Home / รักโบราณ / ดอกไม้ในเปลวเพลิง / บทที่ 14 สืบหาผู้ร่วมขบวนการ

Share

บทที่ 14 สืบหาผู้ร่วมขบวนการ

last update Last Updated: 2025-02-16 08:36:12

เมื่อพ่อค้าผักเห็นชายหนุ่มทั้งสองก็ยิ้มแย้มแจ่มใส

“ท่านรองผู้บัญชาการมีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ หากจะจัดงานเลี้ยงต้องการผักชนิดใดบ้างสั่งมาได้เลยขอรับ”

สุ่ยฝานหรงยิ้มแล้วเอ่ยถามว่า “ตี๋น้อยสบายดีหรือไม่”

พ่อค้าผักยิ้มจนตาหยีเมื่อกล่าวถึงบุตรชาย

“สบายดีขอรับ ตอนนี้ตั้งใจศึกษาวิชา บอกว่าเมื่อโตขึ้นจะไปสมัครเป็นทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาของท่านรองผู้บัญชาการขอรับ”

พ่อค้าผักยังกล่าวต่อไปด้วยว่า

“ตั้งแต่วันที่ใต้เท้าช่วยเขาไว้จากการจมน้ำ เขาก็เปลี่ยนไป ไม่ดื้อรั้นเอาแต่วิ่งเล่นซุกซนเหมือนเดิมอีกแล้ว บัดนี้เขามีท่านรองผู้บัญชาการเป็นวีรบุรุษในใจแล้วขอรับ”

สุ่ยฝานหรงยิ้มแย้มแจ่มใส ถามด้วยน้ำเสียงชวนพูดคุยว่า

“เมื่อวันที่จวนเสนาบดีกรมคลังจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ฮูหยิน ทางร้านได้รับเหมาส่งผักให้จวนใช่หรือไม่”

“ใช่ขอรับ งานเลี้ยงวันเกิดฮูหยินเสนาบดีกรมคลังมีการสั่งผักมากมาย ข้าน้อยไปส่งให้ถึงสองรอบ รอบแรกส่งก่อนวันงานหนึ่งวัน แต่แขกมามากมายจึงมีการสั่งผักบางอย่างเพิ่ม จึงไปส่งให้ในวันที่มีงานเลี้ยงขอรับ”

“การส่งผักใช้ประตูใดหรือ”

เมื่อถึงคำถามนี้ พ่อค้าผักงง เหตุใดรองผู้บัญชาการทหารม้าสุ่ยฝานหรง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 15 ค้นหาแหล่งแร่เหล็กชั้นดี

    หลายวันต่อมา ข่าวแพร่ไปทั่วเมืองหลวง ฉินอ๋องนำกองกำลังปราบปรามกองโจรปีศาจคำรามสำเร็จ หมู่บ้านบริเวณเชิงเขาเกาชานซึ่งเป็นที่หลบซ่อนของกองโจรถูกเผาทำลายวอดเหลือเพียงซากปรักหักพังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเดิมนั้นเป็นหมู่บ้านร้างที่ถูกฉินอ๋องอุปโลกน์ให้เป็นที่ซ่องสุมของกองโจร เพื่อปกปิดแหล่งกบดานที่แท้จริงซึ่งอยู่บนยอดเขาเกาชาน อาวุธที่ยึดมาได้เมื่อครั้งต่อสู้บนเขาเกาชานถูกส่งมอบเข้าคลังอาวุธหลวงณ จวนฉินอ๋อง เจ้าของจวนและรองผู้บัญชาการทหารม้านั่งดื่มสุรากันใบหน้าครุ่นคิด ผิดวิสัยการสังสรรค์ คิ้วหนาของฉินอ๋องขมวดมุ่น“ก่อนส่งอาวุธเข้าคลังหลวง ข้าพบว่าเหล็กที่นำมาตีดาบมีความเหนียวและแข็งแกร่งมาก อาวุธของพวกมันดีกว่ากองทัพด้วยซ้ำ ที่พ่ายไปก็เพราะฝีมือการสู้รบ”“ฝีมือการตีดาบยังไม่ดีพอพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอ๋องนิ่งไปอึดใจ ใคร่ครวญอะไรบางอย่างแล้วกล่าวว่า“ข้าสงสัยว่าบนเขาเกาชานจะมีแร่เหล็ก อีกประการคือพวกเรายังไม่พบเส้นทางที่กองโจรปีศาจคำรามใช้เดินทาง พรุ่งนี้พวกเราไปสำรวจกันหน่อย”ก่อนตะวันขึ้น คนกลุ่มเล็ก ๆ ก็ควบม้าอย่างรวดเร็วตรงไปยังเขาเกาชาน ครั้งนี้ก็ใช้สมุนไพรพิษจึงผ่านเส้นทางป่าไม้กินเนื้อคนเข้า

    Last Updated : 2025-02-17
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 16 คนในวังขอมีเอี่ยว

    ฉินอ๋องมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย เขาสั่งการว่า“ข้างนอกน่าจะมีฝนตกหนัก หากพวกเราย้อนกลับไปที่ทางเข้าก็ต้องใช้เวลา อีกอย่างน้ำไหลมาจากทิศทางที่เราเข้ามาแล้วไหลไปทางนี้”เขาชี้ไปทิศทางตรงข้ามกับทางเข้า แล้วกล่าวต่อไปว่า“ทางนี้น่าจะเป็นพื้นที่ต่ำกว่า และมีทางให้น้ำไหลออกไปได้ พวกเราเร่งเดินทางกันเถิด”น้ำฝนปนน้ำป่าเริ่มท่วมมาถึงข้อเท้า ทุกคนเร่งฝีเท้ากันเต็มที่ ด้านหน้าผนังถ้ำกลับแคบลง บัดนี้ปริมาณน้ำท่วมถึงเข่าแล้ว กระแสน้ำก็เริ่มแรงขึ้น กลุ่มคนชะงักหันมามองหน้ากันแต่ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา จากนั้นฝีเท้าก็เร่งความเร็วขึ้นอีกทหารของหน่วยมัจฉาพระกาฬที่รั้งอยู่ท้ายแถว กระโดดตัวลอยขึ้นจากน้ำพลางตะโกนเสียงลั่นว่า“งูน้ำ งูน้ำ”ทุกคนเหลียวไปมองผู้ที่ส่งเสียง ก็เห็นว่าใกล้เขามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ร่างนั้นยาวมากและอ้วนกลม อาหารคงอุดมสมบูรณ์สินะการเคลื่อนไหวปราดเปรียวว่องไว คงจะหนีน้ำที่กำลังไหลบ่าเข้ามาอย่างแน่นอนหน่วยมัจฉาพระกาฬต่างหลบหลีกให้งูผ่านไปได้โดยไม่ทำอันตรายซึ่งกันและกัน พวกเขาถือว่าเมื่อเข้าป่า ต้องไม่ทำร้ายเจ้าของบ้าน นอกจากมีความจำเป็นเพื่อป้

    Last Updated : 2025-02-18
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 17 คนในห้วงคำนึงของคุณหนูสุ่ย

    ฉินอ๋องพยักหน้า ทุกคนรู้เรื่องสุขภาพที่อ่อนแอของรัชทายาท ใคร ๆ ก็ใส่ใจในเรื่องราวของรัชทายาทแคว้นของตนเอง ดังนั้น ราษฎรก็รู้กันทั้งแคว้น“ก็ได้ข่าวเช่นนั้น”“เจ้าคิดหรือไม่ว่า หากแคว้นต้าเจียของเรามีฮ่องเต้ที่ร่างกายอ่อนแอเช่นนี้ ต่อไปจะปกครองแว่นแคว้นให้ดีได้อย่างไร”“พี่รอง ตอนนี้เสด็จพ่อของท่านซึ่งเป็นฮ่องเต้ก็ยังแข็งแรง ต้องอยู่เป็นหลักให้แคว้นไปอีกนาน เรื่องสุขภาพของรัชทายาทก็อยู่ระหว่างการรักษา”“ข้ารู้ว่าใคร ๆ ก็ไม่กล้าพูด แต่แน่ใจว่าขุนนางน้อยใหญ่ล้วนแต่มีความคิดอยู่ในใจ”เทียนตี้ฮุ่ยหัวเราะเบา ๆ เขาลุกขึ้นยืนบิดตัวแก้เมื่อยเล็กน้อย “ข้าชื่นชอบฝีมือของเจ้า ภายหน้าหวังว่าจะได้ร่วมมือกันสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แคว้น สำหรับเรื่องอาวุธหากเจ้าพร้อม ก็ไปหาข้าที่จวน”เทียนตี้ฮุ่ยกลับไปนานแล้ว ฉินอ๋องยังคงครุ่นคิดถึงความนัยที่แฝงในวาจา ไม่ค่อยสบายใจจึงต้องไปเยือนจวนแม่ทัพใหญ่อีกแล้วช่วงนี้เขามาเป็นแขกของจวนทุกวัน สอบถามอาการของคุณหนูสุ่ยบ้าง นำสุราหมักชั้นดีไปสังสรรค์กับสุ่ยฝานหรงบ้าง วันนี้ก็สามารถไปที่จวนแม่ทัพใหญ่ได้โดยไม่ต้องหาข้ออ้างอีกแล้วฉินอ๋อง และสุ่ยฝานหรง นั่งดื่มสุราอ

    Last Updated : 2025-02-19
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 18 วังหลังอันซับซ้อน

    เดิมตระกูลเมิ่งมิใช่ตระกูลใหญ่โตมากนัก แต่ด้วยเมิ่งกุ้ยเฟยเมื่อครั้งยังอายุเข้ารุ่นสาว มีโอกาสปรนนิบัติฮ่องเต้ ด้วยใบหน้าที่สวยหวานหยาดเยิ้ม ชั้นเชิงการเอาใจที่ยอดเยี่ยม ทำให้เป็นที่เสน่หาของฮ่องเต้แม้จะยังไม่มีพระราชโอรสหรือพระราชธิดา นางก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเสียนเฟย ในช่วงเวลานั้นพระสนมทั้งหลายให้กำเนิดแต่พระราชธิดา ทำให้บัลลังก์ยังไม่มั่นคงเสียนเฟยมองภาพสะท้อนของตนเองในคันฉ่อง แล้วพึมพำว่า“ข้าเบื่อตำแหน่งเสียนเฟยแล้ว หญิงงามล่มเมืองอย่างข้าควรคู่กับการเป็นมารดาของแผ่นดิน เมื่อไหร่ข้าจะตั้งครรภ์ผู้มีบุญเสียทีนะ”นางกำนัลอู่หยิบปิ่นมาเสียบเข้าที่มวยผมของเสียนเฟย แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า“ข้าน้อยได้ข่าวว่าผินนางหนึ่งมีอาการคล้ายคนตั้งครรภ์เพคะ”เสียนเฟยถอนหายใจ “ฝ่าบาทก็มาตำหนักข้ามากกว่าผู้อื่น แต่ข้าก็ยังไม่ตั้งครรภ์ หากปล่อยให้วันเวลาล่วงเลยไป ข้าก็คงเป็นได้แค่เสียนเฟยที่อับเฉาในวังหลังอันกว้างใหญ่แห่งนี้ ต่อไปผู้คนก็คงเหยียบย่ำได้”“หากเด็กในครรภ์ของผินผู้นี้เป็นชาย พระนางก็นำมาเลี้ยงดูเป็นพระราชโอรสดีไหมเพคะ” นางกำนัลอู่แนะนำ ในขณะที่มือก็ยังนำเครื่องประดับบรรจงตกแต่งทรงผมให้เสียนเฟ

    Last Updated : 2025-02-20
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 19 ชีพจรมงคล

    วันเวลาในวังหลวงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตำแหน่งฮองเฮาก็ยังคงเป็นของฮองเฮาสือจินอวี้ ผู้ซึ่งเป็นบุตรีของอดีตอัครมหาเสนาบดี แม้ว่าผู้เป็นบิดาจะสิ้นชีพไปแล้ว แต่ยังมีญาติที่รับราชการเป็นขุนนางตำแหน่งใหญ่โต ด้วยกำลังหนุนหลังเช่นนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็มั่นคงได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าเมิ่งกุ้ยเฟยจะมีตำแหน่งสูงเป็นถึงกุ้ยเฟย อีกทั้งยังเป็นที่รักใคร่ของฮ่องเต้ แต่หลายครั้งที่เมิ่งกุ้ยเฟยอดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ หากนางมีตระกูลใหญ่หนุนหลัง ตำแหน่งมารดาของแผ่นดินก็ต้องเป็นของนางแล้ว ที่สำคัญนางให้ว่าที่รัชทายาทแก่แผ่นดินนี้ นางนึกย้อนไปเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา นางสนมคนหนึ่งตั้งครรภ์และให้กำเนิดองค์ชายสาม แต่ไม่ทันข้ามวันทั้งแม่และลูกก็จากโลกนี้ไปท่ามกลางความโศกเศร้าของฮ่องเต้ ครั้งนั้นเป็นเพราะการคลอดที่ยากลำบากนั่นเอง ช่วงนี้ฮองเฮาสือจินอวี้มีอาการวิงเวียนบ่อยครั้ง ผลไม้รสเปรี้ยวนอกจากต้องมีทุกมื้ออาหาร ห้องเครื่องยังต้องจัดเตรียมไว้เสมอ ประสงค์จะเสวยเวลาใดก็ต้องจัดหามาให้ได้ เครื่องหอมต่าง ๆ ที่เคยโปรดก็รู้สึกไม่หอมเหมือนเคย จึงให้เผิงเหยียนนางกำนัลประจำกายนำออกไปแจกจ่ายให้พ้นตำหนัก เมื่อฮ่องเต้ได้รับ

    Last Updated : 2025-02-21
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 20 ความกล้าหาญของฉินอ๋องในวัยเยาว์

    องค์ชายสี่ เทียนตี้เต๋อ หน้าตาน่ารักน่าชัง สติปัญญาเฉลียวฉลาดเป็นเลิศ สุภาพอ่อนโยนตั้งแต่ยังเยาว์ เป็นที่รักใคร่ของนางกำนัลทั้งตำหนัก ขุนนางน้อยใหญ่ก็ชื่นชม หากแต่ร่างกายอ่อนแอ เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เป็นนิจ หมอหลวงเองก็หมดปัญญารักษา ได้แต่ประคับประคองกันไปด้วยความรักและเป็นห่วงฮ่องเต้จึงทุ่มเทความรักให้แก่องค์ชายสี่ เทียนตี้เต๋อ ในขณะที่ องค์ชายรอง เทียนตี้ฮุ่ย ประสูติจากเมิ่งกุ้ยเฟย ได้รับการเลี้ยงดูอย่างตามใจจึงถือตนเองเป็นสำคัญ ลงโทษบ่าวไพร่ที่กระทำการไม่ถูกใจอย่างรุนแรงบ่อยครั้งในวันที่เทียนตี้ฮุ่ยฟันน้ำนมซี่แรกหลุด เขาอยู่ในวัยหกขวบ ฮ่องเต้จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ในสวนให้เฉพาะเด็ก ๆ สังสรรค์กัน มีราชวงศ์วัยเยาว์มาร่วมงานเพียงสามคน นอกจากเจ้าของฟันแล้วก็คือเทียนตี้เต๋อในวัยสามขวบ ซึ่งประสูติจากครรภ์ฮองเฮา และเทียนตี้หย่งในวัยสองขวบ โอรสของพระอนุชาของฮ่องเต้ เด็กทั้งสามเล่นสนุกด้วยกัน เทียนตี้ฮุ่ยอายุมากที่สุดจะแข่งขันอะไรก็ได้เปรียบ เทียนตี้หย่งอายุน้อยที่สุด แต่แข่งอะไรก็ตาม ผู้แพ้กลับเป็นเทียนตี้เต๋อทุกครั้งเมื่อถึงการละเล่นค้นหาดาวกระดาษสีฟ้าที่นางกำนัลนำไปซ่อนไว้ในพุ่มไม้ใกล้ภูเขาจำ

    Last Updated : 2025-02-22
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 21 ไร้วาสนา

    ครั้งก่อน เมิ่งกุ้ยเฟยยินดีปรีดาที่เมิ่งหยางผู้เป็นน้องชายจะแต่งกับสุ่ยเฉินเฟิงซึ่งเป็นบุตรีแม่ทัพใหญ่ หากเกี่ยวดองกันแล้วน่าจะมีประโยชน์ในการสนับสนุนองค์ชายรองขึ้นสู่อำนาจที่ต้องการแม้เมิ่งกุ้ยเฟยจะขัดใจอยู่บ้างที่องค์ชายสี่และสุ่ยฝานหรงมีความสัมพันธ์ที่ดีแก่กัน แต่หากได้เกี่ยวพันเป็นญาติทางการแต่งงานกัน สุ่ยฝานหรงก็ต้องสนับสนุนเทียนตี้ฮุ่ยเพราะเห็นแก่อนาคตของน้องเขยน้องสาวมากกว่าสหายมารดาของเมิ่งกุ้ยเฟยมีบุตรีสองคนคือฮูหยินเสนาบดีกรมคลังและเมิ่งกุ้ยเฟย เมื่อเมิ่งกุ้ยเฟยอายุเพียงสิบขวบมารดาก็เสียชีวิต ต่อมาบิดาแต่งสตรีอายุน้อยเข้าจวนเป็นภริยาเอกคนใหม่ มารดาเลี้ยงดูแลสองพี่น้องอย่างดีต่อมาเมื่อมารดาเลี้ยงตั้งครรภ์และคลอดเมิ่งหยาง ทั้งฮูหยินเสนาบดีกรมคลังและเมิ่งกุ้ยเฟยในเวลานั้นจึงรักใคร่น้องชายคนนี้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามบิดาของพวกนางและมารดาของเมิ่งหยางเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุไปเมื่อสามปีก่อนการมีโอกาสเป็นคู่หมายกับบุตรีแม่ทัพใหญ่เกิดขึ้นได้เพราะเมื่อครั้งฮูหยินแม่ทัพใหญ่ซึ่งเป็นมารดาของสุ่ยเฉินเฟิงตั้งครรภ์นั้น ต้องการไปรับประทานอาหารที่เหลาแห่งหนึ่งในตลาด เพราะไม่ชอบความเอิกเ

    Last Updated : 2025-02-22
  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 22 ใจดำ

    ห้องโถงในตำหนักตกแต่งหรูหราสวยงาม เมิ่งกุ้ยเฟยผู้สูงศักดิ์เพ่งตามองหญิงสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ใบหน้านั้นไม่ได้สวยงามหยาดเยิ้มอย่างที่คิดไว้ เมิ่งกุ้ยเฟยนึกสงสัยว่านางมีสิ่งใดดึงดูดความสนใจจากน้องชายจนกระทั่งเกิดการตั้งครรภ์ ร่างกายส่วนกลางนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าและร่างกายบวมเล็กน้อยจากการตั้งครรภ์เหอฮวาสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อดี ไม่มีเครื่องประดับอื่นใด เมิ่งกุ้ยเฟยมองที่นิ้วมือของผู้ตั้งครรภ์ พบว่าเนื้อที่โคนนิ้วมีรอยขาวกว่าตรงอื่นเล็กน้อย เพราะไม่ถูกแดดถูกลม แสดงว่าคนผู้นี้สวมแหวนเป็นประจำ และสวมแหวนหลายนิ้วเสียด้วยความรังเกียจผุดขึ้นในใจของผู้สูงศักดิ์ หญิงนางนี้คงถอดเครื่องประดับเก็บไว้และมาพบนางในคราบของคนสิ้นไร้ไม้ตอกเพื่อขอความช่วยเหลือสินะเหอฮวาเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาอ้อนวอน “ขอบพระทัยกุ้ยเฟยที่ให้ข้าน้อยได้เข้าพบเพคะ”“เจ้าต้องการสิ่งใด” เมิ่งกุ้ยเฟยถามเสียงห้วน“ท่านพี่หยางหายตัวไปเพคะ”เทียนตี้ฮุ่ยซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วย พูดโพล่งขึ้นมาว่า “อ้อ สามีหาย แล้วเจ้ามาตามที่นี่ได้หรือ เจ้าไม่รู้หรือว่าเขามีหมายจับ”เหอฮวาหันมามองพร้อมกับน้ำใส ๆ ไหลรินออกมาจากดวงตา “แม้ว่าเ

    Last Updated : 2025-02-23

Latest chapter

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 113 ราษฎรกินอิ่มนอนอุ่น

    ราษฎรต้อนรับการประสูติขององค์ชายน้อยหย่งเฉิงอย่างเอิกเกริก ร้านค้าในตลาดและบ้านเรือนราษฎรปักธงถวายพระพร เหลาเฉียนจัดทำอาหารพิเศษแจกจ่ายให้ลูกค้าโดยไม่คิดเงิน ร้านขายผลไม้ก็นำส้มมงคลมาแจกจ่ายให้ผู้คนที่สัญจรไปมาเมื่อครั้งเทียนตี้หย่งยังดำรงตำแหน่งฉินอ๋อง ราษฎรก็รักใคร่ชื่นชม แม้ในจวนอ๋องจะไม่มีพระชายา พระชายารอง หรืออนุ ก็ไม่มีผู้ใดใส่ใจ ต่อมาขึ้นครองราชย์ ราษฎรก็ปลื้มปิติ แต่ก็กังวลเพราะฮ่องเต้เทียนคงอิงฉง เทียนตี้หย่ง ลั่นวาจาไว้ว่าจะมีฮองเฮาสุ่ยเฉินเฟิงเพียงพระองค์เดียวแม้ในขณะที่แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งฮองเฮา พระนางจะตั้งครรภ์แล้วก็ตาม หากเป็นพระราชธิดาพวกเขาก็ยังไม่วางใจ ดังนั้นเมื่อองค์ชายน้อยหย่งเฉิงประสูติ จึงเป็นทั้งความยินดีและความโล่งใจของราษฎรทั้งหลาย อย่างน้อยก็สบายใจได้ว่า แคว้นต้าเจียมีผู้สืบทอดบัลลังก์มังกรแล้วในแต่ละวันขององค์ชายน้อยหย่งเฉิงมีเสด็จย่าทั้งสองและท่านยายผลัดกันมาดูแล คือเสด็จย่าไทเฮาสือจินอวี้ เสด็จย่าไทเฮากู้ชุนฉือ และท่านยายเจียงจือไฉ แต่เสด็จย่าไทเฮาสือจินอวี้จะได้เปรียบมากกว่าเพราะประทับในวังเช่นเดียวกัน จึงมาดูแลเกือบทุกวัน เว้นแต่วันที่เสด็จย่าไทเฮ

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 112 เจ้าก้อนแป้งตัวน้อยน่ารัก

    พระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮาเป็นไปอย่างเรียบง่ายตามความประสงค์ของสุ่ยเฉินเฟิง ตำหนักคุนหนิงของฮองเฮาได้รับการปรับปรุงใหม่ มีห้องสำหรับทารกติดกับห้องบรรทมของฮองเฮา สำหรับฮ่องเต้เทียนคงอิงฉงนั้นแม้จะมีตำหนักเฉียนชิง แต่พระองค์ก็จะมาบรรทมที่ตำหนักคุนหนิงเป็นประจำ เว้นแต่ช่วงที่ทรงงานดึกจึงจะพักผ่อนที่ตำหนักเฉียนชิงเพื่อให้ฮองเฮาพักผ่อนเต็มที่ ไม่ต้องตื่นกลางดึกสุ่ยฝานหรงซึ่งบัดนี้ได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีนั้น บางวันจะพาเหมยกุ้ยเข้าวังมาส่งที่ตำหนักคุนหนิงในช่วงเช้า และมารับกลับหลังจากประชุมขุนนางเสร็จ ชีวิตของสุ่ยเฉินเฟิงจึงไม่เงียบเหงาเกินไป ส่วนถิงถิงซึ่งบัดนี้เป็นนางกำนัลคนสนิทของฮองเฮาก็ช่างมีเรื่องซุบซิบมาเล่าให้ฟัง แม้กระทั่งองค์หญิงนาราที่เสวยผลไป่เซียงกั่วเพื่อให้เกิดผื่นจะได้ยืดเวลาการอยู่ในวังหลวงเพื่อมีเวลาขอถวายตัวเป็นสนมก็มาเล่าให้ฟัง เรียกได้ว่าทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่ถิงถิงไม่ค่อยจะพลาดข่าว ถิงถิงมีความเห็นว่ารู้มากหน่อยดีกว่ารู้น้อยไปเมื่อสุ่ยฝานหรงเข้ารับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีแล้ว ฮ่องเต้เทียนคงอิงฉง เทียนตี้หย่ง ก็ต้องวางกำลังคนที่ไว้ใจให้ควบคุมหน่วยกำลัง

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 111 เข้าวัง

    ไทเฮาสือจินอวี้ลุกขึ้นจากที่ประทับ ตรงไปยังองค์หญิงนาราที่นั่งคุกเข่า ใช้สองพระหัตถ์แตะไหล่ประคองให้องค์หญิงน้อยลุกขึ้นยืน แล้วตรัสว่า “องค์หญิงนารามีหน้าตาสวยงามและเพียบพร้อมด้วยความรู้ ไม่ควรจะมาเป็นสนม ความหวังดีนี้ไม่อาจรับไว้ได้ ขอให้แคว้นต้าเจียและเผ่าตู้ผูกพันเป็นมิตรที่ดีต่อกันเถิด”ภายนอกมีเสียงดังขึ้นว่า “ฮ่องเต้เสด็จ”เมื่อร่างสูงสง่าของฮ่องเต้ก้าวเข้ามาในโถงกลางของวังหลัง พระองค์ทำความเคารพไทเฮาก่อน แล้วจึงหันไปตรัสแก่ผู้อื่นที่ทำความเคารพว่า “ไม่ต้องมากพิธี” องค์หญิงน้อยมองด้วยสายตาหลงใหลเทียนตี้หย่งแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อยแล้วตรัสด้วยสุรเสียงจริงจังว่า “เจิ้นขอบใจในน้ำใจของถู่ซือและองค์หญิง แต่ไม่อาจรับไว้ได้ ต้าเจียและเผ่าตู้ไม่จำเป็นต้องผูกพันกันด้วยการอภิเษกหรือการเป็นสนม แต่ยังเป็นพันธมิตรกันต่อไปได้”องค์หญิงน้อยทำได้เพียงกล่าวเสียงเบาว่า “เพคะ” รู้สึกอับอายแทบแทรกแผ่นดิน ไม่คิดมาก่อนว่าจะถูกปฏิเสธแม้แต่การเป็นสนม เทียนตี้หย่งหันไปทางทูตเผ่าตู้แล้วตรัสว่า “เผ่าตู้มีสินค้าหายากหลายอย่างที่ต้าเจียไม่มี เจิ้นจะให้ทูตการค้าต้าเจียหารือเรื่องการพัฒนาการค้าขายระหว่างกันดีห

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 110 ใคร ๆ ก็หลงรักฮ่องเต้ผู้สง่างาม

    พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่อลังการ เทียนตี้หย่ง ขึ้นครองราชย์สถาปนาเป็นฮ่องเต้เทียนคงอิงฉง ราษฎรทั่วแคว้นต้าเจียเฉลิมฉลองเจ็ดวันเจ็ดคืน พวกเขาล้วนมีความหวังที่ยิ่งใหญ่กว่าครั้งใดที่เคยหวัง ต่างแคว้นล้วนส่งทูตมาแสดงความยินดี ไม่มีแคว้นใดหาญกล้าทดสอบความแข็งแกร่งของฮ่องเต้พระองค์ใหม่เผ่าตู้เป็นชนเผ่าที่เคยถูกแคว้นต้าเลี่ยงรุกรานและสร้างความอัปยศให้แก่องค์หญิงหลายองค์จนปลิดชีพตนเอง เมื่อแคว้นต้าเจียปราบปรามแคว้นต้าเลี่ยงทำให้เผ่าตู้ได้รับอิสระอีกครั้ง เมื่อมาแสดงความยินดีในครั้งนี้ มีองค์หญิงน้อยเผ่าตู้ร่วมเดินทางมาด้วย องค์หญิงนาราเป็นองค์หญิงองค์เดียวที่ปลอดภัยจากการรุกราน เนื่องจากช่วงเวลานั้นไม่ได้อยู่ในดินแดนเผ่าตู้ ในท้องพระโรง พระเจ้าเทียนคงอิงฉง เทียนตี้หย่ง ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร พระพักตร์ขาวใส ดวงตาดำขลับยาวรีปลายชี้ฟ้า จมูกโด่งเป็นสัน ช่างสง่างามเหลือเกิน องค์หญิงน้อยมองดูด้วยความตะลึง หลงรักบุรุษผู้สง่างามนี้ทันทีเทียนตี้หย่งแย้มพระโอษฐ์ขอบคุณแคว้นต่าง ๆ ที่มาร่วมแสดงความยินดี และเชิญทูตทุกแคว้นทุกชนเผ่าเข้าร่วมงานเลี้ยงในตอนเย็น เนื่องจากยังไม่มีการแต่งตั

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 109 เทพสงครามครองบัลลังก์มังกร

    หลังจากพระเจ้าเต๋อหมิงได้รับบาดเจ็บ คณะหมอหลวงก็พยายามทุกวิธีในการรักษา เพราะฤทธิ์ยาระงับความเจ็บปวดที่หมอหลวงปรุงขึ้น แม้พระพักตร์จะขาวซีดแต่ก็ไม่แสดงถึงความเจ็บปวด เวลาผ่านไปสิบกว่าวัน ลมหายใจที่แผ่วเบานั้นก็หยุดนิ่ง หัวหน้าหมอหลวงตรวจชีพจรอีกครั้งก่อนจะหันมาทูลต่อไทเฮาสือจินอวี้ว่า“พระองค์กลับคืนสู่สวรรค์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”ไทเฮาสือจินอวี้ตัวอ่อน เป็นลมล้มพับ ฉินอ๋อง เทียนตี้หย่ง ที่ยืนอยู่ใกล้กันรับตัวเสด็จป้าสะใภ้ไว้ทันก่อนพระวรกายกระทบพื้น หมอหลวงแบ่งคนมาปฐมพยาบาลไทเฮา ความเศร้าโศกเสียใจล้นห้องบรรทมออกไปครอบคลุมวังหลวงและกระจายออกไปทั่วแคว้น พระเจ้าเต๋อหมิงเป็นผู้ปกครองใต้หล้าด้วยความเมตตา จึงเป็นที่รักใคร่ของราษฎร ในช่วงเวลาอันเศร้าหมอง ฉินอ๋องเป็นกำลังหลักในการสั่งการเรื่องต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยหลังจากพิธีการต่าง ๆ ผ่านพ้นไป ไทเฮาสือจินอวี้ก็เรียกฉินอ๋องเข้าเฝ้า สุ่ยเฉินเฟิงดูแลเครื่องแต่งกายให้พระสวามี ฉินอ๋องใช้นิ้วดันคางของนางให้เงยหน้าขึ้น“เฟิงเอ๋อร์ เจ้ากังวลอะไรหรือ”สุ่ยเฉินเฟิงถอนหายใจ “ไม่แน่ว่าการเรียกตัวเข้าเฝ้าในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับบัลลังก์ที่ว่างอยู่เพ

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 108 ศาสตร์และศิลป์ในการปกครอง

    พระเจ้าเต๋อหมิงบาดเจ็บสาหัส นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุพระองค์ก็ยังไม่ลืมพระเนตรขึ้นมา มีเพียงชีพจรและลมหายใจแผ่วเบาเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ เกิดความโกลาหลในการบริหารงานเล็กน้อย ไทเฮาสือจินอวี้ต้องออกนั่งเป็นประธานการประชุมขุนนางในฐานะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน พระนางไม่ประทับบนบัลลังก์มังกร แต่กลับให้คนนำเก้าอี้หงส์จากตำหนักของพระนางมาใช้ประทับเป็นการชั่วคราวแม้ว่าปกติไม่ว่าไทเฮาหรือฮองเฮาพระองค์ใดก็ตาม ไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของวังหลวงได้ ผู้เป็นมารดาของแผ่นดินมีหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลวังหลังให้เป็นไปโดยเรียบร้อย แต่สถานการณ์ของแคว้นต้าเจียในคราวนี้แตกต่างออกไป พระเจ้าเต๋อหมิงไม่ได้อภิเษกสมรสเพราะอยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ให้กับไท่ซ่างหวงซึ่งก็คือเสด็จพ่อของพระองค์นั่นเอง อีกทั้งพระเจ้าเต๋อหมิงก็ไม่มีสนมจึงยังไม่มีพระราชโอรสหรือพระราชธิดาแม้แต่พระองค์เดียว แคว้นต้าเจียจึงยังไม่มีรัชทายาทเดิมทีเหล่าขุนนางตั้งใจว่าหลังจากพ้นการไว้ทุกข์ให้ไท่ซ่างหวงแล้ว พวกเขาจะกดดันให้พระเจ้าเต๋อหมิงอภิเษกสมรสและแต่งตั้งฮองเฮา รวมทั้งให้เริ่มการคัดเลือกสนมเข้ามาปรนนิบัติตามธรรมเนียมท

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 107 ขบวนการทำลายแคว้นจบสิ้น

    ก่อนที่สุ่ยฝานหรงจะออกไป ฉินอ๋องสั่งการเพิ่มเติมว่า “ตอนที่จับกุมเมิ่งกุ้ยเฟย คนที่สุสานบรรพชนล้วนถูกลงโทษ นางกำนัลอู่ก็ติดตามกุ้ยเฟยไปที่สุสานด้วย ท่านตรวจสอบด้วยว่าผู้ใดช่วยเหลือให้นางหลบหนีจนรอดพ้นได้” “พ่ะย่ะค่ะ”สุ่ยฝานหรงออกไปแล้ว ฉินอ๋องกลับเข้าไปในห้องบรรทมของพระเจ้าเต๋อหมิง มีโต๊ะวางไว้มุมห้อง เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ จางชุนรินน้ำชาส่งให้ เขารับมาถือไว้นิ่ง ๆ มองตรงไปก็เห็นญาติผู้พี่นอนนิ่ง พระพักตร์ซีดเซียว นี่คือสิ่งที่เขากังวลอยู่เสมอว่าจะเกิดขึ้น และแล้วก็เกิดขึ้นจริง พี่สี่ของเขาพระทัยอ่อน ใช้สายพระเนตรที่เมตตามองผู้คนโดยรอบ ใช้พระคุณแต่เพียงอย่างเดียวในการปกครองเวลาผ่านไป แม่ทัพใหญ่สุ่ยฝานหรงกลับมาอีกครั้งเมื่อเข้ายามอิ๋น เขาสีหน้าไม่ดีนัก รายงานว่า“ตรวจสอบโดยละเอียดแล้วพ่ะย่ะค่ะ นางกำนัลอู่ไม่ถูกจับกุมเพราะนางลากลับบ้านเดิมเพื่อจัดการงานศพของมารดา เมื่องานศพเสร็จแล้ว ระหว่างทางที่เดินทางกลับเมืองหลวง ก็ได้ข่าวว่าคนที่สุสานบรรพชนถูกจับกุม นางจึงซ่อนเร้นตัว เมื่อทหารที่ไปตรวจค้นสุสานบรรพชนและทำลายเห็ดเมากลับไปแล้ว นางก็ลักลอบเข้าไปในสุสานบรรพชน เพราะนางอยู่ที่นั่นกั

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 106 บาดเจ็บสาหัส

    “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จป้าสะใภ้ หลานจะสอบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้สภาพในคุกไม่เหมาะสำหรับผู้บาดเจ็บ” เขาหันถามหัวหน้าหมอหลวงว่า “จะเคลื่อนย้ายฝ่าบาทได้หรือไม่ หรือต้องรอให้อาการดีขึ้นกว่านี้ก่อน”หัวหน้าหมอหลวงตอบว่า “สามารถเคลื่อนย้ายได้แล้วพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง คุกหลวงไม่เหมาะกับการรักษาผู้ป่วยจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”ในที่สุด พระเจ้าเต๋อหมิงก็ถูกเคลื่อนย้ายไปยังตำหนักเฉียนชิง ฉินอ๋องประคองไทเฮา สือจินอวี้ไปพร้อมกัน โดยให้สุ่ยฝานหรงซึ่งตามมาถึงแล้ว ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ไทเฮานั่งกุมพระหัตถ์พระราชโอรส พระพักตร์ของพระองค์และพระเจ้าเต๋อหมิงซีดขาวพอกัน"เสด็จป้าสะใภ้พักผ่อนก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ไทเฮาสือจินอวี้ส่ายพระพักตร์ “ป้าสะใภ้จะเฝ้าเต๋อเอ๋อร์ เมื่อเขาฟื้นจะได้เห็นหน้าแม่เป็นคนแรก”“ถ้าเช่นนั้นหลานจะให้คนจัดห้องด้านข้างเป็นที่บรรทมชั่วคราวดีไหมพ่ะย่ะค่ะ เสด็จป้าสะใภ้ไปพักผ่อนก่อน มิฉะนั้นอาจจะประชวรไปอีกพระองค์ หากพี่สี่รู้สึกตัวแม้เพียงเล็กน้อยจะให้คนไปทูลให้ทรงทราบทันที”ไทเฮาพยักพระพักตร์ ฉินอ๋องจึงสั่งให้ขันทีประจำตำหนักเฉียนชิงเร่งจัดห้องบรรทมช

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 105 ฟางเส้นสุดท้าย

    ในห้องขังห้องหนึ่งของคุกหลวง บนโต๊ะตัวเล็กซึ่งวางไว้มุมหนึ่งมีกับข้าวสองอย่างและน้ำ แม้จานอาหารจะไม่ได้ตกแต่งอย่างสวยงาม แต่กับข้าวก็มีทั้งเนื้อและผัก อีกมุมหนึ่งมีผ้าผืนใหญ่ค่อนข้างหนาปูไว้บนพื้นสำหรับใช้เป็นที่นอน อากาศเย็นและอับชื้น โคมไฟที่มุมกำแพงส่องแสงลอดลูกกรงเข้ามาทำให้ในห้องขังไม่มืดองค์ชายรอง เทียนตี้ฮุ่ย นั่งอยู่บนผ้าปูนอน หลังพิงกำแพงคุกหลวง สามวันแล้วที่เขาเข้ามาอยู่ในคุกหลวง แม้ว่าอาหารจะไม่เป็นที่พอใจแต่เขาก็รับประทานได้ ไม่มีเหตุผลที่ต้องทรมานตัวเอง ข้อเท้าของเขาได้รับการรักษา หมอหลวงเข้ามาทำแผลให้วันละสองครั้ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังอักเสบ มีเลือดและน้ำหนองซึมออกมา เขาไม่สามารถเดินได้ แม้จะเป็นระยะทางใกล้ ๆ จากที่นอนตรงไปยังโต๊ะอาหาร เขาต้องคลานไป ช่างน่าอนาถนักมีเงาไหววูบอยู่หน้าห้องขัง เขามองออกไปก็เห็นบุรุษรูปร่างสูงผอมที่คุ้นเคย ทั้งหน้าตาผิวพรรณและเครื่องแต่งกายล้วนสูงส่ง พระเจ้าเต๋อหมิงมองผ่านลูกกรงเข้ามา ตรัสถามว่า“แผลที่ขาเป็นอย่างไรบ้างพี่รอง”องค์ชายรอง เทียนตี้ฮุ่ย หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง ใบหน้าเศร้าโศก ไม่พูดไม่จา พระเจ้าเต๋อหมิงจึงให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไขกุญแ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status