บรรยาย First person
#พักพิงค์ 3 ปีก่อน “เรียนจบแล้ว แต่งงานกันนะ?” “ฮะ?” วินาทีที่ผู้ชายที่ฉันแอบรักแอบชอบมานานแสนนาน มาขอฉันแต่งงานกลางห้องเรียนในวันสอบวันสุดท้าย ก่อนเรียนจบ วินาทีนั้นหัวใจฉันแทบจะหลุดออกจากอกเลยทีเดียว ฉันได้แต่ยืนสตัน อ้าปากค้างต่อหน้าเขา ท่ามกลางสายตาของเพื่อนในห้องนับ 20 คน เพราะไม่รู้จะตอบออกไปว่าอย่างไงดี “ว่าไง?” “วะ.....ว่าไง คะ...คะ.....คืออะไรเหรอ?” “ที่ฉันถามไป?” ใบหน้าหล่อเหลาสุดแสนเย็นชายืนฟังคำตอบจากฉันด้วยความนิ่งเฉย เหมือนเป็นคำพูดแบบขอไปที แต่คนฟังอย่างฉันกลับหวั่นไหวไปเอง “เออ.........” “โอเค! วันเสาร์นี้ฉันจะไปขอเธอที่บ้านนะ” มือใหญ่ยื่นมือมาลูบหัวฉันเบาๆ ก่อนจะเดินออกห้องเรียนของฉันไปตามปกติ ปล่อยให้ฉันยืนงงเป็นไก่ตาแตก อยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ มากมาย ที่รีบเดินตรงเข้ามาหาฉัน เพื่อถามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ “เกิดอะไรขึ้น มึงไปคบกับไอ้กีต้าร์เมื่อไหร่ว่ะ ทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเลย?” “แต่กูว่ามันแปลกๆ นะ ร้อยวันพันปีมันไม่เคยมายุ่งกับไอ้พักพิงค์ แล้วไหง่ มันมายุ่งวุ่นวายกับไอ้พักพิงค์ได้ว่ะ มึงไปทำอะไรมันรึเปล่า พักพิงค์” ฉันรีบตอบกลับเพื่อนๆ อย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าเพื่อนๆ จะเข้าใจผิด คิดว่าฉันคบกับกีตาร์มาก่อน “จะ......จะบ้าเหรอ ฉะ...ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าเขามาวุ่นวายกับฉันทำไม?” นับตั้งแต่ที่กีต้าร์ออกจากโรงพยาบาลเพราะอุบัติเหตุ จากการโดนเพื่อนๆ แกล้งผลักให้เขาโดนรถชน ในวันนั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กีต้าร์มาโรงเรียนก็จริง แต่พฤติกรรมของเขาดูเย็นชา และ ก้าวร้าวหัวรุนแรงขึ้น คนที่เคยแกล้งเขาก็ถูกเขาทำร้ายร่างกายบาดเจ็บปางตาย เกือบทุกราย แถมผู้ปกครองของไอ้พวกนั้นก็มาเรียกร้องค่าเสียหาย และแจ้งความจับเขากันยกใหญ่ แต่แปลกที่เขาไม่มีท่าทีหวาดกลัวใดๆ แถมยังโต้เถียงกลับอย่างรวดเร็ว เสมือนว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน และแล้ววันนี้ก็มาถึง เขาพยายามเข้าหาฉันทั้งวัน จนฉันรู้สึกแปลกใจ ทั้งถามฉันว่าฉันเคยมีอะไรกับเขาไหม ทั้งถามว่า ฉันกับเขาคบกันนานไหม เคยจูบกันหรือเปล่า เคยเป็นอะไรกันไหม แต่ฉันก็ตอบเขาไปตามตรงนะ ว่าฉันกับเขาไม่เคยคบกัน แค่พวกเรารู้จักกันผ่านๆ เพียงเท่านั้น แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เชื่อ เขาหาว่าฉันโกหก แปลกพอตกบ่าย 2 โมงวันนี้ เขากลับเดินเข้าห้องเรียนของฉัน แล้วมาขอฉันแต่งงานดื้อๆ จนฉันทำตัวไม่ถูก ไม่ได้การล่ะ แบบนี้ฉันต้องไปเตือนให้เขาทานยาซะแล้ว ไม่งั้นเขาคงจะพูดอะไรแปลกๆออกมาอีกแน่นอน เมื่อคิดได้แบบนั้น ฉันก็รีบตรงดิ่งไปหาเขาถึงในห้องเรียนของเพื่อนเขา “กีต้าร์” แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ฉันหันมองซ้ายแลขวาก่อนถามเพื่อนๆ ในห้องเรียน “กีต้าร์ไปไหน เมื่อกี้ฉันเห็นเขากลับมาห้องเรียนอยู่หนิ” “กะ ......กีต้าร์เหรอ! .....มะ....ไม่รู้ๆ” เพื่อนๆ ในห้องเรียน ต่างพากันหวาดกลัวนายกีต้าร์อย่างแปลกประหลาดเสมือนว่าเขาไม่ใช่กีต้าร์คนเดิม อย่างไงอย่างงั้น “พักพิง ฉันว่าแกอยู่ให้ห่าง จากไอ้โรคจิตนั่นดีกว่า มันโรคจิตมากนะเว้ย หลังจากออกโรงพยาบาลมา” ฉันย่นคิ้วชนกัน ด้วยความสงสัยไขรู้ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป แต่แล้วเสียงทุ้มก็พูดแทรกขึ้นมากลางทาง ก่อนที่ฉันจะกลับเข้าห้องเรียนของตัวเอง “มันไม่ใช่กีต้าร์ ไอ้กีต้าร์มันยังไม่...” เสียงนั้นเงียบลง เมื่อมีร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาจ้องมองเขาด้วยความดุดัน “กะ.......กีต้าร์” ไอ้ผู้ชายคนนั้น รีบเดินแทรกตัวฉันเข้าห้องเรียนของมันอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันเห็นผีอย่างไงอย่างงั้น ทั้งที่เมื่อก่อนมันเป็นหัวโจกในการแกล้งกีต้าร์ของฉัน ด้วยซ้ำ “มาหาฉันมีอะไร?” ร่างใหญ่เคลื่อนตัวเข้าใกล้ฉัน อย่างสุขุม ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดเม็ดเล็กๆ กระจายไปทั่วใบหน้าและชุดนักเรียนที่ใส่ “นะ.....นายไปทำอะไรมาเนี่ย?” ฉันรีบล้วงกระเป๋าเสื้อ ดึงผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดเลือดที่สาดกระเซ็น ไปทั่วร่างกายและใบหน้าของเขา อย่างรีบร้อนใจ “เจ็บมากไหม ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ ฉันว่านายไปห้องพยาบาลเถอะ” ฉันรีบกวาดสายตามองเพื่อนๆ ในห้องทุกคนที่เอาแต่หลบสายตา ไม่มีใครที่คิด จะช่วยเหลือเขาเลยสักคน แต่แล้ว มือใหญ่ก็จับแขนฉันอย่างแรงจนฉันสะดุ้งสุดตัว “พอเถอะ พิง ฉันไม่ได้เป็นอะไร เลือดพวกนี้เป็นเลือดคนอื่น” “ฮะ! นายไปต่อยคนอื่นมาเหรอ พวกเขาเป็นไงบ้าง?” ดวงตาคมกริบแผ่รังสีอำมหิตออกมา จนฉันรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็ยังพยายามเช็ดเลือดออกจากใบหน้าเขาด้วยความ เป็นห่วง เป็นใย “ดูเธอจะรักฉันจังเลยนะ ฉันเคยเอากับเธอเหรอ?” ฉันสะดุ้งสุดตัว เมื่อได้ยิน เสียงทุ้มของผู้ชายที่ฉันชอบมาตั้งนาน พูดจาปากเสียแบบนี้ แถมสายตาที่เขามองฉันในนั้น มันมีแต่ความเย็นชา ผสมกับความหยิ่งผยอง “นายพูดอะไรออกมาอ่ะ รู้ตัวไหม?” “รู้ แต่แล้วอย่างไงอ่ะ อายเหรอ เราได้กันแล้วไม่ใช่เหรอ พูดออกมาแค่นี้ มันทำให้เธอ…….” เพี้ยะ! ฝามือขาว ฟาดลงบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างจังด้วยความเดือดดาล จนเพื่อนๆ ทุกคนต่างพากันตกใจ กับสิ่งที่ฉันทำกับกีต้าร์ “ถ้าเงี่..มากก็ไปหาที่ลงที่อื่น อย่ามาพูดจาปากหมาแบบนี้ใส่คนอื่นเขา” มันจ้องหน้าฉันด้วยความโกรธ นัยน์ตาจ้องมองฉันอย่างเคียดแค้น ก่อนจะหัวเราะออกมา เป็นการกลบเกลื่อน “อ๋อ เล่นตัวซะด้วย” นี่ยิ่งทำให้ฉันตกใจเข้าไปใหญ่ แต่ถึงกระนั้น ฉันก็จะพยายามทำเป็นไม่สนใจละกัน! ก่อนที่จะเป็นจุดสนใจไปมากกว่านี้ “เกิดมากูยังไม่เคยเห็นอี่พักพิงค์ ตบใครเลยนะ แต่เมื่อกี้ นางตบไอ้กีต้าร์ จนหน้าหันเลยอ่ะ” “ก็เขาผัวเมียกัน มึงจะตกใจอะไรว่ะ มึงก็ได้ยินอยู่ว่ามันขออี่พักพิงค์แต่งงาน” เสียงพูดคุยกันสำหรับเหล่าเพื่อนๆ เริ่มหนาหูขึ้นเรื่อยๆ จนฉันแทบอยากจะเอาปี๊บคลุมหัวให้รู้แล้วรู้รอดไป 3 โมงเย็น หลังสอบเสร็จ “ฮื้อๆๆๆ รักพวกแก พวกแกต้องมางานเลี้ยงรุ่นกันนะ ต้องสัญญาว่าจะมารวมตัวกัน” “ได้ๆ พวกเราสัญญา” พวกเรา กลุ่มนักเรียนม.6 ต่างพูดคุยและโอบกอดกันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเรียนที่ใหม่ๆ “ขึ้นมหาลัยกันแล้ว ต้องดูแลตัวเองกันนะเว้ย ฉันรักพวกแก” “ฉันก็รักแก” เมื่อการอำลาจบลง ฉันกับวาวาก็เดินกลับบ้านกันตามปกติ เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ฉันกับวาวา ส่วนใหญ่จะตัวติดกันตลอด เวลาฉันไปเรียน วาวาก็จะไปเรียนด้วย หรือ แม้กระทั่งมหาลัยที่จะไปเรียน วาวาก็ตามฉันไปด้วย เพราะเราทั้งคู่สนิทกันมาก และเป็นเพื่อนที่ชอบอะไรๆ เหมือนกันหลายอย่าง แม้กระทั่งเกรดออก คะแนนของพวกเรายังเท่ากัน แต่อาจมีบางวิชาที่ฉันจะเก่งกว่าหรือ อาจมีบางวิชาที่ วาวา เก่งกว่า “พิงค์” “ว่า?” “มึงว่า ไอ้กีต้าร์มันจะพูดจริงเปล่าว่ะ เรื่องที่มันจะมาขอมึงแต่งงานอ่ะ?” ฉันครุ่นคิดไปพักใหญ่ ก่อนจะย้อนนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า ที่ถูกขอแต่งงานกลางห้องเรียน ทั้งที่ ฉันกับเขายังมีอายุแค่ 18 ปี แถมเมื่อก่อน กีต้าร์ไม่เคยมาสนใจอะไรในตัวฉันเลยด้วยซ้ำ มีเพียงฉัน ที่มองเขาอยู่ทุกครั้งไป ถึงแม้เขาจะไม่เคยรู้ตัวเลยก็ตาม แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ฉันก็ยังจะยืนดูเขาอยู่ห่างๆ มาตลอด “กูรู้ว่ามึงแอบรัก ไอ้กีต้าร์มันมานานแล้ว แต่มึงไม่คิดว่ามันจะแปลกๆ บ้างเหรอว่ะ ที่อยู่ดีๆ ก็เดินถลาเข้ามาขอมึงแต่งงานเฉยเลย” ฉันได้แต่ฉีกยิ้มออกไปเพื่อให้เพื่อนรู้สึกสบายใจขึ้น ก่อนที่จะได้ยินเสียงแตรรถหรูสีดำ ของใครบางคนที่ขับตามหลังฉันมาระยะหนึ่งแล้ว ปี้นๆ..!!! ฉันและวาวาหันมองตามเสียงรถนั้นอย่างฉับพลัน ก่อนที่กระจกรถคันหรูจะเปิดออก ทำให้เห็นคนตัวใหญ่นั่งอยู่ในรถ “ฉันจะส่งเธอที่บ้าน?” “ฮะ?” ฉันกุมมือวาวาแน่น และรีบเดินหนีคนบนรถหรู อย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นการตอบปฏิเสธ ออกไปอย่างชัดเจนแล้ว “นี่!!!!!!” เสียงคนตัวใหญ่ตะโกนดังก้องไปทั่ว ริมถนนตรงนั้น ก่อนที่เขาจะ ลงมาจากรถแล้วเดินถลาตรงมาหยุดตรงหน้าฉัน “ฉันแค่จะไปส่ง ทำไมต้องเดินหนีด้วย” เมื่อเห็นว่าคนตัวใหญ่ ทำท่าทางจริงจัง ฉันก็กุมมือของ วาวาแน่ขึ้น เพราะฉันไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไงดี ต่อหน้าคนที่ชอบ “นี่!! กีต้าร์ ฉันว่านายกลับบ้านนายไปเถอะ เมื่อก่อนไม่เคยมาสนใจเพื่อนฉัน แล้วตอนนี้ เป็นบ้าหรือไง อยู่ดีๆ ก็มาตามติดเพื่อนฉัน” “วาวา” “แน่ใจเหรอว่าไม่สนใจ พวกเราแอบคบกัน แต่เธอไม่รู้ต่างหาก” “นี่ ไอ้กีต้าร์” “วาวา”ฉันกระตุกมือวาวาเบาๆ เพื่อบอกให้เธอหยุดโต้เถียงกับคนตรงหน้า ก่อนที่ร่างใหญ่จะเอ่ยถามขึ้น“ในห้อง 6/6 ก็มีใครชื่อ พิง เหมือนยัยนี่บ้างล่ะ?”“………”“ถ้าไม่มี งั้นก็แปลว่า ยัยนี่เป็นเมียฉัน”“ห๊ะ?”ฉันอุทานออกมาเสียงดัง จนวาวาต้องรีบหันมอง ก่อนที่เธอจะเดินขึ้นมา เอาตัวบังร่างฉันไว้อย่างกล้าหาญ“นี่ กีต้าร์ ฉันว่านายต้องเข้าใจอะไรผิดแล้วแน่ๆ เลยว่ะ เมื่อก่อนนายไม่เคยแล สายตามอง ยัยพักพิง เลยด้วยซ้ำ แต่พอมาวันนี้ นายบอกว่า ยัยพักพิงเป็นเมียนาย สมองนายผิดปกติอะไรรึเปล่าเนี้ย?”“ช่างเถอะ กีต้าร์เขาพึ่งออกจากโรงพยาบาลนะ สติ สตัง คงยังไม่ค่อยกลับมาหรอก เรากลับบ้านกันเถอะ วาวา เดี๋ยวแม่ด่าฉันแย่เลย ถ้าฉันกลับค่ำน่ะ”“เดี๋ยวฉันจะไปส่ง ขึ้นรถเถอะ ฉันไม่ทำอะไรพวกเธอหรอก”แขนใหญ่กระชากแขนฉันอย่างแรง ก่อนจะรีบลากตัวฉันกับวาวาขึ้นรถ“โอ๊ย! กีต้าร์เราเจ็บ”ปึก! ประตูรถหรูปิดลงอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าฉันกับวาวาจะรีบวิ่งหนีออกจากรถไปอย่างไงอย่างงั้น“บ้านเธออยู่ไหน?”“บะ….บ้านฉันอยู่ ซ
จากนั้น แม่ฉันก็ลุกขึ้นจากโซฟาห้องโถง แล้วเดินขึ้นบันไดไม้ ไปยังชั้น 2 โดยไม่ได้หันกลับมามองฉัน หรือ นายกีต้าร์เลย“กีต้าร์ ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อย?”“ว่าไง?”“ออกมาข้างนอก ฉันไม่อยากคุยในบ้าน”พูดจบ ฉันก็เดินออกจากบ้าน โดยมีคนตัวใหญ่ตามหลังมาติดๆ จนกระทั่งเดินไปถึง หน้าประตูรั้วบ้าน ฉันก็รีบหันหลังจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้า อย่างไม่ชอบใจนัก พลางย่นคิ้วใส่เล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามคนตัวใหญ่ออกไป ด้วยความไม่พอใจ“นายเล่นอะไรของนายอยู่!”ร่างใหญ่ ไม่ได้เอ่ยตอบอะไร แต่กลับพุ่งตัวเข้ามา ประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ราวกับว่าเขาต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง กับตัวฉันแขนหนากอดรัดตัวฉันอย่างดุดัน ริมฝีปากเขาขบเคี้ยวบดขยี้ริมฝีปากบางไปมา จนขาของฉันถึงกับอ่อนแรงลง เพราะไม่เคยโดนทำแบบนี้มาก่อน"อ้า" เมื่อริมฝีปากถูกถอดออก ฉันก็รีบใช้หลังมือถูปากตัวเองไปมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยขึ้น “โถ่! จูบแค่นี้ ยังแกล้งทำไม่เป็น เธอคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดของเธอเหรอ?”“นี่…นาย!”
"นี่มันอะไรกัน ข้อแม้หรือพาไปขังคุกกันแน่" "หนูพักพิง ฟังแม่ก่อนนะคะ" ฉันยืนตัวเกร็งแข็งทื่อไปทั้งตัว ด้วยความเดือดดาลอย่างสุดขีด คนอะไรไม่มีอิสระให้กันเลยแม้แต่น้อย "ฟังแม่ก่อนนะคะ" "...........""ที่แม่ทำข้อตกลงขึ้นมา ก็เพราะ บ้านเราค่อนข้างมีฐานะ การจะออกไปไหนมาไหน มันค่อนข้างไม่ปลอดภัย เราทำธุรกิจหลายตัว คนอยากลงทุนกับเราก็มีเยอะ ส่วนคนอยากทำร้ายเราก็มีเยอะ แล้วถ้าหนูแต่งเข้าบ้าน แม่กลัวว่าหนูจะไม่ปลอดภัยเอานะลูก" "เฮอะ! หนูไม่แต่งค่ะ อย่างไงหนูก็ไม่แต่ง" "เธอต้องแต่ง" เสียงทุ้มต่ำ พูดแทรกขึ้นอย่างรวดเร็ว จนฉันต้องหันไปมองตามเสียงนั้น ก่อนที่เขาจะเดินตรงเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็ว พลางใช้มือกุมไปที่ท้องน้อยของฉัน "ถ้าเธอไม่แต่ง แล้วลูกล่ะ?" "หาาาา!" "ท้องเธอจะโตขึ้นทุกวันนะ เธอไม่อายคนอื่นเหรอ?" ฉันเหลือบสายตาจ้องมองไปที่แม่ของตัวเอง ที่นั่งอึ้งกับสิ่งที่กีต้าร์เอ่ยออกมา พลางเห็นเนื้อตัวของท่านสั่นเทาไปทั้งตัว ท่านคงตกใจมาก ผิดกับพ่อแม่ของกีต้าร์ ที่มีท่าทีนิ่งสงบ
เมื่องานแต่งได้จบลง ตอนนี้คงเหลือแต่การเข้าหอ ให้ตายเถอะ! เขาจะทำอะไรอย่างว่ากับฉันหรือเปล่านะ หวังว่าคงจะไม่ทำนะ "พักพิง นั่งเหม่ออะไร กราบ พ่อแม่สิ" "อ่อๆ " ฉันและกีต้าร์ กราบพ่อและแม่ ตามธรรมเนียมเข้าหอ อย่างปกติ ก่อนจะได้รับคำอวยพรจากพวกท่าน"พ่อแม่ ขอให้ลูกๆ ทั้งสองรักกันนานๆ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง ขอให้ชีวิตมีแต่ความสุข อย่าได้มีสิ่งใดมาทำให้พรากจากกันนะลูก""ขอบพระคุณค่ะ พ่อแม่"เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่พวกท่านจะเดินออกจากห้องไป และ ปิดประตูห้องหอ เป็นอันเสร็จพิธี "เฮ้อ! " ฉันถอนหายใจฟอดใหญ่ออกมา แต่ลืมนึกไปว่า ยังมีภูเขาลูกใหญ่ อยู่ตรงหน้าอยู่ และภูเขาลูกนี้ ดูท่าจะหนักอึ้งกว่าสิ่งใดบนโลกซะด้วย "กะ...กีต้าร์" "ว่าไง?" "นายจะยังไม่ทำอะไร ฉันใช่ไหม?" "ทำอะไร คือ?" "ก็แบบ...." ร่างใหญ่ ที่กำลังถอดชุดสูทแต่งงาน ถึงกับหลุดขำออกมา "ฮ่าๆๆ" จนท้องแทบแข็ง ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาฉันอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับลูบหัวฉันอย่างแผ่วเบา
ณ วันเกิดของ กีต้าร์ คลื่น~ คลื่น~ คลื่น~ !! "ฮัลโหล พักพิง" "คะ กีต้าร์ เตงอยู่ไหน?" เสียงเพลงและเสียงคนดังสนั่นผ่านมือถือเข้ามา จนแทบจะไม่ได้ยินเสียงพูดของคนปลายสาย ฉันทำได้เพียงแค่ขมวดคิ้ว และเอามือถือแนบหูฟังอย่างใจจดจ่อ "ผมอยู่กับพวกเพื่อนๆ มหาลัย ที่ร้านเหล้า วันนี้ อาจจะกลับประมาณ ไม่น่าเกิน 5 ทุ่มนะคับ" " 5 ทุ่มเลยเหรอ?" ฉันเปรยตามองเค้กวันเกิดที่อยู่บนโต๊ะอาหารอย่างน้อยใจ แต่เพราะฉันรักเขาไปแล้ว และวันนี้ก็วันเกิดของเขาด้วย ฉันเองก็ไม่อยากจะทะเลาะ อะไรที่ปล่อยผ่านได้ก็ควรทำ "ใช่ครับ พอดี วันเกิดน่ะ พอเพื่อนๆ รู้ว่าเป็นวันเกิดผม เขาก็ดึงผมมาเที่ยวด้วยเลย ขอโทษนะ ที่ต้องกลับดึก" "ไม่เป็นไรคับ เตง เที่ยวให้สนุกนะ เราโอเค" "ขอบคุณนะ ที่เข้าใจ" "อื้ม เที่ยวเผื่อเราด้วยนะ" "คับ" เมื่อวางสายจากเขา น้ำตาแห่งความน้อยใจของฉันก็ไหลพรากออกมาโดยไม่รู้ตัว นี่ฉันน้อยใจเขาขนาดนี้เลยเหร
นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขายอมกอดฉัน โดยที่ฉันไม่ได้ร้องขอ กีต้าร์นายจะรู้ไหม ว่าฉันดีใจขนาดไหน ที่นายยอมกอดฉัน เหมือนกับที่ฉันสัมผัสนาย "เราขอพรให้ พักพิงรักเรา และหายน้อยใจเราไง เราขอโทษนะ ที่เมื่อคืนผิดนัด พอดี เราเมามากไปหน่อย แต่ต่อไป เราจะปรับปรุงตัวนะคับ" โถ่!! หัวใจ แค่เขาขอโทษแค่นี้ ใจฉันก็บางจนไม่สามารถที่จะน้อยใจเขาต่อได้อีกแล้ว คนอะไร ทำให้ใจฉันบางได้ขนาดนี้นะ "พักพิง หันหน้ามาหน่อยได้ไหม?" ฉันหันหน้าไปหาเขาอย่างรวดเร็วราวกับถูกต้องมนต์สะกด ก่อนที่ริมฝีปากหนา จะเข้ามาประกบจูบฉันอย่างแผ่วเบา และค่อยๆ เริ่มดูดดื่มขึ้น "อื้ม" ฉันเริ่มรู้ตัวแล้ว ว่าครั้งนี้ ฉันอาจจะต้องให้ครั้งแรกกับเขาแล้วล่ะ เพราะในเมื่อเขาเริ่มเปิด และดูดดื่มขนาดนี้ มันก็คงเป็นอื่นไปไม่ได้อีกแล้ว "กีต้าร์?" "ขึ้นห้องกันนะคับ" "อื้ม!" บนห้องนอนของกีต้าร์ ที่สุดแสนจะหรูหรา เขาได้วางฉันลงบนเตียงใหญ่สีขาว ที่อบอุ่นไปด้วยไออุ่น ที่เขาพึ่งตื่นนอน ริ
"ตายจริง ล้มทั้งยืนเลยเหรอคะ?" "ตายแล้ว คุณพักพิง ทำไมไปนั่งที่พื้นแบบนี้ละคะ" ฉันแทบทรงตัวไม่อยู่ ร่างกายชาไปหมด มันขยับไปไหนไม่ได้เลย ทำได้เพียงนั่งจ้องหน้าชายตรงหน้า ที่ฉันรักสุดหัวใจ "อ๋อ นี่เหรอคะ ป้านายแม่บ้านของที่นี่ สวัสดีค่ะ หนูเป็นแฟน ของพี่กีต้าร์ ชื่อ เอมมี่ค่ะ " ป้านายรับไหว้ผู้หญิงคนนั้นอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะรีบมาประคองตัวฉันให้ลุกขึ้น "คุณพักพิงลุกขึ้นนะคะ เดี๋ยวป้าพากลับห้องค่ะ" "ค่ะ ป้านาย" ฉันพูดกับป้านายด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ก่อนจะมีเสียงทุ้มแทรกขึ้น "ทำไม รับไม่ได้เหรอ?" ฉันไม่ได้หันหลังกลับไปมองตามเสียงนั้น แต่กลับรีบเดินตรงไปยังบันไดอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากทนเห็น คนที่ฉันรักมีคนอื่นแทนฉัน "ในเมื่อนายก็มีคนอื่นแทนฉันแล้ว งั้นฉันคงไม่มีอะไรที่จะต้องอยู่ที่นี่อีก" "เธอว่าไงนะ พักพิง" เสียงทุ้มตะคอกถามฉันอย่างดุดัน จนฉันเองก็เริ่มกลัวเขาเข้าแล้วเหมือนกัน มือใหญ่พุ่งตัวมากระชากแขนฉันอย่างแรง จนฉันตัวเซ เพื่อให้หันไปมองหน้าเขา ที่กำลังเดือดดาลก
กลับสู่ปัจจุบัน บรรยายแบบ Third person บุรุษที่ 3."โอ๊ย!!!! ไอ้คัง เบาๆ สิว่ะ เจ็บไอ้สัส" "ดีนะ นี่แค่หัวแตก เขาไม่เอาโซ่ล่ามขามัดคอมึงตายก็บุญแล้ว" คังเพื่อนสนิทของชายหนุ่มช่วยประคบเย็นแก้บวมช้ำให้กับเขาอย่างหัวเสีย เพราะไม่ชอบใจที่ ชายหนุ่มนั้นจับตัวเมียเก่าของตนเข้ามาขังไว้ "ไอ้เพื่อนโง่ มึงเป็นโรคประสาทอะไรเนี่ย ไปจับยัยนั่นมาทำไม แล้วงี้ ลูกๆ มึงจะอยู่อย่างไงก่อน" "ช่างกูเถอะ แม่งเมียหอบลูกหนี ใครจะไปทนรับได้ว่ะ" "เฮอะๆ นี่มึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ว่ามึงผิดอะไร เป็นกู ถ้ากูเป็นยัยพักพิง กูก็ทำเหมือนกันแหละ ไอ้ชิบหาย" "ไอ้เวร มึงควรจะช่วยกู ไม่ใช่ซ้ำเติม" "นี่ ยัยพักพิง ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแฝดน้องมึงถูกรถชนเลยด้วยซ้ำ แล้วมึงก็ได้ทำร้ายจิตใจเขาซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า มึงคิดว่าเขาจะยอมให้อภัยมึงง่ายๆ เลยเหรอ ไอ้เวร" "ก็กูไม่รู้ไง" "ก็เขาก็ไม่รู้ว่าผิดอะไรเหมือนกัน มึงควรง้อเขาดีๆ ไม่ใช่จับตัวเขามาแบบนี้ มึงมันโคตรเห็นแก่ตัวเลย" "เออ กูมันเห็นแก่ตัวก็กูรักเขา กูไม่อ
ฉันยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เพื่อรอฟังคำตอบจากปากคนตัวใหญ่อย่างนิ่งเงียบ ก่อนที่เขาจะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าฉัน จับมือฉันขึ้นมาแนบแก้มขาวอย่างอ่อนโยน"พักพิง เรามามีลูกกันเถอะ ต่อไปนี้ เธอไม่ต้องกินยาคุมแล้วนะ เราจะมีลูกที่น่ารัก ๆ ด้วยกัน สัก 2 - 3 คน ดีไหม?"เมื่อเขาพูดจบ ฉันก็ฉีกยิ้มออกพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทั้งน้ำตาที่หลั่งไหลพรั่งพรูออกมากระทบจนเต็มแก้ม"ฮ่าาาาๆๆๆๆ"เพี้ยะ!ฉันตบหน้าเขาไป 1 ฉาก ให้กับความสกปรกโสโครกที่ฉันได้รับมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเขา อย่างเดือดดาล"พักพิง เธอตบฉันทำไม?""มึงต้องการให้กูมีลูก เพื่อที่มึงจะได้รั้งกู ให้อยู่กับมึงตลอดไปใช่ไหม เปียโน!"เขายืนขึ้น อย่างลนลาน ก่อนจะดึงมือฉันเข้าไปกุมไว้อีกครั้งแน่นหนา"มันไม่ใช่แบบนั้นนะ พักพิง ฟังเราก่อน""ปล่อยกู!"เสียงสั่นเครือของฉัน บ่งบอกชัดเจนแล้วว่า วันนี้ มันต้องจบ ไม่ว่า อะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม"พักพิง คือ แบบนี้นะ เราไม่ได
สถานกักกันหญิง"สวัสดีค่ะ ฉันมาพบ นักโทษที่ชื่อฟ้าค่ะ""กรุณา บอกชื่อ นามสกุลของ นักโทษด้วยค่ะ เป็นอะไรกับนักโทษคะ?"ฉันทำได้เพียงแต่ เงียบลง เพราะจำไม่ได้จริง ๆ ว่าเธอชื่ออะไร ก่อนจะ ดึงมือถือขึ้นมาเปิดรูปภาพของฟ้า ให้แก่ผู้คุมได้ดู"อ๋อ งั้นรับคิวแล้ว รอสัญญาณเรียกนะคะ วันนี้ ญาตินักโทษน้อย อาจจะใช้เวลาไม่นาน สามารถเข้าไปเยี่ยมได้ ไม่เกิน 40 นาทีนะคะ หากหมดเวลา จะมีสัญญาณเตือน""ขอบคุณค่ะ"ฉันนั่งรอคิวอยู่นานพอสมควร ก่อนที่เสียงเตือนให้เข้าพบ คุณฟ้า จะดังขึ้นติ๊ดดดดดดดดดดดดดด!"ญาตินักโทษ คิวต่อไป เชิญค่ะ"ฉันสูดหายใจเข้าเต็มปอด พร้อมกับต่อแถวเดินเข้าไป ยังห้องเยี่ยมนักโทษด้วยใจที่ลังเลแต่เมื่อคุณฟ้า ได้พบหน้าฉัน เธอก็สะดุ้งสุดตัว ก่อนจะลนลาน และหยิบโทรศัพท์ข้างม่านกระจกขึ้นมาแนบหูอย่างหวาดหวั่น"สวัสดีค่ะ ฟ้า"ม่านกระจกใส ทำให้เห็นถึงร่างกายที่ผอมบางของเธอ อย่างชัดเจน ราวกับว่า เธอยังไม่สามารถปรับตัวเข
อ้วก! อ้วก! อ้วก!"พักพิง เธอเป็นอะไรน่ะ ทำไมตื่นเช้ามา ก็อ้วกแบบนี้ ไม่สบายเหรอ ไปหาหมอไหม?""ไม่เป็นไร ฉันโอเค""แต่ เธอหน้าซีดมากเลยนะ""เดี๋ยวมันก็หาย นายไปทำงานเถอะ เดี๋ยวจะสายเอานะ""ไม่อ่ะ ถ้าเธอเป็นแบบนี้ เราหยุดงานดูแลเธอดีกว่า"คำพูดที่ดูห่วงใยตัวฉัน มันบ่งบอกถึงความใส่ใจที่เขามีให้ฉันมากมายเหลือเกิน แต่สำหรับฉันแล้ว ฉันคิดว่า มันก็เป็นแค่ เกมส์หลอกลวงเท่านั้นเมื่อกีต้าร์ฟื้นแล้ว สุดท้ายฉันก็ต้องออกไปจากบ้านหลังนี้อยู่ดี โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่เขาทำกับฉันในวันนี้ และวันผ่าน ๆ มา ฉันจะไม่ยอมให้ใจของฉันต้องอ่อนแอเพราะเขาอีกต่อไปแล้วกระทั่ง 1 อาทิตย์ ต่อมา"พักพิง เราออกไปทำธุระก่อนนะ อยากกินอะไรไหม?"คำพูดเดิม โทนเสียงเดิม บ่งบอกให้ฉันรับรู้ว่า เขาจะออกไปที่ไหน วันนี้ ฉันจึงเลือกที่จะตามเขาไป เพราะจะได้หายจากข้
ยัยโง่พักพิง ย่นคิ้วใส่ฉันอีกครั้งอย่างงวยงง เธอคงมีสงสัยฉันบางแหละ เพราะตอนเรียนมัธยม เราไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ช่วงพัก ฉันก็จะต้องไปอยู่กับพี่บอม"พักพิง แกจำฉันได้ไหม?""ใครอ่ะ?""ฉันไง ฟ้า ที่เรียนห้องเดียวกับแกอ่ะ""ฟ้า"ยัยนี่ขี้ลืม หรือ จำฉันไม่ได้จริง ๆ กันนะ ห่างจากเรียนมัธยมได้ไม่กี่ปีเองนะ ลืมฉันแล้วเหรอ ฉันน่ะ ฮอตจะตาย จะมาลืมกันแบบนี้ได้ไง"อ๋อ เราจำได้แล้ว ฟ้าที่หายไปช่วงเทอมสองใช่ป้ะ""อื้ม ใช่ ๆ "ในที่สุดก็จำฉันได้สักทีนะ ยัยนี่แอ๊บหรือเรื่องจริงกันแน่เนี่ย"เป็นไงบ้าง ทำไมถึงพึ่งมาหากันตอนนี้!""คือเรา"ฉันเหลือบตามองหน้าลูกสาวของฉันอย่างร้ายกาจ ก่อนจะเอ่ยออกมา ด้วยเสียงสั่นเครือ"ตอนนั้นเราท้องน่ะ เลยพักการเรียน"พักบ้าบออะไร ฉันเรียนจบม.6 แล้วยะ แค่เลี้ยงลูกไม่ได้เรียนต่อ มหาลัยแบบพวกแกเฉยๆ แหละ ถ้าฉันเร
ฉันสติแตก จนคลั่งออกมา วิ่งไปทุบร่างของไอ้กีต้าร์ที่นอนโคม่าอยู่ เพื่อให้มันตื่นมาช่วยฉัน แต่ที่ไหนได้ กีต้าร์มันกลับ นอนนิ่งเป็นผัก ราวกับรอความตายเพียงเท่านั้นณ โรงพัก"จ่า เอาตัวไปฝากขังได้เลย""คับ ท่าน"ฉันเอาแต่ เหม่อลอยน้ำตาซึมอยู่ตลอดเวลา ที่อยู่ในโรงพัก ก่อนจะเดินตามจ่าเข้าไปยังห้องขัง ที่เหม็นคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นของเสียจนอยากอ้วก"ทางผู้กองเขาไม่ให้ประกันตัวนะ พรุ่งนี้จะส่งตัวไปฝากขังที่เรือนจำใหญ่ เพื่อรอขึ้นศาล""สวัสดีค่ะ ฉันมาเยี่ยม คนที่ชื่อ พิงฟ้าค่ะ"เสียงนั่น คือเสียงของแม่กีต้าร์อย่างแน่นอน เพราะเมื่อเช้า ฉันได้ยินเสียงของท่านและได้เห็นหน้าพวกเขาแล้วด้วยฉันรีบลุกขึ้นยืน มองตามเสียงนั่นอย่างฉับพลัน ก่อนที่คนตัวใหญ่ จะเดินเข้ามาหาฉัน ที่ห้องฝากขัง"ฮึก! ปะ.....เปียโน""ฉันพา น้องพราวมาหา""อะไรนะ!"&nb
บรรยาย First person#พักพิงเมื่อฉันส่งพ่อแม่และน้องพราวขึ้นเครื่องไปอังกฤษแล้ว ฉันกับอี่ตาเปียโน ก็นั่งเงียบกันมาตลอดทาง ราวกับไม่มีสิ่งใดจะโต้ตอบกันอีกกระทั่ง เขาเริ่มเปิดพูดขึ้นมาก่อน"เออคือ!""ว่าไง?""พักพิง เธอมีความคิดเห็นอย่างไงกับน้องพราวเหรอ?""จริงๆ มันก็แปลกๆ นะ ที่อยู่ดีๆ พ่อแม่นายก็รับน้องพราวเป็นหลานซะงั้น ว่าแต่ ฟ้าเขาไปไหนเหรอ?"ร่างใหญ่ที่กำลังนั่งขับรถอยู่ทำท่าทางเลิ่กลั่กเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน พร้อมกับใช้มือลูบหัวฉันอย่างแผ่วเบา"เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยยัยพิง เฮ้ย! ยัยคนชื่อฟ้า คงอยากให้ลูกของเธอมีชีวิตที่ดีมั้ง""อ่อ แบบนี้เอง"ฉันรู้ดีว่าเขาโกหก แต่ฉันก็ยังทำตัวปกติ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันรู้สึกว่า เปียโนมีอะไรปิดบังฉันอยู่ราวกับไม่ต้องการให้ฉันรู้เรื่องนี้เป็นอันขาดเสียอ
3 ชั่วโมงผ่านไปในขณะที่ฉัน ไปรับลูกที่โรงเรียน คุณครูของน้องพราวก็เดินมาบอกฉัน ในทันที"คุณแม่น้องพริ้งพราวใช่ไหมคะ น้องพริ้งพราวตกบันไดค่ะ ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลแล้ว""อะไรนะคะ?"ฉันรู้สึกสับสนป่นมึนงง เพราะไม่มีใครโทรมาบอกฉันเลย ว่าน้องพราวเข้าโรงพยาบาล มันกลับเป็นฉันที่ต้องมารู้เองเสียอย่างนั้นฉันจึงรีบขับรถไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว พร้อมไปที่ห้องผ่าตัดอย่างรีบร้อน ก่อนจะเห็นพี่บอมนั่งถือแผ่นเอกสารสีขาวไว้ในมือแน่น ใบหน้าแดงก่ำ ราวกับเสียใจสุดขีด"พี่บอม ทำไมพี่ไม่โทรหาฟ้า รู้ไหมว่าฟ้าไปถึงโรงเรียนลูกแล้ว แต่ครูบอกว่า ลูกอยู่โรงพยาบาล ฟ้าเลยต้องรีบมาเลยเนี่ย รถก็ติด"ดวงตาแดงก่ำเหลือบมองฉันอย่างแค้นเคียด ก่อนจะยื่นเอกสารที่อยู่ในมือให้ฉันดู เมื่อฉันหยิบแผ่นเอกสารนั้นมาดู ขาฉันก็อ่อนแรงลงอย่างฉับพลันร่างกายที่แข็งแรงกลับสั่นหวั่นอย่างบอกไม่ถูก ทำอย่างไงดี พี่บอมรู้ความจริงแล้ว ฉันตายแน่ลูกฉันอีก ฉันไม่อยากลำบากนะ ฉันจะทำไงดี"กลับบ้านแล้ว เรามีเรื่องต้องคุยกัน พิงฟ้า"พี่บอมไม่เ
1 สัปดาห์ผ่านไป หลังพี่บอมรู้ว่าฉันตั้งท้องพี่บอมดูแลฉันเป็นอย่างดีมาตลอด จนฉันเองก็รู้สึกผิด ที่เผลอไปนอนกับคนอื่นเพราะประชดเขาแบบนั้น"นั่งเหม่ออีกละ นี่ยาบำรุง ผลไม้ และ อาหารเสริม ฉันเตรียมไว้ให้หมดแล้วนะ""ขอบคุณค่ะพี่บอม""ว่าแต่ ที่โรงเรียนเป็นอย่างไงบ้าง ไปมีเรื่องกับใครมา""ก็จะใครอ่ะ ไอ้กีต้าร์ไง ตั้งแต่มันออกโรงพยาบาลมา มันก็เปลี่ยนไป ดูดุดันน่ากลัว แถมตัวใหญ่ขึ้น""คะ? มันจะเป็นไปได้อย่างไง?""ก็ใช่สิ นี่ถ้าไม่เห็นว่า มันเป็นลูกคนเดียวของยัยแม่ค้าขายขนมนั่น ฉันคงคิดว่ามันมี ฝาแฝด"ฉันทำได้แค่ครุ่นคิด ถึงสิ่งที่พี่บอมเอ่ยบอก เพราะกีต้าร์เองก็ไม่ได้เล่าเรื่องราวของเขา ให้ฉันฟังเลยเหมือนกัน แถมวันที่ฉันอยู่โรงเรียนเป็นวันสุดท้ายฉันก็เห็นกีต้าร์แค่ผ่านๆ เพราะคิดว่า เขายังฟังคำสั่งฉัน ที่ฉันเคยสั่งเขาเอาไว้ว่าหากอยู่ โรงเรียนห้ามเรียกฉันว่าพิง และห้ามทำตัวสนิทกับฉันแต่จะว่าไป นี่ก็ผ่านมา 1 อาทิตย์แล้ว ถ้าเป็นกีต้าร์จริงๆ เขาก็ต้องโทรหาฉันแล
บรรยาย First person#พิงฟ้าในสายตาคนอื่นฉันคงจะเป็นตัวร้ายมากเลยสินะ ก็ใช่อย่างที่พวกคุณคิดนั่นแหละ ฉันมันร้ายกาจ มีผัวทีเดียว 2 คน ในสมัยเรียนฉันคบซ้อนกีต้าร์กับพี่บอมมาตลอด โดยไม่ให้พี่บอมรู้และทำเป็นหลับหูหลับตาไป ตอนที่กีต้าร์ถูกรังแกที่ฉันคบพี่บอมออกหน้าออกตา เพราะเราคบกันมานาน แถมบ้านพี่บอมก็เป็นคนมีฐานะ อีกอย่างเวลาฉันควงพี่บอมไปไหน ก็จะเป็นจุดสนใจของคนอื่นเสมอ โดยที่ฉันไม่ต้องทำอะไรเลยส่วนกีต้าร์ ถ้าจะให้พูดในมุมมองของฉันคือเขาเป็นคนดีมาก ดีชนิดที่ว่า ดีจนฉันอิจฉา ถึงแม้จะรู้ดี ว่าไม่ควรทำแบบนี้กับเขา แต่ฉันก็ยังจะทำและที่ฉันมีอะไรกับกีต้าร์ ก็เพราะฉันเมาและเผลอไปข่มขืนเขาเอง เพราะเสียใจที่พี่บอมมันไปมีคนอื่น และพอเจอใบหน้าหล่อๆ ของกีต้าร์เข้าไป ใจมันก็บางลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เพราะความลับมันจะต้องอยู่กับเราทั้งคู่ตลอดไปฉันจึงหลอกใช้ความไร้เดียงสาของเขาให้เป็นประโยชน์ เพื่อให้เราทั้ง 3 คนยังไปต่อด้วยกันได้ ฉันยอมรับเลยว่าตลอดเวลาที่คบกับกีต้าร์มา