขาขอโทษแค่นี้ ใจฉันก็บางจนไม่สามารถที่จะน้อยใจเขาต่อได้อีกแล้ว คนอะไร ทำให้ใจฉันบางได้ขนาดนี้นะ "พักพิง หันหน้ามาหน่อยได้ไหม?" ฉันหันหน้าไปหาเขาอย่างรวดเร็วราวกับถูกต้องมนต์สะกด ก่อนที่ริมฝีปากหนา จะเข้ามาประกบจูบฉันอย่างแผ่วเบา และค่อยๆ เริ่มดูดดื่มขึ้น "อื้ม" ฉันเริ่มรู้ตัวแล้ว ว่าครั้งนี้ ฉันอาจจะต้องให้ครั้งแรกกับเขาแล้วล่ะ เพราะในเมื่อเขาเริ่มเปิด และดูดดื่มขนาดนี้ มันก็คงเป็นอื่นไปไม่ได้อีกแล้ว "กีต้าร์?" "ขึ้นห้องกันนะคับ" "อื้ม!" บนห้องนอนของกีต้าร์ ที่สุดแสนจะหรูหรา เขาได้วางฉันลงบนเตียงใหญ่สีขาว ที่อบอุ่นไปด้วยไออุ่น ที่เขาพึ่งตื่นนอน ริ