“หึ! ฉันไม่เอามันถึงตายหรอก แค่จะทำให้มันจดจำไปชั่วชีวิต ว่าคนต่ำๆเศษสวะอย่างมันไม่คู่ควรกับลูกสาวฉัน” การุณย์เหยียดริมฝีปากอย่างดูแคลน จ้องมองมะเฟืองด้วยสายตาเย้ยหยัน
“ถ้าเสี่ยทำอะไรพี่ไฟ คนที่จะเสียใจก็คือตัวจิ๋ว สองคนนั้นเขารักกัน เสี่ยไม่สงสารลูกสาวตัวเองเหรอ”
“ความรักมันกินไม่ได้หรอกนะนังหนู อย่าพูดให้เมื่อยปากเลย รออยู่นี่ก่อนนะ ฉันจะไปลากคอพี่ชายเธอมารับโทษ ถ้าฉันได้ตัวมันมาเมื่อไร ฉันถึงจะปล่อยเธอไป” การุณย์พูดจบก็หันหลังเดินกลับไปทางประตู
“เสี่ยเจ๋ง! จับผู้หญิงไม่มีทางสู้มาเป็นตัวประกัน แบบนี้มันหน้าตัวเมียชัดๆ” มะเฟืองตะโกนไล่หลังไปด้วยความโมโหสุดขีด ร่างสูงใหญ่ชะงักเท้าหันหลังกลับทันทีเมื่อถูกด่าว่าหน้าตัวเมีย การุณย์ขบกรามแน่น เดินเร็วกลับไปหาคนที่นั่งเชิดหน้าท้าทายอยู่กลางโกดัง
“ปากดีนักนะ” การุณย์ใช้มือข้างเดียวบีบแก้มหญิงสาวจนปากจิ้มลิ้มเผยอขึ้น ใบหน้าสวยบิดเบ้เพราะความเจ็บ
“หน้าตัวเมียของจริงน่ะคือพี่ชายเธอ รู้ว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงดูผู้หญิงให้สุขสบายได้ ยังมีหน้าพาหนีไปลำบาก ลากลูกสาวคนอื่นไปเอาทั้งที่ไม่ได้มาสู่ขอตบแต่ง ไม่ให้เกียรติผู้หญิงแบบนี้ โคตรหน้าตัวเมียเลยเธอว่าไหม” การุณย์สะบัดมือออกจากแก้มเนียนไม่เบานัก ใบหน้าของมะเฟืองหันไปตามแรงสะบัดมือของเขา ก่อนจะหันกลับมามองเขาด้วยดวงตาวาววับ
“ไม่ใช่! พี่ไฟไม่มีวันทำแบบนั้นกับตัวจิ๋ว พี่ไฟจะไม่ล่วงเกินตัวจิ๋วแน่นอน” มะเฟืองเถียงคอเป็นเอ็น พี่ชายเธอเป็นคนดี เขาไม่เคยล่วงเกินเพื่อนสาวเธอแม้แต่ปลายก้อย สองคนนั้นรักกันด้วยหัวใจ
“จุ๊ๆ...นังหนูโลกสวย ฉันจะบอกอะไรให้นะ หญิงชายอยู่ด้วยกันตามลำพัง ไม่มีวันที่เรื่องอย่างว่าจะไม่เกิดขึ้น” การุณย์จงใจไล้มือไปบนต้นแขนเนียนเพื่อขู่ขวัญแม่คนช่างเถียง
“ไม่มีใครเขาคิดสกปรกเหมือนเสี่ยหรอก” มะเฟืองสะบัดกายฮึดฮัด จ้องมองไอ้เสี่ยจิตใจสกปรกด้วยความขยะแขยง
การุณย์ยิ้มเหี้ยม เขาเดินวนรอบมะเฟืองช้าๆ และใช้มือลูบไล้บ่าบอบบางด้วยท่าทางคุกคาม ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาว แล้วก้มลงจนใบหน้าของเขาแทบจะชนกับใบหน้าของเธอ มะเฟืองผงะหนีด้วยความตื่นตระหนก
“อืม...ฉันมันคนชอบคิดสกปรก และก็ชอบทำอะไรสกปรกด้วย รู้อะไรไหมมะเฟือง หัวใจกับหัวไอ้นั่นของผู้ชายมันใช้สมองคนละส่วนกัน ดังนั้น ถึงไม่รักก็เอากันได้ เธออยากลองไหม ฉันจะสนองให้ถึงใจเลยเชียวล่ะ” มะเฟืองเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หันกลับมาจ้องหน้าคนพูดจาหยาบคายอย่างเอาเรื่อง หญิงสาวหอบหายใจแรงด้วยความโกรธ แค้นที่ทำอะไรไม่ได้เพราะถูกมัดติดกับเก้าอี้ แค้นเพราะการุณย์สัมผัสร่างกายเธอ แม้เพียงเล็กน้อยเธอก็ไม่ชอบ
“ทุเรศ! ไอ้เสี่ยบ้ากาม กับเพื่อนลูกสาวก็ยังไม่เว้น ความคิดสกปรก”
“จะเป็นอะไรไปเล่า ในเมื่อผู้หญิงคนไหนก็มีรูให้เสียบเหมือนกันนั่นแหละ เธอก็มีใช่ไหมมะเฟือง” การุณย์วางมือลงบนต้นขาหญิงสาว มะเฟืองมองมือที่วางแหมะลงบนต้นขาของตนด้วยใจเต้นระทึก หนุ่มใหญ่เลื่อนมันขึ้นมาช้าๆ จนมาหยุดอยู่ที่เอวคอด เขาทำท่าเหมือนจะสอดมือผ่านขอบกางเกงขาสั้นที่มะเฟืองสวมอยู่
“อย่าทำอะไรบ้าๆนะ” มะเฟืองขู่ฟ่อ ร่างสาวสั่นเทาด้วยความกลัวจับใจ
“หึ! อย่าปากดีกับฉัน เพราะฉันไม่ใช่คนใจดี รออยู่ที่นี่ จนกว่าฉันจะได้ตัวพี่ชายเธอกลับมาทำโทษ” การุณย์ดึงมือกลับมาซุกลงกระเป๋ากางเกงยีนของตน เขายืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาคู่คมหลุบมองคนปากดีแล้วยิ้มมุมปากอย่างผู้ที่เหนือกว่า
มะเฟืองก้มหน้า ไม่กล้าสบตากับเขา เธอเริ่มรู้ตัวแล้วว่า เธอไม่ใช่คู่ต่อกรของเสี่ยเจ๋ง เขาเหนือกว่าเธอหลายขุม เขารู้วิธีขู่ให้เธออยู่ในความสงบได้อย่างง่ายดาย
“ไปจัดการป้อนข้าวป้อนน้ำมะเฟืองให้สำเร็จ”การุณย์เดินออกมาจากโกดังแล้วสั่งป้าประไพที่ยังคงรออยู่หน้าโกดัง เพราะป้าประไพรู้ใจเจ้านายดีว่าไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำขนาดที่จะปล่อยให้ใครอดข้าวอดน้ำได้
“จ้ะเสี่ย” ป้าประไพรับคำ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในโกดังอีกครั้ง
การุณย์มองตามแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ วันนี้เขาจะต้องพาตัวลูกสาวกลับมาให้ได้ และจะต้องจับไอ้คนที่มันบังอาจพาลูกสาวเขาหนีมาลงโทษให้สาสมให้จงได้ แต่ยายคนปากดีในโกดังนั่นสิ จะยอมกินข้าวกินปลาไหม เนื้อตัวก็รุมๆ จะเป็นไข้หรือเปล่าก็ไม่รู้
“เฮ้ย! แล้วจะห่วงทำไมวะ” การุณย์บ่นอย่างหัวเสีย เขาสะบัดหน้าแรงๆ ก่อนจะก้าวฉับๆไปยังรถกระบะคันใหญ่ที่ลูกน้องสตาร์ตรออยู่ไม่ไกล จุดหมายปลายทางของเขาและลูกน้องคือหมู่บ้านในเขตอุทยานบนภูเขา
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ได้ มะเฟืองรู้แต่ว่ามันนานมาก เธอเป็นห่วงพี่ชาย กลัวว่าเสี่ยเจ๋งจะทำอะไรรุนแรง กลัวว่าพี่ชายจะถูกฆ่าหมกป่าบนภูเขา เธอมีกันแค่สองคนพี่น้อง หากพี่ชายของเธอเป็นอะไรไป เธอก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะอยู่ได้อย่างไร
พ่อแม่ของมะเฟืองเสียชีวิตไปตั้งแต่มะไฟยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี3 พี่ชายเธอจึงเรียนไม่จบ เขาตัดสินใจกลับมาทำงานไร่งานสวนบนที่ดินเพียง3ไร่ที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ เพื่อจะได้ดูแลและส่งเสียมะเฟืองให้เรียนจนจบมอปลาย กรุณาเป็นเพื่อนรักสมัยมอปลาย เธอได้เรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย และเพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้ไม่นาน ก็มาหนีตามพี่ชายเธอไป มะเฟืองทอดถอนใจ หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้น หลังจากที่ป้าประไพขอร้องแกมบังคับให้เธอกินอาหารมื้อเช้า ผู้สูงวัยก็ปล่อยเธอไว้ในโกดังเพียงลำพัง กระทั่งตอนเที่ยงป้าประไพกลับมาอีกครั้งพร้อมกับข้าวมื้อเที่ยง แต่มะเฟืองปฏิเสธที่จะกิน เธอแนะนำให้ป้าประไพเอาไปเททิ้งแล้วบอกเสี่ยเจ๋งว่าเธอกินแล้ว และตอนเย็นก็ไม่ต้องเอามาให้เธอกินอีก ครั้งนี้ไม่มีเสี่ยเจ๋งอยู่ด้วย ผู้สูงวัยจึงอือออพยักหน้ารับ ถือจานกลับไปโดยไม่รบเร้าเธอเหมือนเมื่อเช้า ดวงตาคู่งามมีแววอ่อนล้าโรยรายามมองไปรอบโกดัง เพราะถูกมัดมาทั้งคืนทั้งวัน ร่างกายจึงเริ่มพ่ายแพ้ให้กับความอ่อนเพลีย อาการครั่นเนื้อครั่นตัวที่เป็นมาตั้งแต่เมื่อเช้าเริ่มรุมเร้ารุนแรง มะเฟืองปวดไปทั้งตัว ปวดหัวจนแทบระเบิด หญิงสาวจับไข้ตั
“ตายแล้วเหรอ จะได้เอาไปฝัง” การุณย์นั่งลงข้างร่างสาวที่นอนตะแคงกอดตัวเองอยู่ ดวงตาของเธอปิดสนิท ผมยาวเปียกน้ำฝนดูยุ่งรุงรัง ผิวเนื้อสาวเปรอะเปื้อนขะมุกขะมอม เสื้อผ้าก็เปียกชื้นไม่น่าสบายตัวเอาเสียเลย“มะเฟือง...” เมื่อคนที่ถูกเขาเยาะเย้ยไม่กระดุกกระดิก แถมยังไม่โต้ตอบปากดีเหมือนเมื่อวาน การุณย์เริ่มเอะใจ เขายื่นมือไปจับหัวไหล่มนแล้วเขย่าเบาๆ“ล่ะ ตัวร้อนจี๋เลย” การุณย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเพิ่งนึกได้ว่าให้คนเอาตัวหญิงสาวมาไว้ที่นี่หลังจากเลยเวลาเที่ยงของอีกวันแล้ว เขาจึงตามมาดูให้แน่ใจว่าเธอยังอยู่ที่นี่หรือเปล่า เพราะตราบใดที่ยังไม่ได้ตัวพี่ชายเธอ เขาก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไปไหนเด็ดขาด แต่สภาพของหญิงสาวตอนนี้ทำให้เขาหงุดหงิดชะมัด“ยายเด็กบ้าเอ๊ย! ฉันจับเธอมาเป็นตัวประกันนะ ไม่ได้จับมาเป็นตัวปัญหา” หนุ่มใหญ่บ่นอย่างหัวเสีย “ยุ่งยากชิบเป๋ง” การุณย์บ่นเซ็งๆ ก่อนช้อนอุ้มเอาร่างสาวมาแนบอกแล้วพาเดินออกมาจากบ้านพักหลังโทรม ซึ่งแถวนี้เป็นที่พักลูกน้องของเขาทั้งแถบ เวลานี้เป็นเวลาพักเที่ยงเสียด้วย สายตาหลายคู่จึงเมียงมองมาทางเจ้านายที่กำลังอุ้มตัวประกันสาวด้วยความสงสัย“มองอะไร มีอะไรก็ไปทำกัน
“ก็แค่แมวป่วยตัวหนึ่งล่ะวะ” การุณย์ส่ายหน้ากับท่าทีสิ้นฤทธิ์ของหญิงสาว เขาเริ่มลงมือปลดเสื้อผ้าออกจากร่างสาวโดยการฉีกเสื้อยืดจนขาดหลุดจากร่างบางลวงตาเป็นลำดับแรก เรือนร่างขาวนวลเนียนใต้เสื้อยืดมอซอทำให้หนุ่มใหญ่ตาลุกวาว โนมเนื้อก้อนอวบใต้เสื้อชั้นในสีซีดกลางเก่ากลางใหม่ทำให้เขากลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่“น่าเจี๊ยะเหมือนกันนะเรา ยายเด็กปากดี” หนุ่มใหญ่เจ้าสำราญผู้ผ่านสังเวียนรักมาโชกโชนยิ้มมุมปาก เขาสอดมือลงใต้แผ่นหลังเนียน เพียงมือเดียวก็ปลดตะขอเสื้อชั้นในผืนจ้อยที่ห่อหุ้มเต้าทรวงสาวได้อย่างง่ายดาย เขาใช้สองมือฉีกจนมันขาด ก่อนโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี ก้อนเนื้อเด้งหยุ่นดีดตัวทันทีหลังหลุดจากพันธนาการ ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจหนุ่มใหญ่เต้นตึกตักราวกับเด็กหนุ่มเพิ่งเห็นนมสาวครั้งแรก“ตัวเล็กแต่นมใหญ่” การุณย์รำพึง สายตาจับจ้องนมสาวอย่างตื่นตาตื่นใจ เขารู้สึกน้ำลายสอ ต่อมน้ำลายราวกับถูกเปิดก๊อก มันไหลออกมาจนเต็มกระพุ้งแก้ม“หนาว...” เสียงแหบพร่าของคนที่ถูกเขาเปลื้องผ้าท่อนบนออกจนเกลี้ยงดึ
มะเฟืองขยับตัวหย่อนขาลงข้างเตียง วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ เธอจะต้องรีบหาย จะได้แข็งแรง แล้วจะได้รีบตามพี่ชายขึ้นไปอยู่บนภู มะเฟืองตักข้าวต้มกินจนหมดชาม กินยาอย่างที่เหมียวเตรียมไว้ให้ แล้วลุกขึ้นเดินโงนเงนไปทางห้องน้ำที่เธอมองเห็นอยู่ไม่ไกลจากเตียง ทว่าเดินไปไม่กี่ก้าว ขาเจ้ากรรมก็ดันอ่อนแรงลงดื้อๆ ร่างบอบบางจึงล้มลงนั่งแหม็บบนพื้น มะเฟืองมองไปรอบๆห้อง เธอรู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวหมุนติ้วๆไปหมด เวียนหัวจนอยากจะอาเจียนออกมา แต่เธอพยายามฝืนกระถดตัวไปจนถึงประตูห้องน้ำ และเพียงเธอพาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องน้ำได้ยังไม่ทันพ้นกรอบประตูดี หญิงสาวก็โก่งคออาเจียนออกมาเลอะพื้นห้องน้ำอย่างสุดจะกลั้นการุณย์วางปากกาในมือลงทันทีเมื่อเหมียวมาบอกว่ามะเฟืองฟื้นไข้แล้ว หนุ่มใหญ่ก้าวยาวๆเดินขึ้นบันไดตรงดิ่งไปยังห้องที่หญิงสาวอยู่ เมื่อไปหยุดอยู่ที่ประตูหน้าห้อง เขายิ้มมุมปาก ดวงตาคู่คมกล้าเป็นประกายแฝงแววเจ้าเล่ห์ มือเรียวอย่างผู้ชายทว่าหยาบกร้านเพราะกรำงานหนักทุกอย่างเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ขออนุญาตคนที่อยู่ในห้อง&n
“ไม่เคยใช้ และไม่อยากใช้สักนิด” มะเฟืองก้มหน้ากัดฟันตอบเสียงลอดไรฟัน ไม่ยอมเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่บนขอบอ่าง เธอเกลียดเขา เกลียดคนดูถูกคน คิดว่าตัวเองเพียบพร้อมแล้วจะมากล่าววาจาดูถูกคนอื่นยังไงก็ได้เหรอ “ไม่อยากใช้ก็ต้องได้ใช้” การุณย์บอกเสียงยั่วยวนกวนประสาท “ออกไป” เสียงสั่นน้อยๆออกคำสั่งเบาๆ หากคนได้ยินเพียงยักไหล่และนั่งอยู่ที่เดิมต่อไป กระทั่งน้ำในอ่างได้ระดับที่พอใจ การุณย์จึงเอื้อมมือปิดก๊อกน้ำ เขาลุกขึ้นยืนกอดอกแล้วถอยไปยืนพิงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า สายตาคมปลาบจับจ้องร่างสาวเขม็ง “อาบน้ำได้แล้วมะเฟือง ถ้าเธอเรื่องมากโยกโย้ ฉันจะลงไปอาบให้เธอเอง” มะเฟืองเบี่ยงหน้ากลับมามองคนขู่ด้วยสายตาเอาเรื่อง ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นด้วยความคับแค้นใจที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ การุณย์ยิ้มมุม
“ชาร้อนอีกสักถ้วยไหม” มะไฟนั่งอยู่ส่วนที่ต่อเติมออกจากตัวกระท่อมสำหรับตั้งเตาไฟและทำครัว เขามองคนขี้หนาวอย่างเห็นใจ ชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำผู้กรำงานไร่งานสวนทำงานหนักมาตั้งแต่ยังเด็กยังรู้สึกหนาวสั่นเลย นับประสาอะไรกับคุณหนูลูกสาวเสี่ยเจ๋งผู้ไม่เคยตกระกำลำบาก เธอคงหนาวมากกว่าเขาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า กรุณาส่ายหน้า หญิงสาวกระชับผ้าห่มผืนน้อยให้แน่นขึ้นอีก ดวงตากลมโตมองผ่านหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย เธอมองเห็นเพียงสีขาวปกคลุมอยู่ด้านนอก กรุณาหันกลับมามองคนที่นั่งจ้องมองเธออยู่แล้วยิ้มบาง “ตัวจิ๋วอยากกลับบ้านไหม” มะไฟเห็นท่าทางเบื่อๆของคนที่ฉุดเขามาจากบ้าน จึงเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ...ที่จริงกรุณาไม่ได้ออกแรงฉุดกระชากเขามาหรอก เธอบอกเพียงว่าเสี่ยเจ๋งบังคับเธอให้แต่งงานกับลูกชายของเพื่อน ซึ่งเธอไม่อยากแต่ง และหากเธอต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ชีวิตเธอก็คงเหมือนตก
เช้าวันต่อมาแสงสีทองทาบทับจับขอบฟ้า เป็นแสงตะวันแรกที่อาบไล้ยอดภูหลังจากท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆฝนมาหลายวัน กรุณาขยับตัวเข้าหาไออุ่นที่อิงแอบแนบนอนมาทั้งคืน แก้มนุ่มเบียดชิดอยู่กับซอกคอแกร่ง มือข้างหนึ่งวางแหมะอยู่บนแผ่นอกกำยำน่าลูบไล้ เจ้าของท่อนแขนที่เธออาศัยหนุนนอนกอดกระชับร่างเธอแน่นขึ้นอีกนิด สายตาคู่คมจับจ้องใบหน้าสาวที่ยังคงหลับตาพริ้มราวกับเด็กน้อยที่ยังหลงวนอยู่ในห้วงฝันแสนหวาน “ตื่นได้แล้วคนขี้เซา” มะไฟปลุกคนในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เนื้อตัวนุ่มนิ่มกำลังจะทำให้เขาตบะแตก ทว่าแม่คนขี้อ่อยแบบไม่รู้ตัวว่าอ่อยกลับไม่มีท่าทีว่าจะตื่น มิหนำซ้ำเธอยังเบียดอกอวบภายใต้เสื้อยืดบางๆแนบไปกับสีข้างของเขาได้อย่างน่าหวั่นใจ “ตัวจิ๋ว ตื่นได้แล้ว” มะไฟรวบรวมสมาธิเรียกหญิงสาวอีกครั้ง กรุณาปรือตาขึ้นช้าๆ คลี่ยิ้มให้เขา มะไฟใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง คิดว่าเธอคงจะตื่นแ
กรุณาจ่ายเงินให้ชายชราเจ้าของรถจำนวนหนึ่ง เป็นสินน้ำใจที่เขายอมให้ติดรถกระบะคันผุพังขึ้นมาที่หมู่บ้านด้วย ระหว่างการเดินทางก็ไต่ถามเรื่องที่พักว่าพอจะมีให้เช่าหรือร่วมอาศัยด้วยไหม ชายชราจึงเอ่ยปากให้ยกกระท่อมท้ายหมู่บ้านหลังนี้ให้อยู่ มันเป็นกระท่อมหลังเดิมที่เขาเคยอาศัย ก่อนจะย้ายไปอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้ที่อยู่ในหมู่บ้าน โชคดีของสองหนุ่มสาวที่กระท่อมหลังนี้มีข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นอยู่เกือบครบ แม้จะเก่าแต่มันยังใช้งานได้ก็ถือว่าโอเคพื้นที่ที่ชาวบ้านอยู่อาศัยหรือถางป่าเพื่อทำกินไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ ใครจะอยู่ตรงไหนจะยกให้ใครเพียงแค่เอ่ยปากบอกกันให้รับรู้ก็พอ ชาวบ้านอยู่กันอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ทำลายไม่ทำร้าย ทำการเกษตรปลูกผักเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูไปตามประสา ทำแค่พออยู่พอกิน แต่ก็มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันหาของป่า แล้วรวบรวมฝากกันลงไปขายให้พ่อค้าในหมู่บ้านที่ตีนภู เพื่อจะหาเงินซื้อข้าวสารอาหารแห้งมาตุนไว้ และเก็บไว้ใช้ยามจำเป็นหมู่บ้านนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ อยู่ในหุบเขาสลับซับซ้อน การเด
“เอ่อ...คนงานนึกว่าเสี่ยจะให้มะเฟืองไปทำงานที่ท้ายไร่เลยไม่ได้สนใจ แต่ผมตามไปดูแล้ว ทางนั้นใช้เดินขึ้นภูได้ มะเฟืองอาจจะเดินขึ้นภูไปหาพี่ชาย”“มันจะขึ้นไปบนภูได้ยังไง สะพานขาดแบบนั้น ถ้ามันจะไปจริงๆก็ต้องอ้อมเขาอีกตั้งสองลูก หรือมันจะไปทางนั้นจริงๆวะ” การุณย์มีสีหน้าครุ่นคิด ยายเด็กนั่นอาจจะใจเด็ดกว่าที่เขาคิด เธออาจจะเสี่ยงเดินขึ้นเขาไปหาพี่ชายจริงๆก็ได้“ไปตามคนมาสักสิบคน ให้ช่วยกันออกตามจับตัวมะเฟืองกลับมาให้ได้ ถ้าเอาตัวกลับมาไม่ได้ พวกมึงไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้า” การุณย์ขบกรามแน่น ดวงตาคู่คมดุดัน เขาพอเดาความคิดของหญิงสาวออก นี่คงคิดว่าถ้าหนีขึ้นภูไปอยู่กับพี่ชายแล้วจะปลอดภัยด้วยกันทั้งคู่เหรอ หึ! อย่าหวังเลยว่าจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของเขาไปได้ ใครที่กล้าลูบคมเสี่ยเจ๋ง มันไม่เคยตายดีสักคนหรอกมะเฟืองหอบหายใจแรงเพราะวิ่งมาไกล หญิงสาวหยุดชะงักอยู่ริมลำน้ำ สายตาผิดหวังมองสะพานข้ามลำน้ำที่บัดนี้ถูกน้ำป่าพัดจนพัง ไม่ส
“เห็นพี่เชิดบอกว่าเสี่ยให้พามะเฟืองไปทำงานที่โรงทำอิฐบล็อก”“อ๋อ! ได้จ้ะ ไม่มีปัญหา มะเฟืองทำงานหนักได้ทุกอย่างแหละ”“ดีแล้วล่ะ ทำตัวว่าง่ายๆ ช่วยงานเสี่ยเขาตามที่เขาบอก เขาจะได้เอ็นดู จะได้อยู่กันไปนานๆ” ป้าประไพที่กำลังเตรียมกาแฟไปเสิร์ฟให้การุณย์บอกอย่างหวังดี“ตกลงเอ็งมาเป็นตัวประกัน มาเป็นคนงาน หรือมาเป็นเล็กเป็นน้อยของเสี่ยกันแน่วะมะเฟือง” เหมียวถามตรงๆ เพราะเธอสงสัยมาตั้งแต่เสี่ยยอมให้มะเฟืองนอนพักอยู่บนบ้านแล้ว“มะเฟืองจะไปทำงานตามที่เสี่ยสั่งแล้ว ต้องไปถามพี่เชิดใช่ไหมจ๊ะว่าต้องทำอะไรบ้าง” ป้าประไพมองเหมียวด้วยสายตาปรามอยู่ในที“ไอ้เชิดมันคงรออยู่หน้าบ้าน รีบไปเถอะ ตอนกลางวันก็กินข้าวที่โรงครัวเลยนะ จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาให้เหนื่อย เลิกงานแล้วค่อยกลับมา ป้าจะทำกับข้าวไว้เผื่อ”“จ้ะ ขอบคุณนะจ๊ะป้า มะเฟืองไปก่อนนะจ๊ะ”เหมียวมองตามร่างบอบบางเดินออกจ
มะเฟืองถอนหายใจอย่างโล่งอก เอนตัวลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนจดคอ ความอ่อนล้าโรยแรงเพราะนอนไม่พอมาหลายคืนทำให้เพียงแค่หลับตาลงไม่ถึงสามนาที หญิงสาวก็หลับลึกหลับสนิท ไม่รับรู้เลยว่าประตูห้องถูกมือดีเปิดออกและเขาก็ก้าวเข้ามาหยุดยืนจ้องมองหน้าเธออยู่ข้างเตียงแล้วการุณย์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด อุตส่าห์ยืดเวลา ให้โอกาสพี่ชายของเธอแล้ว แต่ไอ้คนไม่เจียมกะลาหัวก็ยังไม่ยอมพาลูกสาวเขากลับมาคืน บางทีก็โอกาสที่เขาหยิบยื่นให้ก็ควรหมดอายุได้แล้ว“มะเฟือง มะเฟืองเอ๊ย!” คนที่เพิ่งนอนไปไม่ถึงชั่วโมงค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนปลุก เมื่อเห็นว่าเป็นป้าประไพ มะเฟืองจึงหลับตาลงอีกครั้ง“มะเฟืองขอนอนต่ออีกสักนิดนะจ๊ะป้า”“ไม่ได้หรอก เสี่ยบอกให้ป้ามาปลุกเอ็งลงไปทำงาน รีบๆอาบน้ำแต่งตัวลงไปข้างล่าง หรือเอ็งจะรอให้เสี่ยขึ้นมาปลุก” ป้าประไพบอกแล้วป้าประไพเดินออกจากห้องไป ชื่อของการุณย์ทำให้หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง ปลดปมผ้าถุงออก ดึง
มะไฟตาพร่าไปกับยิ้มหวานละลายใจของคนในอ้อมแขน อดใจไม่ไหวที่จะกดจมูกลงบนแก้มเนียนอีกครั้ง กรุณาเบี่ยงหน้าหนีด้วยท่าทางเขินอาย ปลายจมูกของคนอยากหอมแก้มสาวจึงกดลงบนลำคอระหงแทน “พาตัวจิ๋วขึ้นฝั่งเถอะ หิวแล้ว” กรุณาบอกโดยไม่ยอมมองหน้าคนที่อุ้มตัวเองอยู่ มะไฟกดจมูกบนลำคอสาวแล้วสูดกลิ่นหอมดังฟอด แล้วรีบตัดใจไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้น “อืม...พี่ก็หิวแล้วเหมือนกัน กลับไปกินมาม่าอืดของเรากันเถอะ” กรุณาหัวเราะคิก มะไฟยิ้มบาง กระชับวงแขนอุ้มหญิงสาว แล้วพาเธอเดินไปยังแผ่นหินเดิม มะไฟส่งหญิงสาวขึ้นไปนั่งบนโขดหิน แล้วบอกให้เธอไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังต้นไม้เดิม ส่วนเขาขอล้างตัวอีกสักหน่อย ต่อเมื่อกรุณาสวมเสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว แล
“พี่ไฟขี้โกง ลงไปเล่นน้ำก่อนตัวจิ๋ว” เสียงงุ้งงิ้งดังมาก่อนเจ้าตัวจะทันได้เดินมาถึงริมลำธารเสียอีก มะไฟมองไปยังต้นเสียง ชายหนุ่มอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นคนตัวเล็กหอบเสื้อผ้าก้าวเร็วๆเข้ามาใกล้“วางเสื้อผ้าไว้บนโขดหินตรงนั้นก่อน”กรุณารีบตามที่เขาบอก พอวางเสื้อผ้าเสร็จแล้วหันกลับไปมองคนที่ลงเล่นน้ำก่อนเธอ เขาก็ดำผุดดำว่ายอยู่กลางลำธารแล้ว คนขี้โกง!ร่างอรชรสมส่วนถูกพรางไว้ด้วยผ้าถุงโป่งพองที่ตัดเย็บโดยมียางยืดรัดเหนืออกและยาวถึงครึ่งแข้ง ผมยาวถึงกลางหลังถูกปล่อยสยาย เหนือยางรัดผ้าถุงขึ้นไปเผยผิวเนื้อเนียนขาวผ่องกระจ่างตาอย่างคนที่ไม่เคยต้องแดดต้องลม กรุณาก้าวเท้าลงไปยังลำธาร พาตัวเองขึ้นไปนั่งบนแผ่นหิน หย่อนขาลงในลำน้ำ หญิงสาวหันหน้าไปทางคนขี้โกงที่กำลังจ้วงแขนว่ายน้ำอยู่ไม่ไกล“สบู่กับแชมพูอยู่นี่นะพี่ไฟ อย่าเล่นน้ำจนลืมถูสบู่สระผมล่ะ” กรุณาตะโกนบอกเขาด้วยน้ำเสียงกวนๆกึ่งดุ“คร้าบ แม่...” มะไฟตอบรับเสียงดังฟังชัด ก
“พี่ไฟคิดถึงมะเฟืองหรือจ๊ะ”ไม่ใช่ว่าจะไม่นึกถึงเพื่อนกรุณาเองก็เป็นห่วงมะเฟืองอยู่เหมือนกัน แต่เธอมั่นใจว่าแม้พี่ชายไม่อยู่ด้วย มะเฟืองสามารถเอาตัวรอดได้ แม้เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่เธอก็เชื่อว่ามะเฟืองต้องเข้าใจเธอกับพี่ชายแน่นอน“ป่านนี้มะเฟืองคงเป็นห่วงเราแย่แล้วไม่รู้ว่าเสี่ยเจ๋งจะทำอะไรมะเฟืองหรือเปล่า”“ป๊าไม่ใช่คนแบบนั้นป๊าไม่ไปยุ่งกับมะเฟืองหรอกพี่ไฟอย่ากังวลไปเลย”กรุณาเอื้อมมือไปแตะมือที่กำมีดปลายแหลมอยู่เบาๆมะไฟเงยหน้ายิ้มให้หญิงสาว “ทำรางน้ำเสร็จแล้ว พี่จะพาไปดูลำธาร อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง”มะไฟบอกเล่าเรียบเรื่อยเขาพยายามทำสีหน้าให้ปกติที่สุดเพราะไม่อยากให้กรุณาเป็นกังวลใจไปกับเขาเสี่ยเจ๋งใจดีกับลูกสาวทั้งรักทั้งหวงไม่แปลกที่กรุณาจะมองเห็นแต่ด้านดีของผู้เป็นพ่อแต่คนนอกอย่างเขารู้
กรุณาจ่ายเงินให้ชายชราเจ้าของรถจำนวนหนึ่ง เป็นสินน้ำใจที่เขายอมให้ติดรถกระบะคันผุพังขึ้นมาที่หมู่บ้านด้วย ระหว่างการเดินทางก็ไต่ถามเรื่องที่พักว่าพอจะมีให้เช่าหรือร่วมอาศัยด้วยไหม ชายชราจึงเอ่ยปากให้ยกกระท่อมท้ายหมู่บ้านหลังนี้ให้อยู่ มันเป็นกระท่อมหลังเดิมที่เขาเคยอาศัย ก่อนจะย้ายไปอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้ที่อยู่ในหมู่บ้าน โชคดีของสองหนุ่มสาวที่กระท่อมหลังนี้มีข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นอยู่เกือบครบ แม้จะเก่าแต่มันยังใช้งานได้ก็ถือว่าโอเคพื้นที่ที่ชาวบ้านอยู่อาศัยหรือถางป่าเพื่อทำกินไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ ใครจะอยู่ตรงไหนจะยกให้ใครเพียงแค่เอ่ยปากบอกกันให้รับรู้ก็พอ ชาวบ้านอยู่กันอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ทำลายไม่ทำร้าย ทำการเกษตรปลูกผักเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูไปตามประสา ทำแค่พออยู่พอกิน แต่ก็มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันหาของป่า แล้วรวบรวมฝากกันลงไปขายให้พ่อค้าในหมู่บ้านที่ตีนภู เพื่อจะหาเงินซื้อข้าวสารอาหารแห้งมาตุนไว้ และเก็บไว้ใช้ยามจำเป็นหมู่บ้านนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ อยู่ในหุบเขาสลับซับซ้อน การเด
เช้าวันต่อมาแสงสีทองทาบทับจับขอบฟ้า เป็นแสงตะวันแรกที่อาบไล้ยอดภูหลังจากท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆฝนมาหลายวัน กรุณาขยับตัวเข้าหาไออุ่นที่อิงแอบแนบนอนมาทั้งคืน แก้มนุ่มเบียดชิดอยู่กับซอกคอแกร่ง มือข้างหนึ่งวางแหมะอยู่บนแผ่นอกกำยำน่าลูบไล้ เจ้าของท่อนแขนที่เธออาศัยหนุนนอนกอดกระชับร่างเธอแน่นขึ้นอีกนิด สายตาคู่คมจับจ้องใบหน้าสาวที่ยังคงหลับตาพริ้มราวกับเด็กน้อยที่ยังหลงวนอยู่ในห้วงฝันแสนหวาน “ตื่นได้แล้วคนขี้เซา” มะไฟปลุกคนในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เนื้อตัวนุ่มนิ่มกำลังจะทำให้เขาตบะแตก ทว่าแม่คนขี้อ่อยแบบไม่รู้ตัวว่าอ่อยกลับไม่มีท่าทีว่าจะตื่น มิหนำซ้ำเธอยังเบียดอกอวบภายใต้เสื้อยืดบางๆแนบไปกับสีข้างของเขาได้อย่างน่าหวั่นใจ “ตัวจิ๋ว ตื่นได้แล้ว” มะไฟรวบรวมสมาธิเรียกหญิงสาวอีกครั้ง กรุณาปรือตาขึ้นช้าๆ คลี่ยิ้มให้เขา มะไฟใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง คิดว่าเธอคงจะตื่นแ
“ชาร้อนอีกสักถ้วยไหม” มะไฟนั่งอยู่ส่วนที่ต่อเติมออกจากตัวกระท่อมสำหรับตั้งเตาไฟและทำครัว เขามองคนขี้หนาวอย่างเห็นใจ ชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำผู้กรำงานไร่งานสวนทำงานหนักมาตั้งแต่ยังเด็กยังรู้สึกหนาวสั่นเลย นับประสาอะไรกับคุณหนูลูกสาวเสี่ยเจ๋งผู้ไม่เคยตกระกำลำบาก เธอคงหนาวมากกว่าเขาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า กรุณาส่ายหน้า หญิงสาวกระชับผ้าห่มผืนน้อยให้แน่นขึ้นอีก ดวงตากลมโตมองผ่านหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย เธอมองเห็นเพียงสีขาวปกคลุมอยู่ด้านนอก กรุณาหันกลับมามองคนที่นั่งจ้องมองเธออยู่แล้วยิ้มบาง “ตัวจิ๋วอยากกลับบ้านไหม” มะไฟเห็นท่าทางเบื่อๆของคนที่ฉุดเขามาจากบ้าน จึงเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ...ที่จริงกรุณาไม่ได้ออกแรงฉุดกระชากเขามาหรอก เธอบอกเพียงว่าเสี่ยเจ๋งบังคับเธอให้แต่งงานกับลูกชายของเพื่อน ซึ่งเธอไม่อยากแต่ง และหากเธอต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ชีวิตเธอก็คงเหมือนตก