“ไม่เคยใช้ และไม่อยากใช้สักนิด” มะเฟืองก้มหน้ากัดฟันตอบเสียงลอดไรฟัน ไม่ยอมเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่บนขอบอ่าง เธอเกลียดเขา เกลียดคนดูถูกคน คิดว่าตัวเองเพียบพร้อมแล้วจะมากล่าววาจาดูถูกคนอื่นยังไงก็ได้เหรอ
“ไม่อยากใช้ก็ต้องได้ใช้” การุณย์บอกเสียงยั่วยวนกวนประสาท
“ออกไป” เสียงสั่นน้อยๆออกคำสั่งเบาๆ หากคนได้ยินเพียงยักไหล่และนั่งอยู่ที่เดิมต่อไป กระทั่งน้ำในอ่างได้ระดับที่พอใจ การุณย์จึงเอื้อมมือปิดก๊อกน้ำ เขาลุกขึ้นยืนกอดอกแล้วถอยไปยืนพิงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า สายตาคมปลาบจับจ้องร่างสาวเขม็ง
“อาบน้ำได้แล้วมะเฟือง ถ้าเธอเรื่องมากโยกโย้ ฉันจะลงไปอาบให้เธอเอง” มะเฟืองเบี่ยงหน้ากลับมามองคนขู่ด้วยสายตาเอาเรื่อง ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นด้วยความคับแค้นใจที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ การุณย์ยิ้มมุมปาก เลิกคิ้วเข้มข้างหนึ่ง และทำท่ายึกยักเหมือนจะเดินเข้าหา
“อาบแล้วๆ” มะเฟืองรีบบอกปากคอสั่น กลัวว่าเขาจะกระโจนลงมาอาบน้ำให้จริงๆ หญิงสาววักน้ำขึ้นมาล้างหน้า ลูบมือไปตามเนื้อตัวอย่างรวดเร็ว
“ถูสบู่หน่อยมะเฟือง ตัวจะได้หอมๆ” การุณย์นั่งลงตรงขอบอ่างที่เดิม พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย เขาบีบครีมอาบน้ำใส่ฝ่ามือแล้วลูบบ่าบอบบางเบาๆ มะเฟืองสะดุ้งสุดตัว เธอขยับหนีไปอีกด้านของอ่าง หญิงสาวกอดตัวเองไว้แน่น สายตาวาววามมองหน้าคนที่จงใจล่วงเกินตัวเอง
“ฉันอาบเองได้”
“แต่ฉันอยากอาบให้เธอ”
“ไม่ต้อง ออกไป” มะเฟืองบอกเสียงหนักแน่น ทั้งหน้าตาและน้ำเสียงบ่งบอกความไม่พอใจอย่างยิ่งยวด
“จุ๊ๆ อย่าไล่เจ้าชีวิตพี่ชายของเธอแบบนี้สิ เรามาตกลงอะไรกันหน่อยดีไหมสาวน้อย” การุณย์จ้องใบหน้าบูดบึ้งของมะเฟือง แล้วยิ้มน้อยๆอย่างอารมณ์ดี เขาจุ่มมือข้างหนึ่งลงในน้ำแกว่งไปมาเบาๆ
“เสี่ยไม่ใช่เจ้าชีวิตพี่ไฟ และฉันไม่มีอะไรจะลงตกกับเสี่ย ออกไป...” มะเฟืองกัดฟันแน่น สายตาของเธอดั่งจะแผดเผาคนตรงหน้าให้มอดไหม้ ไอ้เสี่ยบ้ากาม ทั้งๆที่เธอเป็นเพื่อนลูกสาวแท้ๆ เขายังกล้ามานั่งมองเธอโป๊อยู่ได้ จิตใจต่ำตมโสมมที่สุด
การุณย์ยิ้มมุมปาก ดวงตาคู่คมเป็นประกายกล้าท้าทายอย่างผู้ที่เหนือกว่า เขาจุ่มมืออีกข้างลงในอ่าง ถูมือทั้งสองล้างอย่างใจเย็น
“ฉันให้มีข้อเสนอดีๆ และมีเวลาให้เธอตัดสินใจสิบนาที” ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนช้าๆ มะเฟืองมองการเคลื่อนไหวของเขาอย่างระแวดระวัง
“การทำให้ใครสักคนหายไปบนภูอย่างไร้ร่องรอยไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉัน” มะเฟืองเบิกตากว้าง จ้องหน้าคนพูดด้วยความตกใจ เธอรู้ว่าเสี่ยเจ๋งหมายถึงอะไรและหมายถึงใคร
“อย่าทำอะไรพี่ไฟนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ”
“เธอนี่มันสาวน้อยโลกสวยของแท้จริงๆ ก็ในเมื่อฉันบอกว่าใครสักคนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย นั่นหมายความว่า จะไม่มีใครหาเขาเจอ แม้แต่ตำรวจก็จะไม่พบร่องรอยใดๆ”
“คนเลว” มะเฟืองกัดฟันกำมือแน่นด้วยความเคียดแค้น เธอรู้ดีพอๆกับเสี่ยเจ๋งรู้ว่าบนเทือกเขาสลับซับซ้อนนั้นกลืนกินชีวิตชาวบ้านไปหลายคนแล้ว หลายชีวิตจากไปทั้งจากภัยธรรมชาติและจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเองเข่นฆ่าแล้วนำศพไปซุกซ่อนกลบเกลื่อนความผิด หลายคนหายไปนาน กว่าจะตามพบก็กลายเป็นศพก็เน่าเปื่อยจนไม่เหลือสภาพที่บ่งชี้ได้ว่าเป็นใคร บางคนหายสาบสูญไปไม่มีใครพบศพจนกระทั่งวันนี้
“ชีวิตมันก็ต้องแลกด้วยชีวิต เธอว่าไหม” การุณย์กอดอกมองหน้าสาวน้อยร่างเปลือยในอ่าง
“เสี่ยต้องการอะไร” รอยยิ้มพึงพอใจระบายบนใบหน้าคมเข้ม เมื่อได้ยินคำถามจากปากน่าจูบ
“หากฉันตามจับตัวพี่ชายได้ ซึ่งก็คงอีกไม่นาน ฉันจะไม่ฆ่ามันก็ได้ แต่...” การุณย์เว้นช่วงประโยคไว้ เขายิ้มร้ายกาจ มองหน้าคนรอฟังที่ซีดเข้าไปทุกที ก่อนเอ่ยปากพูดประโยคต่อมาที่ทำให้มะเฟืองต้องเงยหน้ามองเขาด้วยความโกรธและเกลียดมากขึ้นไปอีกร้อยเท่าพันเท่า
“แต่...เธอต้องมาเป็นอีตัวบนเตียงของฉัน” มะเฟืองกำมือแน่น โกรธจนร่างกายสั่นเทิ้ม สาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยโกรธใครเท่านี้ ไม่เคยคิดอยากจะฆ่าใครเท่าเขามาก่อน แต่มะเฟืองก็ต้องข่มความโกรธไว้ เธอถอนหายใจเบาๆ นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจถามคนที่ยื่นข้อเสนอบัดซบมาต่อรองกับคนไม่มีทางเลือกอย่างเธอ
“อีตัวบนเตียง...นานแค่ไหน” การุณย์ยิ้มไร้ความหมาย เขาลดมือลงล้วงกระเป๋าสองข้างด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนตอบคำถามคนจนตรอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“จนกว่าฉันจะพอใจ”
3 รักน้องต้องหนีพ่อ
สายฝนที่ตกหนักตลอดทั้งสัปดาห์ทำให้ทั่วทุกพื้นที่บนภูสูงชุ่มฉ่ำ พื้นดินแดงเฉอะแฉะกลายเป็นโคลนตม แม้ล่วงเลยมาหลายวันแล้ว สายฝนบรรเทาเบาบางลงแต่ฝนละอองก็ยังคงโปรยปรายอยู่ หมอกสีขาวที่โอบล้อมภูสูงไว้ดั่งม่านอำพรางกระท่อมน้อยท้ายหมู่บ้านมิให้ผู้ใดหาเจอ
“พี่ไฟ ตัวจิ๋วหนาว” กรุณานั่งอยู่บนที่นอนที่มีเพียงเสื่อผืนเก่าปูบนพื้นไม้ไผ่ หญิงสาวห่มตัวเองด้วยผ้าห่มสีเทาหม่นผืนบางที่มีกลิ่นไม่โสภาเท่าไรนัก ทว่าก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเลย เพราะอากาศหนาวที่มาพร้อมกับสายฝนนั้นหนาวเหน็บจนถึงกระดูกทีเดียว
“ชาร้อนอีกสักถ้วยไหม” มะไฟนั่งอยู่ส่วนที่ต่อเติมออกจากตัวกระท่อมสำหรับตั้งเตาไฟและทำครัว เขามองคนขี้หนาวอย่างเห็นใจ ชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำผู้กรำงานไร่งานสวนทำงานหนักมาตั้งแต่ยังเด็กยังรู้สึกหนาวสั่นเลย นับประสาอะไรกับคุณหนูลูกสาวเสี่ยเจ๋งผู้ไม่เคยตกระกำลำบาก เธอคงหนาวมากกว่าเขาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า กรุณาส่ายหน้า หญิงสาวกระชับผ้าห่มผืนน้อยให้แน่นขึ้นอีก ดวงตากลมโตมองผ่านหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย เธอมองเห็นเพียงสีขาวปกคลุมอยู่ด้านนอก กรุณาหันกลับมามองคนที่นั่งจ้องมองเธออยู่แล้วยิ้มบาง “ตัวจิ๋วอยากกลับบ้านไหม” มะไฟเห็นท่าทางเบื่อๆของคนที่ฉุดเขามาจากบ้าน จึงเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ...ที่จริงกรุณาไม่ได้ออกแรงฉุดกระชากเขามาหรอก เธอบอกเพียงว่าเสี่ยเจ๋งบังคับเธอให้แต่งงานกับลูกชายของเพื่อน ซึ่งเธอไม่อยากแต่ง และหากเธอต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ชีวิตเธอก็คงเหมือนตก
เช้าวันต่อมาแสงสีทองทาบทับจับขอบฟ้า เป็นแสงตะวันแรกที่อาบไล้ยอดภูหลังจากท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆฝนมาหลายวัน กรุณาขยับตัวเข้าหาไออุ่นที่อิงแอบแนบนอนมาทั้งคืน แก้มนุ่มเบียดชิดอยู่กับซอกคอแกร่ง มือข้างหนึ่งวางแหมะอยู่บนแผ่นอกกำยำน่าลูบไล้ เจ้าของท่อนแขนที่เธออาศัยหนุนนอนกอดกระชับร่างเธอแน่นขึ้นอีกนิด สายตาคู่คมจับจ้องใบหน้าสาวที่ยังคงหลับตาพริ้มราวกับเด็กน้อยที่ยังหลงวนอยู่ในห้วงฝันแสนหวาน “ตื่นได้แล้วคนขี้เซา” มะไฟปลุกคนในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เนื้อตัวนุ่มนิ่มกำลังจะทำให้เขาตบะแตก ทว่าแม่คนขี้อ่อยแบบไม่รู้ตัวว่าอ่อยกลับไม่มีท่าทีว่าจะตื่น มิหนำซ้ำเธอยังเบียดอกอวบภายใต้เสื้อยืดบางๆแนบไปกับสีข้างของเขาได้อย่างน่าหวั่นใจ “ตัวจิ๋ว ตื่นได้แล้ว” มะไฟรวบรวมสมาธิเรียกหญิงสาวอีกครั้ง กรุณาปรือตาขึ้นช้าๆ คลี่ยิ้มให้เขา มะไฟใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง คิดว่าเธอคงจะตื่นแ
กรุณาจ่ายเงินให้ชายชราเจ้าของรถจำนวนหนึ่ง เป็นสินน้ำใจที่เขายอมให้ติดรถกระบะคันผุพังขึ้นมาที่หมู่บ้านด้วย ระหว่างการเดินทางก็ไต่ถามเรื่องที่พักว่าพอจะมีให้เช่าหรือร่วมอาศัยด้วยไหม ชายชราจึงเอ่ยปากให้ยกกระท่อมท้ายหมู่บ้านหลังนี้ให้อยู่ มันเป็นกระท่อมหลังเดิมที่เขาเคยอาศัย ก่อนจะย้ายไปอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้ที่อยู่ในหมู่บ้าน โชคดีของสองหนุ่มสาวที่กระท่อมหลังนี้มีข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นอยู่เกือบครบ แม้จะเก่าแต่มันยังใช้งานได้ก็ถือว่าโอเคพื้นที่ที่ชาวบ้านอยู่อาศัยหรือถางป่าเพื่อทำกินไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ ใครจะอยู่ตรงไหนจะยกให้ใครเพียงแค่เอ่ยปากบอกกันให้รับรู้ก็พอ ชาวบ้านอยู่กันอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ทำลายไม่ทำร้าย ทำการเกษตรปลูกผักเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูไปตามประสา ทำแค่พออยู่พอกิน แต่ก็มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันหาของป่า แล้วรวบรวมฝากกันลงไปขายให้พ่อค้าในหมู่บ้านที่ตีนภู เพื่อจะหาเงินซื้อข้าวสารอาหารแห้งมาตุนไว้ และเก็บไว้ใช้ยามจำเป็นหมู่บ้านนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ อยู่ในหุบเขาสลับซับซ้อน การเด
“พี่ไฟคิดถึงมะเฟืองหรือจ๊ะ”ไม่ใช่ว่าจะไม่นึกถึงเพื่อนกรุณาเองก็เป็นห่วงมะเฟืองอยู่เหมือนกัน แต่เธอมั่นใจว่าแม้พี่ชายไม่อยู่ด้วย มะเฟืองสามารถเอาตัวรอดได้ แม้เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่เธอก็เชื่อว่ามะเฟืองต้องเข้าใจเธอกับพี่ชายแน่นอน“ป่านนี้มะเฟืองคงเป็นห่วงเราแย่แล้วไม่รู้ว่าเสี่ยเจ๋งจะทำอะไรมะเฟืองหรือเปล่า”“ป๊าไม่ใช่คนแบบนั้นป๊าไม่ไปยุ่งกับมะเฟืองหรอกพี่ไฟอย่ากังวลไปเลย”กรุณาเอื้อมมือไปแตะมือที่กำมีดปลายแหลมอยู่เบาๆมะไฟเงยหน้ายิ้มให้หญิงสาว “ทำรางน้ำเสร็จแล้ว พี่จะพาไปดูลำธาร อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง”มะไฟบอกเล่าเรียบเรื่อยเขาพยายามทำสีหน้าให้ปกติที่สุดเพราะไม่อยากให้กรุณาเป็นกังวลใจไปกับเขาเสี่ยเจ๋งใจดีกับลูกสาวทั้งรักทั้งหวงไม่แปลกที่กรุณาจะมองเห็นแต่ด้านดีของผู้เป็นพ่อแต่คนนอกอย่างเขารู้
“พี่ไฟขี้โกง ลงไปเล่นน้ำก่อนตัวจิ๋ว” เสียงงุ้งงิ้งดังมาก่อนเจ้าตัวจะทันได้เดินมาถึงริมลำธารเสียอีก มะไฟมองไปยังต้นเสียง ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นคนตัวเล็กหอบเสื้อผ้าก้าวเร็วๆเข้ามาใกล้“วางเสื้อผ้าไว้บนโขดหินตรงนั้นก่อน”กรุณารีบตามที่เขาบอก พอวางเสื้อผ้าเสร็จแล้วหันกลับไปมองคนที่ลงเล่นน้ำก่อนเธอ เขาก็ดำผุดดำว่ายอยู่กลางลำธารแล้ว คนขี้โกง!ร่างอรชรสมส่วนถูกพรางไว้ด้วยผ้าถุงโป่งพองที่ตัดเย็บโดยมียางยืดรัดเหนืออกและยาวถึงครึ่งแข้ง ผมยาวถึงกลางหลังถูกปล่อยสยาย เหนือยางรัดผ้าถุงขึ้นไปเผยผิวเนื้อเนียนขาวผ่องกระจ่างตาอย่างคนที่ไม่เคยต้องแดดต้องลม กรุณาก้าวเท้าลงไปยังลำธาร พาตัวเองขึ้นไปนั่งบนแผ่นหิน หย่อนขาลงในลำน้ำ หญิงสาวหันหน้าไปทางคนขี้โกงที่กำลังจ้วงแขนว่ายน้ำอยู่ไม่ไกล“สบู่กับแชมพูอยู่นี่นะพี่ไฟ อย่าเล่นน้ำจนลืมถูสบู่สระผมล่ะ” กรุณาตะโกนบอกเขาด้วยน้ำเสียงกวนๆกึ่งดุ“คร้าบ แม่...” มะไฟตอบรับเสียงดังฟังชัด ก
มะไฟตาพร่าไปกับยิ้มหวานละลายใจของคนในอ้อมแขน อดใจไม่ไหวที่จะกดจมูกลงบนแก้มเนียนอีกครั้ง กรุณาเบี่ยงหน้าหนีด้วยท่าทางเขินอาย ปลายจมูกของคนอยากหอมแก้มสาวจึงกดลงบนลำคอระหงแทน “พาตัวจิ๋วขึ้นฝั่งเถอะ หิวแล้ว” กรุณาบอกโดยไม่ยอมมองหน้าคนที่อุ้มตัวเองอยู่ มะไฟกดจมูกบนลำคอสาวแล้วสูดกลิ่นหอมดังฟอด แล้วรีบตัดใจไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้น “อืม...พี่ก็หิวแล้วเหมือนกัน กลับไปกินมาม่าอืดของเรากันเถอะ” กรุณาหัวเราะคิก มะไฟยิ้มบาง กระชับวงแขนอุ้มหญิงสาว แล้วพาเธอเดินไปยังแผ่นหินเดิม มะไฟส่งหญิงสาวขึ้นไปนั่งบนโขดหิน แล้วบอกให้เธอไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังต้นไม้เดิม ส่วนเขาขอล้างตัวอีกสักหน่อย ต่อเมื่อกรุณาสวมเสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว แล
มะเฟืองถอนหายใจอย่างโล่งอก เอนตัวลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนจดคอ ความอ่อนล้าโรยแรงเพราะนอนไม่พอมาหลายคืนทำให้เพียงแค่หลับตาลงไม่ถึงสามนาที หญิงสาวก็หลับลึกหลับสนิท ไม่รับรู้เลยว่าประตูห้องถูกมือดีเปิดออกและเขาก็ก้าวเข้ามาหยุดยืนจ้องมองหน้าเธออยู่ข้างเตียงแล้วการุณย์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด อุตส่าห์ยืดเวลา ให้โอกาสพี่ชายของเธอแล้ว แต่ไอ้คนไม่เจียมกะลาหัวก็ยังไม่ยอมพาลูกสาวเขากลับมาคืน บางทีก็โอกาสที่เขาหยิบยื่นให้ก็ควรหมดอายุได้แล้ว“มะเฟือง มะเฟืองเอ๊ย!” คนที่เพิ่งนอนไปไม่ถึงชั่วโมงค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนปลุก เมื่อเห็นว่าเป็นป้าประไพ มะเฟืองจึงหลับตาลงอีกครั้ง“มะเฟืองขอนอนต่ออีกสักนิดนะจ๊ะป้า”“ไม่ได้หรอก เสี่ยบอกให้ป้ามาปลุกเอ็งลงไปทำงาน รีบๆอาบน้ำแต่งตัวลงไปข้างล่าง หรือเอ็งจะรอให้เสี่ยขึ้นมาปลุก” ป้าประไพบอกแล้วป้าประไพเดินออกจากห้องไป ชื่อของการุณย์ทำให้หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง ปลดปมผ้าถุงออก ดึง
“เห็นพี่เชิดบอกว่าเสี่ยให้พามะเฟืองไปทำงานที่โรงทำอิฐบล็อก”“อ๋อ! ได้จ้ะ ไม่มีปัญหา มะเฟืองทำงานหนักได้ทุกอย่างแหละ”“ดีแล้วล่ะ ทำตัวว่าง่ายๆ ช่วยงานเสี่ยเขาตามที่เขาบอก เขาจะได้เอ็นดู จะได้อยู่กันไปนานๆ” ป้าประไพที่กำลังเตรียมกาแฟไปเสิร์ฟให้การุณย์บอกอย่างหวังดี“ตกลงเอ็งมาเป็นตัวประกัน มาเป็นคนงาน หรือมาเป็นเล็กเป็นน้อยของเสี่ยกันแน่วะมะเฟือง” เหมียวถามตรงๆ เพราะเธอสงสัยมาตั้งแต่เสี่ยยอมให้มะเฟืองนอนพักอยู่บนบ้านแล้ว“มะเฟืองจะไปทำงานตามที่เสี่ยสั่งแล้ว ต้องไปถามพี่เชิดใช่ไหมจ๊ะว่าต้องทำอะไรบ้าง” ป้าประไพมองเหมียวด้วยสายตาปรามอยู่ในที“ไอ้เชิดมันคงรออยู่หน้าบ้าน รีบไปเถอะ ตอนกลางวันก็กินข้าวที่โรงครัวเลยนะ จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาให้เหนื่อย เลิกงานแล้วค่อยกลับมา ป้าจะทำกับข้าวไว้เผื่อ”“จ้ะ ขอบคุณนะจ๊ะป้า มะเฟืองไปก่อนนะจ๊ะ”เหมียวมองตามร่างบอบบางเดินออกจ
“เอ่อ...คนงานนึกว่าเสี่ยจะให้มะเฟืองไปทำงานที่ท้ายไร่เลยไม่ได้สนใจ แต่ผมตามไปดูแล้ว ทางนั้นใช้เดินขึ้นภูได้ มะเฟืองอาจจะเดินขึ้นภูไปหาพี่ชาย”“มันจะขึ้นไปบนภูได้ยังไง สะพานขาดแบบนั้น ถ้ามันจะไปจริงๆก็ต้องอ้อมเขาอีกตั้งสองลูก หรือมันจะไปทางนั้นจริงๆวะ” การุณย์มีสีหน้าครุ่นคิด ยายเด็กนั่นอาจจะใจเด็ดกว่าที่เขาคิด เธออาจจะเสี่ยงเดินขึ้นเขาไปหาพี่ชายจริงๆก็ได้“ไปตามคนมาสักสิบคน ให้ช่วยกันออกตามจับตัวมะเฟืองกลับมาให้ได้ ถ้าเอาตัวกลับมาไม่ได้ พวกมึงไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้า” การุณย์ขบกรามแน่น ดวงตาคู่คมดุดัน เขาพอเดาความคิดของหญิงสาวออก นี่คงคิดว่าถ้าหนีขึ้นภูไปอยู่กับพี่ชายแล้วจะปลอดภัยด้วยกันทั้งคู่เหรอ หึ! อย่าหวังเลยว่าจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของเขาไปได้ ใครที่กล้าลูบคมเสี่ยเจ๋ง มันไม่เคยตายดีสักคนหรอกมะเฟืองหอบหายใจแรงเพราะวิ่งมาไกล หญิงสาวหยุดชะงักอยู่ริมลำน้ำ สายตาผิดหวังมองสะพานข้ามลำน้ำที่บัดนี้ถูกน้ำป่าพัดจนพัง ไม่ส
“เห็นพี่เชิดบอกว่าเสี่ยให้พามะเฟืองไปทำงานที่โรงทำอิฐบล็อก”“อ๋อ! ได้จ้ะ ไม่มีปัญหา มะเฟืองทำงานหนักได้ทุกอย่างแหละ”“ดีแล้วล่ะ ทำตัวว่าง่ายๆ ช่วยงานเสี่ยเขาตามที่เขาบอก เขาจะได้เอ็นดู จะได้อยู่กันไปนานๆ” ป้าประไพที่กำลังเตรียมกาแฟไปเสิร์ฟให้การุณย์บอกอย่างหวังดี“ตกลงเอ็งมาเป็นตัวประกัน มาเป็นคนงาน หรือมาเป็นเล็กเป็นน้อยของเสี่ยกันแน่วะมะเฟือง” เหมียวถามตรงๆ เพราะเธอสงสัยมาตั้งแต่เสี่ยยอมให้มะเฟืองนอนพักอยู่บนบ้านแล้ว“มะเฟืองจะไปทำงานตามที่เสี่ยสั่งแล้ว ต้องไปถามพี่เชิดใช่ไหมจ๊ะว่าต้องทำอะไรบ้าง” ป้าประไพมองเหมียวด้วยสายตาปรามอยู่ในที“ไอ้เชิดมันคงรออยู่หน้าบ้าน รีบไปเถอะ ตอนกลางวันก็กินข้าวที่โรงครัวเลยนะ จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาให้เหนื่อย เลิกงานแล้วค่อยกลับมา ป้าจะทำกับข้าวไว้เผื่อ”“จ้ะ ขอบคุณนะจ๊ะป้า มะเฟืองไปก่อนนะจ๊ะ”เหมียวมองตามร่างบอบบางเดินออกจ
มะเฟืองถอนหายใจอย่างโล่งอก เอนตัวลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนจดคอ ความอ่อนล้าโรยแรงเพราะนอนไม่พอมาหลายคืนทำให้เพียงแค่หลับตาลงไม่ถึงสามนาที หญิงสาวก็หลับลึกหลับสนิท ไม่รับรู้เลยว่าประตูห้องถูกมือดีเปิดออกและเขาก็ก้าวเข้ามาหยุดยืนจ้องมองหน้าเธออยู่ข้างเตียงแล้วการุณย์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด อุตส่าห์ยืดเวลา ให้โอกาสพี่ชายของเธอแล้ว แต่ไอ้คนไม่เจียมกะลาหัวก็ยังไม่ยอมพาลูกสาวเขากลับมาคืน บางทีก็โอกาสที่เขาหยิบยื่นให้ก็ควรหมดอายุได้แล้ว“มะเฟือง มะเฟืองเอ๊ย!” คนที่เพิ่งนอนไปไม่ถึงชั่วโมงค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนปลุก เมื่อเห็นว่าเป็นป้าประไพ มะเฟืองจึงหลับตาลงอีกครั้ง“มะเฟืองขอนอนต่ออีกสักนิดนะจ๊ะป้า”“ไม่ได้หรอก เสี่ยบอกให้ป้ามาปลุกเอ็งลงไปทำงาน รีบๆอาบน้ำแต่งตัวลงไปข้างล่าง หรือเอ็งจะรอให้เสี่ยขึ้นมาปลุก” ป้าประไพบอกแล้วป้าประไพเดินออกจากห้องไป ชื่อของการุณย์ทำให้หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง ปลดปมผ้าถุงออก ดึง
มะไฟตาพร่าไปกับยิ้มหวานละลายใจของคนในอ้อมแขน อดใจไม่ไหวที่จะกดจมูกลงบนแก้มเนียนอีกครั้ง กรุณาเบี่ยงหน้าหนีด้วยท่าทางเขินอาย ปลายจมูกของคนอยากหอมแก้มสาวจึงกดลงบนลำคอระหงแทน “พาตัวจิ๋วขึ้นฝั่งเถอะ หิวแล้ว” กรุณาบอกโดยไม่ยอมมองหน้าคนที่อุ้มตัวเองอยู่ มะไฟกดจมูกบนลำคอสาวแล้วสูดกลิ่นหอมดังฟอด แล้วรีบตัดใจไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้น “อืม...พี่ก็หิวแล้วเหมือนกัน กลับไปกินมาม่าอืดของเรากันเถอะ” กรุณาหัวเราะคิก มะไฟยิ้มบาง กระชับวงแขนอุ้มหญิงสาว แล้วพาเธอเดินไปยังแผ่นหินเดิม มะไฟส่งหญิงสาวขึ้นไปนั่งบนโขดหิน แล้วบอกให้เธอไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังต้นไม้เดิม ส่วนเขาขอล้างตัวอีกสักหน่อย ต่อเมื่อกรุณาสวมเสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว แล
“พี่ไฟขี้โกง ลงไปเล่นน้ำก่อนตัวจิ๋ว” เสียงงุ้งงิ้งดังมาก่อนเจ้าตัวจะทันได้เดินมาถึงริมลำธารเสียอีก มะไฟมองไปยังต้นเสียง ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นคนตัวเล็กหอบเสื้อผ้าก้าวเร็วๆเข้ามาใกล้“วางเสื้อผ้าไว้บนโขดหินตรงนั้นก่อน”กรุณารีบตามที่เขาบอก พอวางเสื้อผ้าเสร็จแล้วหันกลับไปมองคนที่ลงเล่นน้ำก่อนเธอ เขาก็ดำผุดดำว่ายอยู่กลางลำธารแล้ว คนขี้โกง!ร่างอรชรสมส่วนถูกพรางไว้ด้วยผ้าถุงโป่งพองที่ตัดเย็บโดยมียางยืดรัดเหนืออกและยาวถึงครึ่งแข้ง ผมยาวถึงกลางหลังถูกปล่อยสยาย เหนือยางรัดผ้าถุงขึ้นไปเผยผิวเนื้อเนียนขาวผ่องกระจ่างตาอย่างคนที่ไม่เคยต้องแดดต้องลม กรุณาก้าวเท้าลงไปยังลำธาร พาตัวเองขึ้นไปนั่งบนแผ่นหิน หย่อนขาลงในลำน้ำ หญิงสาวหันหน้าไปทางคนขี้โกงที่กำลังจ้วงแขนว่ายน้ำอยู่ไม่ไกล“สบู่กับแชมพูอยู่นี่นะพี่ไฟ อย่าเล่นน้ำจนลืมถูสบู่สระผมล่ะ” กรุณาตะโกนบอกเขาด้วยน้ำเสียงกวนๆกึ่งดุ“คร้าบ แม่...” มะไฟตอบรับเสียงดังฟังชัด ก
“พี่ไฟคิดถึงมะเฟืองหรือจ๊ะ”ไม่ใช่ว่าจะไม่นึกถึงเพื่อนกรุณาเองก็เป็นห่วงมะเฟืองอยู่เหมือนกัน แต่เธอมั่นใจว่าแม้พี่ชายไม่อยู่ด้วย มะเฟืองสามารถเอาตัวรอดได้ แม้เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่เธอก็เชื่อว่ามะเฟืองต้องเข้าใจเธอกับพี่ชายแน่นอน“ป่านนี้มะเฟืองคงเป็นห่วงเราแย่แล้วไม่รู้ว่าเสี่ยเจ๋งจะทำอะไรมะเฟืองหรือเปล่า”“ป๊าไม่ใช่คนแบบนั้นป๊าไม่ไปยุ่งกับมะเฟืองหรอกพี่ไฟอย่ากังวลไปเลย”กรุณาเอื้อมมือไปแตะมือที่กำมีดปลายแหลมอยู่เบาๆมะไฟเงยหน้ายิ้มให้หญิงสาว “ทำรางน้ำเสร็จแล้ว พี่จะพาไปดูลำธาร อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง”มะไฟบอกเล่าเรียบเรื่อยเขาพยายามทำสีหน้าให้ปกติที่สุดเพราะไม่อยากให้กรุณาเป็นกังวลใจไปกับเขาเสี่ยเจ๋งใจดีกับลูกสาวทั้งรักทั้งหวงไม่แปลกที่กรุณาจะมองเห็นแต่ด้านดีของผู้เป็นพ่อแต่คนนอกอย่างเขารู้
กรุณาจ่ายเงินให้ชายชราเจ้าของรถจำนวนหนึ่ง เป็นสินน้ำใจที่เขายอมให้ติดรถกระบะคันผุพังขึ้นมาที่หมู่บ้านด้วย ระหว่างการเดินทางก็ไต่ถามเรื่องที่พักว่าพอจะมีให้เช่าหรือร่วมอาศัยด้วยไหม ชายชราจึงเอ่ยปากให้ยกกระท่อมท้ายหมู่บ้านหลังนี้ให้อยู่ มันเป็นกระท่อมหลังเดิมที่เขาเคยอาศัย ก่อนจะย้ายไปอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้ที่อยู่ในหมู่บ้าน โชคดีของสองหนุ่มสาวที่กระท่อมหลังนี้มีข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นอยู่เกือบครบ แม้จะเก่าแต่มันยังใช้งานได้ก็ถือว่าโอเคพื้นที่ที่ชาวบ้านอยู่อาศัยหรือถางป่าเพื่อทำกินไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ ใครจะอยู่ตรงไหนจะยกให้ใครเพียงแค่เอ่ยปากบอกกันให้รับรู้ก็พอ ชาวบ้านอยู่กันอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ทำลายไม่ทำร้าย ทำการเกษตรปลูกผักเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูไปตามประสา ทำแค่พออยู่พอกิน แต่ก็มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันหาของป่า แล้วรวบรวมฝากกันลงไปขายให้พ่อค้าในหมู่บ้านที่ตีนภู เพื่อจะหาเงินซื้อข้าวสารอาหารแห้งมาตุนไว้ และเก็บไว้ใช้ยามจำเป็นหมู่บ้านนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ อยู่ในหุบเขาสลับซับซ้อน การเด
เช้าวันต่อมาแสงสีทองทาบทับจับขอบฟ้า เป็นแสงตะวันแรกที่อาบไล้ยอดภูหลังจากท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆฝนมาหลายวัน กรุณาขยับตัวเข้าหาไออุ่นที่อิงแอบแนบนอนมาทั้งคืน แก้มนุ่มเบียดชิดอยู่กับซอกคอแกร่ง มือข้างหนึ่งวางแหมะอยู่บนแผ่นอกกำยำน่าลูบไล้ เจ้าของท่อนแขนที่เธออาศัยหนุนนอนกอดกระชับร่างเธอแน่นขึ้นอีกนิด สายตาคู่คมจับจ้องใบหน้าสาวที่ยังคงหลับตาพริ้มราวกับเด็กน้อยที่ยังหลงวนอยู่ในห้วงฝันแสนหวาน “ตื่นได้แล้วคนขี้เซา” มะไฟปลุกคนในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เนื้อตัวนุ่มนิ่มกำลังจะทำให้เขาตบะแตก ทว่าแม่คนขี้อ่อยแบบไม่รู้ตัวว่าอ่อยกลับไม่มีท่าทีว่าจะตื่น มิหนำซ้ำเธอยังเบียดอกอวบภายใต้เสื้อยืดบางๆแนบไปกับสีข้างของเขาได้อย่างน่าหวั่นใจ “ตัวจิ๋ว ตื่นได้แล้ว” มะไฟรวบรวมสมาธิเรียกหญิงสาวอีกครั้ง กรุณาปรือตาขึ้นช้าๆ คลี่ยิ้มให้เขา มะไฟใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง คิดว่าเธอคงจะตื่นแ
“ชาร้อนอีกสักถ้วยไหม” มะไฟนั่งอยู่ส่วนที่ต่อเติมออกจากตัวกระท่อมสำหรับตั้งเตาไฟและทำครัว เขามองคนขี้หนาวอย่างเห็นใจ ชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำผู้กรำงานไร่งานสวนทำงานหนักมาตั้งแต่ยังเด็กยังรู้สึกหนาวสั่นเลย นับประสาอะไรกับคุณหนูลูกสาวเสี่ยเจ๋งผู้ไม่เคยตกระกำลำบาก เธอคงหนาวมากกว่าเขาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า กรุณาส่ายหน้า หญิงสาวกระชับผ้าห่มผืนน้อยให้แน่นขึ้นอีก ดวงตากลมโตมองผ่านหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย เธอมองเห็นเพียงสีขาวปกคลุมอยู่ด้านนอก กรุณาหันกลับมามองคนที่นั่งจ้องมองเธออยู่แล้วยิ้มบาง “ตัวจิ๋วอยากกลับบ้านไหม” มะไฟเห็นท่าทางเบื่อๆของคนที่ฉุดเขามาจากบ้าน จึงเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ...ที่จริงกรุณาไม่ได้ออกแรงฉุดกระชากเขามาหรอก เธอบอกเพียงว่าเสี่ยเจ๋งบังคับเธอให้แต่งงานกับลูกชายของเพื่อน ซึ่งเธอไม่อยากแต่ง และหากเธอต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ชีวิตเธอก็คงเหมือนตก