“พี่ไฟคิดถึงมะเฟืองหรือจ๊ะ” ไม่ใช่ว่าจะไม่นึกถึงเพื่อน กรุณาเองก็เป็นห่วงมะเฟืองอยู่เหมือนกัน แต่เธอมั่นใจว่าแม้พี่ชายไม่อยู่ด้วย มะเฟืองสามารถเอาตัวรอดได้ แม้เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่เธอก็เชื่อว่ามะเฟืองต้องเข้าใจเธอกับพี่ชายแน่นอน
“ป่านนี้มะเฟืองคงเป็นห่วงเราแย่แล้ว ไม่รู้ว่าเสี่ยเจ๋งจะทำอะไรมะเฟืองหรือเปล่า”
“ป๊าไม่ใช่คนแบบนั้น ป๊าไม่ไปยุ่งกับมะเฟืองหรอก พี่ไฟอย่ากังวลไปเลย” กรุณาเอื้อมมือไปแตะมือที่กำมีดปลายแหลมอยู่เบาๆ มะไฟเงยหน้ายิ้มให้หญิงสาว
“ทำรางน้ำเสร็จแล้ว พี่จะพาไปดูลำธาร อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง”
มะไฟบอกเล่าเรียบเรื่อย เขาพยายามทำสีหน้าให้ปกติที่สุด เพราะไม่อยากให้กรุณาเป็นกังวลใจไปกับเขา เสี่ยเจ๋งใจดีกับลูกสาว ทั้งรักทั้งหวง ไม่แปลกที่กรุณาจะมองเห็นแต่ด้านดีของผู้เป็นพ่อ แต่คนนอกอย่างเขารู้ถึงกิตติศัพท์ของเสี่ยเจ๋งเป็นอย่างดี ตาต่อตา ฟันต่อฟัน กล้าได้กล้าเสีย และไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร หากถูกใครลูบคม เสี่ยเจ๋งมักจะเอาคืนเป็นสองเท่า แล้วนี่เขาพาลูกสาวสุดที่รักของเสี่ยเจ๋งมาเสี่ยเจ๋งจะเอาคืนด้วยการจับตัวน้องสาวคนเดียวของเขาไปทำมิดีมิร้ายหรือเปล่า
“เล่นน้ำได้ไหมจ๊ะ” มะไฟพยักหน้าเล็กน้อย คนอยากเล่นน้ำยิ้มกว้างยินดี
“แต่ต้องรอพี่ทำรางน้ำเสร็จก่อน” มะไฟดักคออย่างรู้ทัน
“รู้แล้วน่า งั้นเดี๋ยวตัวจิ๋วไปเก็บยอดตำลึงทางโน้นก่อนนะ จะเอามาไว้ต้มใส่มาม่าหมูสับ เมนูมื้อกลางวันสุดหรูของเรา”
“ครับ” คำตอบรับด้วยเสียงนุ่มทุ้มจากคนตรงหน้า ส่งผลให้กรุณายิ้มเอียงอาย บิดตัวขวยเขิน
“เป็นอะไรตัวจิ๋ว” มะไฟมองหญิงสาวงงๆ ยิ้มเอ็นดูกับท่าทางแปลกๆของเธอ
“ตัวจิ๋วเขิน พี่ไฟพูดเพราะ” ตอบคำถามเขาแล้ว กรุณาก็รีบลุกขึ้นเดินหนีไปทางเครือตำลึงที่เลื้อยอยู่บนพุ่มไม้เตี้ยๆที่อยู่ไม่ไกล หญิงสาวผู้กำลังตกอยู่ในห้วงความรัก มองไปทางไหนอะไรก็สีชมพูไปหมด ยอดตำลึงอวบๆก็พานมองเห็นเป็นสีชมพูไปด้วย
ใช้เวลานานพอสมควร แต่ในที่สุดมะไฟก็ทำรางไม้ไผ่รับน้ำมาจนถึงตุ่มข้างกระท่อมเสร็จ เขาปล่อยน้ำไหลมาแล้วรองไว้ในตุ่มซึ่งมีอยู่สองใบ เมื่อน้ำใกล้เต็มตุ่มใบที่สอง ชายหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นเรียกคนที่กำลังทำอาหารอยู่บนกระท่อม
“ตัวจิ๋ว พี่จะไปดึงรางไม้ไผ่ที่ต่ออยู่ตรงลำธารออก น้ำใกล้จะเต็มตุ่มแล้ว ตัวจิ๋วจะไปเล่นน้ำไหม”
“มาม่าเสร็จแล้วนะพี่ไฟ ไม่กินมื้อเที่ยงก่อนเหรอ” กรุณาร้องตอบมาจากบนกระท่อม หญิงสาวกำลังตักมาม่าออกจากหม้อใบเก่าใส่ชามใบโตชามเดียว เธอกับเขาจะกินมาม่าชามเดียวกัน จะได้ไม่เปลืองน้ำล้างชาม
“ไปเล่นน้ำแป๊บเดียวแล้วค่อยกลับมากินก็ได้ มาม่าจะได้อุ่นพอดี”
คนอยากเล่นน้ำไม่อิดออดสักนิด กรุณาวางชามมาม่าลงบนพื้นแล้วเอาจานมาปิดไว้ เดินไปหยิบเอาผ้าถุงแบบที่มียางยืดรัดอกสำหรับผลัดเปลี่ยนอาบน้ำ กับผ้าขนหนูผืนเล็กติดมือลงจากกระท่อมไปด้วย
“ไหนสบู่ ไหนแชมพูสระผม” มะไฟถามเมื่อเห็นของที่หญิงสาวถือมามีเพียงผ้าถุงกับผ้าขนหนู
“อุ๊ย! ลืม”
กรุณายิ้มแก้เขิน ส่งข้าวของในมือให้ชายหนุ่มถือไว้ หมุนตัวกลับวิ่งขึ้นกระท่อมไปอีกรอบ ก่อนกลับลงมาพร้อมกับสบู่และแชมพูสระผม
“พร้อมแล้วจ้ะ” กรุณาเดินมาหยุดยืนตรงหน้าคนตัวโต ฉีกยิ้มกว้างอย่างยินดี เพราะจะได้ไปเล่นน้ำ
“หูย! น้ำน่าเล่นมากๆอ่ะพี่ไฟ” กรุณาห่อปาก ดวงตาคู่สุกใสเบิกกว้าง ลำธารใสทอดยาวลงมาจากบนภู ไหลเรื่อยลงไปตามลำน้ำที่อยู่ท่ามกลางร่มไม้ใหญ่เขียวครึ้มทั้งสองฝั่ง มีโขดหินน้อยใหญ่กั้นขวางทางน้ำเป็นบางจุด ใกล้ฝั่งที่กรุณายืนอยู่มีแผ่นหินใหญ่จมอยู่ในระดับปริ่มน้ำ หญิงสาวรีบหันมาหาคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ตัวจิ๋วลงไปนั่งอาบน้ำตรงนั้นได้ไหม” มะไฟยิ้มกับท่าทางตื่นเต้นของแม่จอมจุ้น
“ได้สิ”
กรุณาพยักหน้าอย่างยินดี สอดส่ายสายตามองหาที่กำบัง เพราะเธอจะผลัดเปลี่ยนมานุ่งกระโจมอก เพื่อจะได้อาบน้ำสระผมได้สะดวก
“ไปเปลี่ยนชุดที่หลังต้นไม้ใหญ่ตรงโน้น” มะไฟชี้ไปยังต้นไม้ต้นใหญ่ขนาดสองคนโอบที่อยู่ไม่ไกล กรุณารีบเดินไปยังต้นไม้ใหญ่ทันที โดยไม่ต้องรอให้ชายหนุ่มบอกซ้ำ เธออยากเล่นน้ำเต็มแก่แล้ว
มะไฟถอดรางไม้ไผ่ออกจากรางหลักที่ชาวบ้านต่อน้ำประปาภูเขาไว้ใช้ แล้วชายหนุ่มก็ถอดเสื้อยืดออกเปลือยท่อนบน อวดผิวสีแทนและความล่ำสันกำยำของเรือนกายต่อนกกาฟ้าดิน เขาสวมกางเกงยีนสีซีดพอดีตัวโชว์ช่วงขายาวแกร่ง เอวสอบเป็นรูปตัววีเร้นหายไปภายใต้ขอบกางเกงยีน หน้าท้องเป็นลอนกล้ามเรียงตัวน่ามอง แผ่นอกกว้างบึกบึนสมชาย แผ่นหลังกำยำ ไหล่กว้าง กล้ามเป็นมัดอย่างคนกรำงานหนักแทนการออกกำลังกายมาตลอด
มะไฟก้าวขาลงไปในลำธาร น้ำอยู่ระดับเอวของเขาพอดี ชายหนุ่มเดินสำรวจอยู่ใกล้ๆกับแผ่นหินที่กรุณาจะมานั่งอาบน้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสัตว์ร้ายหรืออันตรายใดๆที่จะเกิดขึ้นกับเธอได้
“พี่ไฟขี้โกง ลงไปเล่นน้ำก่อนตัวจิ๋ว” เสียงงุ้งงิ้งดังมาก่อนเจ้าตัวจะทันได้เดินมาถึงริมลำธารเสียอีก มะไฟมองไปยังต้นเสียง ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นคนตัวเล็กหอบเสื้อผ้าก้าวเร็วๆเข้ามาใกล้“วางเสื้อผ้าไว้บนโขดหินตรงนั้นก่อน”กรุณารีบตามที่เขาบอก พอวางเสื้อผ้าเสร็จแล้วหันกลับไปมองคนที่ลงเล่นน้ำก่อนเธอ เขาก็ดำผุดดำว่ายอยู่กลางลำธารแล้ว คนขี้โกง!ร่างอรชรสมส่วนถูกพรางไว้ด้วยผ้าถุงโป่งพองที่ตัดเย็บโดยมียางยืดรัดเหนืออกและยาวถึงครึ่งแข้ง ผมยาวถึงกลางหลังถูกปล่อยสยาย เหนือยางรัดผ้าถุงขึ้นไปเผยผิวเนื้อเนียนขาวผ่องกระจ่างตาอย่างคนที่ไม่เคยต้องแดดต้องลม กรุณาก้าวเท้าลงไปยังลำธาร พาตัวเองขึ้นไปนั่งบนแผ่นหิน หย่อนขาลงในลำน้ำ หญิงสาวหันหน้าไปทางคนขี้โกงที่กำลังจ้วงแขนว่ายน้ำอยู่ไม่ไกล“สบู่กับแชมพูอยู่นี่นะพี่ไฟ อย่าเล่นน้ำจนลืมถูสบู่สระผมล่ะ” กรุณาตะโกนบอกเขาด้วยน้ำเสียงกวนๆกึ่งดุ“คร้าบ แม่...” มะไฟตอบรับเสียงดังฟังชัด ก
มะไฟตาพร่าไปกับยิ้มหวานละลายใจของคนในอ้อมแขน อดใจไม่ไหวที่จะกดจมูกลงบนแก้มเนียนอีกครั้ง กรุณาเบี่ยงหน้าหนีด้วยท่าทางเขินอาย ปลายจมูกของคนอยากหอมแก้มสาวจึงกดลงบนลำคอระหงแทน “พาตัวจิ๋วขึ้นฝั่งเถอะ หิวแล้ว” กรุณาบอกโดยไม่ยอมมองหน้าคนที่อุ้มตัวเองอยู่ มะไฟกดจมูกบนลำคอสาวแล้วสูดกลิ่นหอมดังฟอด แล้วรีบตัดใจไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้น “อืม...พี่ก็หิวแล้วเหมือนกัน กลับไปกินมาม่าอืดของเรากันเถอะ” กรุณาหัวเราะคิก มะไฟยิ้มบาง กระชับวงแขนอุ้มหญิงสาว แล้วพาเธอเดินไปยังแผ่นหินเดิม มะไฟส่งหญิงสาวขึ้นไปนั่งบนโขดหิน แล้วบอกให้เธอไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังต้นไม้เดิม ส่วนเขาขอล้างตัวอีกสักหน่อย ต่อเมื่อกรุณาสวมเสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว แล
มะเฟืองถอนหายใจอย่างโล่งอก เอนตัวลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนจดคอ ความอ่อนล้าโรยแรงเพราะนอนไม่พอมาหลายคืนทำให้เพียงแค่หลับตาลงไม่ถึงสามนาที หญิงสาวก็หลับลึกหลับสนิท ไม่รับรู้เลยว่าประตูห้องถูกมือดีเปิดออกและเขาก็ก้าวเข้ามาหยุดยืนจ้องมองหน้าเธออยู่ข้างเตียงแล้วการุณย์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด อุตส่าห์ยืดเวลา ให้โอกาสพี่ชายของเธอแล้ว แต่ไอ้คนไม่เจียมกะลาหัวก็ยังไม่ยอมพาลูกสาวเขากลับมาคืน บางทีก็โอกาสที่เขาหยิบยื่นให้ก็ควรหมดอายุได้แล้ว“มะเฟือง มะเฟืองเอ๊ย!” คนที่เพิ่งนอนไปไม่ถึงชั่วโมงค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนปลุก เมื่อเห็นว่าเป็นป้าประไพ มะเฟืองจึงหลับตาลงอีกครั้ง“มะเฟืองขอนอนต่ออีกสักนิดนะจ๊ะป้า”“ไม่ได้หรอก เสี่ยบอกให้ป้ามาปลุกเอ็งลงไปทำงาน รีบๆอาบน้ำแต่งตัวลงไปข้างล่าง หรือเอ็งจะรอให้เสี่ยขึ้นมาปลุก” ป้าประไพบอกแล้วป้าประไพเดินออกจากห้องไป ชื่อของการุณย์ทำให้หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง ปลดปมผ้าถุงออก ดึง
“เห็นพี่เชิดบอกว่าเสี่ยให้พามะเฟืองไปทำงานที่โรงทำอิฐบล็อก”“อ๋อ! ได้จ้ะ ไม่มีปัญหา มะเฟืองทำงานหนักได้ทุกอย่างแหละ”“ดีแล้วล่ะ ทำตัวว่าง่ายๆ ช่วยงานเสี่ยเขาตามที่เขาบอก เขาจะได้เอ็นดู จะได้อยู่กันไปนานๆ” ป้าประไพที่กำลังเตรียมกาแฟไปเสิร์ฟให้การุณย์บอกอย่างหวังดี“ตกลงเอ็งมาเป็นตัวประกัน มาเป็นคนงาน หรือมาเป็นเล็กเป็นน้อยของเสี่ยกันแน่วะมะเฟือง” เหมียวถามตรงๆ เพราะเธอสงสัยมาตั้งแต่เสี่ยยอมให้มะเฟืองนอนพักอยู่บนบ้านแล้ว“มะเฟืองจะไปทำงานตามที่เสี่ยสั่งแล้ว ต้องไปถามพี่เชิดใช่ไหมจ๊ะว่าต้องทำอะไรบ้าง” ป้าประไพมองเหมียวด้วยสายตาปรามอยู่ในที“ไอ้เชิดมันคงรออยู่หน้าบ้าน รีบไปเถอะ ตอนกลางวันก็กินข้าวที่โรงครัวเลยนะ จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาให้เหนื่อย เลิกงานแล้วค่อยกลับมา ป้าจะทำกับข้าวไว้เผื่อ”“จ้ะ ขอบคุณนะจ๊ะป้า มะเฟืองไปก่อนนะจ๊ะ”เหมียวมองตามร่างบอบบางเดินออกจ
“เอ่อ...คนงานนึกว่าเสี่ยจะให้มะเฟืองไปทำงานที่ท้ายไร่เลยไม่ได้สนใจ แต่ผมตามไปดูแล้ว ทางนั้นใช้เดินขึ้นภูได้ มะเฟืองอาจจะเดินขึ้นภูไปหาพี่ชาย”“มันจะขึ้นไปบนภูได้ยังไง สะพานขาดแบบนั้น ถ้ามันจะไปจริงๆก็ต้องอ้อมเขาอีกตั้งสองลูก หรือมันจะไปทางนั้นจริงๆวะ” การุณย์มีสีหน้าครุ่นคิด ยายเด็กนั่นอาจจะใจเด็ดกว่าที่เขาคิด เธออาจจะเสี่ยงเดินขึ้นเขาไปหาพี่ชายจริงๆก็ได้“ไปตามคนมาสักสิบคน ให้ช่วยกันออกตามจับตัวมะเฟืองกลับมาให้ได้ ถ้าเอาตัวกลับมาไม่ได้ พวกมึงไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้า” การุณย์ขบกรามแน่น ดวงตาคู่คมดุดัน เขาพอเดาความคิดของหญิงสาวออก นี่คงคิดว่าถ้าหนีขึ้นภูไปอยู่กับพี่ชายแล้วจะปลอดภัยด้วยกันทั้งคู่เหรอ หึ! อย่าหวังเลยว่าจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของเขาไปได้ ใครที่กล้าลูบคมเสี่ยเจ๋ง มันไม่เคยตายดีสักคนหรอกมะเฟืองหอบหายใจแรงเพราะวิ่งมาไกล หญิงสาวหยุดชะงักอยู่ริมลำน้ำ สายตาผิดหวังมองสะพานข้ามลำน้ำที่บัดนี้ถูกน้ำป่าพัดจนพัง ไม่ส
1 ชีวิตแลกด้วยชีวิต “เจอไหม” เสียงห้าวทรงพลังตะคอกถามด้วยความโกรธที่อัดแน่นอยู่เต็มอก ใบหน้าหล่อคมเข้มถมึงทึงกว่าครั้งไหน ดวงตาคู่คมฉาบฉายไปด้วยประกายอาฆาตแค้น แนวกรามแกร่งขบกันจนเป็นสันนูน สองมือกำแน่นจนข้อนิ้วมือปูดโปนบ่งบอกถึงโทสะที่กักกั้นไว้ “ไม่เจอครับเสี่ย” คำตอบที่ได้ยินจากปากลูกน้องทำให้การุณย์หรือเสี่ยเจ๋ง หนุ่มใหญ่วัย42ปีสบถดังลั่น เขามองฝ่าสายฝนท่ามกลางความมืดไปยังเบื้องหน้า ถนนที่ทอดยาวหายเข้าไปในป่าเต็มไปด้วยโคลนตมและหลุมลึกมีน้ำขังอยู่เต็ม สุดวิสัยที่รถคันไหนๆจะแล่นเข้าไปได้ แสงจากสายฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่เบื้องบนทำให้มองเห็นรอบกายชัดเจนในบางครั้ง แต่ก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ การุณย์รู้ดีว่า หนทางเส้นนี้ที่จะใช้เดินทางเพื่อขึ้นไปยังหมู่บ้านในเขตอุทยานแห่งชาติซึ่งอยู่ในบนเขานั้นยากลำบากเพียงใด ยิ่งในเวลาฝนตกหนักแบบนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แทบจะเรียกได้ว่าหมู่บ้านนั้นตัดขาดจากโลกภายนอกเลยก็ว่าได้ เพราะเส้นทางเดียวที่ใช้สัญจรนั้นเต็มไปด้วยโคลนตม และหากฝืนเดินทางขึ้นไปตอนนี้ อาจจะเจอกับน้ำป่าไหลหลากพัดพาเอาชีวิตให้สูญหายไปกับสายน้ำก็เป็นได้
มะเฟืองถอนหายใจเบาๆ หญิงสาวเบือนหน้าหนีสายตาดุ เธอเพิ่งรู้ว่าสองคนนั้นหนีตามกันไปเมื่อเย็นวันนี้ รู้หลังจากที่กลับมาจากรดน้ำพรวนดินในสวนผัก พี่ชายสายเลือดเดียวกันที่มีอายุมากกว่าเธอ8ปี บอกให้เธอรู้ด้วยการเขียนข้อความสั้นๆวางไว้บนโต๊ะกินข้าว ทั้งที่เธอเคยเตือนพี่ชายแล้วว่ากรุณาหรือตัวจิ๋วนั้นอยู่สูงเกินเอื้อม พี่ชายเธอไม่ต่างจากหมามองเครื่องบิน ไม่มีวันจะได้ครองคู่กับเพื่อนสาวเธอแน่ๆ เธอบอกให้พี่ชายตัดใจ เธอเตือนกรุณาว่าไม่ให้ไปหาเธอที่บ้านอีก เพราะเกรงจะถูกครหา แต่ใครเลยจะรู้ว่าคนสองคนที่แอบคบหากันมาตั้งห้าปีโคตรใจเด็ด กล้าหนีตามกันไปโดยไม่เกรงกลัวอำนาจและความบ้าระห่ำของเสี่ยเจ๋ง “มะเฟือง!” การุณย์ตวาดเสียงดังลั่น ยังผลให้คนที่คิดไว้แล้วว่าเธออาจจะต้องรับมือกับความเกรี้ยวกราดของคนหวงลูกอย่างเขาหันหน้ากลับมาสบสายตาดุอีกครั้ง มะเฟืองพยักพเยิดยื่นหน้าใส่เขา แล้วส่งเสียงอู้อี้บอกให้รู้ว่า หากเขาต้องการคำตอบช่วยกรุณาแกะผ้าออกจากปากเธอด้วย การุณย์คำรามในลำคอด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยื่นเมื่อออกไปแกะผ้าออกจากปากให้หญิงสาว ก่อนจะถอยออกมายืนกอดอกจ้องหน้ามะเฟืองเขม็ง
“หึ! ฉันไม่เอามันถึงตายหรอก แค่จะทำให้มันจดจำไปชั่วชีวิต ว่าคนต่ำๆเศษสวะอย่างมันไม่คู่ควรกับลูกสาวฉัน” การุณย์เหยียดริมฝีปากอย่างดูแคลน จ้องมองมะเฟืองด้วยสายตาเย้ยหยัน “ถ้าเสี่ยทำอะไรพี่ไฟ คนที่จะเสียใจก็คือตัวจิ๋ว สองคนนั้นเขารักกัน เสี่ยไม่สงสารลูกสาวตัวเองเหรอ” “ความรักมันกินไม่ได้หรอกนะนังหนู อย่าพูดให้เมื่อยปากเลย รออยู่นี่ก่อนนะ ฉันจะไปลากคอพี่ชายเธอมารับโทษ ถ้าฉันได้ตัวมันมาเมื่อไร ฉันถึงจะปล่อยเธอไป” การุณย์พูดจบก็หันหลังเดินกลับไปทางประตู “เสี่ยเจ๋ง! จับผู้หญิงไม่มีทางสู้มาเป็นตัวประกัน แบบนี้มันหน้าตัวเมียชัดๆ” มะเฟืองตะโกนไล่หลังไปด้วยความโมโหสุดขีด ร่างสูงใหญ่ชะงักเท้าหันหลังกลับทันทีเมื่อถูกด่าว่าหน้าตัวเมีย การุณย์ขบกรามแน่น เดินเร็วกลับไปหาคนที่นั่งเชิดหน้าท้าทายอยู่กลางโกดัง “ปากดีนักนะ” การุณย์ใช้มือข้างเดียวบีบแก้มหญิงสาวจนปากจิ้มลิ้มเผยอขึ้น ใบหน้าสวยบิดเบ้เพราะความเจ็บ “หน้าตัวเมียของจริงน่ะคือพี่ชายเธอ รู้ว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงดูผู้หญิงให้สุขสบายได้ ยังมีหน้าพาหนีไปลำบาก ลากลูกสาวคนอื่นไปเอาทั้งที่ไม่ได้
“เอ่อ...คนงานนึกว่าเสี่ยจะให้มะเฟืองไปทำงานที่ท้ายไร่เลยไม่ได้สนใจ แต่ผมตามไปดูแล้ว ทางนั้นใช้เดินขึ้นภูได้ มะเฟืองอาจจะเดินขึ้นภูไปหาพี่ชาย”“มันจะขึ้นไปบนภูได้ยังไง สะพานขาดแบบนั้น ถ้ามันจะไปจริงๆก็ต้องอ้อมเขาอีกตั้งสองลูก หรือมันจะไปทางนั้นจริงๆวะ” การุณย์มีสีหน้าครุ่นคิด ยายเด็กนั่นอาจจะใจเด็ดกว่าที่เขาคิด เธออาจจะเสี่ยงเดินขึ้นเขาไปหาพี่ชายจริงๆก็ได้“ไปตามคนมาสักสิบคน ให้ช่วยกันออกตามจับตัวมะเฟืองกลับมาให้ได้ ถ้าเอาตัวกลับมาไม่ได้ พวกมึงไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้า” การุณย์ขบกรามแน่น ดวงตาคู่คมดุดัน เขาพอเดาความคิดของหญิงสาวออก นี่คงคิดว่าถ้าหนีขึ้นภูไปอยู่กับพี่ชายแล้วจะปลอดภัยด้วยกันทั้งคู่เหรอ หึ! อย่าหวังเลยว่าจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของเขาไปได้ ใครที่กล้าลูบคมเสี่ยเจ๋ง มันไม่เคยตายดีสักคนหรอกมะเฟืองหอบหายใจแรงเพราะวิ่งมาไกล หญิงสาวหยุดชะงักอยู่ริมลำน้ำ สายตาผิดหวังมองสะพานข้ามลำน้ำที่บัดนี้ถูกน้ำป่าพัดจนพัง ไม่ส
“เห็นพี่เชิดบอกว่าเสี่ยให้พามะเฟืองไปทำงานที่โรงทำอิฐบล็อก”“อ๋อ! ได้จ้ะ ไม่มีปัญหา มะเฟืองทำงานหนักได้ทุกอย่างแหละ”“ดีแล้วล่ะ ทำตัวว่าง่ายๆ ช่วยงานเสี่ยเขาตามที่เขาบอก เขาจะได้เอ็นดู จะได้อยู่กันไปนานๆ” ป้าประไพที่กำลังเตรียมกาแฟไปเสิร์ฟให้การุณย์บอกอย่างหวังดี“ตกลงเอ็งมาเป็นตัวประกัน มาเป็นคนงาน หรือมาเป็นเล็กเป็นน้อยของเสี่ยกันแน่วะมะเฟือง” เหมียวถามตรงๆ เพราะเธอสงสัยมาตั้งแต่เสี่ยยอมให้มะเฟืองนอนพักอยู่บนบ้านแล้ว“มะเฟืองจะไปทำงานตามที่เสี่ยสั่งแล้ว ต้องไปถามพี่เชิดใช่ไหมจ๊ะว่าต้องทำอะไรบ้าง” ป้าประไพมองเหมียวด้วยสายตาปรามอยู่ในที“ไอ้เชิดมันคงรออยู่หน้าบ้าน รีบไปเถอะ ตอนกลางวันก็กินข้าวที่โรงครัวเลยนะ จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาให้เหนื่อย เลิกงานแล้วค่อยกลับมา ป้าจะทำกับข้าวไว้เผื่อ”“จ้ะ ขอบคุณนะจ๊ะป้า มะเฟืองไปก่อนนะจ๊ะ”เหมียวมองตามร่างบอบบางเดินออกจ
มะเฟืองถอนหายใจอย่างโล่งอก เอนตัวลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนจดคอ ความอ่อนล้าโรยแรงเพราะนอนไม่พอมาหลายคืนทำให้เพียงแค่หลับตาลงไม่ถึงสามนาที หญิงสาวก็หลับลึกหลับสนิท ไม่รับรู้เลยว่าประตูห้องถูกมือดีเปิดออกและเขาก็ก้าวเข้ามาหยุดยืนจ้องมองหน้าเธออยู่ข้างเตียงแล้วการุณย์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด อุตส่าห์ยืดเวลา ให้โอกาสพี่ชายของเธอแล้ว แต่ไอ้คนไม่เจียมกะลาหัวก็ยังไม่ยอมพาลูกสาวเขากลับมาคืน บางทีก็โอกาสที่เขาหยิบยื่นให้ก็ควรหมดอายุได้แล้ว“มะเฟือง มะเฟืองเอ๊ย!” คนที่เพิ่งนอนไปไม่ถึงชั่วโมงค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนปลุก เมื่อเห็นว่าเป็นป้าประไพ มะเฟืองจึงหลับตาลงอีกครั้ง“มะเฟืองขอนอนต่ออีกสักนิดนะจ๊ะป้า”“ไม่ได้หรอก เสี่ยบอกให้ป้ามาปลุกเอ็งลงไปทำงาน รีบๆอาบน้ำแต่งตัวลงไปข้างล่าง หรือเอ็งจะรอให้เสี่ยขึ้นมาปลุก” ป้าประไพบอกแล้วป้าประไพเดินออกจากห้องไป ชื่อของการุณย์ทำให้หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง ปลดปมผ้าถุงออก ดึง
มะไฟตาพร่าไปกับยิ้มหวานละลายใจของคนในอ้อมแขน อดใจไม่ไหวที่จะกดจมูกลงบนแก้มเนียนอีกครั้ง กรุณาเบี่ยงหน้าหนีด้วยท่าทางเขินอาย ปลายจมูกของคนอยากหอมแก้มสาวจึงกดลงบนลำคอระหงแทน “พาตัวจิ๋วขึ้นฝั่งเถอะ หิวแล้ว” กรุณาบอกโดยไม่ยอมมองหน้าคนที่อุ้มตัวเองอยู่ มะไฟกดจมูกบนลำคอสาวแล้วสูดกลิ่นหอมดังฟอด แล้วรีบตัดใจไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้น “อืม...พี่ก็หิวแล้วเหมือนกัน กลับไปกินมาม่าอืดของเรากันเถอะ” กรุณาหัวเราะคิก มะไฟยิ้มบาง กระชับวงแขนอุ้มหญิงสาว แล้วพาเธอเดินไปยังแผ่นหินเดิม มะไฟส่งหญิงสาวขึ้นไปนั่งบนโขดหิน แล้วบอกให้เธอไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังต้นไม้เดิม ส่วนเขาขอล้างตัวอีกสักหน่อย ต่อเมื่อกรุณาสวมเสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว แล
“พี่ไฟขี้โกง ลงไปเล่นน้ำก่อนตัวจิ๋ว” เสียงงุ้งงิ้งดังมาก่อนเจ้าตัวจะทันได้เดินมาถึงริมลำธารเสียอีก มะไฟมองไปยังต้นเสียง ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นคนตัวเล็กหอบเสื้อผ้าก้าวเร็วๆเข้ามาใกล้“วางเสื้อผ้าไว้บนโขดหินตรงนั้นก่อน”กรุณารีบตามที่เขาบอก พอวางเสื้อผ้าเสร็จแล้วหันกลับไปมองคนที่ลงเล่นน้ำก่อนเธอ เขาก็ดำผุดดำว่ายอยู่กลางลำธารแล้ว คนขี้โกง!ร่างอรชรสมส่วนถูกพรางไว้ด้วยผ้าถุงโป่งพองที่ตัดเย็บโดยมียางยืดรัดเหนืออกและยาวถึงครึ่งแข้ง ผมยาวถึงกลางหลังถูกปล่อยสยาย เหนือยางรัดผ้าถุงขึ้นไปเผยผิวเนื้อเนียนขาวผ่องกระจ่างตาอย่างคนที่ไม่เคยต้องแดดต้องลม กรุณาก้าวเท้าลงไปยังลำธาร พาตัวเองขึ้นไปนั่งบนแผ่นหิน หย่อนขาลงในลำน้ำ หญิงสาวหันหน้าไปทางคนขี้โกงที่กำลังจ้วงแขนว่ายน้ำอยู่ไม่ไกล“สบู่กับแชมพูอยู่นี่นะพี่ไฟ อย่าเล่นน้ำจนลืมถูสบู่สระผมล่ะ” กรุณาตะโกนบอกเขาด้วยน้ำเสียงกวนๆกึ่งดุ“คร้าบ แม่...” มะไฟตอบรับเสียงดังฟังชัด ก
“พี่ไฟคิดถึงมะเฟืองหรือจ๊ะ”ไม่ใช่ว่าจะไม่นึกถึงเพื่อนกรุณาเองก็เป็นห่วงมะเฟืองอยู่เหมือนกัน แต่เธอมั่นใจว่าแม้พี่ชายไม่อยู่ด้วย มะเฟืองสามารถเอาตัวรอดได้ แม้เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่เธอก็เชื่อว่ามะเฟืองต้องเข้าใจเธอกับพี่ชายแน่นอน“ป่านนี้มะเฟืองคงเป็นห่วงเราแย่แล้วไม่รู้ว่าเสี่ยเจ๋งจะทำอะไรมะเฟืองหรือเปล่า”“ป๊าไม่ใช่คนแบบนั้นป๊าไม่ไปยุ่งกับมะเฟืองหรอกพี่ไฟอย่ากังวลไปเลย”กรุณาเอื้อมมือไปแตะมือที่กำมีดปลายแหลมอยู่เบาๆมะไฟเงยหน้ายิ้มให้หญิงสาว “ทำรางน้ำเสร็จแล้ว พี่จะพาไปดูลำธาร อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง”มะไฟบอกเล่าเรียบเรื่อยเขาพยายามทำสีหน้าให้ปกติที่สุดเพราะไม่อยากให้กรุณาเป็นกังวลใจไปกับเขาเสี่ยเจ๋งใจดีกับลูกสาวทั้งรักทั้งหวงไม่แปลกที่กรุณาจะมองเห็นแต่ด้านดีของผู้เป็นพ่อแต่คนนอกอย่างเขารู้
กรุณาจ่ายเงินให้ชายชราเจ้าของรถจำนวนหนึ่ง เป็นสินน้ำใจที่เขายอมให้ติดรถกระบะคันผุพังขึ้นมาที่หมู่บ้านด้วย ระหว่างการเดินทางก็ไต่ถามเรื่องที่พักว่าพอจะมีให้เช่าหรือร่วมอาศัยด้วยไหม ชายชราจึงเอ่ยปากให้ยกกระท่อมท้ายหมู่บ้านหลังนี้ให้อยู่ มันเป็นกระท่อมหลังเดิมที่เขาเคยอาศัย ก่อนจะย้ายไปอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้ที่อยู่ในหมู่บ้าน โชคดีของสองหนุ่มสาวที่กระท่อมหลังนี้มีข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นอยู่เกือบครบ แม้จะเก่าแต่มันยังใช้งานได้ก็ถือว่าโอเคพื้นที่ที่ชาวบ้านอยู่อาศัยหรือถางป่าเพื่อทำกินไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ ใครจะอยู่ตรงไหนจะยกให้ใครเพียงแค่เอ่ยปากบอกกันให้รับรู้ก็พอ ชาวบ้านอยู่กันอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ทำลายไม่ทำร้าย ทำการเกษตรปลูกผักเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูไปตามประสา ทำแค่พออยู่พอกิน แต่ก็มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันหาของป่า แล้วรวบรวมฝากกันลงไปขายให้พ่อค้าในหมู่บ้านที่ตีนภู เพื่อจะหาเงินซื้อข้าวสารอาหารแห้งมาตุนไว้ และเก็บไว้ใช้ยามจำเป็นหมู่บ้านนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ อยู่ในหุบเขาสลับซับซ้อน การเด
เช้าวันต่อมาแสงสีทองทาบทับจับขอบฟ้า เป็นแสงตะวันแรกที่อาบไล้ยอดภูหลังจากท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆฝนมาหลายวัน กรุณาขยับตัวเข้าหาไออุ่นที่อิงแอบแนบนอนมาทั้งคืน แก้มนุ่มเบียดชิดอยู่กับซอกคอแกร่ง มือข้างหนึ่งวางแหมะอยู่บนแผ่นอกกำยำน่าลูบไล้ เจ้าของท่อนแขนที่เธออาศัยหนุนนอนกอดกระชับร่างเธอแน่นขึ้นอีกนิด สายตาคู่คมจับจ้องใบหน้าสาวที่ยังคงหลับตาพริ้มราวกับเด็กน้อยที่ยังหลงวนอยู่ในห้วงฝันแสนหวาน “ตื่นได้แล้วคนขี้เซา” มะไฟปลุกคนในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เนื้อตัวนุ่มนิ่มกำลังจะทำให้เขาตบะแตก ทว่าแม่คนขี้อ่อยแบบไม่รู้ตัวว่าอ่อยกลับไม่มีท่าทีว่าจะตื่น มิหนำซ้ำเธอยังเบียดอกอวบภายใต้เสื้อยืดบางๆแนบไปกับสีข้างของเขาได้อย่างน่าหวั่นใจ “ตัวจิ๋ว ตื่นได้แล้ว” มะไฟรวบรวมสมาธิเรียกหญิงสาวอีกครั้ง กรุณาปรือตาขึ้นช้าๆ คลี่ยิ้มให้เขา มะไฟใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง คิดว่าเธอคงจะตื่นแ
“ชาร้อนอีกสักถ้วยไหม” มะไฟนั่งอยู่ส่วนที่ต่อเติมออกจากตัวกระท่อมสำหรับตั้งเตาไฟและทำครัว เขามองคนขี้หนาวอย่างเห็นใจ ชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำผู้กรำงานไร่งานสวนทำงานหนักมาตั้งแต่ยังเด็กยังรู้สึกหนาวสั่นเลย นับประสาอะไรกับคุณหนูลูกสาวเสี่ยเจ๋งผู้ไม่เคยตกระกำลำบาก เธอคงหนาวมากกว่าเขาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า กรุณาส่ายหน้า หญิงสาวกระชับผ้าห่มผืนน้อยให้แน่นขึ้นอีก ดวงตากลมโตมองผ่านหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย เธอมองเห็นเพียงสีขาวปกคลุมอยู่ด้านนอก กรุณาหันกลับมามองคนที่นั่งจ้องมองเธออยู่แล้วยิ้มบาง “ตัวจิ๋วอยากกลับบ้านไหม” มะไฟเห็นท่าทางเบื่อๆของคนที่ฉุดเขามาจากบ้าน จึงเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ...ที่จริงกรุณาไม่ได้ออกแรงฉุดกระชากเขามาหรอก เธอบอกเพียงว่าเสี่ยเจ๋งบังคับเธอให้แต่งงานกับลูกชายของเพื่อน ซึ่งเธอไม่อยากแต่ง และหากเธอต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ชีวิตเธอก็คงเหมือนตก