พ่อแม่ของมะเฟืองเสียชีวิตไปตั้งแต่มะไฟยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี3 พี่ชายเธอจึงเรียนไม่จบ เขาตัดสินใจกลับมาทำงานไร่งานสวนบนที่ดินเพียง3ไร่ที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ เพื่อจะได้ดูแลและส่งเสียมะเฟืองให้เรียนจนจบมอปลาย กรุณาเป็นเพื่อนรักสมัยมอปลาย เธอได้เรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย และเพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้ไม่นาน ก็มาหนีตามพี่ชายเธอไป
มะเฟืองทอดถอนใจ หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้น หลังจากที่ป้าประไพขอร้องแกมบังคับให้เธอกินอาหารมื้อเช้า ผู้สูงวัยก็ปล่อยเธอไว้ในโกดังเพียงลำพัง กระทั่งตอนเที่ยงป้าประไพกลับมาอีกครั้งพร้อมกับข้าวมื้อเที่ยง แต่มะเฟืองปฏิเสธที่จะกิน เธอแนะนำให้ป้าประไพเอาไปเททิ้งแล้วบอกเสี่ยเจ๋งว่าเธอกินแล้ว และตอนเย็นก็ไม่ต้องเอามาให้เธอกินอีก ครั้งนี้ไม่มีเสี่ยเจ๋งอยู่ด้วย ผู้สูงวัยจึงอือออพยักหน้ารับ ถือจานกลับไปโดยไม่รบเร้าเธอเหมือนเมื่อเช้า
ดวงตาคู่งามมีแววอ่อนล้าโรยรายามมองไปรอบโกดัง เพราะถูกมัดมาทั้งคืนทั้งวัน ร่างกายจึงเริ่มพ่ายแพ้ให้กับความอ่อนเพลีย อาการครั่นเนื้อครั่นตัวที่เป็นมาตั้งแต่เมื่อเช้าเริ่มรุมเร้ารุนแรง มะเฟืองปวดไปทั้งตัว ปวดหัวจนแทบระเบิด หญิงสาวจับไข้ตัวร้อน หากแต่กลับรู้สึกหนาวสั่นทรมาน ริมฝีปากที่เคยอิ่มตึงสีชมพูสวยกลับแห้งผากเป็นขุย ลมหายใจเข้าออกร้อนผะผ่าวราวไอร้อนจากเตาไฟ
มะเฟืองกวาดสายตามองรอบกายที่เริ่มถูกความมืดมิดเข้าปกคลุม ก่อนหลับตาลงเมื่อไม่สามารถเอาชนะพิษไข้ที่เล่นงานได้ สติรับรู้ค่อยๆเลือนราง ห่วงสุดท้ายที่ยังติดค้างอยู่คือพี่ชาย ก่อนเธอจะหมดสติไปทั้งที่ยังถูกมัดติดกับเก้าอี้
“เสี่ยครับ น้องของไอ้มะไฟหมดสติไปแล้วครับ” เชิดชัยลูกน้องใกล้ชิดของการุณย์เข้ามารายงานให้เจ้านายทราบตอนสองทุ่ม ขณะที่การุณย์นั่งทำงานในห้องทำงานของบ้านหลังใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่หลังร้านขายวัสดุก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ของเขาเอง ด้านหลังบ้านเป็นที่ดินผืนกว้าง เขาทำการเกษตรผสมผสาน ให้ลูกน้องปลูกข้าวทำนา เลี้ยงเป็ดเลี้ยงปลาปลูกผักกินกันภายในอาณาจักรของเขา อาณาจักรที่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาวุ่นวาย
“ตอแหลหรือเปล่า มึงเอาน้ำสาดมันหรือยัง” การุณย์กัดฟันถามด้วยความแค้นใจเมื่อได้ยินชื่อไอ้มะไฟ เพราะเมื่อเช้าหลังจากที่เขายกโขยงพาลูกน้องเดินทางออกจากบ้าน เพื่อไปตามหาลูกสาว แต่พอไปถึงตีนภู เขากลับพบว่าถนนหนทางไม่เป็นใจเอาเสียเลย ฝนที่ตกลงมาต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ทำให้เส้นทางขึ้นภูเขาไม่สามารถใช้สัญจรได้ หมู่บ้านนั้นถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง เขาพาลูกน้องกลับมาถึงบ้านตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว แต่เพราะความโกรธ ความแค้นที่อัดแน่นเต็มหัวใจ เขาจึงยังไม่ยอมปล่อยมะเฟืองให้เป็นอิสระ เธอต้องอยู่ที่นี่จนกว่าเขาจะได้ลูกสาวกลับคืนมา และจนกว่าพี่ชายของเธอจะได้รับโทษทัณฑ์จากเขา
“เอ่อ...น่าจะหมดสติไปจริงๆครับ ป้าประไพไปดูแล้วบอกว่า มะเฟืองตัวร้อนมาก และก็มีอาการหนาวสั่นตลอดเวลาครับ” น้ำเสียงของลูกน้องที่ดูเป็นห่วงตัวประกันของเขาทำให้การุณย์ตวัดสายตาดุมอง เชิดชัยรีบก้มหน้าแก้ตัว
“ผมกลัวว่ามันจะมาตายในที่ของเสี่ยครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นเสี่ยอาจจะมีปัญหากับตำรวจนะครับ” การุณย์เอนกายพิงพนักเก้าอี้ตัวใหญ่ เขาจ้องมองลูกน้องพร้อมกับคิดตามคำพูดของมัน
“งั้นเอามันไปไว้ที่บ้านพักคนงาน ว่างอยู่หลังหนึ่งใช่ไหม”
“หลังที่อยู่ไกลที่สุดนั่นเหรอครับ หลังนั้นหลังคารั่ว ประตูพัง หน้าต่างปิดไม่ได้ ที่นอนหมอนมุ้งก็ไม่มีนะครับเสี่ย” เชิดชัยรายงานข้อมูลไปตามจริง
“ไอ้เชิด!” การุณย์ยืนขึ้นพร้อมตบโต๊ะเสียงดัง เขามองหน้าลูกน้องด้วยความโมโห นี่มันเป็นลูกน้องเขา หรือลูกน้องยายมะเฟืองอะไรนั่นกันแน่
“ครับเสี่ย” คนถูกตวาดเสียงดังขานรับเสียงอ่อย
“ถ้ามึงเป็นห่วงมันมาก มึงก็เอาไปนอนที่บ้านพักของมึง เอามันเป็นเมียเพิ่มอีกสักคนไหม ไอ้หอกหัก!” การุณย์ชี้หน้าเชิดชัยและตะคอกเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
“มะ...ไม่ล่ะครับ ผมยังไม่อยากถูกนังเหมียวฆ่าปาดคอครับ” เชิดชัยคนเกรงใจเมียตอบแล้วยิ้มแหย
“งั้นก็ไปจัดการตามที่กูบอก หายาให้มันแดกด้วย เดี๋ยวจะตายห่าซะก่อนที่กูจะจับตัวพี่ชายมันได้” การุณย์ถอนหายใจแรงแล้วนั่งลง เขาก้มหน้าคลึงขมับตัวเองด้วยความเครียดจัด
“ครับเสี่ย” คนกลัวพายุอารมณ์ของเจ้านายรีบรับคำแล้วชิ่งหนีออกจากห้องไปทำตามคำสั่งทันที
2 ต่อรอง จองจำ
กลางดึกในคืนที่ฝนเทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้าจะถล่ม เสียงลมพัดหวีดหวิดกับเสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาบ้านพักคนงานหลังโทรม ดังกลบเสียงสะอื้นของคนที่ไม่มีแม้แรงขยับตัว ลมแรงพัดเม็ดฝนกระเซ็นเข้ามาปะทะนวลเนื้อสาว มะเฟืองนอนสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บใจ กอดตัวเองคุดคู้อยู่บนพื้นปูนเย็นเฉียบและเปียกแฉะ ร่างสาวสั่นเทาน่าสงสาร ฟันซี่สวยกระทบกันดังกึกๆ ดวงตาคู่งามหลับแน่น ทั้งที่เนื้อตัวร้อนผ่าวราวกับโดนไฟสุม แต่มะเฟืองกลับรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งกาย กว่าแสงตะวันของรุ่งอรุณใหม่จะมาถึง คนที่นอนหนาวรวดร้าวทั้งกายก็หมดสติไปตั้งแต่กลางดึก และดูเหมือนว่าเธอจะถูกลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าถูกขังอยู่ที่นี่
“ตายแล้วเหรอ จะได้เอาไปฝัง” การุณย์นั่งลงข้างร่างสาวที่นอนตะแคงกอดตัวเองอยู่ ดวงตาของเธอปิดสนิท ผมยาวเปียกน้ำฝนดูยุ่งรุงรัง ผิวเนื้อสาวเปรอะเปื้อนขะมุกขะมอม เสื้อผ้าก็เปียกชื้นไม่น่าสบายตัวเอาเสียเลย“มะเฟือง...” เมื่อคนที่ถูกเขาเยาะเย้ยไม่กระดุกกระดิก แถมยังไม่โต้ตอบปากดีเหมือนเมื่อวาน การุณย์เริ่มเอะใจ เขายื่นมือไปจับหัวไหล่มนแล้วเขย่าเบาๆ“ล่ะ ตัวร้อนจี๋เลย” การุณย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเพิ่งนึกได้ว่าให้คนเอาตัวหญิงสาวมาไว้ที่นี่หลังจากเลยเวลาเที่ยงของอีกวันแล้ว เขาจึงตามมาดูให้แน่ใจว่าเธอยังอยู่ที่นี่หรือเปล่า เพราะตราบใดที่ยังไม่ได้ตัวพี่ชายเธอ เขาก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไปไหนเด็ดขาด แต่สภาพของหญิงสาวตอนนี้ทำให้เขาหงุดหงิดชะมัด“ยายเด็กบ้าเอ๊ย! ฉันจับเธอมาเป็นตัวประกันนะ ไม่ได้จับมาเป็นตัวปัญหา” หนุ่มใหญ่บ่นอย่างหัวเสีย “ยุ่งยากชิบเป๋ง” การุณย์บ่นเซ็งๆ ก่อนช้อนอุ้มเอาร่างสาวมาแนบอกแล้วพาเดินออกมาจากบ้านพักหลังโทรม ซึ่งแถวนี้เป็นที่พักลูกน้องของเขาทั้งแถบ เวลานี้เป็นเวลาพักเที่ยงเสียด้วย สายตาหลายคู่จึงเมียงมองมาทางเจ้านายที่กำลังอุ้มตัวประกันสาวด้วยความสงสัย“มองอะไร มีอะไรก็ไปทำกัน
“ก็แค่แมวป่วยตัวหนึ่งล่ะวะ” การุณย์ส่ายหน้ากับท่าทีสิ้นฤทธิ์ของหญิงสาว เขาเริ่มลงมือปลดเสื้อผ้าออกจากร่างสาวโดยการฉีกเสื้อยืดจนขาดหลุดจากร่างบางลวงตาเป็นลำดับแรก เรือนร่างขาวนวลเนียนใต้เสื้อยืดมอซอทำให้หนุ่มใหญ่ตาลุกวาว โนมเนื้อก้อนอวบใต้เสื้อชั้นในสีซีดกลางเก่ากลางใหม่ทำให้เขากลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่“น่าเจี๊ยะเหมือนกันนะเรา ยายเด็กปากดี” หนุ่มใหญ่เจ้าสำราญผู้ผ่านสังเวียนรักมาโชกโชนยิ้มมุมปาก เขาสอดมือลงใต้แผ่นหลังเนียน เพียงมือเดียวก็ปลดตะขอเสื้อชั้นในผืนจ้อยที่ห่อหุ้มเต้าทรวงสาวได้อย่างง่ายดาย เขาใช้สองมือฉีกจนมันขาด ก่อนโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี ก้อนเนื้อเด้งหยุ่นดีดตัวทันทีหลังหลุดจากพันธนาการ ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจหนุ่มใหญ่เต้นตึกตักราวกับเด็กหนุ่มเพิ่งเห็นนมสาวครั้งแรก“ตัวเล็กแต่นมใหญ่” การุณย์รำพึง สายตาจับจ้องนมสาวอย่างตื่นตาตื่นใจ เขารู้สึกน้ำลายสอ ต่อมน้ำลายราวกับถูกเปิดก๊อก มันไหลออกมาจนเต็มกระพุ้งแก้ม“หนาว...” เสียงแหบพร่าของคนที่ถูกเขาเปลื้องผ้าท่อนบนออกจนเกลี้ยงดึ
มะเฟืองขยับตัวหย่อนขาลงข้างเตียง วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ เธอจะต้องรีบหาย จะได้แข็งแรง แล้วจะได้รีบตามพี่ชายขึ้นไปอยู่บนภู มะเฟืองตักข้าวต้มกินจนหมดชาม กินยาอย่างที่เหมียวเตรียมไว้ให้ แล้วลุกขึ้นเดินโงนเงนไปทางห้องน้ำที่เธอมองเห็นอยู่ไม่ไกลจากเตียง ทว่าเดินไปไม่กี่ก้าว ขาเจ้ากรรมก็ดันอ่อนแรงลงดื้อๆ ร่างบอบบางจึงล้มลงนั่งแหม็บบนพื้น มะเฟืองมองไปรอบๆห้อง เธอรู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวหมุนติ้วๆไปหมด เวียนหัวจนอยากจะอาเจียนออกมา แต่เธอพยายามฝืนกระถดตัวไปจนถึงประตูห้องน้ำ และเพียงเธอพาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องน้ำได้ยังไม่ทันพ้นกรอบประตูดี หญิงสาวก็โก่งคออาเจียนออกมาเลอะพื้นห้องน้ำอย่างสุดจะกลั้นการุณย์วางปากกาในมือลงทันทีเมื่อเหมียวมาบอกว่ามะเฟืองฟื้นไข้แล้ว หนุ่มใหญ่ก้าวยาวๆเดินขึ้นบันไดตรงดิ่งไปยังห้องที่หญิงสาวอยู่ เมื่อไปหยุดอยู่ที่ประตูหน้าห้อง เขายิ้มมุมปาก ดวงตาคู่คมกล้าเป็นประกายแฝงแววเจ้าเล่ห์ มือเรียวอย่างผู้ชายทว่าหยาบกร้านเพราะกรำงานหนักทุกอย่างเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ขออนุญาตคนที่อยู่ในห้อง&n
“ไม่เคยใช้ และไม่อยากใช้สักนิด” มะเฟืองก้มหน้ากัดฟันตอบเสียงลอดไรฟัน ไม่ยอมเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่บนขอบอ่าง เธอเกลียดเขา เกลียดคนดูถูกคน คิดว่าตัวเองเพียบพร้อมแล้วจะมากล่าววาจาดูถูกคนอื่นยังไงก็ได้เหรอ “ไม่อยากใช้ก็ต้องได้ใช้” การุณย์บอกเสียงยั่วยวนกวนประสาท “ออกไป” เสียงสั่นน้อยๆออกคำสั่งเบาๆ หากคนได้ยินเพียงยักไหล่และนั่งอยู่ที่เดิมต่อไป กระทั่งน้ำในอ่างได้ระดับที่พอใจ การุณย์จึงเอื้อมมือปิดก๊อกน้ำ เขาลุกขึ้นยืนกอดอกแล้วถอยไปยืนพิงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า สายตาคมปลาบจับจ้องร่างสาวเขม็ง “อาบน้ำได้แล้วมะเฟือง ถ้าเธอเรื่องมากโยกโย้ ฉันจะลงไปอาบให้เธอเอง” มะเฟืองเบี่ยงหน้ากลับมามองคนขู่ด้วยสายตาเอาเรื่อง ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นด้วยความคับแค้นใจที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ การุณย์ยิ้มมุม
“ชาร้อนอีกสักถ้วยไหม” มะไฟนั่งอยู่ส่วนที่ต่อเติมออกจากตัวกระท่อมสำหรับตั้งเตาไฟและทำครัว เขามองคนขี้หนาวอย่างเห็นใจ ชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำผู้กรำงานไร่งานสวนทำงานหนักมาตั้งแต่ยังเด็กยังรู้สึกหนาวสั่นเลย นับประสาอะไรกับคุณหนูลูกสาวเสี่ยเจ๋งผู้ไม่เคยตกระกำลำบาก เธอคงหนาวมากกว่าเขาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า กรุณาส่ายหน้า หญิงสาวกระชับผ้าห่มผืนน้อยให้แน่นขึ้นอีก ดวงตากลมโตมองผ่านหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย เธอมองเห็นเพียงสีขาวปกคลุมอยู่ด้านนอก กรุณาหันกลับมามองคนที่นั่งจ้องมองเธออยู่แล้วยิ้มบาง “ตัวจิ๋วอยากกลับบ้านไหม” มะไฟเห็นท่าทางเบื่อๆของคนที่ฉุดเขามาจากบ้าน จึงเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ...ที่จริงกรุณาไม่ได้ออกแรงฉุดกระชากเขามาหรอก เธอบอกเพียงว่าเสี่ยเจ๋งบังคับเธอให้แต่งงานกับลูกชายของเพื่อน ซึ่งเธอไม่อยากแต่ง และหากเธอต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ชีวิตเธอก็คงเหมือนตก
เช้าวันต่อมาแสงสีทองทาบทับจับขอบฟ้า เป็นแสงตะวันแรกที่อาบไล้ยอดภูหลังจากท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆฝนมาหลายวัน กรุณาขยับตัวเข้าหาไออุ่นที่อิงแอบแนบนอนมาทั้งคืน แก้มนุ่มเบียดชิดอยู่กับซอกคอแกร่ง มือข้างหนึ่งวางแหมะอยู่บนแผ่นอกกำยำน่าลูบไล้ เจ้าของท่อนแขนที่เธออาศัยหนุนนอนกอดกระชับร่างเธอแน่นขึ้นอีกนิด สายตาคู่คมจับจ้องใบหน้าสาวที่ยังคงหลับตาพริ้มราวกับเด็กน้อยที่ยังหลงวนอยู่ในห้วงฝันแสนหวาน “ตื่นได้แล้วคนขี้เซา” มะไฟปลุกคนในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เนื้อตัวนุ่มนิ่มกำลังจะทำให้เขาตบะแตก ทว่าแม่คนขี้อ่อยแบบไม่รู้ตัวว่าอ่อยกลับไม่มีท่าทีว่าจะตื่น มิหนำซ้ำเธอยังเบียดอกอวบภายใต้เสื้อยืดบางๆแนบไปกับสีข้างของเขาได้อย่างน่าหวั่นใจ “ตัวจิ๋ว ตื่นได้แล้ว” มะไฟรวบรวมสมาธิเรียกหญิงสาวอีกครั้ง กรุณาปรือตาขึ้นช้าๆ คลี่ยิ้มให้เขา มะไฟใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง คิดว่าเธอคงจะตื่นแ
กรุณาจ่ายเงินให้ชายชราเจ้าของรถจำนวนหนึ่ง เป็นสินน้ำใจที่เขายอมให้ติดรถกระบะคันผุพังขึ้นมาที่หมู่บ้านด้วย ระหว่างการเดินทางก็ไต่ถามเรื่องที่พักว่าพอจะมีให้เช่าหรือร่วมอาศัยด้วยไหม ชายชราจึงเอ่ยปากให้ยกกระท่อมท้ายหมู่บ้านหลังนี้ให้อยู่ มันเป็นกระท่อมหลังเดิมที่เขาเคยอาศัย ก่อนจะย้ายไปอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้ที่อยู่ในหมู่บ้าน โชคดีของสองหนุ่มสาวที่กระท่อมหลังนี้มีข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นอยู่เกือบครบ แม้จะเก่าแต่มันยังใช้งานได้ก็ถือว่าโอเคพื้นที่ที่ชาวบ้านอยู่อาศัยหรือถางป่าเพื่อทำกินไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ ใครจะอยู่ตรงไหนจะยกให้ใครเพียงแค่เอ่ยปากบอกกันให้รับรู้ก็พอ ชาวบ้านอยู่กันอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ทำลายไม่ทำร้าย ทำการเกษตรปลูกผักเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูไปตามประสา ทำแค่พออยู่พอกิน แต่ก็มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันหาของป่า แล้วรวบรวมฝากกันลงไปขายให้พ่อค้าในหมู่บ้านที่ตีนภู เพื่อจะหาเงินซื้อข้าวสารอาหารแห้งมาตุนไว้ และเก็บไว้ใช้ยามจำเป็นหมู่บ้านนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ อยู่ในหุบเขาสลับซับซ้อน การเด
“พี่ไฟคิดถึงมะเฟืองหรือจ๊ะ”ไม่ใช่ว่าจะไม่นึกถึงเพื่อนกรุณาเองก็เป็นห่วงมะเฟืองอยู่เหมือนกัน แต่เธอมั่นใจว่าแม้พี่ชายไม่อยู่ด้วย มะเฟืองสามารถเอาตัวรอดได้ แม้เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่เธอก็เชื่อว่ามะเฟืองต้องเข้าใจเธอกับพี่ชายแน่นอน“ป่านนี้มะเฟืองคงเป็นห่วงเราแย่แล้วไม่รู้ว่าเสี่ยเจ๋งจะทำอะไรมะเฟืองหรือเปล่า”“ป๊าไม่ใช่คนแบบนั้นป๊าไม่ไปยุ่งกับมะเฟืองหรอกพี่ไฟอย่ากังวลไปเลย”กรุณาเอื้อมมือไปแตะมือที่กำมีดปลายแหลมอยู่เบาๆมะไฟเงยหน้ายิ้มให้หญิงสาว “ทำรางน้ำเสร็จแล้ว พี่จะพาไปดูลำธาร อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง”มะไฟบอกเล่าเรียบเรื่อยเขาพยายามทำสีหน้าให้ปกติที่สุดเพราะไม่อยากให้กรุณาเป็นกังวลใจไปกับเขาเสี่ยเจ๋งใจดีกับลูกสาวทั้งรักทั้งหวงไม่แปลกที่กรุณาจะมองเห็นแต่ด้านดีของผู้เป็นพ่อแต่คนนอกอย่างเขารู้
ด่วนพิเศษ2“เฮีย ลูกหลับหรือยังจ๊ะ” มะเฟืองเดินเช็ดปลายผมออกมาจากห้องน้ำ เอ่ยถามสามีที่รับหน้าที่กล่อมลูกชายวัยขวบเศษอยู่บนเตียง“ชู่ว์! เบาๆสินังหนู กว่าไอ้มะเขือม่วงจะหลับได้ เฮียแทบกระอักเลือดนะ”“เฮี้ย! เอาอีกแล้วนะ เรียกลูกแบบนี้อีกแล้ว เดี๋ยวเถอะ” มะเฟืองพาดผ้าเช็ดตัวไว้ที่ราวหน้าห้องน้ำ หญิงสาวเดินมาที่เตียงแล้วส่งสายตาดุให้สามี“เฮียเขยิบไปหน่อย หนูจะเอาตัวอ้วนไปนอนเตียงเด็ก” เมื่อสามีขยับเปิดทางให้ มะเฟืองจึงช้อนอุ้มเจ้าตัวอ้อนแนบอก แล้วอุ้มไปวางเตียงเด็กซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากเตียงใหญ่การุณย์มองตามบั้นท้ายเมียด้วยสายตาหวานฉ่ำหยาดเยิ้ม วันนี้เขาเร่งเคลียร์งาน รีบขึ้นมาหาเมียกับลูก หลังจากที่สามวันที่ผ่านมาลูกหลับก่อนเจอหน้าเขาตลอด“ป๊าพาเล่นซนจนเพลียใช่ไหมเนี่ย หลับไม่รู้เรื่องเลย เจ้าตัวอ้วน” มะเฟืองดึง
การุณย์ทอดถอนใจอย่างมีความสุข เสียวกระสันจนทะลุทุกสวรรค์ชั้นฟ้า หนุ่มใหญ่ยิ้มให้คนที่คลานคร่อมร่างของตนขึ้นมาจนใบหน้าเสมอกัน เขากอบใบหน้านวลไว้ด้วยสองมือ ใช้นิ้วโป้งข้างหนึ่งไล้เบาๆบนริมฝีปากอิ่มสีเรื่อ “เก่ง” คำชมของสามีทำให้มะเฟืองยิ้มหวาน ก้มลงจุ๊บเบาๆบนริมฝีปากหยักได้รูป “เฮียสอนมาดี” คำพูดของคนอยู่เป็นส่งผลให้เธอได้รับรางวัลเป็นจูบหวานๆอีกหนึ่งยก “ให้เฮียเลียบ้าง” เสียงบอกกระเส่าสั่น ลิ้นสากแลบเลียริมฝีปากของตนอย่างหื่นกระหาย มะเฟืองพลิกกายลงนอนหงาย รอกระทั่งสามีมานั่งอยู่หว่างขาเรียว หญิงสาวจึงเปิดอ้ากลีบสาว ด้วยการกางขาออกจนสุดแล้วชันเข่าขึ้น สองมือวางทาบเนินนาง แบะอ้าออกให้
“พูดอะไรกัน วาสนงวาสนาอะไร เป็นเมียเฮีย อยากไปไหนก็จะได้ไป ขอแค่บอก” “หนูอยากไปดาวอังคาร เฮียพาไปได้ไหม” มะเฟืองเงยหน้าขึ้นถามสามี หญิงสาวยิ้มล้อเลียนเจ้าเล่ห์ เสี่ยเจ๋งส่ายหน้ายิ้มน้อยๆ “ดาวอังคารไกลไป พาไปไม่ได้หรอก แต่ถ้าไปสวรรค์ชั้นเจ็ดล่ะก็ เฮียพาไปได้ทุกที่ทุกเวลา” “อุ๊ย! เฮีย!” มะเฟืองอุทานตกใจ เมื่อสามีย่อตัวลงอุ้มเธอแนบอก หญิงสาวรีบคล้องลำคอแกร่งไว้แน่น เธอกลัวตก “ป่ะ! ไปทัวร์สวรรค์ชั้นเจ็ดกันเถอะ” ร่างอวบอิ่มของคุณแม่ยังสาวถูกวางลงอย่างทะนุถนอมบนเตียงกว้าง มะเฟืองสบสายตากับสามี
การุณย์กอบใบหน้าเมียด้วยมือสองข้าง ค่อยๆจับให้เธอหันมามองหน้าเขา “ไม่อยากได้ลูกชายเหรอ” น้ำเสียงทุ้มถามด้วยความเป็นกังวล “ไม่เกี่ยวกับลูกสักหน่อย จะลูกสาวหรือลูกชายหนูก็รัก เพราะเขาเป็นลูกของหนู” เมื่อเมียยอมเปิดปากพูดด้วย การุณย์ก็ยิ้มได้ “แล้วทำไมต้องทำหน้าหงิกงอ ไม่สวยเลย” “ไม่สวยก็ไม่ต้องมารัก” “อ้าว! เป็นงั้นไป” คนถูกเมียงอนหัวเราะในลำคอ ดวงตาคู่งามตวัดมองไม่พอใจ&
“กว่าจะได้นอนกอดกันแบบนี้ก็เล่นเอาเกือบตายเนอะ” มะไฟบ่นไม่จริงจัง กรุณาหัวเราะคิก หญิงสาวจุ๊บคางสามีเบาๆ“แต่เราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว” กรุณาเบียดกายเข้าหาความอบอุ่นจากร่างกำยำ มะไฟโอบกอดร่างสาวแน่นขึ้นอีกนิด“ใช่ เราได้อยู่ด้วยกันแล้ว และพี่จะไม่มีวันปล่อยมือจากตัวจิ๋วเด็ดขาด พี่สัญญา”กรุณาหลับตาลงด้วยความอุ่นใจในอ้อมกอดสามี แม้เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาจะดูวุ่นวายและโหดร้ายในบางช่วง แต่สุดท้ายแล้ว วันนี้เธอก็ได้ใช้ชีวิตคู่กับคนรัก และป๊าของเธอก็มีคนที่รักและรักท่านมาอยู่ข้างกาย เส้นทางความรักของเธอกับพี่ไฟนั้นยาวนานหลายปี กว่าจะลงเอยกันได้แบบสวยงาม แต่เส้นทางความรักของป๊ากับมะเฟืองนั้นเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ เป็นเส้นทางรักสายด่วน...ด่วนพิศวาส-จบบริบูรณ์-ด่วนพิเศษ 1&nbs
“ทำไมยังไม่นอน” เพราะสังเกตมาพักใหญ่แล้วว่า ช่วงหลังๆนี่มะเฟืองนอนเร็วมาก และหลับลึก แบบปลุกยังไงก็ไม่ตื่นด้วย ท่าทางเธอก็เหนื่อยๆ เขาเลยไม่อยากกวนเท่าไร ปล่อยให้เธอนอนสบายมาหลายคืนแล้ว “รอเฮียนั่นแหละ” ปากขยับพูด แต่ตาจะปิดอยู่รอมร่อ การุณย์หัวเราะในลำคอ เขาเดินไปนั่งลงใกล้เธอ โอบเอาร่างแน่งน้อยมากอด แล้วจุ๊บเหม่งเบาๆ “ง่วงก็นอน เดี๋ยวเฮียอาบน้ำก่อน จะมานอนกอดนะ” มะเฟืองพยักหน้ารับ หญิงสาวเอนกายลงนอนอย่างว่าง่าย เธอพร้อมหลับเต็มที่ การุณย์กลับออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าเมียรักหลับไปซะแล้ว เขารีบสวมกางเกงขายาวผ้าฝ้าย เปลือยท่อนบน ปิดไฟทุกดวง แล้วคลานขึ้นเตียงไปนอนกอดเมีย มะเฟืองรับรู้
การุณย์ให้มะไฟเรียนรู้งานทุกอย่างที่ควรรู้ เพื่อจะได้นำไปใช้งานจริงในวันที่เขาจะเปิดร้านใหม่ให้ที่ต่างอำเภอ ตามที่เคยตกลงกันไว้ ซึ่งชายหนุ่มก็ขยันขันแข็งทำงาน และเรียนรู้ทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจ “ทำไมมะเฟืองไม่ท้องบ้างนะ” คนอยากมีลูกอีกคนหันไปถามภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ คิ้วเข้มขมวดมุ่นสงสัย “เฮียทำไม่เป็นมั้ง” มะเฟืองว่ายิ้มๆ คนถูกสบประมาทแทบสำลักน้ำที่ยกขึ้นจิบ การุณย์หันมาสบตาแม่ตัวดีอย่างคาดโทษ มะเฟืองมองเมินสายตาของสามี เธอหันไปพูดกับพี่ชายต่อโดยไม่สนใจเขาอีก “พี่ไฟไปทำงานเถอะ หนูจะอยู่เป็นเพื่อนตัวจิ๋วให้เอง ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ” “ตัวจิ๋วอยู่กับมะเฟืองก็ได้ ตัวจิ๋วแพ้แค
“ตรงนี้ก็หอม” การุณย์เลื่อนใบหน้าลงไปจนถึงกลุ่มไหมเหนือเนินสาว เขาสูดดมเสียงดังฟอด มะเฟืองบิดตัวหนี ทุบตีบ่าบึกบึนไปหลายที ทว่าคนอยากมอบกายถวายตัวให้เมียไม่ระคายผิวแม้แต่น้อย“อื้อ! เฮีย! ยังไม่ได้ล้าง” เพราะมันผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมา น้ำสวาททั้งของเขาและเธอปนเปกันอยู่ตรงนั้น มะเฟืองจึงรีบเอ่ยห้ามอย่างตกใจ“ไม่ล้างก็หอม กระดองเต่าน้อย” การุณย์การันตีความหอมด้วยการสูดดมเสียงดังฟอดอีกครั้ง มะเฟืองอ่อนอกอ่อนใจที่จะห้ามปราม หญิงสาวประชดเขาด้วยการกางขาออกสุด การุณย์หัวเราะพอใจ ประชดแบบนี้เขาชอบ“หอมอีกสิ” อายซะที่ไหน ก็ในเมื่อเตือนไม่ฟัง เธอก็ทำประชดเสียเลยดวงตาคู่คมจับจ้องดอกไม้บานฉ่ำในระยะประชิด มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ สวย น่าหลงใหล และเขาก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้น และตอนนี้ก็ไม่คิดจะโงหัวขึ้นด้วยการุณย์ฝังใบหน้าลงบนผืนเนื้อสาว มันเปียกโชก ชุ่มฉ่ำ แต่เนื้ออ่อนสาวก็หวานละมุนลิ้น กลิ่นสาบสาวก็ยวนใจ ปาดเ
“อ้วกออกมาก็ได้” มะเฟืองทำท่าจะล้วงคออ้วกจริงๆ การุณย์ดึงมือเธอไว้แทบไม่ทัน“หนูกินไปแล้ว” การุณย์ย้ำอีกครั้ง มะเฟืองมองหน้าคนขี้งกด้วยสายตาดุ“คิดไว้ก่อนแล้วใช่ไหม” มะเฟืองมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง เขาเป็นพ่อค้าที่ไม่ยอมขาดทุนอะไรเลยจริงๆ“อย่ามาใส่ร้ายเฮีย” การุณย์พูดยิ้มๆ“กินไปกี่คำน้า” คนขี้งกทำท่าคิดคำนวณ ใบหน้าหล่อเหลากวนไม้กวนมือเหลือเกิน“ไม่รู้ ไม่ได้นับ” มะเฟืองดึงมือกลับมา ขยับตัวห่างจากเขา หญิงสาวสะบัดหน้าหนีงอนๆ การุณย์ขยับตาม โน้มใบหน้ากระซิบชิดใบหูขาว คำกระซิบบอกของเขา เล่นงานหัวใจสาวให้เต้นโครมคราม ใบหน้าร้อนผะผ่าว และยิ้มหวานเอียงอายน่ารัก การุณย์กระซิบบอกเสียงทุ้มสะกดใจสาวว่า“เฮียคิดราคาเหมาแล้วกัน ราคาเท่าหัวใจของมะเฟือง จ่ายมาซะดีๆ”บทจะหวานก็หวานปานน้ำตาลจะหยด มะเฟืองผู้ไม่ประสาตามไม่ทันคารมหนุ่มใหญ่ หญิงสาวได้แต่นั่งนิ่งเขินอาย ใบ