มะเฟืองถอนหายใจเบาๆ หญิงสาวเบือนหน้าหนีสายตาดุ เธอเพิ่งรู้ว่าสองคนนั้นหนีตามกันไปเมื่อเย็นวันนี้ รู้หลังจากที่กลับมาจากรดน้ำพรวนดินในสวนผัก พี่ชายสายเลือดเดียวกันที่มีอายุมากกว่าเธอ8ปี บอกให้เธอรู้ด้วยการเขียนข้อความสั้นๆวางไว้บนโต๊ะกินข้าว ทั้งที่เธอเคยเตือนพี่ชายแล้วว่ากรุณาหรือตัวจิ๋วนั้นอยู่สูงเกินเอื้อม พี่ชายเธอไม่ต่างจากหมามองเครื่องบิน ไม่มีวันจะได้ครองคู่กับเพื่อนสาวเธอแน่ๆ เธอบอกให้พี่ชายตัดใจ เธอเตือนกรุณาว่าไม่ให้ไปหาเธอที่บ้านอีก เพราะเกรงจะถูกครหา แต่ใครเลยจะรู้ว่าคนสองคนที่แอบคบหากันมาตั้งห้าปีโคตรใจเด็ด กล้าหนีตามกันไปโดยไม่เกรงกลัวอำนาจและความบ้าระห่ำของเสี่ยเจ๋ง
“มะเฟือง!” การุณย์ตวาดเสียงดังลั่น ยังผลให้คนที่คิดไว้แล้วว่าเธออาจจะต้องรับมือกับความเกรี้ยวกราดของคนหวงลูกอย่างเขาหันหน้ากลับมาสบสายตาดุอีกครั้ง มะเฟืองพยักพเยิดยื่นหน้าใส่เขา แล้วส่งเสียงอู้อี้บอกให้รู้ว่า หากเขาต้องการคำตอบช่วยกรุณาแกะผ้าออกจากปากเธอด้วย
การุณย์คำรามในลำคอด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยื่นเมื่อออกไปแกะผ้าออกจากปากให้หญิงสาว ก่อนจะถอยออกมายืนกอดอกจ้องหน้ามะเฟืองเขม็ง
“เธอร่วมมือกับพี่ชายวางแผนลักพาตัวลูกสาวฉัน” คนหวงลูกกล่าวหาพร้อมกับชี้หน้าหญิงสาว
“พี่ไฟไม่ได้ลักพาตัวลูกสาวเสี่ยไปสักหน่อย สองคนนั้นเต็มใจไปด้วยกันต่างหาก” มะเฟืองไม่ยอมให้พี่ชายถูกกล่าวหาอยู่ฝ่ายเดียว เพราะพี่ไฟของเธอไม่ได้ลักพาตัวกรุณาไป ทั้งสองเต็มใจหนีตามกันไปต่างหาก แล้วเรื่องอะไรตาแก่นี่ถึงจะมาโบ้ยว่าเป็นความผิดของพี่ชายเธอคนเดียว
“ตัวจิ๋วยังเด็กเพิ่งจะอายุ21 แต่ไอ้มะไฟมันอายุตั้ง29แล้ว มันแก่กว่าลูกสาวฉัน มันต้องล่อลวงลูกสาวฉันไปแน่ๆ พี่ชายเธอลักพาตัวลูกสาวฉันไป”
“อายุ21เนี่ยไม่เด็กแล้วนะเสี่ย บรรลุนิติภาวะแล้วด้วย มีสิทธิ์ตัดสินใจทุกเรื่องได้เองแล้ว” การุณย์หรี่ตามองหญิงสาวที่เงยหน้าเถียงเขาฉอดๆอย่างประเมิน
“อ้อ! เธอนี่เองที่เสี้ยมลูกสาวฉัน ให้หนีตามพี่ชายเธอไป”
“ไม่ใช่! สองคนนั้นรักกัน เสี่ยไม่เข้าใจความรักหรือไง” มะเฟืองฉุนกึกเมื่อถูกใส่ร้ายป้ายสีในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง
“ความรักงั้นเหรอ หึ! รักระหว่างหญิงชายมันก็แค่รักจอมปลอม!” การุณย์ตวาดอย่างเกรี้ยวกราด จนมะเฟืองรู้สึกกลัว หญิงสาวจึงก้มหน้านิ่ง ไม่กล้ามองใบหน้าดุดันและแดงก่ำด้วยความโกรธของเขา
“เธอจะต้องเป็นตัวประกันอยู่ที่นี่ จนกว่าฉันจะได้ตัวลูกสาวของฉันคืนมา” การุณย์บอกเสียงเข้ม คืนนี้เขาเหนื่อยมามากแล้ว ทั้งเหนื่อยกายและเหนื่อยใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกสาวคนเดียว เขาควรพักผ่อนเพื่อจะได้ออกตามหากรุณาตั้งแต่เช้ามืดในวันพรุ่งนี้ หนุ่มใหญ่หันหลังเดินหนีไปทันทีที่พูดจบ มะเฟืองเงยหน้าขึ้นมองตามแผ่นหลังกว้างความตระหนก
“ไม่ได้นะเสี่ย จะมาจับฉันไว้แบบนี้ไม่ได้นะ ฉันจะกลับบ้าน ปล่อยนะ เสี่ย! เสี่ยเจ๋ง! ไอ้เสี่ยบ้า!” มะเฟืองตะโกนเรียกตามหลังคนที่จับตัวเธอมาด้วยความโมโห หากแต่เสียงเรียกและคำด่าทอของเธอไม่สามารถทำให้การุณย์หันกลับมาสนใจเธอได้ และเมื่อเขาเดินออกไปจากโกดัง ประตูบานใหญ่สองบานก็ถูกเลื่อนปิดทันที
มะเฟืองลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ด้วยอาการครั่นเนื้อครั่นตัว หญิงสาวรู้สึกเจ็บระบมตรงข้อมือที่ถูกมัดไพล่หลังไว้ ไหล่สองข้างก็ปวดร้าวเพราะอยู่ท่าเดิมมาทั้งคืน เธอนอนหลับไปทั้งที่ถูกจับมัดนั่งอยู่บนเก้าอี้กลางโกดัง
แสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาพร้อมกับประตูบานใหญ่เลื่อนออก ทำให้มะเฟืองต้องหลับตาลงแล้วลืมขึ้นช้าๆเพื่อปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงของวันใหม่ หญิงสาวมองเห็นร่างท้วมของผู้หญิงคนหนึ่งเดินถือจานอาหารและขวดน้ำเข้ามาหาเธอ
“ป้าประไพ” มะเฟืองรู้จักคนงานของบ้านเสี่ยเจ๋ง เพราะเธอมาหากรุณาที่นี่ค่อนข้างบ่อย หากแต่ก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับใคร รู้จักกันเพียงแค่ชื่อและหน้าตาเท่านั้น
“เสี่ยให้เอาข้าวมาให้หนู จะกินเลยไหม ป้าจะป้อน” ป้าประไพก้มลงวางจานข้าวและขวดน้ำลงใกล้เท้าของหญิงสาว ก่อนขยับออกไปยืนมองอยู่ไม่ไกล มะเฟืองก้มลงมองอาหารตรงหน้าแล้วถอนหายใจ
“ป้าเอากลับไปเถอะ ฉันไม่หิว” มะเฟืองเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว แล้วหันไปมองหน้าคนที่ทำหน้าที่นำข้าวน้ำมาให้เธอ
“เสี่ยบอกว่าต้องกินให้หมด” ป้าประไพพูดด้วยน้ำเสียงสงสาร ตัวเล็กนิดเดียวถูกจับมัดไว้ทั้งคืนคงจะเมื่อยน่าดู
“ป้าก็เอาไปเทให้หมากิน แล้วไปบอกเสี่ยเจ๋งว่าฉันกินแล้วสิจ๊ะ”
“อย่าดื้อไปเลยมะเฟืองเอ๊ย! กินซะเถอะจะได้มีแรง”
“มีแรงมากแค่ไหน ก็สู้เสี่ยเจ๋งของป้าไม่ได้หรอก หึ!” มะเฟืองเม้มปากแน่น ดวงตาวาววับด้วยความไม่พอใจ
“ไม่กินก็ช่าง เอาไปเทให้หมากินให้หมด!” การุณย์ตะโกนเสียงดังมาจากประตูทางเข้าโกดัง ก่อนที่เขาจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ามะเฟือง
“เอากับข้าวออกไป!” การุณย์จ้องหน้ามะเฟืองขณะที่ออกคำสั่งเสียงเฉียบขาด ป้าประไพรีบเดินมาหยิบจานข้าวและขวดน้ำออกไปจากโกดังทันที
“เก่งนักเหรอ ฉันจะคอยดูว่าเธอจะทนได้สักกี่น้ำ หายใจไว้นะ จนกว่าฉันจะจับตัวพี่ชายเธอกลับมาได้ เธอจะได้เห็นบทลงโทษที่สาสมกับความไม่เจียมตัวของมัน”
“เสี่ยจะทำอะไรพี่ไฟ บ้านเมืองมีขื่อมีแป ระวังจะโดนจับเข้าคุก” มะเฟืองตะโกนโต้ตอบด้วยความโมโห เขาคิดว่าตัวเองใหญ่โตร่ำรวยที่สุดในอำเภอแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ
“หึ! ฉันไม่เอามันถึงตายหรอก แค่จะทำให้มันจดจำไปชั่วชีวิต ว่าคนต่ำๆเศษสวะอย่างมันไม่คู่ควรกับลูกสาวฉัน” การุณย์เหยียดริมฝีปากอย่างดูแคลน จ้องมองมะเฟืองด้วยสายตาเย้ยหยัน “ถ้าเสี่ยทำอะไรพี่ไฟ คนที่จะเสียใจก็คือตัวจิ๋ว สองคนนั้นเขารักกัน เสี่ยไม่สงสารลูกสาวตัวเองเหรอ” “ความรักมันกินไม่ได้หรอกนะนังหนู อย่าพูดให้เมื่อยปากเลย รออยู่นี่ก่อนนะ ฉันจะไปลากคอพี่ชายเธอมารับโทษ ถ้าฉันได้ตัวมันมาเมื่อไร ฉันถึงจะปล่อยเธอไป” การุณย์พูดจบก็หันหลังเดินกลับไปทางประตู “เสี่ยเจ๋ง! จับผู้หญิงไม่มีทางสู้มาเป็นตัวประกัน แบบนี้มันหน้าตัวเมียชัดๆ” มะเฟืองตะโกนไล่หลังไปด้วยความโมโหสุดขีด ร่างสูงใหญ่ชะงักเท้าหันหลังกลับทันทีเมื่อถูกด่าว่าหน้าตัวเมีย การุณย์ขบกรามแน่น เดินเร็วกลับไปหาคนที่นั่งเชิดหน้าท้าทายอยู่กลางโกดัง “ปากดีนักนะ” การุณย์ใช้มือข้างเดียวบีบแก้มหญิงสาวจนปากจิ้มลิ้มเผยอขึ้น ใบหน้าสวยบิดเบ้เพราะความเจ็บ “หน้าตัวเมียของจริงน่ะคือพี่ชายเธอ รู้ว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงดูผู้หญิงให้สุขสบายได้ ยังมีหน้าพาหนีไปลำบาก ลากลูกสาวคนอื่นไปเอาทั้งที่ไม่ได้
พ่อแม่ของมะเฟืองเสียชีวิตไปตั้งแต่มะไฟยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี3 พี่ชายเธอจึงเรียนไม่จบ เขาตัดสินใจกลับมาทำงานไร่งานสวนบนที่ดินเพียง3ไร่ที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ เพื่อจะได้ดูแลและส่งเสียมะเฟืองให้เรียนจนจบมอปลาย กรุณาเป็นเพื่อนรักสมัยมอปลาย เธอได้เรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย และเพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้ไม่นาน ก็มาหนีตามพี่ชายเธอไป มะเฟืองทอดถอนใจ หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้น หลังจากที่ป้าประไพขอร้องแกมบังคับให้เธอกินอาหารมื้อเช้า ผู้สูงวัยก็ปล่อยเธอไว้ในโกดังเพียงลำพัง กระทั่งตอนเที่ยงป้าประไพกลับมาอีกครั้งพร้อมกับข้าวมื้อเที่ยง แต่มะเฟืองปฏิเสธที่จะกิน เธอแนะนำให้ป้าประไพเอาไปเททิ้งแล้วบอกเสี่ยเจ๋งว่าเธอกินแล้ว และตอนเย็นก็ไม่ต้องเอามาให้เธอกินอีก ครั้งนี้ไม่มีเสี่ยเจ๋งอยู่ด้วย ผู้สูงวัยจึงอือออพยักหน้ารับ ถือจานกลับไปโดยไม่รบเร้าเธอเหมือนเมื่อเช้า ดวงตาคู่งามมีแววอ่อนล้าโรยรายามมองไปรอบโกดัง เพราะถูกมัดมาทั้งคืนทั้งวัน ร่างกายจึงเริ่มพ่ายแพ้ให้กับความอ่อนเพลีย อาการครั่นเนื้อครั่นตัวที่เป็นมาตั้งแต่เมื่อเช้าเริ่มรุมเร้ารุนแรง มะเฟืองปวดไปทั้งตัว ปวดหัวจนแทบระเบิด หญิงสาวจับไข้ตั
“ตายแล้วเหรอ จะได้เอาไปฝัง” การุณย์นั่งลงข้างร่างสาวที่นอนตะแคงกอดตัวเองอยู่ ดวงตาของเธอปิดสนิท ผมยาวเปียกน้ำฝนดูยุ่งรุงรัง ผิวเนื้อสาวเปรอะเปื้อนขะมุกขะมอม เสื้อผ้าก็เปียกชื้นไม่น่าสบายตัวเอาเสียเลย“มะเฟือง...” เมื่อคนที่ถูกเขาเยาะเย้ยไม่กระดุกกระดิก แถมยังไม่โต้ตอบปากดีเหมือนเมื่อวาน การุณย์เริ่มเอะใจ เขายื่นมือไปจับหัวไหล่มนแล้วเขย่าเบาๆ“ล่ะ ตัวร้อนจี๋เลย” การุณย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเพิ่งนึกได้ว่าให้คนเอาตัวหญิงสาวมาไว้ที่นี่หลังจากเลยเวลาเที่ยงของอีกวันแล้ว เขาจึงตามมาดูให้แน่ใจว่าเธอยังอยู่ที่นี่หรือเปล่า เพราะตราบใดที่ยังไม่ได้ตัวพี่ชายเธอ เขาก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไปไหนเด็ดขาด แต่สภาพของหญิงสาวตอนนี้ทำให้เขาหงุดหงิดชะมัด“ยายเด็กบ้าเอ๊ย! ฉันจับเธอมาเป็นตัวประกันนะ ไม่ได้จับมาเป็นตัวปัญหา” หนุ่มใหญ่บ่นอย่างหัวเสีย “ยุ่งยากชิบเป๋ง” การุณย์บ่นเซ็งๆ ก่อนช้อนอุ้มเอาร่างสาวมาแนบอกแล้วพาเดินออกมาจากบ้านพักหลังโทรม ซึ่งแถวนี้เป็นที่พักลูกน้องของเขาทั้งแถบ เวลานี้เป็นเวลาพักเที่ยงเสียด้วย สายตาหลายคู่จึงเมียงมองมาทางเจ้านายที่กำลังอุ้มตัวประกันสาวด้วยความสงสัย“มองอะไร มีอะไรก็ไปทำกัน
“ก็แค่แมวป่วยตัวหนึ่งล่ะวะ” การุณย์ส่ายหน้ากับท่าทีสิ้นฤทธิ์ของหญิงสาว เขาเริ่มลงมือปลดเสื้อผ้าออกจากร่างสาวโดยการฉีกเสื้อยืดจนขาดหลุดจากร่างบางลวงตาเป็นลำดับแรก เรือนร่างขาวนวลเนียนใต้เสื้อยืดมอซอทำให้หนุ่มใหญ่ตาลุกวาว โนมเนื้อก้อนอวบใต้เสื้อชั้นในสีซีดกลางเก่ากลางใหม่ทำให้เขากลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่“น่าเจี๊ยะเหมือนกันนะเรา ยายเด็กปากดี” หนุ่มใหญ่เจ้าสำราญผู้ผ่านสังเวียนรักมาโชกโชนยิ้มมุมปาก เขาสอดมือลงใต้แผ่นหลังเนียน เพียงมือเดียวก็ปลดตะขอเสื้อชั้นในผืนจ้อยที่ห่อหุ้มเต้าทรวงสาวได้อย่างง่ายดาย เขาใช้สองมือฉีกจนมันขาด ก่อนโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี ก้อนเนื้อเด้งหยุ่นดีดตัวทันทีหลังหลุดจากพันธนาการ ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจหนุ่มใหญ่เต้นตึกตักราวกับเด็กหนุ่มเพิ่งเห็นนมสาวครั้งแรก“ตัวเล็กแต่นมใหญ่” การุณย์รำพึง สายตาจับจ้องนมสาวอย่างตื่นตาตื่นใจ เขารู้สึกน้ำลายสอ ต่อมน้ำลายราวกับถูกเปิดก๊อก มันไหลออกมาจนเต็มกระพุ้งแก้ม“หนาว...” เสียงแหบพร่าของคนที่ถูกเขาเปลื้องผ้าท่อนบนออกจนเกลี้ยงดึ
มะเฟืองขยับตัวหย่อนขาลงข้างเตียง วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ เธอจะต้องรีบหาย จะได้แข็งแรง แล้วจะได้รีบตามพี่ชายขึ้นไปอยู่บนภู มะเฟืองตักข้าวต้มกินจนหมดชาม กินยาอย่างที่เหมียวเตรียมไว้ให้ แล้วลุกขึ้นเดินโงนเงนไปทางห้องน้ำที่เธอมองเห็นอยู่ไม่ไกลจากเตียง ทว่าเดินไปไม่กี่ก้าว ขาเจ้ากรรมก็ดันอ่อนแรงลงดื้อๆ ร่างบอบบางจึงล้มลงนั่งแหม็บบนพื้น มะเฟืองมองไปรอบๆห้อง เธอรู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวหมุนติ้วๆไปหมด เวียนหัวจนอยากจะอาเจียนออกมา แต่เธอพยายามฝืนกระถดตัวไปจนถึงประตูห้องน้ำ และเพียงเธอพาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องน้ำได้ยังไม่ทันพ้นกรอบประตูดี หญิงสาวก็โก่งคออาเจียนออกมาเลอะพื้นห้องน้ำอย่างสุดจะกลั้นการุณย์วางปากกาในมือลงทันทีเมื่อเหมียวมาบอกว่ามะเฟืองฟื้นไข้แล้ว หนุ่มใหญ่ก้าวยาวๆเดินขึ้นบันไดตรงดิ่งไปยังห้องที่หญิงสาวอยู่ เมื่อไปหยุดอยู่ที่ประตูหน้าห้อง เขายิ้มมุมปาก ดวงตาคู่คมกล้าเป็นประกายแฝงแววเจ้าเล่ห์ มือเรียวอย่างผู้ชายทว่าหยาบกร้านเพราะกรำงานหนักทุกอย่างเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ขออนุญาตคนที่อยู่ในห้อง&n
“ไม่เคยใช้ และไม่อยากใช้สักนิด” มะเฟืองก้มหน้ากัดฟันตอบเสียงลอดไรฟัน ไม่ยอมเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่บนขอบอ่าง เธอเกลียดเขา เกลียดคนดูถูกคน คิดว่าตัวเองเพียบพร้อมแล้วจะมากล่าววาจาดูถูกคนอื่นยังไงก็ได้เหรอ “ไม่อยากใช้ก็ต้องได้ใช้” การุณย์บอกเสียงยั่วยวนกวนประสาท “ออกไป” เสียงสั่นน้อยๆออกคำสั่งเบาๆ หากคนได้ยินเพียงยักไหล่และนั่งอยู่ที่เดิมต่อไป กระทั่งน้ำในอ่างได้ระดับที่พอใจ การุณย์จึงเอื้อมมือปิดก๊อกน้ำ เขาลุกขึ้นยืนกอดอกแล้วถอยไปยืนพิงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า สายตาคมปลาบจับจ้องร่างสาวเขม็ง “อาบน้ำได้แล้วมะเฟือง ถ้าเธอเรื่องมากโยกโย้ ฉันจะลงไปอาบให้เธอเอง” มะเฟืองเบี่ยงหน้ากลับมามองคนขู่ด้วยสายตาเอาเรื่อง ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นด้วยความคับแค้นใจที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ การุณย์ยิ้มมุม
“ชาร้อนอีกสักถ้วยไหม” มะไฟนั่งอยู่ส่วนที่ต่อเติมออกจากตัวกระท่อมสำหรับตั้งเตาไฟและทำครัว เขามองคนขี้หนาวอย่างเห็นใจ ชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำผู้กรำงานไร่งานสวนทำงานหนักมาตั้งแต่ยังเด็กยังรู้สึกหนาวสั่นเลย นับประสาอะไรกับคุณหนูลูกสาวเสี่ยเจ๋งผู้ไม่เคยตกระกำลำบาก เธอคงหนาวมากกว่าเขาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า กรุณาส่ายหน้า หญิงสาวกระชับผ้าห่มผืนน้อยให้แน่นขึ้นอีก ดวงตากลมโตมองผ่านหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย เธอมองเห็นเพียงสีขาวปกคลุมอยู่ด้านนอก กรุณาหันกลับมามองคนที่นั่งจ้องมองเธออยู่แล้วยิ้มบาง “ตัวจิ๋วอยากกลับบ้านไหม” มะไฟเห็นท่าทางเบื่อๆของคนที่ฉุดเขามาจากบ้าน จึงเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ...ที่จริงกรุณาไม่ได้ออกแรงฉุดกระชากเขามาหรอก เธอบอกเพียงว่าเสี่ยเจ๋งบังคับเธอให้แต่งงานกับลูกชายของเพื่อน ซึ่งเธอไม่อยากแต่ง และหากเธอต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ชีวิตเธอก็คงเหมือนตก
เช้าวันต่อมาแสงสีทองทาบทับจับขอบฟ้า เป็นแสงตะวันแรกที่อาบไล้ยอดภูหลังจากท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆฝนมาหลายวัน กรุณาขยับตัวเข้าหาไออุ่นที่อิงแอบแนบนอนมาทั้งคืน แก้มนุ่มเบียดชิดอยู่กับซอกคอแกร่ง มือข้างหนึ่งวางแหมะอยู่บนแผ่นอกกำยำน่าลูบไล้ เจ้าของท่อนแขนที่เธออาศัยหนุนนอนกอดกระชับร่างเธอแน่นขึ้นอีกนิด สายตาคู่คมจับจ้องใบหน้าสาวที่ยังคงหลับตาพริ้มราวกับเด็กน้อยที่ยังหลงวนอยู่ในห้วงฝันแสนหวาน “ตื่นได้แล้วคนขี้เซา” มะไฟปลุกคนในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เนื้อตัวนุ่มนิ่มกำลังจะทำให้เขาตบะแตก ทว่าแม่คนขี้อ่อยแบบไม่รู้ตัวว่าอ่อยกลับไม่มีท่าทีว่าจะตื่น มิหนำซ้ำเธอยังเบียดอกอวบภายใต้เสื้อยืดบางๆแนบไปกับสีข้างของเขาได้อย่างน่าหวั่นใจ “ตัวจิ๋ว ตื่นได้แล้ว” มะไฟรวบรวมสมาธิเรียกหญิงสาวอีกครั้ง กรุณาปรือตาขึ้นช้าๆ คลี่ยิ้มให้เขา มะไฟใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง คิดว่าเธอคงจะตื่นแ
ด่วนพิเศษ2“เฮีย ลูกหลับหรือยังจ๊ะ” มะเฟืองเดินเช็ดปลายผมออกมาจากห้องน้ำ เอ่ยถามสามีที่รับหน้าที่กล่อมลูกชายวัยขวบเศษอยู่บนเตียง“ชู่ว์! เบาๆสินังหนู กว่าไอ้มะเขือม่วงจะหลับได้ เฮียแทบกระอักเลือดนะ”“เฮี้ย! เอาอีกแล้วนะ เรียกลูกแบบนี้อีกแล้ว เดี๋ยวเถอะ” มะเฟืองพาดผ้าเช็ดตัวไว้ที่ราวหน้าห้องน้ำ หญิงสาวเดินมาที่เตียงแล้วส่งสายตาดุให้สามี“เฮียเขยิบไปหน่อย หนูจะเอาตัวอ้วนไปนอนเตียงเด็ก” เมื่อสามีขยับเปิดทางให้ มะเฟืองจึงช้อนอุ้มเจ้าตัวอ้อนแนบอก แล้วอุ้มไปวางเตียงเด็กซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากเตียงใหญ่การุณย์มองตามบั้นท้ายเมียด้วยสายตาหวานฉ่ำหยาดเยิ้ม วันนี้เขาเร่งเคลียร์งาน รีบขึ้นมาหาเมียกับลูก หลังจากที่สามวันที่ผ่านมาลูกหลับก่อนเจอหน้าเขาตลอด“ป๊าพาเล่นซนจนเพลียใช่ไหมเนี่ย หลับไม่รู้เรื่องเลย เจ้าตัวอ้วน” มะเฟืองดึง
การุณย์ทอดถอนใจอย่างมีความสุข เสียวกระสันจนทะลุทุกสวรรค์ชั้นฟ้า หนุ่มใหญ่ยิ้มให้คนที่คลานคร่อมร่างของตนขึ้นมาจนใบหน้าเสมอกัน เขากอบใบหน้านวลไว้ด้วยสองมือ ใช้นิ้วโป้งข้างหนึ่งไล้เบาๆบนริมฝีปากอิ่มสีเรื่อ “เก่ง” คำชมของสามีทำให้มะเฟืองยิ้มหวาน ก้มลงจุ๊บเบาๆบนริมฝีปากหยักได้รูป “เฮียสอนมาดี” คำพูดของคนอยู่เป็นส่งผลให้เธอได้รับรางวัลเป็นจูบหวานๆอีกหนึ่งยก “ให้เฮียเลียบ้าง” เสียงบอกกระเส่าสั่น ลิ้นสากแลบเลียริมฝีปากของตนอย่างหื่นกระหาย มะเฟืองพลิกกายลงนอนหงาย รอกระทั่งสามีมานั่งอยู่หว่างขาเรียว หญิงสาวจึงเปิดอ้ากลีบสาว ด้วยการกางขาออกจนสุดแล้วชันเข่าขึ้น สองมือวางทาบเนินนาง แบะอ้าออกให้
“พูดอะไรกัน วาสนงวาสนาอะไร เป็นเมียเฮีย อยากไปไหนก็จะได้ไป ขอแค่บอก” “หนูอยากไปดาวอังคาร เฮียพาไปได้ไหม” มะเฟืองเงยหน้าขึ้นถามสามี หญิงสาวยิ้มล้อเลียนเจ้าเล่ห์ เสี่ยเจ๋งส่ายหน้ายิ้มน้อยๆ “ดาวอังคารไกลไป พาไปไม่ได้หรอก แต่ถ้าไปสวรรค์ชั้นเจ็ดล่ะก็ เฮียพาไปได้ทุกที่ทุกเวลา” “อุ๊ย! เฮีย!” มะเฟืองอุทานตกใจ เมื่อสามีย่อตัวลงอุ้มเธอแนบอก หญิงสาวรีบคล้องลำคอแกร่งไว้แน่น เธอกลัวตก “ป่ะ! ไปทัวร์สวรรค์ชั้นเจ็ดกันเถอะ” ร่างอวบอิ่มของคุณแม่ยังสาวถูกวางลงอย่างทะนุถนอมบนเตียงกว้าง มะเฟืองสบสายตากับสามี
การุณย์กอบใบหน้าเมียด้วยมือสองข้าง ค่อยๆจับให้เธอหันมามองหน้าเขา “ไม่อยากได้ลูกชายเหรอ” น้ำเสียงทุ้มถามด้วยความเป็นกังวล “ไม่เกี่ยวกับลูกสักหน่อย จะลูกสาวหรือลูกชายหนูก็รัก เพราะเขาเป็นลูกของหนู” เมื่อเมียยอมเปิดปากพูดด้วย การุณย์ก็ยิ้มได้ “แล้วทำไมต้องทำหน้าหงิกงอ ไม่สวยเลย” “ไม่สวยก็ไม่ต้องมารัก” “อ้าว! เป็นงั้นไป” คนถูกเมียงอนหัวเราะในลำคอ ดวงตาคู่งามตวัดมองไม่พอใจ&
“กว่าจะได้นอนกอดกันแบบนี้ก็เล่นเอาเกือบตายเนอะ” มะไฟบ่นไม่จริงจัง กรุณาหัวเราะคิก หญิงสาวจุ๊บคางสามีเบาๆ“แต่เราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว” กรุณาเบียดกายเข้าหาความอบอุ่นจากร่างกำยำ มะไฟโอบกอดร่างสาวแน่นขึ้นอีกนิด“ใช่ เราได้อยู่ด้วยกันแล้ว และพี่จะไม่มีวันปล่อยมือจากตัวจิ๋วเด็ดขาด พี่สัญญา”กรุณาหลับตาลงด้วยความอุ่นใจในอ้อมกอดสามี แม้เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาจะดูวุ่นวายและโหดร้ายในบางช่วง แต่สุดท้ายแล้ว วันนี้เธอก็ได้ใช้ชีวิตคู่กับคนรัก และป๊าของเธอก็มีคนที่รักและรักท่านมาอยู่ข้างกาย เส้นทางความรักของเธอกับพี่ไฟนั้นยาวนานหลายปี กว่าจะลงเอยกันได้แบบสวยงาม แต่เส้นทางความรักของป๊ากับมะเฟืองนั้นเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ เป็นเส้นทางรักสายด่วน...ด่วนพิศวาส-จบบริบูรณ์-ด่วนพิเศษ 1&nbs
“ทำไมยังไม่นอน” เพราะสังเกตมาพักใหญ่แล้วว่า ช่วงหลังๆนี่มะเฟืองนอนเร็วมาก และหลับลึก แบบปลุกยังไงก็ไม่ตื่นด้วย ท่าทางเธอก็เหนื่อยๆ เขาเลยไม่อยากกวนเท่าไร ปล่อยให้เธอนอนสบายมาหลายคืนแล้ว “รอเฮียนั่นแหละ” ปากขยับพูด แต่ตาจะปิดอยู่รอมร่อ การุณย์หัวเราะในลำคอ เขาเดินไปนั่งลงใกล้เธอ โอบเอาร่างแน่งน้อยมากอด แล้วจุ๊บเหม่งเบาๆ “ง่วงก็นอน เดี๋ยวเฮียอาบน้ำก่อน จะมานอนกอดนะ” มะเฟืองพยักหน้ารับ หญิงสาวเอนกายลงนอนอย่างว่าง่าย เธอพร้อมหลับเต็มที่ การุณย์กลับออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าเมียรักหลับไปซะแล้ว เขารีบสวมกางเกงขายาวผ้าฝ้าย เปลือยท่อนบน ปิดไฟทุกดวง แล้วคลานขึ้นเตียงไปนอนกอดเมีย มะเฟืองรับรู้
การุณย์ให้มะไฟเรียนรู้งานทุกอย่างที่ควรรู้ เพื่อจะได้นำไปใช้งานจริงในวันที่เขาจะเปิดร้านใหม่ให้ที่ต่างอำเภอ ตามที่เคยตกลงกันไว้ ซึ่งชายหนุ่มก็ขยันขันแข็งทำงาน และเรียนรู้ทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจ “ทำไมมะเฟืองไม่ท้องบ้างนะ” คนอยากมีลูกอีกคนหันไปถามภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ คิ้วเข้มขมวดมุ่นสงสัย “เฮียทำไม่เป็นมั้ง” มะเฟืองว่ายิ้มๆ คนถูกสบประมาทแทบสำลักน้ำที่ยกขึ้นจิบ การุณย์หันมาสบตาแม่ตัวดีอย่างคาดโทษ มะเฟืองมองเมินสายตาของสามี เธอหันไปพูดกับพี่ชายต่อโดยไม่สนใจเขาอีก “พี่ไฟไปทำงานเถอะ หนูจะอยู่เป็นเพื่อนตัวจิ๋วให้เอง ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ” “ตัวจิ๋วอยู่กับมะเฟืองก็ได้ ตัวจิ๋วแพ้แค
“ตรงนี้ก็หอม” การุณย์เลื่อนใบหน้าลงไปจนถึงกลุ่มไหมเหนือเนินสาว เขาสูดดมเสียงดังฟอด มะเฟืองบิดตัวหนี ทุบตีบ่าบึกบึนไปหลายที ทว่าคนอยากมอบกายถวายตัวให้เมียไม่ระคายผิวแม้แต่น้อย“อื้อ! เฮีย! ยังไม่ได้ล้าง” เพราะมันผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมา น้ำสวาททั้งของเขาและเธอปนเปกันอยู่ตรงนั้น มะเฟืองจึงรีบเอ่ยห้ามอย่างตกใจ“ไม่ล้างก็หอม กระดองเต่าน้อย” การุณย์การันตีความหอมด้วยการสูดดมเสียงดังฟอดอีกครั้ง มะเฟืองอ่อนอกอ่อนใจที่จะห้ามปราม หญิงสาวประชดเขาด้วยการกางขาออกสุด การุณย์หัวเราะพอใจ ประชดแบบนี้เขาชอบ“หอมอีกสิ” อายซะที่ไหน ก็ในเมื่อเตือนไม่ฟัง เธอก็ทำประชดเสียเลยดวงตาคู่คมจับจ้องดอกไม้บานฉ่ำในระยะประชิด มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ สวย น่าหลงใหล และเขาก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้น และตอนนี้ก็ไม่คิดจะโงหัวขึ้นด้วยการุณย์ฝังใบหน้าลงบนผืนเนื้อสาว มันเปียกโชก ชุ่มฉ่ำ แต่เนื้ออ่อนสาวก็หวานละมุนลิ้น กลิ่นสาบสาวก็ยวนใจ ปาดเ
“อ้วกออกมาก็ได้” มะเฟืองทำท่าจะล้วงคออ้วกจริงๆ การุณย์ดึงมือเธอไว้แทบไม่ทัน“หนูกินไปแล้ว” การุณย์ย้ำอีกครั้ง มะเฟืองมองหน้าคนขี้งกด้วยสายตาดุ“คิดไว้ก่อนแล้วใช่ไหม” มะเฟืองมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง เขาเป็นพ่อค้าที่ไม่ยอมขาดทุนอะไรเลยจริงๆ“อย่ามาใส่ร้ายเฮีย” การุณย์พูดยิ้มๆ“กินไปกี่คำน้า” คนขี้งกทำท่าคิดคำนวณ ใบหน้าหล่อเหลากวนไม้กวนมือเหลือเกิน“ไม่รู้ ไม่ได้นับ” มะเฟืองดึงมือกลับมา ขยับตัวห่างจากเขา หญิงสาวสะบัดหน้าหนีงอนๆ การุณย์ขยับตาม โน้มใบหน้ากระซิบชิดใบหูขาว คำกระซิบบอกของเขา เล่นงานหัวใจสาวให้เต้นโครมคราม ใบหน้าร้อนผะผ่าว และยิ้มหวานเอียงอายน่ารัก การุณย์กระซิบบอกเสียงทุ้มสะกดใจสาวว่า“เฮียคิดราคาเหมาแล้วกัน ราคาเท่าหัวใจของมะเฟือง จ่ายมาซะดีๆ”บทจะหวานก็หวานปานน้ำตาลจะหยด มะเฟืองผู้ไม่ประสาตามไม่ทันคารมหนุ่มใหญ่ หญิงสาวได้แต่นั่งนิ่งเขินอาย ใบ