บทนำ
ปิ๊งป่อง!
เสียงออดประกาศตามสายภายในโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งดังขึ้นตามด้วยเสียงอาจารย์สาวที่ประกาศเตือนนักเรียนที่กำลังทยอยเดินออกมารอผู้ปกครองหลังจากเลิกเรียน
‘ประกาศ..นักเรียนคนไหนที่ผู้ปกครองยังไม่มารับ กรุณาเข้ามานั่งรอผู้ปกครองด้านในโรงเรียนด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวนักเรียนเอง..'
แป้งปั้นที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่ใต้ต้นจามจุรีกับเพื่อนสนิทเงยหน้าขึ้นมาสบตากันแล้วหลุดขำคิกคักก่อนที่เธอจะพูดขึ้น "เราไม่ได้ให้ผู้ปกครองมารับนี่เนอะ.."
"นั่นสิ เรามาเรียนเองได้ ก็ต้องกลับเองได้ เราโตแล้วนะอายุสิบแปดปีเต็มแล้วด้วย ปีหน้าก็เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว" พริกแกงเพื่อนสนิทคนเดียวพูดขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง
"แต่ป๊ะป๋าฉันไม่ยอมสิ เดี๋ยวคงให้คนมารับ" แป้งปั้นตัดพ้อเสียงแผ่ว เมื่อนึกถึงพ่อใบหน้าจิ้มลิ้มก็ไร้รอยยิ้ม ไม่มีใครไม่รู้จักพ่อเธอ รวมทั้งเธอกับแม่ด้วย คนต่างเกรงขามและเกรงใจจนบางทีเธอก็รู้สึกเบื่อที่มีคนมาคอยประจบประแจงด้วยเพราะอยากได้ผลประโยชน์จากพ่อ "วันนี้ไปกินนมปั่นร้านเดิมไหม นั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปแป๊บเดียว" เด็กสาวเอ่ยชวนเพื่อนรักด้วยความอยากไปสุดๆ แต่เมื่อเพื่อนเงียบไปเธอจึงจับแขนพริกแกงเขย่าเร่าๆ
"โอเคๆ คุณหนูเดี๋ยวเราจะไปกินนมปั่นกัน"
"เย้ๆ.." แป้งปั้นยิ้มหวานที่ถูกตามใจ เธอรีบทำการบ้านให้เสร็จสรรพ แล้วเก็บของใส่กระเป๋าถือ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จูงมือพริกแกงเดินออกมานั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปที่ร้านนมปั่นเจ้าประจำ ทางผ่านไปร้านนมเป็นมหาวิทยาลัย มีพี่ๆมายืนรอรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย และมีกลุ่มนักศึกษาวิศวะฯที่จับกลุ่มนั่งรอแซวเด็กนักเรียน เพราะเป็นทางผ่านกลับบ้านของหลายๆคน
แป้งปั้นยิ้มหวานเมื่อมองเห็นร้านนมปั่นเจ้าโปรด เธอหันมามองเพื่อนรักด้วยความดีใจ ปกติหน้าร้านจะเต็มไปด้วยนักเรียนและรุ่นพี่นักศึกษาที่มาต่อคิวรอ แต่วันนี้โชคดีหน่อยที่ไม่มีคนเลย เมื่อลงจากรถได้แป้งปั้นก็รีบสั่งนมปั่นสองแก้ว
"นั่งรอดีกว่า วันนี้ไม่ค่อยรีบ" พริกแกงเพื่อนสนิทแป้งปั้นเดินนำไปนั่งก่อน แป้งปั้นยืนเลือกขนมอยู่ เมื่อได้ขนมที่อยากกินแล้วจึงเดินตามมานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเพื่อนพร้อมแกะขนมป้อนใส่ปากพริกแกง
"วันนี้บรรยากาศแปลกๆนะ ไม่ค่อยมีคนเดินเพ่นพ่านแถวนี้เลย เขามีอะไรกันเหรอ"
"ไม่น่าจะมีอะไรหรอก แป้งว่าเขาน่าจะไปเดินตลาดไม่ก็ไปเดินห้างกันมากกว่า วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน"
"มีเหตุผลอะ เรานั่งกินหมดก่อนค่อยกลับเนอะ"
"ค่ะ" สองสาวนั่งกินขนมรอนมปั่น เสียงคนพูดคุยกันเริ่มดังขึ้นจากฝั่งตรงข้ามเรียกความสนใจจากสองสาวให้หันไปมอง แป้งปั้นมองกลุ่มนักศึกษาที่สวมใส่เสื้อช็อปสีแดงอย่างพิจารณาแต่จู่ๆก็มีคนๆหนึ่งตวัดสายตามาจ้องเธออย่างดุดันจนแป้งปั้นต้องเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาเขา "นะ..น่ากลัว"
"อะไรเหรอ" พริกแกงมองตามเพื่อนไปยังกลุ่มนักศึกษา เธอไม่เห็นอะไรผิดปกติเลยแต่อาการที่แป้งปั้นแสดงออกมาบ่งบอกถึงความกลัว พริกแกงสังเกตเห็นไรขนอ่อนบนแขนแป้งปั้นลุกซู่ แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยถามก็มีคนตะโกนด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้นจากฝั่งตรงข้าม
"ไอ้เหี้ยดิน!" คำหยาบคายดังขึ้นก่อนที่เสียงเอะอะโวยวายจะตามมา แป้งปั้นกับพริกแกงขยับมานั่งข้างกันด้วยความกลัวในขณะที่แม่ค้านมปั่นรีบเอาประตูหน้าร้านลงหลบตัวอยู่ด้านในราวกับว่าเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาบ่อยครั้ง
"หนู! หนีไปพวกมันตีกันอีกแล้ว"
"ฮะ! อะ..อะไรนะคะ" พริกแกงร้องถามแม่ค้าอย่างตกใจแต่สิ่งที่ทำให้พวกเธอขวัญกระเจิงคือขวดเบียร์ลอยมาจากฝั่งตรงข้ามตกลงตรงหน้าพวกเธอ เศษแก้วกระจายทั่วพื้น แป้งปั้นตัวสั่นเทาราวกับลูกนก เธอถูกพริกแกงดึงแขนลุกขึ้นก่อนที่จะวิ่งออกมาจากตรงนั้น แต่พวกเธอคิดผิดที่วิ่งออกมา เพราะกลุ่มนักศึกษาสองกลุ่มที่กำลังมีเรื่องกันได้วิ่งมาทางนี้พอดี
ทั้งสองสาวกรีดร้องสุดเสียง ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างตะโกนบอกให้พวกเธอหลบออกไป แต่ด้วยสถานการณ์ที่แย่ทำให้แป้งปั้นกับพริกแกงถูกกลุ่มนักศึกษาชายวิ่งมาชนจนล้ม แต่แป้งปั้นกลับถลาไปตามแรงชน จังหวะนั้นมีมือหนาของใครบางคนกระชากคอเสื้อเธอให้วิ่งตาม แทบจะไม่ได้เอาเท้าลงพื้นด้วยซ้ำ แรงมหาศาลกระชากตัวเธอปลิวไปด้วยจนกระดุมเสื้อนักเรียนกระเด็นออก เหลือเพียงเนกไทที่ยังรัดคอแป้งปั้นอยู่
"ปะ..แป้งปั้น แป้งปั้นไปไหน" ผ่านเหตุการณ์ชุลมุนไปแล้วพริกแกงที่เมื่อได้สติก็รีบร้องเรียกหาเพื่อนรัก เธอลนลานมองไปรอบๆกาย แต่ก็ไร้วี่แววแป้งปั้น เห็นเพียงรองเท้านักเรียนข้างเดียวที่วางอยู่บนฟุตปาธ เธอรีบคลานไปหยิบรองเท้าเพื่อนแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะมีคนมาช่วย
"ป้าเห็นเพื่อนหนูถูกไอ้พวกอันธพาลนั้นลากตัวไป" หัวใจดวงน้อยเหมือนหยุดเต้นทันทีที่ได้ฟังแบบนั้น
"แป้งปั้น.."
กลุ่มนักศึกษาชายใส่เสื้อช็อปวิศวะฯสีแดงวิ่งมาถึงซอยแคบๆข้างมหาวิทยาลัย และหยุดพักหายใจกัน แต่กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้พวกเขาต้องมองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย
"กูไม่น่ามองเท่าเด็กคนนี้หรอก ใครพามาวะ!" เสียงห้วนจัดดังขึ้น ทั้งห้าคนหันมามองหน้าแป้งปั้นพร้อมกันหนึ่งในนั้นคือบดินทร์ชายหนุ่มขมวดคิ้วจ้องแป้งปั้นอย่างเอาเรื่อง
"วิ่งตามมาทำไมวะเกะกะฉิบหาย" บดินทร์ว่าให้อย่างเหลืออด
"มะ..มีคนกระชากหนูมา" แป้งปั้นพูดขึ้นพลางหันมองทุกคนที่กำลังยืนล้อมเธออยู่ก่อนคนที่กระชากตัวเธอมาด้วยจะแสดงตัว
"กูเผลอกระชากเธอมาเองว่ะ ก็ตอนนั้นแม่งมายืนทำหน้าซื่อบื้ออยู่อะ กูเลยลากมาด้วยเลย"
"เอาไงก็เอานะ กูขอตัวก่อน" บดินทร์หันหลังให้เพื่อนหมายจะเดินออกมาแต่เสียงหนึ่งกลับร้องห้ามไว้ก่อน
"เฮ้ย! อย่ากลับไปทางเดิมดีกว่า กูว่าพวกเหี้ยนั่นไม่ยอมจบแน่"
"แล้วกูต้องกลัวไหม"
"ไม่กลัวแล้ววิ่งหนีทำไมเหรอคะ" แป้งปั้นเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ แต่คำถามนั้นกลับทำบดินทร์รู้สึกรำคาญมากจนต้องเดินกลับมาหาเธอ เขาชักสีหน้าใส่จนแป้งปั้นต้องก้มหน้า
"นั่นสิ..ทำไมไม่จัดการให้จมตีนไปเสียตอนนี้นะ" บดินทร์เอ่ยขึ้นหลังจากจ้องหน้าเด็กสาวมานาน
"ใจเย็นๆ น้องมันยังเด็ก อาจจะยังไม่รู้เรื่อง ปล่อยไปเถอะ"
"เด็กปากดีแบบนี้บางทีก็อยากต่อยเด็กนะ"
"ตะ..ต่อยได้ยังไงคะ หนูเป็นผู้หญิงนะ"
"แล้วไง ไม่ใช่แม่ฉันนิ" บดินทร์ขบกรามแน่น แป้งปั้นสะบัดหน้าไปมาจนปอยผมเปียไปเกี่ยวกับสร้อยคอบดินทร์จังหวะที่เขาหันหลังพอดีทำให้แป้งปั้นถลาไปหาตัวชายหนุ่มอย่างเลี่ยงไม่ได้ เด็กสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บจนเผลอทิ้งกระเป๋าลงกับพื้น เอามือมาประคองผมไว้
"เหี้ยอะไรอีกวะแม่ง!" บดินทร์พูดคำหยาบและดันศีรษะแป้งปั้นออกด้วย ในขณะที่เพื่อนทุกคนยืนมองเขาอย่างยิ้มๆ "ยิ้มเหี้ยอะไร! เอามันออกไปไกลๆตีนกูดิ้!"
"อ๊ะ! นะ..หนูเจ็บผมนะ อย่าถอยหลังได้ไหม" แป้งปั้นจับแขนบดินทร์ไว้แน่นเพื่อไม่ให้เขาดิ้นไปมาเพราะกำลังแกะผมออกอยู่ ยิ่งเขาดิ้นมันยิ่งตึง
กึก
ด้วยความรำคาญทำให้บดินทร์ตัดสินใจกระตุกสร้อยคอแล้วผลักเด็กสาวออกห่างอย่างแรงจนแป้งปั้นล้มก้นจ้ำเบ้า เธอทำหน้าเหยเกและลูบสะโพกตัวเองด้วยความเจ็บ บดินทร์ปรายตามองอย่างเย็นชาแล้วเดินหนีไปหน้าตาเฉย ก่อนที่เพื่อนเขาจะเดินตามไปกันหมด ไม่มีใครสนใจช่วยแป้งปั้นเลยสักคน
"แป้ง!" พริกแกงรีบวิ่งหน้าตั้งมาหาเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เธอพยุงแป้งปั้นขึ้นพลางปัดฝุ่นออกจากชุดนักเรียนให้ด้วย "เป็นยังไงบ้าง มีใครทำอะไรไหม"
"มะ..ไม่มี อ๊ะ! เจ็บหัวตรงนี้จัง" แป้งปั้นก้มศีรษะให้พริกแกงดูให้ ก็ตรงที่ถูกดึงผมนั่นแหละ มันเจ็บแสบๆ
"มันแดงอะเธอ แดงเหมือนถูกจิกหัวเลย"
"เมื่อกี้เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย"
"อุบัติเหตุอะไร อย่าบอกนะว่าถูกพวกนั้นทำร้าย"
"เปล่า ผมเกี่ยวสร้อยคอเขา"
"ใคร"
"คนปากหมา"
บทที่ 1 ไม่ขอเจออีก=ได้เจอพริกแกงทำหน้าเลิ่กลั่กกับคำพูดหยาบคายที่เพิ่งเคยได้ยินเพื่อนพูดออกมาครั้งแรก ก่อนจะรั้งแขนแป้งปั้นเดินออกมาจากตรงนั้น"เจ็บมากไหมเนี่ย ดูสิตรงนี้เขียวหมดแล้ว" พริกแกงปัดเสื้อผ้าแป้งปั้นเบาๆ ก่อนจะดูรอยแผลถลอกจากการล้มให้ "ถ้าพ่อแกรู้จะเป็นยังไงเนี่ย เราสองคนจะไม่ถูกกระทืบใช่ไหม" คนถูกถามถอนหายใจยาวๆอย่างเบื่อหน่าย แค่คิดว่าพ่อจะส่งคนมาคอยติดตามหลังจากนี้ก็รู้สึกหมดสนุกแล้ว"เดี๋ยวแป้งคุยกับพ่อเอง พ่อคงไม่ใจร้ายหรอก""แต่พ่อแกเป็นมาเฟียนะ ไหนจะลุงๆ ทุกคนอีกน่ากลัวกันทั้งนั้นเลย" เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มทำท่าสยดสยองเมื่อนึกถึงบรรดาคุณลุงหน้าหล่อแต่โหดเพื่อนพ่อแป้งปั้น ต่างจากแป้งปั้นที่เอาแต่ก้มหน้าแล้วพ่นลมหายใจออกเบาๆ"แป้งจะไม่ขอเจอคนปากไม่ดีอีก สาธุนะคะอย่าให้ได้เจอเขาอีกเลย" 'ใจร้ายมาก แถมยังปากไม่ดีอีกด้วย!' แป้งปั้นขมวดคิ้วยุ่งเมื่อภาพใบหน้าของบดินทร์ฉายเข้ามาในหัว เธอรีบส่ายหน้าไปมาเบาๆ เพื่อไล่ความคิดบ้าบอนี้ออกจากหัวแล้วรีบพากันกลับไปที่โรงเรียนเหมือนเดิม ไม่นานรถยนต์คันหรูก็เคลื่อนตัวมาจอดเทียบริมฟุตปาธหน้าโรงเรียน"ไปไหนมา" เบิร์ดคือเจ้าของคำถามนั้น เ
บทที่ 2 มีเรื่องบดินทร์กัดฟันกรอด ท่าทางเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก และเมื่อครู่ก็ได้ยินสิ่งที่เธออุทานออกมาชัดเจน บดินทร์วางกีตาร์ตัวโปรดลงแล้วเดินตรงมาหาแป้งปั้น"ว่าใคร!" เสียงห้วนจัดเอ่ยถามเด็กสาวแต่ไม่ทันจะได้รับคำตอบบอดี้การ์ดของแป้งปั้นก็เข้ามาล็อกแขนเขาไว้ทั้งสองข้าง เหตุการณ์เริ่มบานปลายไปเรื่อยๆ แป้งปั้นหน้าถอดสีกับการกระทำอุกอาจของบอดี้การ์ด "ปล่อยกู!" บดินทร์ตะเบ็งเสียงดังลั่นพร้อมสะบัดตัวจนหลุดออกจากพันธนาการ"ถอยไป" การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยท่าทางเอาจริงในขณะที่บดินทร์เองก็มองด้วยสายตาดุดันเอาเรื่องเหมือนกัน"อยากให้ถอยก็บอกคนของมึงขอโทษกูก่อนสิ" บดินทร์ใช้คำหยาบแล้วตวัดสายตาดุดันมองแป้งปั้น เขาไม่จำเป็นต้องถอยเพราะไม่ได้ก่อเรื่องก่อนสักหน่อย หากเธอไม่ด่าเขาคนปากหมาก่อน บดินทร์ปรี่เข้าไปหาแป้งปั้นพร้อมกับคว้าแขนเธอไว้แน่น "ขอโทษมาดิ""คุณ!" บอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่ผลักอกแกร่งออกจนบดินทร์เสียหลักล้มลงกับพื้น เขากัดฟันแน่นแล้วลุกขึ้นมาง้างหมัดต่อยหน้าบอดี้การ์ดแป้งปั้นหนักๆ จนหน้าหันไป แป้งปั้นกรีดร้องเสียงหลงยิ่งทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนที่มาเดินตลาดจับจ่ายซื้อของ ชา
บทที่ 3 เกรี้ยวกราดเสียงร้องไห้ของแป้งปั้นยิ่งทำให้บดินทร์หงุดหงิดใจเข้าไปใหญ่ โอโซนที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบเข้ามาห้ามปรามเพื่อนก่อน แต่ก็แอบแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นเพื่อนโกรธขนาดนี้ เพราะปกติบดินทร์แทบจะไม่สุงสิงกับใครและไม่เคยใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ด้วย"อึก..ฮือ~ แป้งเจ็บ" แป้งปั้นเปล่งเสียงสะอื้นออกมาด้วยความเจ็บ มือเรียวเล็กลูบศีรษะตัวเองเบาๆ จนคนที่เห็นรู้สึกเห็นใจมากๆ ขุนเขาเดินเข้ามายืนตรงหน้าแป้งปั้น เขาทั้งจะยิ้มทั้งจะทำหน้านิ่ง รู้สึกประหม่าไปหมดเพราะไม่เคยปลอบผู้หญิงมาก่อน"อะ..โอ๋ๆ ไม่เจ็บนะ" เขาตัดสินใจยกมือขึ้นมาลูบผมแป้งปั้นเบาๆ เพราะจำได้ว่าตอนเป็นเด็กแม่ก็เคยโอ๋แบบนี้แต่การกระทำของเขากลับทำให้บดินทร์ไม่ชอบใจอย่างมาก"ปัญญาอ่อน แม่ง!" ชายหนุ่มสบถคำหยาบแล้วหันหลังเดินไปเอากระเป๋าสะพายข้างขึ้นมาคล้องบ่าตามด้วยกระเป๋ากีตาร์ตัวโปรดแต่ก่อนจะเดินออกมาก็เหลือบตามองหน้าเพื่อนทุกคนอย่างเบื่อหน่าย"ไปไหนวะ เฮ้ย! ไปไหนโว้ย" ปกป้องทั้งตะโกนเรียกตามหลังทั้งกวักมือเรียกแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากเพื่อนเลย บดินทร์เห็นเขาเป็นธาตุอากาศรึไงกัน "ไอ้นี่ หัวเสียอะไรนักหนาวะเนี่ย" เขาบ่น
บทที่ 4 ลูกชายเดียวบดินทร์เดินอาดๆ ออกมาจากมหาวิทยาลัย เขาตรงไปที่ลานจอดรถ แต่จังหวะนั้นกลับมีรุ่นน้องคนหนึ่งเดินมาชนเขาเต็มๆ จนทำให้กระเป๋ากีต้าร์โปร่งสุดที่รักหล่นลงพื้นอย่างแรง"เดินยังไงวะ ไม่ดูคนเดินสวนมาเลยรึไง""ขะ..ขอโทษค่ะพี่บดินทร์ หนูขอโทษนะคะ""เล่นโทรศัพท์จนไม่มองทาง มันน่า.." เขากำหมัดแน่นแล้วยกกระเป๋ากีต้าร์โปร่งขึ้นมาและได้พบว่าคอกีตาร์หักเสียแล้ว บดินทร์ยืนอึ้งกินกับสิ่งที่เห็น"นะ..หนูจะชดใช้ให้นะคะ""ใสหัวไป ก่อนที่ฉันจะเอากีตาร์ปาดหน้าเธอ" เขากำหมัดแน่นอย่างเดือดดาล หลังจากที่บดินทร์พูดประโยคนั้นออกมารุ่นน้องสาวรีบวิ่งหนีตายทันที"อะ..อ้าวเฮ้ย ทำไมเป็นงี้วะเนี่ย" ขุนเขาที่เดินตามเพื่อนมาเอารถมอเตอร์ไซค์เห็นสภาพกีตาร์ที่บดินทร์ถืออยู่ถึงกับหน้าเหวอไปทันที ในขณะที่บดินทร์ยืนนิ่ง "มึงโอเคไหมวะ""แล้วมึงคิดว่ากูโอเคไหม" บดินทร์ตอบเพื่อนเสียงเรียบก่อนจะพ่นลมหายใจออกหนักๆ "กีตาร์ตัวโปรดที่พ่อกูซื้อให้ก่อนตาย แต่วันนี้มันพังแล้ว" บดินทร์ตัดพ้อเสียงอ่อน เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง"มึงให้กูเอาไปซ้อมให้ไหม ทางผ่านไปบ้านกูพอดีเลยอะ ร้านนั้นซ่อมดีด้วยนะ""ไม่เป
บทที่ 5 เด็กปากดีบดินทร์ขมวดคิ้วเดินเข้ามาหาแม่ที่อยู่ในห้องครัว แต่ก็ต้องคลายสีหน้ากับภาพที่เห็น"มาแล้วเหรอ ไปนั่งรอเลยเดี๋ยวแม่ไปตักข้าวให้" รอยยิ้มบนใบหน้าของแม่ทำให้เขาหลุดยิ้มตามอย่างลืมตัว สายป่านตักเครื่องเคียงข้าวต้มโบราณใส่ถ้วยเล็กๆ มาวางบนโต๊ะตามด้วยข้าวต้มสองถ้วย เธอเลื่อนเก้าอี้นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับลูกชาย "ดินชอบกินกุ้งกับหมูใช่ไหม เอาไปเยอะๆ เลยนะ" รอยยิ้มของแม่ทำให้เช้านี้สดใสขึ้นมาเยอะเลย"แต่แม่ไม่ต้องลำบากทำก็ได้""ให้คนแก่ทำบ้างเถอะ อยู่เฉยๆมันก็เบื่อ ทำแค่กับข้าวไว้รอลูกก็ดีใจแล้ว""ครับ แต่ห้ามทำงานหนักเข้าใจไหม เดี๋ยวผมให้ลุงอเนกมาอยู่ด้วย""ไม่เป็นไรๆ แม่อยู่คนเดียวได้""อย่าดื้อ" บดินทร์ปรายตามองเพียงนิดแล้วตักข้าวต้มใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ สายป่านมองหน้าลูกชายอย่างมีความสุข "อร่อยเหมือนเดิมครับ""กินเยอะๆนะลูก" เธอยิ้มหวานให้ลูกแล้วตักข้าวต้มใส่ปากบ้าง นานๆ ทีจะได้นั่งกินข้าวกับลูกชายสองคน เพราะปกติบดินทร์จะออกไปเรียนแต่เช้าและกลับเข้าบ้านดึก เลยพลาดโอกาสนั่งกินข้าวด้วยกัน"วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่าย เดี๋ยวตอนเย็นจะซื้อขนมตาลร้านที่แม่ชอบมาฝาก""จ้ะ" เธอยิ้มกริ่มแล้วตั
บทที่ 6 ‘พี่ดิน’เสียงรถขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน ห้าหนุ่มที่กำลังนั่งคุยกับแม่บดินทร์อยู่รีบชะเง้อคอมองพร้อมกัน โอโซนยิ้มมุมปากทันทีที่เห็นบดินทร์เดินทำหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามาพรึบ!ถุงลูกชิ้นทอดถูกบดินทร์โยนลงบนโต๊ะตรงกลางโซฟาที่มีเพื่อนเขานั่งล้อมอยู่ สายป่านมองหน้าลูกชายพลางย่นหัวคิ้วเข้าหาหัน"เป็นอะไรไหมลูก" เธออดเป็นห่วงบดินทร์ไม่ได้จนต้องเอ่ยถามออกไป พลางมองหน้าเพื่อนลูกทุกคนด้วย "มานั่งก่อน ค่อยเล่าก็ได้" เธอเขยิบที่ให้ว่างแล้วตบมือลงเบาๆ เป็นการบอกให้ลูกชายนั่งลงข้างๆตัวเอง"ไม่เป็นไรครับ นี่ขนมตาลที่แม่ชอบ เดี๋ยวผมไปเปิดร้านก่อน" ว่าจบบดินทร์ก็เดินอาดๆ ออกมาหน้าบ้านตัวเอง เพราะมีร้านรับซ่อมมอเตอร์ไซค์เล็กๆ อยู่ เมื่อเห็นบดินทร์เดินออกมาแล้วทั้งโอโซนและปกป้องก็รีบตามออกมา ธันวากับปรินก็ด้วย ปล่อยให้ขุนเขาพยุงสายป่านออกมาจากบ้านคนเดียวครืด~เสียงประตูหน้าถังร้านซ่อมเล็กๆ เลื่อนขึ้นเปิดร้าน บดินทร์เดินเข้ามาในร้านพร้อมทั้งเอากล่องเครื่องมือออกมาตั้งไว้กลางร้าน ซึ่งขนาดความกว้างภายในร้านเขาทำให้ยืนทั้งหกคนไม่ได้ โอโซนกับปกป้องจึงต้องถอนออกมายืนพิงกรอบประตู ไม่นานปรินก็เข็นรถมอเตอร์ไ
บทที่ 7 เคยชิน (หอมแก้ม)บดินทร์กำหมัดแน่นเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกหลอก เขาเดินเข้ามาในห้องนอนแล้วโยนโทรศัพท์มือถือไปบนเตียงอย่างไม่ใยดีแล้วกำหมัดเดินไปยืนรอโอโซนหน้าห้องน้ำ รอไม่นานเพื่อนก็เปิดประตูออกมา"เหี้ย! มึงมายืนทำอะไรตรงนี้วะ" โอโซนตกใจจนหน้าเหวอแล้วพ่นลมหายใจออกหนักๆ เขาก้าวออกมาจากห้องน้ำหน้าตาเฉยโดยที่ไม่รู้ว่าบดินทร์กำลังโมโหที่ถูกหลอกให้คุยโทรศัพท์กับแป้งปั้น"มึงให้กูคุยกับยัยปัญญาอ่อนนั่นเหรอ""มึงได้คุยแล้วเหรอวะ" โอโซนเอ่ยถามหน้านิ่ง ยิ่งทำให้บดินทร์รู้สึกไม่พอใจเข้าไปใหญ่ โอโซนยกมือขึ้นห้ามในตอนที่นั่งลงบนเตียงนอน "ใจเย็นๆ กูก็แค่เห็นว่าน้องมันใจกล้าดี น่ารักด้วยเลยขอเบอร์มาเฉยๆ ไม่ได้จะแกล้งมึงเลยนะ""มึงเอาเบอร์กูโทรไปหายัยเด็กผมเปียนั่นน่ะนะ!" บดินทร์ขบกรามแน่น"เออๆ กูขอโทษก็ตอนนั้นกูเมานิ อีกอย่างก็กลัวลืมด้วยเลยเอาโทรศัพท์มึงโทรไปหาน้องเขา""มึงนี่แม่ง.." บดินทร์ทำได้เพียงระงับความโกรธไว้ในใจแล้วเดินออกมาสูบบุหรี่เพื่อระบายอารมณ์ โอโซนยิ้มมุมปากแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ เดินออกมายืนข้างบดินทร์"ขอไฟหน่อย""ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!" บดินทร์ยังหันมาเอ็ดเพื่อนเสียงเข้มแต่
บทที่ 8 เขินบดินทร์ใช้เสียงเชิงตกใจทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นหันมาสนใจเขา ขณะที่แป้งปั้นยืนก้มหน้าด้วยความเขิน ก่อนจะถือโอกาสที่บดินทร์หันไปมองคนอื่นวิ่งเข้ามาในโรงเรียน เธอยืนพิงเสาพลางยกมือขึ้นมาตีปากตัวเองเป็นการลงโทษอีกต่างหาก"แป้งปั้น เธอมันบ้าไปแล้ว ไปหอมแก้มพี่เขาแบบนั้นได้ยังไงกัน ยัยบ้าๆๆ" เด็กสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วแอบมองบดินทร์ที่ยังไม่ทันได้ไปไหน ไม่นานชายหนุ่มก็ขับรถออกไป เธอเห็นสีหน้าตอนที่เขาตกใจอยู่และก็กลัวว่าบดินทร์จะไม่พอใจหลายนาทีต่อมาบดินทร์เดินอาดๆ เข้ามาในห้องเรียนด้วยสีหน้าบึ้งตึงจนเป็นที่สังเกตของเพื่อน โอโซนที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นมามองแล้วเอ่ยถามตรงๆ เป็นการหยอกล้อ"ทำหน้าบึ้งมาแต่ไกลแบบนี้โดนสาวที่ไหนจับไข่มาเหรอครับ""ไข่พ่อมึงสิ""เอ้าไอ้นี่ แล้วไปทำอะไรมา หน้ายับมาแต่เช้าเลย" คำถามของโอโซนทำให้บดินทร์เงียบไป หากตอบไปว่าถูกแป้งปั้นหอมแก้มมาเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ เขาจึงปรายตามองเพื่อนแล้วนั่งลงข้างๆ ขุนเขาที่กำลังจดงานอยู่"ไม่ตอบ แสดงว่าไม่เป็นไร" ปกป้องเปลี่ยนเรื่องคุย "เออ พรุ่งนี้เขามีค่ายอาสานะ อาจารย์บอกว่าให้พวกเราไปกันทุกคนเลย