มะไฟตาพร่าไปกับยิ้มหวานละลายใจของคนในอ้อมแขน อดใจไม่ไหวที่จะกดจมูกลงบนแก้มเนียนอีกครั้ง กรุณาเบี่ยงหน้าหนีด้วยท่าทางเขินอาย ปลายจมูกของคนอยากหอมแก้มสาวจึงกดลงบนลำคอระหงแทน
“พาตัวจิ๋วขึ้นฝั่งเถอะ หิวแล้ว” กรุณาบอกโดยไม่ยอมมองหน้าคนที่อุ้มตัวเองอยู่ มะไฟกดจมูกบนลำคอสาวแล้วสูดกลิ่นหอมดังฟอด แล้วรีบตัดใจไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้น
“อืม...พี่ก็หิวแล้วเหมือนกัน กลับไปกินมาม่าอืดของเรากันเถอะ” กรุณาหัวเราะคิก มะไฟยิ้มบาง กระชับวงแขนอุ้มหญิงสาว แล้วพาเธอเดินไปยังแผ่นหินเดิม
มะไฟส่งหญิงสาวขึ้นไปนั่งบนโขดหิน แล้วบอกให้เธอไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังต้นไม้เดิม ส่วนเขาขอล้างตัวอีกสักหน่อย ต่อเมื่อกรุณาสวมเสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว และเดินกลับมายังริมลำธาร มะไฟก็ยังไม่ยอมขึ้นจากน้ำสักที เขายังคงจ้วงแขนว่ายน้ำไปกลับอย่างเอาเป็นเอาตาย อย่างกับซ้อมไปชิงแชมป์โลก
“พี่ไฟ! ขึ้นมาสักทีสิ ตัวจิ๋วหิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วนะ”
มะไฟชะงักวงแขนที่กำลังจ้วงน้ำอย่างบ้าคลั่ง เขาหยุดลอยคอมองไปทางหญิงสาวผู้หิวโซ ชายหนุ่มหอบหายใจเร็วแรงเพราะเสียพลังงานไปเยอะ
“ขออีกสองรอบ ตัวจิ๋วรอเดี๋ยวนะ” มะไฟพูดจบก็มุดหัวลงไปในน้ำ พอโผล่ขึ้นมาได้ก็จ้วงแขนว่ายเอาๆ ไปกลับเป็นระยะทางห้าสิบเมตรอีกสองรอบ ตัวจิ๋วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ มื้อเที่ยงก็ยังไม่ได้กิน ใช้กำลังขนาดนั้น ไม่เหนื่อยบ้างหรือไงนะ
เมื่อดับความร้อนรุ่มในกายได้แล้ว และบางส่วนของร่างกายกลับคืนสู่สภาวะปกติ มะไฟก็ค่อยๆว่ายน้ำกลับเข้าหาฝั่ง พอขึ้นจากน้ำก็เดินไปหยิบเสื้อของตัวเองที่กองไว้บนโขดหินใกล้ๆ ชายหนุ่มยิ้มไม่เนียนให้คนที่ยืนจ้องเขาไม่วางตา
“พี่ไฟไปเปลี่ยนชุดที่กระท่อมเลย จะได้ไม่เสียเวลา ตัวจิ๋วหิวแล้ว”
“จ้ะ ว่าไงก็ว่าตามกัน” มะไฟเดินตามหลังคนหิวขี้บ่นต้อยๆ
“เล่นเป็นเด็กไปได้ ทำอย่างกับไม่เคยได้เล่นน้ำ” กรุณาบ่นไม่จริงจัง หากแต่คนเดินตามหลังลอบถอนหายใจเบาๆ
กรุณาจะรู้ไหมว่า ให้เขาเล่นเป็นเด็กแบบนี้ล่ะดีแล้ว ขืนให้เขาเล่นแบบผู้ใหญ่ คงมีคนแถวนี้แตกตื่นตกใจกลัวเป็นแน่ ก็เพราะเนื้อตัวนุ่มนิ่มหอมกรุ่นที่ได้แนบชิดนั้น ปั่นป่วนอารมณ์ชายจนกระเจิดกระเจิงแทบกู่ไม่กลับ ยังดีที่เขาตัดใจได้ โดยอาศัยความเหนื่อยและอ่อนเพลียจากการว่ายน้ำจัดระเบียบให้มันเข้าที่เข้าทาง มิเช่นนั้นอุดมการณ์แรงกล้าที่เขาตั้งไว้ว่าจะไม่เอาเปรียบเธออาจจะพังลงไม่เป็นท่าไปตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
เมื่อมาถึงกระท่อม มาม่ารสหมูสับที่มีใบตำลึงเป็นผักใบเขียวสร้างสีสันเพียงอย่างเดียวก็อืดเต็มชาม กรุณาบ่นกระปอดกระแปดอีกเล็กน้อย โทษว่าเป็นความผิดของคนที่มัวแต่ว่ายน้ำเล่น มะไฟไม่โต้ตอบ เขายอมรับความผิดนี้แต่เพียงผู้เดียว ชายหนุ่มเอาใจหญิงสาวด้วยการสัญญาว่า มื้อค่ำนี้เขาจะไปหาปลามาทำกับข้าวให้เธอกินเพื่อไถ่โทษ คนไม่เห็นแก่กินสักนิดคลี่ยิ้มกว้าง ยอมยกโทษให้แต่โดยดี แถมด้วยการกระโดดเข้ากอดเขาเต็มวงแขน ผิวเนื้อนุ่มของสาวที่โอบรัดทำให้มะไฟลอบถอนหายใจเบาๆ อยากกลับไปกระโดดน้ำที่ลำธารแล้วดำผุดดำว่ายอีกสักสิบรอบ
4 ลูกไก่ในกำมือ
หลายวันต่อมามะเฟืองหายจากอาการไข้เป็นปกติ หญิงสาวได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านให้อาศัยอยู่ห้องเดิม เพิ่มเติมคือเขาจัดการหาเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวให้เธอ และสั่งให้เธอบำรุงผิวด้วยโลชั่นและครีมบำรุงผิวที่เขาสรรหามาให้ทุกวัน คนของเขาดูเหมือนจะแปลกใจกับการอยู่แบบผิดที่ผิดทางของเธอ ก็ในเมื่อใครๆต่างก็รู้ว่าเขาจับเธอมาเพราะลูกสาวของเขาหนีไปกับพี่ชายเธอ ฐานะของเธอคือตัวประกัน ที่เขาเก็บไว้เพื่อรอให้พี่ชายกลับมารับโทษทัณฑ์ และฐานะตัวประกันอย่างเธอ ก็ควรอยู่ในบ้านพักคนงานโทรมๆหลังนั้น หรือไม่ก็ควรจะถูกจับมัดไว้ในโกดังของเขาโน่น ไม่ใช่ห้องนอนบนบ้านหลังใหญ่ของเขาแบบนี้ ทว่ามะเฟืองไม่คิดจะอธิบายเหตุผลให้ใครฟัง ไม่สนใจสายตาสงสัยใคร่รู้ของคนอื่น ไม่ว่าใครจะพูดลับหลังว่าอย่างไร ก็ในเมื่อเธอตัดสินใจเลือกแล้ว เธอก็ต้องยอมรับมัน
มะเฟืองก้มลงมองผ้าถุงที่สวมอยู่แล้วทอดถอนใจ ไอ้แก่ตัณหากลับสั่งให้เธอนุ่งผ้าถุงกระโจมอกนอนเท่านั้น ห้ามใส่ชุดชั้นในทั้งบนและล่าง เขาจะได้ไม่เสียเวลาถอดให้เมื่อยมือ แม้เขาจะยังไม่ได้กำหนดวันที่จะมาทวงถามสิทธิ์จากข้อต่อรองที่ตกลงกันไว้ แต่เขาก็สั่งไว้ว่าเธอต้องเตรียมพร้อมเสมอสำหรับเขา
“ตีห้าแล้ว รอดไปอีกคืนสินะ” มะเฟืองรำพึงเบาๆ ละสายตาจากนาฬิกาเรือนน้อยที่ตั้งอยู่บนโต๊ะใกล้หัวเตียง เธอนอนหลับๆตื่นๆ ไม่มีสักคืนที่นอนหลับเต็มตาบนเตียงในห้องนี้ คืนนี้ก็เช่นกัน เธอผล็อยหลับไปตอนตีหนึ่ง สะดุ้งตื่นมาอีกทีตอนตีสาม จะนอนต่อก็ไม่กล้า กลัวว่าเขาจะเข้ามาลักหลับ กลัวเสียตัวโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว จึงนั่งลุ้นจ้องนาฬิกาจนกระทั่งเข็มมันวนมาถึงเวลาห้านาฬิกา ที่ผ่านมาเธอเฝ้าลุ้นอยู่ทุกคืนว่าเสี่ยเจ๋งจะเข้ามาทวงถามข้อตกลงตอนไหน หัวค่ำ ตกดึก หรือรุ่งสาง แต่ผ่านมาหลายคืนแล้ว เขาก็ยังปล่อยให้เธอลอยนวลอยู่ แม้จะไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าเพราะอะไร แต่มะเฟืองก็ไม่คิดหาเหตุผลนั้น ดีแล้ว...ให้เป็นอย่างนี้ไปตลอดแหละดีแล้ว
มะเฟืองถอนหายใจอย่างโล่งอก เอนตัวลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนจดคอ ความอ่อนล้าโรยแรงเพราะนอนไม่พอมาหลายคืนทำให้เพียงแค่หลับตาลงไม่ถึงสามนาที หญิงสาวก็หลับลึกหลับสนิท ไม่รับรู้เลยว่าประตูห้องถูกมือดีเปิดออกและเขาก็ก้าวเข้ามาหยุดยืนจ้องมองหน้าเธออยู่ข้างเตียงแล้วการุณย์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด อุตส่าห์ยืดเวลา ให้โอกาสพี่ชายของเธอแล้ว แต่ไอ้คนไม่เจียมกะลาหัวก็ยังไม่ยอมพาลูกสาวเขากลับมาคืน บางทีก็โอกาสที่เขาหยิบยื่นให้ก็ควรหมดอายุได้แล้ว“มะเฟือง มะเฟืองเอ๊ย!” คนที่เพิ่งนอนไปไม่ถึงชั่วโมงค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนปลุก เมื่อเห็นว่าเป็นป้าประไพ มะเฟืองจึงหลับตาลงอีกครั้ง“มะเฟืองขอนอนต่ออีกสักนิดนะจ๊ะป้า”“ไม่ได้หรอก เสี่ยบอกให้ป้ามาปลุกเอ็งลงไปทำงาน รีบๆอาบน้ำแต่งตัวลงไปข้างล่าง หรือเอ็งจะรอให้เสี่ยขึ้นมาปลุก” ป้าประไพบอกแล้วป้าประไพเดินออกจากห้องไป ชื่อของการุณย์ทำให้หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง ปลดปมผ้าถุงออก ดึง
“เห็นพี่เชิดบอกว่าเสี่ยให้พามะเฟืองไปทำงานที่โรงทำอิฐบล็อก”“อ๋อ! ได้จ้ะ ไม่มีปัญหา มะเฟืองทำงานหนักได้ทุกอย่างแหละ”“ดีแล้วล่ะ ทำตัวว่าง่ายๆ ช่วยงานเสี่ยเขาตามที่เขาบอก เขาจะได้เอ็นดู จะได้อยู่กันไปนานๆ” ป้าประไพที่กำลังเตรียมกาแฟไปเสิร์ฟให้การุณย์บอกอย่างหวังดี“ตกลงเอ็งมาเป็นตัวประกัน มาเป็นคนงาน หรือมาเป็นเล็กเป็นน้อยของเสี่ยกันแน่วะมะเฟือง” เหมียวถามตรงๆ เพราะเธอสงสัยมาตั้งแต่เสี่ยยอมให้มะเฟืองนอนพักอยู่บนบ้านแล้ว“มะเฟืองจะไปทำงานตามที่เสี่ยสั่งแล้ว ต้องไปถามพี่เชิดใช่ไหมจ๊ะว่าต้องทำอะไรบ้าง” ป้าประไพมองเหมียวด้วยสายตาปรามอยู่ในที“ไอ้เชิดมันคงรออยู่หน้าบ้าน รีบไปเถอะ ตอนกลางวันก็กินข้าวที่โรงครัวเลยนะ จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาให้เหนื่อย เลิกงานแล้วค่อยกลับมา ป้าจะทำกับข้าวไว้เผื่อ”“จ้ะ ขอบคุณนะจ๊ะป้า มะเฟืองไปก่อนนะจ๊ะ”เหมียวมองตามร่างบอบบางเดินออกจ
“เอ่อ...คนงานนึกว่าเสี่ยจะให้มะเฟืองไปทำงานที่ท้ายไร่เลยไม่ได้สนใจ แต่ผมตามไปดูแล้ว ทางนั้นใช้เดินขึ้นภูได้ มะเฟืองอาจจะเดินขึ้นภูไปหาพี่ชาย”“มันจะขึ้นไปบนภูได้ยังไง สะพานขาดแบบนั้น ถ้ามันจะไปจริงๆก็ต้องอ้อมเขาอีกตั้งสองลูก หรือมันจะไปทางนั้นจริงๆวะ” การุณย์มีสีหน้าครุ่นคิด ยายเด็กนั่นอาจจะใจเด็ดกว่าที่เขาคิด เธออาจจะเสี่ยงเดินขึ้นเขาไปหาพี่ชายจริงๆก็ได้“ไปตามคนมาสักสิบคน ให้ช่วยกันออกตามจับตัวมะเฟืองกลับมาให้ได้ ถ้าเอาตัวกลับมาไม่ได้ พวกมึงไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้า” การุณย์ขบกรามแน่น ดวงตาคู่คมดุดัน เขาพอเดาความคิดของหญิงสาวออก นี่คงคิดว่าถ้าหนีขึ้นภูไปอยู่กับพี่ชายแล้วจะปลอดภัยด้วยกันทั้งคู่เหรอ หึ! อย่าหวังเลยว่าจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของเขาไปได้ ใครที่กล้าลูบคมเสี่ยเจ๋ง มันไม่เคยตายดีสักคนหรอกมะเฟืองหอบหายใจแรงเพราะวิ่งมาไกล หญิงสาวหยุดชะงักอยู่ริมลำน้ำ สายตาผิดหวังมองสะพานข้ามลำน้ำที่บัดนี้ถูกน้ำป่าพัดจนพัง ไม่ส
1 ชีวิตแลกด้วยชีวิต “เจอไหม” เสียงห้าวทรงพลังตะคอกถามด้วยความโกรธที่อัดแน่นอยู่เต็มอก ใบหน้าหล่อคมเข้มถมึงทึงกว่าครั้งไหน ดวงตาคู่คมฉาบฉายไปด้วยประกายอาฆาตแค้น แนวกรามแกร่งขบกันจนเป็นสันนูน สองมือกำแน่นจนข้อนิ้วมือปูดโปนบ่งบอกถึงโทสะที่กักกั้นไว้ “ไม่เจอครับเสี่ย” คำตอบที่ได้ยินจากปากลูกน้องทำให้การุณย์หรือเสี่ยเจ๋ง หนุ่มใหญ่วัย42ปีสบถดังลั่น เขามองฝ่าสายฝนท่ามกลางความมืดไปยังเบื้องหน้า ถนนที่ทอดยาวหายเข้าไปในป่าเต็มไปด้วยโคลนตมและหลุมลึกมีน้ำขังอยู่เต็ม สุดวิสัยที่รถคันไหนๆจะแล่นเข้าไปได้ แสงจากสายฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่เบื้องบนทำให้มองเห็นรอบกายชัดเจนในบางครั้ง แต่ก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ การุณย์รู้ดีว่า หนทางเส้นนี้ที่จะใช้เดินทางเพื่อขึ้นไปยังหมู่บ้านในเขตอุทยานแห่งชาติซึ่งอยู่ในบนเขานั้นยากลำบากเพียงใด ยิ่งในเวลาฝนตกหนักแบบนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แทบจะเรียกได้ว่าหมู่บ้านนั้นตัดขาดจากโลกภายนอกเลยก็ว่าได้ เพราะเส้นทางเดียวที่ใช้สัญจรนั้นเต็มไปด้วยโคลนตม และหากฝืนเดินทางขึ้นไปตอนนี้ อาจจะเจอกับน้ำป่าไหลหลากพัดพาเอาชีวิตให้สูญหายไปกับสายน้ำก็เป็นได้
มะเฟืองถอนหายใจเบาๆ หญิงสาวเบือนหน้าหนีสายตาดุ เธอเพิ่งรู้ว่าสองคนนั้นหนีตามกันไปเมื่อเย็นวันนี้ รู้หลังจากที่กลับมาจากรดน้ำพรวนดินในสวนผัก พี่ชายสายเลือดเดียวกันที่มีอายุมากกว่าเธอ8ปี บอกให้เธอรู้ด้วยการเขียนข้อความสั้นๆวางไว้บนโต๊ะกินข้าว ทั้งที่เธอเคยเตือนพี่ชายแล้วว่ากรุณาหรือตัวจิ๋วนั้นอยู่สูงเกินเอื้อม พี่ชายเธอไม่ต่างจากหมามองเครื่องบิน ไม่มีวันจะได้ครองคู่กับเพื่อนสาวเธอแน่ๆ เธอบอกให้พี่ชายตัดใจ เธอเตือนกรุณาว่าไม่ให้ไปหาเธอที่บ้านอีก เพราะเกรงจะถูกครหา แต่ใครเลยจะรู้ว่าคนสองคนที่แอบคบหากันมาตั้งห้าปีโคตรใจเด็ด กล้าหนีตามกันไปโดยไม่เกรงกลัวอำนาจและความบ้าระห่ำของเสี่ยเจ๋ง “มะเฟือง!” การุณย์ตวาดเสียงดังลั่น ยังผลให้คนที่คิดไว้แล้วว่าเธออาจจะต้องรับมือกับความเกรี้ยวกราดของคนหวงลูกอย่างเขาหันหน้ากลับมาสบสายตาดุอีกครั้ง มะเฟืองพยักพเยิดยื่นหน้าใส่เขา แล้วส่งเสียงอู้อี้บอกให้รู้ว่า หากเขาต้องการคำตอบช่วยกรุณาแกะผ้าออกจากปากเธอด้วย การุณย์คำรามในลำคอด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยื่นเมื่อออกไปแกะผ้าออกจากปากให้หญิงสาว ก่อนจะถอยออกมายืนกอดอกจ้องหน้ามะเฟืองเขม็ง
“หึ! ฉันไม่เอามันถึงตายหรอก แค่จะทำให้มันจดจำไปชั่วชีวิต ว่าคนต่ำๆเศษสวะอย่างมันไม่คู่ควรกับลูกสาวฉัน” การุณย์เหยียดริมฝีปากอย่างดูแคลน จ้องมองมะเฟืองด้วยสายตาเย้ยหยัน “ถ้าเสี่ยทำอะไรพี่ไฟ คนที่จะเสียใจก็คือตัวจิ๋ว สองคนนั้นเขารักกัน เสี่ยไม่สงสารลูกสาวตัวเองเหรอ” “ความรักมันกินไม่ได้หรอกนะนังหนู อย่าพูดให้เมื่อยปากเลย รออยู่นี่ก่อนนะ ฉันจะไปลากคอพี่ชายเธอมารับโทษ ถ้าฉันได้ตัวมันมาเมื่อไร ฉันถึงจะปล่อยเธอไป” การุณย์พูดจบก็หันหลังเดินกลับไปทางประตู “เสี่ยเจ๋ง! จับผู้หญิงไม่มีทางสู้มาเป็นตัวประกัน แบบนี้มันหน้าตัวเมียชัดๆ” มะเฟืองตะโกนไล่หลังไปด้วยความโมโหสุดขีด ร่างสูงใหญ่ชะงักเท้าหันหลังกลับทันทีเมื่อถูกด่าว่าหน้าตัวเมีย การุณย์ขบกรามแน่น เดินเร็วกลับไปหาคนที่นั่งเชิดหน้าท้าทายอยู่กลางโกดัง “ปากดีนักนะ” การุณย์ใช้มือข้างเดียวบีบแก้มหญิงสาวจนปากจิ้มลิ้มเผยอขึ้น ใบหน้าสวยบิดเบ้เพราะความเจ็บ “หน้าตัวเมียของจริงน่ะคือพี่ชายเธอ รู้ว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงดูผู้หญิงให้สุขสบายได้ ยังมีหน้าพาหนีไปลำบาก ลากลูกสาวคนอื่นไปเอาทั้งที่ไม่ได้
พ่อแม่ของมะเฟืองเสียชีวิตไปตั้งแต่มะไฟยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี3 พี่ชายเธอจึงเรียนไม่จบ เขาตัดสินใจกลับมาทำงานไร่งานสวนบนที่ดินเพียง3ไร่ที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ เพื่อจะได้ดูแลและส่งเสียมะเฟืองให้เรียนจนจบมอปลาย กรุณาเป็นเพื่อนรักสมัยมอปลาย เธอได้เรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย และเพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้ไม่นาน ก็มาหนีตามพี่ชายเธอไป มะเฟืองทอดถอนใจ หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้น หลังจากที่ป้าประไพขอร้องแกมบังคับให้เธอกินอาหารมื้อเช้า ผู้สูงวัยก็ปล่อยเธอไว้ในโกดังเพียงลำพัง กระทั่งตอนเที่ยงป้าประไพกลับมาอีกครั้งพร้อมกับข้าวมื้อเที่ยง แต่มะเฟืองปฏิเสธที่จะกิน เธอแนะนำให้ป้าประไพเอาไปเททิ้งแล้วบอกเสี่ยเจ๋งว่าเธอกินแล้ว และตอนเย็นก็ไม่ต้องเอามาให้เธอกินอีก ครั้งนี้ไม่มีเสี่ยเจ๋งอยู่ด้วย ผู้สูงวัยจึงอือออพยักหน้ารับ ถือจานกลับไปโดยไม่รบเร้าเธอเหมือนเมื่อเช้า ดวงตาคู่งามมีแววอ่อนล้าโรยรายามมองไปรอบโกดัง เพราะถูกมัดมาทั้งคืนทั้งวัน ร่างกายจึงเริ่มพ่ายแพ้ให้กับความอ่อนเพลีย อาการครั่นเนื้อครั่นตัวที่เป็นมาตั้งแต่เมื่อเช้าเริ่มรุมเร้ารุนแรง มะเฟืองปวดไปทั้งตัว ปวดหัวจนแทบระเบิด หญิงสาวจับไข้ตั
“ตายแล้วเหรอ จะได้เอาไปฝัง” การุณย์นั่งลงข้างร่างสาวที่นอนตะแคงกอดตัวเองอยู่ ดวงตาของเธอปิดสนิท ผมยาวเปียกน้ำฝนดูยุ่งรุงรัง ผิวเนื้อสาวเปรอะเปื้อนขะมุกขะมอม เสื้อผ้าก็เปียกชื้นไม่น่าสบายตัวเอาเสียเลย“มะเฟือง...” เมื่อคนที่ถูกเขาเยาะเย้ยไม่กระดุกกระดิก แถมยังไม่โต้ตอบปากดีเหมือนเมื่อวาน การุณย์เริ่มเอะใจ เขายื่นมือไปจับหัวไหล่มนแล้วเขย่าเบาๆ“ล่ะ ตัวร้อนจี๋เลย” การุณย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเพิ่งนึกได้ว่าให้คนเอาตัวหญิงสาวมาไว้ที่นี่หลังจากเลยเวลาเที่ยงของอีกวันแล้ว เขาจึงตามมาดูให้แน่ใจว่าเธอยังอยู่ที่นี่หรือเปล่า เพราะตราบใดที่ยังไม่ได้ตัวพี่ชายเธอ เขาก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไปไหนเด็ดขาด แต่สภาพของหญิงสาวตอนนี้ทำให้เขาหงุดหงิดชะมัด“ยายเด็กบ้าเอ๊ย! ฉันจับเธอมาเป็นตัวประกันนะ ไม่ได้จับมาเป็นตัวปัญหา” หนุ่มใหญ่บ่นอย่างหัวเสีย “ยุ่งยากชิบเป๋ง” การุณย์บ่นเซ็งๆ ก่อนช้อนอุ้มเอาร่างสาวมาแนบอกแล้วพาเดินออกมาจากบ้านพักหลังโทรม ซึ่งแถวนี้เป็นที่พักลูกน้องของเขาทั้งแถบ เวลานี้เป็นเวลาพักเที่ยงเสียด้วย สายตาหลายคู่จึงเมียงมองมาทางเจ้านายที่กำลังอุ้มตัวประกันสาวด้วยความสงสัย“มองอะไร มีอะไรก็ไปทำกัน
“เอ่อ...คนงานนึกว่าเสี่ยจะให้มะเฟืองไปทำงานที่ท้ายไร่เลยไม่ได้สนใจ แต่ผมตามไปดูแล้ว ทางนั้นใช้เดินขึ้นภูได้ มะเฟืองอาจจะเดินขึ้นภูไปหาพี่ชาย”“มันจะขึ้นไปบนภูได้ยังไง สะพานขาดแบบนั้น ถ้ามันจะไปจริงๆก็ต้องอ้อมเขาอีกตั้งสองลูก หรือมันจะไปทางนั้นจริงๆวะ” การุณย์มีสีหน้าครุ่นคิด ยายเด็กนั่นอาจจะใจเด็ดกว่าที่เขาคิด เธออาจจะเสี่ยงเดินขึ้นเขาไปหาพี่ชายจริงๆก็ได้“ไปตามคนมาสักสิบคน ให้ช่วยกันออกตามจับตัวมะเฟืองกลับมาให้ได้ ถ้าเอาตัวกลับมาไม่ได้ พวกมึงไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้า” การุณย์ขบกรามแน่น ดวงตาคู่คมดุดัน เขาพอเดาความคิดของหญิงสาวออก นี่คงคิดว่าถ้าหนีขึ้นภูไปอยู่กับพี่ชายแล้วจะปลอดภัยด้วยกันทั้งคู่เหรอ หึ! อย่าหวังเลยว่าจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของเขาไปได้ ใครที่กล้าลูบคมเสี่ยเจ๋ง มันไม่เคยตายดีสักคนหรอกมะเฟืองหอบหายใจแรงเพราะวิ่งมาไกล หญิงสาวหยุดชะงักอยู่ริมลำน้ำ สายตาผิดหวังมองสะพานข้ามลำน้ำที่บัดนี้ถูกน้ำป่าพัดจนพัง ไม่ส
“เห็นพี่เชิดบอกว่าเสี่ยให้พามะเฟืองไปทำงานที่โรงทำอิฐบล็อก”“อ๋อ! ได้จ้ะ ไม่มีปัญหา มะเฟืองทำงานหนักได้ทุกอย่างแหละ”“ดีแล้วล่ะ ทำตัวว่าง่ายๆ ช่วยงานเสี่ยเขาตามที่เขาบอก เขาจะได้เอ็นดู จะได้อยู่กันไปนานๆ” ป้าประไพที่กำลังเตรียมกาแฟไปเสิร์ฟให้การุณย์บอกอย่างหวังดี“ตกลงเอ็งมาเป็นตัวประกัน มาเป็นคนงาน หรือมาเป็นเล็กเป็นน้อยของเสี่ยกันแน่วะมะเฟือง” เหมียวถามตรงๆ เพราะเธอสงสัยมาตั้งแต่เสี่ยยอมให้มะเฟืองนอนพักอยู่บนบ้านแล้ว“มะเฟืองจะไปทำงานตามที่เสี่ยสั่งแล้ว ต้องไปถามพี่เชิดใช่ไหมจ๊ะว่าต้องทำอะไรบ้าง” ป้าประไพมองเหมียวด้วยสายตาปรามอยู่ในที“ไอ้เชิดมันคงรออยู่หน้าบ้าน รีบไปเถอะ ตอนกลางวันก็กินข้าวที่โรงครัวเลยนะ จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาให้เหนื่อย เลิกงานแล้วค่อยกลับมา ป้าจะทำกับข้าวไว้เผื่อ”“จ้ะ ขอบคุณนะจ๊ะป้า มะเฟืองไปก่อนนะจ๊ะ”เหมียวมองตามร่างบอบบางเดินออกจ
มะเฟืองถอนหายใจอย่างโล่งอก เอนตัวลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนจดคอ ความอ่อนล้าโรยแรงเพราะนอนไม่พอมาหลายคืนทำให้เพียงแค่หลับตาลงไม่ถึงสามนาที หญิงสาวก็หลับลึกหลับสนิท ไม่รับรู้เลยว่าประตูห้องถูกมือดีเปิดออกและเขาก็ก้าวเข้ามาหยุดยืนจ้องมองหน้าเธออยู่ข้างเตียงแล้วการุณย์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด อุตส่าห์ยืดเวลา ให้โอกาสพี่ชายของเธอแล้ว แต่ไอ้คนไม่เจียมกะลาหัวก็ยังไม่ยอมพาลูกสาวเขากลับมาคืน บางทีก็โอกาสที่เขาหยิบยื่นให้ก็ควรหมดอายุได้แล้ว“มะเฟือง มะเฟืองเอ๊ย!” คนที่เพิ่งนอนไปไม่ถึงชั่วโมงค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนปลุก เมื่อเห็นว่าเป็นป้าประไพ มะเฟืองจึงหลับตาลงอีกครั้ง“มะเฟืองขอนอนต่ออีกสักนิดนะจ๊ะป้า”“ไม่ได้หรอก เสี่ยบอกให้ป้ามาปลุกเอ็งลงไปทำงาน รีบๆอาบน้ำแต่งตัวลงไปข้างล่าง หรือเอ็งจะรอให้เสี่ยขึ้นมาปลุก” ป้าประไพบอกแล้วป้าประไพเดินออกจากห้องไป ชื่อของการุณย์ทำให้หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง ปลดปมผ้าถุงออก ดึง
มะไฟตาพร่าไปกับยิ้มหวานละลายใจของคนในอ้อมแขน อดใจไม่ไหวที่จะกดจมูกลงบนแก้มเนียนอีกครั้ง กรุณาเบี่ยงหน้าหนีด้วยท่าทางเขินอาย ปลายจมูกของคนอยากหอมแก้มสาวจึงกดลงบนลำคอระหงแทน “พาตัวจิ๋วขึ้นฝั่งเถอะ หิวแล้ว” กรุณาบอกโดยไม่ยอมมองหน้าคนที่อุ้มตัวเองอยู่ มะไฟกดจมูกบนลำคอสาวแล้วสูดกลิ่นหอมดังฟอด แล้วรีบตัดใจไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้น “อืม...พี่ก็หิวแล้วเหมือนกัน กลับไปกินมาม่าอืดของเรากันเถอะ” กรุณาหัวเราะคิก มะไฟยิ้มบาง กระชับวงแขนอุ้มหญิงสาว แล้วพาเธอเดินไปยังแผ่นหินเดิม มะไฟส่งหญิงสาวขึ้นไปนั่งบนโขดหิน แล้วบอกให้เธอไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังต้นไม้เดิม ส่วนเขาขอล้างตัวอีกสักหน่อย ต่อเมื่อกรุณาสวมเสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว แล
“พี่ไฟขี้โกง ลงไปเล่นน้ำก่อนตัวจิ๋ว” เสียงงุ้งงิ้งดังมาก่อนเจ้าตัวจะทันได้เดินมาถึงริมลำธารเสียอีก มะไฟมองไปยังต้นเสียง ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นคนตัวเล็กหอบเสื้อผ้าก้าวเร็วๆเข้ามาใกล้“วางเสื้อผ้าไว้บนโขดหินตรงนั้นก่อน”กรุณารีบตามที่เขาบอก พอวางเสื้อผ้าเสร็จแล้วหันกลับไปมองคนที่ลงเล่นน้ำก่อนเธอ เขาก็ดำผุดดำว่ายอยู่กลางลำธารแล้ว คนขี้โกง!ร่างอรชรสมส่วนถูกพรางไว้ด้วยผ้าถุงโป่งพองที่ตัดเย็บโดยมียางยืดรัดเหนืออกและยาวถึงครึ่งแข้ง ผมยาวถึงกลางหลังถูกปล่อยสยาย เหนือยางรัดผ้าถุงขึ้นไปเผยผิวเนื้อเนียนขาวผ่องกระจ่างตาอย่างคนที่ไม่เคยต้องแดดต้องลม กรุณาก้าวเท้าลงไปยังลำธาร พาตัวเองขึ้นไปนั่งบนแผ่นหิน หย่อนขาลงในลำน้ำ หญิงสาวหันหน้าไปทางคนขี้โกงที่กำลังจ้วงแขนว่ายน้ำอยู่ไม่ไกล“สบู่กับแชมพูอยู่นี่นะพี่ไฟ อย่าเล่นน้ำจนลืมถูสบู่สระผมล่ะ” กรุณาตะโกนบอกเขาด้วยน้ำเสียงกวนๆกึ่งดุ“คร้าบ แม่...” มะไฟตอบรับเสียงดังฟังชัด ก
“พี่ไฟคิดถึงมะเฟืองหรือจ๊ะ”ไม่ใช่ว่าจะไม่นึกถึงเพื่อนกรุณาเองก็เป็นห่วงมะเฟืองอยู่เหมือนกัน แต่เธอมั่นใจว่าแม้พี่ชายไม่อยู่ด้วย มะเฟืองสามารถเอาตัวรอดได้ แม้เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่เธอก็เชื่อว่ามะเฟืองต้องเข้าใจเธอกับพี่ชายแน่นอน“ป่านนี้มะเฟืองคงเป็นห่วงเราแย่แล้วไม่รู้ว่าเสี่ยเจ๋งจะทำอะไรมะเฟืองหรือเปล่า”“ป๊าไม่ใช่คนแบบนั้นป๊าไม่ไปยุ่งกับมะเฟืองหรอกพี่ไฟอย่ากังวลไปเลย”กรุณาเอื้อมมือไปแตะมือที่กำมีดปลายแหลมอยู่เบาๆมะไฟเงยหน้ายิ้มให้หญิงสาว “ทำรางน้ำเสร็จแล้ว พี่จะพาไปดูลำธาร อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง”มะไฟบอกเล่าเรียบเรื่อยเขาพยายามทำสีหน้าให้ปกติที่สุดเพราะไม่อยากให้กรุณาเป็นกังวลใจไปกับเขาเสี่ยเจ๋งใจดีกับลูกสาวทั้งรักทั้งหวงไม่แปลกที่กรุณาจะมองเห็นแต่ด้านดีของผู้เป็นพ่อแต่คนนอกอย่างเขารู้
กรุณาจ่ายเงินให้ชายชราเจ้าของรถจำนวนหนึ่ง เป็นสินน้ำใจที่เขายอมให้ติดรถกระบะคันผุพังขึ้นมาที่หมู่บ้านด้วย ระหว่างการเดินทางก็ไต่ถามเรื่องที่พักว่าพอจะมีให้เช่าหรือร่วมอาศัยด้วยไหม ชายชราจึงเอ่ยปากให้ยกกระท่อมท้ายหมู่บ้านหลังนี้ให้อยู่ มันเป็นกระท่อมหลังเดิมที่เขาเคยอาศัย ก่อนจะย้ายไปอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้ที่อยู่ในหมู่บ้าน โชคดีของสองหนุ่มสาวที่กระท่อมหลังนี้มีข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นอยู่เกือบครบ แม้จะเก่าแต่มันยังใช้งานได้ก็ถือว่าโอเคพื้นที่ที่ชาวบ้านอยู่อาศัยหรือถางป่าเพื่อทำกินไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ ใครจะอยู่ตรงไหนจะยกให้ใครเพียงแค่เอ่ยปากบอกกันให้รับรู้ก็พอ ชาวบ้านอยู่กันอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ทำลายไม่ทำร้าย ทำการเกษตรปลูกผักเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูไปตามประสา ทำแค่พออยู่พอกิน แต่ก็มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันหาของป่า แล้วรวบรวมฝากกันลงไปขายให้พ่อค้าในหมู่บ้านที่ตีนภู เพื่อจะหาเงินซื้อข้าวสารอาหารแห้งมาตุนไว้ และเก็บไว้ใช้ยามจำเป็นหมู่บ้านนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ อยู่ในหุบเขาสลับซับซ้อน การเด
เช้าวันต่อมาแสงสีทองทาบทับจับขอบฟ้า เป็นแสงตะวันแรกที่อาบไล้ยอดภูหลังจากท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆฝนมาหลายวัน กรุณาขยับตัวเข้าหาไออุ่นที่อิงแอบแนบนอนมาทั้งคืน แก้มนุ่มเบียดชิดอยู่กับซอกคอแกร่ง มือข้างหนึ่งวางแหมะอยู่บนแผ่นอกกำยำน่าลูบไล้ เจ้าของท่อนแขนที่เธออาศัยหนุนนอนกอดกระชับร่างเธอแน่นขึ้นอีกนิด สายตาคู่คมจับจ้องใบหน้าสาวที่ยังคงหลับตาพริ้มราวกับเด็กน้อยที่ยังหลงวนอยู่ในห้วงฝันแสนหวาน “ตื่นได้แล้วคนขี้เซา” มะไฟปลุกคนในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เนื้อตัวนุ่มนิ่มกำลังจะทำให้เขาตบะแตก ทว่าแม่คนขี้อ่อยแบบไม่รู้ตัวว่าอ่อยกลับไม่มีท่าทีว่าจะตื่น มิหนำซ้ำเธอยังเบียดอกอวบภายใต้เสื้อยืดบางๆแนบไปกับสีข้างของเขาได้อย่างน่าหวั่นใจ “ตัวจิ๋ว ตื่นได้แล้ว” มะไฟรวบรวมสมาธิเรียกหญิงสาวอีกครั้ง กรุณาปรือตาขึ้นช้าๆ คลี่ยิ้มให้เขา มะไฟใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง คิดว่าเธอคงจะตื่นแ
“ชาร้อนอีกสักถ้วยไหม” มะไฟนั่งอยู่ส่วนที่ต่อเติมออกจากตัวกระท่อมสำหรับตั้งเตาไฟและทำครัว เขามองคนขี้หนาวอย่างเห็นใจ ชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำผู้กรำงานไร่งานสวนทำงานหนักมาตั้งแต่ยังเด็กยังรู้สึกหนาวสั่นเลย นับประสาอะไรกับคุณหนูลูกสาวเสี่ยเจ๋งผู้ไม่เคยตกระกำลำบาก เธอคงหนาวมากกว่าเขาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า กรุณาส่ายหน้า หญิงสาวกระชับผ้าห่มผืนน้อยให้แน่นขึ้นอีก ดวงตากลมโตมองผ่านหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย เธอมองเห็นเพียงสีขาวปกคลุมอยู่ด้านนอก กรุณาหันกลับมามองคนที่นั่งจ้องมองเธออยู่แล้วยิ้มบาง “ตัวจิ๋วอยากกลับบ้านไหม” มะไฟเห็นท่าทางเบื่อๆของคนที่ฉุดเขามาจากบ้าน จึงเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ...ที่จริงกรุณาไม่ได้ออกแรงฉุดกระชากเขามาหรอก เธอบอกเพียงว่าเสี่ยเจ๋งบังคับเธอให้แต่งงานกับลูกชายของเพื่อน ซึ่งเธอไม่อยากแต่ง และหากเธอต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ชีวิตเธอก็คงเหมือนตก